Saturday, 4 May 2024
NewsFeed

ตำรวจ PCT รวบม้ากดเงิน!! แก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกลวงสร้างความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท

วันที่ 26 ต.ค.64 เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.สถิตย์ พรหมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊ง Call center 5 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากถูกคนร้ายโทรศัพท์เข้ามาหาผู้เสียหายโดยอ้างว่าเป็นข้าราชการระดับสูง หรือ นายตำรวจระดับสูง และแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนร่วมกับคดีค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีให้โอนเงินมายังบัญชีธนาคารของคนร้าย ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไป  มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 14 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการเทคนิคและสืบสวนที่ 1  PCT สืบสวนสอบสวนจนพบว่าเครือข่ายแก๊ง Call center แบ่งหน้าที่กันเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้

1. คนร้ายระดับสั่งการ จำนวน 2 ราย

2. คนร้ายทำหน้าที่เป็นม้าถอนเงิน จำนวน 2 ราย

3. คนร้ายทำหน้าที่จัดการทางการเงินหรือ โพยก๊วน จำนวน 1 ราย

4. คนร้ายทำหน้าที่จัดหาบัญชีและเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 4 ราย

5. คนร้ายที่ติดต่อหลอกลวงผู้เสียหาย อยู่ระหว่างสืบสวน น่าเชื่อว่าตั้งอยู่ต่างประเทศ

จากนั้นจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ สน.พญาไท ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุรับคำร้องทุกข์ ดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งศาลอาญา ได้อนุมัติหมายจับคนร้ายจำนวน 8 ราย จับกุมได้แล้ว 5 ราย ส่วนที่เหลือจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว จากการตรวจค้นพบ บัตรอิเลกทรอนิกส์ จำนวน 32 ใบ , เครื่องบันทึกข้อมูล Chip Card จำนวน 1 เครื่อง , คอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง โดยผู้ต้องหาแต่ละคนรับว่าตนเองมีหน้าที่ตามคำสั่งของหัวหน้า เช่น ให้ไปถอนเงินจากบัญชี , ให้จัดหาบัญชี , ให้ฝากเงินไปยังบัญชีอื่นๆต่อ โดยผู้ต้องหาจะได้รับส่วนแบ่งจากเงินที่ถอนออกมา 2 – 3 % แล้วแต่หน้าที่ เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

'เสกสกล' เห็นด้วยกับ 'จอม' เปลี่ยนชื่อพรรคเพื่อไทยเป็น 'พรรคพวกชินวัตร' ชี้!! ในอดีต ส.ส. เป็นยิ่งกว่าทาสเรือนเบี้ย

'เสกสกล อัตถาวงศ์' เห็นด้วย 'จอม เพชรประดับ' เปลี่ยนชื่อพรรคเพื่อไทยเป็น 'พรรคพวกชินวัตร' แฉตระกูลชินวัตรครอบงำตลอดมาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จะยังคงใช้เป็นเครื่องมือเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของครอบครัวตนเอง ส.ส. ยิ่งกว่าทาสเรือนเบี้ย

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกรณีนายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ที่ลี้ภัยหนีคดีความมั่นคงในประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าพรรคเพื่อไทยควรเปลี่ยนเป็น พรรคพวกชินวัตร และตั้งคำถามว่าพรรคการเมืองนี้จะใช้ความชอบธรรมตรงไหนไปกล่าวหาตรวจสอบคนอื่น และระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่ออำนาจและพวกพ้องตัวเองอยู่เหมือนเดิม

โดยนายเสกสกล กล่าวว่าเรื่องที่นายจอม ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กนั้นเป็นเรื่องจริงทุกประการ ซึ่งตนก็เคยอยู่พรรคการเมืองนี้มาก่อน จึงทราบดีถึงพฤติกรรมของพรรค รวมถึงนายทักษิณว่าเป็นอย่างไร จึงไม่แปลกใจที่จะมีคนออกมาแฉพรรคต่อเนื่อง แม้กระทั่ง ส.ส.ในพรรคตนเอง เพราะทนพฤติกรรมไม่ได้

