Monday, 23 June 2025
Politics

"โจ พงศ์พรหม" ชี้กระแสคนอยากย้ายประเทศ ต้องแก้ด้วยการกระจายอำนาจ - ลงทุนไปต่างจังหวัด ยกโมเดล "ขอนแก่น - อุดร" มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางภูมิภาคได้ ถามรัฐบา ลมีแผนในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือไม่ ? 

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความลง Facebook ส่วนตัว ถึงกระแสคนอยากย้ายประเทศว่า ช่วงนี้มีกระแสย้ายประเทศแรงๆ อยู่ ผมเลยอยากเสนอความคิดต่าง ไม่ใช่ด่ากัน แต่หาทางออก 

เมื่อ 3 ปีก่อน ผมเริ่มเสนอแนวคิดนี้กับคนรอบตัว
ทำไมเราไม่เคยใช้จุดเด่นหัวเมืองแต่ละจังหวัดในการสร้างการเติบโต “คนไทย” อย่างเท่าเทียมมากขึ้น 

“เราต้องกระจายอำนาจ” แต่กำหนดทิศทางหัวเมืองให้ชัด โดยให้เติบโตตามความถนัดของเขา อย่างเช่น ขอนแก่นมีมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย อุดรมีนักธุรกิจเก่งๆ มีอุดรพัฒนาเมืองที่ได้ชื่อว่ามองอนาคตเมืองได้ไกล 

2 เมืองนี้ควรเป็นพาร์ทเนอร์กันในการสร้างเมือง Biotech/Biodiversity based research and innovation แห่งอาเซียน 

มหาวิทยาลัยมีแล้ว นักธุรกิจมีแล้ว ทำเลก็แสนเยี่ยม ไปจับมือลาว เวียดนามทำวิจัย แล้วเอามาตั้งโรงงานที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผลิตเสร็จ ก็ส่งออกทางลาว ไม่ก็ท่าเรือบกลงมา EEC 

เชิญ Pfizer อเมริกา เชิญบริษัท Anti-ageing เกาหลี บริษัทยาญี่ปุ่น-จีน มาลงทุน ให้ BOI 15 ปี พร้อม residential visa ตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมแนวนี้ให้คนไทย ใครตัวเล็กๆก็ให้ handicap เยอะหน่อย 10,000 ล้าน ไม่ใช่ตัวเลขที่มากเกินภาระการคลัง เพราะจะสร้าง 100,000 ล้าน ในอุตสาหกรรม S-curve โลก 

แล้วภาพแบบนี้จะเกิดได้ ผมเชื่อว่าการทำ GPP (Gross Provincial Product) ให้ 2 จังหวัดนี้โตแบบ 3-5 เท่าใน 10 ปีไม่ใช่เรื่องยากเลย แปลว่า Tesla, BMW จะเป็นรถยนต์ที่คนขอนแก่น-อุดรใช้กันโดยทั่วไป ไม่ถือว่าเป็น luxury car 

จะให้เกิดสิ่งนี้ แค่เปลี่ยนวิธีคิดให้แต่ละภูมิภาคเป็นศูนย์กลางตัวเอง คิดให้เค้ารวย อย่าคิดให้ระบบราชการ หรือกรุงเทพรวย 

ถ้าเป็นแบบนี้ คนไม่อยากย้ายประเทศหรอกครับ เพราะเค้าจะมีทั้ง Love and Hope อย่างที่ผมว่าไว้ ซึ่งรัฐบาลก็ควรตั้งคำถามว่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีหรือไม่? สำหรับผม คนอยากย้ายประเทศเป็นโอกาสในการพูดคุย และเริ่มปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง 

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4251739811502791&id=100000004424101

บิ๊กป้อม สั่ง ศปฉ.พปชร. ระดม ช่วยชาวบ้าน สู้โควิด-19  เกาะติด คลัสเตอร์คลองเตย เร่ง บรรเทาความเดือดร้อน

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ  อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและสุขภาพของพี่น้องประชาชน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชาชนจะจัดตั้งศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 พปชร. หรือ ศปฉ.พปชร. เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการติดเชื้อ แต่ไม่มีเตียงในการรักษา และนำส่งโรงพยาบาลให้รวดเร็วเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนแล้ว ยังได้ระดมสรรพกำลังส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย ให้ความช่วยเหลือถึงมือพี่น้องประชาชนมากที่สุด  เช่น การมอบเครื่องอุปโภค บริโภค  อุปกรณ์ในการป้องกันตนเอง ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์  เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ  เป็นต้น  โดยกำชับให้การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ในการเว้นระยะห่างทางสังคม  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเราพูดจริง ทำจริง โดยขณะนี้ส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐได้เดินหน้าลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือแล้วหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาต่างๆต่อเนื่อง   ส.ส.จักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. ในฐานะหัวหน้าภาค กทม. ผู้แทนศูนย์ช่วยประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 (ศปฉ.พปชร) ได้ร่วมกับคณะ มอบหน้ากากอนามัย จำนวน 25,000 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์ ให้กับโรงพยาบาลศิริราช  น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร แจกหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ และมอบอาหารสดให้กับชุมชนคลองตาปลั่ง ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี มอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและของกินของใช้ให้กับโรงพยาบาลสนาม ที่วิทยาลัยพยาบาลพร้อมบริการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ให้กับอบต.และเทศบาลในพื้นที่ราชบุรี นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางแค ได้มอบแท่นกดเจลแอลกอฮอล์ในชุมชนนิรันดร์คอนโด นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา จัดรถเตรียมรับส่งผู้ป่วย และลงพื้นที่มอบอาหารสดอาหารแห้งชุมชนคลองอู่ตะเพา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นาย ฐาปกรณ์ กุลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ ลงพื้นที่มอบหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งรถฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ให้กับชุมชนอ.พระปะแดง จ.สมุทรปราการ รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช มอบเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ และหน้ากากอนามัยให้กับตัวแทนอสม. นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา ลงพื้นที่อ.ประทายมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ช่วยเหลือผู้ให้ความร่วมมือกักตัวในบ้านพักเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารสุข เป็นต้น พร้อมกันนี้บรรดาส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคยังได้ช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย

