Tuesday, 10 June 2025
NewsFeed

IWRM ผู้ประกอบการธุรกิจน้ำ เพื่อการอุตสาหกรรม และอุปโภค บริโภค จัดกิจกรรมมอบน้ำดื่ม 3,600 ขวด ให้กับ  "สถาบันราชประชาสมาสัย" และ "ชุมชนปู่เจ้า"

ณ สถาบันราชประชาสมาสัย ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ “ดร.นิยม ไกรปุย”รองผู้อำนวยการสถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติรับมอบน้ำดื่ม จำนวน 2,400 ขวด และ "นางสาวทัศนี ศรศิริ" ผู้นำจิตอาสา จำนวน 1,200 ขวด รวมเป็นทั้งสิ้น 3,600 ขวด จาก "นายธนวัฒน์ สันตินรนนท์ " เจ้าของสถานประกอบการธุรกิจน้ำ "IWRM" โดย "นายศราวุฒิ​ เปลี่ยนอารมย์ "


ผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการ​และ "นายวิเชษฐ์ เกตุแก้ว" ผู้ประสานงานพื้นที่และชุมชน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีชี), เป็นผู้แทนมอบน้ำดื่ม ซึ่งกิจกรรมที่ดีในครั้งนี้ “นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษา "นายมานะ  โลหะวณิชย์" ประธานคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย “นายโกสินธ์ จินาอ่อน” บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์ ที่ปรึกษา”สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม "นายณัฐวุฒิ เหมือนเพ็ชร" ผู้อำนวยการข่าวจังหวัดสมุทรปราการ (น.ส.พ.สยามโฟกัสไทม์)เป็นสะพานบุญ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมถึงคนพิการ ครอบครัวคนพิการ ที่ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 และรักษาตัวอยู่ใน “สถาบันราชประชาสมาสัย” อีกทั้งยังเป็นการตอบแทนน้ำใจ ความเสียสละแรงกาย แรงใจ เวลาอันมีค่ามาดูแลรักษาพี่น้องประชาชนคนไทย คนพิการ ให้รอดปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกัน

ทั้งนี้ “ดร.นิยม ไกรปุย”รองผู้อำนวยการสถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้พา "คณะผู้ใจบุญ" ขึ้นเยี่ยมชมห้องประชุม และหอแสดงนิทรรศการประวัติเกี่ยวกับ"สถาบันราชประชาสมาสัย" ที่ได้รับพระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ ทรงพระเมตตาดูแลทุกข์ ดูแลสุขของพสกนิกรชาวไทย และให้คงไว้ในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย สืบไป

'สุทธวรรณ' แนะ 3 มาตรการคู่ขนานคลายล็อก ห่วงสถานการณ์ยังวิกฤตสูง รัฐต้องขยับด้วยความระมัดระวัง 

นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล และ ส.ส.เขตจังหวัดนครปฐม กล่าวถึงมติ ศบค.ชุดเล็กเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการร้านค้า ซึ่งล่าสุดผ่านที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มาแล้วนั้น สะท้อนสิ่งที่น่ากังวลที่สุดภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้คือ การออกมาตรการที่แกว่งไปมา ไม่ว่าจะเป็นการสั่งล็อกหรือคลายล็อกก็ตาม จะเห็นว่าพอระบบสุขภาพเริ่มวิกฤตก็ตื่นตระหนกเร่งออกมาตรการเข้มงวดโดยไม่เตรียมแผนเยียวยารองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจไว้ ต่อมา พอฟากเศรษฐกิจกำลังแบกรับผลกระทบจากมาตรการเข้มงวดและการดูแลช่วยเหลือแบบทิ้งขว้างไม่ชัดเจนไม่ไหวและกดดันไปที่รัฐบาลมากเข้าก็จะคลายล็อกทันที เหมือนกับว่าวิกฤตสาธารณสุขจบลงแล้ว ทั้งที่ขณะนี้ในแต่ละวั กราฟผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตชันขึ้นทุกที เหมือนรถที่กำลังไต่ไปตามไหล่เขาสูงชันและเสี่ยงขึ้นเรื่อยๆ เป็นจังหวะที่ควรควบคุมความเร็วให้เหมาะสม แต่กลับยิ่งแตะคันเร่งเหมือนคนไร้สติไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยก็ไม่ปาน