นายเสกสกล กล่าวต่อว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่หลุดพ้นจากนายทักษิณ เพราะที่ผ่านมากลุ่มแคร์ มักจะเชิญนายทักษิณร่วมคลับเฮาส์ ให้นายทักษิณวิดีโอคอลคุยสมาชิกพรรค หรือการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ มีตัวหนังสือคล้ายลายมือนายทักษิณ ดังนั้นจึงอยากขอเตือนพรรคเพื่อไทย หากยังเล่นการเมืองแบบเก่า ชูนายทักษิณเช่นนี้จะไม่เหลือ ส.ส. ที่มีคุณภาพไว้ทำงานให้พรรคอีกต่อไป

ตำรวจ PCT จับผู้ต้องหา Hybrid scam หลอกซื้อขายทองคำ มูลค่าความเสียหาย 25 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ ,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา Hybrid Scam เครือข่ายแก็งค์หลอกลงทุนซื้อขายทองคำ จำนวน 12 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 25 ล้านบาท 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า มีกลุ่มคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนซื้อขายทองคำผ่านแอพพลิเคชั่น MetaTrader5 และแพลทฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยคนร้ายได้ใช้โปรไฟล์เป็นชาวต่างชาติหน้าตาดีมาพูดจาจนผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนผ่านโบรกเกอร์ปลอม โดยใชเงินลงทุนต่ำและได้รับผลกำไรสูงในระยะเวลาอันสั้น มูลค่าความสียหายรวมกว่า 25 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ได้สืบสวนจนสามารถจับกุม น.ส.กมลทิพย์ (สงวนนามสกุล) กับพวกรวม 12 ราย ในข้อหา “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” ซึ่งขณะนี้ได้ขยายผลจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 11 ราย

'ส.ศิวรักษ์’ ระบุพระเกี้ยวเป็นสัญลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อจุฬาฯ สร้างขึ้นถวายรัชกาลที่ 5 การเชิญชูพระเกียรติก็พึงจะทำ แต่เมื่อการแบกเสลี่ยงนั้นหนัก และนิสิตเขาไม่พอใจ ก็ควรที่จะเปลี่ยนได้

ถ้าแบกแล้วหนัก ก็เปลี่ยนวิธีการซะ!! 

'ส.ศิวรักษ์’ ระบุพระเกี้ยวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อจุฬาฯ สร้างขึ้นถวายรัชกาลที่ 5 การเชิญชูพระเกียรติก็พึงจะทำ แต่เมื่อการแบกเสลี่ยงนั้นหนัก และนิสิตเขาไม่พอใจ ก็ควรที่จะเปลี่ยนได้

เพจ Sulak Sivaraksa ของ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ โพสต์ความเห็นต่อกรณียกเลิกขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น่าเสียดายที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เท่าที่ผมทราบ มติที่ประชุมขององค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) เป็นเอกฉันท์ เห็นว่า การอัญเชิญพระเกี้ยวนั้นคนที่ถูกเกณฑ์ให้ไปแบกหาม ไม่มีใครเขาพอใจ เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรต่างๆ ก็ควรให้นิสิตพอใจ 

“ประวิตร” ถก กก. กกท.เร่งแก้ พ.ร.บ."ควบคุมการใช้สารต้องห้าม" หวั่น กระทบมหกรรมกีฬา  สั่งเร่ง บรรจุ"มวยไทย"ทันโอลิมปิกสมัยหน้า

การเมือง / ทำเนียบ / 27 ต.ค.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.)ครั้งที่ 9/2564 โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วม

โดยที่ประชุมรับทราบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ร่วมกันพิจารณาปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 ให้สอดคล้องกับประมวลกฎการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก และรับทราบรายงาน ผลการประเมินการบริหารจัดการ อย่างมีมาตรฐาน ของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยตามเงื่อนไข สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ประจำปี64 ซึ่งในภาพรวมสมาคมส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 ที่มีความรุนแรงในทุกพื้นที่ ประกอบกับมาตรการการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากภาครัฐ ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมต่างที่กำหนดไว้ในแผนของแต่ละสมาคม ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้เต็มที่  

