‘อีลอน มัสก์’ เตือนสหรัฐฯ หนี้ท่วม!!..อาจล้มละลาย เพราะรายได้ภาษีหมดไปกับดอกเบี้ย ปีละ 1.2 ล้านล้าน

(17 มิ.ย. 68) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้เป็นซีอีโอของเทสลา (Tesla) เปิดเผยว่า สหรัฐฯ กำลังใกล้จะล้มละลายทางการเงิน หากภาษีที่จัดเก็บได้จากประชาชนทั้งหมดต้องนำไปจ่ายดอกเบี้ยหนี้เท่านั้น โดยสหรัฐฯ มีหนี้สาธารณะสูงถึงราว 36–37 ล้านล้านดอลลาร์ และต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 43.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสี่ของรายได้ภาษีทั้งหมด 

มัสก์ชี้ว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ภาระดอกเบี้ยจะกลืนกินงบประมาณของรัฐบาลจนไม่มีเงินเหลือไว้ใช้สำหรับสวัสดิการหรือการลงทุนด้านอื่น การจ่ายดอกเบี้ยในระดับนี้ได้กลายเป็น 'ต้นทุนอันดับสาม' ของรัฐบาล รองจากแพ็กเกจสวัสดิการและรายจ่ายทางทหาร 

นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญจาก Peterson Foundation ระบุว่า ความกดดันจากหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นและดอกเบี้ยที่เพิ่ม จะส่งผลลบต่อทั้งเสถียรภาพเศรษฐกิจ การลงทุนของภาคเอกชน และการเข้าไม่ถึงทุนของรัฐบาลกลาง รวมถึงอาจเข้าใกล้ช่วง 'วิกฤตสภาพคล่อง' หากนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดความเชื่อมั่นจนความต้องการพันธบัตรลดลง 

ทั้งนี้ อีลอน มัสก์ สนับสนุนแนวคิดของวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดัง ที่เคยเสนอให้มีกฎหมายควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยเฉพาะการห้ามไม่ให้สมาชิกรัฐสภาดำเนินนโยบายที่ทำให้เกิด การขาดดุลงบประมาณเกิน 3% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับที่ถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ มัสก์เห็นว่าแนวทางนี้จะช่วยเพิ่มความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจในการใช้งบประมาณแผ่นดิน และเตือนว่าหากไม่มีการควบคุมการใช้จ่ายอย่างจริงจัง สหรัฐฯ กำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะ 'ล้มละลายโดยสมบูรณ์' ซึ่งจะทำให้ไม่เหลือพื้นที่ทางการคลังหรือทรัพยากรใด ๆ ให้บริหารประเทศในอนาคตอีกต่อไป