Thursday, 3 July 2025
Politics

“ทิพานัน”โต้ฝ่ายค้าน ป้อง “บิ๊กตู่”ไม่ได้กู้มาสืบทอดอำนาจ แจง 7 ปีผลงานพรึ่บปชช.

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหากู้เงินมากกว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจว่า เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ขาดพยานหลักฐานในเชิงประจักษ์ เป็นเพียงสำนวนโวหารตีกินทางการเมือง และเล่นกลกับตัวเลข ทั้งที่การบริหารประเทศในช่วงของพล.อ.ประยุทธ์ กับทั้ง 2 รัฐบาลที่ผ่านมา ช่วงระยะเวลาก็แตกต่างกันแล้ว ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ กับสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่บริหารประเทศ เท่านี้ก็เห็นแล้วว่าแตกต่างกันชัดเจน  อีกทั้งเป็นการบริหารประเทศในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก อีกทั้งก่อนสถานการณ์โควิดก็ต้องเผชิญกับสงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ ฉะนั้นไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า  ในทางตรงกันข้าม ต้องยอมรับว่า ภายใต้สถานการณ์ที่มีเงื่อนไขและอุปสรรคต่างๆพล.อ.ประยุทธ์ยังสามารถขับเคลื่อนการบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะสงโครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต่อยอดโครงการบ้านประชารัฐ พัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งยกระดับการคมนาคมทางน้ำ ทางน้ำ ทางอากาศ โดยมีการพัฒนาสนามบินภูมิภาค โครงการระบบราง รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่  รถไฟฟ้า 9 สาย  เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันการรับมือกับสถานการณ์การแพรระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การจัดงบประมาณเพื่อรองรับด้านสาธารณสุข จัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมและเพียงพอ ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และงบประมาณต่างๆ ที่นำมาใช้เพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งหลายโครงการเป็นพอใจของพี่น้องประชาชน เช่น โครงการคนละครึ่งที่มีเสียงเรียกร้องของพี่น้องประชาชนให้ขยายระยะเวลามาถึง เฟส 3

“อยากให้ฝ่ายค้าน ยกระดับการอภิปราย โดยไม่ใช้มุกเก่าๆ คือการใช้กลโกงด้วยตัวเลข เนื่องจากทุกตัวเลขงบประมาณนั้น มีที่มาที่ไป และมีหลักฐานว่าใช้จ่ายไปเพื่อแก้ไขปัญหา และเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงและจับต้องได้”น.ส.ทิพานัน กล่าว

 “ศรีสุวรรณ” เตรียมไปสน.บางเขน แจ้งความ “ณัฐวุฒิ-บก.ลายจุด-ไฮโซลูกนัท” จัดคาร์ม็อบ ชี้ ผิดหลายข้อหา-กระทบความมั่นคง

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 กันยายน เวลา 10.00 น. ตนจะเดินทางไปที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน บริเวณวงเวียนหลักสี่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ซึ่งเป็นแกนนำจัดชุมนุม Car Mob-Call Out เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ สามแยกเกษตร เคลื่อนขบวนไปยังข้างศาลากลางจังหวัดปทุมธานีหลังเก่า

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การจัดชุมนุมดังกล่าวเป็นความผิดหลายข้อหา อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อการจราจร ความมั่นคง การแพร่กระจายของโควิด-19 และขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วย

‘ศิริกัญญา’ จวกยับ ‘บิ๊กตู่’ ยิ่งอยู่นานยิ่งขโมยอนาคตประเทศ ซ้ำยังพา 'เศรษฐกิจไทย' ดำดิ่งลงเหวแห่งความตาย

(31 ส.ค. 64) การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับรัฐมนตรีอีก 5 คน 

'ศิริกัญญา ตันสกุล' ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเหตุผลว่าเป็นผู้นำที่คลั่งอำนาจจนพาเศรษฐกิจชาติลงเหว ซึ่งจะทำให้ประชาชนรับผลกระทบต่อเนื่องไปในอนาคตข้างหน้า

>> อันดับโลก ‘ดิ่งเหว’ ตรงกันหลายดัชนี 

ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีที่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลนี้ ทำให้ประเทศไทยติดอันดับโลกในหลายเรื่อง Nikkei Recovery Index ชี้ว่า การฟื้นตัวเศรษฐกิจช้าที่สุดในโลก โดยได้อันดับที่ 120 จาก 120 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่า เศรษฐกิจจะกลับมาโตในแทร็คเดิมอีกครั้งในปี 2570 แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นผู้นำเชื่อว่าจะใช้เวลานี้นานกว่านั้น เช่นเดียวกับ ข้อมูลจาก Gallup poll ที่ชี้ว่า แรงงานโดนลดชั่วโมงทำงานมากที่สุดในโลกและรายได้ของแรงงานก็ลดลงมากที่สุดในโลกเช่นกัน 

“มีอีกมากที่ตอบกับ Gallup poll ว่า โดนลดชั่วโมงทำงาน โดนลดโอที ยิ่งถ้าอยู่ภาคบริการ ร้านอาหารเปิดไม่ได้เต็มที่ ร้านสะดวกซื้อยังเจอเคอร์ฟิว ต้องแบ่งกะกับเพื่อน ๆ ให้ยังพอได้ทำงาน ยังไม่นับว่ามีคนที่ถูกพักงานเพราะติดโควิดหรือต้องกักตัว ถ้ารวมเอาคนที่เสมือนทำงานแต่ทำไม่ถึงครึ่งวันหรือทำงานได้น้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน คาดว่าจะสูงถึง 3,400,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดมากกว่า 1 ล้านคน รายได้คนเหล่านี้ คนที่ว่างงานคือเป็น 0 ส่วนคนที่ทำงานแค่ครึ่งวัน เงินที่ได้คงไม่พอยาไส้ ยังมีคนที่ตกงานจากโควิดระลอกแรกที่กลับไปอยู่บ้าน ช่วยพ่อแก่แม่เฒ่าทำเกษตร ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 1,600,000 คน สูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อปีในช่วงก่อนโควิดที่ 5 แสนคน บางรายจากเดิมขายเสื้อผ้าอยู่จตุจักรได้เงิน เดือนละ 40,000-50,000 ตอนนี้ขายผักอยู่สุพรรณได้เดือนละ 6,000 บาท และการกลับไปทำเกษตรตอนนี้ใช่ว่าจะดี เพราะราคาตกรูดกันหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ ทุเรียน มังคุด เงาะ แต่ที่ราคาสวนทางกับราคาปุ๋ยที่ขึ้นเอา ๆ ขึ้นมาตั้งแต่เมษา กว่ารัฐมนตรีจะแก้ปัญหาก็ปาเข้าไปสิงหา เท่ากับย้ายกลับบ้านไปก็ลำบาก จะกลับเข้าเมืองก็น่าจะอดตาย”

