Thursday, 10 July 2025
Politics

"แรมโบ้"สวนกลับแกนนำราษฎร โกหกโกอินเตอร์หลอกเด็ก “ลั่น”ยูเอ็นละเมิดอธิปไตยไทยไม่ได้ “ขี้”ถ้าแอมเนสตี้ไม่มีแผล ไม่ต้องกลัว “ขู่” ถ้าเจตนาร้าย ชักศึกเข้าบ้าน เคลื่อนไหวปลุกปั่นฝ่าฝืนกฎหมาย สมคบล้มล้างการปกครอง ปลายทางคือคุก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มม็อบราษฎรแถลงเคลื่อนไหวยกเลิก ม.112 ต่อเนื่อง อีกทั้งนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เตรียมฟ้องยูเอ็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่เคารพสิทธิมนุษยนชน แต่กลับตนแสดงจุดยืนขับไล่องค์กรแอมเนสตี้ออกจากประเทศ และดำเนินคดี112 กับประชาชน ว่า การที่ตนประกาศขับไล่แอมเนสตี้ประเทศไทย นั้นยืนยันไม่มีใครมาสั่งให้ทำ นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้สั่ง แต่เป็นเพราะองค์กรดังกล่าวสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายไทยซ้ำซาก ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอันถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร จาบจ้วงสถาบันรุนแรง แสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เสนอเลิกมาตรา 112 กดดันระบบยุติธรรมให้ยกเว้นดำเนินคดีกับจำเลยคดี 112 ที่เป็นแกนนำม็อบทำผิดซ้ำซาก ไม่ใยดีกับสิทธิและเสียงของคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ทนไม่ไหวกับขบวนการจาบจ้วงสถาบันโดยใช้ข่าวปลอมสารพัดเรื่อง 

“แม้กระทั่งกรณีสนามม้านางเลิ้งที่กำลังดำเนินการเป็นสวนสาธารณะก็เคยถูกศาสดาของคนพวกนี้ใส่ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง
ไล่ดูแถลงการณ์ ไล่ดูกิจกรรม ไล่ดูหน้าเว็บของแอมเนสตี้ แทบจะไม่ต่างจากเว็บของกลุ่มม็อบจาบจ้วงสถาบัน ถ้าแอมเนสตี้ประเทศไทยดำเนินการถูกต้อง ไม่มีแผล ไม่มีการซิกแซก ฝ่าฝืนกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่ได้รับเงินต่างชาติมาทำกิจกรรม ไม่ได้รับใช้เพื่อผลประโยชน์ของใคร ไม่ว่าใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกรง  แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยชี้แจงรายละเอียดว่ารายรับแต่ละปี เงินทุนที่นำมาดำเนินการมาจากไหน เท่าไหร่ มีแต่ปฏิเสธแบบเรื่อยเปื่อย

หลุด!! 'ธรรมนัส' นั่งหัวโต๊ะ ประชุมข้าราชการ โซเชียลข้องใจ!! หน้าที่ ส.ส. ใช่ไหม?

ตามที่ได้มีคลิปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. และ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประชุมกับข้าราชการที่จังหวัดน่าน และได้กล่าวในคลิปว่า... ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรคให้ดูแล 8 จังหวัดภาคเหนือนั้น

เนื้อหาในคลิปได้ทำให้โลกโซเชียลเกิดการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมว่า...

ศาลรธน. สั่ง 5 อดีตแกนนำกปปส. พ้น ส.ส. ต้องเลือกตั้งซ่อม 2 เขต - เลื่อนส.ส.บัญชีรายชื่อ

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณี นายชุมพล จุลใส นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายอิสระ สมชัย นายถาวร เสนเนียม และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กรณีถูกศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.317/2564 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายชุมพล นายอิสสระ และนายณัฏฐพล 5 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษา เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องทั้ง 5 สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) (6) และมาตรา 96 (2) หรือไม่

จากนั้นในเวลา 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยว่า ตามรัฐธรรมนูญ 98 (6) เมื่อมีคำพิพากษาของศาล ทำให้สมาชิกภาพส.ส. ต้องสิ้นสุดลง โดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุดเสียก่อนนั้น กรณีผู้ร้องทั้ง 5 ยื่นข้อโต้แย้งนั้น ข้อโต้แย้งนั้น ฟังไม่ขึ้น

