Saturday, 4 May 2024
Tesla

อีลอน มัสก์’ ซีอีโอเทสลา เยือนโรงงานในเซี่ยงไฮ้ เล็งขยายโรงงานผลิตเพิ่มต่อเนื่อง ตอกย้ำประสิทธิภาพ

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัว, เซี่ยงไฮ้ รายงานว่า ‘อีลอน มัสก์’ ซีอีโอเทสลา (Tesla) ได้เดินทางเยือนโรงงานเทสลา เซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ในเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (1 มิ.ย.) โดยเขาได้ชื่นชมประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตของโรงงาน

มัสก์แสดงความยินดีกับทีมจีนสำหรับผลการปฏิบัติงานอันยอดเยี่ยม และพลังงานเชิงบวกในการทำงานต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง โดยเขากล่าวว่าเป็นเรื่องน่าประทับใจอย่างมากที่ทุกคนสามารถเอาชนะสารพัดอุปสรรคความยากลำบากและความท้าทาย

“รถยนต์ที่ผลิตจากที่นี่ ไม่เพียงมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ยังมีคุณภาพสูงสุดอีกด้วย” มัสก์ กล่าว

อนึ่ง โรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ถือเป็น ‘ต้นแบบ’ ของโรงงานเทสลาแห่งอื่นๆ ทั่วโลก เช่น เบอร์ลิน กิกะแฟคทอรี และเท็กซัส กิกะแฟคทอรี ซึ่งเปิดทำการปีก่อน และ ‘ทำสำเนา’ ประสิทธิภาพและอิทธิพลทางอุตสาหกรรมระดับโลกของโรงงานในจีน

โรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ซึ่งก่อตั้งปี 2019 จัดเป็นโรงงานกิกะแฟกทอรีนอกสหรัฐฯ แห่งแรกของเทสลา ที่ได้ส่งมอบรถยนต์ 710,000 คันในปี 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากปี 2021

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน เทสลาประกาศแผนการก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่แห่งใหม่ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะมุ่งผลิต ‘เมกะแพ็ก’ (Megapack) ผลิตภัณฑ์จัดเก็บพลังงานของเทสลา

รายงานระบุว่า โรงงานแห่งใหม่มีกำหนดเริ่มต้นก่อสร้างในไตรมาสสาม (กรกฎาคม-กันยายน) ของปีนี้ และจะเริ่มต้นการผลิตในไตรมาสสอง (เมษายน-มิถุนายน) ของปี 2024

 

TESLA Model 3 ประกาศปรับราคาลง เริ่มต้นที่ 1,659,000 บาท  พร้อมฟรีประกันชั้น 1 สั่งซื้อผ่านออนไลน์ รับรถได้ ภายในเดือนนี้

Tesla Model 3 ประกาศปรับลดราคาอย่างเป็นทางการ (นำเข้า CBU จากประเทศจีน) โดยบริษัทแม่ Tesla Official (Thailand)
Model 3 Rear-Wheel Drive    ส่วนลด 100,000 บาท  เริ่มต้น    1,659,000 บาท
Model 3 Long Range AWD     ส่วนลด 120,000 บาท  เริ่มต้น     1,879,000 บาท
Model 3 Performance AWD  ส่วนลด 250,000 บาท  เริ่มต้น   2,059,000 บาท

โดยมีเงื่อนไขรับรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2023 นี้ พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 เมื่อจัดไฟแนนซ์ กับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ
(ทิสโก้, กรุงศรีฯ, เกียรตินาคิน, กสิกรไทย)

โดยผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อผ่านทาง website : https://www.tesla.com/th_TH หรือ TESLA Center แห่งแรกในไทย The Paseo รามคำแหง

‘อ.เจษฎา’ ตัดมุมความเชื่อ เปิดมุมวิทยาศาสตร์  ทำไม ‘รถเทสลา’ ถึงตรวจเห็น ‘ผี’ ในสุสานได้

(17 ต.ค. 66) ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มุมมองทางวิทยาศาสตร์ ถึงไวรัลในโลกออนไลน์ ผ่านทางเพจ ‘อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์’ ความว่า “ทำไมรถเทสลา ถึงตรวจเห็น ‘ผี’ ในสุสานได้?”

