Sunday, 19 May 2024
Region

‘ผกก.สภ.เมืองนราฯ’ นำเจ้าหน้าที่ รุดเยี่ยมช่วยเหลือเร่งด่วน ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

นราธิวาส-...เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการตำรวจจิตอาสาหลายนาย รุดลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อเข้าไปเยี่ยมเยียน และช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนใน หมู่ 1 หมู่ 10 และหมู่ 11 .ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังอย่างหนักหลายพันครัวเรือน

ร่วมกันจัดกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้นำถุงยังชีพมอบให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ดังกล่าว มอบข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และขนมปัง จำนวน 80 ชุด เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และบรรเทาทุกข์เบื้องต้น

‘สโมสรไลออนส์’ จัดการประชุมใหญ่ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 56 แบบ New Normal เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ

(1 มี..65) เชียงใหม่- โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่ ไลออน ประพันธ์ มานวธงชัย ประธานคณะกรรมการจัดการประชุมใหญ่ ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 56 จังหวัดเชียงใหม่ ประธานการแถลงข่าวการจัดงานประชุมใหญ่ไลออนสากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 56 แบบ New Normal เขียงใหม่เป็นเจ้าภาพ

ไลออน ประพันธ์ มานวธงชัย ประธานคณะกรรมการจัดการประชุมใหญ่ ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 56 จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามธรรมนูญและข้อบังคับของสมาคมสโมสรไลออนส์สากล ได้กำหนดให้จัดการประชุมใหญ่ เป็นประจำทุกปี เพื่อสรุปการทำงานของสภาภาครวม พบปะหารือกับมวลสมาชิกไลออนส์ในประเทศไทย ร่วมหาทางแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของไลออนส์ และเลือกตั้งผู้นำสูงสุดของแต่ละภาค ในปีนี้สโมสรไลออนส์สากลภาค 310-A1 ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 56 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีสมาชิกไลออนส์ทั้ง 6 ภาค จาก 300 สโมสรทั่วประเทศ เดินทางมาร่วมงาน

กิจกรรมหลักๆ ได้แก่ การแข่งขันกอล์ฟการกุศล ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 17 มีนาคม 2565 ณ สนาม Gassan Panorama Golf Club จังหวัดลำพูน นำรายได้จากกิจกรรมไปสนับสนุนชื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับผู้พิการสายตา 17 จังหวัดภาคเหนือ การประกวดขบวนพาเหรดไลออนส์ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 18 มีนาคม 2565 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เวลา 14.00 . - 17.00 . พิธีเปิดการประชุมใหญ่ฯ เชิญธงงานการประชุมใหญ่ ครั้งที่ 56 และการแสดงความยินดีแก่ประธานสภาภาครวม 310 ประเทศไทย, ผู้ว่าการภาคฯ,รองผู้ว่าการภาค คนที่ 1, คนที่ 2 ทั้ง 6 ภาค ในวันที่ 19 มีนาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุม นานาชาติดิเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่

ไลออนรัตนากร สิริรัตน์ ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ การจัดการประชุมใหญ่ ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 56 จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ได้มีบทบาทในการช่วยเหลือชุมชนในท้องถิ่น โดยได้จัดกิจกรรมบริการสังคมด้วยหัวใจจิตอาสา สโมสรไลออนส์สากลภาค 310-A1 เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 56 จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 18 - 20 มีนาคม 2565 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ และท่องเที่ยวภาคเหนือ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติดิเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่

การประชุมครั้งนี้ให้ความสำคัญในเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 โดยขอความร่วมมือผู้ร่วมงานทุกท่าน ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยสำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้วางมาตรการป้องกันควบคุมโรคตลอดการจัดงาน ทั้ง โรงแรม ที่พัก และสถานที่การจัดประชุม และขอความร่วมมือผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง จึงสร้างความเชื่อมั่นว่าการประชุมในครั้งนี้ทุกคนจะปลอดภัยจากโรคไวรัสโควิด-19 อย่างแน่นอน

จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดเนื่องในวันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2565

เพชรบูรณ์-ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายอำนาจ แย้มศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานวางพานพุ่มดอกไม้สดหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2565 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ตุลาการ อัยการ ข้าราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม

‘กาฬสินธุ์’ แหล่งน้ำบาดาล ‘พลิกผืนดินแห้งแล้ง’ เป็น ‘แหล่งอาหาร’ สร้างรายได้ให้เกษตรกร

ชาวบ้านในตำบลนาไคร้ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พลิกผืนดินแห้งแล้งเป็นแหล่งอาหาร นำผลผลิตจำหน่าย สร้างรายได้เข้าครัวเรือนเดือนกว่า 20,000 บาท หลังรัฐบาลจัดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลแก้ภัยแล้งด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน สร้างความมั่นคงด้านน้ำ ครอบคลุมพื้นที่ 760 ไร่

