Sunday, 11 May 2025
PoliticsQUIZ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งคุมเข้มทุกโรงงานอุตสาหกรรมและกลุ่มเหมืองแร่ใน 28 จังหวัด พื้นที่เสี่ยงสูงสุด เฝ้าระวังการระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการภาคเอกชนที่อยู่ในความรับผิดชอบกระทรวงอุตสาหกรรมต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ประกอบการเหมืองแร่ทั้ง 28 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด มีสถานประกอบการรวมกว่า 49,391 โรงงาน จำนวนคนงานกว่า 3.02 ล้านราย

รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการวัตถุอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ผู้ประกอบการตามกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องจักร และผู้ประกอบการตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมด้วย

ทั้งนี้ให้ป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคดังกล่าวในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสดังกล่าว ไม่ให้ติดต่อไปยังบุคคลอื่นที่อยู่ในหรือนอกโรงงาน

โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการในพื้นที่เสี่ยงสูงสุดพิจารณาดำเนินการ เช่น ปรับเวลาการปฏิบัติงานของคนงาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 , คัดกรองพนักงานทุกคน ตรวจวัดอุณหภูมิ ตรวจสอบประวัติการเดินทาง , สุ่มตรวจหาเชื้อโควิดในพนักงาน , เตรียมสถานที่กักตัวผู้ที่ติดเชื้อ , ใช้แอปพลิเคชัน หมอชนะในการมอนิเตอร์ ความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานติดตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือติดการแถลงข่าวของรัฐบาลเพื่อปฏิบัติตามอย่างใกล้ชิด

ในส่วนของบุคลากรข้าราชการของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติงาน ดังนี้

1.) ปรับเวลาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยการเหลื่อมเวลาเข้าปฏิบัติการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

2.) Work From Home ร้อยละ 50 ของบุคลากร โดยพิจารณาให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่แต่ละส่วนงานขยับเวลาการทำงาน เพื่อลดจำนวนผู้ปฏิบัติงานและปริมาณการเดินทาง ลดความแออัดในการใช้สถานที่ด้วยการปฏิบัติงานที่บ้าน เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้กับการทำงาน อาทิ การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ วิดีโอคอล แอปพลิเคชันไลน์ หรืออีเมล์มาเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน เพื่อไม่ให้มีข้อติดขัด หรือเกิดปัญหากับการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน ทั้งนี้ แม้ว่าจะปรับมาตรการในการทำงาน แต่ภารกิจในการขับเคลื่อนงานของกระทรวงฯ ก็ยังจะสามารถรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้มีความต่อเนื่อง และมุ่งหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด – 19 อย่างได้ผล

3.) คัดกรองเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานในกระทรวงอุตสาหกรรม (ตรวจวัดอุณหภูมิ)

4.) ประชาสัมพันธ์แนวทางป้องกันโควิด DMHTT (Distancing / Mask Wearing / Hand Washing / Testing / Thai Cha Na)

5.) รณรงค์ให้ใช้ Application หมอชนะในการ Monitor ความเสี่ยงจากการติดเชื้อ

"ตอนนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการออกประกาศ และออกหนังสือขอความร่วมมือสถานประกอบการในพื้นที่เสี่ยงสูงสุด และบุคลากรของกระทรวงอุตสาหกรรมทั่วประเทศให้ปฏิบัติตามแนวป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 พร้อมเน้นย้ำการปรับมาตรการในการทำงานจะไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้"

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เผย แพทย์และพยาบาลเป็นด่านหน้าในการจัดการโรคระบาดโควิด-19 มีความเสี่ยงสูง จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก แต่ต้องมั่นใจเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการจัดหาวัคซีน covid-19 โดยระบุว่า ณ ปัจจุบัน ประเทศไทย จะได้วัคซีนอย่างเร็วที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จะรับเข้ามาก่อน 2 แสนโดส และจะครบตามจำนวน 2 ล้านโดส ในเดือนเมษายน ปีเดียวกัน ในอนาคต อาจจะได้วัคซีนเร็วกว่านี้ เพราะกำลังเจรจากับผู้ผลิตอีกหลายราย