ศิริกัญญา อภิปรายต่อไปว่า โควิดอยู่กับเรามาเกิน 18 เดือนแล้ว จึงมีคนที่ตกงานมาตั้งแต่รอบแรกและจนบัดนี้ยังหางานใหม่ไม่ได้หรือเป็นผู้ว่างงานระยะยาว เกิน 1 ปี มากถึง 170,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดถึงกว่า 3 เท่าตัว พอตกงานนานจะเริ่มเกิดความท้อแท้ เลิกหางานและออกจากกำลังแรงงานไปในที่สุด เช่นเดียวกัน เด็กจบใหม่ที่ยังหางานทำไม่ได้ อยู่ที่ 290,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิดถึง 85,000 คน

“ที่แสดงปัญหาสถานการณ์เศรษฐกิจเพื่อชี้ให้เห็นว่า ด้วยการแก้ปัญหาแบบนี้ ทำให้เกือบทุกคนรายได้ลดลง ปีที่แล้วรายได้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยหายไป 10% แต่เมื่อมารวมกัน ปีที่แล้วรายได้จึงหายไปเกือบ 1 ล้านล้านบาท หากเทียบกับก่อนโควิด ปีนี้เศรษฐกิจแบบนี้ก็น่าจะหายไปอีกเกือบล้านล้านบาท ปีหน้าก็น่าจะดีขึ้นมาหน่อยแต่ก็หายไปอีกราว 800,000 ล้านบาท รวมกันแล้ว ปี 63 - 65 รายได้ประชาชนจะหายไปราว 2.6 ล้านล้านบาท ตัวเลขนี้มาจากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ผู้ว่าแบงค์ชาติอาจเรียกมันว่าหลุมรายได้ แต่ดิชั้นขอเรียกว่า ‘หุบเหวแห่งความตาย’ ที่ทั้งกว้างและลึก 

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล ถ้าจะแก้ปัญหานี้ทำให้เหวนี้มันตื้นขึ้น ให้คนพอจะกระเสือกกระสนตัวเองออกมาได้ ก็ต้องมีเม็ดเงินจากรัฐบาลที่จะมาช่วยถม มาเยียวยาให้ดีขึ้น และแน่นอนจากที่กู้ไปแล้วแต่เมื่อผลเป็นแบบนี้ก็ต้องบอกว่ายังไม่พอ เพราะมันถูกใช้อย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง”

ศิริกัญญา กล่าวว่า ที่ต้องเรียกร้องมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล ไม่ใช่เพราะพวกเขาขี้เกียจ อยากทำงานน้อย เพราะถึงเวลานี้แทบไม่มีใครเกี่ยงงานแล้ว จากนักบินไปขับแกร็บ จากแอร์โฮสเตสไปขายเสื้อผ้าออนไลน์ ที่ลำบากทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าไปทำธุรกิจเสียหรือบริหารแย่จนธุรกิจเจ๊ง แต่เงินเก็บก้อนสุดท้ายถูกเอามาใช้ตั้งแต่ปีก่อน เพื่อวางเดิมพันว่าจะรักษากิจการไว้ให้ได้ ว่าจะเก็บลูกน้องฝีมือดีไว้ให้ได้ แต่สุดท้ายพวกเขาแพ้ เพราะสิ่งที่รัฐบาลหยิบยื่นให้อย่างเดียวคือ หนี้ 

>> ใน ‘วิกฤตของคนจน’ ยังมีบางคนทำ ‘กำไร’

อย่างไรก็ตาม ศิริกัญญา กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่กล่าวข้างต้น ก็ยังมีคนที่มีรายได้เพิ่ม ครึ่งปีแรกกำไรของบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มถึง 14 % จากปี 62 หลายภาคธุรกิจฟื้นตัวและมีกำไรสูงจากเดิมมาก สินค้าอุปโภคบริโภคกำไรเพิ่ม 14 เท่า อสังหากำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า และสามารถจ่ายปันผลได้ที่ 2.4% ขณะที่บริษัทเหล่านี้ไม่ได้จ้างงานเพิ่มและงบลงทุนเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของช่วงก่อนวิกฤต สรุปแล้ววิกฤตครั้งนี้จึงมันเป็นวิกฤตของคนจนชัด ๆ 

“เพราะแบบนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ จึงถึงเพิกเฉยกับปัญหารายได้ของประชาชนรากหญ้า เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เศรษฐกิจปีนี้ทั้งปีจะมีสภาพไม่ต่างไปจากปีที่แล้ว นักวิเคราะห์หลายสำนักทยอยปรับลด GDP ลงกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ภาครัฐอย่างข้อมูลของสภาพัฒน์ นายกฯ อาจจะมาตอบว่าส่งออกยังดี เพราะครึ่งปีแรกโต 15% แต่ก็ยังฟื้นตัวล้าหลังกว่าอีกหลายประเทศ ถ้า GDP จะโตได้ในช่วงนี้ก็คงมาจากส่งออก แต่มันคือภาคเศรษฐกิจที่กระจุกตัว ภาคส่วนที่ส่งออกได้ดีจ้างงานอยู่แค่ 2.5 ล้านคนจากกำลังแรงงานทั้งหมด หรือคิดเป็น 8% ของกำลังแรงงานเท่านั้น 

“แต่สิ่งท่านทำเพื่อปกป้องการส่งออกคือแรงงานต้องถูก bubble and seal มีการสุ่มตรวจ แต่ถ้าพบว่าติดโควิดเกิน 10% ก็ไม่ตรวจต่อ ให้ทำงานต่อ แต่ห้ามออกไปไหน นี่เราแทบจะไม่มองว่าเขาเป็นมนุษย์กันแล้วใช่หรือไม่ เพียงแค่จะลากจูงการส่งออกให้โต แรงงานต้องเสียสละตัวเองขนาดนี้เลยหรือ สิ่งที่บอกชัดว่าประเทศนี้มันไม่มีอนาคตแล้วคือ ดูจากเงินลงทุนที่ไหลออกไม่หยุด คนรวย นายทุน ขนเงินออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ ก่อนโควิดอยู่ราว 140,000 ล้านดอลลาร์ ต้นปีนี้ควอเตอร์แรกไหลออกไปถึง 170,000 ล้านดอลลาร์ ขนาดเจ้าสัวคู่บุญรัฐบาลของท่านยังจะขนเงินไปลงทุนใน 74 ประเทศ เอาออกลงทุนในหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก 50% จากช่วงก่อนโควิด คนรวย ๆ เค้าเห็นแล้วว่าประเทศนี้มันไร้อนาคต ก็คงเหลือแต่คนจน คนชั้นกลางที่ถูกล็อกให้ต้องเผชิญกับชะตากรรม ภายใต้การปกครองของนายกที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