และขณะนี้พื้นที่ที่สังคมกำลังกังวลใจเป็นอย่างมากคือชุมชนคลองเตย ซึ่งมีการแพร่เชื้อติดต่อเป็นวงกว้างจากความเป็นอยู่ของชุมชนแออัดที่เป็นพื้นที่แออัดที่สุดในประเทศไทยนั้น ทาง น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.เขตคลองเตย-วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ  ได้ลงพื้นที่ทั้งฉีดพ่นฆ่าเชื้อ มอบสิ่งของจำเป็นกับผู้เดือดร้อน สื่อสารข้อมูลประสานงานทุกอย่างให้พี่น้องในชุมชน พร้อมเข้าสำรวจพื้นที่บริเวณการท่าเรือ ลงพื้นที่ให้กำลังใจช่วยเหลือ ณ จุดฉีดวัคซีนโลตัสพระราม4  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้ผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

“ภาวะวิกฤติเช่นนี้ นักการเมืองมีส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนการปฏิบัติของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้ ด้วยการเสริมการป้องกันให้กับพี่น้องประชาชน การอำนวยความสะดวกและการช่วยประสานงานเพื่อไม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่การนั่งเพียงนั่งอยู่ในห้องแอร์ วิจารณ์อยู่หน้าจอ ทำลายขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่  ซึ่งต้องร่วมมือกันฝ่าวิกฤติไปให้ได้ ไม่ใช่คอยฉกฉวยโอกาสฉุดรั้ง การแก้ไขปัญหาจนวิกฤติเกินแก้ไข” น.ส.ทิพานัน กล่าว

“ดีอีเอส” ตั้งทีมจับตากลุ่มย้ายประเทศฯ หลังมีร้องเรียนสร้างความแตกแยก-หมิ่นสถาบันฯ ชี้แนะแนวศึกษา-อาชีพ ตปท.เป็นเรื่องดี แต่ควรศึกษาข้อมูลรอบด้าน เตือนอาจมีมิจฉาชีพแฝงหาประโยชน์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)  กล่าวถึงกรุ๊ปเฟซบุ๊ก “ย้ายประเทศกันเถอะ” ที่กำลังเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ขณะนี้ว่า กระทรวงดีอีเอสได้รับการร้องเรียนถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวมาเช่นกัน โดยผู้ร้องเรียนระบุว่า มีเนื้อหาสร้างความแตกแยกสร้างความเกลียดชัง และยังมีการแสดงความคิดเห็นเข้าข่ายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย อย่างไรก็ตาม เท่าที่ติดตามเบื้องต้นพบว่า เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงแนะแนวการศึกษา และแนะนำแนวทางประกอบอาชีพในต่างประเทศ ซึ่งจริงๆก็เป็นเรื่องที่ดี และหน่วยงานภาครัฐเองก็มีการให้ข้อมูล และให้การสนับสนุนผู้ที่มีความพร้อมมาโดยตลอดอยู่แล้ว ทั้งในแง่การไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงการต่างประเทศ เช่นเดียวกับการประกอบอาชีพที่มี กระทรวงแรงงาน เป็นผู้กำกับดูแล

“เท่าที่ติดตามหลายๆโพสต์ก็เป็นเรื่องแนะแนวการศึกษา และการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ที่แฝงด้วยประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มบางคนที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศก็มีพฤติกรรมชังชาติอยู่แล้ว ก็มีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อสร้างความแตกแยก และหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กระทรวงดีอีเอสมีคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามการกระทำความผิดในสังคมออนไลน์อยู่แล้ว ก็ได้กำชับไปให้ตรวจสอบดูว่ามีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด” นายชัยวุฒิ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า หากเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการศึกษาหรืออาชีพในต่างประเทศ รัฐบาลคงไม่ปิดกั้น เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีความเป็นห่วงในบางข้อความที่ไม่เหมาะสม อาทิ การแนะนำวิธีลักลอบเข้าเมือง หรือการอาศัยอยู่เกินกำหนดอย่างผิดกฎหมายหรือที่เรียกว่าโดดวีซ่า ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และอาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการพิจารณาให้วีซ่าคนไทยของประเทศปลายทางในอนาคตด้วย ที่สำคัญยังเป็นห่วงว่า กลุ่มดังกล่าวอาจเป็นช่องทางของขบวนการมิจฉาชีพที่ใช้สังคมออนไลน์หลอกลวงให้มีการไปทำงานต่างประเทศที่ระบาดอย่างหนักในระยะหลัง โดยทราบจากสถิติของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ว่าช่วงปี 2561-2563 ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศแล้วมากกว่า 1,500 เรื่อง ดังนั้นผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ไม่หลงเชื่อขบวนการเหล่านี้

