Friday, 27 June 2025
Politics

'ณัฐชา-ก้าวไกล' ชวนนับถอยหลังจับตา 120 วัน ได้เปิดประเทศหรือล้มเหลว เหน็บ!! ก่อนเปิดประเทศไปเปิดข้อมูลวัคซีนก่อน

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และโฆษกพรรคก้าวไกล เชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยช่วยกันนับถอยหลัง 120 วันเปิดประเทศว่า...

นายกรัฐมนตรีจะทำได้ตามประกาศจริงหรือไม่ เพราะการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจด้วยความมั่นใจขนาดนี้จะต้องเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศมาแล้วอย่างเต็มที่ ต้องมีการจัดการอย่างเป็นระบบ มีแผนหลักแผนสำรอง และพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาอีกขั้นที่จะยกระดับขึ้นเมื่อมีการเปิดประเทศไปแล้ว

“ด้วยใจจริงผมอยากให้ท่านทำสำเร็จ เพราะอยากเห็นพี่น้องประชาชนยิ้มได้อีกครั้งหากเศรษฐกิจของเรากลับมาเดินหน้าต่อไป แต่เอาเข้าจริงขอยอมรับตามตรงว่าไม่ค่อยมั่นใจในตัวท่านนายกสักเท่าไหร่ จึงขอชวนมานับถอยหลังไปพร้อมกัน เพราะถ้าครั้งนี้ล้มเหลวก็จะเป็นการนับถอยหลังเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลด้วย คือหากพังอีกแล้วยังหน้าด้านอยู่ต่อ ประชาชนคงต้องหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดแน่ เพราะหลายคนคงแทบไม่เหลืออะไรแล้ว

"ที่ผ่านมาการที่รัฐบาลไม่เยียวยาหรือทำให้พวกเขาเข้าถึงแหล่งทุนได้เลย การประกาศเปิดประเทศครั้งนี้ จึงเหมือนการวัดใจเฮือกสุดท้ายของหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดกิจการต่างๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาฟื้นฟูกิจการได้คงต้องไปดิ้นรนไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบมาลงทุน

"ดังนั้น ถ้าเปิดประเทศไปแล้ว แต่ผลที่ออกมาคือการระบาดใหญ่ระลอกใหม่แล้วตามมาด้วยการปิดกิจการอีกครั้ง โดยที่เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบที่รัฐไม่เคยเหลียวแลเหมือนที่ผ่านมา นอกจากทุนไม่เหลือ รายได้ไม่เข้าแล้ว หนี้และดอกเบี้ยก็จะทับถมชีวิตเขาซ้ำเข้าไปอีกยาวนาน”

นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สิ่งที่ประชาชนอยากรู้มากที่สุดหลังจากที่นายกรัฐมนตรีออกมาพูดว่าพร้อมเปิดประเทศภายใน 120 วัน คือท่านจะมีแผนบริหารจัดการที่ชัดเจนอย่างไร เพราะเมื่อวานนี้นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ไปตอบกระทู้ถามสดในสภาแทนท่าน ก็ยังบอกได้แค่ว่าแผนเปิดประเทศภายใน 120 วัน เป็นเรื่องของการเรียกขวัญกำลังใจที่นายกต้องการมอบให้แก่พี่น้องประชาชนเพียงเท่านั้น เรื่องแผนต่างๆ ตอบไม่ได้ให้รอฟังความชัดเจนต่อไป นี่หรือวุฒิภาวะของฝ่ายบริหารประเทศนี้ ท่านพูดเรื่องสำคัญต่อชีวิตพวกเขาด้วยแผนที่เลื่อนลอยแบบนี้ไม่ได้