>> สร้างความเหลื่อมล้ำที่ ‘อัปลักษณ์ที่สุด’

“รายได้ที่หายไปจะไม่มีความหมายเท่าครั้งนี้ ถ้ามันไม่ได้มากำหนดความเป็นความตายและโอกาสรอดชีวิต ความเหลื่อมล้ำที่อัปลักษณ์ที่สุด คือความเหลื่อมล้ำในการรอดชีวิตระหว่างคนจนกับคนรวย เป็นความเหลื่อมล้ำที่ credit Suisse ไม่ต้องมาจัดอันดับให้ และแม้แต่ World Bank ก็ยังไม่มีข้อมูล”

ศิริกัญญา ชี้ว่า จากประสบการณ์ที่ตนเข้าไปเป็นอาสาสมัครตรวจเชิงรุก พบว่า มีหลายคนที่อยากจะตรวจเชื้อแต่ไม่มีปัญญา เราพบคุณแม่ลูก 3 ทั้งอุ้ม จูง และเข็นรถพาลูก 3 เดือนมาตรวจ เพราะค่าตรวจให้คนทั้งบ้านเท่ากับ 4 เท่าของค่าจ้างรายวันที่คนเป็นพ่อจะหาได้ในแต่ละวัน ผู้หญิงวัยทำงานคนหนึ่งถามย้ำแล้วย้ำอีกว่าตรวจฟรีใช่ไหม ผู้ชายคนหนึ่งถูกหัวหน้างานไล่กลับบ้านเพียงเพราะมีอาการหวัด หลังจากขาดงานมาหลายวัน แถมยังต้องกังวลและหัวเสียกับการต้องจ่ายค่าถ่ายเอกสารเพิ่มอีก 5 บาท เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คิดไว้ทำให้อาจจะต้องเดินกลับบ้านแทนการขึ้นรถประจำทาง หรือแม้แต่การใช้ ATK ในการตรวจที่วันนี้จะได้รับอนุญาตแล้วซึ่งเราเองก็ผลักดันมาตั้งแต่ปีก่อน แต่ราคาตอนนี้ก็ยังแพงเกินเอื้อม

“ติดแล้วเตียงไม่มี เป็นคนจนยิ่งหาเตียงยาก ลองโทรถามโรงพยาบาลเอกชนใกล้ ๆ บ้าน เขาถามหาประกันสุขภาพ ถามหาเงินสำรองจ่าย ถามว่าเคยเป็นลูกค้าไหม ถามว่ามีเงินวางไหม 400,000 ได้เตียงทันที แบบนี้คนจนจะมีโอกาสได้เตียงได้อย่างไร 2 เดือนที่ผ่านมา ที่ท่านมะงุมมะหราคุมการแพร่ระบาดอยู่ แต่มีกี่ชีวิตที่ต้องถูกเซ่นสังเวย เสียชีวิตก่อนได้เตียง ถ้ามีคนลองเก็บข้อมูลรายได้ของผู้ที่ต้องเสียชีวิตที่บ้าน เชื่อว่าจะมีสัดส่วนคนที่มีรายได้น้อยจำนวนมากอย่างแน่นอน การกักตัวเองยังลำบากสำหรับคนรายได้น้อย บ้านแคบ ห้องเล็ก อยู่กัน 5-6 คน แม่ที่ต้องกักตัวเองที่ระเบียง แต่ก็ยังโดนเจ้าของอพาร์ทเมนต์ไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ลูกสาวที่ป่วยไม่ยอมไปไหน เพราะแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงยังไม่ได้เตียง กว่าศูนย์พักคอยจะค่อย ๆ ผุดขึ้นมา การระบาดก็เกิดขึ้นในระดับครัวเรือนแล้ว แบบนี้จะล็อกดาวน์ยังไงถ้ามันแพร่ระบาดกันในบ้าน”

“ยอดคนตายจากโควิดหลักร้อยตอนนี้ แต่ความจริงคือในสถานการณ์ปกติก่อนหน้านี้มีคนตายปกติหลักพัน เพราะคนตายไม่ได้ถูกตรวจโควิดทุกคน เนื่องจากไม่มีระเบียบเบิกจ่ายการตรวจโควิดให้คนตาย มีคนที่เสียชีวิตไปโดยยังไม่ทันได้ตรวจ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าได้เตียง หรือได้ยาอีกเป็นร้อย ๆ และแน่นอนคนเหล่านั้นคือคนมีรายได้น้อย ความอัปลักษณ์แบบนี้ที่เราเห็นเต็มตาอยู่ทุกวัน ถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลีกเลี่ยงได้รึเปล่า หลีกเลี่ยงได้แน่นอนถ้าเราไม่ได้ผู้นำที่หวงอำนาจ”

>> คุมโควิดด้วยความ ‘อำมหิต’

ศิริกัญญา ชี้ต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ คุมโควิดอย่างอำมหิต มีการบริหารจัดการวัคซีนที่ผิดพลาด ช้าไป น้อยไป และไม่หลากหลาย จนวันนี้พิสูจน์แล้วว่าที่พรรคก้าวไกลเคยอภิปรายไปเมื่อตอนต้นปีเป็นจริงทั้งหมด และอีก 2-3 วันถัดจากนี้ แทนที่จะได้วัคซีนเต็มแขน ท่านคงได้รับฟังเรื่องนี้กันจนเต็มหูแทน

“ท่านล็อกดาวน์ตอนระบาดน้อยและล็อกนาน เมื่อปีที่แล้วเคอร์ฟิวเริ่มเดือนเมษาจบมิถุนา รวม 2 เดือน 11 วัน กว่าจะกลับมาเป็นปกติจริง ๆ ก็เข้ากรกฎา ทั้งสภาแห่งนี้พูดเป็นเสียงเดียวกันเรื่องที่ท่านกอดความสำเร็จของระบบสาธารณสุข แต่กดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์แลกกับความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ แต่คราวนี้ระบาดหนักกลับท่านล็อกดาวน์น้อยกว่า เยียวยายิ่งน้อยลงไปอีก รอบแรกยังมี 5,000 ให้ 3 เดือน ระลอกสอง 3,500 ให้ 2 เดือน มารอบนี้การเยียวยายังไม่ถึงครึ่งรอบแรกด้วยซ้ำ การเยียวยาผู้ประกอบการยิ่งไม่มีเลย เพิ่งมาให้แบบจิ้มเฉพาะภาคส่วนบริการ แต่ย้งมีคนที่โดนปิดโดยคำสั่งรัฐต้องตกหล่น เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก ร้านนวด คลินิกเวชกรรม และสถานที่จัดอีเวนท์ เป็นต้น

