Tuesday, 24 June 2025
Politics

‘สุชาติ' ชี้ โรงงานกลัวตรวจเชื้อ เป็นความคิดผิด รับกังวลคลัสเตอร์รง.เพชรบุรี เร่งประสานกทม. ลุยตรวจ 393 แคมป์คนงาน

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์กรณีการแพร่ระบาดคลัสเตอร์โรงงานว่า ในช่วงเช้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดูแผนของกระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเรามีการตรวจสถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวอยู่ ส่วนที่ตรวจเจอว่าติดเชื้อก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่แรงงานผิดกฎหมายแต่เข้ามาถูกต้องและมีบัตร เมื่อตรวจพบเชื้อก็ต้องรักษาเป็นเรื่องปกติ และเวลานี้ลามเข้ามาติดในส่วนของแรงงานต่างดาว ก็ต้องมีมาตรการดำเนินการ ยกตัวอย่าง เช่น ในกรุงเทพฯ ได้คุยกับผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ก็ได้ซีลแคมป์คนงานทั้งหมดแล้ว และไม่ให้คนนอกเข้าออก 

นายสุชาติ กล่าวว่า ส่วนคลัสเตอร์โรงงานที่พบในจังหวัดเพชรบุรี ต้องยอมรับว่า เราวิตกกังวลตั้งแต่แรก แต่กระทรวงแรงงานไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ เวลาจะเข้าไปตรวจต้องให้สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หรือผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เป็นประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ในการกำหนด ส่วนที่สามารถตรวจในจังหวัดต่าง ๆ ได้ เป็นเพราะได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าฯ บางโรงงานก็ไม่ให้ตรวจ เพราะกลัวว่าตรวจแล้วเจอ หรือกังวลว่าหากตรวจพบเชื้อก็จะถูกปิดโรงงานหรือไม่ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ที่เราเข้าไปตรวจเป็นเพราะเป็นที่สุ่มเสี่ยง เช่น ที่จังหวัดชลบุรี เราตรวจเจอก็เข้าไปนำตัวออกมารักษา แต่แรงงานอีก 3,000 ถึง 4,000 คนรอบนอก ก็ปลอดภัย แต่ถ้าไม่เจอก่อน ก็มีปัญหา หรือที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ ตรวจ 1,000 กว่าคน ตรวจพบ 26 คน ก็นำไปรักษา ที่เหลือก็สามารถทำงานต่อได้

ดังนั้นกระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย รอวางแผน 393 แคมป์คนงาน ซึ่งมีรายชื่อแล้วและกำลังจะเข้าไปตรวจโดยประสานกรุงเทพมหานครไว้เรียบร้อยแล้ว

‘อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล’ นำทีม ส.ส.ก้าวไกลฉีดวัคซีน ‘ซิโนแวค’ ทั้งที่โจมตีมาตลอด อ้างกลัวไม่ได้เข้าร่วมอภิปรายงบฯ เจอมวลชนสวนน่าจะเลือกไม่ฉีด ถามหาอุดมการณ์ต้องแน่วแน่

วันนี้ (23 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา อาคารรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยสำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา จัดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แก่ ส.ส. บุคลากรของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร บุคคลในวงงานรัฐสภา และสื่อมวลชนประจำรัฐสภา รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมสภาและต้องเข้ามาภายในอาคารรัฐสภา ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

โดยหนึ่งในนั้นมี ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน อาทิ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เข้ารับการฉีดวัคซีนด้วย

ซึ่ง นางอมรัตน์ ได้โพสต์ภาพตัวเองเข้ารับการฉีดวัคซีน ซิโนแวค พร้อมทั้งเขียนแคปชั่น “ประธานสภาฉีดวัคซีนแล้วและกลัวมีปัญหาไม่ได้ร่วมอภิปรายงบประมาณรายจ่ายปี 65 เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาในสัปดาห์หน้า”