อย่างไรก็ตาม สุทธวรรณ กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะเสนออะไรให้รัฐบาลนี้นำไปวางแผนเพื่อนำพาประชาชนออกจากวิกฤตได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำได้สูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาชนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ในสถานการณ์ตอนนี้ ความจริงทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดคือ การล็อกดาวน์ให้สนิทภายใต้การเยียวยาอย่างถ้วนหน้า อุดหนุนเม็ดเงินให้ผู้ประกอบการลงไปถึงรายย่อยกระทั่งพ่อค้าแม่ค้าขายข้าวแกงตามฟุตบาทเพื่อให้เขายังสามารถพยุงธุรกิจได้ ต้องช่วยเหลือค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ทให้ประชาชนทำงานและเรียนหนังสือจากที่บ้านได้จริง

"แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครเชื่อว่า หากล็อกดาวน์สนิทแล้ว พวกเขาจะได้รับการดูแลเยียวยาจากรัฐบาลได้ แม้รัฐบาลจะกู้เงินซ้ำแล้วซ้ำเล่ามามากกว่าหนึ่งล้านล้านมาแล้วก็ตาม พวกเขาต้องอยู่กับความเจ็บช้ำน้ำใจที่พึ่งพารัฐแบบนี้ไม่ได้มาแล้วเกือบ 2 ปี จึงไม่แปลกใจที่จะมีเสียงเรียกร้องจากภาคธุรกิจให้คลายล็อก เพราะถ้าไม่มีรายได้เขาก็ตายเหมือนกัน สู้ไปว่ากันดาบหน้าหาวิธีเอารอดตัวรอดกันเองให้ได้ยังจะมีหวังกว่าการเชื่อใจรัฐบาลแบบนี้"

อย่างไรก็ตาม สุทธวรรณ ชี้ว่า เมื่อรัฐบาลบีบให้สถานการณ์เดินมาถึงจุดนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องคลายล็อกเพื่อเพิ่มโอกาสรอดให้ประชาชนได้ทำมาหากิน หากแต่ยังคงต้องระวังและคำนึงถึงสถานการณ์ทางสาธารณสุขเช่นกัน จึงอยากเสนอแนะ 3 มาตรการไปยังรัฐบาลที่ต้องทำควบคู่ไปกับประกาศคลายล็อกของ ศบค. ซึ่งมาตรการเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องสนับสนุนความช่วยเหลือลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ อุปกรณ์ หรือการวางระบบต่างๆให้พร้อม เพื่อไม่ให้เกิดเป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขที่ยังวิกฤตสูงในขณะนี้มากเกินไป 

1. การจัดหาชุดตรวจ ATK ฟรีสำหรับประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้มต้องแจกสัปดาห์ละ 2 ครั้งต่อคน และเร่งหาวิธีให้การเข้าถึงชุดตรวจที่ผ่าน อย.แล้วมีราคาถูกลงและเข้าถึงได้ง่าย เพราะการคลายล็อกมีโอกาสทำให้การติดเชื้อสูงขึ้น แต่การตรวจเจอเชื้อเร็ว รักษาเร็วจะทำให้มีความเสี่ยงต่อชีวิตต่ำและเป็นการตัดวงจรการกระจายเชื้อ เพื่อไม่นำไปสู่การเกิดคลัสเตอร์ใหม่