‘3 ป.’ ชื่นมื่น!! 'บิ๊กตู่' หยอก 'บิ๊กป้อม' โอบกอดจับพุง หลังกินข้าวเที่ยงร่วมกัน 

8 ธ.ค. 64 เมื่อช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 1/2564 และร่วมรับฟังการบรรยายสรุปแถลงผลงานของกอ.รมน. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าร่วมด้วยเสร็จสิ้นแล้ว

อดีตแกนนำเสื้อแดง ลั่นคนอีสานรัก 'ลุงตู่' ยัน ชาวบ้านมาต้อนรับด้วยใจไม่ต้องจ้าง

'อานนท์ แสนน่าน' ย้อน 'ทักษิณ' ในอดีตก็เคยซ้อมก่อนต้อนรับไม่เห็นมีใครว่า คนอุดรและคนอีสานมาด้วยหัวใจไม่ต้องเกณฑ์หรือจ้างมา ลั่นทุกวันนี้คำว่า 'เมืองหลวงคนเสื้อแดง' เป็นเพียงตำนานเหมือน 'หมู่บ้านเสื้อแดง' เพราะคนเสื้อแดงเขารู้กันหมดแล้วว่าถูกหลอก

8 ธ.ค. 64 - นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่อดีตนายกทักษิณ ออกมาระบุว่าตนและสมาชิกขนคนมาจากต่างจังหวัดและเกณฑ์คนมานั้น แท้ที่จริงแล้วตนก็ไม่อยากจะโต้ตอบเพราะที่ผ่านมาก็เขียนเอาไว้บนเฟซบุ๊กหลาย ๆ คนก็เข้าใจ และที่ไม่อยากตอบเพราะเป็นเด็กเยาวชน ที่เล่นโซเชียลมักใส่ร้ายป้ายสี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ นายกลุงตู่ แต่มาวันนี้กลับมาเป็นผู้ใหญ่ที่ตนเคยนับถือ มาพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะคำว่าเมืองหลวงคนเสื้อแดง

ปัจจุบันนี้กลายเป็นเพียงตำนานแล้วเช่นเดียวกันกับ “หมู่บ้านเสื้อแดง” เพราะที่ผ่านมาแกนนำใหญ่ของอุดรธานี ก็ไม่ใช่คนอุดรธานี หรือคนอีสานเป็นคนมาจากต่างจังหวัด “เว้าอีสานคือข่อยบ่อเป็นดอก” แต่แท้จริงทุกคนถูกใบสั่งให้มาดำเนินการเป็นแกนนำชักจูงมวลชนที่เป็นคนที่อีสานรักในประชาธิปไตย และวันนั้นคนเสื้อแดงก็แจ้งตนมาว่าจะไม่ออกมาเพราะเข็ดแล้ว ถูกหลอกมาเกือบค่อนชีวิต คนอุดรธานีต้องการรักและสามัคคีทำมาค้าขายไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เพราะเบื้องหลังต่าง ๆ ก็เริ่มชัดเจนขึ้น

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า หลังการรัฐประหารปี พ.ศ. 2557 ตนยังเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ขอบคุณรัฐประหารปี 2557 ทำให้พวกตนเริ่มตาสว่างขึ้นเรื่อย ๆ” และพี่น้องอดีตคนเสื้อแดงที่ต้องคดีและติดคุกก็เริ่มถูกปล่อยทิ้งมาเป็นระยะ ๆ ยิ่งมาเจอปัญหาไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโรค คนอีสานไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจาก ส.ส. คำที่เรียกกันว่า “ผู้แทนราษฎร” ในพื้นที่เลยมีเพียง “นายกลุงตู่” และ อดีตคนเสื้อแดงที่ไปช่วยเหลือประสานงานกับทางรัฐบาลมาช่วยพี่น้องเท่านั้น