ในโพสต์ดังกล่าว มีลูกเพจ เข้ามาสอบถามว่านางอมรัตน์ ฉีดวัคซีน ยี่ห้ออะไร ซึ่งเมื่อทราบว่า เป็น ซิโนแวค ก็ถามว่า น่าจะเลือกไม่ฉีดนะ อุดมการณ์ต้องแน่วแน่ครับ ซึ่งก็มีหลายคน มาตอบแทนว่า ถ้าไม่ฉีดก็ประชุมสภาไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 23 พ.ค. จะมีการฉีดเป็นวันที่ 2 อีก 1,000 โดส รวมทั้งสิ้น 2,000 โดส เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แก่ทุกคนก่อนจะมีการเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ.2564 และเป็นการยกระดับมาตรการด้านสาธารณสุขของรัฐสภา ในการป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

 

ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000049647

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=530204451719090&id=100563224683217


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

พท.ปูด พณ.ปล่อยสมาคมผู้ส่งออกข้าวเก็บค่าบริหารจัดการ 150 บาทต่อตัน ส่วนต่างถึง 255 ล.ส่อทุจริตหรือไม่ ใครได้ประโยชน์ บี้ พณ.แจง

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มีหนังสือด่วนมากแจ้งผลการจัดสรรปริมาณข้าว เพื่อส่งมอบให้รัฐวิสาหกิจจีน (COFCO) ลงวันที่ 18 พ.ค.64 โดยเนื้อหาระบุเรียกเก็บค่าการบริหารจัดการจากสมาชิกในอัตราตันละ 150 บาท และต้องจ่ายค่าดำเนินการดังกล่าวภายในวันที่ 25 พ.ค.นี้ว่า กรมการค้าต่างประเทศ ผู้รับผิดชอบการค้าข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และเป็นผู้จัดโอนโควต้าข้าวให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เหตุใดจึงปล่อยให้สมาคมฯ เรียกเก็บค่าดำเนินการดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกต 4 ข้อดังนี้

1.) กรมการค้าต่างประเทศ ใช้วิธีการมอบโอนข้าวปริมาณ 20,000 ตันให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยดำเนินการจัดหา เพื่อส่งออกขายให้รัฐในต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว และสมาคมฯ จำกัดเพียงสมาชิกเท่านั้นที่จะมีสิทธิจัดส่งข้าวตามปริมาณที่สมาคมฯ จัดสรรให้ใช่หรือไม่

2.) จดหมายมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยระบุเนื้อหาการส่งมอบข้าวที่กำลังจะเกิดขึ้นช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ COFCO สั่งซื้อข้าวขาว 5% จัดส่งแบบ FOB (ราคาส่งที่ท่าเรือ) ที่ราคาตันละ 520 เหรียญสหรัฐ แต่ข้อมูลที่ทราบมาข้าวชนิดเดียวกันนี้ ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 480 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ดังนั้นส่วนต่างตันละ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันต่อปริมาณข้าว 20,000 ตัน จะเกิดส่วนต่างสูงถึง 8 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือ 25 ล้านบาท  จึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวว่าเป็นจริงหรือไม่ 

3.) การโอนข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จำนวน 20,000 ตัน ซึ่งถือเป็นสิทธิและเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทยให้แก่สมาคมผู้ส่งออกข้าวโดยไม่มีการประมูล เป็นการทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ.2560 หรือไม่

4.) การดำเนินการของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มีการเรียกเก็บเงินเพื่อการบริหารจัดการตันละ 150 บาทนั้น เงินจำนวนนี้ได้ถูกนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามจุดประสงค์ของการค้าข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือไม่ อย่างไร นำไปใช้อะไร เพราะมีผลต่อการผลิตข้าวของชาวนา 
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2558-ปัจจุบัน มีการซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐระหว่าง COFCO กับกรมการค้าต่างประเทศรวม 1.7 ล้านตัน หากมีการคิดส่วนต่างจากราคาส่งออกตามโควต้านี้จริง คงจะประเมินมูลค่าไม่ได้ และหากมีการเก็บค่าดำเนินการ 150 บาทต่อตันจริง อาจคิดเป็นมูลค่าเงินกว่า 255 ล้านบาท เงินเหล่านี้ใครได้ประโยชน์และใครเสียประโยชน์ ทั้งนี้ พรรค พท.จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด


 

พท.จวกกรมปศุสัตว์ปล่อยลัมปีสกินระบาดในหมู วัว ควายซ้ำเติมเกษตรกรไทย หวั่นเสียหายหลายพันล้านบาท จี้จัดหาวัคซีน

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564  นายวิสุทธิ์ ​ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้เกิดโรคระบาดลัมปีสกินในโค กระบือ ล่าสุดได้ลุกลามมายังสุกรในพื้นที่กว่า 40 จังหวัด โดยได้เกิดการระบาดมาตั้งแต่เดือนม.ค. จนถึงขณะนี้ผ่านมา 5 เดือน กรมปศุสัตว์ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ แม้เคยออกระเบียบการเคลื่อนย้ายสัตว์ข้ามจังหวัด แต่ไม่สามารถระงับการระบาดของโรคได้ทันท่วงที เกษตรกรบางรายยอมจ่ายค่าผ่านทาง เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายสัตว์เพื่อไปจำหน่าย หารายได้ในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำในตอนนี้ หากรัฐบาลปล่อยให้การระบาดของโรคลุกลามไปมากกว่านี้ อาจสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ และสุกร ที่ปัจจุบันมีรายได้จากการจำหน่ายเนื้อสัตว์ในประเทศ และยังส่งออกไปต่างประเทศ เช่น เวียดนาม และจีน รวมมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท 

นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า การที่กรมปศุสัตว์สั่งซื้อวัคซีนระงับการระบาด แต่เพิ่งดำเนินการสั่งซื้อเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งดำเนินการล้าช้าไม่ทันการณ์ต่อการระบาดของโรค และยังสั่งซื้อไม่เพียงพอที่ 80,000 โดส ขณะที่ปริมาณสัตว์ที่ติดเชื้อกว่าล้านตัว ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้ น.สพ.สรวิทย์ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ในฐานะของฝ่ายราชการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะฝ่ายบริหาร ออกมาเปิดเผยข้อมูลการระบาด การรับมือและการจัดการป้องกันการระบาดของโรค และแสดงความรับผิดชอบที่ปล่อยปละละเลยให้เกิดโรคระบาดในสัตว์จนลุกลามบานปลายสร้างความเสียหายให้กับประเทศ รัฐบาลล้มเหลวซ้ำซากไม่สามารถควบคุมทั้งโรคระบาดในคน และในสัตว์  สิ่งที่เกิดขึ้นได้เหยียบย่ำซ้ำเติมความหวังการหารายได้ของประชาชนและเกษตรกรที่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากโควิด-19  พวกท่านต้องรับผิดชอบ

“บิ๊กป้อม” เรียกประชุมเร่งปิดช่องว่างชายแดน บูรณาการงานเชิงรุก เข้มจนท.ทุกฝ่ายดำเนินการจับกุมหลบหนีเข้าเมืองจริงจังตามกม. วอนผู้ประกอบการหยุดใช้แรงงานเถื่อน 

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด โดยมี รมว.มหาดไทย รมว.แรงงาน รมช.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุม ที่ห้องประชุม 301 ทำเนียบรัฐบาล และ มีผวจ.จังหวัดชายแดน ประกอบด้วย จ.แม่ฮ่องสอน, จ.กาญจนบุรี, จ.อุบลราชธานี, จ.สระแก้ว และ จ.นราธิวาส ร่วมประชุมด้วย ผ่านระบบ VTC เพื่อมอบนโยบายแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