ดับฝันฝากเงินสหกรณ์ได้ดอกเบี้ยบาน รัฐกำหนด 1 ก.ค.นี้ ได้ไม่เกิน 4%

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ออกประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่องกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากของสหกรณ์ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทของสหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์ทุกประเภทให้ไม่เกิน 4% ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564 เป็นต้นไป เว้นแต่กรณีการรับฝากเงินประเภทประจำที่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยแน่นอนแล้วให้สามารถจ่ายอัตราดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดสำหรับบัญชีที่ได้เปิดไว้ก่อนมีประกาศฉบับนี้

สำหรับเหตุผลของการออกประกาศครั้งนี้ กรมฯ ประเมินว่า จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของสหกรณ์การเกษตรและสหกรณ์นอกภาคเกษตรบางแห่งที่กำหนดไว้สูงถึง 5-7% ทำให้สหกรณ์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง เพื่อช่วยเหลือสมาชิกได้มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อการช่วยลดรายจ่ายของสมาชิกลงได้ 

ขณะเดียวกันการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ต่อปี ยังไม่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของสมาชิกที่จะได้รับ เนื่องจากอัตราดังกล่าวยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินอื่น เช่น ธนาคารพาณิชย์ที่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยไม่ถึง 0.50 บาท ซึ่งที่ผ่านมา กรมฯ เคยมีการออกประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ในเรื่องกำหนดอัตราดอกเบี้ยในลักษณะนี้มาแล้ว เช่น ในปี 2543 กำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 7% และในปี 60 สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน กำหนดอัตราดอกเบี้ยให้ไม่เกิน 4.5%\

กรมการขนส่งทางบก ย้ำ !!! มาตรการสาธารณสุข ผู้โดยสารต้องล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ พร้อมสวมหน้ากากอนามัยตลอดทางเดินทาง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามข้อสั่งการ รมว.คมนาคม

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ยังไม่กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระบบขนส่งสาธารณะอย่างเคร่งครัด

กรมการขนส่งทางบก ได้ยกระดับความเข้มข้นมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T-A เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย มาตรการคัดกรอง entry และ exit scan ในรถโดยสารสาธารณะ สถานีขนส่งผู้โดยสาร และสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ ตรวจวัดอุณหภูมิ ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา 100% มาตรการเว้นระยะห่าง จัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลสำหรับทำความสะอาดมือ เพิ่มความถี่ในการทำสะอาดพื้นที่สาธารณะตลอดทั้งวัน พร้อมจัดพิมพ์ QR Code ไทยชนะให้ผู้โดยสารเช็คอิน-เช็คเอาท์ทุกครั้งก่อนใช้บริการ โดยวันนี้ (4 พ.ค. พ.ศ.2564) สำนักงานขนส่งจังหวัด เช่น สกลนคร สระแก้ว สุโขทัย อุดรธานี แพร่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร พระนครศรีอยุธยา เชียงราย อุบลราชธานี นครพนม พิษณุโลก พังงา น่าน นครปฐม กำแพงเพชร ลำพูน กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ มุกดาหาร อุตรดิตถ์ เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา เลย อุทัยธานี ชัยภูมิ สตูล แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ราชบุรี กาญจนบุรี ศรีสะเกษ จันทบุรี นครสวรรค์ ได้ดำเนินการตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะทุกประเภททั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดตรวจคัดกรองในพื้นที่รับผิดชอบ และประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตามมาตรการ ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด 

ในส่วนของการให้บริการที่สำนักงานขนส่งทุกแห่ง มีการปรับรูปแบบดำเนินการแบบ New Normal ตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในการติดต่อราชการ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบก แจ้งงดการอบรมและทดสอบ ด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป

โดยผู้ขอใบอนุญาตขับรถรายใหม่ให้รอจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ส่วนการต่ออายุใบอนุญาตขับรถสามารถนำผลการอบรมออนไลน์มาดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้ โดยจองคิวดำเนินการล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น เพื่อบริหารจัดการจำนวนผู้ใช้บริการภายในสำนักงาน  ตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิประชาชน ก่อนเข้าอาคารสำนักงาน ที่นั่งพักคอยของประชาชนมีการเว้นระยะอย่างเหมาะสม ติดตั้ง Table Shield กั้นระหว่างผู้มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ พร้อมแนะนำการให้บริการชำระภาษีรถประจำผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อลดการสัมผัสและไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง เช่น เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ หรือ แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax  ดาวน์โหลดฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS: https://apple.co/3iAx6Dd และแอนดรอยด์: https://bit.ly/2XXQLVT

นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา นักธุรกิจ ฟาร์มปลาสวยงาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปรียบเทียบให้เห็นอัตราการติดเชื้อรายวัน และอัตราการเสียชีวิตประเทศไทยน้อยกว่าประเทศอังกฤษเยอะ แม้ว่าประเทศอังกฤษจะได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วในอัตราที่มากกว่า โดยระบุว่า...

นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา นักธุรกิจ ฟาร์มปลาสวยงาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nitipat Bhandhumachinda’ เปรียบเทียบให้เห็นอัตราการติดเชื้อรายวัน และอัตราการเสียชีวิตประเทศไทยน้อยกว่าประเทศอังกฤษเยอะ แม้ว่าประเทศอังกฤษจะได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วในอัตราที่มากกว่า โดยระบุว่า

เห็นคนด่ารัฐบาลมาก ๆ เรื่อง การดูแลบริหารจัดการวิกฤติโรคโควิด ก็เลยตื่นมานั่งค้นดูข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเปรียบเทียบกับประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับประเทศไทย (67.61 ล้านคน และ 69.95 ล้านคน ตามลำดับ) และเป็นประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนมากเป็นอันดับที่สองของโลกคือ ได้วัคซีนเข็มแรกไปแล้ว 50.22% (โดยเริ่มการฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันที่ 20 ธันวาคมปีที่แล้ว)

จากกราฟรูปที่ 1 ซึ่งเป็นข้อมูลจำนวนผู้ป่วยใหม่ในประเทศสหราชอาณาจักรและกราฟรูปที่ 3 ซึ่งแสดงจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันนั้น แม้จะเห็นได้ว่ามีแนวโน้มลดลง แต่ก็ยังมียอดผู้ป่วยและยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า ประเทศไทยหรือ กะลาแลนด์ในสายตาคนไทยบางคน อยู่ทุกวัน

แม้แต่วันที่เราระบาดสูงสุดคือมีจำนวนผู้ป่วยใหม่สองพันกว่าคนต่อวันนั้น ก็เท่า ๆ หรือน้อยกว่าวันที่เขาระบาดต่ำสุด ในช่วงเวลาเดียวกัน

และวันที่เราเสียชีวิตสูงสุดต่อวันคือวันละสิบยี่สิบกว่าคนนั้น ก็ยังมีจำนวนที่ต่ำกว่าหรือไล่เลี่ยกับ วันที่ประเทศของเขามียอดผู้เสียชีวิตต่ำสุดในรอบเดียวกัน

ส่วนช่วงที่เขาระบาดกันหนัก ๆ ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะเป็นช่วงที่เริ่มให้วัคซีนกันแล้วนั้น เขาป่วยกันเพิ่มวันละ สี่หมื่นถึงหกหมื่นคน เสียชีวิตกันวันละ พันกว่าคนทุกวัน

ถามว่าได้รับวัคซีนแล้วช่วยได้จริงไหม ก็ต้องตอบว่าหลังจากฉีดวัคซีนกันเป็นจำนวนมากแล้ว ก็สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ระดับหนึ่งจริง

แต่ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะรอดตายแน่นอน เพราะทุกวัน แม้แต่ประเทศที่มีศักยภาพในการรับวัคซีนสูงเป็นที่สองของโลกและมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับเรานั้น ก็ยังมีคนเสียชีวิตจากโควิด ในจำนวนที่มากกว่าหรือใกล้เคียงกับเราอยู่ทุก ๆ วัน

ประเทศของเรานั้น แม้จะมีการฉีดวัคซีนช้ากว่าเขาประมาณสองเดือน และการกระจายวัคซีนยังไม่สามารถทำได้ในวงกว้างเท่าเขา

แต่หากใครจะด่าอย่างเกรี้ยวกราดว่า เป็นชาติที่เฮงซวยห่วยแตก มีรัฐบาลเส็งเคร็ง บริหารงานอย่างไรให้มีคนตายมากมายนั้น

ก็อยากให้ลองเปรียบเทียบ ในทุก ๆ วันที่ประเทศอื่นเขาทุกข์ยากลำบากกับวิกฤติอย่างหนักมาตลอดทั้งปี พวกคุณคนเดียวกัน ยังสามารถออกไปประท้วง ออกไปสังสรรค์ ออกไปแหกปากร้องเพลงอวยพรงานแต่งงานกันได้ครื้นเครงนั้น

มันไม่ได้มาจากปาฏิหาริย์ อัศจรรย์ หรือ เทพเทวาใด ๆ ที่ช่วยให้ประเทศไทยรอดปลอดภัย มียอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตต่ำเตี้ยกว่าหลาย ๆ ประเทศมาได้จนถึงวันนี้

แต่มาจาก ความร่วมมือกันของคนไทย ศักยภาพและความทุ่มเทของแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทุก ๆ คน

และส่วนหนึ่งก็มาจากผลงานรัฐบาลไทย ที่คุณแหกปากด่าอยู่ได้ทุก ๆ วันนี่แหละครับ

ปล.ที่เลือกสหราชอาณาจักร เพราะเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนเป็นเปอร์เซนต์แล้ว ได้มากเป็นอันดับที่สองของโลก และมีการฟื้นตัวจากวิกฤติโรคระบาดได้ดีกว่าชาติอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน

ปล.2 หากเอาไทยไป เปรียบเทียบกับ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี หรือสเปนแล้ว ตัวเลขเขายิ่งหนักหนากว่าประเทศเราไปอีกมากมายครับ


เครดิตภาพ worldometer

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4196986613680120&id=100001064693827

พรรคกล้า เปิดคลับเฮาส์ “กรณ์-วรวุฒิ” ร่วมถกประชาชนกลุ่ม “ร้านอาหาร” พร้อมร่วมมือรัฐกันระบาด-ต้องเยียวยา-เสนอ 7 ข้อก่อนตายทั้งระบบ

