Sunday, 6 July 2025
Politics

ว่ากันไปตามสถิติ!! เปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์คนจนต่อประชากรยุค 'บิ๊กตู่' เมื่อตัวเลขลดลงเหลือหลักเดียวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

(12 มี.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กคุณ 'LVanicha Liz' ได้นำเสนอข้อมูลเท็จจริงเปรียบเทียบอัตราส่วนของ 'คนจน' ในยุครัฐบาลต่างๆ ภายใต้หัวข้อ '#peopleจนหมดแล้ว จริงแค่ไหน?' ระบุว่า...

ดูเหมือน น.ส.แพทองธาร อาจจะไม่เคยศึกษาตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในระดับโลก

ยกตัวอย่างในการเน้นปัญหาของไทย เธออ้างว่าไทยมีความเหลื่อมล้ำ ติดอันดับ Top 5 ของโลก ทั้งๆ ที่อันดับความเหลื่อมล้ำของไทยได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนอยู่ในระดับค่อนข้างดี (ในปี ๒๕๖๓ เป็นอันดับที่ ๙๘ ของโลก) ตามที่ผู้เขียนโพสต์เมื่อวันที่ ๑๒ ก.พ. ๒๕๖๖

ช่วงใกล้เลือกตั้งไม่ควรสุ่มสี่สุ่มห้าพูดในลักษณะที่อาจทำให้ผู้รับเลือกตั้งรายอื่นเสียหาย เพราะอาจผิดกฎหมาย

อีกประเด็นก็คือการระบุว่า #peopleจนหมดแล้ว ในการให้สัมภาษณ์ครั้งเดียวกันนั้น

เธอกล่าวถึงนโยบายถ้าตนเองเป็นนายก รมต. (นาที ๑๙.๔๗) ว่า ๖ เดือนแรกจะลดค่าน้ำค่าไฟ เพราะ #peopleจนหมดแล้ว (นาที ๒๐.๐๓) เธอเน้นว่าต้องทำเดี๋ยวนี้เลย https://www.youtube.com/watch?v=XrIw_2oKEoU

อันที่จริงคนจนไม่ได้ใช้น้ำใช้ไฟสักเท่าไร ...

ใครมาจากประเทศตะวันตกบางประเทศจะพบว่า น้ำประปาเมืองไทยจัดว่าราคาต่ำ ส่วนค่าไฟ คนที่เดือดร้อนน่าจะเป็นพวกมีเงินซื้อและใช้แอร์

สุ้มเสียงของเธอคล้ายจะตำหนิว่า รัฐบาลปัจจุบันเป็นตัวทำให้คนไทยยากจน

อันที่จริงเมื่อเปรียบเทียบระหว่างรัฐบาล เมื่อสิ้นสุดรัฐบาลนายทักษิณ นายอภิสิทธิ์, น.ส.ยิ่งลักษณ์ อัตราคนจนต่อประชากร คิดเป็น ๒๑.๙๔, ๑๓.๒๒, ๑๐.๕๒ ตามลำดับ

 

ทำเพื่อชาวใต้ ‘ลุงป้อม’ บุกสุราษฎร์ฯ ติดตามแผนบริหารจัดการน้ำ ย้ำ!! ทุกส่วนราชการ เร่งดูแลปัญหาน้ำท่วม-แล้งในทุกมิติ

(13 มี.ค.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และคณะ ลงพื้นที่ภาคใต้ 3 จ. เพื่อติดตามความคืบหน้าบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาพื้นที่และรับฟังความเดือดร้อนประชาชน โดยจุดแรกเดินทางไปศาลาอเนกประสงค์พรุเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้ว่าราชการจังหวัด เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หัวหน้าส่วนราชการต่างต้อนรับ โดยรับฟังสถานการณ์ภาพรวมแผนงานและโครงการน้ำในพื้นที่ ปี 61- 65 คืบหน้า 870 โครงการ วงเงิน 4,469.40 ล้านบาท มีประชาชนได้รับประโยชน์ 45,687 ครัวเรือน และป้องกันความเสียหายได้ 15,975 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ 6 โครงการ คือ อ่างเก็บน้ำคลองสีสุก คลองลิปะใหญ่ ระบบป้องกันน้ำท่วม ตลาดไชยา ชุมชนเชิงมนต์ ชุมชนเฉวงและชุมชนวัดประดู่ 