มีรายงานข่าวถึงคลิปติ๊กต๊อกที่กำลังเป็นไวรัล จากการที่มีคนไปขับรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อ Tesla วิ่งวนรอบเมรุเผาศพ แล้วเซ็นเซอร์ของรถตรวจเจอ ‘วัตถุบางอย่าง’ ลักษณะคล้ายคน ปรากฏอยู่ข้างๆ ตัวรถ !?… มันเป็นผี หรือเป็นความผิดปรกติของรถกันแน่ครับ?

โดยผู้ใช้ติ๊กต็อก ชื่อว่า @aunnyc โพสต์คลิป ‘Tesล่าท้าผี’ โดยเธอขับเก๋งไฟฟ้าเทสล่า เข้าไปวนรอบเมรุ ณ วัดแห่งหนึ่ง จากคลิปจะเห็นว่า ระบบ Tesla Vision เทคโนโลยีเฉพาะรถยนต์เทสล่า ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุรอบคันรถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ขึ้นโชว์ว่ามี ‘วัตถุบางอย่าง’ ลักษณะคล้ายคน ปรากฏอยู่ข้างๆ ตัวรถ ซึ่งเธอยืนยันว่า ไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น และไม่มีการจัดฉากใดๆ ทั้งสิ้น

เรื่อง “‘รถเทสลา’ ตรวจจับวัตถุคล้ายคนได้ ทั้งที่ไม่ได้มีคนยืนอยู่ตรงนั้น” แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีรายงานข่าวและคลิปวิดีโอทำนองนี้ในต่างประเทศมาหลายครั้งแล้ว และหลายปีแล้วด้วยตั้งแต่ที่รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อเทสลากลายเป็นที่นิยมใช้กันมาก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา และก็มีคนเอาไปลองวิ่งตามสุสาน ตามสถานที่แปลกๆ เผื่อจะตรวจจับ ‘วัตถุลึกลับคล้ายคน’ กันได้

ที่เป็นเช่นนี้ได้นั้น ถ้าตัดความเชื่อเรื่องที่ ‘มีผีวิญญาณเฝ้าสุสาน แล้วรถเทสลามีตาทิพย์มองเห็นได้’ ออกไปแล้วนั้น ก็อาจเป็นไปได้ว่ารถคันนั้นมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับระบบ Tesla Vision ของรถ ซึ่งประกอบด้วยกล้อง 8 ตัวและเซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว

อาจมีอะไรเสียแล้วทำงานผิดพลาด หรือถ้าเซนเซอร์ปกติดี อาจเกิดจากตัวของโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ใช้ประกอบนั้น เกิดความผิดพลาดในการตรวจจับขึ้นได้

และคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้มาก ก็คือ ปัญหา ‘ผลบวกปลอม’ หรือ ‘ฟอลส์โพสิทีพ’ (False Positive) ซึ่งหมายถึงการที่รถตรวจเจอสิ่งกีดขวางอันตรายทั้งที่มันไม่ได้มีอยู่ รถอาจจะตรวจจับวัตถุอะไรแถวนั้นที่กล้องมองเห็น เช่น ดอกไม้ พุ่มไม้ ป้ายหลุมศพ ฯลฯ แล้วตีความว่าเป็นสิ่งกีดขวางอันตราย

ระบบป้องกันการชนของรถเทสลานั้น ทำงานด้วยการใช้ทั้งเซนเซอร์และกล้องร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์ว่ามีอะไรอยู่รอบรถบ้าง ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปยังจอภาพในห้องโดยสาร ซึ่งจะแสดงเป็นภาพกราฟิกขึ้นมา แต่ไม่ใช้ภาพวิดีโอของสิ่งที่กล้องเห็นจริง

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่เกิดความผิดพลาดขึ้นในการแสดงผล เช่น แสดงหลุมศพ ด้วยภาพกราฟิกของ ‘คนเดินถนน’

ในคู่มือผู้ใช้ของรถเทสลาเอง ก็มีการแนะนำไว้เกี่ยวกับระบบป้องกันการชนของรถว่า “มีหลายปัจจัยที่สามารถลดประสิทธิภาพของระบบหรือทำให้ระบบผิดพลาดได้ และนำไปสู่การเตือนการชน ทั้งแบบที่ไม่จำเป็น เตือนผิด หรือไม่แม่นยำ”