“ขอเรียกร้องเลยว่า ก่อนจะประกาศเปิดประเทศ ช่วยเปิดเผยข้อมูลการฉีดวัคซีนก่อนจะดีกว่า เพราะที่ผ่านมามีแต่ข่าวลือทั่วไปหมดว่ามีไอ้โม่งแอบมาฉวยเอาวัคซีนไปสร้างฐานเสียงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง เรื่องแบบนี้จริงหรือไม่ต้องตอบกันด้วยข้อมูลไม่ใช่ข้ออ้าง ขณะนี้มีวัคซีนเท่าไหร่ ฉีดให้ใคร และจะกระจายไปไหนอย่างไรบ้าง ต้องกล้านำเสนอข้อมูลส่วนนี้ให้ได้อย่างตรงไปตรงมา ก่อนที่จะเพ้อฝันไปถึงการเปิดประเทศ ไม่ใช่วัคซีนมาล็อตนึงหน่วยงานต่างๆ ก็ตีกันที แต่ไม่ได้เป็นการจัดสรรตามความจำเป็นทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจอย่างที่ควรจะเป็นจนหมอต้องออกมาท้วงกันวุ่นไปหมด หรือกระทั่งวัคซีนแอสตราเซเนก้าที่บอกว่าเป็นวัคซีนหลัก ถึงตอนนี้จะเข้ามาได้ตามเป้าหมายเดือน มิ.ย. 6 ล้านโดส และ 10 ล้านโดส ในเดือนถัดๆไปได้จริงหรือไม่ ก็ต้องเปิดข้อมูลกำลังการผลิตของสยามไบโอไซน์ว่าอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะในฐานะที่เอาภาษีของประชาชนไปหนุนกว่า 600 ล้านบาท ก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะต้องรู้ ประชาชนไม่ได้อยากรู้ว่าแผนการเรียกขวัญและกำลังใจเป็นอย่างไร ขวัญและกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนเวลานี้คือการรู้ว่าวัคซีนมีเท่าไหร่ และเขาจะได้ฉีดหรือไม่เท่านั้นเอง”

ณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ก่อนเปิดประเทศ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้รัฐบาลต้องตระหนักถึงสถานการณ์ตามความเป็นจริงให้ดี เพราะในอนาคตประเทศไทยอาจมีโอกาสเผชิญกับสถานการณ์เดียวกันกับประเทศชิลี ที่ขณะนี้มีการประกาศปิดกรุงซานติอาโก เมืองหลวงอีกครั้ง ทั้งที่ชิลี ถือว่ามีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สูงระดับต้นๆ ของโลก คือประมาณ 75% ของประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดส และเกือบ 58% ได้รับวัคซีนครบถ้วน 2 โดสแล้ว โดยวัคซีนส่วนใหญ่เป็นซิโนแวค นั่นจึงหมายความว่าการใช้วัคซีนนี้อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร และนี่ก็คือวัคซีนตัวหลักอีกชนิดเรากำลังระดมฉีดอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสายพันธุ์ใหม่เข้ามาเป็นตัวแปรเพิ่มซึ่งเริ่มพบเจอแล้ว ขอถามว่าท่านมีแผนรองรับในประเด็นเหล่านี้แล้วหรือยังก่อนที่จะเปิดประเทศภายใต้ปัจจัยเสี่ยงที่ยังสูงมากอย่างนี้

“ผมเห็นด้วยว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าเพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ แต่นั่นคือหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะต้องเยียวยาประชาชน ไม่ใช่ไปบอกว่าให้ทุกคนต้องไปรับความเสี่ยงร่วมกัน เขารับกันมาเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีหรือคิดเป็น 3 ระลอกแล้ว ยังจะบอกให้เขาเสี่ยงต่อไปอีกหรือ ในวันนี้ ผมจึงอยากให้พี่น้องคนไทยมาร่วมกันนับถอยหลังดูความล้มเหลวของรัฐบาลอีกครั้ง ภายใน 120 วันนี้ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ตอนแถลงข่าว ท่านนายกรัฐมนตรีอาจมองภาพตัวเองว่ากำลังแสดงภาวะผู้นำเหมือนที่ผู้นำหลายประเทศอื่นทั่วโลกออกมาแสดงวิสัยทัศน์สร้างความเชื่อมั่นและนำพาประเทศของให้พ้นวิกฤตได้ แต่ยอมรับเถอะว่า ท่านยังไร้ศักยภาพและทิ้งห่างบุคคลเหล่านั้นอีกไกลหลายช่วงตัวนัก” นายณัฐชา กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ภายในสัปดาห์หน้า วาระแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราจะถูกลัดคิวเข้าสู่สภา แบบที่ประชาชนแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ภายในสัปดาห์หน้า วาระแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราจะถูกลัดคิวเข้าสู่สภา แบบที่ประชาชนแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แทนที่จะเดินหน้าผลักดัน พ.ร.บ. ประชามติ เร่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ยกร่างใหม่ทั้งฉบับ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