"อดีตนายกทักษิณ ต้องเลิกสร้างวาทกรรมเก่า ๆ ได้แล้วครับ คำว่า “คนเสื้อแดงยังเหนียวแน่น” ทุกวันนี้ที่ออกมาเรียกร้องไม่ใช่คนเสื้อแดง แต่เป็นเยาวชนที่ถูกกลุ่มนักการเมืองหลอกให้ออกมาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อดีตคนเสื้อแดงเขาไปทำมาหากินกันหมดแล้ว ก่อนที่เขาจะอดตายเพราะไปเชื่อนักการเมืองเลว ๆ บางคน" นายอานนท์ กล่าว

ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า เรื่องนั้นแท้ที่จริงไม่ได้มีการแอบถ่ายแต่อย่างใด ตนได้ให้ทีมงานถ่ายและขึ้นเอาไว้ในเฟซบุ๊ก “อานนท์ แสนน่าน” (รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) ว่า ทำไมต้องซ้อมแล้วถ่ายคลิปเอาไว้และแชร์ออกไป เพื่อเป็นการสกรีนและป้องกันการเดินทางมาตรวจราชการของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อม “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปยัง วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อกราบนมัสการและสนทนาธรรมะกับ พระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ และ พระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย) เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคลวนาราม (วัดป่านาคำน้อย) อ.นายูง จ.อุดรธานี และติดตามความก้าวหน้าสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่บรรจุอัฐิธาตุและเครื่องอัฐบริขารของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ราเมศ แจ้ง ข่าวดี “จุรินทร์” จ่ายเงินส่วนต่าง “ประกันรายได้” เกษตรกร ข้าว ยาง พรุ่งนี้ 9 ธ.ค.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการจ่ายเงินส่วนต่าง โครงการประกันรายได้ว่า

ในส่วนของเงินส่วนต่างของนโยบายประกันรายได้ข้าว ซึ่งมีการจ่ายไปแล้ว 3 งวด ส่วนงวดที่จะจ่ายจากนี้ไปคืองวดที่ 3 ส่วนที่เหลือและงวดที่ 4-7 รวม 5 งวดเป็นเงินประมาณ 64,000 ล้านบาท จะจ่ายวันที่ 9 -13 ธ.ค. รวมทั้งหมดที่เกษตรกรทั้งหมดในโครงการประกันรายได้จะได้รับคือประมาณ 87,000 ล้านบาท 

ในส่วนของเงินส่วนต่างของนโยบายประกันรายได้ยางพารา จะมีการโอนเงินส่วนต่างยางพาราจะได้รับพร้อมกันกับพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 2 งวด เกษตรกรยางพาราจะได้รับงบประมาณ 1,400 ล้านบาทเช่นกัน

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขอให้เกษตรกรมั่นใจว่าในส่วนนโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขับเคลื่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรมากที่สุด และที่สำคัญนายจุรินทร์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร จึงร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“วิษณุ” ปัดตอบ “ราษฎร” จ่อยื่นอสส.ฟ้องศาลรธน. ชี้ ต้องดูก่อนยื่นว่าอย่างไร ชี้ ยังไม่ถึงคิว ครม.ถก ลต.ผู้ว่าฯกทม. แจง สนามอบต.ยังไม่สะเด็ด ระบุ หาก”อัศวิน” ลาออก ปลัดกทม. รักษาการได้ ชี้ฝ่ายค้านคาดลต.ส.ส.เดือน มี.ค.-ก.ค.65 แค่คาดการณ์

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มวลชนกลุ่มราษฎร จะยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด เพื่อคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการล้มล้างการปกครอง ว่า ยังนึกไม่ออกว่าทำได้อย่างไร คงใช้มาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญเหมือนกับครั้งที่แล้ว ที่ยื่นมาก็เป็นการยื่นตามมาตรา 49 ก็คงจะอย่างนั้น แต่ไม่ทราบว่ายื่นได้หรือไม่ หรือได้ผลอย่างไร ตอบไม่ถูก เพราะยังไม่รู้ว่าเขาจะยื่นว่าอย่างไร เอาไว้ให้รู้ก่อนอาจจะตอบได้

นอกจากนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่หลายพรรคการเมือง เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า รับทราบ แต่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ และยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยกัน เพราะต้องรอประกาศผลการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ยังไม่หมด  

