Friday, 29 March 2024
PoliticsQUIZ

'กก.บห.พลังประชารัฐ' เซ็นลาออกแล้ว 9 ราย เปิดทางรื้อโครงสร้างพรรคอีกรอบ

‘ธรรมนัส’ มีหนาว! กก.บห.พรรค พปชร.เซ็นลาออกแล้ว 9 คนจากทั้งหมด 22 ราย บางส่วนยังรอสัญญาณจาก "ประวิตร" ว่าจะเอาอย่างไร

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า ขณะนี้มีคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เซ็นใบลาออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว 9 ราย จากทั้งหมด 22 ราย เพื่อให้เดินหน้าปรับโครงสร้างพรรค ประกอบด้วย 

1.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม 
2.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม 
3.) นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ 
4.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 
5.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน 
6.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม 
7.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง 
8.) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี 
และ 9.) นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช

โฆษกรัฐบาลเผย “นายก” มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนผ่าน “โครงการบ้านล้านหลัง” ธอส. มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 60,752 ราย วงเงินยื่น 72,902 ล้านบาท ย้ำเชิญชวนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนขอสินเชื่อเพื่อโอกาสมีบ้านเป็นของตนเอง  

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาล มีความมุ่งมั่นที่ต้องการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ราคาไม่แพง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ก.ย.64 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือ โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 โดยปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการอีกจำนวน 20,000 ล้านบาท และปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราดอกเบี้ยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคืบหน้าของผลการดำเนินงานโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ล่าสุด ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2564 ได้มีผู้ลงทะเบียนกับ ธอส. แล้วจำนวน 60,752 ราย วงเงินยื่นกู้ 72,902 ล้านบาท และได้ยื่นกู้สะสมจำนวน 2,479 ราย ซึ่ง ธอส. ได้มีการอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 1,845 ราย คิดเป็นมูลค่า 1,509 ล้านบาท โดย ธอส. กำลังเร่งพิจารณาตามขั้นตอนเพื่อการอนุมัติสินเชื่อให้กับประชาชนผู้ที่ม่ีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขของโครงการฯ ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้กำกับให้ ธอส. พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อด้วยความละเอียดรอบคอบ เหมาะสม โดยคำนึงถึงการให้สินเชื่อแก่ผู้กู้ที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยมาก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อสร้างโอกาสและสนับสนุนประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้อย่างทั่วถึง  จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการขอสินเชื่อ ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพื่อโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตั้งแต่บัดนี้ เพื่อให้สามารถทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค.66 หรือก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ 

“โครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 เป็นการดำเนินการสานต่อความสำเร็จของโครงการบ้านล้านหลังระยะแรก ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรีที่มีความมุ่งมั่นช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย ให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ที่มุ่งเน้นสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าว จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ทำให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้สามารถมีบ้านเป็นของตนเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว 

สำหรับรายละเอียดสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก 1.99% ต่อปี ให้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. เงินงวดคงที่นานถึง 84 งวดแรก ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ประเภท คือ 1. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2. ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) 3. ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท ต่อราย) และ 4. ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง) ระยะเวลาผ่อนไม่น้อยกว่า 7 ปี และผ่อนสูงสุดไม่เกิน 40 ปี อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ยกเว้น ข้าราชการตุลาการ อัยการ หรืออื่น ๆ ที่มีอายุเกษียณมากกว่า 60 ปี อายุผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 75 ปี 

โฆษกรัฐบาล เผย ทุกฝ่ายขานรับเปิดประเทศ  1 พ.ย. นี้ สธ. เตรียมรองรับ 5 ด้าน /กต. เปิดตัว Thailand Pass ขณะที่ “นายก”สั่งเข้มฝ่ายมั่นคงปราบการกระทำผิดทุกรูปแบบ ขอประชาชนเน้นชีวิต "วิถีใหม่" ธุรกิจยึดหลัก COVID Free Setting สร้างความมั่นใจคนไทย-นทท.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเดินหน้าเปิดประเทศแบบปลอดภัย (Smart Entry)โดยทยอยเปิดรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำว่า ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบตามข้อกำหนดแบบไม่กักตัวหรือจำกัดพื้นที่ เริ่ม 1 พฤศจิกายน นี้ ช่วยทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคัก โดยหอการค้าไทยคาดว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 30,000 ล้านบาท หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการเปิดรับนักท่องเที่ยว สนับสนุนให้ GDP ไทยปีนี้ เติบโต 1-1.5%  ด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลสร้างแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Thailand Pass เพื่อขอรับเอกสารรับรองการเดินทางเข้าประเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Thailand Pass QR code) เริ่ม 1 พฤศจิกายน นี้  ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการอนุมัติที่ไม่จำเป็น ทำให้นักท่องเที่ยว/นักธุรกิจ ที่จะเดินทางมาเที่ยวหรือประกอบธุรกิจในไทยได้รับความสะดวกมากขึ้น
นายธนกร กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการจัดทำแผนรองรับนโยบาย “เปิดประเทศใน 120 วัน” เตรียมแผนรองรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ ครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่ 