และมาตราที่กำลังถูกผลักดันให้แก้ไข แม้มีหลากหลายประเด็นจากหลายร่างฯ ของหลายพรรค แต่วาระที่พรรคพลังประชารัฐมุ่งมั่นจะแก้ และแน่นอนว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน ก็คือการแก้ระบบเลือกตั้ง ให้กลับไปเป็นแบบบัตร 2 ใบ ระบบรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งจะเอื้อต่อพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ทำให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า

ครั้งนี้จะเป็นการสืบทอดอำนาจครั้งที่ 2 ของระบอบประยุทธ์ หลังจากทำสำเร็จไปแล้วครั้งแรกผ่านการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และเข้าสู่การเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จผ่านตัวช่วยสำคัญคือ ส.ว. 250 เสียง

ครั้งนี้ ระบอบประยุทธ์จะอยู่อย่างมั่นคง สง่างาม ไม่ต้องอาศัยแม้แต่ตัวช่วยอย่าง ส.ว. เพราะได้ครองเสียงข้างมากในสภาจากการคุมกลไกการเลือกตั้ง คุมระบบราชการ จนได้ ส.ส. มากพอจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ แทบไม่ต้องง้อพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ แข็งแกร่งไม่ต่างจากพรรคไทยรักไทยในอดีต

ครั้งนี้คือการไฮแจ็ค หรือการปล้นวาระแก้รัฐธรรมนูญไปจากประชาชน ไม่สนใจเสียงเรียกร้องในประเด็นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดอำนาจ ส.ว. การปฏิรูปองค์กรอิสระและศาล เป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองเท่านั้น

ผมขอแรงพลังจากพี่น้องประชาชน ร่วมกันหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจระบอบประยุทธ์ครั้งที่ 2 ด้วยการร่วมลงชื่อ ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เข้าไปประกบเพื่อให้มีการอภิปรายในสภา และเพื่อพิสูจน์ว่า อำนาจการแก้รัฐธรรมนูญเป็นของเรา ประชาชน ไม่ใช่ของผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว

ร่วมแสดงพลังประชาชน หยุดระบอบประยุทธ์ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีกับ 2 ขั้นตอนง่ายๆ เข้าชื่อ #แก้รัฐธรรมนูญ ขั้นตอนง่ายๆ

1.) กรอกแบบฟอร์มเข้าชื่อให้ครบถ้วน https://bit.ly/2PgDAy8 (ดูวิธีกรอกฟอร์ม https://bit.ly/3x6prUy)

2.) ส่งไฟล์หรือภาพถ่ายแบบฟอร์ม ชัดๆ เป๊ะๆ

ผ่านช่องทางใดก็ได้ เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น

LINE : https://page.line.me/resolutioncon

ข้อความเพจเฟซบุ๊ก Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่

อ่านรายละเอียดและร่างฉบับเต็ม www.resolutioncon.com

 

ที่มา : https://www.facebook.com/382592748811072/posts/1114185418985131/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“จุรินทร์” ออนทัวร์ขอนแก่น ลั่นอีสานพร้อมลต.ระดับ 7 โว คนอีสานยอมรับนโยบายปชป.สูงมาก ปัดตอบ “ธรรมนัส”นั่งเลขา พปชร. ส่งผลปรับครม.ชี้อยู่ที่นายกฯ

จ.ขอนแแก่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะออนทัวร์อีสาน วันที่ 2 โดย ลงพื้นที่ จ. ขอนแก่น เป็นประธานในพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคง และติดตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตศูนย์คนไร้บ้าน ณ สหกรณ์เคหสถานแก่นนคร พร้อมมอบเช็คโครงการฟื้นฟู เช็คชำระหนี้ มอบโฉนดที่ดินกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ให้แก่เกษตรกร จ.ขอนแก่น ณ ห้องประชุมโรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อําเภอเมือง จ.ขอนแก่น และเปิดโครงการโมบายพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชน 
         
