Friday, 16 May 2025
PoliticsQUIZ

‘วอร์รูมรัฐบาล’ ถกรับมือซักฟอกนัดแรกพรุ่งนี้! ‘ชาญกฤช เดชวิทักษ์’ เก็งข้อสอบฝ่ายค้าน คาดพุ่งเป้าปมเศรษฐกิจ จากผลพวงวิกฤติโควิด-19

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในทีมวอร์รูมรัฐบาลว่า ตนได้ตอบรับเข้าร่วมเป็นทีมงานแล้ว ซึ่งทราบว่าคณะทำงานชุดนี้จะทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน โดยมีทั้งการเก็งข้อสอบว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายประเด็นใดบ้าง และควรหาข้อมูลมาชี้แจงตอบโต้อย่างไร เพื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถชี้แจงได้ทันท่วงที

โดยคณะทำงานชุดดังกล่าวจะประชุมหารือและแบ่งหน้าที่ร่วมกันในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล โดยคาดว่าตนน่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลสนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจรุนแรง รวมถึงมาตรการที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือประชาชนที่เห็นผลเป็นรูปธรรม

รมว.แรงงาน เผย รัฐบาลเร่งช่วยลูกจ้างแมรีกอท บางปูทุกมิติ ล่าสุด บริษัทฯ โอนเงินชดเชยและช่วยพิเศษรวมกว่า 470 ล้านบาท ให้ครบทุกคนแล้ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการการจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินช่วยเหลือพิเศษกรณี บริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ยุติการดำเนินกิจการที่สาขาบางปู และย้ายไปสาขาพระนครศรีอยุธยา รัฐบาลเร่งติดตามช่วยเหลือแรงงานทุกมิติ ล่าสุด บริษัทโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของชื่อลูกจ้างทุกคนเรียบร้อยแล้ว รวมมูลค่ากว่า 470 ล้านบาท

นายสุชาติ ยังกล่าวอีกว่า จากการติดตามการจ่ายเงินค่าชดเชยตามกฎหมาย และเงินช่วยเหลือพิเศษล่าสุดได้รับแจ้งจากนางสาวกรรณิกา ฯ รองหัวหน้าแผนกทรัพยากรมนุษย์ ของบริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ที่บริษัทได้มอบหมายให้ดำเนินการ ในวันที่ 30 ม.ค.64 ว่าบริษัทได้จ่ายเงินค่าชดเชยตามกฎหมายและเงินช่วยเหลือพิเศษ โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของชื่อลูกจ้างทุกคนเรียบร้อยแล้ว รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น 470,628,497 บาท และขณะนี้ลูกจ้างสามารถถอนเงินดังกล่าวได้แล้ว

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ของนางสาวโสภา เกียรตินิรชา รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พบว่า นายจ้างยืนยันว่าไม่ได้เลิกจ้างลูกจ้างแต่ขอความร่วมมือให้ลูกจ้างทั้งหมดย้ายไปปฏิบัติงานที่สำนักงานแห่งใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากบริษัทสาขาบางปูได้รับผลกระทบมียอดสั่งซื้อสินค้าลดลง จึงต้องปรับแผนธุรกิจไปยุบรวมกับสำนักงานที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีลูกจ้างที่ประสงค์จะย้ายไปทำงานที่ใหม่จำนวน 101 คน

สำหรับลูกจ้างที่ไม่ประสงค์จะย้ายไปจำนวน 1,610 คน บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย เงินโบนัสประจำปี ค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปี และเงินช่วยเหลือพิเศษนอกเหนือกฎหมาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 470 ล้านบาท ในส่วนของกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรปราการ จะเข้าไปตรวจสอบเพื่อจ่ายเยียวยาสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการเตรียมตำแหน่งงานว่างรอบรับกว่า 1,000 อัตรา

นอกจากนี้ ฝ่ายบุคคลของบริษัทแจ้งว่า มีสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการลักษณะเดียวกันแสดงความประสงค์ที่จะรับลูกจ้างของบริษัทแมรีกอทฯ ด้วย เนื่องจากลูกจ้างส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่มีทักษะฝีมือในการผลิตจิวเวลรี่