“เงินกู้กว่า 1.5 ล้านล้านบาท ที่ควรจะกู้มาพยุง มาถมเหวรายได้ 1 ล้านล้านแรกกำลังจะครบกำหนดในเดือนหน้า ตอนนี้เหลือไม่ถึง 4,000 ล้าน แต่พอไปอ่านมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้พบแต่โครงการยกเลิก เลื่อน เปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงการ แทนที่จะเยียวยาท่านเอาไปใช้ในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ซึ่งยังไม่ถึงเวลากระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงนี้ ส่วนโครงการคนละครึ่งท่านกลับใช้แทนเงินเยียวยาซึ่งเป็นการเยียวยาแบบที่ต้องมีเงินก่อนถึงจะใช้ได้และมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้ ที่น่าช้ำใจที่สุด เงินกู้ถูกละเลงลงจังหวัดอย่างไร้ยุทธศาสตร์ อนุมัติ 2 รอบ จำนวน 210 โครงการ แต่ไม่รู้เลยว่าจังหวัดที่ได้ไปเหล่านั้นได้ไปเพราะเหตุผลอะไร ซึ่งเป็นการแจ้งขอใช้เงินกู้ 184 โครงการ และอนุมัติไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เบิกจ่ายไปแค่ 169 โครงการและยังเบิกจ่ายไม่หมด ผลงานขนาดนี้ก็ยังจะได้เงินเพิ่มอีก 86 โครงการใน 50 จังหวัด โดยเป็นการอนุมัติให้ใช้งบกลางเพื่อแก้โควิด ซึ่งเป็นการอนุมัติก่อนที่จะมีระเบียบเบิกจ่ายงบกลางแก้โควิดด้วยซ้ำ แบบนี้อยากใช้ยังไงค่อยไปเขียนระเบียบย้อนหลังเอาใช่หรือไม่

“ใช้เงินแบบนี้ ถ้าจะมียุทธศาสตร์ใดใด ที่นึกได้ก็คงแค่ยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ใช้เงินแบบนี้ เหวรายได้ประชาชนคงลึกขึ้นเรื่อย ๆ ที่น่ากังวลก็คือสถานการณ์งบประมาณการคลังก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะกำลังเจอปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากจัดหารายได้ได้ลดลงปีละ 300,000-400,000 ล้านบาทในอนาคตข้างหน้าและได้กู้เงินไปจนเต็มเพดานแล้ว” 

นอกจากนี้ ศิริกัญญา ยังมีข้อสังเกตด้วยว่า ขณะนี้รายงานความเสี่ยงทางการคลังไม่สามารถสืบค้นเข้าไปดูข้อมูลได้ตามปกติ ต่อมาจึงพบว่าได้ระบุให้เป็นเอกสารลับซึ่งก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมต้องเป็นเอกสารลับ

>> ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะหวงอำนาจ กลัวเสียการเมือง

ศิริกัญญา อภิปรายต่อไปว่า มาถึงตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนขาดรายได้ จนเป็นเหวลึกที่ยากจะเติมเต็ม หลายคนเสนอว่า ทางอออกเดียวคืออาจต้องกู้ครั้งต่อไป แต่ดูเหมือนท่านก็ไม่กล้ากู้เงินมาเพิ่มเพื่อให้ทันสถานการณ์ จึงไม่กล้าแก้กรอบเพดานหนี้สาธารณะ เพียงเพราะกลัวโดนโจมตีทางการเมือง กลัวเสียคะแนนนิยม กลัวโดนเพื่อนล้อว่าเก่งแต่กู้ กลัวโดนด่าว่าเป็นนักกู้สู้สิบทิศ ไม่กล้ากู้เพราะกลัวจะเสียอำนาจ แต่วิกฤตครั้งนี้หนักหนากว่าทุกครั้ง หุบเหวแห่งความตายรายได้ของประชาชนจะไม่มีวันถมเต็ม และประชาชนจะลืมตาอ้าปากอีกครั้งหลังวิกฤตนี้ไม่ได้ ถ้าขาดงบประมาณเยียวยาปากท้องและงบอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหญ่มากพอ  

“แม้จะถมเหวรายได้ประชาชนได้ไม่เต็ม แต่ก็ทำให้ตื้นขึ้นได้ แม้จะสร้างงานที่ดีที่สุดไม่ได้ แต่ก็เป็นงานที่จะประทังชีวิต รักษาครอบครัวของคนตัวเล็กคนน้อยไว้ได้ งบประมาณที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ท่ามกลางกิจการที่ปิดตัว และ SMEs ล้มหายตายจากเป็นกองพะเนิน แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่ยอมทำสิ่งเหล่านี้ เพราะมันเสี่ยงในทางการเมือง เพราะ Credit มันไม่เหลือแล้ว ความเชื่อมั่นไม่เหลือแล้วจากการละลายเงินกู้ในรอบแรก ไม่ยอมเสี่ยงกู้เงินเพิ่มเพียงเพราะต้องการรักษาอำนาจ หวงตำแหน่ง ยอมปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤตตามยถากรรม เพื่อแลกกับการไม่โดนโจมตีในเรื่องการกู้ แลกกับนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ”

ในช่วงท้าย ศิริกัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยถามว่า สภาแห่งนี้จะเลือกประยุทธ์หรือเลือกประเทศ ถ้าวันนั้นเราเลือกประเทศ เศรษฐกิจคงไม่ต้องรอถึง 2570 เพื่อฟื้นตัวอย่างช้า ๆ มีแผลเป็นทั้งในใจประชาชนและแผลเป็นทางเศรษฐกิจที่ต่อให้ฟื้นก็ไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม 

“เพื่อหยุดการขโมยอนาคตของประเทศ จะขอเสนอแนะแนวทางออกตามระบอบประชาธิปไตย ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น รัฐมนตรีของประเทศมองโกเลียลาออกเพราะประชาชนประท้วง เนื่องจากจัดการโควิดอย่างไร้ประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรีของสโลวาเกียลาออก เพราะแอบตกลงซื้อวัคซีนจากรัสเซียซึ่งสหภาพยุโรปไม่รับรอง รัฐมนตรีอิตาลีลาออกหลังถูกวิจารณ์รับมือโควิดไม่ได้ จนพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว แนวทางนี้น่าสนใจ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียลาออกเซ่นการจัดการโควิดที่ล้มเหลว แต่นั่นอาจไม่ใช่ทางที่ประยุทธ์เลือก ทางเลือกสุดท้าย นายกรัฐมนตรีสวีเดนลาออกจากตำแหน่ง เพราะพ่ายโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ศิริกัญญา สรุป 


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

รองโฆษกรัฐบาล เผย โอนแล้ว 2.17 หมื่นล้าน ลดภาระค่าใช้จ่ายการศึกษา เร่งเยียวยานักเรียน-นักศึกษา 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