2. กรณีทานอาหารในร้าน หรือใช้บริการบางประเภทในร้านที่อากาศปิดหรือเป็นห้องแอร์ เช่นร้านทำผม ร้านเสริมสวย นอกจากมาตรการลดความแออัดแล้ว ผู้มาใช้บริการต้องแสดงตนว่าได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม หรือ 2 เข็ม จึงเข้ารับบริการได้ โดยนำหลักฐานการได้รับวัคซีนไปแสดงต่อร้านค้าหรือจุดบริการ จะเป็นแอพพลิเคชัน หรือเอกสาร จะต้องชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

3. ด้านสาธารณสุข ความสะอาดและความเรียบร้อย ภาครัฐจะต้องมีกระบวนการเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือ เช่น อุปกรณ์เจลแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ชุดตรวจ ATK ที่ปัจจุบันยังหากซื้อยากและราคาแพง ซึ่งการปรับปรุงร้านให้ได้มาตรฐานมีต้นทุนสูง แต่ร้านจำนวนมากขาดรายได้มานาน รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการช่วยเหลือในการฟื้นฟูกิจการไม่ว่างบประมาณ องค์ความรู้ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ด้วย

"ยิ่งรัฐบาลบริหารอย่างปล่อยปละละเลยลอยตัวเหนือปัญหามานาน ปัญหาที่ต้องไล่ตามจัดการก็ยิ่งมาก ใช้งบประมาณก็ยิ่งมาก บุคลากรก็ยิ่งทำงานอย่างเหนื่อยล้าและเสี่ยงขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัญหาจะน้อยกว่านี้มากถ้าไม่ใช่รัฐบาลประยุทธ์เป็นผู้บริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเชื่อและฟังพวกเราบ้าง ป่านนี้คงมีวัคซีนหลากหลายให้เลือกและสามารถกระจายลงไปได้มากกว่านี้ เราคงเห็นการเยียวยาที่เหมาะสมถ้วนหน้าเพื่อให้สามารถใช้มาตรการปิดช่วงที่ควรปิด และเปิดช่วงที่ควรเปิดได้ ไม่ใช่การบริหารไปตามเสียงด่าอย่างรัฐบาลนี้ทำ และเราคงจะมี ATK เพื่อรุกตรวจได้มากกว่านี้และคงมีการวางระบบ Home Isolation เพื่อรองรับปัญหาภาระผู้ป่วนล้นเกินโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุข ลดผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง และลดผู้เสียชีวิตลงได้มากกว่านี้ 

ดังนั้น เมื่อมี มติ ศบค.ชุดใหญ่ให้มีการคลายล็อคมากขึ้นแล้ว ก็อยากฝากข้อเสนอ 3 ข้อ ที่ดิฉันเสนอแนะไปด้วย แม้ว่าจะเป็นเพียงมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อประคับประคองสถานการณ์ที่ท่านก่อไว้ก็ตาม แต่แนวทางนี้อย่างน้อยก็จะช่วยชะลอการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ ในวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ได้ลดลงจนถึงระดับที่วางใจ แต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้า กิจการห้างร้านก็ลำบากกันมากจริงๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องผ่อนคลายให้พวกเขาลืมตาอ้างปากได้ แม้จะมีข้อจำกัดอยู่มาก แต่หากรัฐช่วยเหลือเต็มที่ เชื่อว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมเป็นอย่างดี จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ให้รัฐบาลไตร่ตรองอย่างรอบด้านไม่ว่าจะขยับมาตรการอะไรออกมาเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในประเทศนี้เดินไปพร้อมกับการรักษาเศรษฐกิจได้ "

'ลุงป้อม' สั่งการ 'รมว.เฮ้ง'มอบถุงยังชีพแก่ผู้ขับขี่มอไซค์รับจ้าง 1,200 ชุด บรรเทาความเดือดร้อนจากโควิด-19 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบถุงยังชีพด้วยรักและห่วงใยจากใจกระทรวงแรงงาน จำนวน 1,200 ชุด และไข่ไก่ จำนวน 15,000 ฟอง ให้นายเฉลิม ช่างทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย นายชำนาญ เชิดฉาย รองนายกฯ นายสันติ ปฏิภาณรัตน์ เลขาสมาคมฯ นายปาริชาติ ตันวรัตน์ กรรมการสมาคม เป็นผู้รับมอบ โดยนำสมาชิกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย จำนวน 1,200 คน มารับมอบถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ประสบความเดือดร้อนจากโควิด-19 โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ บริเวณโถงด้านล่าง อาคารกระทรวงแรงงาน 


นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ กระทรวงแรงงาน กำกับดูแลโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใย พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนจากโควิด-19 ในวันนี้จึงได้มอบหมายให้ผมได้นำถุงยังชีพจำนวน 1,200 ชุด ไข่ไก่ 15,000 ฟอง ซึ่งเป็นสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้งปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่กระทรวงแรงงานได้รับบริจาคจากภาคเอกชน เพื่อส่งต่อให้พี่น้องผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างนำไปช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อเป็นการช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยาก เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาค่าใช้จ่ายด้านอาหารอีกทางหนึ่งด้วย 


นายเฉลิม ช่างทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันนี้พวกเราในนามสมาชิกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย ได้มาแสดงความขอบคุณรัฐบาล ‘ลุงตู่’และรองนายก ‘ลุงป้อม’ และ ‘รัฐมนตรีสุชาติ’ พร้อมทั้งให้กำลังใจ ท่านนายกรัฐมนตรี หรือ ลุงตู่ ในการสู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมขอขอบคุณจากใจ จากพวกเราชาว วินมอไซรับจ้าง ที่ท่านได้เห็นความสำคัญของคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ให้พวกเราได้สมัครมาตรา 40 และได้รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท รวมทั้งยังมอบถุงยังชีพสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้ง ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้คนละ 1 ชุด เป็นจำนวน 1,200 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ครอบครัวพี่น้องผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต่อไป

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศล่าตัวผู้ก่อเหตุระเบิดสนามบินคาบูล พร้อมทั้งกล่าวโทษว่าเหตุรุนแรงครั้งนี้เป็นฝีมือเครือข่ายกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอัฟกานิสถานส่งผลให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 นาย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ  ประกาศจะล่าตัวผู้ก่อเหตุระเบิดสนามบินคาบูล พร้อมทั้งกล่าวโทษว่าเหตุรุนแรงครั้งนี้เป็นฝีมือเครือข่ายกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอัฟกานิสถานส่งผลให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 นาย พร้อมยืนยันเดินหน้าอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถานต่อให้เสร็จภายใน 31 ส.ค.นี้

ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวว่า ทางการสหรัฐฯ มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้เป็นใคร และได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารพัฒนาแผนการที่จะทำการโจมตีไอเอส ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล สินทรัพย์ หรือสถานที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนพวกนี้

“เราจะตอบโต้ด้วยกองกำลังและโจมตีอย่างแม่นยำในเวลาและสถานที่ที่เราเลือก กลุ่มก่อการร้ายจะไม่มีวันชนะ เราจะช่วยเหลือชาวอเมริกันและนำพันธมิตรชาวอัฟกานิสถานออกมา ภารกิจของเราจะดำเนินต่อไป สหรัฐฯ ไม่หวาดกลัวต่อการข่มขู่คุกคาม” ประธานาธิบดีไบเดน กล่าว

เครือข่ายของไอเอสในอัฟกานิสถานก่อเหตุโจมตีโดยพุ่งเป้าที่พลเรือนในอัฟกานิสถานหลายครั้งตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมามา เนื่องจากไอเอสเป็นกลุ่มหัวรุนแรงมากกว่าตาลีบันที่ยึดอำนาจในอัฟกานิสถานได้ในเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ก่อน


ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/956897


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9
 

ผบช.สตม. มอบอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม 500 ชุด ให้แก่ชุมชนวัดกก ตามโครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน"

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19  ให้หน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจสามารถพึ่งพาได้ 