พรรคกล้า เปิดคลับ Idea I do ในคลับเฮาส์ ระดมสมองหาทางออกช่วยเหลือร้านอาหาร ในหัวข้อ “ร้านอาหารกำลังจะตาย ควรช่วยยังไง” โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ 6 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการห้ามนั่งทานในร้าน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ของรัฐบาล ตลอดจนเชฟร้านอาหารชื่อดัง เชฟต้น-Le Du เชฟตาม-บ้านเทพา เชฟหนุ่ม-ซาหมวย&ซันส์ เชฟนิค เต้-พันชนะ จากสมาคมตัวแทนร้านอาหารและโครงการ Food For Fighters ตัวแทนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ Robinhood และเจ้าของร้านอาหารดัง ร้านอาหารสตรีทฟู้ดเข้าร่วมรับฟังกว่า 1 พันคน 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทั้ง 3 ระลอก ก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน แต่เท่านั้นไม่พอ เราต้องมีข้อเสนอมาตรการเพื่อให้อยู่รอด แต่อย่างน้อยเที่ยวนี้เราพอที่จะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ที่จะสร้างความมั่นใจในระดับหนึ่งคือเดือนหน้า (มิถุนายน) เราจะมีวัคซีนตามที่รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนและจะฉีดครบภายในสิ้นปี ทั้งนี้จากที่ดูจากหลายประเทศเมื่อประชาชนเขาได้รับวัคซีนแล้ว ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจบริการ และร้านการค้าปลีกต่าง ๆ มีตัวเลขชัดเจนว่าฟื้นตัว ซึ่งก็เชื่อว่าหลังจากเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตามกว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นก็คงจะต้องรอไตรมาส 4  ดังนั้นโจทย์สำคัญคือช่วงนี้เราทำอะไรได้บ้าง และรัฐบาลจะช่วยอะไรเราได้บ้าง เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่รอด เพราะอุตสาหกรรมร้านอาหาร ไม่ใช่อุตสาหกรรมขนาดเล็ก จากตัวเลขของ “วงใน” ระบุว่ามีถึง 230,000 ร้าน มีจำนวนชีวิตที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้นับล้านคน  

นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่าจากมาตรการห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านของรัฐบาล ผู้ประกอบการทั้งหมดที่อยู่ในคำสั่ง คงต้องเดือดร้อนหนักแน่ เพราะผลกระทบอันเกิดจากวิกฤตโควิดมีมาปีกว่าแล้ว เพียงแต่ระลอกนี้มันหนักหนา รัฐบาลควรออกมาตรการมาช่วยแหลือ ผู้ประกอบการเหล่านั้นได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าว 

โดยพรรคกล้าได้ออกแถลงการณ์ถึงรัฐบาล เสนอ 5 มาตรการเยียวยาคือ

(1.) ควรเร่งเจรจากับ Platform online ที่ร้านอาหารทั้งหลายใช้เป็นช่องทางขายและจัดส่งอาหารอยู่ในปัจจุบัน ไม่ให้คิดค่าธรรมเนียมการใช้บริการหรือ GP เกิน15% อย่างน้อยก็ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด เพื่อแบ่งเบาภาระให้ผู้ประกอบการและประชาชน

(2.) ควรช่วยเหลือเยียวยาค่าจ้างเงินเดือนของพนักงานในร้านอาหารเหล่านี้สัก 50% ในช่วงที่รัฐบาลประกาศห้ามมีลูกค้านั่งในร้านอาหารเหล่านี้

(3.) งดการจัดเก็บภาษีให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของรัฐบาลในการหยุดให้บริการ ในรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมา

(4.) ผ่อนผันในเรื่องการผ่อนชำระเงินกู้และดอกเบี้ยของ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ด้วยมาตรการงดผ่อนต้นผ่อนดอก ไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน และ

(5.) ในกรณีที่ร้านอาหารมีค่าเช่าพื้นที่ เช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า เจ้าของพื้นที่ควรลดค่าเช่าให้ด้วย อย่างน้อย 50% และเจ้าของพื้นที่สามารถนำส่วนลดที่ให้กับร้านอาหารเหล่านั้น ไปขอลดหย่อนภาษีจากทางรัฐบาลได้ ในรอบบัญชีถัดไป เพื่อเป็นการชดเชยและลดค่าใช้จ่ายให้ร้านอาหารที่ต้องเสียค่าเช่าทุกเดือน 

และในช่วงที่มีการแชร์ประสบการณ์ ก็มีผู้แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง อาทิ สีหนาท ล่ำซำ ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มฟูดดิลิเวอรี่ “Robinhood” ซึ่งไม่มีการเรียกเก็บค่า GP ที่มองว่า ในช่วงสถานการณ์นี้ แพลตฟอร์มส่งอาหารไม่ควรเก็บ GP แต่ควรเอาส่วนนั้นเป็นส่วนลดให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์โดยตรง นอกจากนี้ ช่องทาง Social Media ก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง ทำให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าและสามารถเลือกได้  
ขณะที่ ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี ผู้ก่อตั้ง “เพนกวิ้นกินชาบู” กล่าวว่า จากที่ได้คุยกับผู้ประกอบการร้านอาหารหลาย ๆ ท่านพบปัญหาเดียวกันคือ ค่า GP ที่ตอนนี้เรียกเก็บอยู่ที่ 35% ของราคาสินค้าค่อนข้างสูงไป ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ลดลงมาเหลือ 15-20% ก็ยังพออยู่ได้ ตอนนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารบางรายแม้จะพอขายได้ แต่มันไม่มีกำไร การจัดการทางการตลาดก็ต้องมีต้นทุน ถ้าคนทำไม่เป็นก็จะหายไป 