การเร่งนำวัคซีนเข้ามาก่อนนั้น ส่วนสำคัญมาจากพบการระบาดรอบใหม่ จึงจำเป็นต้องปกป้องดูแลประชาชนก่อน จำเป็นต้องมีการปรับแผน เพื่อให้ได้วัคซีนเร็วขึ้น ทั้งนี้ การพิจารณานำเข้ามานั้น วัคซีนต้องผ่านการรับรองโดยประเทศต้นทางว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัย เมื่อมาถึงประเทศไทยจะมีกระบวนการตรวจสอบอีกหลายชั้น เพื่อให้คนไทยได้ฉีดวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด

การตกลงซื้อมาคราวละ 2 ล้านโดส เป็นแผนการจัดซื้อ ซึ่งต้องเร่งหามาให้แพทย์ พยาบาล นักรบด่านหน้าก่อน เพราะกลุ่มนี้ มีบทบาทสำคัญในการจัดการโรคระบาด ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งเราจะสูญเสียบุคลากรการแพทย์ไม่ได้ จึงจัดหาวัคซีนมาปกป้อง

จากนั้น เราจะมีวัคซีนของแอสตราเซนนิกา สำหรับฉีดให้ประชาชนที่เหลือต่อไป ระหว่างนั้น จะมีวัคซีนโควิด-19 เข้ามาให้พิจารณาเพิ่มเติม ภาครัฐ จะจัดหาเข้ามาใช้แน่นอน และยืนยันว่าการฉีดเข้าร่างกายคนไทย จะเกิดขึ้นเมื่อวัคซีนนั้น ได้รับการตรวจสอบยืนยันแล้วว่าปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค

ส่วนเรื่องการล็อกดาวน์ ไม่มีใครอยากให้ไปถึงจุดนั้น ซึ่งในการระบาดรอบแรก ประเทศไทยควบคุมการระบาดได้ เพราะคนไทยช่วยกัน รอบนี้ หากคนไทยยังคงความสามัคคี ร่วมแรง ร่วมใจ ทุกคนจะก้าวผ่านไปได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญคือกรุณาปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด เกิดจากการลักลอบเข้าเมืองใช่หรือไม่ เกิดจากการไปเที่ยวบ่อนใช่หรือไม่ ล้วนเป็นกิจกรรมผิดกฎหมาย ประชาชน ต้องช่วยกัน ส่วนภาครัฐต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาด

ระหว่างที่รอวัคซีนอยู่นี้ จำเป็นต้องบริหารจัดการอุปกรณ์ป้องกัน และเวชภัณฑ์ ให้เพียงพอ ทั้งในเรื่องของการใช้ และการหามาเพิ่มในสต็อก รวมไปถึงความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ อาทิ การตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งสามารถตั้งได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานในการควบคุม และรักษาโรค มีแผนการตลอดว่า ถ้าเจอผู้ติดเชื้อ ใน 24 ชั่วโมงต้องทำอย่างไร ใน 48 ชั่วโมง ต้องทำอย่างไร ซึ่งปัจจุบันนี้ ปฏิบัติได้ตามแผน

ตอนนี้ ถ้านั่งดูหัวตารางพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เขาเล่นกัน โดยเฉพาะกับทีมดัง ๆ ที่คุ้นตา เริ่มปรับฟอร์มการเล่นให้แฟน ๆ กลับมาชมได้สนุกขึ้น (มั้ง)

จริง ๆ มันก็ไม่ได้สนุกอะไรมากหรอก แค่ ‘ทีมดัง’ ที่เคยอวดโอ้โม้ถ้วยและความสำเร็จสมัยอดีต (หลาย ๆ ทีม) กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงขึ้น (ทีมไรน้า?) เท่านั้นแหละ

แต่รู้ไหมว่า เวลาเห็นทีมดังๆ กลับมาเล่นได้ดี สิ่งหนึ่งที่คิดแว่บมาในหัวได้แบบไวๆ เลย คือ พวกเมิงก็เล่น ‘ฟอร์มแชมป์’ เป็นเหมือนกันนิหว่า ต่อบอลเข้าท่า กล้าเลี้ยงกล้าลุย จบสกอร์เป็นจบสกอร์ ไม่ป้อไปแป้มา แล้วก็โดนสวนตูมหายแบบเดิม แล้วก่อนหน้านั้นไปกระแดะเล่นทรง ‘ทีมตกชั้น’ เพื่ออัลไล?