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย ในการบรรจุกีฬามวยไทย ให้มีการแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ สมัยหน้า

‘จีน’ เล็งยกระดับเชื่อมสัมพันธ์อาเซียนยิ่งกว่าเก่า ฝ่าดงกรณีพิพาททะเลจีนใต้ที่ยังคลุมเครือ

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า จีนต้องการ ‘ยกระดับความสัมพันธ์’ กับประเทศอาเซียน โดยเรียกร้องให้มีการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนหน้า ซึ่งประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง ในขณะที่จีนพยายามขยับขยายเข้ามายังภูมิภาคอาเซียนที่สหรัฐกำลังแย่งชิงอิทธิพลอยู่เช่นกัน นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง ของจีนประกาศข้อเสนอดังกล่าวในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีนที่บรูไน 

การยกระดับความสัมพันธ์ ซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘ข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุม’ ดูเหมือนจะกว้างขวางครอบคลุมกว่าความสัมพันธ์ในปัจจุบันของจีนกับอาเซียน และยังประกาศก่อนที่จะมีการประชุมทางไกลระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และอาเซียนไม่กี่ชั่วโมง

โดยประธานาธิบดี ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์สนับสนุนแผนของจีนที่จะยกระดับความสัมพันธ์กับอาเซียน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้จัดตั้งรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความร่วมมือระหว่างกันไว้แล้ว

ขณะที่นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทย แสดงความคิดเห็นด้วยความระมัดระวังกับข้อเสนอนี้ โดยกล่าวว่า “การรักษาสันติภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางพลวัตของสถานการณ์ที่ซับซ้อนในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม”

เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าเผย 100 ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ระดับโลกร่วมลงชื่อ กระตุ้น WHO เปลี่ยนจุดยืนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับโลกกว่า 100 รายร่วมกันลงชื่อในจดหมายที่ส่งไปยัง WHO เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขจุดยืนเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ชี้ไทยยังคงปฏิเสธทางเลือกของผู้สูบบุหรี่ด้วยอคติและการไม่ยอมรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ พร้อมเรียกร้องไทยสร้างความโปร่งใสในการพิจารณานโยบายเกี่ยวกับยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้า

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ” นำโดยนายอาสา ศาลิคุปต และนายมาริษ กรัณยวัฒน์ สองแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เปิดเผยว่า “ผู้เชี่ยวชาญอิสระที่ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนานโยบายเกี่ยวกับยาสูบกว่า 100 คน กำลังมีความกังวลเกี่ยวกับจุดยืนขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO ที่ยังคงมองข้ามศักยภาพของบุหรี่ไฟฟ้าในการช่วยให้ผู้สูบบุหรี่ลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ จึงได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้ WHO สนับสนุนและรวมเอาหลักการลดอันตราย (Harm Reduction) เข้าไปไว้ในกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบด้วย”

ในจดหมายที่ 100 ผู้เชี่ยวชาญร่วมกันลงชื่อ เผยว่ามีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องว่าบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ลดหรือเลิกการสูบบุหรี่ได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 3.4 ที่มุ่งลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อของประชากรโลก นอกจากนี้ ในจดหมายยังได้ ระบุข้อเรียกร้อง 6 ประการ ได้แก่ 1) ให้ WHO และประเทศสมาชิกสนับสนุนแนวทางการลดอันตราย 2) การพิจารณานโยบายของ WHO ต้องมีความครอบคลุมเหมาะสม ทั้งกับผู้สูบบุหรี่ ผู้ไม่สูบบุหรี่ และการป้องกันเยาวชนจากความเสี่ยงในการใช้บุหรี่ไฟฟ้า 3) การจะแบนบุหรี่ไฟฟ้าต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะตามมาอย่างไม่ตั้งใจด้วย 4) ใช้มาตรา 5.3 ของ FCTC อย่างเหมาะสม 5) การประชุม FCTC ควรเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายเพื่อสร้างความโปร่งใส และ 6) ริเริ่มการทบทวนอย่างเป็นอิสระต่อแนวทางของ WHO และ FCTC