ขณะที่ลูกจ้างที่ไม่ประสงค์จะย้ายไปทำงานที่ใหม่ กล่าวว่า ทำงานกับบริษัทแห่งนี้มานานหลายปี และมีแผนอยู่แล้วที่จะขอเกษียณที่นี่ ซึ่งเป็นช่วงพอดีที่บริษัทมีแผนย้ายไปประกอบกิจการที่แห่งใหม่ สิ่งที่บริษัทให้มาถือว่าคุ้มค่ามากพอแล้ว เพราะเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและคิดว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้ดำเนินชีวิตต่อที่บ้านเกิด และลูกจ้างบางส่วนที่ไม่ประสงค์ย้ายไปที่แห่งใหม่ บริษัทยังได้ฝึกอบรมอาชีพให้เพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในการประกอบอาชีพต่อไป

‘บิ๊กตู่’ ยึดหลักการกระจายวัคซีนโควิด-19 อย่างเป็นธรรมให้ทุกกลุ่ม แบ่งฉีดเป็น 3 ระยะ ตามมาตรฐานสากล คาดจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยคนแรกได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ วอนคนไทยตั้งการ์ดสูง ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบแนวทางเกี่ยวกับการบริหารวัคซีนโควิด-19 ให้ยึดหลักกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ บริหารแผนการฉีดวัคซีน

โดยกระทรวงสาธารณสุข จะติดตามประเมินผลการฉีดวัคซีนอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยคนแรกได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากนั้นนายกฯมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการแผนปฏิบัติงานในทุกมิติ ทั้งรายละเอียด การขนย้าย การขนส่งและการจัดเก็บวัคซีนเพื่อรักษาประสิทธิภาพวัคซีน โดยเฉพาะแผนปฏิบัติการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแต่ละกลุ่ม และเร่งประชาสัมพันธ์ สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชนในพื้นที่

"นายกฯวอนให้คนไทย ตั้งการ์ดสูง และใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่ไปในสถานที่เสี่ยงและสถานที่แออัด"

นายอนุชา กล่าวว่า "ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.ได้การรายงานลำดับกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ช่วงที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด ดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต รักษาระบบสาธารณสุขของประเทศ จะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ผู้มีโรคประจำตัว 6 โรคกำหนด คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และโรคอ้วน ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย"

"ระยะที่ 2 ช่วงที่มีวัคซีนเพิ่มขึ้น ขยายพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยกำหนดฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่นอกเหนือจากด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสซื้อโควิด 19 ผู้ประกอบอาชีพที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมาก และผู้เกี่ยวข้องกับการเดินทางระหว่างประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงที่วัคซีนมีปริมาณเพียงพอ"

"เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร จะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด 19 ภายในประเทศ โดยกลุ่มที่ก้าวหน้ามากที่สุดมี 3 ชนิด คือ ชนิด mRNA โดยศูนย์วิจัยวัคซีนแห่งจุฬาลงกรณ์ ชนิด Protein subunit (Plant-based) ของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และชนิด DNA โดยบริษัทไบโอเนท เอเชีย อยู่ระหว่างการแสวงหาความร่วมมือ หรือพัฒนาศักยภาพการขยายขนาดการผลิต เพื่อผลิตวัคซีนต้นแบบสำหรับทดสอบในอาสาสมัคร"

“ไพบูลย์” เผย กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ พิจารณาเนื้อหาเสร็จแล้ว รอโหวตบางประเด็น 4 ก.พ. นี้ ยันเดินหน้าไม่ถอนญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากเสียงข้างมากเห็นว่าไม่ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตนก็ไม่ติดใจ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) รัฐสภา กล่าวว่า กมธ.ฯ พิจารณาเนื้อหาทั้งฉบับเสร็จแล้ว และในวันที่ 4 ก.พ. จะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง รวมถึงการลงมติในประเด็นที่รอพิจารณา ได้แก่ มาตรา 256 ว่าด้วยมติของสมาชิกรัฐสภา ในชั้นรับหลักการ ที่มีผู้สงวนความเห็น ใน 3 ประเด็น คือ ใช้เสียง 3 ใน 5 , ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง และใช้เสียง 2 ใน 3