ซึ่งในแง่ของ ‘ความปลอดภัย’ แล้ว การที่รถที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ (Auto pilot) อย่าง เทสลา นั้น แสดงผลการตรวจจับผิดปรกติแบบ ‘ผลบวกปลอม’ ย่อมดีกว่าการที่มันแสดงผลแบบ ‘ผลลบปลอม’ (หมายถึง รถตรวจไม่เจอสิ่งกีดขวางอันตราย ทั้งที่มันมีอยู่จริง)

ตัวอย่างเช่น มันย่อมจะดีกว่า ที่จะเตือนผิดว่ามีเด็กวิ่งลงมาที่ถนน (ทั้งที่ไม่มี) ดีกว่าที่จะตรวจไม่เจอว่าจริงๆ แล้วมีเด็กอยู่บนถนน

ดังนั้น ‘อัลกอริทึม’ (algorithm) ของซอฟต์แวร์ที่ใช้ในรถ จึงมีแนวโน้มที่จะทำการตรวจจับแบบเซนซิทีฟให้มากไว้ก่อน ยอมที่จะตรวจผิดแบบเจอผลบวกปลอม ดีกว่าจะผิดแบบผลลบปลอม

แต่การที่รถมีผลบวกปลอม ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะมันจะเกิดปัญหาอันตรายตามมา กับรถที่สามารถ ‘เบรกเองได้’ อย่างไม่คาดคิดและทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันได้ อย่างที่บริษัทเทสลาเอง โดนฟ้องร้องต่อศาล ที่รัฐอิลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จากข้อหาที่ว่ารถมีความผิดปรกติ จนทำให้เกิดการเตือนการชนด้านหน้า ‘แบบผลบวกปลอม’ ขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะนำไปสู่อันตรายได้ และก็ทำให้เทสลาเคยเรียกรถบางคันคืนไปแก้ อันเนื่องจากมันเซนซิทีฟเกินไปจนเกิดปัญหา ‘เบรกเอง จากผลบวกปลอม’ ขึ้น

ถ้าผู้ใช้รถเทสลาท่านใด เจออาการผิดปกติแบบ ‘ตรวจเจอผี’ เช่นนี้ ควรเอารถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรถของท่านว่ามีอะไรผิดปกติกับระบบเซ็นเซอร์ของรถหรือไม่ หรืออาจใช้วิธี ‘การรีบูต’ (Reboot) ซอฟต์แวร์ระบบออโต้ไพล็อตของรถ เผื่อสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ (รถเทสลาบางรุ่น เช่น Model X และ Model S จะใช้วิธีกดปุ่ม Scroll wheel ทั้งสองอันบนพวงมาลัย ค้างไว้ เพื่อรีบูต ซึ่งจะทำให้จอทัชสกรีนของรถดับลง แล้วสตาร์ตใหม่ในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น)

สรุปก็คือ ในทางวิทยาศาสตร์นั้น การที่รถสมัยใหม่ที่มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางอันตราย อย่างเทสลา แจ้งเตือน ‘ผี’ ได้ เป็นผลจากความผิดปกติของระบบเซ็นเซอร์และซอฟต์แวร์ที่มีแนวโน้มจะเซนซิทีฟและให้ ‘ผลบวกปลอม’ ได้ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่บริเวณ… แต่ต้องระวังปัญหาอื่นที่อาจเกิดขึ้นตามมา เช่น การเบรกเองอัตโนมัติเนื่องจากตรวจจับผิดพลาด

‘เทสล่า’ ชนะคดี หลังถูกฟ้องเรียกเงิน 400 ล้านดอลลาร์ ปม ‘ระบบขับขี่อัตโนมัติ’ ทำงานพลาดจนคนขับเสียชีวิต

(1 พ.ย.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เทสล่า (Tesla) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชนะคดีที่เหยื่อในอุบัติเหตุฟ้องร้องว่าระบบขับขี่อัตโนมัติ หรือ ออโต้ไพลอต (Autopilot) ในรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า ได้หักพวงมาลัยเองบนทางหลวง ที่ความเร็ว 105 กม./ซม. ทำให้รถพุ่งชนต้นไม้ข้างทางและเกิดเพลิงไหม้ ขณะที่คนขับยังอยู่ในรถและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้โดยสาร 2 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส 