1.การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่ขั้นตอนลงทะเบียนก่อนเดินทาง ขั้นตอนการตรวจสอบที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และการเดินทางจากท่าอากาศยานจนถึงโรงแรมในลักษณะปิด (Sealed Route) การตรวจหาการติดเชื้อในประเทศ เพื่อมั่นใจว่าผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านกระบวนการและไม่มีการติดเชื้อ อีกทั้งมีความปลอดภัยเมื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย  

2.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้เดินทางเข้าในประเทศอย่างรวดเร็วแม่นยำ และการตรวจสายพันธุ์กลายพันธุ์ 

3.มาตรการ COVID Free Setting ในสถานประกอบการพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID Plus มีใบรับรองและ QR Code ที่ให้ประชาชนสแกนเพื่อตรวจสอบและประเมินร้องเรียนได้ มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจประเมินทุก 2 สัปดาห์ 

4.การแพทย์และสาธารณสุข โดยปรับรูปแบบการรักษาพยาบาลที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ให้สถานพยาบาลประเมินตนเอง พร้อมเข้าสู่การแพทย์วิถีใหม่ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาล 

5.เวชภัณฑ์และการส่งกำลังบำรุง ขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์ 26.2 ล้านเม็ด ยาเรมเดซิเวียร์ 74,284 ขวด และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ภาพรวมคงคลังประมาณ 3-6 เดือน และจัดหายาและเวชภัณฑ์เพิ่มเติมต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังกำชับให้หน่วยความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ลาดตระเวร เฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนแบบเข้มงวดสูงสุด เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ รวมทั้งจับกุมแรงงานข้ามชาติที่เดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมายด้วย ขณะเดียวกัน ก็เร่งกระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19  ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตามเกณท์ทุกจังหวัดเพื่อให้ภูมิคุ้มกันหมู่ภายในพื้นที่

'ดร.นิว' ซัด 'ปิยบุตร' ชอบปั้นวาทกรรมใส่ร้ายสถาบันฯ แถม ‘อำมหิต’ ชอบหลอกใช้คนรุ่นใหม่ไปติดคุก

‘ดร.นิว’ ซัด ‘ปิยบุตร’ หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการโกหกบิดเบือน หลอกใช้คนรุ่นใหม่ติดคุกติดตะรางแทนตัวเองอย่างอำมหิต

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ‘ดร.นิว’ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan ว่า ทำไม "ปิยบุตร แสงกนกกุล" หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการโกหกบิดเบือน มโนขึ้นมาเองคนเดียวแบบมั่ว ๆ เพ้อเจ้อเหลวไหลไม่ต่างจากคนป่วยทางจิต

'เสกสกล' เห็นด้วยกับ 'จอม' เปลี่ยนชื่อพรรคเพื่อไทยเป็น 'พรรคพวกชินวัตร' ชี้!! ในอดีต ส.ส. เป็นยิ่งกว่าทาสเรือนเบี้ย

'เสกสกล อัตถาวงศ์' เห็นด้วย 'จอม เพชรประดับ' เปลี่ยนชื่อพรรคเพื่อไทยเป็น 'พรรคพวกชินวัตร' แฉตระกูลชินวัตรครอบงำตลอดมาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จะยังคงใช้เป็นเครื่องมือเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของครอบครัวตนเอง ส.ส. ยิ่งกว่าทาสเรือนเบี้ย

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกรณีนายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ที่ลี้ภัยหนีคดีความมั่นคงในประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าพรรคเพื่อไทยควรเปลี่ยนเป็น พรรคพวกชินวัตร และตั้งคำถามว่าพรรคการเมืองนี้จะใช้ความชอบธรรมตรงไหนไปกล่าวหาตรวจสอบคนอื่น และระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่ออำนาจและพวกพ้องตัวเองอยู่เหมือนเดิม