สำหรับภาพรวมสถานการณ์ ยังพบความต้องการแรงงานและขบวนการลักลอบนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติและขนย้ายส่งต่อเข้าพื้นที่ชั้นในไปยังสถานประกอบการในหลายจังหวัด โดยตั้งแต่ ก.ค. 62 ถึงปัจจุบัน ทหาร ตำรวจได้ร่วมจัดตั้งจุดตรวจร่วม 1,086 จุด สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ถึง 3,2812 คน โดยจับได้ในพื้นที่ชายแดน 23,258 คน พื้นที่ชั้นใน 9554 คน เป็นผู้นำพา 264 คน ทำลายเครือข่ายไปแล้ว 105 เครือข่าย 

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำสั่งการ ขอให้ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ กระทรวงแรงงาน ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้กลไก “ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของจังหวัด” ร่วมกันคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติด และสินค้าผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับการคุมเข้มมาตรการป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่พื้นที่ชายแดน ต่อเนื่องเข้ามาพื้นที่ชั้นในและเขตเมืองอย่างเป็นระบบ โดยกำชับ เน้นงานข่าวย้อนกลับจากผลสอบสวนและต้องปิดช่องว่างที่เกิดขึ้นให้ได้ ตามสืบจับขยายผลทำลายเส้นทางและโครงสร้างขบวนการลักลอบนำพาแรงงาน ตั้งแต่ต้นทางชายแดน ถึงปลายทางสถานประกอบการ พร้อมย้ำกับทุกส่วนราชการ หากมีการปล่อยปละละเลย หรือบกพร่องต่อหน้าที่ ต้องมีผู้รับผิดชอบ และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องสมประโยชน์ทุกระดับไม่มียกเว้น

โดยพล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับกระทรวงมหาดไทย ย้ำกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดชายแดน ต้องใช้กลไก “ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของจังหวัด” และให้เพิ่มความถี่ลงกำกับขับเคลื่อนงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่องและจริงจังถึงระดับหมู่บ้าน ตำบลติดชายแดน คู่ไปกับกลไก กอ.รมน.จว. โดยให้วางเครือข่ายเฝ้าระวังดึงประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มีผู้ลักลอบหลบหนีเข้ามาในทุกช่องทาง โดยเฉพาะต้องหยุดการเคลื่อนไหวของผู้นำพาในพื้นที่ และประชาสัมพันธ์ขยายผลความร่วมมือประชาชนไปด้วยกัน 

ส่วนกระทรวงแรงงาน พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำสั่งการให้เร่งเข้าไปตรวจสอบความเชื่อมโยงจากผลการสอบสวนถึงผู้ประกอบการที่สั่งนำแรงงานเถื่อนเข้าและให้ประสานกับฝ่ายความมั่นคง ทำลายเครือข่ายการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเดิมและที่พบใหม่ให้หมดสิ้นโดยเร็ว พร้อมกับให้เร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่ยังตกค้างให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดโดยเร็ว พร้อมกันนี้ขอให้ดำรงความต่อเนื่องเชิงรุก ตรวจคัดกรองแค้มป์คนงานและสถานประกอบการ รวมทั้งกำกับติดตามการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นกลุ่มก้อนที่อาจนำพาโรคโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ขอให้เน้นงานเชิงรุกให้มากขึ้น กำหนดมาตรการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด กับสถานประกอบการที่ยังใช้แรงงานผิดกฎหมาย ร่วมไปกับขอความร่วมมือสถานประกอบการระงับการใช้แรงงานผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด

“รองนายกฯ ขอให้ ตำรวจประสานแก้ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน และกำชับการทำงานของหน่วยงาน ตชด. ตม.และตำรวจภูธรทุกพื้นที่ สนับสนุนการทำงานของ ศูนย์สั่งการชายแดนฯ และกวดขันเพิ่มจุดตรวจทั้งเส้นทางหลักและรอง สกัดกั้นการลักลอบเคลื่อนย้ายแรงงานเข้ามาในพื้นที่ชั้น และควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นกลุ่มก้อน ทั้งนี้ยังให้คงความต่อเนื่องเปิดปฏิบัติการ กวาดล้างจับกุมการค้ามนุษย์ ยาเสพติด แหล่งมั่วสุมในทุกพื้นที่ชุมชน โดยให้ขยายผลยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทุกราย เพื่อร่วมกันควบคุมโรคและการกระทำที่ผิดกฎหมายควบคู่กันไป พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อความปลอดภัยของทุกคน”พล.ท.ควชีพ กล่าว

