Saturday, 28 June 2025
Politics

“บิ๊กตู่” ขอบคุณ -ชื่นชมทุกภาคส่วนช่วยร่วมดับเพลิงโรงงานย่านกิ่งแก้วสำเร็จตามแผน พร้อมดูแลผู้ได้รับความเสียหายเร่งด่วน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณและชื่นชม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และทุกภาคส่วนทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ ที่ระดมสรรพกำลังคลี่คลายสถานการณ์เพลิงไหม้จากการระเบิดโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จนสามารถควบคุมเพลิงและดับเพลิงได้ในที่สุดในช่วงกลางดึกจนถึงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยเฉพาะแผนการเข้าปิดวาล์วที่เป็นจุดสำคัญของไฟสำเร็จด้วยการทำงานร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องควบคุมเฝ้าระวังการปะทุและความร้อนอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วยการฉีดน้ำลดอุณหภูมิ

“ขอให้ประชาชนที่อพยพออกไป จากพื้นที่ตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการ อย่าเพิ่งกลับเข้ามา เพราะแม้ว่าจะดับเพลิงได้แล้ว ยังคงมีควันจากสารเคมีที่อันตรายต่อร่างกาย ขอให้ประชาชนรอฟังจากเจ้าหน้าที่และหน่วยงานต่อไปก่อน จนกว่าจะปลอดภัย ทั้งนี้ ตลอดช่วงที่เกิดเหตุ ประชาชน เจ้าหน้าที่ ต่างมีความเป็นห่วงเป็นใยกัน แสดงน้ำใจต่อกัน ช่วยกันอย่างสุดกำลัง เช่น ที่พักพิง การบริจาคอาหารและน้ำ ของใช้ที่จำเป็น ซึ่งเหล่านี้เป็นพลังสำคัญที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ นายกรัฐมนตรีจึงขอขอบคุณทุกๆคน และรัฐบาลจะดูแลผู้ได้รับผลกระทบและความเสียหายอย่างดีที่สุดและเร็วที่สุด” นายอนุชา กล่าว

“ บิ๊กตู่” ลั่น แม้ควบคุมเพลิงโรงงานหมิงตี้ ได้ แต่ยังไม่ประมาท สั่งเร่งสำรวจและจำกัดความเสียหายที่จะตามมา เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบพร้อมเตรียมแผนป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดในอนาคตอีก

ระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโพสต์ข้อความและภาพบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสถานการณ์ระเบิดและไฟไหม้รุนแรง ที่ จังหวัดสมุทรปราการ ว่า “สถานการณ์ล่าสุดเหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ เราสามารถควบคุมการลุกไหม้ของเพลิงได้ที่ต้นตอได้ก่อนเที่ยงคืนเมื่อวาน ทั้งนี้สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการที่จะเข้าถึงคือ เป็นเพลิงที่เกิดจากสารเคมี (สารสไตรีนโมโนเมอร์และสารพอลิสไตรีน) ซึ่งเป็นของเหลวไวไฟสูง 

ดังนั้นการต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง และต้องใช้วิธีการโปรยโฟมดับเพลิงจากทางอากาศและระดมฉีดโฟมจากภาคพื้นดินจนสามารถปิดวาล์วถังสารเคมีทั้ง 3 จุดได้ ด้วยความสามารถและการผสานพลังของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านการระงับเหตุจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงทีมโดรนของสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ และทีมจิตอาสาโดรน NOVY ในการส่งภาพเหตุการณ์จากทางอากาศได้แบบ Real time ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และความร่วมมือจากหลายๆ หน่วยงานที่ผมได้กล่าวถึงในโพสต์ก่อนหน้านี้ 

โดยในขณะนี้ เราสามารถดับเพลิงได้แล้ว แต่ยังมีความจำเป็นต้องฉีดโฟมเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการปะทุขึ้นใหม่ และฉีดน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ได้คอยดูแลเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างรอบคอบและรัดกุมที่สุด
 