นายอาสากล่าวว่า “การแบนบุหรี่ไฟฟ้าตลอด 7 ปีที่ผ่านมาของประเทศไทย เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวในการควบคุมยาสูบ การปฏิเสธนวัตกรรม และการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้บริโภค จนทำให้ผู้สูบบุหรี่ยังคงได้รับอันตรายจากควันบุหรี่ต่อไป พอมีใครเสนอให้พิจารณาหาทางควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ กลุ่มรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ในประเทศไทยมักจะอ้าง WHO โดยไม่พิจารณาว่าหน่วยงานสาธารณสุขชั้นนำของโลก เช่น สาธารณสุขอังกฤษ สาธารณสุขนิวแลนด์ ยูเอสเอฟดีเอ ต่างก็มีจุดยืนที่ส่งเสริมการลดอันตรายและการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนการสูบบุหรี่เพื่อลดอันตรายให้กับผู้ที่จะสูบบุหรี่ต่อไป ในขณะที่ป้องกันการเข้าถึงของเด็กเยาวชนควบคู่กัน”

จดหมายฉบับดังกล่าวทำขึ้นก่อนการจัดการประชุมภาคีสมาชิกกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ครั้งที่ 9 (FCTC COP9) ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและรัฐบาลของหลายๆ ประเทศเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ระหว่างวันที่ 8-13 พฤศจิกายน และอาจจะมีการพิจารณามาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบลดความเสี่ยงในการประชุมครั้งนี้

“ผบ.กร.” ติดตามผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ รับทราบ ปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะ ของหน่วยขึ้นตรง ให้ผลการปฏิบัติงาน เป็นไปตามนโยบาย เห็นผลภายใน 100 วัน

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ  เข้ารับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ รวมทั้งรับทราบถึงปัญหา  อุปสรรค  ข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะ ของหน่วยขึ้นตรง ณ ห้องประชุม บก.กร.2 โดยให้หน่วยต่างๆ บรรยายสรุปสรุป 2 วัน คือ วันที่ 27 ต.ค.64 ประกอบด้วย กองเรือตรวจอ่าว , กองเรือยามฝั่ง , กองเรือดำน้ำ และกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ และ วันที่ 3 พ.ย.64 ประกอบด้วย กองเรือฟริเกตที่ 1 , กองเรือฟริเกตที่ 2 , กองเรือบรรทุกเฮลิคอปตอร์ และกองการบินทหารเรือ เพื่อเป็นการติดตาม รวมทั้งช่วยเร่งรัดในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ต้องการการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะส่งผลให้แผนงานของกองเรือยุทธการที่ตั้งไว้ ให้เห็นผลภายใน 100 วัน นับจากวันแถลงนโยบายผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ โดยมีหัวข้อ 

1. ดำเนินการฝึกองค์บุคคลและยุทธวิธีกองเรือ ควบคู่ไปกับการเตรียมการฝึกเพื่อรองรับแนวทาง การใช้กำลังของกองทัพเรือ หรือการฝึกอื่นๆ ที่จะเกี่ยวข้อง เช่น การช่วยเหลือและกู้ภัยเรือดำน้ำ Harbor Control/ Harbor Defence

2. ดำเนินการและเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง จนได้ตัวผู้ขายหรือผู้รับจ้าง

3. จัดสวัสดิการให้กับกำลังพลของกองเรือยุทธการ ในการดำเนินการซ่อม/ปรับปรุงบ้านพักของกองเรือยุทธการให้ได้ในเบื้องต้น 50 หลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามลำดับความจำเป็น และดำเนินการต่อเนื่องให้ครอบคลุมบ้านพักของกองเรือยุทธการที่ต้องซ่อม/ปรับปรุงทั้งหมดต่อไป รวมทั้งการจัดรถรับ-ส่งกำลังพล

4. ตรวจสอบ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการซ่อมบำรุงเรือและอากาศยาน รวมทั้งยุทโธปกรณ์อื่นๆ พร้อมจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน โดยรายการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 65 แล้ว ได้รับการเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนการซ่อมบำรุง และรายการที่ไม่ได้รับงบประมาณ แต่มีความสำคัญ และส่งผลกระทบต่อความพร้อมของกำลังรบ ได้รับการเสนอขอรับงบประมาณนอกแผนเพิ่มเติม