“ไทยไม่ทน” บุกปชป. ยื่นหนังสืงจี้ “จุรินทร์” ถอนตัวร่วมรัฐบาล ออกมายืนเคียงข้างปชช. เปิดทางให้ทุกฝ่ายนำร่วมกันหาผู้นำคนใหม่ ชี้ ”ระบอบประยุทธ์” เป็นภัยคุมคามปชต.-สถาบัน

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ คณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ นายวีระ สมความคิด พร้อมคณะ เข้ายื่นหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงานของ รมว.พาณิชย์ ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อเห็นแก่ชาติและประชาชน

ในหนังสือดังกล่าว มีสาระสำคัญระบุว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมือง ภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สืบทอดอำนาจมาถึง 7 ปี แม้จะอ้างว่า ในช่วง 2 ปีหลังเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่วิญญูชนย่อมรู้ดีว่า นับแต่รัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายก็วางโรดแมปเพื่อสืบทอดอำนาจนับแต่นั้นเป็นต้นมา จนสามารถสถาปนา “ระบอบประยุทธ์” ที่สร้างความทุกข์ยากแสนสาหัสให้กับผู้คนในประเทศ ความเลวร้ายของระบอบประยุทธ์ไม่สามารถสาธยายได้หมด แต่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ประชาชนกำลังเผชิญไม่ว่าจะเป็นวิกฤติโควิด-19 ที่ประชาชนเสียชีวิตเป็นใบไม้ร่วงทุกวัน ๆ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในระดับครัวเรือนและมหภาค การทุจริตคอรัปชั่นที่นำอำนาจผลประโยชน์ไปหล่อเลี้ยงความสามานย์ของระบอบประยุทธ์ การเติบโตขยายอำนาจของรัฐระบบราชการ ที่ไม่เห็นหัวประชาชน ด้อยค่า ลดทอนอำนาจฝ่ายการเมืองที่เป็นตัวแทนประชาชนลงทุกขณะ ที่สำคัญคือ การแอบอ้างสถาบันแสวงหาประโยชน์ แบ่งแยกประชาชน จนสถาบันเกิดความมัวหมอง

เวลานี้ประชาชนที่ไม่ยอมจำนนและไม่ทนกับความชั่วร้ายของระบอบประยุทธ์ กำลังเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้ประเทศได้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถนำพาประเทศให้หลุดพ้นปากเหวแห่งหายนะ เสียงเรียกร้องและความเคลื่อนไหวนี้ค่อย ๆ พัฒนา ยกระดับขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคนในเครือข่ายระบอบประยุทธ์ก็พยายามโต้กลับ กำราบปราบปรามทุกวิถีทางและมีแนวโน้มว่าถึงที่สุดก็จะใช้ความรุนแรงปราบปราม เข่นฆ่าประชาชน ซึ่งนั่นหมายความว่า ประเทศก็จะยิ่งวิกฤติและเป็นบาดแผลครั้งใหญ่มากกว่าเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย 

ด้วยความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดอยู่คู่กับประเทศมาถึง 75 ปี ย่อมมองเห็นแนวโน้มของวิกฤตภายใต้ระบอบประยุทธ์ ไม่ต่างไปจากความเคลื่อนไหวเรียกร้องของภาคประชาชน สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ดำรงอยู่ได้ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เพราะมีประชาชนให้การสนับสนุน วาทะที่นายชวน หลีกภัย แกนนำคนสำคัญของพรรค กล่าวอยู่เสมอว่า “เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา” หรือ “ถึงที่สุดแล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน” นั้น สะท้อนให้เห็นถึงจิตสำนึกประชาธิปไตยที่มองประชาชนเป็นใหญ่ ซึ่งเหล่านี้คือบทบาทของพรรคที่นับได้ว่ามีส่วนและคุณูปการช่วยธำรงรักษาระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภามาไม่น้อย 