การทำงานครั้งนี้ เราได้พยายามดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุ เริ่มจากการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยจังหวัดสมุทรปราการในทันที เพื่อระดมทรัพยากรทั้งปวงจากทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งเครื่องมือขนาดใหญ่-เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญทุกแขนง กำลังพลทุกฝ่ายทั้งในการดับเพลิง การอพยพ การรักษาพยาบาล ไปจนถึงการจัดการจราจร เพื่อไม่ให้เกิดการจลาจล เป็นต้น ส่วนด้านการดูแลพี่น้องประชาชนและแรงงานที่ได้รับผลกระทบหลายพันคน องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนเป็นการด่วน โดยได้จัดหาที่พักพิงชั่วคราว และอาหารที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นโรงครัวพระราชทานสำหรับทุกคนในพื้นที่ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจในการดำรงชีวิตกลับคืนมาโดยเร็ว 

“ผมเชื่อว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ ก็คือ ความสามารถของบุคลากร และการระดมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆจำนวนมากเข้าร่วมระงับเหตุได้ โดยรัฐบาลได้ผลักดันและเริ่มดำเนินการแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2558 ทำให้เรามีการฝึกซ้อมในสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับใหญ่ หลากหลายรูปแบบมาแล้วหลายครั้ง และปรับรูปแบบ เพิ่มเติมอุปกรณ์จำเป็น ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่นเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย KA-32 ที่นำมาใช้สำหรับภารกิจป้องกันสาธารณภัยโดยเฉพาะ ทำให้เจ้าหน้าที่มีความชำนาญในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการกันภายใต้ศูนย์บัญชาการเดียวกันในครั้งนี้"

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้จะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่งานของเรายังไม่จบ ผมได้สั่งการให้มีการสำรวจและจำกัดความเสียหายในเรื่องอื่นๆ ที่อาจจะตามมา เช่น การตรวจสภาพปนเปื้อนในดิน น้ำ น้ำใต้ดิน แม่น้ำ แหล่งน้ำ น้ำประปา และอากาศในพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดและบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ยังต้องช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะทีมฮีโร่เจ้าหน้าที่ผู้กล้าหาญเข้าเสี่ยงอันตรายเพื่อควบคุมเหตุ ที่มีทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่ทางรัฐบาลจะดูแลอย่างดีที่สุด รวมทั้งผู้บาดเจ็บและได้รับความเสียหายอื่นๆ รวมถึงการสอบสวนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ และการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคตด้วย

“พงศ์พรหม” ฝากนายกฯ ดูระเบิดโรงงานย่านกิ่งแก้ว บทเรียนระบบราชการล้มเหลว ปล่อยโรงงานใกล้ชุมชน-สนามบิน 

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า ตั้งคำถามหลังเกิดเหตุระเบิดโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 ว่า ดูจากจุดระเบิดแล้ว คำถามคือมีการก่อสร้างโรงงานแบบนี้ รวมถึงเก็บวัตถุอันตรายจำนวนมหาศาลแบบนี้ในเขตชุมชน และใกล้สนามบินสำคัญขนาดนี้ได้อย่างไร 1.) ท้องถิ่นฝ่าฝืนผังเมือง แอบอนุญาตอุตสาหกรรมอันตรายให้มาตั้งอย่างผิดกฏหมายหรือไม่ 2.) โรงงานนี้เคยมีอยู่ก่อน แต่ชุมชนหนาแน่นย้ายเข้ามาโดยได้รับอนุญาตอย่างผิดกฏหมายหรือไม่ 

นางพงศ์พรหม กล่าวต่อว่า แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร 2 กรณีนี้มีคนทำผิดกฏหมายแน่ๆ การระเบิดครั้งนี้จึงฟ้องถึงระบบราชการแบบผิดกฏหมายที่แผ่กระจายไปทั่ว เพราะอุตสาหกรรมอันตรายไม่อนุญาตให้ตั้งในเขตชุมชนหนาแน่น หรือจุดเดินทางสำคัญของประเทศ ปัญหาจะเป็นกรมโยธาธิการ และผังเมือง หรือราชการ-การเมืองท้องถิ่น ฝากท่านนายกหยิบเป็นกรณีศึกษาถึง “ระบบราชการที่ล้มเหลว” ครับ 

ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4437784932898277&id=100000004424101