นอกจากนั้นยังมีประเด็นว่าด้วยการส่งทำประชามติ ในมาตรา 256(8) ตามร่างของส.ส.รัฐบาล ที่ระบุให้นำไปทำประชามติ หากเนื้อหาแก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด2 พระมหากษัตริย์ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรืออำนาจหน้าที่ศาลหรือองค์กรอิสระหรือเรื่องที่ทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจได้

นายไพบูลย์ กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 9 ก.พ. เพื่อพิจารณาญัตติขอให้รัฐสภามีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 210(2) ของรัฐธรรมนูญ ที่ตนและนายสมชายแสวงการ ส.ว.เป็นผู้เสนอนั้น ว่ายังไม่มีบุคคลใดขอให้ตนถอนญัตติดังกล่าวและเชื่อว่ารัฐสภาจะพิจารณาในรายละเอียดและลงมติตัดสิน

ซึ่งตนไม่ติดใจในผลการลงมติ หากเสียงข้างมากเห็นว่าไม่ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าหากมติรัฐสภาไม่ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้ส.ว. ไม่สบายใจ และส่งผลต่อการลงมติในวาระสองและวาระสามได้

"ผมยืนยันว่าญัตติดังกล่าวไม่มีผลกระทบให้รัฐสภายุติการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การลงมติจะอย่างไร ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของรัฐสภา แต่ผมมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอำนาจที่รัฐสภาต้องดำเนินการ

และการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราของรัฐสภานั้นจะทำให้เวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลามากเหมือนกับการให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ดำเนินการ เชื่อว่าจะใช้เวลาเกือบ 2 ปี เพราะหลังจากมีส.ส.ร. ต้องทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องทำประชามติ และเมื่อรัฐธรรมนูญผ่านแล้วต้องออกกฎหมายลูก ซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ จะไม่ทันใช้ในการเลือกตั้งรอบที่จะมาถึงแน่นอน" นายไพบูลย์ กล่าว

กระทรวงกลาโหม ย้ำการปกครองบังคับบัญชาทางทหาร ต้องยึดแบบธรรมเนียมทหารและหลักกฎหมาย ยืนยันไม่ใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการปกครองบังคับบัญชา และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพลในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ย้ำเป็นนโยบายสำคัญในการประชุมสภากลาโหม กับ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ ถึงการปกครองบังคับบัญชาของทุกเหล่าทัพ

ต้องดำรงความยุติธรรม และเป็นไปตามแบบธรรมเนียมทหาร ยึดระเบียบและหลักกฎหมาย บนพื้นฐานของหลักเมตตาธรรม มนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน โดยต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ทั้งนี้ให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับถือปฏิบัติและกำกับดูแลตามสายการบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด และต้องรับผิดชอบหากปล่อยปละละเลย

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการบาดเจ็บและเสียชีวิตของกำลังพลจากการฝึกและการปกครองบังคับบัญชาที่ผ่านมาในทุกกรณีที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานของกองทัพ ได้ตั้งกรรมการสอบสวนจากหน่วยเหนือของทุกเหล่าทัพถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและดำรงความยุติธรรมกับทุกฝ่ายตามระเบียบและหลักกฎหมาย โดยสรุปภาพรวมความเสี่ยงหลักของเหตุเกิดจากทั้งปัญหาของกำลังพลทหาร รวมถึงผู้ฝึกหรือผู้ปกครอง

โดยกำลังพลทหารบางรายมีปัญหาพื้นฐานเดิมส่วนตัวและด้านสุขภาพ ส่งผลต่อพฤติกรรมและความสามารถทางร่างกาย ซึ่งมีมาตรการดูแลเป็นพิเศษในทุกกรณี ในขณะที่ผู้ฝึกและผู้ปกครองบางราย ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่กำหนด ขาดสำนึกและความรับผิดชอบในการใช้อำนาจหน้าที่ มีการลงโทษไม่เป็นไปตามแบบธรรมเนียมทหารและขัดต่อหลักมนุษยธรรม

ถือเป็นทั้งความผิดทางกฎหมายและความผิดทางวินัยร้ายแรง ซึ่งทุกเหล่าทัพ ได้ลงโทษทางวินัยผู้กระทำผิดในทุกราย หนักเบาตามมูลฐานความผิดจากผลการสอบสวน และหากมีความผิดตามกฎหมาย ต้องได้รับโทษทุกรายไม่มีละเว้น ทั้งนี้ กองทัพไม่ได้ละเลยในการแสดงความเสียใจและเยียวยากับครอบครัวกำลังพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพลภาพหรือเสียชีวิตจากเหตุที่เกิดขึ้นในทุกกรณี