คำตอบของเรื่องนี้ มันมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติของผู้เล่น และแท็กติกในการทำทีมของโค้ช ถ้าจะทำให้ดีมัน ก็ทำได้ เพียงแต่ทุกครั้งที่มันดี แล้วผลลัพธ์ไม่ได้ตรงใจ ก็ไม่ใช่ความผิดมหันต์ และควรคงของดี ๆ เอาไว้ อย่าเขว ‘แฟนบอล’ ที่แม่มคอยพร่ำบอกให้เล่นแบบนั้นนี้ ตามสไตล์โค้ชคีย์บอร์ด

เพราะสุดท้ายคนรับผิดชอบมันไม่ใช่ไอ้พวกหลังแป้นว้อยย!!

พอพูดถึงเรื่อง ‘ฟอร์มแชมป์’ กับ ‘ฟอร์มตกชั้น’ มันก็พลันให้จิตโยงคิดมาเรื่องประเทศไทย (ได้ยังไง แต่เออ มันก็วกได้)

เพราะวันก่อนได้อ่านบทความหนึ่งของ อาจารย์ สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่ทำให้เบิกเนตรได้พอควรว่า...

‘ประเทศนี้’ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมีใครก็ได้จะมาบอกว่าควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไร แล้วก็ไปเชื่อเสียหมด!! แต่เราควรต้องปล่อยให้คนที่มีหน้าที่และทำได้ ทำไปตามเกมที่ถูกต้องและควรจะเป็น

เอาง่าย ๆ ก็กรณีโควิด-19 นี่แหละ!!

วันนี้ เราต้องยอมรับว่า ‘ระลอกใหม่’ หรือใครจะเรียกระลอกสอง ก็ตามแต่ มันกำลังวิ่งแซง ‘ระลอกแรก’ ทั้งในแง่ปริมาณและความร้ายแรง

รู้ไหมว่าเพราะอะไร?

เหตุผลเพราะ การเดินเกมแบบ ‘แชมป์’ หรือที่เคย ‘เล่นตามฟอร์มแชมป์’ ของประเทศไทย มันกำลังเบี่ยงวิถีไปเดินตาม ‘ฟอร์มตกชั้น’ แบบ Why Not?!!

จากมุมมองของ อ.สันต์ ที่เคยเขียนไว้ในเฟซบุ๊กของตน ทำให้ฉุดคิดได้อย่างหนึ่งว่า ตอนที่บ้านเราเจอการติดเชื้อในประเทศ ไม่รวม State Quarantine ที่มีขนาดประมาณ 2,900 คน

แถมมีช่วงเวลาที่ต้องอยู่กับภาวะโควิดกระจายหนัก ประมาณ 4 เดือน ตั้งแต่ 13 ม.ค. - 18 พ.ค. 2563 เฮ้ย!! เราก็ ‘เอาอยู่’ ไม่ระบาดต่อมาเป็นเวลาอีกหลายเดือนจนถึงปลายปี เพราะการ์ดเราเหนียวมาก

แต่พอมาดูขนาดความรุนแรงของ ระลอกใหม่ ที่ติดเชื้อในประเทศและรวมทุกเชื้อชาติที่โผล่เข้ามา ทำไมมันถึงใหญ่โตกว่าขนาดระลอกแรกได้ไวเยี่ยงนี้

• 2 ม.ค. 2021: 2,893 คน

• 3 ม.ค. 2021: 3,187 คน

• 4 ม.ค. 2021: 3,916 คน

ร่วม ๆ ครึ่งเดือนเท่านั้น หากนับจากจุดเริ่มต้นของระลอกใหม่ ซึ่งมันใช้เวลาสั้นมากในการกระจายตัวของเชื้อ

คนเคยเป็นแชมป์ เล่นกันแบบนี้หรอ?