เตเต้ พันชนะ วัฒนเสถียร  ผู้ก่อตั้งร้านอาหาร “เป็นลาว” บอกว่าเห็นด้วยกับมาตรการที่พรรคกล้า นำเสนอ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐควรสนับสนุนของใช้วัสดุป้องกันความปลอดภัย เช่น หมวก หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ฆ่าเชื้อต่าง ๆ เพราะตัวเลขเริ่มสูงขึ้น อยากให้ผู้ประกอบการทุกคนรวมตัวกันเพื่อเป็นพลังในการเรียกร้องให้ได้รับความช่วยเหลือ ในส่วนของ Food Delivery พื้นที่ เขาใหญ่ ปากช่อง ก็พยายามที่จะทำแต่บริบทเมืองไม่เอื้อ  สอดคล้องกับ เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟชื่อดังแห่งร้าน le du (ฤดู) ที่บอกว่า ร้านอาหารอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่ไม่สามารถหาประโยชน์จาก ฟู้ด ดิลิเวอรี่ได้ และมันก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาทั้งหมดของธุรกิจร้านอาหาร เวลานี้ มันคือโค้งสุดท้ายของโรคระบาด แต่โค้งนี้อันตรายที่สุด และเชื่อว่าคนบาดเจ็บล้มตายเยอะมาก จากตัวเลขธุรกิจร้านอาหาร ก่อนปี 2563 มีถึงกว่า 300,000 ร้าน ปัจจุบันเหลือเพียง 200,000 กว่าร้าน และสุดท้ายหากไม่มีการช่วยเหลือจากรัฐก็เชื่อว่าน้อยลงมาอีกมาก 

“ธุรกิจของเรามีมูลค่าต่อจีดีพีของประเทศค่อนข้างเยอะ เราจ้างงานคนเป็นล้านคน เราเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญ สิ่งที่รัฐจะช่วยให้เราพ้นโค้งสุดท้าย วิธีที่ง่ายสุด และทำได้เร็วที่สุดคือ แจกจ่ายเงินช่วยเหลือให้พวกเรา โดยไม่มีข้อแม้เหมือนโครงการอื่น ๆ ที่ออกมาช่วยเหลือก่อนหน้านี้ เพราะความเดือดร้อนครั้งนี้ใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ รัฐต้องมองว่าฉุกเฉินมากเช่นเดียวกับที่ทั่วโลกเจอ ควรต้องช่วยแบบไม่แบ่งชนชั้นเริ่มต้นร้านละ 50,000 บาท ถ้าผู้ประกอบการร้านอาหารมี 300,000 ราย ก็ใช้เงินเพียง 15,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเงินที่กู้มาช่วยเหลือประชาชน 1 ล้านล้านบาท ที่ยังเหลืออีก 4 แสนล้านบาทถือว่าน้อยมาก เพราะเชื่อว่าหลุดจากมาตรการ 1 พฤษภาคม ไปอีก 14 วันก็จะต้องมีการห้ามต่อ เพราะสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นเลวร้ายที่สุดอาจจะถึง 6 เดือนก็ได้ 

ในขณะที่เชฟตาม บ้านเทพา บอกว่า ตนได้ทำในทุกช่องทางที่จะผ่านวิกฤตไปแล้ว แต่รายได้ก็ยังหายไป 60-70% การทำดิลิเวอรี่ก็ไม่ถนัดเพราะร้านอาหารไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อดิลิเวอรี่ เพราะใช้วัตถุดิบจากชุมชน จะโยนภาระต้นทุนไปให้กับพวกเขาก็ทำไม่ลงและสู้ไม่ไหว 
นอกจากนี้ยังมีผู้แสดงความคิดเห็นอีกมากมายส่วนใหญ่มีปัญหาเรือง GP ของ ฟู้ดดิลิเวอรี่ และค่าจ้างของพนักงาน ขณะเดียวกันก็มีผู้นำเสนอแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ประชาชนในยุควิกฤตโควิด คือ ป๊อกป๊อก ดิลิเวอร์รี่ ที่รวมอาหารชื่อดังให้บริการประชาชนทั่วกรุงเทพ รวมถึงมีการเสนอบริการ Truck food ที่มีทั้งห้องเย็นใส่อาหารและไมโครเวฟเพื่ออุ่นได้ทันทีด้วย 

นายกรณ์ กล่าวเสริมว่า เป็นข้อเรียกร้องที่น่าสนใจ ซี่งจะขอรวบรวมเป็นข้อเรียกร้องไปทางรัฐบาลว่า

(1.) รัฐบาลเยียวยาตรง 50,000 บาทให้ทุกร้านอาหาร (เป็นเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท)

(2.) รัฐบาลชดเชย 20% ของรายได้ ช่วงเดือน พฤษภาคมถึงสิ้นเดือนกันยายน โดยมีการกำหนดเพดานที่เหมาะสม  

(3.) รัฐบาลรับภาระการจ่ายเบี้ยประกันสังคมพนักงานทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง

(4.) รัฐบาลเจรจาปรับลดหรือชดเชยค่า GP delivery เพื่อให้ค่า GP ไม่สูงกว่า 15% (ปัจจุบัน 30-35%)

(5.) รัฐบาลลดค่านํ้าค่าไฟให้ผู้ประกอบการ 50%

(6.) รัฐบาลและท้องถิ่นงดเก็บภาษีป้าย/ภาษีที่ดินจากร้านอาหารจนถึงสิ้นปี และ

(7.) แบงค์ชาติจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีหลักประกัน ทั้งหมดนี้มีเงื่อนไขสำคัญข้อเดียว คือร้านอาหารต้องไม่ลดพนักงานและไม่ลดค่าจ้าง