วันนี้ (27 ส.ค.64) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.2 ร่วมกับ พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.8 และ สน.บางมด โดย พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.บางมด และคุณศิระ มณีวัฒนเศรษฐ์ ประธาน กต.ตร.สน. บางมด มอบอาหารกล่อง,น้ำดื่ม,ขนม, จำนวน 500 ชุด 

และยังมีภาคเอกชนได้ร่วมบริจาคสิ่งของในครั้งนี้ด้วย คือ กลุ่มชมรมนักธุรกิจสุขสวัสดิ์14 ร่วมบริจาคของอุปโภคบริโภค และเครื่องผลิตออกซิเจน ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันมอบสิ่งของดังกล่าวให้แก่ ชุมชนวัดกก  ที่ตั้งอยู่บริเวณ พระราม 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. โดยมีคุณประกายวรรณ ชูศักดิ์ทัย ตัวแทนชุมชนมาเป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ กล่าวว่า โครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน" ครั้งนี้ เป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในครั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 และ สน.บางมด ร่วมกันให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้กำลังใจเพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

'รศ.ดร.อักษรศรี' โพสต์ข้อความถึงรถไฟขนส่งสินค้าผ่าน 8 ประเทศ จากฮานอย ผ่านจีน ถึงเบลเยี่ยม ถาม ไทยจะแปลงโอกาสนี้อย่างไร?

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช. ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า...

#ตื่นเถิดชาวไทย ตั้งแต่ปลาย ก.ค.2021 มีรถไฟจากฮานอย #เวียดนาม ผ่านหนานหนิง #จีน กำลังไปให้ถึงยุโรป #เบลเยี่ยม แล้วนะคะ คาดว่าใช้เวลา 25-27 วัน (ช่วงโควิดระบาด)

เส้นทางรถไฟขนส่งสินค้าสายนี้วิ่งผ่าน 8 ประเทศ !! ขนาดของราง 'ก็ไม่เท่ากัน' เช่น ช่วงในเวียดนาม ใช้ราง 1 เมตร ช่วงในจีน ใช้ราง 1.435 เมตร (Standard Gauge) ในขณะที่อีก 3 ประเทศอดีตสหภาพโซเวียต คือ คาซัคสถาน, รัสเซีย และ เบลารุส ใช้รางรถไฟกว้างกว่าจีน ที่ขนาด 1.520 เมตร (broad gauge) พอไปถึงยุโรปที่โปแลนด์ ใช้รางขนาด 1.435 เมตร ไปจนถึงประเทศปลายทาง

แล้วรถไฟสายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? เขาบริหารจัดการได้อย่างไร?

คนที่มี Fixed Mindset คงจะงง...

แต่คนที่มี Growth Mindset จะหาทางทำให้สำเร็จ!!

จีนกับเวียดนามทำได้แล้ว มันคือส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม #BRI ยุคสีจิ้นผิง #จีนคิดใหญ่มองไกล ถ้าสนใจ #เรียนรู้เพื่อนบ้าน ลองส่องได้เลยค่ะ

>> ขนาดรางไม่เท่ากัน แต่รถไฟสายนี้วิ่งข้ามทวีปได้อย่างไร?

#คำตอบ แม้ว่าขนาดรางไม่เท่ากัน ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะจีนสามารถ Shift Mode ได้ในช่วงขนส่งผ่านระบบรางระหว่างประเทศ โดยใช้วิธีการที่ทันสมัยในการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์เพื่อไปวางบนแคร่ และใช้รางของแต่ละประเทศที่พาดผ่าน เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นได้รับค่าบริการ/ได้รับประโยชน์ด้วยกัน (ลดแรงต้านด้วยค่ะ) โดยมีบริษัทของจีนบริหารจัดการ/ประสานงานตลอดเส้นทาง

อ.ษร เคยเขียนบทความวิเคราะห์เรื่องนี้ แนะนำให้ไทยหันมาให้ความสำคัญกับรถไฟจีน-ยุโรป แล้ว #ไทยจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร (มิ.ย. 2563) ถ้าสนใจคลิกอ่านได้ค่ะ https://www.thansettakij.com/business/439749 และ https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636531 และ https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636768