เหล่านี้ ถือเป็นบทเรียนของการปกครองบังคับบัญชาทางทหาร ที่ กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพตระหนักและให้ความสำคัญร่วมกัน โดยไม่ต้องการให้เกิดปัญหาในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก

ทั้งนี้ได้ศึกษาและร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ปัญหาการปกครองบังคับบัญชาในทุกระดับชั้นให้รัดกุมมากขึ้น บนพื้นฐานของการใช้อำนาจหน้าที่อย่างถูกต้องตามแบบธรรมเนียมทหารและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้ร่วมกันกวดขันการฝึกทหารใหม่ รวมทั้งการปกครองบังคับบัญชาระดับหมู่ หมวดและชุดปฏิบัติการใกล้ชิดมากขึ้นควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพล

พร้อมกันนี้ได้เปิดช่องทางการร้องเรียนกับกำลังพลทุกระดับตามแบบธรรมเนียมทหารหากไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะเดียวกันได้เปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ของ กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ให้ประชาชน หรือครอบครัวกำลังพลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเข้าร้องเรียน เพื่อดำรงความยุติธรรมและความโปร่งใสขององค์กร

‘เพื่อไทย’ เตรียมให้ ส.ส.ลงพื้นที่ช่วยเหลือคนแก่ หลังถูกหน่วยงานรัฐเรียกเบี้ยชราคืนย้อนหลัง ชี้ เหมือนบีบให้คนแก่ต้องรีบอำลาโลก จี้รัฐแก้ระเบียบ - นิรโทษกรรม ให้คนกลุ่มนี้ แขวะ ‘บิ๊กตู่’ และ ‘บิ๊กป้อม’ ยังเคยรับเงินหลายทาง

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาการเรียกเงินคืนเบี้ยผู้สูงอายุกับคนชราพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเรื่องน่าอนาถใจในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนไปบีบให้เขาต้องจากไปก่อนวันที่ต้องอำลาลาจาก ทั้งที่เป็นเรื่องความผิดพลาดของหน่วยงานราชการทั้งสิ้น เพราะผู้สูงอายุไม่รู้เรื่อง นอกจากนี้มีข้าราชการเพียงสองประเภทเท่านั้นที่จะได้รับบำเหน็จบำนาญจากการเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ คือทหาร และตำรวจ เรียกว่าบำนาญตกทอด

กรณีนี้คล้ายกับกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ที่อยู่บ้านพักหลวง ถ้าเป็นอาชีพอื่น เช่น ข้าราชการครูคงไม่สามารถออกระเบียบเพื่อให้อยู่บ้านพักต่อได้ เรื่องนี้กรมบัญชีกลาง และข้าราชการที่เกี่ยวข้องต้องออกมายอมรับ และแก้ไขระเบียบ คนแก่เขาไม่รู้ให้เขาเซ็นอะไรเขาก็เซ็นแล้วก็รับไปเรื่อย ๆ กรณีนี้ทำร้ายจิตใจเขามาก ข้าราชการกรมบัญชีกลางไม่มีงานทำหรือทั้งที่เขาก็เป็นคนสูญเสีย แต่นายกฯไม่สูญเสียอะไรเลย ยังได้อยู่บ้านพักใช้น้ำใช้ไฟฟรี

“พวกนี้พิเศษเพราะเป็นข้าราชการที่อยู่ในฝ่ายความมั่นคง เมื่อถึงแก่ชีวิตในหน้าที่ราชการ ก็จะมีเงินต่างๆให้ และมีบำนาญตกทอด แม้แต่วันนี้ลูกคนไหนที่พ่อแม่เสียชีวิตในหน้าที่ราชการ สามารถเข้ารับราชการต่อได้โดยไม่ต้องสอบ ขณะที่ข้าราชการอื่นไม่มีระบบแบบนี้ เช่นเดียวกับที่พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่บ้านพักของทางราชการได้

