Thursday, 26 June 2025
Politics

‘พีมูฟ’ จี้!! ‘เศรษฐา’ บรรจุข้อเสนอเรื่องที่ดินไว้ในนโยบายรัฐบาล พร้อมดันยกร่าง รธน.ทั้งฉบับ ตั้ง ‘สสร.’ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม

(6 ก.ย. 66) ที่ด้านหน้าสนง.กพ.เดิม ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ ‘P-Move’ นำโดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ และ น.ส.ศิรวีย์ ทิพย์วงศ์ รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่อง ข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เพื่อให้บรรจุไว้เป็นนโยบายของรัฐบาล

โดยระบุว่า เนื่องจาก ช่วงรณรงค์การเลือกตั้งที่ผ่านมาภาคประชาชนได้จัด ‘เวทีภาคประชาชนเสนอนโยบายต่อพรรคการเมือง’ โดย ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อเสนอนโยบายด้านการแก้ไขปัญหาที่ดินและการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นธรรม และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่อพรรคการเมืองและสื่อสารสาธารณะต่อประชาชนชาวไทย ถึงแนวคิดในการบริหารทรัพยากรโดยยึดหลักสิทธิชุมชน

โดยเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยพลังประชารัฐได้ตอบรับการเข้าร่วมเวที และได้ส่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ มานำเสนอนโยบายของพรรค

ดังนั้น เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการตามนโยบายที่ได้ให้คำมั่นกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและประชาชน สามารถบรรลุตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ตอนรณรงค์การเลือกตั้งกับ ประชาชนในนามของพีมูฟ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้บรรจุนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาป่าไม้-ที่ดิน รัฐสวัสดิการและประชาธิปไตย ไว้ในนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ดังต่อไปนี้

1.) ให้ยกระดับโฉนดชุมชนให้เป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดที่ดิน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ภายใต้มาตรา 10 (4) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562

2.) ผลักดันให้มีการทบทวนปรับปรุงการดำเนินงาน ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (มหาชน) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการกระจาย การถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน สู่เกษตรกรรายย่อยและผู้ยากจน รวมทั้งผลักดันให้มีการจัดตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน’ ให้เป็นองค์กรที่มั่นคง และจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานอย่างพอเพียง

3). แก้ไขกฎหมายคืนความเป็นธรรมในเรื่องที่ดินและทรัพยากรป่าไม้ ให้แก่ประชาชนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม สังคายนากฎหมาย ที่ดิน-ป่าไม้ทั้งระบบ ทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิ.ย.2541, มติคณะมนตรีวันที่ 26 พ.ย.2561 และมติคณะรัฐมนตรีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

4.) เร่งออกกฎหมายว่าด้วยการนิรทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบ จากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ พ.ศ.....โดยระหว่างการออกกฎหมายดังกล่าว ขอให้ชะลอการดำเนินคดีและการบังคับคดีทางปกครอง ก่อนการพิสูจน์สิทธิ์เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายเกี่ยวกับคดีที่ดินป่าไม้ ตามที่อ้างถึง

5.) ผลักดันให้มีการจัดระบบสวัสดิการถ้วนหน้าแก่ประชาชนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

6.) ผลักดันให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ โดยให้การจัดตั้งและสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่สามารถกำหนดแนวทางได้ในทุกขั้นตอนโดยเร็ว

ทั้งนี้ เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายในการเปลี่ยน สปก. 4-01 ให้เป็นโฉนด ซึ่ง ขปส.ได้ประกาศจุดยืนไว้แล้วว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวมาโดยตลอด ดังนั้นจึงขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ให้การสนับสนุนนโยบาย ‘การแปลงสปก.-401 เป็นโฉนด’ อย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายดังกล่าว ด้วยความรอบรอบคอบรัดกุม ไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มนายทุน และทำให้เกิดวิกฤติความเหลื่อมล้ำและการกระจุกตัวของที่ดินมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ มีนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกมนตรี (สปน.) รับหนังสือดังกล่าวไว้เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปซึ่งกลุ่ม ผู้ชุมนุมพอใจ และใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัย ก่อนที่จะเดินทางกลับ

เอกสารแถลงนโยบาย ครม. หลุด!! แบ่งกรอบทำงานระยะสั้น-กลาง-ยาว ครบ!!