โดยนายเสกสกล กล่าวว่าเรื่องที่นายจอม ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กนั้นเป็นเรื่องจริงทุกประการ ซึ่งตนก็เคยอยู่พรรคการเมืองนี้มาก่อน จึงทราบดีถึงพฤติกรรมของพรรค รวมถึงนายทักษิณว่าเป็นอย่างไร จึงไม่แปลกใจที่จะมีคนออกมาแฉพรรคต่อเนื่อง แม้กระทั่ง ส.ส.ในพรรคตนเอง เพราะทนพฤติกรรมไม่ได้

นายเสกสกล กล่าวต่อว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่หลุดพ้นจากนายทักษิณ เพราะที่ผ่านมากลุ่มแคร์ มักจะเชิญนายทักษิณร่วมคลับเฮาส์ ให้นายทักษิณวิดีโอคอลคุยสมาชิกพรรค หรือการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ มีตัวหนังสือคล้ายลายมือนายทักษิณ ดังนั้นจึงอยากขอเตือนพรรคเพื่อไทย หากยังเล่นการเมืองแบบเก่า ชูนายทักษิณเช่นนี้จะไม่เหลือ ส.ส. ที่มีคุณภาพไว้ทำงานให้พรรคอีกต่อไป

'ส.ศิวรักษ์’ ระบุพระเกี้ยวเป็นสัญลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อจุฬาฯ สร้างขึ้นถวายรัชกาลที่ 5 การเชิญชูพระเกียรติก็พึงจะทำ แต่เมื่อการแบกเสลี่ยงนั้นหนัก และนิสิตเขาไม่พอใจ ก็ควรที่จะเปลี่ยนได้

ถ้าแบกแล้วหนัก ก็เปลี่ยนวิธีการซะ!! 

'ส.ศิวรักษ์’ ระบุพระเกี้ยวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อจุฬาฯ สร้างขึ้นถวายรัชกาลที่ 5 การเชิญชูพระเกียรติก็พึงจะทำ แต่เมื่อการแบกเสลี่ยงนั้นหนัก และนิสิตเขาไม่พอใจ ก็ควรที่จะเปลี่ยนได้

เพจ Sulak Sivaraksa ของ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ โพสต์ความเห็นต่อกรณียกเลิกขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น่าเสียดายที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เท่าที่ผมทราบ มติที่ประชุมขององค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) เป็นเอกฉันท์ เห็นว่า การอัญเชิญพระเกี้ยวนั้นคนที่ถูกเกณฑ์ให้ไปแบกหาม ไม่มีใครเขาพอใจ เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรต่างๆ ก็ควรให้นิสิตพอใจ 

‘ทะลุฟ้า’ ยื่นหนังสือ กมธ.กฎหมาย เรียกร้องยกเลิกม.112

กลุ่มทะลุฟ้าพร้อมคณะรณรงค์เพื่อรธน.ฉบับประชาชน ยื่นหนังสือต่อ กมธ.กฎหมายที่รัฐสภา จี้ยกเลิกมาตรา 112 จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทาตัวสีแดงคลานไปประตูสภา

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 64 กลุ่มคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ กลุ่มทะลุฟ้า ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 และนำไปสู่การยกเลิกกฎหมายดังกล่าว โดยมีนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ

“สงคราม” อัด “บิ๊กตู่” ปล่อยผู้ค้าน้ำมันขึ้นราคาตามใจชอบ ชี้ รัฐปล่อยราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่องกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน  

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้ผู้ค้ามันในประเทศไทย ปรับราคาน้ำมัน อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการซ้ำเติมวิกฤตประเทศ อย่างแท้จริง ทั้งๆที่ปัจจุบันคุณภาพชีวิตของประชาชนก็แย่อยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่ให้ความสำคัญ การปล่อยให้ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาน้ำมันต่อเนื่องหลายรอบในเดือนตุลาคม ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชน เพราะต้นทุนสินค้าทุกอย่างขึ้น ในขณะนี้รายได้ประชาชนลดลง 

นอกจากนี้ การปรับราคาน้ำมันขึ้นอีก 60 สตางค์ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ย่อมกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน เพิ่มต้นทุนการขนส่ง เพิ่มต้นทุนภาคการผลิตพลเอกประยุทธ์ มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยประชาชน แต่ทำไม่เป็นใช้งานไม่เป็น เลยไม่ทำอะไร ปล่อยให้นายทุนพลังงานกดขี่คนไทย โยนภาระทั้งหมดให้ผู้บริโภค ส่วนผู้ประกอบการโกยกำไรเป็นกอบเป็นกำ  