ผู้สื่อข่าวถามว่านายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอให้พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ถ้าลาออกจริง จะต้องจัดการเลือกตั้งภายในกี่วัน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมีกรอบเวลา เนื่องจากปลัดกทม.สามารถทำหน้าที่รักษาการแทนได้ แต่รักษาการนานก็ไม่ค่อยดี ทั้งนี้ตามกฎหมายระบุขั้นตอนว่าการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ขึ้นอยู่กับครม.เห็นสมควรที่จะมีการเลือกตั้งดังกล่าว แล้วต้องแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากนั้นกกต.จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง กรณีนี้เหมือนกับกรณีของอบต.หรือนายกเทศมนตรี ที่จะมีการเลือกตั้งได้ต่อเมื่อครม.เห็นสมควรให้จัดการเลือกตั้ง 

 

รัฐวางมาตรการแก้หนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ภาคการเกษตร ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ปริมาณธุรกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรลดลงกว่า 7,555 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตการเกษตรได้เหมือนเช่นสถานการณ์ปกติ รวมถึงผู้ส่งออก ชะลอการรับซื้อสินค้าจากสหกรณ์เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ  ขณะที่สมาชิกสหกรณ์ส่วนหนึ่งต้องกู้เงินจากสหกรณ์ที่ตัวเองสังกัด หรือแหล่งเงินกู้ทั้งในระบบและนอกระบบ เพื่อนำมาลงทุนทำการเกษตร ส่งผลให้สมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรมีภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้น 

“ปัจจุบันต้องยอมรับว่า สถานการณ์ของสหกรณ์ภาคการเกษตร หลาย ๆ สหกรณ์มีปัญหาเรื่องของธุรกิจสินเชื่อค่อนข้างมาก หรือแม้แต่ธุรกิจรวบรวมผลผลิตและธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่ายก็เหมือนกัน ซึ่งก็เป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และส่งผลต่อเนื่องถึงตัวสมาชิกสหกรณ์ รายได้จากการผลิตสินค้ามีปัญหา เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน แต่ในวิกฤติก็ย่อมต้องมีโอกาส เพราะว่าจากการที่ได้ลงไปเยี่ยมเยียนในต่างจังหวัดหลาย ๆ แห่ง สหกรณ์ที่เขามีศักยภาพในการส่งเสริมให้สมาชิกประกอบอาชีพและรวบรวมผลผลิตออกจำหน่าย สหกรณ์เหล่านี้ยังมีศักยภาพแล้วสมาชิกก็ทำจริง มีรายได้จริง กรมฯ จึงพร้อมใสนับสนุนให้สมาชิกสหกรณ์พัฒนาอาชีพ และสร้างรายได้ เพื่อจะได้มีเงินเลี้ยงครอบครัวและส่งชำระหนี้คืนสหกรณ์ได้ ทำให้ปัญหาเรื่องหนี้ค้างชำระลดลงในที่สุด”

ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. หญิงคนแรก หาก ‘ก้าวไกล’ กล้าดันวัดศรัทธาคนกรุง

ภายหลังจบศึกสมรภูมิการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ทั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.), สมาชิกสภาเทศบาล และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพิ่งจบไปหมาด ๆ นั้น

สมรภูมิถัดไปที่น่าจะแวะเวียนมาในเวลาอันใกล้ คงต้องเป็นคิวของเวทีเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งคาดกันว่าน่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2565 เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะครบวาระในปี 2566

พูดถึงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ คนกรุง ก็ต้องบอกว่าถูกแช่แข็งมานาน ตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อปี 2557 นั่นจึงทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ครั้งที่จะถึงนี้ น่าจะมีความคึกคัก และดุเดือดมากกว่าครั้งไหน ๆ เพราะน่าจะเป็นการวัดพลังของบรรดาพรรคใหญ่ชื่อดังทั้งเก่าและใหม่ ว่าใครคือตัวจริงที่ยังยึดพื้นที่เมืองหลวงเป็นฐานที่มั่นไว้ได้ในรอบนี้ได้

>> สังเวียนวัดพลัง ‘พรรค’ ผู้อยู่เบื้องหลังเจ้าเมืองบางกอก

อย่างไรซะ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร? แต่หลายพรรคการเมืองก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว ทั้งพรรคเพื่อไทย, พลังประชารัฐ, ก้าวไกล และประชาธิปัตย์ เพียงแต่ยังอุบชื่อแคนดิเดตกันไว้อยู่