เพราะไปออกระเบียบว่า บุคคลที่เคยสร้างคุณูปการให้กองทัพ บ้านเมือง สามารถพักอาศัยในบ้านพักได้ วันนี้กรมบัญชีกลาง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องออกมายอมรับ เพราะคนที่บกพร่องคือข้าราชการทั้งนั้น นายกฯทำร้ายจิตใจคนแก่มาก ถ้านึกถึงตัวเองว่าไม่มีงานทำ ถ้าคิดว่าประเทศไทยจะเสียค่าโง่เหมืองทองอัคราเยอะแยะ เรื่องนี้หยุมหยิมคนเหล่านี้สูญเสีย ผมจึงวิงวอนผ่านสื่อ” นายครูมานิตย์ กล่าว

นายครูมานิตย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม วันที่ 2 ก.พ.นี้ ตนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรคให้ ส.ส.แต่ละพื้นที่ลงไปช่วยดูแล และเรียกร้องให้สภาทนายความช่วยดูแลเรื่องนี้ เพราะผู้สูงอายุเขาไม่มีจริงๆ ขอให้แก้ระเบียบหรือออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้นึกถึงตัวเองว่าอยู่บ้านหลวงก็ฟรี ค่าน้ำก็ฟรี เงินประจำตำแหน่ง เงินต่างๆอีกจำนวนมาก จึงอยากให้นายกฯลงมาใส่ใจเรื่องนี้ ขอให้นายกฯตั้งสติหาเวลาว่างๆ หาเวลาสงสารผู้สูงอายุบ้าง เพราะเขารู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ

ด้าน นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ขณะผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ยังเคยรับเงินหลายทาง ไม่ว่าจะจากตำแหน่งนายกฯ หัวหน้าคสช. และผบ.ทบ. ขณะที่พล.อ.ประวิตร รับเงินจากการเป็นรมว.กลาโหม และรองหัวหน้าคสช. ตนเรียกร้องให้ท่านนำเงินที่รับไปหลายทางมาคืน และนำไปช่วยคนชราที่ถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืนจะดีกว่า

ออกบัตรโดยสารฟรี! ขสมก.ส่งเสริมการชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ลดเสี่ยงติดโรคโควิด-19 ประกาศยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียม ออกบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ ดีเดย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 31 พ.ค. 64

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกที่ 2 ได้ทวีความรุนเเรงเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยง

การสัมผัสเหรียญกษาปณ์ และธนบัตรในการชำระสินค้าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 เนื่องจากธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ ถูกเปลี่ยนมืออย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจมีเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ติดอยู่เป็นเวลานานหลายวัน ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคดังกล่าว ขสมก.จึงมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนผู้ใช้บริการ เปลี่ยนวิธีการชำระค่าโดยสารเป็นแบบไร้เงินสดมากขึ้น

โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย ในการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมออกบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ บุคคลทั่วไป และบัตรโดยสารนักเรียน นิสิต นักศึกษา อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการยังสามารถชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดผ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (แบบรายเที่ยว) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเดบิต/เครดิต ที่มีสัญลักษณ์ Contactless และชำระค่าโดยสารผ่านทางแอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ (QR Code) ได้อีกด้วย

ผนึกประสบการณ์ - พลังคนรุ่นใหม่ ! ‘คณะก้าวหน้า’ เปิดตัว ‘ประยูร วงศ์ปรีชากร’ ชิงนายกฯ ‘หาดใหญ่’ - ‘สมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร’ ร่วมทีมเศรษฐกิจ เปิดวิสัยทัศน์ แรกใช้ 200 ล้าน ต่อเนื่อง 2 ปี สร้างอาชีพฝ่าวิฤตโควิด

"คณะก้าวหน้า สงขลา" เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และประกาศความพร้อมในการลงสนามเลือกตั้งเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม นี้ พร้อมชูสโลแกน "ร่วมสู้ ร่วมสร้าง ร่วมฝัน" โดยจะเป็นการผลึกกำลังของคนที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ที่มีพลังความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกับเปลี่ยนแปลงให้เมืองหาดใหญ่กลับมาเป็นเมืองโอกาส เมืองศูนย์กลางของภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง

นายประยูร วงศ์ปรีชากร ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า ปีนี้ตนเองอายุ 73 ปี เกษียณและปล่อยวางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้มาฉุกคิดว่า สติปัญญาเรายังดี สุขภาพยังดี ความรู้ความสามารถประสบการณ์มากมาย จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เลือนหายไปไปพร้อมกับการแก่แล้วแก่เลยอย่างนั้นเหรอ

และเมื่อได้เห็นคนหนุ่มคนสาวตื่นตัวทางการเมือง กล้าออกมาแสดงความคิดเห็น ก็รู้สึกประทับใจ จนทำให้ตัดสินใจมาลุยการเมืองท้องถิ่นในครั้งนี้ ตนพร้อมเดินไปกับชาวหาดใหญ่ทุกคน เพื่อนำสิ่งที่ดี ที่ยั่งยืน ที่มีอนาคตให้กับลูกหลานของเรา คืนสิ่งเหล่านี้มาบ้านเกิดหาดใหญ่ของเรา

"เพราะวันนี้ เรากำลังเผชิญกับวิฤตการณ์ความเสียหายที่งกระทบทั้ง เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม กำลังก่อเกิดสิ่งที่เรียกว่าอาการ 3 ประการ ได้แก่ 1.) อาการหนี้สิน ปัจจุบันเรามีหนี้สินเพิ่มทุกวันจะโดยรู้หรือไม่รู้ตัวก็ตาม เป็นหนี้ทั้งระดับชาติ ครัวเรือน และส่วนตัว 2.) อาการตกงาน พ่อค้าแม่ขายไม่มีรายได้ ไม่พอจ่ายค่าที่ ถูกไล่ที่ โรงแรมที่พักไม่มีลูกค้า ฯลฯ และ 3.) อาการคนรุ่นใหม่ไม่กลับบ้าน เราส่งลูกหลานส่งร่ำเรียน แต่ไม่มีใครกลับมาขยายหรือสืบสานธุรกิจของบรรพบุรุษ เพราะกลับมาแล้วไม่มีอนาคต ไม่รู้จักปักหลักปักฐานครอบครัวตัวเองให้มั่นคงได้อย่างไร เมืองกำลังจะสูญพันธุ์ ซึ่งจะเหลือแต่คนแก่และคนติดยาเสพติด นี่คือสภาพการณ์ที่เลวร้าย ถ้าเราไม่คิดอ่านทำอะไรสักอย่าง" นายประยูร กล่าว

นายประยูร กล่าวว่า "กำลังเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ เราคงต้องมาร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง ร่วมกันฝันว่าเราจะทำอย่างไรดี ที่จะเรียกคืนความเชื่อมั่น เมืองแห่งโอกาส เมืองแห่งประสบการณ์ เมืองอัจฉริยะ เมืองศูนย์กลางการค้า เมืองชุมทางที่คนอยากมาลงหลักปักฐาน เรียกคืนบรรยากาศอย่างนั้นกลับมาให้ได้ ซึ่งมีทางเดียวคือ พวกเราต้องลงมือช่วยกัน บ้านเมืองนี้ให้มีทิศทางชัดเจนในการพัฒนามานาน ที่ผ่านมาผู้นำท้องถิ่นไม่ได้กำหนดทิศทาง วิสัยทัศน์ เป้าหมายหรือนโยบาย

ดังนั้น เราจะสร้างการเมืองใหม่ เราจะชูนโยบาย เราจะมีนโยบายเด็ดๆ ที่จะทำให้เมืองนี้มีทิศทางที่ชัดเจนยั่งยืน ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องเลิกกลัวการเมือง เพราะการเมืองคือเรื่องดี คือเรื่องการสร้างสรรค์ เราจะปล่อยอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยน พลิกโฉมการเมือง เอาน้ำดีเข้าไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เรื่องการเมืองคิดต่างกันได้ แต่ไม่แตกแยก "