(2 มี..65) จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของประชาชน จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตใช้น้ำชลประทาน พบว่าที่บ้านกุดหว้า ต.นาไคร้ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ มีการรวมกลุ่มปลูกพืชผักหลายชนิด ประสบความสำเร็จ หลังรัฐบาลจัดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลแก้ภัยแล้งด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน สร้างความมั่นคงด้านน้ำ และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่ศรีสุพรรณ โดยเน้นไม่ใช้สารเคมี ได้ผลผลิตบริโภคในครัวเรือน และจำหน่ายในตลาดชุมชน รวมทั้งภายในโรงพยาบาลประจำอำเภอ สร้างรายได้เข้าครัวเรือนเดือนละกว่า 20,000 บาท

นายนารอง อุทรักษ์ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 501 หมู่ 13 บ้านกุดหว้า ต.นาไคร้ อ.กุฉินารายณ์ กล่าวว่า ที่ดินทำกินเป็นที่ ส.ปก.จำนวน 23 ไร่ เดิมมีสภาพแห้งแล้ง ปลูกไม้ยูคาลิปตัส ไม่มีรายได้อื่นเสริม ต่อมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล เพื่อการเกษตรด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งส่วนราชการใน จ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของรัฐบาล โดยมีพื้นที่รับบริการน้ำครอบคลุมพื้นที่ 760 ไร่ เกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย 74 ครัวเรือน

นายนารอง กล่าวว่า พอมีแหล่งน้ำ ตนจึงได้ปรับเปลี่ยนการประกอบอาชีพใหม่ โดยตัดไม้ยูคาจำหน่าย จากนั้นทำการเกษตรกรรมเต็มรูปแบบ โดยปลูกพืชผักสวนครัวและพืชตามฤดูกาลเกือบทุกชนิด เพราะมีความเชื่อว่าเมื่อมีน้ำก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ทั้งนี้ ได้รับองค์ความรู้จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ อบต.นาไคร้ และส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งในส่วนของการใช้น้ำ การปรับปรุงคุณภาพดิน การบริหารจัดการในแปลงเกษตร โดยไม่ใช้สารเคมี จนกระทั่งประสบความสำเร็จในวันนี้ ซึ่งเป็นการปลูกเอง เก็บกินเอง และนำผลผลิตจำหน่ายในหมู่บ้าน ตลาดชุมชน และโรงพยาบาลประจำอำเภอทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ปลูกเอง สร้างรายได้เดือนละประมาณ 20,000 บาท ที่สำคัญมีอาชีพ มีรายได้ยั่งยืน สำหรับตนภูมิใจจนน้ำตาไหล ที่สามารถเอาชนะภัยธรรมชาติที่แห้งแล้ง เป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ดังกล่าว ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ชุบชีวิตตนและเพื่อนเกษตรกรด้วยโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลดังกล่าว

ด้านนายจุฬา ศรีบุตรตะ ที่ปรึกษาลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่ศรีสุพรรณกล่าวว่า เดิมสภาพพื้นที่โซนนี้ในฤดูแล้งจะมีความแห้งแล้ง ไม่มีสามารถทำการเกษตรได้ เพราะอยู่นอกเขตชลประทาน และไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติ จึงประสบภัยแล้งซ้ำซาก หลังจากที่รัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดโครงการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลแก้ภัยแล้งด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงลงมา สามารถบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงฤดูแล้งและตลอดปี ภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า น้ำบาดาลสามารถพลิกผืนดินที่แห้งแล้ง เป็นพื้นที่สีเขียวด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ชาวบ้านมีอาชีพ มีรายได้ และเป็นแหล่งผลิตอาหารได้ตลอดปี

มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เร่งช่วยเหลือ “เปิดครัว” ช่วยผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่

นราธิวาส-จากสถานการณ์คลื่นลมแรง และฝนตกหนัก เมื่อวันที่ 24 – 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทำให้ในหลายพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนในหลายอำเภอของ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งได้ส่งผลกระทบให้ประชาชน ได้รับความเดือดร้อนและเสียชีวิต ตลอดจนบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอสุไหงปาดีอำเภอระแงะ อำเภอสุคิริน อำเภอสุไหงโก-ลก

มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จึงได้เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยได้ดำเนินการเปิดครัวมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ประกอบอาหาร ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในที่พื้นอย่างเร่งด่วน ซึ่งภารกิจครั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้จัดทำอาหารกล่องเพื่อแจกจ่ายวันละ 500 กล่อง พร้อมทั้งจัดคาราวานนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร น้ำดื่มราชนครินทร์ จึงได้เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยได้ดำเนินการเปิดครัวมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ประกอบอาหาร ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในที่พื้นอย่างเร่งด่วน ซึ่งภารกิจครั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้จัดทำอาหารกล่องเพื่อแจกจ่ายวันละ 500 กล่อง พร้อมทั้งจัดคาราวานนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร น้ำดื่ม ออกช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครั้งนี้ โดยมุ่งช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนพร้อมทั้งให้กำลังใจแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสอีกด้วย

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จงรัก พลาศัย นายกสภามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ครั้งนี้ถือว่าสร้างความเสียหายแก่พี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่เป็นอย่างมาก มีผู้ประสบภัยและเดือดร้อนหลายครัวเรือน ในฐานะมหาวิทยาลัยแห่งความเดือดร้อนพร้อมทั้งให้กำลังใจแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสอีกด้วย

‘บิ๊กป้อม’ บินด่วน!! ลุยน้ำท่วมนราธิวาส พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ - ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้

ณ ศาลากลาง จ.นราธิวาส พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.นราธิวาส พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวต้อนรับ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ในพื้นที่ภาคใต้

โดยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ ได้รายงานการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รายงานการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รายงานสรุปแผนการดำเนินการโครงการพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำโก-ลก และกรมชลประทาน ได้รายงานสรุปแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แผนการระบายน้ำและโครงการซ่อมแซมและก่อสร้างพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำโก-ลก บริเวณตำบลมูโนะ รวมถึงผู้ว่าราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.นราธิวาส, ยะลา และปัตตานี รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่และการช่วยเหลือ และรับมอบถุงยังชีพจากรองนายกรัฐมนตรี เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ประสบภัยในแต่ละพื้นที่ต่อไป

ทั้งนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายแก่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ในการช่วยเหลือประชาชนและเร่งลดผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย โดยได้สั่งการให้กรมชลประทาน วางแผนการบริหารจัดการน้ำร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อเร่งระบายน้ำให้คลี่คลายโดยเร็ว พร้อมทั้งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) บูรณาการสำรวจและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย รวมถึงมอบหมายให้กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งรัดและวางแผนการก่อสร้างพนังกั้นน้ำในจุดเสี่ยงอุทกภัยทั้ง 3 จังหวัด ให้สามารถป้องกันอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบหมายให้ สทนช. และ ศอ.บต. ประสานและบูรณาการ แก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปีที่วางไว้ โดยให้ จังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจและยอมรับในการดำเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม

จากนั้นในช่วงบ่าย รองนายกฯ พร้อมคณะได้เดินทางต่อไปยังห้องประชุมเทศบาลสวนรื่นอรุณ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อพบปะให้กำลังใจประชาชน พร้อมแจกถุงยังชีพให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ ต.มูโนะ พร้อมเน้นย้ำว่ารัฐบาลจะเร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลัง และกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงพนังกั้นน้ำมูโนะในส่วนที่ชำรุดและเสริมความมั่นคง แข็งแรงของพนังกั้นน้ำมูโนะ เพื่อป้องกันอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง, กรมชลประทาน เร่งรัดดำเนินการสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างระบบพนังกั้นน้ำที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานจังหวัดนราธิวาส ประสานและสร้างการรับรู้ให้ภาคประชาชนในการก่อสร้างพนังกั้นน้ำในเเนวเขตแม่น้ำโก-ลก ให้สามารถก่อสร้างได้ตามแผนงาน และมอบหมายให้ สทนช.กำกับติดตามเร่งรัดกับหน่วยงานให้การก่อสร้างพนังกั้นน้ำที่ชำรุด เสียหายแล้วเสร็จตามแผนงาน เพื่อสามารถป้องกันอุทกภัยหากเกิดขึ้นในปีหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

‘กาฬสินธุ์’ ยุติธรรม!! เร่งช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมในคดีอาญา

คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา 6 ราย จำนวนกว่า 290,000 บาท พร้อมมอบนโยบายจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนให้ทั่วถึง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความสุขความสมานฉันท์ ป้องกันปัญหาความขัดแย้งด้านคดีความอย่างได้ผล

ที่ห้องประชุมผาเสวย ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ครั้งที่ 2/2565 โดยมีนายดาระใน ยี่ภู่ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายประหยัด ไม้แพ ยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการฯ ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาดังกล่าว สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับคณะอนุกรรมการ ได้พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา โดยมีสำนวนเข้าพิจารณา 15 เรื่อง/ราย ผู้เสียหาย 15 ราย โดยผลการพิจารณางดจ่าย 3 ราย ยกคำขอ 6 ราย และจ่ายค่าตอบแทน 6 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 1 ราย ทุพพลภาพ 1 ราย ถูกทำร้ายร่างกาย 3 ราย และฆาตกรรม 1 ราย รวมเป็นเงิน 294,474 บาท