(6 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ระหว่างที่รัฐบาลกำลังเตรียมการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา มีเอกสารคำแถลงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ คือ กรอบการทำงานของรัฐบาลที่แบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

ระยะสั้นจะออกนโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิตอลวอลเล็ท จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จะใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจให้ถึงฐานราก รัฐบาลเองก็จะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบของภาษี และที่สำคัญ การดำเนินนโยบายนี้จะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศให้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความโปร่งใสให้กับกลไกการชำระเงินของระบบเศรษฐกิจและรัฐบาล

นอกจากนี้จะแก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินสำหรับภาคประชาชนที่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนากลางและขนาดย่อม

ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที นอกจากนี้รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงาน สนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงาน ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เร่งเจรจาการใช้พลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิกับประเทศข้างเคียง และสำรวจแหล่งพลังเพิ่มเติม

ตั้งเป้าจะเปิดประตูรับนักท่องเที่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวกปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า และการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การจัดทำฟาสแทร็ควีซ่าสำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE)

นโยบายเร่งด่วนสุดท้าย คือ การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลจะหารือแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตยทันสมัยและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงการหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา เพื่อให้ประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

สำหรับนโยบายระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีแนวทางที่จะสร้างรายได้ โดยการใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ให้สินค้าและบริการของประเทศ อาทิ กลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง อินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้ รวมถึงการให้ความสำคัญกับตลาดเดินที่รวมถึงประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง เร่งการเจรจากรอบความร่วมทางการค้าระหว่างประเทศ (FTA) ปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

ในเอกสารแถลงนโยบาย ระบุด้วยว่า รัฐบาลจะดำเนินนโยบายเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นำความปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรี และนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชน รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างของหน่วยงานความมั่นคงให้มีความทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อการคุกคามและภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ในศตวรรษที่ 21 รวมถึงรัฐบาลจะร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประเทศพร้อมกับประชาชน โดยจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง และกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจปัจจุบัน และอนาคตของประเทศ

ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้มีความทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับรูปแบบและความเสี่ยงของภัยคุกคาม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะการใช้เพื่อการเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค การเพิ่มพูนความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และการใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างเข้มแข็งด้านสังคมของประเทศ

รวมถึงยกระดับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค สานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ

‘ก้าวไกล’ เสนอ ‘บิ๊กทิน-รบ.ใหม่’ เขย่ากองทัพ หากการันตี ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ พร้อมร่วมมือ

(6 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ เกี่ยวกับการยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่า ขณะนี้สังคมกำลังจับตามอง ทางพรรคก้าวไกลจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ซึ่งตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 ได้ให้อำนาจกองทัพสามารถบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารเข้าเป็นทหารแม้ในยามที่ไม่มีสงคราม ทำให้มีช่องว่าง เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยอดผู้สมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารเฉลี่ย 30,000 คนต่อปี น้อยกว่ายอดกำลังพลที่กองทัพต้องการคือ 90,000 คนต่อปี ทำให้วันนี้ทุกฝ่ายคงเห็นตรงกันถึงราคาที่สังคมต้องจ่าย เมื่อมีการบังคับคนเข้าไปเกณฑ์ทหาร กระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ หรือการทำตามความฝัน การใช้เวลากับครอบครัว ไปจนถึงการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในระดับสังคม

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารให้สำเร็จ โดยไม่ให้กระทบภารกิจการรักษาความมั่นคง คือต้องลดยอดกำลังพลที่กองทัพต้องการ หรือลดยอดผี คือ ชื่ออยู่ในทะเบียนแต่ตัวไม่อยู่ในค่ายทหาร ลดทหารรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคง ทบทวนงานบางอย่างตามบริบทภัยความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปขณะเดียวกันต้องเพิ่มยอดสมัครใจในการเกณฑ์ทหาร ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ทั้งค่าตอบแทน ความปลอดภัย โอกาสในความก้าวหน้าของอาชีพ

“การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร มี 2 แบบคือ 1.) ลุ้นยกเลิกแบบปีต่อปี ค่อยๆ ลดช่องว่างกำลังพล ตามแผนของกระทรวงกลาโหมปี 2566-70 ที่กำลังดำเนินการอยู่ และ 2.) ที่พรรคก้าวไกลเสนอ คือ เลิกแบบการันตีไม่มีเกณฑ์ทหาร คือการแก้ไข พ.ร.บ.รับราชการทหาร ปี 2497 ทำให้กองทัพไม่มีอำนาจ ในการบังคับคนเป็นทหาร ในช่วงไม่มีสงคราม เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเราจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารสำเร็จในกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ เพราะสามารถกำหนดได้ในกฎหมาย ทำให้ผู้ที่เกณฑ์ทหารไม่ต้องมาลุ้นปีต่อปีเหมือนการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารแบบแรก ขณะเดียวกันจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้กองทัพปฏิรูปตัวเอง และให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ก็คงต้องจับตาดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ว่าแนวทางการยกเลิกฯ จะเป็นอย่างไร” นายพริษฐ์ กล่าว 

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าการชี้แจงของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เกี่ยวกับกับเรื่องนี้ ดูจะเป็นแนวทางการยกเลิกฯ แบบที่ 1 ถ้าในที่สุดออกมาเป็นแบบที่ 1 ก็เพียงแต่หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาว่าจะลดกำลังในแต่ละปีอย่างไรจนเป็นศูนย์ แต่ถ้าเป็นแบบที่ 2 พรรคก้าวไกลยินดีร่วมมือกับรัฐบาล เพราะเราได้ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายรับราชการทหารเข้าสู่สภาฯ แล้ว อยู่ในขั้นตอนการรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่เซ็นรับรองให้สามารถถูกบรรจุในสภาฯ แล้วมีการถกเถียงกัน

เมื่อถามว่านายสุทิน ออกมาระบุยืนยันในเดือน เม.ย.ปีหน้า จะไม่มีการเกณฑ์ทหารแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบที่ 1 มันจะอยู่ในสภาวะที่ต้องลุ้นปีต่อปี ตัวเลขแรกในยอดกำลังพลที่จะลดในแต่ละปี ก็ยังไม่ได้มีการสื่อสารออกมา ถึงแม้ปีหน้าจะสามารถลดให้เหลือศูนย์ได้จริง แต่คงต้องมาลุ้นในปีต่อไปอีกว่า ยอดกองทัพจะมีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นการรับประกันให้เยาวชนที่ต้องวางแผนชีวิตว่าจะมีความเสี่ยงในการรับการเกณฑ์ทหารหรือไม่

“การปฏิรูปกองทัพต้องมีไอเดียมาจากรัฐบาลพลเรือนที่เป็นกรอบการดำเนินการด้วย ไม่ใช่แค่ปล่อยให้องค์กรนั้นๆทำแผนที่ตัวเองคิดมาเพียงอย่างเดียว อย่างที่ผ่านมาอาจมีกฎหมายบางส่วนที่ทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือพลเรือนเช่น พ.ร.บ.ระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า การตัดสินใจหลายๆ อย่างเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรมว.กลาโหม ที่เป็นตัวแทนของพลเรือน แต่กลับไปอยู่ในอำนาจของสภากลาโหมที่ประกอบไปด้วยข้าราชการทหารเป็นหลัก ทำให้ขัดหลักที่ว่ารัฐบาลพลเรือนควรอยู่เหนือกองทัพ” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามถึงการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านร่วมกัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย ที่ผ่านมามีแต่การพูดคุยในพรรคก้าวไกลเป็นหลัก 