โดยอุบัติเหตุรถชนที่เชื่อว่าเกิดจากระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autopilot) ส่งผลให้ ไมคาห์ ลี (คนขับ) เสียชีวิต ตามเอกสารของศาลระบุ การพิจารณาคดีเกี่ยวข้องกับคำให้การเกี่ยวกับการบาดเจ็บของผู้โดยสารและโจทก์ได้ขอให้คณะลูกขุนเรียกเงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ บวกค่าเสียหายเชิงลงโทษ

เหตุการณ์นี้ทำให้เทสล่า ปฏิเสธความรับผิด โดยกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขึ้นรถ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ยังแย้งว่ายังไม่ชัดเจนว่าระบบ Autopilot ทำงานอยู่ในเวลาที่เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ และคณะลูกขุนเองก็ตรวจสอบแล้วว่า รถคันดังกล่าวไม่ได้มีข้อผิดพลาดในการผลิต เรื่องนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อสงสัยที่เกิดขึ้นกับระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autopilot) การชนะคดีครั้งนี้ทำให้เทสล่าสามารถยืนกรานคำพูดของตัวเองได้ว่าระบบ ‘ไม่มีข้อบกพร่อง’

คณะลูกขุน กล่าวกับสำนักข่าวว่า หลังคำตัดสินว่าพวกเขาเชื่อว่าเทสล่าเตือนผู้ขับขี่เกี่ยวกับระบบของมันแล้ว และโทษว่าคนขับเสียสมาธิเอง อย่างไรก็ตาม เทสล่ากำลังเผชิญกับการสอบสวนทางกฎหมายโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ จากการอ้างว่ายานพาหนะของตนสามารถขับเองได้

นอกจากนี้ หน่วยงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ ยังได้ตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ หลังจากตรวจพบการชนมากกว่าสิบครั้ง แม้รถคันอื่นจะจอดอยู่เฉยๆ ก็ตาม 

‘Tesla’ เรียกคืนรถกว่า 2 ล้านคันในสหรัฐฯ หลังพบข้อบกพร่องของระบบ ‘Autopilot’

(14 ธ.ค.66) รอยเตอร์ รายงานว่า เทสลา บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เรียกคืนรถยนต์เทสลามากกว่า 2 ล้านคัน หลังจากหน่วยงานความปลอดภัยทางหลวงของสหรัฐ (เอ็นเอชทีเอสเอ) พบว่าระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือ ออโต้ไพลอต มีข้อบกพร่องบางส่วน

การเรียกคืนดังกล่าว มีผลกับเทสลาเกือบทุกคันที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่เปิดตัวด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ หรือ Auto pilot ในปี 2558 รายงานระบุด้วยว่า หน่วยงานความปลอดภัยทางหลวง ใช้เวลา 2 ปี ในการตรวจสอบเหตุเทสลาชนจำนวน 956 คัน เกิดขึ้นเมื่อใช้เทคโนโลยีออโตไพลอต

โดยเทสลาเตรียมจะเรียกคืนรถยนต์ 193,000 คันในแคนาดา หลังจากเรียกคืนรถยนต์ในสหรัฐ

“เทคโนโลยีอัตโนมัติถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ดีในการปรับปรุงความปลอดภัยของต่อเมื่อใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบเท่านั้น” หน่วยงานความปลอดภัยทางหลวงระบุในแถลงการณ์ พร้อมเสริมว่าจะตรวจสอบซอฟต์แวร์ของเทสลาต่อไปเมื่อมีการอัปเดต

ขณะเดียวกันเทสลาไม่เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของหน่วยงานความปลอดภัยทางหลวง แต่ตกลงที่จะเพิ่มคุณสมบัติใหม่เพื่อแก้ไขข้อกังวล รวมทั้งตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดใช้คุณสมบัติการขับขี่ด้วยตนเอง

การเรียกคืนครั้งนี้เกิดขึ้น หนึ่งสัปดาห์หลังจากอดีตพนักงานของ Tesla บอกกับ BBC ว่าเขาเชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าวไม่ปลอดภัย

'สังคมออนไลน์' ยกนิ้ว!! 'BYD-CHANGAN-Tesla' แบรนด์รถยนต์ EV มาแรงที่สุดในโซเชียลไทย