‘นิพนธ์’ ร่วมเป็นสักขีพยานท้องถิ่น เพิ่มประสิทธิภาพเร่งรัดจัดเก็บภาษีรถยนต์ค้างจ่าย นำรายได้กระจายการพัฒนาท้องถิ่นไปสู่การพัฒนาประเทศ

(2 มี..65) ที่อาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือเพื่อการดำเนินการเร่งรัดจัดเก็บภาษีประจำปีสำหรับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกระหว่าง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการขนส่งทางบก อบจ.กระบี่ และ อบจ.สงขลา โดยมี นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายก อบจ.กระบี่ นายก อบจ.สงขลา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงฯ และมีรองศาสตราจารย์ วีระศักดิ์ เครือเทพ ประธานอนุกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อการพัฒนาการจัดเก็บภาษีรายได้ให้แก่ อปท. ร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย

สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.. ๒๕๔๒ กำหนดการจัดสรรรายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์ให้แก่ อปท. ซึ่งคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ได้พิจารณาเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์ให้แก่ อปท. และประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.. 2543 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาการจัดเก็บรายได้ของ อปท. ได้พิจารณาเรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์ที่ค้างชำระให้แก่ อปท. ตามที่สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ได้ขอหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์ที่ค้างชำระเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาท้องถิ่น เพราะต้องใช้งบประมาณในการดำเนินงาน จึงจัดการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์ที่ค้างชำระให้แก่ อปท. และเพื่อให้การดำเนินการเร่งรัดจัดเก็บภาษีประจำปีสำหรับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกที่จดทะเบียนใน จ.กระบี่ และ จ.สงขลา ที่ค้างชำระได้มากขึ้นและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้เจ้าของรถได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้ง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมการขนส่งทางบก กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อบจ.กระบี่ และ อบจ.สงขลา สามารถปฏิบัติงานสนับสนุนการจัดเก็บภาษีประจำปีสำหรับรถที่จดทะเบียน ในจังหวัดดังกล่าว ที่ค้างชำระภาษีประจำปีสำหรับรถของกรมการขนส่งทางบก และสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ เชิญชวน และอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของรถยนต์สามารถชำระภาษีประจำปีสำหรับรถและค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

จังหวัดนครพนม มอบหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ฉบับสมบูรณ์ ปี 2564 ให้หน่วยงานเร่งขยายผลสู่เยาวชนและประชาชนในพื้นที่

(2 มี..65) นครพนม-ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการมอบหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ฉบับสมบูรณ์ ปี 2564 ให้กับตัวแทนส่วนราชการ จำนวน 29 หน่วยงาน เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้แก่ข้าราชการ พนักงานของรัฐ เด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนในจังหวัดนครพนม ให้ได้เรียนรู้เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและสำนึกในความเป็นไทย

โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้เป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้เกิดความรักชาติและมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษไทย ตามยุทธศาสตร์ชาติ (.. 2561-2580) ที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์ว่า ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยในยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงได้กำหนดประเด็นการพัฒนาและเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ เพื่อให้คนในชาติมีจิตสำนึกรักและหวงแหน มุ่งจงรักภักดี พร้อมธำรงรักษาไว้ซึ่ง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยว และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ โดยปลูกฝังและสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ รณรงค์เสริมสร้างความรักความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยและชาติไทย ผ่านกลไกต่างๆ รวมถึงการศึกษาประวัติศาสตร์ในเชิงสร้างสรรค์

‘วุฒิสภา’ เดินหน้าพบประชาชนและส่วนราชการจังหวัดชลบุรี ติดตามรับฟังการดำเนินงาน

ชลบุรี-วุฒิสภา โดยคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกลงพื้นที่ พบประชาชนและส่วนราชการจังหวัดชลบุรี ในวันอังคารที่ 1 มีนาคม 2565 เพื่อติดตามรับฟังการดำเนินงาน“ โครงการ ตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” พร้อมทั้งรับฟังแนวทางการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดปราจีนบุรี ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน พร้อมทั้งติดตามรับฟังเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ประเด็น แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อเตรียมรับมือปัญหาภัยแล้ง

(1มี..65) โรงเรียนชุมชนบ้านบางเสร่ ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกโดยมี พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน พร้อมด้วย พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่งและคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามและรับฟังการดำเนินงานโครงการ “ตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นตำบลต้นแบบในการสร้างความมั่นคงด้านอาชีพและรายได้ และการสร้างความยั่งยืนด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมร่วมพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชน โอกาสนี้ คณะกรรมการฯ จะมอบข้าวสารให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top