เหตุผลที่ อ.สันต์ วิเคราะห์ให้เห็น และมันใช่แบบขัดใจคนบางกลุ่ม คือ ‘ความลังเล’ ในการจะเลือกปกป้องอะไรและไม่ปกป้องอะไร ซึ่งบอกก่อนเลยว่ามันไม่ได้ ‘ผิด’ ในเชิงทฤษฎี

นั่นก็เพราะหลากคนก็หลากความคิด แต่ในทางปฏิบัติจริง ชุดความคิดที่กำลังจะพาประเทศไทย ‘ตกชั้น’ นั่นก็เพราะคนในรัฐบาลกลางและที่ปรึกษาจำนวนมาก รวมทั้งฝ่ายค้าน ยังมีความเข้าใจในยุทธวิธีที่คลาดเคลื่อน ที่ว่า…

• ‘ต้องปกป้องเศรษฐกิจไว้ก่อน’

• ‘เอาปากท้องประชาชนไว้ก่อน’

• ‘อย่าริดรอนสิทธิเด็กไม่ให้ไปโรงเรียน’

แล้วก็อีกหลายเหตุผล ที่ฟังตรง ๆ มัน ‘ดิสเครดิต’ มากกว่าป่ะแว้

สิ่งนี้กระทบมาสู่ฟอร์มการเล่นที่โคตรเลอะเทอะ!! ล่าช้า ไม่เฉียบขาด เพราะตลอดร่วม 1 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกพิสูจน์แล้วว่า ยุทธวิธี ‘จับปลาสองมือ’ สุดท้ายเศรษฐกิจก็เสียหายหนักกว่าเก่า แถมชีวิตคนมากมายก็ตายเป็นเบือ

ย้ำนะว่า ‘หากเรายิ่งเอาเศรษฐกิจเป็นตัวตั้งมากเท่าไร เศรษฐกิจก็จะยิ่งเสียหายมากขึ้นเท่านั้น’ นี่แหละคือความเป็นจริง

อันที่จริงอยากย้อนเป็นภาพชัดๆ เลยนะว่า ‘ฟอร์มแชมป์’ ของเรามันเฉียบขาดขนาดไหน โดยก่อนหน้านี้ ที่เราเอาอยู่ในระลอกแรก เพราะทุกท่านในรัฐบาลและที่ปรึกษาระดับเจ้าสัวต่างๆ ต่างยกให้ ‘เกม’ ของจีนสีจิ้นผิง ที่โค้ชเข้มจีนในช่วงระลอกแรกจากอู่ฮั่น ได้พาประเทศจาก ‘ตกชั้น’ ขึ้นไปนั่งบัลลังก์จ่าฝูง พาประเทศพ้นโควิด-19 ได้อย่างท็อปฟอร์ม

แต่พอมา ระลอกใหม่ มันแปลกตรงที่ ทำไมเราไปเลือกเล่นฟอร์มแบบทีมท้ายตาราง...

อะไรคือฟอร์มแบบทีมท้ายตาราง? มันเป็นยังไง? และโค้ชรายไหนที่ชี้นิ้วผิดๆ ให้ลองตาม?

ประเทศที่รัฐบาลกลางรณรงค์ให้ประชาชนลดการ์ด และห่วงเศรษฐกิจหนักหนา และพาชาวประชาให้เห็นว่าโควิดไม่ได้น่ากลัวนั้น ก็คือ ‘สหรัฐอเมริกา’ ภายใต้ผู้ที่กำลังจะเป็นอดีตประธานาธิบดีอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และบราซิลภายใต้ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ผู้สร้างวลี “โควิดก็แค่ไข้หวัดเล็กน้อย”

แล้วสรุปผลลัพธ์เป็นไงบ้างจนถึงวันนี้? ใช่เลย!! สองตาที่เห็นเต็มๆ จากทั้ง 2 ประเทศ คือ เศรษฐกิจพัง คนตายเป็นแสนเป็นล้าน

ประเด็น คือ ในทุกวันนี้ หลาย ๆ พฤติกรรมของรัฐบาลเรา ก็ดันเทไปตามสิ่งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ และ ฌาอีร์ โบลโซนารู เทรนเข้าไปเรื่อยๆ อ้าว!! ก็ไหนว่าจะชวนท่านสีจิ้นผิงมาลงทุนในประเทศไทย ทำไมกลับไปเดินตามทรัมป์

ตรงนี้เป็นเรื่องประหลาด แต่เป็นตลกร้ายของจริง เพราะ อ.สันต์ มองว่า ความคิดแบบเศรษฐกิจนำหน้า ได้ปลูกผลไม้พิษเอาไว้สำเร็จ และทำให้คนทั่วโลก รวมถึงไทย อยากเดินตามทรัมป์มากกว่าจะเดินตาม สี จิ้นผิง ในการสู้กับโควิด-19 แบบทิ้งการ์ด เพราะคำว่า ‘เสรีภาพ’ (ถรุย)

นาทีนี้ไทยจะพัง หรือจะปัง จึงขึ้นอยู่ที่จะเลือกเล่นฟอร์มไหน?