ดังนั้น เมื่อระบอบประยุทธ์ คือ ภัยคุกคามของระบอบประชาธิปไตย ภัยคุกคามต่อสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน ภัยคุกคามความเจริญก้าวหน้าในทุกมิติของประเทศที่จะต้องส่งมอบต่ออนาคตให้คนรุ่นลูกหลานได้ดำรงอยู่ จึงขอให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเปิดทางเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันหาผู้นำประเทศคนใหม่ตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป ขอพรรคประชาธิปัตย์ก้าวมาอยู่เคียงข้างประชาชน หยุดความชั่วร้ายสามานย์ของระบอบประยุทธ์


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"อรรถวิชช์" เสนอรัฐบาล เร่งส่งวัคซีนฉีดให้เจ้าหน้าที่ไทยในต่างประเทศ ชี้ นายกฯ ได้ครบ 2 เข็มพร้อมสู้ แต่ทูต-เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานยังเสี่ยง 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวเสนอให้รัฐบาลส่งวัคซีนที่มีอยู่ ฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ไทยที่ปฏิบัติงานดูแลคนไทยในต่างประเทศ เพราะมีข้อร้องเรียนมาว่า เจ้าหน้าที่ที่ประจำการหลายประเทศยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ดูแลคนไทย ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักในหลายประเทศ มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยประเทศปลายทางเป็นผู้ให้บริการ

"ทูตและผู้แทนไทย เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตร กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ ตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย BOI การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปปส. หน่วยงานเหล่านี้ล้วนมีเจ้าหน้าที่อยู่ต่างประเทศ แต่หลายคนยังไม่ได้รับวัคซีน ทั้งที่มีหน้าที่เป็นด่านหน้าในการดูแลคนไทยในต่างประเทศสู่ภัยกับโรคระบาดครั้งนี้ จนปัจจุบันมีหลายท่านที่ป่วยและไม่สามารถปฏิบัติงานได้" นายอรรถวิชช์กล่าว 

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้รับวัคซีน Astrazeneca เข็มที่ 2 แล้วในวันนี้ ก็คงสามารถทำงานได้ดีขึ้น เสี่ยงน้อยลง แต่เจ้าหน้าที่ของไทยในต่างแดนยังต้องเสี่ยงอยู่ ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนที่ท่านนายกฯ เคยกล่าว โดยขอให้เทียบเคียงกรณีสหรัฐฯ ส่งวัคซีน Pfizer มาฉีดให้เจ้าหน้าที่สหรัฐในไทยเมื่อต้นเดือนนี้ หรือจีนที่ส่งวัคซีน Sinovac มาให้คนจีนในไทยฉีดในช่วงเวลาที่ผ่านมา 

นายอรรถวิชช์ ย้ำด้วยว่า เรื่องนี้สะท้อนระบบราชการที่ล้าหลัง ในการดูแลคนทำงานหน้าด่านในต่างประเทศ การส่งวัคซีนข้ามประเทศโดยใช้เอกสิทธิ์ทางการทูตน่าจะไม่จากเกินกำลังของรัฐบาลไทย  ความเร็ว เป็นหัวใจในการแก้วิกฤติ เป็นกำลังใจให้คนทำงาน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32
 

”บิ๊กป้อม” สั่งก.รง. เอาผิดนายจ้าง นำเข้าแรงงานต่างด้าว ฟัน ไม่มีละเว้น เผย จัดชุดเฉพาะกิจ 5 ชุดลงพื้นที่ตรวจจับ

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด ว่า ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้หารือถึงมาตรการป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง โดยเฉพาะการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมีการแถลงให้ทราบกัน ในส่วนของกระทรวงแรงงานจะดูในเรื่องของสถานประกอบกิจการที่มีการนำแรงงานผิดกฏหมายเข้ามา ที่ผ่านมาได้จับไปแล้วถึง 3 แสนกว่าคนใน 2 หมื่นกว่ากิจการ