โดยนายจุรินทร์ กล่าวถึงเมื่อคืนวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีโอกาสได้พบปะสมาชิกพรรคว่า ตอนนี้ภาคอีสานถือว่ามีความพร้อมในระดับที่หากนับ 10 ก็มาถึง7 แล้ว ขณะนี้ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการจัดตั้งตัวแทนเขตครบทุกเขตในภาคอีสานทั้งหมดแล้ว จากนี้จะได้มีการเตรียมการพิจารณาตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้ง ซึ่งหลายเขตมีผู้ให้ความสนใจและแจ้งความจำนงไว้แล้ว บางเขตมีการเคาะตัวผู้สมัครไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอบอกว่าเป็นใครบ้าง นอกจากนั้นยังได้พูดคุยกันกับบรรดาผู้ที่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งมาแล้ว และในส่วนของตัวแทนเขตทั้งหมด ซึ่งได้ประเมินกันว่า สำหรับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้เป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชนภาคอีสานในระดับที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประกันรายได้เกษตรกร โดยเฉพาะในส่วนของข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ที่คนภาคอีสานปลูกมาก รวมทั้งมันสำปะหลัง แม้แต่ยางพารา ก็ถือว่าราคาดี และเป็นนโยบายที่พี่น้องประชาชนภาคอีสานให้การยอมรับ รวมทั้งการผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เรื่องนี้ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากพี่น้องภาคอีสาน

เมื่อถามถึงการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ โดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งตามธรรมเนียม เลขาธิการพรรคจะต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่ขอให้ความเห็นเรื่องพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นเรื่องภายในพลังประชารัฐ ที่จะต้องไปพิจารณาตัดสินใจกันเองว่าจะจัดการกับการบริหารจัดการพรรคอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและก้าวก่ายด้วย เพียงแต่ถ้าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องดูว่านายกรัฐมนตรีมีความประสงค์อย่างไร จะปรับเฉพาะในส่วนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือว่าจะปรับอย่างไร ก็ต้องเริ่มต้นที่นายกฯ ตนไม่สามารถที่จะตอบไปล่วงหน้าได้

เมื่อถามว่า หากมีการปรับ ครม. พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันตำแหน่งเดิมใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังไม่มีสัญญาณอะไรว่าจะปรับครม. ทั้งนี้ประชาธิปัตย์ก็ยืนยัน ตนก็ยืนยันหลายครั้งว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะหน้าที่อะไร ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ เราก็จะทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ และยึดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง การมาอีสานครั้งนี้ก็เพื่อที่จะเดินหน้านโยบายโครงการที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องชาวอีสาน

ศรชล.ภาค2 จัดพิธีส่งเรือและกำลังพลไปปฏิบัติภารกิจแก้ปัญหาปะการังที่เกาะโลซิน

ที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)  ถึงกรณีการแก้ไขปัญหาอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการัง บริเวณเกาะโลซิน ซึ่งตั้งอยู่ฝั่ง อ่าวไทย บริเวณจังหวัดปัตตานี ซึ่งหลายฝ่าย มีความเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบ และสร้างความเสียหายแก่ปะการัง ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ โดยโฆษก ศรชล. แจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นของวันนี้ (18 ม.ย.64) เวลา 17.00 น.พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผอ.ศรชล.ภาค 2 / ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 (ผบ.ทรภ.2) เป็นประธานในพิธีส่งกำลังทางเรือออกเดินทางไปแก้ไขปัญหากรณีอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการังบริเวณเกาะโลซิน ร่วมกับนาย อภิชัย เอกวนากุล และ น.ส.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ใน บก.ทรภ.2 นายทหารฝ่ายอำนวยการใน ศรชล.ภาค 2 ร่วมพิธี

โดยกำลังทางเรือที่ไปปฏิบัติภารกิจ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย เรือหลวง ราวี เรือ ต.991 พร้อมชุดปฏิบัติงานใต้น้ำจำนวน 15 นาย ร่วมกับกำลังจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้แก่ เรือ Liveaboard จำนวน 1 ลำ เรือบรรทุกเครื่องมือประมงอวน จำนวน 1 ลำ นักดำน้ำอาสาสมัครจำนวน 30 คน และเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ  ที่จะเดินทางไปสมทบพื้นที่ปฏิบัติการใน วันที่ 19 มิถุนายน โดย ผอ.ศรชล.ภาค 2 ได้ให้โอวาทแก่กำลังพล ขอให้ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง ปฏิบัติตามกฎของการปฎิบัติการใต้น้ำอย่างเคร่งครัดและระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายกับปะการัง โดยขอให้การปฎิบัติภารกิจครั้งนี้สำเร็จโดยราบรื่น