นาทีทอง!! ‘เศรษฐา’ โชว์ฟอร์มบริหารราชการแผ่นดิน ร่ายคาถากำราบ ‘นักการเมือง’ โหยเงิน-หิวอำนาจไม่ให้แผลงฤทธิ์

วันนี้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เริ่มต้นกันแบบตรงไปตรงมาว่า ขอแสดงความยินดีปรีดากับ ‘รัฐบาลเศรษฐา’ ที่จะได้เริ่มงานสมบูรณ์แบบเต็มคาราเบล...หลังจากผ่านการแถลงนโยบายในวันจันทร์ที่ 11 ก.ย. ที่จะถึงนี้หลังจากที่เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณกันเป็นที่เรียบร้อย   

ต้องขีดเส้นใต้หลายเส้นไว้ตรงนี้ว่าการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถาร ให้กำลังใจ พร้อมชื่นชมนายกฯ เศรษฐา ทวีสินว่าเป็นคนเก่ง ตามที่คุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว เปิดเผยกับนักข่าวนั้นมีคุณค่าเหนืออะไรอื่น...ต้องน้อมใส่เกล้าฯ รำลึกไว้ในทุกเมื่อ…และพึงระลึกว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ได้ถวายสัตย์ฯ เอาไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ด้วยถ้อยคำว่า  

“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

พูดก็พูดเหอะ…ในอดีตรัฐมนตรีบางคนผ่านการถวายสัตย์ฯ หลายต่อหลายครั้ง แต่ไปทุจริตคดโกงสุดท้ายก็เข้าคุกเข้าตะราง…

ดูหน้าดูตา ครม.เศรษฐา ยังไม่ถึงกับต้องร้องว๊าววว!! แต่ขณะเดียวกันก็พอจะเข้าใจได้ว่าภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลผสม และระบบโควตาแบบการเมืองไทยได้แค่นี้ก็พอไปได้…สำคัญว่าหัวขบวนอย่าง ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา จะโชว์กึ๋นโชว์ฟอร์มความเก่งออกมาได้ยังไง จะรักษาดุลยภาพความเป็นตัวของตัวเอง กับการแทรกแซงจากภายนอกได้มากน้อยแค่ไหน…มีศิลปะในการบริหารจัดการอย่างไร...และป้องกันการถอนทุนของนักการเมืองบางคนที่หิวโหยทั้งอำนาจและเงินตราได้แค่ไหน?

รัฐบาลลุงตู่ 9 ปีที่ผ่านไป ก็มีการทุจริตโกงกินกันพอประมาณ แต่ตัวผู้นำไม่มีบาดแผล ก็เป็นภูมิคุ้มกันที่ดี ตรงนี้แหละที่เศรษฐาต้องยึดถือว่าคือผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่แท้จริง ทนทานและดีงามกว่าผู้มากบารมีชั้น 14 เป็นไหน ๆ

มาถึงบรรทัดนี้ก็ต้องขอแสดงความยินดีและห่วงใยไปยัง ‘บิ๊กอ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ที่ถูกจัดวางเป็นรองนายกฯ อันดับ 1 เรียกขานว่า สร.2 นอกจากดูกระทรวงการค้าแล้วยังต้องมาดูงานความมั่นคง ดูแลตำรวจให้นายกฯ เศรษฐาด้วย..อันนี้น่ายินดี แต่ที่น่าห่วงคือสุขภาพของสหายใหญ่หรือบิ๊กอ้วนวันนี้ไม่น่าจะฟิตปั๋งเหมือนแต่ก่อน...หรือจะให้ฟิตปั๋งแบบ ‘บิ๊กทิน’ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ก็คงไม่ได้ รายนั้นวันเสาร์ที่ผ่านมายังไปส่ายสะโพกโยกเต้นร้องเพลงลูกทุ่งฉลองวันเกิดของสหายศรชัย-อดิศร เพียงเกษ ที่สนามกอล์ฟดังเมืองกาญจน์อยู่เลย…