(27 ธ.ค.66) ตลาดรถ EV มาแรง ดาต้าเซ็ต เจาะข้อมูลในโซเชียลมีเดีย พบคนไทยพูดถึงรถ EV คึกคักรับเทรนด์คนยุคใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พบ 3 แบรนด์ดังได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ BYD, CHANGAN และ Tesla โดยมีการกล่าวถึง (Mention) และ เอ็นเกจเมนต์ (Engagement) มากที่สุด

ปัจจุบันความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ในไทยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2566 จากข้อมูลของรอยเตอร์พบว่าไทยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับงาน Motor Expo 2023 ครั้งที่ 20 พบว่ายอดจองรถยนต์ EV ถล่มทลายมาก โดยเฉพาะ BYD ที่เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนซึ่งมียอดจองสูงเป็นอันดับ 1 ในงาน

ทั้งนี้ บริษัท ดาต้าเซ็ต จึงได้ใช้เครื่องมือ DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) เก็บข้อมูลบน Social Media ระหว่างวันที่ 15 พ.ย.- 16 ธ.ค. 2566 เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีการพูดถึงบนสังคมออนไลน์ว่าสอดคล้องกับแบรนด์รถที่มียอดจองสูงจากงาน Motor Expo 2023 หรือไม่

เมื่อพิจารณาข้อมูลจาก Social Media ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดใน 3 อันดับแรกจะมีความสอดคล้องกับยอด Engagement ที่ทางแบรนด์ได้รับ ซึ่งใน 3 อันดับ เป็นแบรนด์จากรถยนต์ EV ทั้งหมด โดยอันดับหนึ่ง คือแบรนด์ BYD มีการถูกกล่าวถึง (Mention) และมียอด Engagement มากที่สุด รองลงมาเป็นแบรนด์น้องใหม่ Changan และสุดท้าย คือแบรนด์ Tesla เป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ

>> 10 แบรนด์ที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด (By Mention)

1. BYD 19.6%
2. CHANGAN 14.7%
3. Tesla 11.6%
4. AION 10.3%
5. GWM 9.2%
6. MG 8.4%
7. NETA 7.8%
8. Hyundai 7.5%
9. Honda 3.0%
10. อื่น ๆ 7.9%

>> 10 แบรนด์ที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด (By Engagement)

1. BYD 22.3%
2. CHANGAN 17.3%
3. Tesla 12.8%
4. Honda 9.4%
5. AION 7.7%
6. NETA 6.1%
7. GWM 5.4%
8. MG 4.4%
9. Hyundai 3.7%
10. อื่น ๆ 10.9%

>> Top 3 แบรนด์รถไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจสูงสุด

BYD เรียกได้ว่าเป็นที่ฮือฮาในสังคมออนไลน์หลังจาก แบรนด์ BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีนได้ทำการปล่อยคลิปสาธิตโหมด ‘Emergency Float Mode’ ที่จะเป็นโหมดที่ตัวรถจะทำการขับบนผิวน้ำได้แบบอัตโนมัติ เมื่อรถตกน้ำ และจะพาผู้โดยสารในรถกลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย โดยจะเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่จะมาในรถ SUV ไฟฟ้า ตัว Top ของทางแบรนด์อย่าง YangWang U8 ที่เปิดตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ความคิดเห็นส่วนใหญ่ชื่นชมการพัฒนาเทคโนโลยี และตื่นเต้นกับฟีเจอร์ดังกล่าวพร้อมทั้งรอติดตามที่จะได้เห็นการเทสฟีเจอร์นี้จากประสบการณ์ผู้ใช้จริง

CHANGAN รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอีกแบรนด์หนึ่งที่กำลังมาแรงไม่แพ้ BYD เห็นได้จากการเอ็นเกจกับคอนเทนต์ ‘รีวิวเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นใหม่จากฉางอัน’ ที่เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา จาก YouTube Account Autilifethailand Official ที่ได้การเอ็นเกจสูงสุด และกวาดยอดวิวไปกว่า 340K แสดงให้เห็นความเป็นที่นิยม เนื่องจากโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีและความแรงของรถที่ขับเคลื่อนกำลังสูงสุด 190 kW เทียบเท่า 258 แรงม้า นอกจากนั้นฉางอันยังตีตลาดไทยด้วยเรื่องของความคุ้มค่า โดยการมอบสิทธิพิเศษ มูลค่ารวมกว่า 250,000 บาท เช่น ฟรีประกันภัยชั้น 1, รับประกันแบตเตอรี่และบำรุงรักษาฟรี นาน 8 ปี, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 8 ปี, ฟรีที่ชาร์จรถที่บ้าน และอื่น ๆ