ทรัมป์จะเปิดจะปิดจะปล่อยอะไร ก็เรื่องของอดีตผู้มีอำนาจ แต่ในส่วนของไทยขอแค่ไม่ปล่อยการ์ดให้ตก ปิดคือปิด ล็อคคือล็อค เข้มคือเข้ม ไม่แคร์คนหรือเสียงนกเสียงกา แต่มองหาเส้นทางสู่แชมป์ที่แท้จริง แม้จะเล่นฟอร์มอุดแบบ มูริญโญ่ ตอนคุม ปอร์โต้ และ เชลซี จนได้มหาแชมป์มาครอบครอง ก็หาได้แคร์

เพราะ ‘ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ’ (พี่ตูนไม่ได้กล่าวไว้ แต่ร้องไว้) แต่ถ้าไม่มีชีวิต เศรษฐกิจมันจะยังเกิดอีกรึ?

เอาเป็นว่า หลาย ๆ สิ่งที่ไทยเราเคยเดินตามฟอร์มแชมป์แบบจีน จนทำให้ระลอกแรก ‘คุมอยู่’ ไม่รู้ตอนนี้จะต้องมาย่อยยับในระลอกใหม่เพราะระบบคิดในสมองคนมีอำนาจผิดเพี้ยนหรือไม่ อันนี้ยังไม่กล้าพูด แต่แววมันออก

แต่อย่างไรเสีย แม้วันนี้ไทยเราจะ ‘ล่าช้า’ ในการจัดการโควิดระลอกใหม่ แต่ถ้าความเข้มงวดของ ‘โค้ช’ ที่เข้มแข็งและไหวตัวทัน ก็เชื่อว่าไทยยังชนะได้อยู่

ขอแค่คนเป็นแชมป์ต้องรู้ตัวเองว่า เรานี่แหละเคยเป็นแชมป์ เพราะเรามีวิธีของเรา และเราก็จะชนะอีกครั้งหนึ่ง

แต่ต้องเล่นแบบแชมป์นะ ไม่ใช่ไปเล่นแบบทีมตกชั้น!!

เมื่อ ไชน่า = ลิเวอร์พูล

แล้ว แมนยู = อเมริกา...เกี่ยวกันไหม 555+ ทัวร์ลง!!


ที่มา: Sunt Srianthumrong

รมช.มหาดไทย “นิพนธ์ บุญญามณี” ถาม “สิระ” มีหน้าที่อะไร เหตุพาผู้ต้องหาขอดูสำนวนคดีฮั้วประมูลจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางที่ยังไม่เสร็จสิ้น ทำเพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้องหรือไม่ พร้อมขู่ว่าการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่มีความผิดตามรัฐธรรมนูญ

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ ได้นำนายอิทธิพล ดวงเดือน กรรมการบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ผู้ต้องหาในคดีอาญา 1975/2562 ของ สภ.เมืองสงขลา เดินทางมาพบกับ พ.ต.อ.ภูวรา แก้วภารัตน์ ผกก.สภ.เมือง สงขลา

เพื่อไปขอดูสำนวนคดีที่ อบจ.สงขลา แจ้งความดำเนินคดีอาญากับบริษัทเอกชน 2 ราย ได้แก่ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ซึ่งมีนายอิทธิพล เป็นกรรมการ และบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ซึ่งมี น.ส. ศศิธร ตั้งตรงคิด เป็นกรรมการ ในข้อหาร่วมกันปลอมเอกสาร และแสดงเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อเข้าประมูลการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางและร่วมกันสมยอมราคาอันเป็นเหตุให้ อบจ.สงขลา ได้รับความเสียหาย ว่า คดีดังกล่าวยังเป็นคดีที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน

ซึ่งตนมีข้อสังเกตว่า นายสิระ เป็นส.ส.สังกัดพรรคพลังประชารัฐนั้น มีอำนาจมาขอดูสำนวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นหรือไม่ เพราะนายสิระไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องใด ๆ กับคดี อีกทั้งยังมีข้อน่าสังเกตว่า น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เช่นกัน ดังนั้นการที่นายสิระ ซึ่งเป็น ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาขอดูสำนวนคดีดังกล่าวกับพนักงานสอบสวน จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง และบริษัทพลวิศว์ฯ หรือไม่