ทว่าถึงพรรคเหล่านี้จะยังอุบชื่อตัวผู้สมัครไว้ แต่วงในการเมือง เขาก็พอจะรู้กันเนือง ๆ ว่าพรรคไหนจะส่งใคร หรือจะสนับสนุนใคร

ถ้าใครที่พอจะติดตามข่าวสารการเมืองอยู่บ้าง คงทราบว่าเต็งหนึ่งในสนามเลือกตั้งผู้ว่ากทม. รอบนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ฉายารัฐมนตรีที่แกร่งที่สุดในปฐพี ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะทำโพลล์สำรวจกี่ครั้ง คนกรุงเทพฯ ก็ยังเทคะแนนให้เป็นอันดับแรกทุกครั้ง 

ถึงกระนั้นก็คงต้องตามกระแสลมของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ดูไว้หน่อยว่าจะส่งผู้สมัครผู้ใดเข้าแข่งด้วยหรือไม่ เพราะถึงแม้ ‘ชัชชาติ’ จะมีสัมพันธ์อันดีกับพรรคเพื่อไทย แต่ในการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ในครั้งนี้ เจ้าตัวลงสมัครในนามอิสระ และยืนยันมาตลอดว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว

ข้ามฟากมา ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ซึ่งยืนยันมาตลอดเช่นกันว่า จะไม่ส่งผู้สมัครชิงตำแหน่ง แต่หากพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม.คนปัจจุบัน ตัดสินใจลงแข่งเพื่อเป็นผู้ว่าอีกสมัย ก็ต้องวัดใจผู้ใหญ่ในพปชร. ว่าจะสนับสนุนต่อหรือไม่ หรือ จะมีทางเลือกอื่น ซึ่งตอนนี้เริ่มมีชื่อ ‘ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร’ หรือ ผู้ว่าหมูป่า ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตอีกคน

ขณะที่ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เก่ามายาวนานหลายปี ก่อนที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตาม ม.44 ปลดพ้นตำแหน่ง เมื่อปี 2559 ก็ดูเหมือนจะหมายมั่นปั้นมือที่จะกลับมาทวงคืนศรัทธาจากคนกรุงอีกครั้ง หลังจากเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ถูกเท ไม่ได้แม้แต่เก้าอี้เดียวในกทม. เพราะเจอทั้งกระแส ‘ลุงตู่ฟีเวอร์’ กับ ‘ความแรงของพรรคอนาคตใหม่’ 

กล่าวโดยสรุปแล้ว รายชื่อของผู้สมัคร ก็คงไม่น่าจะหนีจากกระแสข่าวหลักมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าคอการเมืองคงทราบกันดีว่า สมรภูมิการเลือกตั้งในกทม. นั้น จะต้องอาศัยทั้งชื่อชั้นของผู้สมัคร และ ความนิยมในพรรคการเมืองที่สังกัด จึงจะได้รับเสียงสนับสนุนจากคนกทม. ได้อย่างแท้จริง

>> โจทย์หินเจ้าเมืองบางกอก ต้องลอกคราบพรรคการเมือง

ฉะนั้นแม้จะมีภาพพรรคการเมืองอุ้มหลังแต่เก่าก่อน หากแต่วันนี้จะเว้าวอนให้คนกรุงเทใจให้ บรรดาผู้สมัครก็คงจะต้องสลัดพันธุกรรมการเมืองเมื่อคิดลงสู่สนามนี้ เหมือนที่ ชัชชาติ ประกาศชัดว่า จะลงผู้ว่ากทม. โดยไม่สังกัดพรรคการเมืองใด นั่นเพราะไม่ต้องการให้ติดภาพความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย เพราะยังมีคนกรุงจำนวนไม่น้อยที่ต่อต้านพรรคอยู่ เรียกว่าวัดกันที่แสงส่วนตัวไปเลยเพียว ๆ

นั่นก็เพราะภาพการเมืองที่ผ่านมาหลายปี มันทำลายหวังของคนกรุงไปพอควร ฉะนั้นหากต้องการให้กรุงเทพฯ มีความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา การให้โอกาสคนที่มีความรู้ความสามารถ สอดแทรกขึ้นมาบริหารกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือเก่า แต่ไร้กลิ่นการเมืองเกาะกาย ก็คงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