จากนั้นลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้าง ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนบางรัก และโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมพรุเฉวง

ส่วนต่างที่หายไป!! 'ก้าวไกล' กัดไม่ปล่อย ‘บีอีเอ็ม’ สอยสัมปทานรถไฟสายสีส้ม ชี้!! อย่าปล่อยให้ 'เมกะโปรเจกต์' กลายเป็น 'เมกะดีล'

(13 มี.ค.66) สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดเผยเอกสารหลักฐานที่เพิ่งได้รับ กรณีข้อสงสัยการทุจริตประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเคยอภิปรายไปหลายครั้งก่อนหน้านี้ ให้เห็นถึงความพยายามกีดกันคู่แข่งของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ชนะการประมูล ซึ่งก็คือบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ให้ออกไปจากการแข่งขัน โดยมีส่วนต่างที่รัฐต้องจ่ายอุดหนุนให้เอกชนสูงถึงกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท

สุรเชษฐ์กล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่ง ว่านี่คือการประมูลที่เกิดขึ้นถึงสองครั้ง เพื่อสร้างสิ่งเดียวกัน แต่มีส่วนต่างสูงถึง 6.8 หมื่นล้านบาท และตนขอยืนยันอีกครั้ง ว่าส่วนต่างมีอยู่จริง แม้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะพยายามปฏิเสธเพียงใดก็ตาม

โดยสิ่งที่ปรากฏอยู่ในเอกสารที่ตนได้มาครั้งนี้ คือเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด นั่นคือข้อเสนอของฝ่ายบีอีเอ็มที่ตนได้พยายามขอมาหลายครั้งผ่านทุกช่องทางแล้วแต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องเลย แต่บัดนี้เข้าใจได้ว่าเมื่อหัวโจกไม่อยู่แล้ว ข้าราชการที่รักความยุติธรรมจึงเริ่มเคลื่อนไหว ส่งข้อมูลมาให้ตนในที่สุด

สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า เมื่อนำข้อมูลข้อเสนอจากทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบกัน จะเห็นได้ว่าข้อเสนอของบีทีเอส จะขอเงินจากรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้าง ในปีที่ 3-8 ยอดรวม 79,820 ล้านบาท โดยจะมีกำไรจ่ายคืนรัฐในปีที่ 20 เป็นต้นไป รวมเป็นเงินจำนวน 70,145 ล้านบาท ผลรวมจะเท่ากับเกิดส่วนต่างที่รัฐต้องอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาท

ขณะที่ข้อเสนอของบีอีเอ็มนั้น มีการขอเงินรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้าง ในปีที่ 3-8 เป็นจำนวน 81,871 ล้านบาท โดยผลตอบแทนที่บีอีเอ็มจะให้ตั้งแต่ปีที่ 14 เป็นต้นไป จะคืนเป็นยอดรวมเพียง 3,583 ล้านบาทเท่านั้น

กล่าวคือขณะที่บีทีเอสมีข้อเสนอจะจ่ายคืนให้รัฐ 70,145 ล้านบาท บีอีเอ็มจะคืนให้เพียง 3,583 ล้านบาท โดยที่ค่าก่อสร้างแทบไม่ต่างกันเลย ผิดกับที่ฝ่าย รฟม. มักออกมาอ้างว่าจำเป็นต้องใช้เทคนิคชั้นสูงในการสร้างอุโมงค์ใต้ดิน ทำให้ต้องใช้งบประมาณมากขึ้น แต่หากลงไปดูในรายละเอียดเปรียบเทียบกันแล้ว จะพบว่าทั้งสองข้อเสนอแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