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า "ในฐานะที่ตนเป็นอดีตนายก อบจ. สงขลา ข้อเท็จจริงต่างๆ เรื่องนี้อยู่ในสำนวนสอบสวนอยู่แล้ว เหตุเพราะอบจ.สงขลา ได้รับหลักฐานที่ บริษัท พลวิศว์ ฯ และบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค ใช้ประกอบยื่นซองประกวดราคาว่าทั้ง 2 บริษัท ยื่นเอกสารปลอมต่อ อบจ.สงขลา และน่าเชื่อว่ามีการฮั้วประมูลกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการพิสูจน์ความจริงกันไปตามกระบวนการ ดังนั้นทุกฝ่ายไม่ควรเข้าไปแทรกแซงการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรจะมีใครใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะขั้นตอนในชั้นพนักงานสอบสวนถือเป็นกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น รวมทั้งในเรื่องนี้ เมื่อ อบจ. และผู้มีส่วนได้เสียได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแล้วก็ขอให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ขอให้นายสิระระวังเพราะถ้าเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงจะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ"

"การจะมากล่าวอ้างใดๆ อีกนั้น ผมคิดว่าเป็นการไม่เหมาะสม เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นวุฒิภาวะที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ และโดยปกติการกระทำการใดๆ โดยใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบก็หมิ่นเหม่ต่อการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้ต้องบอกให้ชัดว่านายสิระทำในนามส่วนตัว หรือทำในนามคณะกรรมาธิการ ของสภาฯ" นายนิพนธ์กล่าว

รองนายกรัฐมนตรี ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ รับรู้แล้ว มีบ่อนในกรุงเทพฯ พร้อมโยนหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องทำให้ไม่มี พร้อมรับมีขบวนการนำต่างด้าวเข้าเมือง สั่งทหาร - ตำรวจ ตรวจเข้มสกัดทางถนน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีตรวจสอบพบว่ามีบ่อนการพนันในกรุงเทพฯ ว่า เรื่องบ่อนที่ตนบอกว่าไม่มี หมายถึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจท้องที่ ที่จะต้องทำให้บ่อนไม่มี ซึ่งตนไม่ได้หมายความว่าไม่มี เรื่องบ่อนเราก็รู้ ๆ กันอยู่ว่ามี แต่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องทำให้บ่อนไม่มี

ส่วนกรณีการจับกุมชาวโรฮิงยาลักลอบเข้าเมืองมาอยู่ที่เขตดอนเมือง กรุงเทพฯและตรวจพบติดเชื้อโควิด -19 ว่า เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอยู่

ขณะที่ หลายฝ่ายยอมรับว่ามีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าประเทศ แต่ทำไมยังจับขบวนการดังกล่าวไม่ได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราพยายามอยู่ และรู้ว่ามีเข้ามา แต่เป็นเรื่องของเจ้าที่ตำรวจและทหาร ที่ต้องตรวจตราบนถนนเพราะต้องโดยสารมากับรถก็ต้องวิ่งบนถนน ฉะนั้นตำรวจและทหารต้องดูแลล็อกการเดินทางบนถนนให้ได้

ส่วนขบวนการดังกล่าวมีคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราตอบไม่ได้ว่าเป็นใครบ้าง สื่อมวลชนรู้หรือไม่ ถ้ารู้ให้บอกที

รองนายกรัฐมนตรี ‘วิษณุ เครืองาม’ ขอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลให้ทันภายในสมัยประชุมสภาฯ นี้ หรือวันที่ 28 ก.พ. ส่วนการเปิดอภิปรายในช่วงสภาสมัยวิสามัญได้หรือไม่นั้น ยังเป็นข้อกฎหมายอยู่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหากฝ่ายค้านยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่สามารถอภิปรายได้ทันในสมัยประชุมสภานี้ จะสามารถขอเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญได้หรือไม่ ว่า ยังเป็นปัญหาข้อกฎหมาย