Tesla แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายุโรปที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ คงไม่พ้น Tesla โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมาจากโพสต์เด่นพบการเปิดตัว Cybertruck หรือ รถกระบะไฟฟ้ารุ่นแรกของ Tesla สิ่งที่น่าสนใจในรถยนต์รุ่นนี้ก็คือฟีเจอร์ Powershare ที่ทำให้สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับรถคันอื่นหรือบ้านได้สูงสุด 9.6kW ความคิดเห็นต่างให้ความสนใจฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นอย่างมากจึงได้รับฉายาในโซเชียลมีเดียว่า ‘พาวเวอร์แบงค์เคลื่อนที่’ โดยโพสต์ดังกล่าวได้รับ Engagement สูงกว่า 7,428 ครั้ง

>> ส่องความคิดเห็นใน Social Media

จากภาพรวมเสียงสะท้อนของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์ EV และรถยนต์สันดาปนั้น พบว่าปัจจุบันเสียงส่วนใหญ่มีแนวโน้มไปในทิศทางเชิงบวกต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้พบว่าเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกซื้อรถยนต์ EV ได้แก่

1. ความคุ้มค่าและความประหยัด
2. ดีไซน์ของรถที่มีความทันสมัย
3. เทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือ AI ของตัวรถ
4. ลดมลพิษทางอากาศ

แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคบางส่วนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับรถยนต์ EV ในด้านต่าง ๆ เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป ได้แก่

1. ปัญหาแบตเตอรี่
2. ความเพียงพอของสถานีชาร์จ
3. คุณภาพการใช้งาน
4. ราคาของประกันรถที่อาจแพงกว่ารถยนต์สันดาป

จากแบรนด์รถยนต์ EV ของ BYD ที่มีการกล่าวถึง (Mention) และยอด Engagement มากที่สุดเป็นอันดับ 1 พบว่า เหตุผลส่วนใหญ่ที่คนเลือกใช้รถยนต์ BYD จะสอดคล้องกับเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ที่คนเลือกใช้รถยนต์ EV ทั้งในเรื่องของดีไซน์รถ และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งนวัตกรรมด้านความปลอดภัยและความบันเทิง และยังเพิ่มความสามารถที่ทำให้ผู้คนสามารถนอนหลับบนรถได้ สุดท้ายในเรื่องของราคาที่มีความหลากหลายสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง

>> ยักษ์ใหญ่ไอทีจีนลงเล่นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

รู้หรือไม่? แบรนด์เทคโนโลยี 2 เจ้าดังของจีน ก็ได้มาเล่นตลาดรถอีวีด้วย อย่าง Xiaomi ล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถ รุ่น SU 7 และ Huawei ร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ Chery Auto เปิดตัว S7 ภายใต้แบรนด์ Luxeed

ทั้งนี้ ความต้องการรถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคนั้นได้สร้างความสะเทือนให้กับผู้ผลิตรถยนต์สันดาปเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดจากสถิติของ Forbes ที่เผยยอดการผลิตรถยนต์สันดาปในปี 2566 เทียบกับปี 2565 นั้นลดลงถึง 8% ผู้ผลิตหลายรายหันมาผลิตรถ EV กันมากขึ้น ล่าสุดทางแบรนด์รถยนต์จากค่ายใหญ่ เช่น Honda และ Toyota ก็ได้เริ่มมีการผลิตรถยนต์ EV ออกมา โดยทาง Honda ได้ออกรถยนต์ EV คือ รุ่น e:N1 และ ทาง Toyota คือ รุ่น bZ4X ซึ่งจากทาง 2 ค่ายใหญ่ที่ได้มีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การเลือกซื้อรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค จึงคาดว่าแนวโน้มในอนาคตจะมีการผลิตรถยนต์ EV เพิ่มมากขึ้นจากทั้งหลายแบรนด์ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้เองทางรัฐบาลไทยจึงมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมผ่าน DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด (dataxet:infoquest) โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 15 พ.ย. - 16 ธ.ค. 2566

'เทสลา' ถูก BYD แซงหน้าคว้าแท่นผู้ผลิตรถอีวีรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ยังคงรักษาบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถอีวีแบบรายปีอยู่

(3 ม.ค.67) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสหรัฐฯ สูญเสียบัลลังก์ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรายใหญ่ที่สุดของโลกให้แก่ BYD บริษัทสัญชาติจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากตัวเลขยอดขายที่เผยแพร่ในวันอังคาร (2 ม.ค.)