พูดถึง ‘บิ๊กทิน’ ก็คงปวดหัวในการจัดทัพทีมงาน ทั้งงานรูทีนธุรการ งานที่ปรึกษา ฝ่ายเสนาธิการทั้งโอลด์เติร์ก ยังเติร์ก และนักวิชาการ-นักการเมือง...ตามข่าวเบื้องต้นทราบว่าจะเอา พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ ‘บิ๊กเล็ก’ อดีตเลขาธิการ สมช. สายตรงลุงตู่เป็นเลขานุการรัฐมนตรี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ‘บิ๊กแป๊ะ’ อดีตปลัดกลาโหมยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี...

ราย ‘บิ๊กแป๊ะ’ นั้นน่าจะแน่แล้ว...แต่ราย ‘บิ๊กเล็ก’ ข่าวยังไม่ยืนยัน แต่ถ้าได้ทั้งสองท่าน ‘บิ๊กเล็ก เลียบด่วน’ ขอบอกว่าดีแน่...แต่ ‘บิ๊กแม้ว’ ว่าไงล่ะ…ท่านบิ๊กทิน!!??

สวัสดี

‘รมช.คลัง’ ยัน!! วิธีโอนเงิน เงินดิจิทัล 10,000 ใช้ระบบบล็อกเชน ไม่ได้โอนผ่านเป๋าตัง

(6 ก.ย. 66) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีช่องทางการจ่ายเงินในโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยปฏิเสธข่าวที่ว่าจะโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่เคยถูกใช้ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาก่อนหน้านี้นั้น

ยืนยันว่า นโยบายนี้ จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) อยู่เบื้องหลัง ซึ่งถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากเทคโนโลยีแบบเดิม เพื่อประโยชน์ของการพัฒนาประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

'สส.สรรเพชญ' ยก 5 ปัญหาเรื้อรัง 'สงขลา' หารือสภาฯ  ชี้!! ชาวบ้านทุกข์หนัก วอน!! หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งช่วยด่วน

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ปรึกษาหารือปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยความรวดเร็วกระชับในเวลาเพียงไม่เกิน 4 นาที แต่สามารถระบุสาระสำคัญของปัญหาที่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแลได้ถึง 5 เรื่องด้วยกัน ดังนี้...

1. ขอให้กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเครื่องจักรกลเพื่อขุดลอกคูคลองในพื้นที่สำคัญ ๆ เพิ่มเติม เพื่อเตรียมการรับมือน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะอำเภอเมืองสงขลา โดยเฉพาะบริเวณห้าแยกน้ำกระจาย มักจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอยู่ตลอดทุกปี เป็นปัญหาเรื้อรังที่ยังแก้ไม่หาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง

2. ขอให้แขวงทางหลวงชนบทสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการติดตั้งไฟส่องสว่างสาธารณะบนเส้นทางสัญจร ถนนทางหลวงชนบท สาย สข 2004 แยกทางหลวงหมายเลข 43 เขตเทศบาลนครสงขลา เนื่องจากผู้ใช้ถนนดังกล่าวได้รับความไม่สะดวก ในการสัญจรรวมถึงความไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เนื่องจากแสงสว่างไม่เพียงพอ รวมถึงทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ยังมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดแนวชายฝั่ง และถนนดังกล่าวยังเป็นเส้นทางสัญจรของประชาชน และมีโรงงานอุตสาหกรรม บ้านเรือนประชาชน อาศัยอยู่ตลอดแนวถนน ทำให้ช่วงเวลากลางคืน อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

3. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซ่อมแซมถนนไทรบุรี ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักที่ใช้มุ่งหน้าเข้าเมืองสงขลา ถนนเส้นนี้เคยได้รับฉายาว่า ‘หลับที่อื่นแต่มาตื่นที่สงขลา’ เพราะถนนขรุขระมาก ถนนสายนี้เป็นเส้นทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาค่อนข้างมาก เช่น ย่านเมืองเก่า ชายหาดต่างๆ อยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยปรับปรุงถนนเป็นการเร่งด่วน เพื่อบรรเทาปัญหาของพี่น้องประชาชน และเพื่อเตรียมการรองรับกีฬาซีเกมส์ในอีก 2 ปีข้างหน้า ที่จะจัดขึ้นและจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพด้วย และเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของประเทศต่อไป

4. ขอให้การประปาส่วนภูมิภาค ขยายเขตประปาภูมิภาค และปรับปรุงคุณภาพน้ำประปา เนื่องจากเดิมทีเป็นประปาหมู่บ้าน หรือชาวบ้านเจาะน้ำบาดาล และต้องเอามากรองแล้วใช้ในหมู่บ้าน โดยชาวบ้านดูแลค่าใช้จ่ายกันเอง แต่บางหมู่บ้านขาดทุนก็ต้องล้มเลิกไป ซึ่งปัจจุบันระบบน้ำเก่า ชำรุดทรุดโทรม ท่อน้ำมีสนิมเกาะ ไม่เหมาะแก่การอุปโภคและบริโภค อีกทั้งแรงดันน้ำไม่เพียงพอ ต้องดึงเมนมาจากบ้านโคกสูง ตำบลท่าข้าม จึงขอให้การประปาฯ ขยายเขตประปาภูมิภาค และปรับปรุงคุณภาพน้ำ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้น้ำประปาที่มีคุณภาพ

5. ขอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปช่วยเหลือประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาที่คลองอิกอง หมู่ 1 บ้านบางดาน ตำบลเขารูปช้าง เนื่องจากผนังกั้นคลองเริ่มทรุดตัว มีรอยแตกร้าวเป็นทางยาวจากการกัดเซาะของน้ำที่ไหลบ่าจากบนเขาในทุกๆ ปี ทำให้เกิดอันตรายกับประชาชน และประชาชนเคยขอให้เทศบาลเขารูปช้างดำเนินการแล้วแต่ติดปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ จึงขอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนด้วย

"ทั้งนี้ จึงกราบเรียนผ่านท่านประธานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป เนื่องจากประชาชนรอการแก้ไขปัญหาเรื้อรังเหล่านี้ด้วยครับ" นายสรรเพชญ กล่าว

‘ไอติม ก้าวไกล’ ติงแถลงนโยบายวันเดียวน้อยและรวบรัดเกินไป เกรงได้รายละเอียดไม่ครบถ้วน

เมื่อวานนี้ (6 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา ว่า ส่วนตัวยังมีข้อกังวล 2 ส่วน คือ กรอบเวลาในการอภิปราย ขณะนี้มีข่าวออกมากว่าอาจจะเหลือการอภิปรายนโยบายเพียง 1 วัน โดยยังต้องรอการยืนยัน โดยมองว่า เป็นเวลาที่สั้นมาก หากย้อนดูในอดีตของการอภิปรายก็มักจะมากกว่า 1 วัน โดยจากรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีกรอบอภิปราย 2 วัน ทั้งนี้ หากเหลือแค่เพียงวันเดียวจริง ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่รวบรัดจนเกินไปกับกระบวนการที่มีความสำคัญ

ส่วนข้อกังวลที่สอง ก็คือ เนื้อหาสาระของนโยบาย โดยต้องรอการยืนยันว่าเอกสารคำแถลงนโยบายที่หลุดออกมากเป็นเอกสารทางการหรือไม่ หากเอกสารที่ออกมาตรงกับเอกสารหลุดออกมาผ่านสื่อก็ยอมรับว่ายังขาดรายละเอียดนโยบายที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สื่อสารกับประชาชนก่อนหน้าการเลือกตั้ง โดยยังไม่พบนโยบายค่าแรง สภาร่างรัฐธรรมนูญที่ยังมีความคลุมเครือว่าจะจัดตั้งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งหรือไม่

รวมถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะออกมาบอกว่าจะมีการทบทวนดำเนินการภายใน 2 ปี แต่เมื่อไม่มีในเอกสารนโยบายก็ไม่มีหลักประกันกับประชาชนว่ารัฐบาลจะดำเนินการจริง โดยต้องให้ความสำคัญเพราะเป็นสัญญาประชาคม และยิ่งเป็นรัฐบาลผสม ประชาชนก็จับตาว่านโยบายของแต่ละพรรคที่แตกต่าง ขัดแย้งกันบ้างจะตกผลึกขับเคลื่อนออกมาเป็นนโยบายส่วนใด

ขณะที่การอภิปรายในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกล ยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการพูดคุยภายในของพรรคก้าวไกล เป็นหลักถึงปัญหาของประชาชนและแบ่งหน้าที่วิเคราะห์นโยบาย

‘หมิว สิริลภัส’ โต้!! ปมถูกกล่าวหาลักลอบเอาข้าวสภาฯ กลับบ้าน  พร้อมเหน็บ ถ้ามี สส.อยู่จนปิดประชุมมากพอ คงไม่มีข้าวเหลือแบบนี้

(7 ก.ย. 66) น.ส.สิริลภัส กองตระการ หรือ ‘หมิว’ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X หรือทวิตเตอร์ กรณีมีการเผยแพร่ภาพอดีตดาราสาวลักลอบนำอาหารสภากลับบ้าน ว่า…

“น่าแปลกใจนะคะ เป็น สส.มา 2 สมัย ก็ไม่ทราบว่าได้เข้ามาห้องอาหารตอน ‘เลิกประชุมสภา’ กี่ครั้ง ตั้งแต่มีประชุมสภามา หมิวกล้ายืนยันว่าหมิวอยู่จนจบประชุมสภา ‘ทุกครั้ง’ พร้อมเพื่อน สส.ก้าวไกลอีกหลายคน หลังจบประชุม ที่ห้องอาหารก็จะมีอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้ ตามจำนวน สส.
คำถามคือ แล้วทำไมตอนเลิกประชุม อาหารถึงได้เหลือมากขนาดที่เขาต้องห่อใส่ถุงให้เอากลับบ้าน?? ถ้าจำนวน สส. ที่เหลืออยู่จนปิดประชุมมีมากพอ ก็ไม่มีอาหารที่เหลือแบบนี้หรอกมั้งคะ

อาหารที่เหลือเหล่านี้ ถ้าไม่ห่อกลับ เจ้าหน้าที่ก็จะแจกจ่ายอยู่แล้ว และวันนี้ หมิวก็ใช้สิทธิ์ตามที่มี ไม่ได้นั่งทานที่ห้องอาหาร แต่ห่อกลับมากินที่บ้าน

การใช้คำว่า ‘ลักลอบ’ นี่ไม่รู้ว่า อ่อนภาษาไทยหรือจงใจใส่ร้ายกันแน่

เข้ามาทำงานที่มีเกียรติแล้ว ก็ช่วยภูมิใจ ที่ประชาชนคนไทย เขาเลือกมาของตัวเองหน่อยค่ะ มีหน้าที่ทำงานการเมืองก็ทำไป จะอภิปราย จะขับเคลื่อนประเด็นอะไรก็ว่าไป

มัวแต่มานั่งถ่ายรูปจับผิดคนอื่น เอาเขาไปแขวน อย่าคิดว่าเจ้าตัวเค้าจะไม่เห็นนะคะ

มีสื่ออยู่ในมือก็หัดใช้ให้มันเป็น ถ้าใช้สื่อไม่เป็น เดินเข้ามาถามได้ ยินดีให้คำแนะนำ ถ้าอยากได้ยอดติดตามที่มากกว่าที่มีอยู่ 4000 กว่าคน