ครม. ไฟเขียว จัดหา 3 วัคซีน Sinovac – Pfizer - Moderna

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทยเพิ่มเติม จำนวน 10.9 ล้านโดส  (Sinovac) กรอบวงเงิน 6,111.412 ล้านบาท  โดยจะจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยีอื่นและสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สูงกว่าควบคู่ไปด้วยในจำนวนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 10.9 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน ตามแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในส่วนที่เหลือเพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนให้ครบ 150 ล้านโดส ภายในไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2565  

รูปแบบโครงการฯ เป็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่บุคลากรและประชาชนกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 2. ประชาชนที่มีโรคประจำตัวตามที่กำหนด 3. ประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 4. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด -19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย  ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน (กรกฎาคม-สิงหาคม) 

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคกำหนดจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในเดือนกรกรกฎาคม จำนวน 3,894.8000  ล้านบาทและเดือนสิงหาคม จำนวน 2,169.9600 ล้านบาท โดยมีค่าบริการจัดการวัคซีนโควิด-19 และในส่วนที่เกี่ยวข้องอีก 46.6520 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 6,111.4120 ล้านบาท  

“สำหรับวัคซีนจากบริษัท Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด-19  ตามนโยบายรัฐบาล สร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ลดอัตราการป่วย/เสียชีวิต รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย” 

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบวัคซีน “ไฟเซอร์” (Pfizer) ซึ่งเป็นวัคซีนหลักฉีดฟรีให้ประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายอธิบดีกรมควบคุมโรคดำเนินการ และนำข้อสังเกตของอัยการสูงสุด ไปการเจรจาจัดหา จำนวน 20 ล้านโด๊ส แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในสัญญาได้ รวมถึงการรับมอบวัคซีนบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบจัดซื้อวัคซีน “โมเดอร์น่า” (Moderna) ซึ่งวัคซีนทางเลือก โดยซื้อกับเอกชน ดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุข ให้องค์การเภสัช เป็นตัวกลางจัดหา และผู้อำนวยการองค์การเภสัช (อภ.) เป็นผู้ลงนามในสัญญา ซึ่งยังไม่ได้ระบุจำนวน รอยืนยันยอดจัดซื้อจากเอกชนก่อน ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะได้ข้อสรุป

“อนุทิน” เผยข่าวดี ครม.อนุมัติจัดหาไฟเซอร์ โมเดอร์นาแล้ว 

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า การจัดหาวัคซีนโควิด 19 ว่า ได้มีการนำเรื่องการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาตามนโยบายของ ศบค.และรัฐบาลเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในที่ประชุมได้ซักถามข้อสงสัย และมีการชี้แจงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่สุดแล้ว ทางคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ และให้กรมควบคุมโรค ลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ และรับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา 
ร่างสัญญาเรื่องวัคซีน ที่ให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา ทั้งของกรมควบคุมโรคกับไฟเซอร์ และขององค์การเภสัชกรรมกับโมเดอร์นา ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบความเห็นกลับมาแล้ว แน่นอนว่ากระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้าเรื่องนี้ให้ดีที่สุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหาเงื่อนไขที่เหมาะสมก่อนลงนาม ซึ่งทั้งหมด ยังอยู่ในเงื่อนเวลาที่จะเจรจาได้ โดยมีเวลาพอสมควร หลังจากที่ลงนามใน Term Sheet ไปแล้วก่อนลงนามสัญญาจัดซื้อ อย่างไรก็ตาม จะไม่กระทบเวลาส่งมอบวัคซีนตามแผน เมื่อถามถึงข้อเรียกร้องเรื่องการจัดหาวัคซีนแบบ mRNA อย่างเร่งด่วน นายอนุทิน กล่าวว่า พร้อมรับฟัง และหาทางออกแน่นอน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า การพิจารณาวัคซีนของไทย ตั้งอยู่บนหลักการพิจารณาจากหลักฐานข้อมูล และทางวิชาการเป็นสำคัญ ส่วนข้อเสนอต่างๆ จากหลายๆ ฝายนั้น ทางภาครัฐไม่ปิดกั้นแน่นอน สามารถเสนอเข้ามาได้ และเมื่อมีข้อสงสัย ภาครัฐ ก็พร้อมจะชี้แจง 