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติสหรัฐฯ ที่บริหารงานโดยอภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ส่งมอบรถยนต์ 484,507 คัน ในไตรมาส 4 ของปี 2023 อ้างอิงจากเอกสารของทางบริษัท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านั้นมากกว่า 11%

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่มากพอที่จะช่วยรักษาบัลลังก์ของเทสลา ในฐานะผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากขณะเดียวกันทาง BYD คู่แข่งจากจีน ในวันจันทร์ (1 ม.ค.) รายงานว่ามียอดขาย 526,409 คัน ในช่วงเวลาเดียวกัน

ตัวเลขดังกล่าวเป็นการตอกย้ำความท้าทายต่างๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่า ทางเทสลาจะต้องเผชิญในปีนี้ จากบรรดาคู่แข่งทั้งหลายที่กระตือรือร้นแสวงหาผลประโยชน์จากอุปสงค์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของตลาดรถอีวี

หุ้นของเทสลาดิ่งลงทันทีหลังข่าวนี้ถูกแจ้งออกมา ก่อนฟื้นตัวขึ้นมาปิดลบไม่มากนัก

นอกเหนือจากเอาชนะเทสลา ในยอดขายรถไฟฟ้าล้วนแล้ว ทาง BYD ยังขายรถไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดอีกมากกว่า 400,000 คัน ในไตรมาส 4 และโดยรวมแล้ว พวกเขามียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมากกว่า 3 ล้านคันในปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เทสลายังคงรักษาบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถอีวีในแง่ของรายปี โดยมีการส่งมอบรถยนต์มากกว่า 1.8 ล้านคันแก่ลูกค้าในช่วงต้นปีจนถึงเดือนธันวาคม ในขณะที่ตัวเลขยอดขายของ BYD ตลอดทั้งปี มีไม่ถึง 1.6 ล้านคัน

‘เทสลา’ จ่อเรียกคืนรถยนต์หลายรุ่นกว่า 1.6 ล้านคัน ในจีน หลังพบซอฟต์แวร์มีปัญหา หวั่นกระทบระบบช่วยขับขี่-ล็อกรถยนต์

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 67 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ‘เทสลา’ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังของนายอีลอน มัสก์ เตรียมที่จะเรียกคืนรถยนต์จำนวนกว่า 1.6 ล้านคัน ในจีน ตามรายงานของสำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งชาติจีน (เอสเอเอ็มอาร์) เมื่อวันที่ 5 มกราคม หลังพบปัญหาที่ซอฟต์แวร์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายขณะขับขี่รถยนต์

การเรียกคืนดังกล่าว ซึ่งมีสาเหตุมาจากการพบปัญหาที่ระบบช่วยขับขี่และระบบล็อกรถยนต์ จะดำเนินการผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์รถยนต์ ผ่านระบบทางอากาศระยะไกล (over-the-air: OTA)

เอสเอเอ็มอาร์ ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ผ่านทางออนไลน์ว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมีการเรียกคืนรถยนต์เทสลาจำนวนทั้งสิ้น 1,610,105 คัน รุ่น Model S, Model X และ Model 3 ที่ถูกนำเข้ามาในประเทศ และรถยนต์รุ่น Model 3 และ Model Y ที่ถูกผลิตในประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม 2014 และ 20 ธันวาคม 2023”

ทางหน่วยงานยังให้คำแนะนำแก่เจ้าของรถยนต์ที่เข้าข่ายจะถูกเรียกคืนว่า หากระบบช่วยเหลือพวงมาลัยอัตโนมัติถูกเปิดขึ้น ผู้ขับขี่อาจใช้งานฟังก์ชันช่วยขับขี่ระดับ 2 รวมกันในทางที่ผิด ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและอันตรายได้