“เรากำลังจะประชุมร่วมกับประธานหอการค้าไทย สภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ก่อนที่จะมีการออกประกาศกฎกระทรวงเพื่อขอความร่วมมือและเอาผิดกับบรรดานายจ้างทั้งหมดที่นำเข้าแรงงานผิดกฏหมาย จะมีการกำหนดบทลงโทษชัดเจน โดยจะมีชุดเฉพาะกิจทั้งหมด 5 ชุดในการออกตรวจจับ ถ้าเจอก็จะดำเนินคดีให้สูงที่สุด ไม่มีละเว้นและรายงานผลออกมา เรื่องนี้เป็นนโยบายของพล.อ.ประวิตร อยู่แล้ว โดยจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดจากนี้ไป แต่จะไม่มีการดำเนินการย้อนหลังกับโรงงานที่ทำความผิดก่อนหน้านี้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไรก็สถานประกอบการหรือเจ้าของโรงงานที่ไม่ยอมให้ตรวจ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ตรวจได้ ตนมีอำนาจในการตรวจ ซึ่งโทษก็จะมีทั้งจำ ทั้งปรับ ส่วนบางโรงงานที่ปกปิดข้อมูลนั้น ไม่เชิงปกปิดข้อมูล และมีไม่เยอะ อย่างบางเคสที่เราเจอก็จะมีการปรามเพื่อไม่ให้มีการสั่งออเดอร์แรงงานเข้ามา ถ้าสั่งมาก็จับโดยส่งข้อมูลให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี กระทรวงแรงงานจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้กล่าวโทษ ส่วนการดำเนินคดีจะเป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งมีโทษแรง ทั้งนี้กระทรวงแรงงานจะทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทางตำรวจซึ่งได้ คุยกับผบ.ตร.แล้ว รวมถึงกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้เราก็ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีสถานการณ์ของโควิดอยู่ จึงมีความเป็นห่วง

เมื่อถามถึงกรณีที่บุคคลากรด้านหน้าทั้งหมอ พยาบาล ทำงานเหนื่อยกันมาก แต่ด้านหลังกลับปล่อยให้มีการลักลอบเข้ามา นายสุชาติ กล่าวว่า ความจริงต้องดูว่าตัวเลขที่เข้ามามีจำนวนเท่าไหร่ ความจริงไม่ได้มากอย่างที่คิดกัน และการที่จะติดเชื้อก็ไม่ได้ติดเฉพาะจากคนต่างชาติ แต่ก็มีติดจากคนไทยด้วย เพราะฉะนั้นต้องบูรณาการร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวหนักใจกับโรงงานต่าง ๆ ที่มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาหรือไม่ รมว.แรงงาน กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าทุกโรงงานจะมีแรงงานต่างด้าว เพราะที่ไปตรวจ บางโรงงานก็ไม่มี หรืออย่างแคมป์คนงานที่อิตาเลียนไทยที่พบการติดเชื้อ ปรากฏว่าไม่ได้ติดจากแรงงานต่างด้าว แต่เป็นการติดจากคนไทยที่พบติดเชื้อถึง 15 คน ขณะนี้กำลังจะนำทีมเข้าไปฉีดวัคซีนในโรงงานที่มีคนงาน 500 คนขึ้นไป ส่วนโรงงานอื่น ๆ นั้น บางครั้งหากจะเข้าไปฉีดก็ต้องดูด้วยว่าอยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือไม่ เพราะหากฉีดแล้วเกิดผลกระทบอะไรขึ้นมาก็อาจจะลำบากในการนำตัวไปยังโรงพยาบาล

‘ประวิตร’ เร่ง ผลักดัน ‘ทะเลอันดามัน’ ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เน้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สั่ง ทส.จูงใจปชช.มีส่วนร่วม

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วย อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชารมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เข้าร่วม