“ดังนั้น ที่ต่างจริงๆ ก็คือผลตอบแทนที่จะคืนให้รัฐ ซึ่งบีอีเอ็มให้น้อยกว่าบีทีเอสมาก คำถามคือส่วนต่างนี้จะเอาไปทอนให้ใคร แน่นอนว่าทั้งหมดจะอยู่ในกระเป๋าของบีอีเอ็ม แต่บีอีเอ็มจะเอาไปให้ใคร หรือให้พรรคการเมืองใดบ้างหรือไม่ ผมอยากให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนร่วมกันติดตาม” สุรเชษฐ์กล่าว

สุรเชษฐ์ยังกล่าวต่อไป ว่าจากวันนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรียังมีเวลาเหลืออย่างมากอีกเพียง 2 ครั้งที่จะอนุมัติเรื่องต่างๆ คือในการประชุม ครม. พรุ่งนี้ (14 มีนาคม) หรือหากยังไม่มีการยุบสภาเร็วๆ นี้ ก็จะต้องเป็นการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า ที่ต้องจับตาคือจะมีการยัดเรื่องนี้เข้าไปหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าถ้าทุกคนเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไร จะมีการนำเข้าไปแน่นอน รวมทั้งอาจมีการใช้กระบวนการยุติธรรมมาฟอกขาว ว่าข้อเสนอของบีทีเอสเป็นข้อเท็จจริงนอกสำนวน

คลิปภาพมัดตัว ‘นันทิวัฒน์’ เผย หลายพรรคเสี่ยงโดนยุบพรรค ชี้!! นักการเมืองมักคิดว่าทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด

(13 มี.ค.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สุ่มเสี่ยงผิดกฏหมาย

คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักการเมืองมีความเก่งในการทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงผิดกฏหมาย หรือจะพูดว่า ไม่กลัวการทำผิดกฏหมาย ชอบเดินไต่ลวด ชอบเลี่ยงกฏหมาย หรือพูดง่าย ๆ ว่า ชอบโกง จับไม่ได้ ไล่ไม่ทันก็รอด นักการเมืองพวกนี้มักมีความเชื่อว่า เป็นนักการเมืองจะทำอะไรก็ได้ไม่ผิด แต่ถึงจะผิด สักวันจะสามารถออกกฏหมายยกเว้นความผิดที่ตัวเองก่อไว้ได้

มันเกิดอะไรขึ้น โมฆะบุรุษ คนที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมืองจะไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ แต่คนเหล่านี้กลับเข้ามาแสดงบทบาททางการเมืองแบบเย้ยกฎหมาย บางคนบางพรรคตั้งให้มีตำแหน่งบนเวทีหาเสียง กระโดดขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงทางการเมือง ชี้นำ โฆษณานโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง มีบทบาทมากกว่าคนอื่น ๆ

พรรคการเมืองหลายพรรคกำลังสุ่มเสี่ยงใช้คนนอกพรรคชี้นำ ครอบงำพรรค บางพรรคเข้าใจเอาเองว่า คนเหล่านั้นสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสี่ยงได้ อันเป็นความเข้าใจผิด

ปัจจุบัน ยังไม่ยุบสภา ยังไม่เปิดรับสมัคร ยังไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น จึงยังไม่มีผู้ช่วยหาเสียงแน่นอน ไก่จะเกิดก่อนไข่ไม่ได้

บุกบ้านโป่ง!! ‘ลุงตู่’ ลงพื้นที่ราชบุรี ไหว้พระ-เยี่ยมชมสถานที่ ชาวบ้านแห่ต้อนรับ พร้อมชูป้าย ‘ลุงตู่ อยู่ต่อ’

(13 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ว่า เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ในนามนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยมี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น ร่วมคณะ 
.
โดยเมื่อเวลา 09.00 น.นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ โดยจุดแรก เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีขาวทะเบียน กค 9 ราชบุรี มายังวัดหุบกระทิง ตำบลเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยทันทีที่มาถึงนายกฯได้ทักทายกับนักเรียนโรงเรียนวัดหุบกระทิงที่มารอเจอนายกฯที่บริเวณรั้วโรงเรียน โดยนายกฯกล่าวกับเด็กๆว่า ให้รักสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ สำหรับลุงยึดและรักทั้ง 3 สถาบัน และรักประชาชน ขอให้เด็กทุกคนเป็นคนดีรู้รักสามัคคี และตอนหนึ่งนายกฯหยอกล้อเด็กๆให้รักษาฟันให้ดีๆ ขณะที่เด็กๆบอกว่าเคยเห็นนายกฯแต่ในติ๊กต๊อกเพิ่งเคยเจอตัวจริงวันนี้ 