ถ้าเจอกันครั้งหน้า ไม่มีเพื่อนสส.พรรคเดียวกันนั่งกินข้าวด้วยเพราะอยู่ไม่ถึงเลิกประชุม ก็มานั่งทานด้วยกันได้นะคะ จะได้มาคุยกันหน่อยว่าจุดประสงค์ที่ถ่ายรูป+แคปชั่นแบบนี้ จะสื่อว่าอะไร พร้อมจะรับฟังค่ะ”

‘คุณหญิงหน่อย’ ปูดเบื้องหลังดีล พท. - รทสช. ลงตัว เหตุทั้ง 2 พรรคมีนายทุนคนเดียวกันเป็นสะพานเชื่อม

‘คุณหญิงหน่อย’ เผยเบื้องหลังดีลร่วมจัดตั้งรัฐบาลระหว่าง ‘เพื่อไทย - รวมไทยสร้างชาติ’ ลงตัวง่าย เหตุเพราะทั้ง 2 พรรคมีนายทุนคนเดียวกัน ที่สำคัญหวังส่งคนคุมบางกระทรวง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์กับ จอมขวัญ หลาวเพชร ถึงประเด็นที่พรรครวมไทยสร้างชาติ กลับมามีความใกล้ชิดและเจรจาได้ลงตัวกับเพื่อไทย แทนที่พรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาว่า ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น มาจากนายทุน หรือ ผู้สนับสนุนของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความสัมพันธ์ที่ดี หรือว่าเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยด้วย เป็นสะพานเชื่อมให้ทั้ง 2 พรรคสามารถเจรจากันได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้ หากจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ผู้สนับสนุนของ 2 พรรค ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น เป็นบุคคลเดียวกัน และที่สำคัญ ยังมีเป้าหมายที่จะส่งคนเข้าไปนั่งในบางกระทรวง ยิ่งทำให้เกิดพลังในการเจรจาเพิ่มมากขึ้น

‘บิ๊กป้อม’ แต่งตั้ง ‘ไพบูลย์’ นั่งปธ. ติดตามงานกฎหมาย ดูแลกิจการพรรค - สส. - สมาชิกพรรค ให้เป็นไปตาม รธน.

(7 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ลงนามคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ 117/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการด้านกฎหมาย เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในด้านกฎหมายของพรรค ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ นโยบายและแนวทางที่พรรคกำหนดให้สัมฤทธิ์ผลและสอดประสานไปในทิศทางเดียวกัน

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 5 พ.ศ. 2566 ข้อ 17 (1) (ซ) แต่งตั้งคณะกรรมการด้านกฎหมายโดยมีองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ ดังนี้

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานกรรมการ 
นายประสาน หวังรัตนปราณี เป็นกรรมการ 
นายสุธรรม จริตงาม เป็นกรรมการ 
นายองอาจ วงษ์ประยูร เป็นกรรมการ 
นายภาส ภาสสัทธา เป็นกรรมการ 
นายทศพล เพ็งส้ม เป็นกรรมการ 
นายณรงค์ โยธนัง เป็นกรรมการ และเลขานุการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการชุดดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ ติดตามดูแลการดำเนินกิจการของพรรค สส.และสมาชิกพรรค ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อบังคับพรรค และยกร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง ที่พรรคกำกับดูแล หรือ ตามที่ สส. ขอให้ยกร่างพระราชบัญญัติเพื่อแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชนเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงให้คำปรึกษาและคำแนะนำทางด้านกฎหมายแก่คณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการด้านต่าง ๆ สส. และสมาชิกพรรค

นอกจากนั้นตรวจสอบกรณีสมาชิกพรรค ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคและเสนอผลการตรวจสอบต่อหัวหน้าพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรค และแต่งตั้งที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการ คณะทำงานเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ จัดทำแผนดำเนินงานและรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการต่อหัวหน้าพรรคโดยตรงหรือประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ แล้วแต่กรณี รวมถึงดำเนินงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ และปฏิบัติงานอื่นตามที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top