สำหรับแผนการดำน้ำเพื่อกู้อวนโดยสังเขปจะเริ่มปฏิบัติการบริเวณเกาะโลซิน ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ เวลา 06.00 น. ทีมนักดำน้ำบน เรือหลวง ราวี จะเริ่มปฏิบัติการโดยใช้การดำโดย แบบ Nitrox (Specialty) ซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการอยู่ใต้น้ำให้นานขึ้น มากกว่าการดำน้ำด้วยถังอากาศแบบปกติ ใช้การตัดอวนออกเป็นผืนย่อยขนาด 3x3 เมตร ลอยขึ้นโดยใช้ถุงดึงขึ้นหรือใช้บอลลูนขนาดเล็ก ทำให้อวนที่ตัดแล้วลอยขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน

“เสกสกล” ตอก “อนุสรณ์” ปากไม่มีหูรูด มีหัวไว้เพียงคั่นหู ทำพรรคพท.ตกต่ำ ยัน บิ๊กตู่ อยู่ครบเทอม ไม่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยท้าให้นายกฯลาออก หากคะแนนนิยมดี ก็ให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะมีปรับ ครม.หลังเปลี่ยน เลขาฯ พปชร. ว่า นายกฯ ได้ยืนยันไปแล้วว่าจะอยู่จนครบเทอมของรัฐบาล และการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคยังยืนยันแล้วว่าไม่มีแรงกระเพื่อม และไม่เกี่ยวข้องกับการปรับ ครม. ซึ่งนายอนุสรณ์ไม่ควรที่จะคิดไปเอง เรื่องในพรรคตนเองยังเอาตัวไม่รอด อย่าได้เที่ยวมาก้าวก่ายพรรคคนอื่น นิสัยขี้อิจฉาริษยามากกว่า 

นายเสกสกล กล่าวว่า การที่นายอนุสรณ์ออกมาเรียกร้องให้นายกฯ ยุบสภาหรือลาออก เพื่อหวังผลทางการเมืองของพรรคตัวเองเพื่ออยากกลับมามีอำนาจรัฐเท่านั้น วันๆคิดถึงแต่ตัวเองไม่คิดถึงประชาชนว่ามีความเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน ทางที่ดีขอให้พรรคเพื่อไทยสู้กันตามกระบวนการจะดีกว่า รอการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่ามาตีเนียน หรือตีกินทางการเมืองในช่วงนี้

"นายอนุสรณ์ ปากไม่มีหูรูด มีหัวไว้เพียงให้ผมงอก หรือมีหัวไว้เพียงคั่นหู ไม่ได้เอาหัวไว้คิดให้มีเนื้อหาสาระอะไร  วันๆ มีแต่แกว่งปากหาเสี้ยน คนนิสัยประเภทนี้ออกมาพูดพล่อยๆ พล่ามๆ ไปวันๆ น้ำลายฟูมปาก ยิ่งแต่จะทำให้พรรคเพื่อไทยตกต่ำไปเรื่อยๆ ผมทำนายทายทักมาก่อนหน้านี้หลายหนว่า นายอนุสรณ์นี่แหละ จะทำให้คนในพรรคแตกแยกเละตุ้มเป๊ะ เพราะนายอนุสรณ์พูดมากเกินไป พูดโดยผู้ใหญ่ในพรรคไม่ได้สั่ง พูดมากเกินหน้าที่ ทำเป็นอวดรู้อวดตนว่าเก่ง ทั้งที่ประสบการณ์การเมืองก็น้อยนิด ไม่เคยเป็นสส.เข้าสภาแม้แต่สมัยเดียว ทำเป็นอยากโชว์บทบาทเอาใจนายใหญ่ เพื่อหวังรางวัลตอบแทนหรือเปล่า จนทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย และก็เป็นจริงตามที่ทายไว้ ไม่ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ และแกนนำในพรรคทยอยลาออกไปเรื่อยๆ จนจะเหลือแต่พวกตัวเล็กตัวน้อยพูดจ้อรายวัน ที่ยังคงทำให้พรรคเพื่อไทย เสื่อมเสียภาพพจน์ในสายตาประชาชน ซึ่งผมเคยเตือนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคมาแล้วว่า ระวังนายอนุสรณ์จะทำให้พรรคตกต่ำเสียหาย หรืออาจจะมีใครวางแผนส่งมาคอยทำลายพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า แต่นายสมพงษ์ไม่เชื่อ ในที่สุดสิ่งที่เตือนก็เริ่มเป็นจริง สภาพพรรคเพื่อไทยทุกวันนี้แทบจะไม่เหลือความเชื่อมั่นและไว้วางใจในสายตาประชาชน และสมาชิกพรรคเลย" นายเสกสกลกล่าว 