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ สักการะพระประธานอุโบสถ หลวงพ่อสมปรารถนา และนมัสการพระมหาสงกรานต์ (สันติ กะ โร) เจ้าอาวาสวัดหุบกระทิง

ทั้งนี้ ในพื้นที่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรค รทสช. เดินทางมาต้อนรับ รวมทั้งมีชาวบ้านมารอต้อนรับพร้อมชูป้ายข้อความ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” , เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตรย์แบะประชาชน ลุงตู่สู้ๆ , หนีเมียมาเชียร์ลุง , ลุงตู่อยู่ยาวๆ เป็นต้น ขณะเดียวกันได้มีการซักซ้อมประชาชนว่าห้ามหอมแก้มและจับมือบีบมือนายกฯเนื่องจากมือนายกฯยังเจ็บอยู่ ขณะที่นายกฯเองก็พยายามยกมือข้างขวาขึ้นสูงเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกมือที่ยังอักเสบอยู่ ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปลูบหัวสุนัขที่ชาวบ้านอุ้มมาต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า “น่ารักแข็งแรงนะลูก”

จากนั้น นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้เกษตรวิถีพุทธ ภายใต้สโลแกน "คุณลุงทำนา คุณป้าทำสวน" ซึ่งเป็นวิถีความร่วมมือในการพัฒนาระหว่างวัดกับชุมชน เยี่ยมชมร้านกาแฟ มา-หา กาแฟบุญผลกำไรนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณะสงเคราะห์ และเยี่ยมชมตลาดร่มสักส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีอาชีพสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สนทนาธรรมกับจะอาวาสว่า วัดนอกจากเป็นที่พึ่งของพุทธะศาสนิกชนแล้วเป็นที่สั่งสอนพระพุทธศาสนาให้ความร่มเย็นแล้วส่วนหนึ่งที่วัดหุบกระทิง ได้ทำคุยสร้างเศรษฐกิจชุมชนซึ่งถือเป็นเรื่องดีก็ขอให้มีการพัฒนาต่อไปเรื่อยเรื่อย

เงียบสยบข่าว!! ‘โรม’ บุก บช.ปส. ทวงความคืบหน้าคดี ‘ส.ว.ทรงเอ’ หลัง ‘ตำรวจ-ศาล’ เกียร์ว่าง - ไม่มีคำตอบให้สังคม

(13 มี.ค.66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเพื่อติดตามความคืบหน้าการติดตามตัว อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา มาดำเนินคดีกรณีมีข้อครหาเกี่ยวข้องพัวพันกับการฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติดของ ‘ทุนมินลัต’

รังสิมันต์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ ตนได้ทำทุกอย่างแล้ว ทั้งอภิปรายในสภาฯ แสดงหลักฐานเพิ่มเติมที่อุปกิตอาจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องไปยังคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) อัยการสูงสุด ถึงกรณีการถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหว และเหตุผลที่มาแถลงข่าวที่นี่ในวันนี้ เนื่องจาก บช.ปส. ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้ดูแลการดำเนินคดีนี้ โดยจากประสบการณ์ทางการเมืองที่ตนมี ความเงียบที่เกิดขึ้นมักจะเกิดจากความจงใจหรืออาจจะเป็นการล้มคดี

"ผมยื่นหนังสือไปยัง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุด ผบ.ตร. มีหนังสือตอบกลับมาบอกว่า ได้ส่งหนังสือที่ผมยื่นและหลักฐานต่าง ๆ ให้ บช.ปส. แล้ว ซึ่งผู้การ ปส.3 ต้องเป็นผู้รับผิดชอบคดี และหากดูในเอกสารชี้แจงของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ จะพบว่ามีความเกี่ยวข้องตั้งแต่ชั้นตำรวจและศาล ที่อาจนำไปสู่การล้มคดีได้" รังสิมันต์กล่าว