“อนุชา” ฟุ้ง วัคซีนมี 3 แพลตฟอร์ม หวังปชช.มั่นใจ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ถึงกรณีกลุ่มคณะแพทย์เตรียมยื่นรายชื่อ 2,200 รายชื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนวัคซีนหลักของประเทศเป็นชนิด Mrna ว่าในคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ได้พูดคุยในเรื่องดังกล่าว โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมในการจัดหาวัคซีนเข้ามาให้ประชาชน ซึ่งปัจจุบันเรามีวัคซีนหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง วัคซีนเชื้อตายที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ทั้งชิโนแวดและชิโนฟาร์ม นอกจากนั้นก็ยังมีวัคซีนที่เป็นเทคโนโลยี เทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ คือ แอสตราเซเนกา และเทคโนโลยี Mrna วันนี้ก็ได้พิจารณาเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการลงนามสัญญาไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และจำนวนวัคซีนบางส่วนที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐอเมริกาด้วย ถือว่าเรามีถึง 3 แพลตฟอร์ม หวังว่าประชาชนจะมีความมั่นใจเกี่ยวกับวัคซีนที่มีอยู่ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเชิงรุกอย่างไรที่จะไม่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นรายวันลดลงภายใน 1 เดือน นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาทั้งในส่วนของเศรษฐกิจและสาธารณสุขควบคู่กัน รวมถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบซึ่งวันนี้ก็ได้มีออกมาด้วยเช่นกัน ถ้ามีมาตรการอะไรออกมาอีกก็จะพิจารณาการเยียวยาควบคู่กันไป 

ครม.ไฟเขียว แก้ระเบียบฯ จ่ายค่าตอบแทนนำจับยาเสพติด เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับภารกิจ-การปราบปรามเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ- ขยายผลผู้บงการ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ.2561 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยแก้ไขปรับปรุงเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติด กรณียึดได้แต่ยาเสพติด รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมระยะเวลาการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทน เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนเกิดความเหมาะสมกับภารกิจ ส่งผลให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นให้เกิดการสืบสวนขยายผลไปยังเจ้าของยาเสพติด เครือข่ายนายทุน หรือผู้สั่งการที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งร่างระเบียบมีสาระสำคัญดังนี้

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กำหนดให้จ่ายเงินค่าตอบแทน เมื่อเจ้าหน้าที่ดำเนินการจนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดและพนักงานอัยการสั่งฟ้อง หรือศาลออกหมายจับและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท โดยให้จ่ายค่าตอบแทนร้อยละ 50 ของจำนวนเงินที่คำนวณได้จากปริมาณยาเสพติด จากเดิมที่กำหนดให้จ่ายเงินค่าตอบแทนร้อยละ 25 ของจำนวนเงินที่คำนวณได้จากปริมาณยาเสพติด เมื่อพนักงานอัยการสั่งงดการสอบสวน สั่งไม่ฟ้อง หรือมีความเห็นว่าควรสั่งฟ้อง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กำหนดระยะเวลาการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทนภายใน 180 วัน เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งเกี่ยวกับคดี หากเป็นกรณีศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดและเลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้ยื่นคำขอภายใน 180 วัน นับแต่ศาลออกหมายจับและเลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สิน จากเดิมที่ให้ยื่นคำขอเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งเกี่ยวกับคดี หรือภายในกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา

กอ.รมน.แจง ไม่อพยพ 2 แคมป์แรงงาน ชี้ อยู่ห่างรัศมี เหตุไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว ป้องกันโควิด-19

พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริเวณซอยกิ่งแก้ว 21 อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ระเบิดและมีเพลิงไหม้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย และบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 70 หลังคาเรือนนั้น

จากเหตุการณ์การดังกล่าวได้มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยการช่วยเหลือในขั้นต้น กอ.รมน.จังหวัด สมุทรปราการ ได้ประสานขอกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็วจาก กองพลทหารราบที่ 11 เข้าช่วยเหลือและดูแลประชาชนโดยรอบพื้นที่เกิดเหตุ และดำเนินการอพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงในรัศมี 5 กม. ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีคำสั่งให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งได้จัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการอพยพเคลื่อนย้าย และ รปภ. แก่ผู้ที่สัญจรผ่านเส้นทางที่กำหนด รวมทั้งการประชาสัมพันธ์กระจายข่าวสารตามประกาศของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้ประชาชนทุกคนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยง ต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมกลิ่นควันไฟที่เกิดจากการระเบิดของโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกดังกล่าว