‘อลงกรณ์’ โพสต์เฟซบุ๊กถึงชาวปชป. ออกจากพรรค ให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน 

“อลงกรณ์” โพสต์เฟซบุ๊กถึงชาวปชป. อ้างคำพูดท่านชวน เตือน ‘ไปแล้วให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน’ เผยอดีตเคยลาออกจากพรรคไปทำงานด้านปฏิรูปประเทศ แต่สุดท้ายก็กลับเข้ามาทำงานกับพรรคอีกครั้ง 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความสั้น ๆ ไว้อย่างน่าสนใจในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. โดยระบุว่า

“อย่าถูกกลืน”
รักและห่วงเพื่อนที่จากไปทุกคน
วันวานอ่านข่าวเห็นท่านชวนเตือนว่า “ไปแล้วให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน”
ผมคิดว่าเป็นการฝากหลักการหลักคิดในการครองตนของคนประชาธิปัตย์ที่ออกจากพรรคไปอยู่ที่อื่น 
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยออกจากพรรคไปเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป 
ตอนนั้นหมกมุ่นคิดฝันแต่เรื่องการปฏิรูปพรรคปฏิรูปประเทศ 
ตั้งใจไปทำแผนปฏิรูปประเทศเหมือนสถาปนิกออกแบบพิมพ์เขียวเสร็จก็จบงาน
2 ปีกว่าที่อยู่ท่ามกลางอำนาจและโอกาส แถมมีตำแหน่งเป็นรองประธานสปท. คนที่ 1

ลาภยศสรรเสริญกองอยู่ตรงหน้า ถ้าเดินต่อบนเส้นทางนั่น
มันน่าถูกกลืนเหลือเกิน ถ้าคิดเห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์และอนาคตของตัวเอง
คำเชิญคำชวนมาทั้งก่อนและหลังพ้นตำแหน่ง
แต่ผมก็ตัดสินใจตอนนั้นว่าจะวางมือทางการเมืองเพื่อไม่ต้องเดินทางบนถนนการเมืองอีก หรือไม่ก็กลับบ้านหลังเก่าคือประชาธิปัตย์

ก็มีคำถามตามมาว่าทำไมถึงกลับประชาธิปัตย์
ผมบอกว่ามี 4 เหตุผลหลัก
1.) ถ้าจะเดินต่อทางการเมืองไปอยู่พรรคใหม่ ก็ต้องสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ 
ผมทำไม่ได้ครับ ที่จะต้องรบราทำศึกกับพี่น้องของผม และประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ต้องรักษาไว้

2.) เมื่อครั้งเดินทางเข้าพรรค สมัครเป็นสมาชิกลงเลือกตั้งที่เพชรบุรี ปี 2535/1 บนเวทีปราศรัยที่สนามหน้าเขาวัง มีท่านชวนหัวหน้าพรรคในขณะนั้นนั่งอยู่ด้วย ผมประกาศกับประชาชนคนเมืองเพชรว่าผมเกิดที่พรรคประชาธิปัตย์และจะตายที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดียว 

3.) ผมอยากกลับมาปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ตามฝันที่คิดไว้ตอนเสนอปฏิรูปพรรคเมื่อปี 2556

4.) บ้านเมืองยังวิกฤติ ประชาธิปัตย์คือความหวังเพราะเป็นสถาบันการเมืองหลัก

แล้วผมก็กลับมาของานทำที่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม 
เลือกกลับมาทั้งที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และจะอยู่อย่างไรในปลายปี 2561 เพราะผมคงเป็นคนเดียวที่ทั้งก่อนจากไป และเมื่อกลับมา โดนดุด่าว่ากล่าวหนักหนาสาหัสมากจากพี่ ๆ น้อง ๆ ในพรรค

ถ้าคิดน้อยใจหรือไม่อดทนก็คงพกความแค้นติดตัวเตลิดไปแล้ว
เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตบนทางแพร่งที่ต้องตัดสินใจของผม
ต้องเลือกระหว่างอนาคตของตัวเองหรืออนาคตของพรรค 
เป็นการเลือกครั้งที่ 2 เหมือนครั้งแรกที่ตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2534


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top