รังสิมันต์ กล่าวว่า ยืนยันว่ามีความพยายามวิ่งเต้นเพื่อล้มคดีจริง แม้แต่ในส่วนของศาล ตัวอธิบดีศาลก็พูดในลักษณะหวาดกลัวผู้ใหญ่ต่อการทำคดีนี้ ตนจึงขอตั้งคำถามว่า มีคนที่เหนือกว่าอธิบดีศาลอาญาอีกหรือ เมื่อพิจารณาจากเอกสารของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะเห็นความพยายามวิ่งเต้นเพื่อช่วยเหลือให้ ส.ว.ทรงเอ หลุดพ้นจากคดีนี้ พร้อมแจกคำใบ้ อดีตบิ๊กตำรวจ ส. เสือ ที่ไม่อยู่ในราชการแล้ว และมีตำแหน่งสูงมากมีความเกี่ยวข้อง

ใจถึงพึ่งได้ ‘บิ๊กป้อม’ ลุย ‘ชุมพร-ระนอง’ แก้ปัญหาน้ำท้วม-แล้ง ชาวบ้านแห่ต้อนรับ เชียร์นั่งนายกฯ คนที่ 30

(13 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการพื้นที่ภาคใต้ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.สุราษฎร์ธานี) โดยในช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง 

โดยเมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางถึงโครงการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนฯ บ้านวังช้าง ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร มีนายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผวจ. ให้การต้อนรับ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ จ.ชุมพร ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขา เมื่อมีฝนตกหนักปริมาณน้ำมากเกินความจุลำคลอง ทำให้เกิดน้ำหลากในหลายอำเภอ 

สำหรับภัยแล้ง ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ลดลง ความต้องการใช้น้ำมากขึ้นโดยเฉพาะฤดูแล้งและยังไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ อย่างเพียงพอ จึงได้มีโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำ ของชุมชนที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ โดยสร้างความรู้ ความเข้าใจการวางแผนการใช้น้ำ ที่มีอยู่ รวมทั้งการพัฒนา/เพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำชุมชน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายแก่ จังหวัด, สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากทุกปัญหา และพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ทอดทิ้งใครอย่างเด็ดขาด รวมถึงจะพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ให้ครอบคลุมทุกมิติ 

จากนั้นได้พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง จากหลายอำเภอ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและความต้องการต่าง ๆ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมาก แสดงความรู้สึกดีใจที่ได้ใกล้ชิด และได้สัมผัสถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานและความห่วงใยประชาชน อย่างแท้จริง พร้อมชื่นชมว่า ท่านใจดี ใจถึงพึ่งได้จริง มีลักษณะผู้นำที่จะสามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่การพัฒนาประเทศได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน เหมาะที่จะเป็นนายกคนที่ 30 มากที่สุด

'ศุภชัย' ถาม 'ชูวิทย์' หลากพรรคถ่วง 'กัญชาเสรี' ดันไม่ร้อง แต่ข้อง ภท. ทั้งที่ไม่เคยปล่อยพี้เสรี-ให้มีไว้ใช้ทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาโต้กลับ กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้ออกมาพูดว่ากัญชาเสรี คือการปล่อยให้เยาวชนนำกัญชามาพี้ โดย นายศุภชัย ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า 'ไม่ใช่'

นายศุภชัย ได้เปิดเผยว่า การปลดล็อกกัญชาออกจากรายชื่อบัญชียาเสพติด โดยคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และหลังจากนั้น ก็ได้มีการเสนอ พ.ร.บ. กัญชา เข้าสภาฯ ในวันที่ 26 มกราคม 2565 และมีการปลดล็อกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ซึ่งได้ร่างกฎหมายเข้าสภาไปแล้ว วาระ 1 และเสียงส่วนใหญ่ในสภาได้เห็นชอบกับร่างกฎหมายตัวนี้ ซึ่งพอได้มีการส่งกลับมาวาระ 2 ก็มีพรรคการเมืองที่ดึงเรื่องไม่ให้กฎหมายผ่าน เช่น พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคก้าวไกล, พรรคประชาชาติ