ด้าน นายสมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร ที่ปรึกษาและหัวหน้าทีมบริหารเศรษฐกิจ กล่าวว่า "ภัยโควิดที่เราเผชิญอยู่แสนสาหัส หาดใหญ่เองก็โดนหนัก เพราะเศรษฐกิจเราพึ่งท่องเที่ยว การส่งออก และเรายังเป็นศูนย์กลางค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ที่ผ่านมาเคยรองรับนักท่องเที่ยวปีละ 5-6 ล้านคน มีรายได้ 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี กระจายไปทั่วทุกภาคธุรกิจ หากแต่วันนี้ แสนสาหัส หลายกิจการเริ่มปิดตัว ล้มหายตายจาก จึงต้องคิดกันว่าจะทำอย่างไร จะกอบกู้เศรษฐกิจหาดใหญ่ภายใต้ภาวะแบบนี้อย่างไร

ซึ่งตนได้รับมอบหมายภารกิจนี้จากคุณประยูร และด้วยประสบการทำงานตั้งแต่อายุ 22 ปี มีโรงแรมเป็นของตัวเองตอนอายุ 26 ปี เชื่อว่าสามารถทำได้ โดยเริ่มต้น เทศบาลนครหาดใหญ่ต้องจัดงบประมาณ ปีละ 200 ล้านบาทเป็นเวลา 2 ปี เพื่อใช้ในการสร้างงานให้กับประชาชนหาดใหญ่ เพราะตอนนี้จะมีคนหาดใหญ่ตกงานเป็นหมื่นคน เทศบาลจะต้องยื่นมือเข้าช่วย 2 ปีงบประมาณต่อเนื่อง เชื่อว่าสร้างงานให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนตั้งหลักได้"

"นอกจากนั้น ต้องจัดงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุน ให้ประชาชนสามารถเสนอกิจกรรมความคิดที่จะมาพัฒนาสังคมหาดใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้าน ประเพณีวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเทศบาลใช้วิธีสมัครผ่านออนไลน์ แอพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งตรงนี้เราเชื่อว่าคนหนุ่มสาวเรามีความสามารถ แต่พวกเขาเพียงแต่ไม่มีโอกาส ไม่มีพื้นที่ เราจะได้นำเอาความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขานี้มาพัฒนาเมืองหาดใหญ่" นายสมบูรณ์ กล่าว

ขณะที่ นายกตัญญู จิตตะกาญจน์ ตัวแทนคณะก้าวหน้า จ.สงขลา กล่าวว่า คณะก้าวหน้าสืบเนื่องมาจากพรรคอนาคตใหม่ เรามีนโยบายสำคัญคือ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพาะปัจจุบันโครงสร้างทับซ้อนระหว่างราชการส่วนภูมิภาคกับท้องถิ่นนั้นทำให้เกิดปัญหา คือ คนกำหนดงบประมาณนั้นอยู่ส่วนกลาง แต่คนรู้ปัญหาคือท้องถิ่น

ดังนั้น ด้วยเป้าหมายของนโยบายนี้ เราจึงตั้งใจที่จะส่งผู้สมัครลงสนามเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมงานคณะก้าวหน้าจังหวัดสงขลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ได้ไปในพื้นที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังปัญหาประชาชน รวมถึงเฟ้นหาตัวผู้สมัคร และเมื่อมีการประกาศเปิดรับผู้สนใจต้องการเปลี่ยนแปลงหาดใหญ่ให้ดีขึ้น

โดยบุคคลนั้นต้องเชื่อในคุณค่าอนาคตใหม่เดิม คือ จุดยืนหนักแน่นประชาธิปไตย ไม่ใช้เงินซื้อเสียง ไม่เป็นผู้มีอิทธิพล และไม่เป็นผู้ทุจริตคอรัปชัน ก็ปรากฏว่ามีผู้กล้าอยากเข้าเปลี่ยนแปลงเมืองหาดใหญ่ คือคุณ ประยูร วงศ์ปรีชากร

ซึ่งเป็นผู้ยึดมั่นประชาธิปไตย มีประสบการณ์ และเป็นผู้รับฟังความเห็นที่แตกต่าง สามารถแลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุผล อาสาเข้ามาลงสมัคร นี่เป็นการผนึกกำลังกันของคนมีประสบการณ์กับคนร่นใหม่มีพลัง เป็นการเมืองของคนธรรมดาที่จะเปลี่ยนบ้านเกิดหาดใหญ่ของเราให้ดีขึ้น