ในห้วงวันเดียวกัน ได้มีกำลังพลจาก กองบัญชาการกองทัพไทย โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทยส่วนหน้า และกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็ว กองพลทหารราบที่ 11 โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้เข้าร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ 

โดยมีภารกิจสนับสนุนการเคลื่อนย้ายและอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ไปยังศูนย์อพยพที่ได้จัดเตรียมไว้ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ 2.องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ และ 3.วัดสลุด อ.บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ นอกจากนี้กำลังพลของกองทัพบกบางส่วน ยังได้เตรียมการเข้าประจำจุดที่กำหนดหากกรณีมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นซ้ำในพื้นที่เกิดเหตุอีก 

สำหรับการดำเนินการตามข้างต้นนั้นได้มีการปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนของการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยภายใต้การอำนวยการและกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในพื้นที่ และจากการนำเสนอข่าวกรณีมีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ควบคุมมิให้แรงงานภายในแคมป์ก่อสร้างอพยพออกมายังพื้นที่ด้านนอกในขณะนั้น เนื่องจากนายอำเภอบางพลี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ในระดับอำเภอ ได้ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าทั้ง 2 แคมป์คนงานได้แก่ แกรนด์ เพอร์เฟค และ เล็ค เลเจนท์ ตั้งอยู่ในซอย ลาดกระบัง 20/3 ต.ราชาเทวะ มีระยะห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ยังมีความปลอดภัยอยู่ในขณะนั้น 

ประกอบกับ อยู่ในห้วงมาตรการป้องกันอันตรายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 รวมทั้งแคมป์ได้มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่  โล่งแจ้งมีความปลอดภัยจากแรงระเบิดและกลุ่มควันจากสารเคมีในระดับหนึ่ง หากมีการประเมินสถานการณ์พิจารณาแล้วพบว่ามีการขยายวงกว้างของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จะดำเนินการเคลื่อนย้ายโดยใช้มาตรการการป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด - 19 อย่างเร่งด่วนทันที ทั้งนี้ กอ.รมน. มิได้นิ่งนอนใจได้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมทั้งอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ประธานชวน เบรกการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ ส.ส. เน้นย้ำ ต้องฉีดให้บุคลากรการแพทย์ก่อน

7 ก.ค. 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวิป 3 ฝ่ายหารือกรณีอยากให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนเข็มที่ 3 ให้สภา ว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ได้เข้าประชุมด้วย คงเป็นเพียงข้อเสนอ ยังไม่ได้มีการตกลงอะไรกัน แต่จะให้สวอปเท่านั้น ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีการฉีดเข็มที่ 3 เพราะต้องฉีดให้กับบุคลากรทางแพทย์ที่ควรได้รับการดูแลก่อน

“ขณะเดียวกันส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากที่เรามีประชุมได้ เพราะเรามีมาตรการที่เข้มงวด ซึ่งจากที่เรามีมาตรการมาเดือนกว่า ความร่วมมือถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ผมขอความร่วมมือให้มีการคุมเข้มเช่นนี้ตลอดไป”

 

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/108896


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เลขาฯ สมช.” รอ ฟังสธ.เสนอล็อกดาวน์ ขอประเมินตัวเลข 15 วัน แจง หากล็อกปชช. กระทบมาก-ใช้งบเยียวยาสูง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศปก.ศบค.กล่าวถึงข้อเสนอให้ ศบค.ล็อกดาวน์ เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นต่อเนื่อง ว่า ได้ยินอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้รอข้อเสนออย่างเป็นทางการ และรับฟังความเห็นจากทางกระทรวงสาธารณสุขก่อนเป็นลำดับแรก โดย ศบค.พร้อมรับไว้พิจารณาอยู่แล้ว จากนั้นจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ แต่ตัวเลขจะถึงขั้นไหนค่อยมาว่ากันอีกที อยากให้สื่อทำความเข้าใจกับคำว่าล็อกดาวน์ ว่าหมายความว่าอย่างไร ถ้าเป็นเหมือนตอนเดือนเม.ย. 2563 คือการล็อกดาวน์จริง เพราะรวมถึงการเคอร์ฟิวส์ด้วย แต่หลังจากนั้นไม่ใช่ล็อกดาวน์แต่เป็นการปิดกิจการและจำกัดการเคลื่อนย้าย ฉะนั้นถ้าใช้คำว่าล็อกดาวน์ ในขณะนี้ที่เป็นการปิดบางกิจการ คนจะเข้าเข้าใจว่าเหมือนเดือน เม.ย.2563ซึ่งความหมายจผิดเพี้ยนไป