แต่ขอให้ยื่นให้ทันภายในสมัยประชุมสภาฯ นี้หรือวันที่ 28 ก.พ. ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมสภาฯ วิสามัญได้ แต่ถ้ายื่นในสมัยประชุมสามัญ แล้วอภิปรายไม่ทันภายในสมัยประชุมสภาฯ การจะไปเปิดอภิปรายในช่วงสภาสมัยวิสามัญได้หรือไม่นั้น ยังเป็นข้อกฎหมายอยู่

เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 254 บัญญัติว่า ปีหนึ่งให้ยื่นญัตติอภิปรายได้ 1 ครั้ง ซึ่งอาจจะเป็นข้อกฎหมายว่าเขาได้มีการยื่นไว้แล้ว แต่ปัญหาคือการยื่นกับการอภิปรายมันคนละส่วนกัน แต่ไม่เป็นไร ขอให้ยื่นให้เสร็จภายในวันที่ 28 ก.พ.

ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุม เหมือนกับครั้งที่แล้วที่มีการอภิปรายจนปิดสมัยประชุมสภาฯ ดังนั้น อย่าเพิ่งไปเดา หรือสงสัยอะไรเลย เพราะตามข้อบังคับสภาฯ กำหนดไว้ว่า ประธานสภาจะต้องตรวจสอบรายชื่อและวินิจฉัยเป็นการด่วน และรีบบรรจุ ดังนั้น โอกาสบรรจุในสมัยประชุมนั้นทัน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเลื่อนประชุมสภาฯ ไปอีก 2 สัปดาห์ จะส่งผลกระทบต่อการออกกฎหมายของรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ที่เป็นห่วงตอนนี้คือเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการทำประชามติ ร่างพ.ร.บ.กสทช. ร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติด ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้งซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้มีความจำเป็นเร่งด่วน

เพราะตามกำหนดที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ต้องให้เสร็จและประกาศใช้ได้ภายในวันที่ 12 ก.พ. ส่วนร่างรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ประชามติจะไปด้วยกันอาจจะช้านิดหน่อยได้ เพราะมันไม่ได้จะถูกบังคับว่าจะต้องทำภายในเท่านั้นเท่านี้ แต่ขอให้เสร็จเร็วเท่านั้น ขณะที่พ.ร.บ. กสทช. อยู่ในขั้นตอนของวุฒิสภา จวนจะเสร็จแล้ว แต่ยังประชุมกันไม่ได้

กรณีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) หากจะนำมาเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2 และ วาระ 3 ยังไม่ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หากผ่านวาระ 2 และต้องพักไว้ 15 วัน และปรากฏว่าไม่ทันภายในวันที่ 28 ก.พ.อย่างไรรัฐบาลก็จะเปิดการประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญให้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรม และร่างพ.ร.บ.ประชามติ

นายกรัฐมนตรี เปิดไทม์ไลน์วัคซีนป้องกันโควิด-19 ยืนยันคนไทย 60 ล้านคน ได้ฉีดตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน !!!

นายกรัฐมนตี เปิดไทม์ไลน์วัคซีนป้องกันโควิด-19 ยืนยันคนไทย 60 ล้านคน ได้ฉีดตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน !!!

โรงเรียนรักษาดินแดน ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร หรือ 'รด.' โดย พ.อ.นิธิ รัตนะวรรธนะ รองผู้บัญชาการ ทำการแทน ผู้บัญชาการ โรงเรียนรักษาดินแดน ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร มีหนังสือด่วนมาก เรื่อง 'การฝึกภาคสนามนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปีการศึกษา 2563'

ลงวันที่ 5 ม.ค. โดยมีใจความว่า ตามที่โรงเรียนรักษาดินแดน ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร กำหนดการฝึกภาคสนามนักศึกษาวิชาทหารส่วนกลาง ประจำปีการศึกษา 2563 ที่ค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหาร (เขาชนไก่) ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ห้วงเดือนม.ค.- มี.ค.2564

จากสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน โรงเรียนรักษาดินแดน ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร ขอแจ้งให้สถานศึกษาวิชาทหารส่วนกลางทราบว่า กองทัพบกได้อนุมัติให้หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน 'ยกเลิก'การฝึกภาคสนามนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปีการศึกษา 2563 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาด พร้อมให้พิจารณาจัดกิจกรรม หรือการปฏิบัติอื่น ๆ ทดแทน เพื่อให้นักศึกษาวิชาทหารสามารถฝึกและได้รับการเลื่อนชั้นปีตามเกณฑ์ที่กำหนด