5. จัดทำความต้องการโครงการเสริมสร้างกำลังรบ ให้สอดคล้องกับความต้องการตามยุทธศาสตร์และแผนแม่บทการพัฒนากองทัพเรือ ด้านการเสริมสร้างกำลังรบ รวมทั้งสถานภาพและความต้องการความพร้อมของเรือและอากาศยานของกองเรือยุทธการ 

 

โซเชียลประณาม หนุ่มโพสต์คลิปประจานสาวคู่เดต หลังฝ่ายหญิงนับเหรียญช่วยแชร์ค่าอาหาร

จากกรณีที่สื่อมวลชนอังกฤษรายงานข่าวเมื่อ 25 ต.ค. 64 ที่ผ่านมาถึงชายคนหนึ่งที่ได้โพสต์วิดีโอประจานสาวคู่เดต กรณีที่เธอใช้เงินเหรียญช่วยแชร์ค่าอาหาร 

แต่ดูเหมือนกระแสจะตีกลับ โดยเขาได้ถูกผู้คนในสังคมออนไลน์ประณามว่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยแม้แต่น้อย

รายงานจาก เดอะซัน เผยว่า นายแดนนี ดูอาร์เต โพสต์คลิปบน TikTok ว่าเขาเจอผู้หญิงคนหนึ่งบนสื่อออนไลน์ พวกเขานัดพบออกเดตกันครั้งแรกที่สนามซ้อมกอล์ฟ จากนั้นตามด้วยการนัดเดตครั้งที่ 2 ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอีกไม่กี่วันต่อมา

เมื่อรับประทานอาหารค่ำแล้วเสร็จ ฝ่ายผู้หญิงควักกระเป๋าสตางค์ออกมาและใช้เงินเหรียญจ่ายในส่วนของเธอ

แดนนี หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและบันทึกภาพเอาไว้ พร้อมทำหน้าแบบไม่ไหวจะทน และดูถูกเธอ ก่อนต่อมาจะโพสต์มันลงบนสื่อสังคมออนไลน์ 

ตำรวจ PCT จับกุม! ‘แก๊ง Romance Scam’ หลอกลงทุนผ่านแอปฯ Thai dairy เสียหายกว่า 20 ล้านบาท!!

วันนี้ (27 ต.ค.64) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ขนาดนิด รอง ผบ.กต.8 จต./ หัวหน้าชุดวิเคราะห์ PCT ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊ง Roman Scam หลอกลงทุนแอปพลิเคชัน Thai dairy ผู้ต้องหา 2 คน ผู้เสียหายกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 20 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่าผู้เสียหายทั้ง 53 ราย ได้รับข้อความชักชวนร่วมลงทุนทำธุรกิจหารายได้เสริมที่บ้าน โดยเป็นลิงค์เข้าแอปพลิเคชันไลน์ Open chat ซึ่งในนั้นจะมีคนร้ายซึ่งเป็นแอดมินชวนให้ร่วมลงทุนต่าง ๆ เช่น การอ่านโฆษณาของแบรนด์สินค้า เช่น Lazada , Alibaba ฯลฯ ผ่านแอปพลิเคชัน Thai dairy และต้องโอนเงินตามแพ็คเกจที่คนร้ายให้มา จากนั้นภายใน 10 นาที จะให้ผลตอบแทนกลับไป 10-20% แล้วแต่แพ็คเกจ

โดยในช่วงแรก ๆ ที่ลงทุนน้อย ๆ จะได้กำไรจริง แต่เมื่อลงเป็นจำนวนมากแล้ว ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ซึ่งคนร้ายจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่าง ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT สืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรับซื้อบัญชีมาจากที่ต่าง ๆ กว่า 127 บัญชี หลายธนาคาร และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับคนร้ายที่เป็นคนกดเงินจากบัญชีต่าง ๆ ได้จำนวน 2 ราย และยังขยายผลจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มได้อีก 1 ราย ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะนี้ในแอปพลิเคชันอื่นด้วย

 

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top