นอกจากนั้นแล้ว การเรียกคืนรถยนต์ดังกล่าวยังรวมถึงรถยนต์เทสลาที่ถูกนำเข้าจำนวน 7,538 คัน ที่ถูกผลิตระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม 2022-16 พฤศจิกายน 2023 หลังพบปัญหาที่ระบบควบคุมการล็อกรถอีกด้วย

‘โรบินสัน’ ผนึก ‘Tesla’ จัดทำ Supercharger ในภาคเหนือ รับเทรนด์ตลาด EV เติบโต มุ่งสู่องค์กรต้นแบบค้าปลีกสีเขียว

(21 ม.ค. 67) เข้าสู่ตลาดรถไฟฟ้าที่มีการเติบโตแรงเป็นทางเลือกของผู้บริโภค ทำให้ค้าปลีกไทยต่างมีการติดตั้ง สถานีชาร์จไว้รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแทบทุกพื้นที่แล้ว รวมถึง ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมจัดบริการจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Supercharger ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ กำแพงเพชร เป็นสาขาแรกในภาคเหนือ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางทางภาคเหนือตอนล่างในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานรถไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว

‘Supercharger’ เป็นความร่วมมือกับ เทสลา (Tesla) ได้ติดตั้งอยู่บริเวณลานจอดรถภายในศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ กำแพงเพชร จำนวนทั้งสิ้น 8 หัวชาร์จ ประกอบด้วย ประเภท CCS2 DC รองรับการจ่ายกำลังไฟฟ้าได้สูงสุด 250 กิโลวัตต์ จำนวน 6 หัวชาร์จ และประเภท AC รองรับการจ่ายกำลังไฟฟ้าได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ จำนวน 2 หัวชาร์จ

ทั้งนี้ ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าได้รับความสะดวก รวมถึงสามารถตรวจสอบความพร้อมของสถานี Supercharger และตรวจสอบสถานะการชาร์จ ผ่านแอปพลิเคชัน Tesla ได้

“การติดตั้ง สถานี Supercharger ในศูนย์การค้าครั้งนี้ สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคปัจจุบันที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกพบว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2566 มีสัดส่วนการเติบโตกว่า 399.05%”

แผนในระยะต่อไป ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ มีแผนร่วมมือกับ Tesla เพื่อจัดทำ Supercharger ในสาขาอื่น ๆ ต่อไป โดยเป็นไปตามแนวทางองค์กรที่วางไว้ ‘A Lifestyle Community for All Living’

ทั้งนี้ มีความสอดคล้องกับแผนโรดแมป ภารกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ของ เซ็นทรัล รีเทล ในการเป็นองค์กรต้นแบบค้าปลีกสีเขียว Green & Sustainable Retail ร่วมสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

‘เทสลา ไทยแลนด์’ เปิดให้บริการ ‘ซ่อมรถถึงบ้าน’ นัดช่างผ่าน Mobile Service ไม่เสียเวลานำรถเข้าศูนย์

เมื่อวานนี้ (1 ก.พ. 67) Tesla ประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า Tesla ได้เปิดตัวบริการ Mobile Service สำหรับการบริการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าถึงหน้าบ้านแบบ On-Site เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้การจะจองบริการของ Tesla จะต้องเรียกใช้ผ่านแอป Tesla โดยคุณจะสามารถกำหนดเวลา เปลี่ยนแปลง และยกเลิกการนัดหมายเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับการเข้าศูนย์บริการที่มีเพียงแห่งเดียวและไม่มีเวลาว่างเข้าไปที่ศูนย์

ทั้งนี้ Tesla ประเทศไทยได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการดังกล่าวว่า “ตอนนี้ Tesla ประเทศไทยมีบริการจากเรา เพื่อทุกความสะดวกสบายถึงหน้าบ้านคุณ ช่างมืออาชีพของ Tesla พร้อมอุปกรณ์และอะไหล่ครบครันพร้อมที่จะเข้าให้บริการ ณ สถานที่และเวลาตามนัดหมายไว้ ไม่ว่าจะตรวจสอบสภาพรถยนต์หรือการบำรุงรักษาขั้นพื้นฐาน”

อย่างไรก็ตามต้องมาติดตามกันว่า Tesla จะขยายศูนย์ให้บริการหรือมอบบริการอะไรใหม่ ๆ ให้กับผู้ขับขี่ในประเทศไทยเพิ่มเติมอีกบ้าง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top