เริ่มการเบิกจ่ายเงินสำหรับโครงการ “อว.ลดค่าเทอม”ตั้งแต่ วันที่26 ส.ค.ที่ผ่านมา สำหรับมหาวิทยาลัยและสถาบันที่ได้จัดส่งข้อมูลผ่านการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้อง ขณะนี้มีจำนวน 29 แห่ง รวมเป็นเงิน 2,250 ล้านบาท ซึ่งมหาวิทยาลัย สถาบันอุดมศึกษา จะนำไปใช้ลดค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคเรียนที่ 1/2564 ในสัดส่วนเงินสนับสนุนจากรัฐบาลตามหลักเกณฑ์และวิธีการ

ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้เร่งติดตามและตรวจสอบระบบการเบิกจ่ายเงินอย่างใกล้ชิด เงินทุกบาทที่รัฐบาลสนับสนุน ต้องถึงมือนิสิตนักศึกษา คืนให้กับคนที่ได้ชำระค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษาไปแล้ว หรือใช้ลดค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษาสำหรับผู้ที่กำลังจะชำระเงิน โดยมหาวิทยาลัยไม่เก็บเงินดังกล่าวไว้แต่อย่างใด ทั้งนี้ขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งให้เร่งตรวจสอบและยืนยันข้อมูลนักศึกษาส่งมาที่กระทรวงโดยเร็ว เพื่อดำเนินการอนุมัติเบิกจ่ายแก่สถาบันที่เหลือ กว่า100 แห่ง ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาต่อไป 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาผู้ปกครองและนักเรียน จำนวน 2,000 บาท กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับงบประมาณ จำนวน 1.95 หมื่นล้านบาท สำหรับเด็กนักเรียน 9.79 ล้านคน เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา และทำการจัดสรรไปยังหน่วยงานที่กำกับดูแล ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) โดยแต่ละสำนักงาน จะโอนเงินไปให้โรงเรียนภายใต้สังกัดต่อไป และโรงเรียนจะโอนเงินหรือจ่ายเป็นเงินสด ถึงมือผู้ปกครองตั้งแต่วันที่ 1-7 ก.ย. ส่วนผู้ปกครองที่ไม่ได้รับเงินภายในเวลาดังกล่าว ขอให้ติดต่อโรงเรียนที่บุตรหลานศึกษาอยู่ หรือโทร หมายเลข 1579 / 1693

“นายกรัฐมนตรี กำชับให้ทั้งสองกระทรวง ติดตามตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอย่างใกล้ชิด ทุกขั้นตอน ไม่ให้มีการทุจริต ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส และต้องถึงมือผู้ปกครองนักเรียน และนักศึกษาอย่างครบถ้วน ” น.ส.รัชดา กล่าว

“ทิพานัน” ย้ำ “บิ๊กตู่” ชี้แจงชัดทุกประเด็น ผิดหวังฝ่ายค้าน มาตรฐานตกใช้ความเชื่ออภิปราย ใส่ร้าย วกวน ข้อมูลตัดแปะพาดหัวข่าวมาอภิปราย พูดหยาบคาย ไม่เหมาะสมสภาผู้ทรงเกียรติ วอนผู้นำฝ่ายค้านปรับปรุงการอภิปรายด่วน ก่อนเป็น "ฝ่ายค้านอันธพาล"

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรกของการอภิปรายว่า ภาพรวมการอภิปรายรู้สึกผิดหวังกับฝ่ายค้านที่มาตรฐานต่ำกว่าที่คาดได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านประกาศจะยกระดับการอภิปรายเน้นที่พยานหลักฐานชัดเจนในระดับดำเนินคดีได้ แต่เท่าที่ดูมีแต่งานมโนกล่าวหาและจินตนาการ ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สามารถชี้แจงได้ชัดเจนทุกประเด็น โดยเฉพาะการใช้งบประมาณในการแก้ไขสถานการณ์โควิด ทำให้งบกลางเพิ่มสูงขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขสถานการณ์โควิด ดูแลสุขภาพประชาชนและพยุงระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการเพิ่มงบฯ เป็นพิเศษ แต่เป็นการใช้จ่ายตามระเบียบของสำนักงบประมาณ ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตเหมือนรัฐบาลก่อน ๆ

อย่างเมื่อวานนี้ที่กรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางสิงหาคมนั้น เชื่อว่ามีการปั้นตัวเลข เพราะมีการตรวจน้อยลง ส่งผลให้พบผู้ติดเชื้อน้อยลงไปด้วยนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จะเห็นว่า นพ.ชลน่าน ยอมรับเองว่า การอภิปรายมาจากพื้นฐานของ “ความเชื่อ” โดยไม่ได้มีข้อมูลหลักฐานและเอกสารใดมายืนยันพิสูจน์ความเชื่อ ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงคือการตรวจโควิดไม่ได้ลดน้อยลง เห็นได้ชัดเจนในพื้นที่กรุงเทพมหานครยังคงเปิดให้บริการตรวจโควิดเชิงรุกประชาชนอย่างต่อเนื่อง และจากการที่ตนได้ลงพื้นที่มาตลอดและติดตามการตรวจเชิงรุกในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พบว่าสถิติว่าประชาชนเข้ารับบริการช่วงกรกฎาคม 100 คนจะพบผู้ติดเชื้อประมาณ 20-30 คน แต่ระยะหลังมานี้เข้ารับบริการตรวจ 100 คน พบผู้ติดเชื้อเพียง 10-15 คนเท่านั้น และทุกการตรวจหากพบเชื้อศูนย์บริการสาธารณสุขต่าง ๆ จะรายงานยอดผู้ติดเชื้อเท่าจำนวนที่ตรวจเจอ ซึ่งช่วงหลังพบว่ายอดลดลงมาต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ประชาชนติดเชื้อน้อยลง เป็นสัญญาณที่ดีตอบรับมาตราการของศบค. ดังนั้นจึงควรจะดีใจ ไม่ใช่กล่าวหาความเชื่อส่วนตัวว่าเพราะตรวจน้อยลง และที่สำคัญเรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงไว้ในการอภิปรายว่า การปกปิดยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และยอดผู้เสียชีวิต ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องรายงานองค์กรต่างประเทศด้วย