นายสงคราม  กล่าวด้วยว่า  การที่พลเอกประยุทธ์อ้างว่าการปรับราคาน้ำมันเป็นไปตามกลไกตลาด เป็นการพูดเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น ทั้งๆที่รัฐบาลสามารถที่จะตรึงราคาน้ำมันที่ผันผวน ไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชนมากนัก โดยต้องเร่งลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 5 บาทและพิจารณางดเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งจะช่วยตรึงราคาน้ำมัน ไม่ให้แพงมากเกินไปได้ แต่รัฐเลือกที่จะไม่ทำ 

“โฆษกรัฐบา” เผย  “Thailand Pass" ลดขั้นตอนเอกสาร รับนทท.เข้าประเทศ รอผลตรวจโควิด-19 แล้วเดินทางได้เลย ตั้งแต่ 1 พ.ย. นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยเดินหน้าเตรียมความพร้อมเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยรูปแบบ "Thailand Pass" แทนระบบ COE (Certificate of Entry)  ลดขั้นตอนการอัปโหลดเอกสาร อำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่นักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวและชาวไทยที่ประสงค์เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย สามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th ก่อนเดินทาง และรอการอนุมัติเป็นเวลา 1-3 วัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย 1. การตรวจโดยระบบอัตโนมัติสำหรับผู้ยื่นเอกสารวัคซีนที่มี QR Code และประเทศที่ออกเอกสารได้ให้ Public Key สาหรับการตรวจสอบเอกสารแก่ทางการ ไทยแล้ว (สามารถอนุมัติเอกสารให้ผู้เดินทางได้ทันที) 2. การตรวจโดยกรมควบคุมโรคด้วยตาเปล่าตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุข กําหนด โดยมีระบบกํารตรวจสอบการจองที่พัก SHA+ ผ่านระบบ SHABA และ AQ ผ่าน การยืนยันผู้เข้าพักจากโรงแรม AQ

จากนั้นเมื่อได้รับการอนุมัติ ผู้เดินทางสามารถดาวน์โหลด Thailand Pass QR Code ได้ทันทีเพื่อนำไปแสดงต่อสายการบินและเจ้าหน้าที่คัดกรอง พร้อมกับผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทาง โดยไม่ต้องกรอก ตม.8 และ ตม.6 เมื่อเดินทางถึงไทย และดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน  “หมอชนะ” เท่านั้น โดยสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่เข้าข่ายไม่ต้องกักตัว จำนวน 45 ประเทศ  และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงหรือนักท่องเที่ยวแบบ Test and Go สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทันทีหลังจากการรอผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ในโรงแรมที่กำหนดไม่ต่ำกว่า 1 คืน ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าข่ายไม่ต้องกักตัวจะต้องพำนักอยู่ในประเทศที่ได้รับอนุญาตไม่ต่ำกว่า 21 วัน ยกเว้นเดินทางมาจากประเทศไทย และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ที่เดินทางพร้อมผู้ปกครองที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์แล้ว สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ภายใต้เงื่อนไขไม่ต้องกักตัวเช่นเดียวกับผู้ปกครอง

“โฆษกรัฐบาล” ยันนโยบายเปิดภาคเรียนมีการเตรียมพร้อม วางแผนร่วม สธ.เป็นอย่างดี “ปัด” ไม่ใช่เป็นไปตามยถากรรม “มั่นใจ” พลิกฟื้นประเทศไทยได้แน่ ถ้าฝ่ายค้านกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองในสภาฯ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่าการประกาศเปิดเรียนเป็นตามยถากรรม เพราะรัฐบาลไม่มีการเตรียมพร้อม เมื่อเปิดโรงเรียนไม่ได้ก็เปิดเศรษฐกิจไม่ได้ ว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่า การเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 นั้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความพร้อมการเปิดเรียนรูปแบบ On Site ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ของสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้วางแผนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มีรายละเอียดการเปิดเรียนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สถานศึกษาไปปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ขณะนี้กำลังเร่งผลักดันให้ครูได้รับวัคซีนให้มากที่สุดอีกด้วย ดังนั้น การเปิดเรียนในวันที่ 1 พฤศจิกายนจะเปิดเรียนในรูปแบบไหนนั้นจึงขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของแต่ละพื้นที่ด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ไม่ได้เปิดเรียนตามยถากรรมแต่อย่างใด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top