“ประวิตร” การันตี ถ้ายังอยู่ พปชร.ไร้ปัญหา ยัน รื้อโครงสร้างกก.บห.ไม่เกิดคลื่นใต้น้ำ ชี้ เปลี่ยนเลขาฯไม่เกี่ยวปรับครม.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยกรณีที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคพลังประชารัฐ เลือกกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ ลงคะแนนนเลือกเป็นหัวหน้าพรรค และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นเลขาธิการพรรค คนใหม่จะมีความขัดแย้งอีกหรือไม่ว่า “ไม่มีหรอก ไม่มีอะไรเลย”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไม่เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคอีกแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำ ว่า ไม่มี การปรับเปลี่ยนกก.บห.พรรคครั้งที่แล้วก็ไม่แรงกระเพื่อม มีแต่สื่อที่เขียนกันเอง และ “ผมยังอยู่ ไม่มีอะไรหรอก”

เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนเลขาธิการพรรค จะส่งผลทำให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามมาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คนละเรื่องกัน เรื่องเปลี่ยนกก.บห.เป็นเรื่องของพรรค จะเกี่ยวกับการปรับครม.ได้อย่างไร 

ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.อ.ประวิตร ระบุถึงสาเหตุไม่ได้เข้าร่วมประชุมใหญ่ฯ เมื่อวันที่18 มิ.ย.ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.ขอนแก่น เนื่องจากได้ลาออกจากเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว จึงต้องให้ที่ประชุมได้เลือกก.บห.ชุดใหม่ก่อน

รัฐบาล ชวน ปชช.ลงทะเบียนโครงการ ”ยิ่งใช้ยิ่งได้” เริ่ม 21 มิ.ย. จำนวน 4 ล้านสิทธิ คาดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 268,000 ล้านบาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเชิญชวนผู้สนใจร่วมโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-22.00 น.ผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่านจี-วอลเล็ต บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ได้ทุกวันจนกว่าจะครบ 4 ล้านสิทธิ และเริ่มใช้จ่ายจริง 1 ก.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อ หากมีประชาชนเข้าร่วมเต็มจำนวน 4 ล้านคน ใช้จ่ายเต็มสิทธิ จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ 240,000 ล้านบาท และเมื่อมีการนำบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Voucher กลับมาใช้ก็จะมีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มอีก 28,000 ล้านบาท รวมเป็น 268,000 ล้านบาท

นายอนุชา กล่าวว่า โครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นการใช้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการ เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ แต่ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัลบัตรเงินสด และสินค้าหรือบริการที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า โดยชำระผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (จี-วอลเล็ต) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ระหว่างวันที่ 1 กก-30 ก.ย.นี้ กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน ถุงเงิน ที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของบัตรกำนัลอี-วอชเชอร์  ซึ่งวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิบัตรกำนัลไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิต้องไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิสะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ อี-วอชเชอร์ ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสิทธิจะคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไปโดยสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เดือนส.ค.-31 ธ.ค.นี้ โดยอี-วอชเชอร์ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้

นายอนุชา กล่าวว่า คุณสมบัติผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯต้อง มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือไม่ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถลงทะเบียนได้ทุกวัน จนกว่าจะครบ 31 ล้าน ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทั้งนี้ผู้ที่ร่วมวงเงินสิทธิ์เหลือในโครงการเราชนะ ขอเชิญชวนใช้จ่ายก่อนสิทธิจะหมดลงในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการฯที่เข้าร่วม

“ศรีสุวรรณ” โวย “ธนารักษ์” นำถนน-สวนสาธารณะ ริมคลองเปรม ให้เอกชนเช่าทำบ้านมั่นคง ถังแตกแล้วหรือ!