“เท่าที่ติดตามฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านแล้วไม่พบหลักฐานที่มีน้ำหนัก มีแต่สำนวนโวหารรุนแรงเพื่อความสะใจ และใช้เอกสารจากการพาดหัวข่าวมาเรียงแปะอภิปราย มิได้มีข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากการปรักปรำที่ไร้หลักฐาน ที่สะท้อนให้เห็นความล้มเหลว มีแต่ราคาคุย ที่อาศัยเนื้องานของสื่อมวลชนมาอภิปรายเท่านั้น ในขณะที่ผู้อภิปรายหลายคน ใช้ถ้อยคำหยาบคาย เสียดสีใส่ร้าย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ในฐานะผู้ทรงเกียรติอีกด้วย” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามหวังว่าผู้นำฝ่ายค้านจะตระหนักในเรื่องนี้ เร่งปรับปรุงแก้ไขให้การอภิปรายในวันนี้ และวันต่อ ๆ ไป ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของของสภาฯ เสื่อมเสีย และกลับมาอยู่ในกรอบของการให้ความสำคัญกับความโปร่งใส ตรวจสอบได้ของพยานหลักฐานในการอภิปราย อย่าให้ประชาชนคิดว่าพฤติกรรมนี้เป็นการตีหัวเข้าบ้านของ "ฝ่ายค้านอันธพาล" เอาได้


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

คกก.กำลังพลสำรอง เคาะสิทธิประโยชน์กำลังพลสำรองและนายจ้าง  หวังเป็นการแก้ปัญหาภัยความมั่นคง

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำลังสำรอง ประจำปี 64 ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม มีสรุปสาระสำคัญดังนี้

ที่ประชุมรับทราบและพิจารณา ร่างแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของ กห. ปี 66 - 70 โดยมีสาระสำคัญ มุ่งสู่การพัฒนาและใช้กำลังสำรองสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศได้ทุกรูปแบบ โดยมีการบรรจุและใช้กำลังพลสำรองที่เป็นรูปธรรม ทดแทนกำลังประจำการบางตำแหน่งได้ตั้งแต่ยามปกติ  และมีการพัฒนาเสริมสร้างเครือข่ายครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยมีขั้นตอนการดำเนินการตามระยะเวลา 

ด้านสิทธิประโยชน์และสวัสดิการ ได้ให้สิทธินายจ้างหรือผู้ประกอบการ ที่ให้ความร่วมมือ ในการขอใช้สถานที่ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกของเหล่าทัพ  การใช้อาคารสถานที่และสิทธิการลดหย่อน  รวมทั้งให้โอกาสเข้ารับการอบรมในหลักสูตรต่างๆของเหล่าทัพ  

สำหรับกำลังพลสำรองที่ประสงค์สอบเข้ารับราชการทหาร ให้ได้รับสิทธิคะแนนเพิ่มพิเศษไม่เกินร้อยละ 3 ให้สิทธิกรณีที่ได้รับอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการเข้ารับราชการ กรณีกำลังพลสำรองเสียชีวิต สามารถขอพระราชทานเพลิงศพในกรณีพิเศษ และสามารถขอกองทหารเกียรติยศได้ในขณะเข้ารับราชการทหาร   นอกจากนั้นยังได้ร่วมพิจารณาหลักเกณฑ์การเลื่อนยศและเลื่อนฐานะกำลังพลสำรอง เพื่อความก้าวหน้าในราชการ  ต่อจากนั้นมีมติร่วมกัน เห็นชอบคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่  4 คน

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำขอให้ คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองให้เป็นไปตามเป้าหมายและเกิดประโยชน์กับประเทศชาติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎหมายต่างๆและสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

'ดร.เสรี' ชี้ฝ่ายค้านเล่นตลกฝืดในสภาฯ แบบนี้นายกฯ อยู่ครบวาระแน่ จะมีคนอกแตกตายไหม

วันที่ 1 กันยายน 2564 ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. โพสต์เฟซบุ๊กว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ไม่ได้ยินเรื่องราวที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์ สาระที่บอกว่านายกฯ บริหารประเทศแย่อย่างไรไม่มีปรากฏให้เห็นเป็นเรื่องเป็นราว

สิ่งที่ได้ยินคือคำคุณศัพท์เชิงลบที่บรรยายความเป็นตัวตนของพลเอกประยุทธ์ที่ทั้งชั่ว ทั้งโง่ จนอดคิดไม่ได้ว่าคนโง่และชั่วขนาดนี้สามารถทำงานราชการก้าวหน้าถึงตำแหน่งสูงสุดของหน่วยงานได้อย่างไร

บางคนก็มีลีลาเหมือนกำลังเล่นตลกในค่าเฟ่ แต่ความสามารถไม่ถึง ตลกฝืด ฟังแล้วไม่ได้ชื่นชม ถ้าคิดจะพูดเอาฮา คิดว่าไม่น่าจะได้ นอกจากพวกเดียวกันเอง

สาระไม่มี แต่จะดราม่ากัน 4 วันเชียวหรือ เหมือนได้ดูรายการโทรทัศน์ที่ไม่สนุก แต่นำมา rerun ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีอะไรน่าสนใจ เพราะหาสาระเชิงประจักษ์ไม่มีจริง ๆ

ฟังดูก็รู้ว่าแต่ละคนที่พูดนั้นมีความแค้นขนาดหนัก ต้องเอาพลเอกประยุทธ์ออกจากตำแหน่งให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ขอด่าให้ได้ระบายความแค้นที่ทำให้พรรคตัวเองไม่ได้อำนาจที่ต้องการ

แบบนี้นายกฯ คงอยู่ได้จนจบวาระแน่ ๆ เลย จะมีคนอกแตกตายไหมนะ

"นายกฯ สั่งให้ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม" มีหลักฐานการสั่งไหมคะ

ระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุมใครใช้กระสุนจริง ใครใช้ความรุนแรง มีคลิปให้ดู เคยดูไหมคะ

บอกว่านายกฯ ให้หมอกดตัวเลขคนติดลดลง เพราะกลัวถูกนำเอาตัวเลขคนติดมาอภิปราย มีหลักฐานคำสั่งนายกฯ ไหมคะ แล้วนายกฯ จะกดดันหมอได้เหรอคะ

บอกว่านายกฯ โกง แต่ตรวจสอบไม่ได้ ตกลงโกงแล้วตรวจสอบไม่ได้หรือไม่มีโกง

บอกว่านายกฯ ค้าความตาย โอโฮสุดยอดวาทกรรมจริง ๆ นายกฯ เลวและอำมหิตขนาดนั้นเลยเหรอคะ หรือว่าคนที่พูดคิดจะทำถ้ามีโอกาสหรือเปล่าคะ

สงสารนะคะ หาสาระมาไล่นายกฯ ไม่ได้ จึงเต็มไปด้วย "วาทกรรมหลอกด่านายกฯ" ระบายความแค้น เพราะน่าจะรู้ว่าการอภิปรายแบบนี้คว่ำนายกฯ ไม่ได้


https://www.naewna.com/politic/598974


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

กมธ.ปปช.รับเรื่องร้อง กรณี ข้าราชการมท.รีดไถประชาชน เก็บส่วย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส. ชี้ชัด ต้องเร่งปฏิรูปกระบวนการ ยุติธรรม ตำรวจ ย้ำชัด ไม่ได้มีเเค่เคส ผกก.โจ้ ในวงการสีกากี 

ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันเเละปราบปราม การทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ( ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือร้องเรียนจาก พันจ่าเอก อดิศักดิ์ สมบัติคำ อดีตผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ เขต2 มหาสารคาม  พร้อมด้วย นาย ทศพล วาปิทะ อดีตปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม เพื่อขอให้ตรวจสอบชุดปฏิบัติการพิเศษสังกัดกรมการปกครอง อำเภอนาเชือกซึ่งเป็นชุดตรวจจับยาเสพติดในพื้นที่ แต่ภายหลังพบความผิดปกติมีพฤติกรรมรีดไถผู้ต้องหาเพื่อแลกไม่ดำเนินคดีและไม่ลงบันทึกประจำวันหากยอมจ่ายเงินตามที่เจ้าหน้าที่เรียกเก็บ

ธีรัจชัย กล่าวว่า ในนามของคณะกรรมาธิการการป้องกันเเละปราบปราม การทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ( ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องที่เกี่ยวกับยาเสพติด เราเคยตรวจสอบในเรื่องคุณสมบัติของการเข้าสู่ตำเเหน่งรัฐมนตรี เเละลักษณะต้องห้ามของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ ที่เป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดก่อนเข้ารับตำเเหน่งรัฐมนตรี โดยเรายื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ  ซึ่งสิ่งสำคัญคือการตรวจสอบความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม โดยในฐานะกมธ. การป้องกันเเละปราบปราม การทุจริตเเละประพฤติมิชอบ (ปปช. ) เราต้องตรวจสอบ 2 ส่วน ในการทำความจริงให้ประจักษ์ และสิ่งสำคัญเราต้องตรวจสอบไปยังโครงสร้าง ในการกลั่นกรองตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ  โดยในประเด็นของพันตำรวจตรี ธิติสรรค์ อุทธนผล ( ผกก.โจ้ ) อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญต่อกระบวนการยุติธรรม ของประเทศ 

ทั้งนี้ ธีรัจชัย กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา เเละตรวจสอบเเละแก้ไขในเชิงโครงสร้าง ต้องมีการปฏิรูปวงการตำรวจ เเละปฏิรูปองค์กร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปปส. เพื่อสร้างบรรทัดฐานของกระบวนยุติธรรม เเละเป็นการสร้างความจริงให้ปรากฎในระดับพื้นที่ เเละขยายไปยังระดับประเทศ 

ด้านพันจ่าเอก อดิศักดิ์ ระบุว่า พฤติกรรมในลักษณะนี้ไม่ได้มีแต่ในวงการตำรวจตามที่เป็นข่าวกรณี ผู้กำกับจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ถุงดำคลุมศรีษะผู้ต้องหายาเสพติดหลังเรียกเงินจำนวน2ล้านบาท เพื่อไม่ให้คดีความนำไปสู่การดำเนินคดี วันนี้สิ่งที่ตนต้องการบอกให้สังคมรับรู้คือ ความเป็นจริงในสังคมไทยขณะนี้คือเจ้าหน้าที่รัฐกำลังเป็นอาชญากรเสียเอง  ตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยเพื่อเรียกค่าเสียหายหวังยุติคดีความต่างๆ นี่คือความเสื่อมของระบบราชการไทยที่ผู้ถือกฎหมายเป็นโจรเพื่อปกปิดความถูกต้องเสียเอง 

โดยนาย ทศพล วาปิทะ อดีตปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอนาเชือก ได้รับร้องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของชุดปฏิบัติการพิเศษสังกัดกรมการปกครอง ที่มีนายวชิรชัย โคตรประทุมปลัดอำเภอ เป็นหัวหน้าชุด มีพฤติกรรมมิชอบ จากกรณีที่มีการรีดไถผู้ต้องหาหลังตรวจพบยาเสพติด โดยมีการเรียกเงินโดยอ้างว่าหากต้องการให้คดีนี้จบไปต้องจ่ายเงินมาในจำนวนเท่านี้ เท่านี้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการเรียกเก็บแค่ครั้งเดียวแต่มีการข่มขู่เพื่อเรียกเก็บหลายครั้ง การกระทำเช่นนี้เป็นกระบวนการที่มีผู้รู้เห็นหลายระดับ ซึ่งตั้งแต่ตนเข้ามาตรวจสอบการทำงานที่ไม่ชอบมาพากลนี้ ก็ไม่เคยมีความปลอดภัยในชีวิตและหน้าที่การงานอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นการถูกสะกดรอยตาม ข่มขู่กดดันให้ออกจากราชการ และปัจจุบันมีคำสั่งย้ายให้ไปทำหน้าที่ฝ่ายทะเบียนในอำเภอเมือง  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองจึงมั่นใจว่ากระบวนการนี้มีการรู้เห็นหลายระดับอย่างแน่นอน  ซึ่งหากยังปล่อยให้มีโจรในคราบเจ้าหน้าที่รัฐที่รู้เห็นตั้งแต่หัวถึงหางเช่นนี้ เช่นนี้ต่อไปประชาชนจะอยู่อย่างไร รวมถึงจะเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม 

“ผมขอย้ำว่าการกระทำเช่นนี้ ไม่ได้มีเพียงในวงการตำรวจเท่านั้นเพราะในส่วนของข้าราชการเองก็รีดไถประชาชนไม่ต่างกัน จึงอยากฝากให้กรรมาธิการช่วยตรวจสอบและดำเนินการหยุดยั้ง ศาลเตี้ยในระบอบราชการไทยเสียที ขอให้หน่วยงานปปส. เป็นส่วนร่วมในการตรวจสอบ เเละลงพื้นที่อ.นาเชือก ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบเเละไขข้อเท็จจริงให้ประจักษ์ต่อประชาชน" พันจ่าเอก อดิศักดิ์  กล่าวทิ้งท้าย

'หมอกล้า' โพสต์ข้อความเปรียบเทียบวัคซีน​ SINOVAC​ กับคุณค่าของคนหนึ่งคน ย้ำ เป็นศัตรูกับวัคซีนเท่ากับเป็นมิตรกับโรคระบาดทางอ้อม

'หมอกล้า' นพ.ชเนษฎ์ ศรีสุโข แพทย์ปริญญาโทผิวหนัง โพสต์ข้อความเปรียบเทียบวัคซีน​ SINOVAC​ กับคุณค่าของคนหนึ่งคนไว้อย่างน่าสนใจผ่านเฟซบุ๊ก​ 'ชเนษฎ์ ศรีสุโข'​ ว่า...