นายวรวุฒิ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวเสริมว่า พรรคกล้าจะสรุปข้อเรียกร้องส่งรัฐบาลและเร่งติดตามเพื่อให้เกิดความช่วยเหลือ เพราะทราบดีว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารหนักที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าฟ้าหลังฝน งดงามเสมอ เดี๋ยวเหตุการณ์ร้าย ๆ จะผ่านไป ขอทุกท่านอย่าหมดใจ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

ราเมศ ย้ำ ดีที่สุดคือเราเป็นคนไทย ติง กลุ่มชูประเด็นย้ายประเทศ มีนัยยะทางการเมือง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการพูดถึงการย้ายประเทศเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลว่า เชื่อว่าคงเป็นการจุดประเด็นนี้มาในประเทศเพื่อให้มีผลต่อรัฐบาล ทำลายความน่าเชื่อถือการปฏิบัติงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งไม่เป็นผลดี ไม่ต้องด้วยเหตุและผล หากมองกันตามความเป็นจริงจะเห็นว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนและประเทศ แน่นอนว่าไม่ถูกใจใครไปทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนมั่นใจได้คือรัฐบาลไม่คิดร้ายต่อประชาชนและประเทศอย่างแน่นอน ทุกคนในประเทศมีส่วนร่วมในการทำงานได้เสมอ ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ความสามัคคีของคนในชาติคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าคิดว่าทุกเรื่องต้องเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด แบ่งฝ่ายกันเพื่อเอาชนะ สถานการณ์เช่นนี้เราทุกคนคือประเทศไทย จับมือกัน สามัคคีกัน ก้าวเดินไปข้างหน้า

เชื่อว่าคนไทยทุกคนมีหลักคิดที่ตรงกัน  คือความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทยอย่างที่สุด เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ที่คนไทยเคารพเทิดทูน สืบต่อ ๆ  กันมาจนถึงปัจจุบัน เรามีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ มีประเพณีวัฒนธรรม การยกมือไหว้เป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม และอีกมากมายที่บอกได้ถึงความดีงามของประเทศ ไม่อยากให้ชูประเด็นนี้เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ อาจจะสะใจในทางการเมืองว่าเป็นเพราะรัฐบาลคนถึงมีความคิดเช่นนี้ แต่จริงๆก็เชื่อว่าไม่มีใครคิดย้ายประเทศ ยกเว้นคนที่หนีคดีหากไม่อยากติดคุกก็ต้องหนีไปต่างประเทศก็มีให้เห็นมาก และชีวิตก็ลำบาก รัฐบาลบางรัฐบาลบริหารประเทศโดยไม่สนใจประชาชน ไม่สนใจเสียงข้างน้อย ออกกฎหมายตามอำเภอใจเสียงข้างมาก ทุจริตมหาศาล แต่ผมคนหนึ่งที่ไม่คิดย้ายประเทศแต่คิดว่าต้องสู้เพื่อเอาคนเหล่านี้ออกจากการเมือง จนหลายคนหนีไปต่างประเทศ 

สังคมต้องช่วยกันสื่อสารให้เห็นว่าสิ่งที่เขาพยายามชูประเด็นการย้ายประเทศเป็นหลักคิดที่ไม่ถูกต้อง อย่าไปไล่ให้เขาไปอยู่ประเทศอื่น ต้องอธิบาย ให้เข้าใจว่าเรามีสิ่งที่ดีมากมาย ดีที่สุดในชีวิตของทุกคนคือเราเกิดมาเป็นคนไทย

ศรีสุวรรณ ยื่น ผกก.สน.พหลฯ แจ้งจับกลุ่มราษฎร-REDEM ชุมนุมหน้าศาลหมิ่นตุลาการ

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564  นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีกลุ่มที่อ้างตัวเองว่าเป็นกลุ่มราษฎร กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี กลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่ม REDEM นำมวลชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมจัดกิจกรรม ณ บริเวณด้านนอกและด้านในศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ กล่าวโจมตีศาล ผู้พิพากษา และเรียกร้องให้ศาลพิจารณาให้ประกันตัวแกนนำของตนที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ ซึ่งการชุมนุมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย. และวันที่ 2 พ.ค. 64 ที่ผ่านมานั้น

การจัดชุมนุมและการแสดงออกดังกล่าว มิได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ ม.34 และ ม.44 แต่อย่างใด หากแต่เป็นการละเมิดอำนาจศาล และฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายหลายประการ อาทิ ฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามการชุมนุม ตาม พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ฝ่าฝืน พรบ.โรคติดต่อ 2558 ฝ่าฝืน พรบ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 ฝ่าฝืน พรบ.การรักษาความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง 2535 ฝ่าฝืน พรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้ เครื่องขยายเสียง 2493 ฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.215 และที่สำคัญ มีการกระทำในลักษณะฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.112 อีกด้วย 

การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ซึ่งเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นหน้าที่ของประชาชนไทยทุกคนที่พบเห็นการกระทำดังกล่าว สามารถนำความมาแจ้งความเอาผิดบุคคลที่ฝ่าฝืนกฎหมายข้างต้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ทำสำนวน ออกหมายเรียกหรือออกหมายจับ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดส่งอัยการเพื่อฟ้องร้องต่อศาล พิจารณาลงโทษ ตามครรลองของกฎหมายขั้นสูงสุดต่อไปได้