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า ตามที่กทม.ก่อสร้างเขื่อนและทางเดินริมคลองเปรมประชากร เพื่อพัฒนาภูมิทัศน์และป้องกันการบุกรุกของชุมชนอย่างผิดกฎหมาย บริเวณซอยงามวงศ์วาน 59 ริมคลองเปรมประชากร โดยประชาชนในพื้นที่กว่า 400 หลังคาเรือน ช่วยกันบริจาคเงินจัดซื้อดิน ปุ๋ยและพันธุ์ไม้ ปลูกต้นไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักสวนครัว พัฒนาพื้นที่ริมคลองเพื่อให้เกิดภูมิทัศน์ที่สวยงามตามนโยบายของรัฐบาลและ กทม.แต่ต่อมามีป้ายมาติดบริเวณสวนหย่อม ระบุว่ากรมธนารักษ์ได้ให้เอกชนในนามสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคง จำกัด และได้เช่าพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 8 ไร่ 21 ตรว.เพื่อปลูกสร้างบ้านมั่นคง และห้ามไม่ให้เข้ามาใช้ประโยชน์หรือทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นถนนสาธารณะชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางสัญจรเข้าออกหมู่บ้านและชุมชนมานาน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ นำพื้นที่ดังกล่าวไปแสวงหาประโยชน์ ให้เอกชนเช่าในระยะยาวเสีย สะท้อนว่ารัฐกำลังถังแตกแล้วหรือจึงเอาพื้นที่สาธารณะมาให้เช่า และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1304 (2) บัญญัติให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน และตาม พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ 2562 บัญญัติไว้ว่า ที่ราชพัสดุ หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด เว้นแต่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน คือ อสังหาริมทรัพย์สําหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกันเช่น ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ

ดังนั้นการที่กรมธนารักษ์นำที่ชายตลิ่งริมคลอง ซึ่งเป็นพื้นที่และสวนสาธารณะมาให้เอกชนเช่าทำบ้านมั่นคง ย่อมเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย หากผู้ใดเข้ามาทำลายถนน ทำลายสวนสาธารณะดังกล่าวย่อมเข้าข่ายความผิดตาม ป.อ.มาตรา 306 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและชมรมคนรักคลองเปรมจะไม่ยอมให้ใครมาใช้อำนาจเหนือกฎหมายแน่นอน

“บิ๊กช้าง” สั่งหน่วยมั่นคงคุมเข้มชายแดนหยุดต่างด้าวไหลเข้าเมือง ทำเกิดปัจจัยเสี่ยงกระจายโรค พร้อมเสริมกำลังหนุน กทม. คุมแพร่ระบาดในชุมชนและแค้มป์คนงาน

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และ ตำรวจ เพื่อติดตามการสนับสนุนรัฐบาลและการช่วยเหลือประชาชนในการแก้ปัญหาโควิด ณ ศาลาว่าการกลาโหม

พล.ต.คงชีพ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมได้สรุปสถานการณ์และการปฏิบัติที่สำคัญ กองกำลังป้องกันชายแดนทหารและตำรวจ ยังคงตรวจพบและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ในพื้นที่ชายแดนตามช่องทางธรรมชาติและพื้นที่ชั้นในได้อย่างต่อเนื่อง โดยพบมากขึ้นใน 3 วันที่ผ่านมา (เฉลี่ย 250 คน/วัน) ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมาและกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ร่วมกันจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกว่า 1,500 จุด และจัดกำลังลาดตระเวนป้องปรามและพิสูจน์ทราบในพื้นที่ต่างๆ กว่า 2,000 ชุด 

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขณะเดียวกันในพื้นที่ชั้นใน ทุกเหล่าทัพและตำรวจ ได้เข้าไปช่วยสนับสนุน กทม. เร่งเข้าไปแก้ปัญหาและควบคุมพื้นที่เสี่ยง โดยจัดกำลังและแบ่งมอบพื้นที่ร่วมกับ กทม. 50 เขต เสริมเข้าไปดูแลพื้นที่เสี่ยงชุมชน 2,069 แห่ง ตลาด 486 แห่ง แค้มป์คนงานก่อสร้าง 575 แห่ง และโรงงานขนาดใหญ่ 278 แห่ง เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกและสนับสนุนจัดตั้ง บก.ควบคุมการปฏิบัติในพื้นที่พบการติดเชื้อจำนวนมาก โดยขณะนี้ได้จัดตั้ง บก.ควบคุมและจัดกำลังร่วมกับ ตร.และส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้วใน 5 พื้นที่ และกำลังพิจารณาจัดตั้ง บก.ควบคุมเพิ่มตามผลการตรวจในแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้รมช.กลาโหม ได้ย้ำนโยบายและสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอให้ทุกเหล่าทัพ และตำรวจ ยังคงต้องทำงานหนักร่วมกันคุมเข้มสกัดกั้นและปราบปรามผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นในอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงของการนำพาเชื้อโรคเข้ามายังพื้นที่ชั้นในเชื่อมโยงกับแรงงานต่างด้าวและผู้หลบหนีเข้าเมืองที่ต้องคุมให้อยู่ ควบคู่ไปกับ การสนับสนุนจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สีแดงเข้ม เสริมกำลังเข้าไปเพื่อควบคุมโรคเป็นพื้นที่ พร้อมกับขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกนายในการปฏิบัติงาน

โดยพล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับเพิ่มเติม ให้ทุกเหล่าทัพ เร่งเข้าไปสนับสนุนควบคุมการแพร่ระบาดเป็นพื้นที่ในกรุงเทพ โดยเฉพาะการเร่งเข้าไปสนับสนุนตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนและกลุ่มผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งให้ประสานและสนับสนุนกรมราชทัณฑ์ เร่งควบคุมการแพร่ระบาดในเรือนจำที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ขอให้เตรียมความพร้อมในการปรับเปลี่ยนถ่ายโอนภารกิจการทำหน้าที่สถานกักกันควบคุมโรคของรัฐ ที่กห.รับผิดชอบตั้งแต่ 4 ก.พ.63 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน รวม 175 แห่ง (SQ 33 แห่งและ ASQ 142) ให้เป็นไปตามนโยบายของ ศบค.ตั้งแต่ 1 ก.ค.64 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ขอให้เตรียมความพร้อมจัดตั้งสถานกักกันควบคุมโรคของแต่ละเหล่าทัพ (OQ) เพื่อรองรับกำลังพลของทุกเหล่าทัพตามนโยบายของ ศบค.ต่อไป 

“เสกสกล” ตะเพิด “วิโรจน์” ไม่พร้อมช่วยปชช. อย่าเป็นส.ส. ทวงถามเมื่อไหร่จะลาออก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความเรื่องข่าวเปิดประเทศ โดยระบุว่า “เพิ่งผ่านมาแค่วันเดียว เลื่อนไปเริ่ม 1 ก.ค.” ว่า วันที่ 1 ก.ค.คือ เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นำร่องให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ตามแผนที่วางไว้ โดยนายกฯ และคณะจะเดินทางไปรับนักท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ส่วนการประกาศ 120 วัน ตามที่นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 16  มิ.ย.ที่ผ่านมา หมายถึงเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นที่มีความพร้อมสามารถเปิดได้ก่อน เพื่อให้ประชาชน ภาคธุรกิจ ทำมาหากินได้

นายเสกสกล กล่าวว่า อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในจ.ภูเก็ต ฉีดแล้วเกินร้อยละ 60 โดยข้อมูลวันที่ 16 มิ.ย. มีผู้ที่ได้รับวัคซีน 1 เข็มจำนวน 346,855 คน หรือร้อยละ 63.3 ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม จำนวน 165,439 คน หรือร้อยละ 30.2 เหลือที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เหลือเพียงจำนวน 119,732 คน สำหรับการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศ ยืนยันแล้วว่าภายในเดือนต.ค.นี้ จะฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อยเข็มแรก 50 ล้านคน และจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนโดยเฉลี่ย เดือนละกว่า 10 ล้านโดส และขณะนี้วัคซีนทยอยเข้ามาแล้ว

นายเสกสกล กล่าวว่า นายวิโรจน์ ควรยินดีที่จะได้เริ่มต้นเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ภาคธุรกิจ กลับมาค้าขายมีรายได้ และใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ใช่ตำหนิ กล่าวโจมตีทุกเรื่องโดยไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ขอถามที่นายวิโรจน์ ท้าจะลาออกจากส.ส.ทำไมไม่ทำตามคำพูด เพราะประชาชนรอดูว่าเมื่อไหร่จะลาออก และต่อไปจะพูดอะไรคงไม่มีน้ำหนัก ไม่มีใครเชื่อถือ ดังนั้นอย่าทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ อยู่ฝ่ายค้านคงจะมีแต่ความคิดไร้เหตุผลแบบฝ่ายค้าน และคงเป็นได้แค่ฝ่ายค้านตลอดชีวิต เพราะคนที่มีแนวคิดคับแคบ คิดถึงแต่ประโยชน์ตัวเอง คงไม่เหมาะที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนของประชาชนได้อีกต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top