หากวัคซีน Sinovac ในไทย เป็นคน พวกเขาคงเหมือนคนยากจนกู้หนี้นอกระบบแพง ๆ​ (ต้นทุนสูง) เลี้ยงลูกหลานถูกบ้างผิดบ้าง​ (ประสิทธิภาพครึ่ง ๆ) ต้องหาคนช่วยบ้าง​ (ไขว้) แต่สามารถส่งเสีย เลี้ยงดู ลูกหลานจนจบปริญญาได้โดยส่วนใหญ่ ไม่ตายไปเสียก่อน (ผ่านวิกฤตในลักษณะ Best Scenario)

แต่พอ วันรับปริญญา คนกลุ่มนี้ใส่เสื้อผ้าเก่ามอมแมม ลูกหลานบางคนเห็น ทำเป็นไม่รู้จัก ไม่อยากถ่ายภาพด้วย เหยียดมาก บอกว่าชีวิตได้ดีเพราะเพื่อนใหม่ มหาวิทยาลัย ที่มาจากยุโรป อเมริกา จำไม่ได้ว่าตนเองมาถึงวันนี้ยังไง

รัฐมนตรี ปลัด หมอในกระทรวง หมอสถาบันหลัก ก็คือ อธิการบดี และอาจารย์ ที่ชอบบอกว่าควรระลึกถึงความดีของผู้ที่อยู่เบื้องหลังผลักดันเรามา เพราะคนแต่ละรุ่นไม่สมบูรณ์

คนรุ่นใหม่ก็ต้องเก่งกว่าดีกว่า เป็นธรรมดา (mRNA, protein subunit, แบบสูด, ฯลฯ) ต่อไปคนรุ่นเก่าก็ค่อย ๆ​ จากไป​ (เลิกใช้ เลิกซื้อ) 

แต่ถ้าไม่มีพวกเขามาก่อน ก็ไม่มีเราวันนี้ และไม่มีการพัฒนาต่อยอดได้

หลายคนจึงระลึกคุณ หรือจดจำพวกเขา...

แต่บางคนนอกจาก ไม่รู้สึกแล้ว ยังต่อว่าด่าทอ ย้อนหลัง ด้อยค่า ประจาน เสียอีก 

อันที่จริงการด่ารัฐบาล ด่านโยบายรัฐบาล คงไม่มีใครห้าม 

แต่ การด่าวัคซีน บางทีก็คล้าย ๆ​ กับการด่าคนยากไร้ที่ส่งเราให้รอดตายมา 

วัคซีนคือ​ นวัตกรรมช่วยคน การเป็นศัตรูกับวัคซีนยี่ห้อไหนก็ตาม ก็คือ​ เป็นเพื่อนกับโรคระบาดทางอ้อมนั่นแหละ 

แต่ บางคน ติดเชื้อทางความคิดนะ มันแย่กว่าโรคระบาด เพราะรักษาไม่หาย

ส่วนถ้าใครไม่ได้ถูกเลี้ยงดูโดยคนยากจน ก็จงอย่าเดือดร้อน คุณอาจโชคดีเกิดเป็นลูกหลานคนรวยหรือมีคนรวยมาอุปถัมภ์ค้ำจุนตลอด วันหนึ่งคุณก็อย่าพลาดตกระกำลำบากในชีวิต ตกเป็นคนยากจน หรือต้องพึ่งพาคนจน บ้างก็แล้วกัน

ผมมองกว้าง ๆ มองด้านดี และสำนึก อีกทั้ง ผมรู้ว่าคนจนกลุ่มนี้ เผอิญเป็นญาติกับอภิมหาอำนาจที่กำลังมีอิทธิพลมาก ๆ​ ในระดับโลกด้วย 

วันหนึ่งถ้าต้องพึ่งพาญาติผู้พี่ ถ้าผมไปด่าญาติเขา แล้วจะทำตัวลั่นล้า ไปมองหน้า มีกิจกรรม ทำงาน หรือ ค้าขายกับเขาได้ยังไง? 


ที่มา : https://www.facebook.com/655195843/posts/10159908816375844/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ ยัน รบ. ทำตามนโยบายที่แถลงต่อสภา สวน เพื่อไทย ประกันรายได้ ปชป. ไม่มีทุจริต เหมือนจำนำข้าว

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า

ข้อมูลของ ส.ส.เพื่อไทย ที่อภิปราย เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง ไม่มีความรู้จริงในเรื่องที่อภิปราย รัฐบาลโดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาอย่างครบถ้วนคือความรับผิดชอบสำคัญในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและรายได้ให้กับเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์ม อ้อยและข้าวโพด 

การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่เหมาะสมการปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิต เล็งเห็นความสำคัญของเมล็ดพันธุ์พืชพื้นที่เพาะปลูกปุ๋ยและอุปกรณ์ทางการเกษตรรวมถึงแหล่งน้ำ การพัฒนาองค์กรเกษตรและเกษตรกรรุ่นใหม่ก็ดำเนินการอย่างครบถ้วน ดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกิน มีแผนแม่บทชัดเจนในเรื่องการทำเกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ เกษตรแปรรูป

เกษตรอัจฉริยะ ระบบนิเวศการเกษตร คือการสนับสนุนให้เกษตรกรบริหารจัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่

การพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำและฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพดินการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแปลงใหญ่ การแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำและการควบคุมป้องกันปัญหาโรคระบาด ทุกอย่างเป็นนโยบายที่ประสบผลสำเร็จแทบทั้งสิ้น

และกรณีประกันรายได้ชัดเจนว่าเป็นนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรให้มีหลักประกันในเรื่องราคาพืชผลสินค้าทางการเกษตร เพื่อให้ราคาพืชผลทางการเกษตรดีที่สุดโดยกำหนดรายได้ขั้นต่ำที่พี่น้องเกษตรกรจะได้รับเป็นเพดาน ช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้ 2 ทาง ถ้าราคาต่ำกว่ารายได้ที่ประกันจะมีเงินส่วนต่างโอนเข้าบัญชีพี่น้องเกษตรกรโดยตรงช่วยให้พี่น้องมีหลักประกัน ยามที่พืชเกษตรราคาตกให้พอยังชีพได้โดยมีเงินส่วนต่างเข้ามาเป็นตัวช่วย ไม่มีเงินรั่วไหล ไม่มีเรื่องทุจริต เช่นโครงการรับจำนำข้าว 

พรรคประชาธิปัตย์ได้หาเสียงไว้เรื่องประกันรายได้แล้วเราทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ผลักดันจนสำเร็จ มีพี่น้องเกษตรกรได้รับประโยชน์แล้วกว่า 7.67 ล้านครัวเรือนได้รับประโยชน์ ฝ่ายค้านควรใช้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา แต่เข้าใจได้ว่าเมื่อมีผลงานที่มีผลสำเร็จ ก็ต้องโจมตีและทำลายเป็นเรื่องธรรมดา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top