"เทศบาลนครหาดใหญ่ มีงบประมาณต่อปีสูงถึง 1,700 ล้านบาท เราเป็นเมืองที่อยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นชุมทางการคมนาคม เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ มีสถานบันการศึกษาทุกระดับ ฯลฯ เราศักยภาพอยู่อีกมาก แต่น่าเสียดายที่ติดขัดในข้อกฎหมาย เช่น ขนส่งสาธารณะที่ไม่ดีเลยในเมืองหาดใหญ่

ทั้งที่เรามั่นใจว่าทำให้ดีได้ ทั้งนี้ วิกฤตเศรษฐกิจและโควิดล่าสุดได้ซ้ำเติมเมืองหาดใหญ่ ทำให้เมืองเหงียบเหงา เป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเราคณะก้าวหน้าหาดใหญ่ และทีมผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ที่จะคิดนำโจทย์นี้มาแก้ไขปัญหาให้กับชาวหาดใหญ่" นายกตัญญู กล่าว

‘บิ๊กตู่’ โพสต์เฟซบุ๊ก ย้ำ ประชาชนต้องช่วยกันฝ่าโควิด อย่าฝากความหวังแค่วัคซีน หลังส่อเค้าแผนจัดส่งสะดุด แต่ยังยืนยันจะพยายามทำทุกวิถีทางให้ประเทศไทยได้รับวัคซีนตามแผน

พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ว่า ช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา มีความวุ่นวายเกิดขึ้นกับกำหนดการส่งมอบวัคซีนของหลายประเทศทั่วโลก

หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนออกมาเปิดเผยว่าการผลิตวัคซีนไม่เป็นไปตามแผน ถึงขั้นที่บางบริษัทออกมาชี้แจงว่าจำนวนวัคซีนที่จะส่งมอบให้ผู้สั่งจอง จะได้ไม่ถึงครึ่งนึงของจำนวนที่วางแผนไว้ด้วยซ้ำ ส่งผลให้หลายประเทศต้องรื้อแผนการฉีดวัคซีน และหลายประเทศจะอาจไม่สามารถดำเนินการฉีดวัคซีนได้ถึงเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ในปีนี้

ท่ามกลางสถานการณ์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ทั่วโลก ผมอยากให้ทุกท่านทราบจุดยืนของผม

เราต้องยึดแนวทางที่ทำมาตั้งแต่ต้น ที่พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าเป็นแนวทางที่ได้ผลถูกต้อง คือ ดำเนินการเชิงรุกอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ต้น ควบคุมและป้องกันไม่ให้โควิดเข้ามาในประเทศไทย และหากเจอเล็ดลอดเข้ามา เราต้องจัดการโดยทันที คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน แบบนี้คือหนทางที่จะช่วยทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่พอจะสามารถใช้ชีวิตและทำมาหากินกันได้บ้างในระดับหนึ่ง แทนที่จะเลือกใช้ชีวิตกันแบบสบาย ๆ แล้วฝากความหวังไว้ว่าวัคซีนจะมาแก้ปัญหา

นี่คือแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเห็นแล้วว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการมีโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ และอาจเกิดขึ้นใหม่ได้อีก ผู้เชี่ยวชาญในหลายประเทศยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าวัคซีนปัจจุบันจะสามารถปกป้องเราจากโควิดทุกสายพันธุ์ใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้น

อาวุธสำคัญที่จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดอยู่ในมือของเราครับ นั่นคือทุกคนต้องทำหน้าที่เพื่อชาติ คือ สวมหน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามแนวทางสาธารณสุข และอย่าปกปิดข้อมูล ขอให้ทุกท่านอย่าคิดว่าการไม่ทำตามมาตรการบ้างนิดๆ หน่อยๆ จะไม่เป็นอะไรนะครับ สิ่งเล็กๆ ที่ทุกคนทำมีผลต่อประเทศทั้งสิ้น

สิ่งที่พวกเราได้ทำกันมา ช่วยทำให้วันนี้ พวกเราไม่ต้องเจอกับปัญหาแบบที่ประเทศอื่นยังต้องเผชิญกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการล็อกดาวน์ ปิดร้านค้า หรือห้ามออกจากบ้าน ผมขอให้ทุกคนตระหนัก และร่วมมือกันต่อไปครับ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และจะยังคงต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ประเทศไทยได้รับวัคซีนตามแผนครับ

#รวมไทยสร้างชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top