ผู้สื่อข่าวถ้าถามว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าตัวเลขเพิ่มขึ้นก็อาจจะเร็วกว่านั้น แต่ถ้ายังเป็นลักษณะขึ้นลงแบบนี้ อาจรอดูสถานการณ์ให้ครบ 15 วัน เพื่อประเมินทีเดียวแล้วดูให้ครบถ้วน โดยเราทำอย่างอื่นไปด้วยเช่น ควบคุมการเคลื่อนย้าย การแก้ปัญหารักษาพยาบาลเรื่องเตียงไม่พอ ไม่ใช่ว่าจะนั่งรอดูตัวเลขเฉย ๆ

เมื่อถามวาหากจะประกาศล็อกดาวน์ จะประกาศเฉพาะพื้นที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้ามากที่สุด หรือจะประกาศในภาพรวมทั้งหมด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะเน้นเข้มข้นในพื้นที่แพร่ระบาดทั้งในกทม.และปริมณฑล หรือ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นจะมีมาตรการเสริม หากล็อกดาวน์หรือเซมิล็อกดาวน์ หรืออะไรก็ตาม ถ้าทำเฉพาะกทม.หรือปริมณฑล แต่พื้นที่อื่นไม่ทำจะไม่สอดคล้องกันฉะนั้นต้องลดหลั่นไปตามเหมาะสม

เมื่อถามว่าเหตุใดรัฐบาลถึงเลี่ยงคำว่าล็อกดาวน์ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยง แต่ความหมายต้องชัดเจน คำว่าล็อกคือไม่ให้ไปไหน แต่ช่วงหลังให้ไปไหนมาไหนได้ เมื่อใดที่ต้องใช้คำว่าล็อกดาวน์ หรือทำบางช่วงเวลาและบางพื้นที่ต้องระบุให้ชัดเจน 

เมื่อถามย้ำว่าการล็อกดาวช่วงเดือนเม.ย. 2563 ได้ผลจึงมีข้อเสนอให้ล็อกดาวน์ขึ้นมาอีกครั้ง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าผู้ประกอบการหาเช้ากินค่ำ หรือผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำเดือดร้อนมาก ถ้าทำอย่างนั้นคนจะเดือดร้อนจำนวนมาก ทั้งนี้ การทรวงการคลัง ได้แจ้งข้อมูลในช่วงเม.ย. 2563 ว่าใช้งบประมาณเยียวยา เดือนละเกือบ 3 แสนล้าน ถ้าเราทำอีกจะต้องหางบประมาณมาเยียวยาประชาชนอีกมาก ซึ่งในข้อเท็จจริงแม้จะใช้งบถึงเดือนละ 3 แสนล้านบาทก็ยังไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้ทั่วถึง ทางศบค.คำนึงผลกระทบตรงนี้ที่มีต่อประชาชน จึงให้บางส่วนยังหากินได้ ไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดคือสิ่งที่ดีที่สุด และหากจะทำต้องวิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นสาเหตุทั้งหมด ถ้ากระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าต้นเหตุคือทั้งหมดทุกส่วนก็จำเป็นต้องล็อกดาวน์

เมื่อถามถึงมาตรการขอความร่วมมือเวิร์กฟอร์มโฮม แต่ยังไม่ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ศบค.จะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ข้อกำหนดทุกฉบับที่ออกมาจะเน้นว่าให้ทำงานที่บ้านสูงสุด แต่ส่วนราชการบางส่วนมีภารกิจบริการประชาชน บางส่วนมีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดิน บางส่วนมีหน้าที่ด้านความมั่นคง ที่จำเป็นต้องมาทำงาน โดยรัฐบาลและศบค.ย้ำเสมอว่าเมื่อมาทำงานต้องระวัง และที่ผ่านมาหน่วยงานที่จอความร่วมมือแต่ยังปฎิบัติไม่เต็มที่คือภาคเอกชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top