"พรรค ‘ภูมิใจไทย’ ไม่เคยทำกัญชาให้พี้กันได้อย่างเสรี แต่กัญชาที่เสรีคือ ให้เกษตรกรปลูกไว้ใช้ทางการแพทย์ แต่ทั้งนี้ก็มีกฎหมายรองรับเพื่อควบคุมเอาไว้ แต่ดันถูกสภา พรรคการเมืองถ่วงไว้” นายศุภชัย ได้ย้อนถามกลับ นายชูวิทย์ ว่าเช่นนี้ทำไมถึงไม่ไปโจมตี

พร้อมยังยืนยันอีกด้วยว่า “กฎหมายที่ได้เสนอร่างเข้าไป ถือว่าเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งในกฎหมายมีกำหนดไว้ว่า เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 หากสูบ จะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 2 แสนบาท และห้ามสูบในสถานที่สาธารณะ ห้ามค้าขายกัญชาทางออนไลน์ ซึ่งกฎหมายมีบังคับไว้หมด แต่ดันถูกพรรคการเมืองเตะถ่วง”

‘ปารีณา’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ สั่ง จนท.หยุดปิดปาก-ลากตัวชาวบ้าน ลั่น!! โปรดเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ปารีณา รับไม่ได้! เรียกร้อง บิ๊กตู่ สั่งเจ้าหน้าที่หยุดพฤติกรรม ฉุดกระชาก ลากดึงประชาชนเยี่ยงหมา ลั่นทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มันเกินไป

(4 มี.ค. 66) น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ปารีณา ไกรคุปต์’ ถึงกรณีหญิงสูงวัยรายหนึ่งยืนดักขบวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างลงตรวจราชการที่อำเภอบ้างโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อแสดงออก พร้อมตะโกนด่าและตำหนิการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่กระชาก ลากตัว และปิดปาก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยข้อความระบุว่า…

“#เยี่ยงหมา

'เจ๊จุก คลองสาม' เปิดคลิปแฉ '2 ป้า' วางแผนโดดขวางรถนายกฯ หลักฐานมัด 'ไม่ป่วน-ไม่บุก-ไม่โวยวาย' ตำรวจจะไม่ทำอะไร

(14 มี.ค.66) จากกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางสักการะเจ้าแม่เบิกไพร ณ ศาลเจ้าแม่เบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ และประชาชนผู้เห็นต่างเป็นหญิงสูงอายุ 1 คน และหญิงวัยกลางคนอีก 1 คน จะมายืนดักขบวนนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงออกและตะโกนตำหนิการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ 2 นาย พยายามเข้าสกัด และได้กระชากหญิงสูงอายุเพื่อนำตัวออกไป โดยหญิงสูงวัยพยายามตะโกนช่วงที่ขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์ ผ่านพอดี ว่า “ไอ้ เ..ี้ย ตู่” ก่อนตำรวจหญิงได้ลากตัวขึ้นไปยังรถตู้ตำรวจเพื่อพาออกนอกพื้นที่

ขณะที่หญิงอีกรายซึ่งอยู่ในวงล้อมของเจ้าหน้าที่ และกลุ่มผู้สนับสนุน ได้ชู 3 นิ้ว แสดงความเห็นต่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามห้ามไม่ให้เคลื่อนไหว​ นั้น

เจ๊จุก คลองสาม ทวิตข้อความแฉว่า เมื่อวาน ป้านา ให้สัมภาษณ์ สแตนดาก ว่าแค่จะไปหาซื้อกับข้าว พอรู้ว่าลุงตู่ #ประยุทธ์ จะมา เลยต้องการจะไปร้องเรียน WTF!!

ซื้อกับข้าวบ้านป้าสิค่ะ ที่ชวนๆ คนอื่น ในไลฟ์อีเฟินเนี่ย ชวนกันไปทำอาหารต่อเหรอคะ

ทำไมกล้าตอแหล แบบนั้นคะ ส่วนสื่อ here ก็เอามาลงแบบไม่เช็คเลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top