โดยที่ประชุมเห็นชอบองค์ประกอบ และท่าทีของไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ที่จะมีขึ้นระหว่าง 16-31 ก.ค.นี้ ที่เมืองฝูโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมทางไกล เต็มรูปแบบ ซึ่งมีวาระที่สำคัญ ได้แก่ การรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่  และการขึ้นทะเบียน พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นมรดกโลก รวมทั้งได้เห็นชอบให้นำเสนอ พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ "ทะเลอันดามัน" บรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ของศูนย์มรดกโลก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ระนองจ.พังงา และจ.ภูเก็ต เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ก่อนเสนอขึ้นเป็นมรดกโลก ต่อไป เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ อย่างยั่งยืน และสร้างความภาคภูมิใจให้คนไทย พร้อมทั้งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สำคัญของประเทศชาติ 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์มรดกโลกอย่างต่อเนื่อง และขอให้คนไทย ได้ร่วมกันดูแลรักษา สงวนไว้ให้คงคุณค่า และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อให้มรดกโลกในประเทศไทย คงอยู่กับคนไทย และลูกหลานไทย อย่างยั่งยืน ถาวร สืบไป พร้อมขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมศิลปากร และภาคประชาชน ที่ได้มีส่วนร่วมอนุรักษ์ อย่างจริงจัง ที่ผ่านมา

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้กระทรวงทรัพยากรฯประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการผลักดันขอขึ้นทะเบียน แหล่งทางธรรมชาติ และทางวัฒนธรรม ให้เป็นมรดกโลกให้ได้ตามเป้าหมาย และปฏิบัติตามมติคณะกรรมการมรดกโลก อย่างถูกต้อง ครบถ้วน  พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำให้ ทส.เร่งสำรวจการถือครองที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยของประชาชน ในเขตอุทยานแห่งชาติ ให้ได้ข้อยุติตาม กม. อย่างถูกต้องโดยเร็ว พร้อมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนอย่างทั่วถึง

รองโฆษก ปชป. ชื่นชมรัฐบาลเปิดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แรงงาน ม.33 เป็นสิ่งที่ดี แนะตั้งศูนย์ฉีดเคลื่อนที่ไปในสถานประกอบการ วอนเลื่อนกำหนดการฉีดประชาชนทั่วไปเร็วกว่าเดิม

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน เตรียมดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 ให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลจะดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้มีผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรคเสี่ยงยังมีความลังเลไม่ลงทะเบียนเพื่อรับการฉีด ทำให้มีวัคซีนเพียงพอที่จะกระจายให้กับผู้ประกันตนในมาตรา 33 ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการฉีดโดยขอให้มีการตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุกไปยังสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของประชาชนที่จะมารวมตัวกัน รวมถึงในการดำเนินการฉีดวัคซีนขอให้ใช้งบประมาณของประกันสังคมมาจ้างบุคลากรจากภาคเอกชนมาดำเนินการเหมือนกับการตรวจหาเชื้อเชิงรุก เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้บุคลากรของภาครัฐที่จะต้องดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป

“อยากให้รัฐบาลเร่งตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบเคลื่อนที่เชิงรุกในสถานประกอบการ เพื่อลดความแออัด โดยใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม และบุคลากรจากภาคเอกชนในการดำเนินการบริการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อจะได้ไม่กระทบกับบุคลากรทางการแพทย์ภาครัฐที่จะการให้บริการกับพี่น้องประชาชนทั่วไป” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช ยังเรียกร้องให้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มทั่วไป โดยขอให้มีการเลื่อนกำหนดการฉีดขึ้นมาให้เร็วกว่าเดิม เนื่องจากการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุยังลงทะเบียนไม่ครบตามเป้าหมายเพราะบางส่วนยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยดังนั้นขณะนี้มีประชาชนทั่วไปมีความสนใจที่จะรับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก หลังจากที่รัฐบาลได้รณรงค์และสร้างความเชื่อมั่น จึงขอให้รัฐบาลได้เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปเร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิมเพื่อจะได้สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top