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมความพร้อมในการเยียวยาเกษตรกร ทันทีที่มีนโยบายจากรัฐบาล พร้อมปฏิรูปการบริหารและการบริการด้วยเทคโนโลยี ช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรให้เร็วที่สุด

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมในการเยียวยาเกษตรกรเพื่อความรวดเร็วทันทีที่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลจะเยียวยาอย่างไร ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)

ในฐานะนายทะเบียนจะตรวจสอบรายชื่อเกษตรกรที่เคยขึ้นทะเบียนในโครงการเยียวยาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกษตรกรเกือบ 8 ล้านรายได้รับเงินเยียวยารายละ 15,000 บาท โดยรมว.เกษตรฯ ยังมอบนโยบายให้เกษตรกรรายใหม่และที่ตกหล่นสามารถลงทะเบียนได้ครบถ้วน และทุกขั้นตอนต้องตรวจสอบความถูกต้อง

สำหรับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด19 ในปี 2563 สศก. ในฐานะนายทะเบียนจัดส่งรายชื่อเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและได้ตรวจสอบแล้ว ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรกว่า 1 แสนล้านบาท

ซึ่งประกอบไปด้วย เกษตรกรกลุ่มพืช กลุ่มปศุสัตว์ กลุ่มประมง กลุ่มหม่อนไหม กลุ่มชาวไร่อ้อย และกลุ่มชาวไร่ยาสูบ โดย 2 กลุ่มหลังขึ้นทะเบียนกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงการคลังตามลำดับโดยส่งทะเบียนเกษตรกรผ่าน สศก. ก่อนส่งให้ ธกส. โอนตรงให้เกษตรกร

“ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ ได้พัฒนาปฏิรูปการบริหารและการบริการด้วยเทคโนโลยี เช่น จัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ มีบิ๊กดาต้าทำให้มีฐานข้อมูลเกษตรกร พร้อมดำเนินการในทุกภารกิจโดยเฉพาะการเยียวยาเกษตรกรกลางปีที่แล้วสามารถส่งฐานข้อมูลเกษตรกรให้ ธ.ก.ส. ภายใน 5 วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเยียวยาเกษตรกร โดยพร้อมช่วยเหลือเยียวยาถึงมือเกษตรกรให้เร็วที่สุด”

‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ เร่งช่วยชาวประมง จัดระเบียบทะเลสาบสงขลา แก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย และขาดแคลนแรงงาน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นสินค้าประมงไทย รองรับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจภายใต้ Covid-19

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ด้วยระบบประชุมทางไกลออนไลน์ ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ ในการแก้ไขปัญหาประมงของประเทศ ตามที่กฎหมายกำหนด และคณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ เรื่องสำคัญได้แก่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหา การใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายในทะเลสาบสงขลา และเห็นชอบผลการดำเนินงานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งประกอบด้วย เรื่องสำคัญได้แก่

1.) การบริหารจัดการทรัพยากรประมง อย่างยั่งยืน

2.) การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย

3.) การดำเนินการด้านการประมงต่างประเทศ

และ 4.) การดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และชาวประมง ที่มีความสำคัญได้แก่ การนำเรือประมงออกนอกระบบ, โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง, การยกเว้นค่าธรรมเนียมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ

ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และการออกระเบียบกรมประมง ว่าด้วยการขอ และการออกใบรับรองมาตรฐานการทำการประมงพื้นบ้าน อย่างยั่งยืน รวมทั้งการแปรรูปสินค้าประมงพื้นบ้าน พ.ศ.2563 เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ศรชล.,กรมประมง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งขับเคลื่อนการแก้ปัญหาประมง อย่างจริงจัง ทุกพื้นที่ และให้มีการบังคับใช้กฎหมายควบคู่การผ่อนปรน อย่างเหมาะสม เป็นธรรม สำหรับการปรับปรุงกฎหมายจะต้องให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยไม่ขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ รวมทั้งต้องมีการสร้าง การรับรู้ ความเข้าใจ แก่ทั้งผู้ประกอบการ ,แรงงาน ,ผู้บริโภค และประชาชน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และความปลอดภัยในสินค้าประมง รองรับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ภายใต้สถานการณ์ covid-19 ในขณะนี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top