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความ พร้อมพยานหลักฐานมาเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแกนนำกลุ่มต่าง ๆ ข้างต้น ต่อ ผกก.สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน เพื่อดำเนินการออกหมายเรียกบุคคลผู้ถูกกล่าวหาและพวกทั้งหมด มาดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเอาผิดตามกฎหมายข้างต้นและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อปกป้องผู้พิพากษาและหรือศาล อันเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยไทยตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ มิให้ถูกกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือและความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ผิดๆต่อสังคมไทย

"แรมโบ้" ซัดนายเก่า ขออย่าโหนกระแสตีกินบนความเดือดร้อนประชาชน “ชี้” ที่ผ่านมา 2 พี่น้อง ทำประเทศและคนไทยบอบช้ำมามากแล้ว

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซั่ม อดีตนายกรัฐมนตนี พูดผ่านรายการ CARE Talk : คิดเคลื่อนไทย พลิกฟื้นวิกฤติโควิด กับ Tony Woodsome ในคลับเฮาส์ว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ในช่วงนี้มองว่าไม่ใช่เพราะหวังดีต่อประเทศอย่างแน่นอน แต่อยากอาศัยช่องทางนี้เพื่อกล่าวโจมตี นายกรัฐมนตรี รัฐบาล มากกว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่านายทักษิณ คงไม่ได้มีความหวังดีต่อประเทศจริงเหมือนที่พูด เพราะการพูดไม่ใช่เป็นการชี้แนะแต่หวังผลซ้ำเติมรัฐบาลมากกว่า หากนายทักษิณ มีความหวังดีจริงและเห็นแก่ชาติบ้านเมืองที่กำลังประสบปัญหาจากการระบาดเชื้อโควิด-19 และต้องการความร่วมมือจากคนทั้งประเทศ ก็ขอร้องอย่าออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในประเทศเลย เพราะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น ที่ผ่านมานายกฯ รัฐบาล ได้มีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา พัฒนาชาติบ้านเมือง แม้จะไม่เป็นที่พอใจของคนที่เห็นต่าง แต่ตนเองก็ยืนยันว่านายกฯคนนี้ทุ่มเทตั้งใจ อยากทำประโยชน์ให้กับประชาชน ประเทศชาติโดยแท้จริง ไม่เคยโกงกินบ้านเมือง ไม่คิดแสวงหาผลประโยชน์เหมือนผู้นำบางคน

"ถ้าคนอย่างแรมโบ้เป็นนายทักษิณเสียเองคงต้องตอบไปใน คลับเฮ้าส์ว่าถ้าได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง จะออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับใครหรือคนกลุ่มใดอีกบ้าง จะเสนอโครงการอภิมหาโปรเจ็คอีกหลายล้านล้านบาทแล้ว ให้คนมาตั้งโต๊ะเรียกบริษัทฯรับเหมารายใหญ่ที่ผูกขาดมาเขกกระบาล เอาเงินทอนส่วนต่างเข้ากระเป๋าส่วนตัว โดยอ้างว่าเตรียมค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งให้กับพรรคตนเอง หรือจะออกแบบโครงการรับจำนำข้าวแบบจีทูเจี๊ยะ ยอมเสียสละให้ลูกน้องที่เป็น รมต.ติดคุก 48 ปี แต่นายทักษิณกับน้องสาวหนีไปสุขสบายอยู่ต่างประเทศ นี่คือตัวอย่างวีรกรรมที่เคยสร้างไว้ ทำไมไม่คิดถึงเรื่องเก่า ๆ บ้าง อย่าคิดเพียงแค่โหนกระกระแสตีกิน ซ้ำเติมในยามที่ประเทศชาติ ประชาชนกำลังเจอมรสุม หวังเพื่อเหยียบย่ำซ้ำเติมให้จมดิ่งลงทะเลอย่างนั้นหรือ นี่หรือคือความหวังดีต่อบ้านเมือง หรือคิดได้เพียงแค่ประเทศนี้ข้าฯเคยเป็นผู้นำ ผลประโยชน์ของข้าและครอบครัวต้องมาก่อนประชาชนเสมอ ผู้นำอย่างข้าฯต้องคิดถึงประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก ข้าต้องมาก่อน ประชาชนต้องมาทีหลัง ถ้าถูกจับผิดได้ ข้าฯจะหนีไปก่อน ส่วนลูกน้องจะให้ติดคุกแทนข้าฯ น่าอัปยศอดสูที่สุด ถ้ามีผู้นำมีพฤติกรรมและแนวความคิดเช่นนี้ ตนคิดว่าอย่าว่าแต่จะดิ่งลงเหวลงทะเลเลย ประเทศไทยอาจจะดิ่งลงมหาสมุทรสุดลึกอย่างแน่นอนด้วยซ้ำ ถ้ามีผู้นำแบบนายทักษิณและน้องสาวกลับมาเป็นนายกฯอีก” นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอถามถึงกลุ่มแคร์ ที่เป็นสมุนเก่านายทักษิณว่า ต้องการซ้ำเติมทำลายประเทศร่วมกับนายทักษิณใช่ไหม ถึงได้เชิญคนที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศมาร่วมกิจกรรม และให้มากล่าวโจมตีคนในประเทศตัวเอง ตนเองจึงเรียกร้องไปยังกลุ่มแคร์ ที่มีสมาชิกเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีวุฒิภาวะ เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ไม่ควรที่จะจัดกิจกรรมใดๆแบบนี้ ที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมได้ ควรมีจิตสำนึกต่อชาติบ้านเมืองมากกว่านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top