อ่อ…บางส่วนของรถไฟสายนี้ อ.ษร กับทีมงานก็ไปลงพื้นที่สัมภาษณ์และลองนั่งรถไฟมาแล้ว #สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น

สนใจชมคลิปสารคดีรถไฟช่วงจีน-เวียดนาม (หนานหนิง-ฮานอย) ไปลองลุยนั่งรถไฟสายนี้มาแล้ว คลิกชมคลิปนี้ค่ะ

ถ้าสนใจชมสารคดีรถไฟช่วงจีน-ยุโรป (เฉิงตู-โปแลนด์) ไปสัมภาษณ์หาคำตอบมาให้แล้ว คลิกชมคลิปนี้ค่ะ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10223847468028094&id=1037140385


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รฟม. ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 8.23 หมื่นล.

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า ขณะนี้ได้มีการยกเลิกประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) โดยการประกวดราคานานาชาติ เนื่องจากเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยออกออกเป็นหนังสือชี้แจงลงนามโดยนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม.

สำหรับ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีมูลค่าการลงทุน 8.23 หมื่นล้านบาท มีระยะทาง 23.6 กิโลเมตร (กม.) เป็นทางวิ่งใต้ดิน 13.6 กม. 10 สถานี และทางวิ่งยกระดับ 10 กม. 7 สถานี เป็นโครงการรถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างนนทบุรี กับ กทม. ฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี รวมถึงสมุทรปราการเข้าด้วยกัน 

เดิม รฟม. มีกำหนดจำหน่ายเอกสารการประกวดราคา (ประมูล) ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.-7 ต.ค.64 และกำหนดยื่นข้อเสนอ วันที่ 8 ต.ค.64 จากนั้นจะใช้เวลาพิจารณาข้อเสนอทั้ง 3 ซองให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.64 และคาดว่าจะได้ผู้ชนะการประมูลทั้ง 6 สัญญาภายในเดือน ม.ค.65 มีแผนเริ่มก่อสร้างปี 65 และเปิดบริการปี 70 โดยจากการเปิดจำหน่ายเอกสารการประมูล ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. ถึงวันที่ 19 ส.ค.64 พบว่า มีผู้สนใจซื้อเอกสารการประมูลแล้ว 8 ราย แบ่งเป็น บริษัทสัญชาติไทย 6 ราย และต่างชาติ 2 ราย

'กรณ์' เบรกกู้เพิ่ม 1 ลล. ใช้ 5 แสนล. ให้ดีก่อน แนะ ทำระบบราชการ ให้ทันรับมือวิกฤตดีกว่า

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวในรายการถามอีกกับอิก ถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจว่า ที่ผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาพูดถึงการกู้เพิ่มครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่คาดไม่ถึง ซึ่งอีกทางหนึ่งก็สบายใจได้ว่า สถานะทางการคลังของประเทศ สามารถแบกรับหนี้สาธารณะได้อีกหนึ่งล้านล้านบาท โดยไม่ต้องมีความกังวลในแง่ของเสถียรภาพ แต่ก็ต้องตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

“การที่ผู้ว่าแบงก์ชาติ บอกว่า 1 ล้านล้านกู้ได้ เป็นสัญญาณให้รัฐบาลว่า ถ้าจำเป็นต้องกู้ก็เป็นความเสี่ยงที่รับได้ เหลืออยู่ที่ว่าจะกู้ตอนไหน กู้แล้วไปทำอะไร เพราะเท่าที่ดูสถานการณ์ปัจจุบัน ความจำเป็นยังไม่มี เพราะ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน มีการเบิกจ่ายใช้ไปประมาณร้อยละ 20 หรือประมาณ 1 แสนล้าน เหลืออีก 4 แสนล้าน ก็ควรมีแผนงาน และประเมินผลการใช้เงินส่วนนี้ต่อดัชนีเศรษฐกิจ แล้วพิจารณาว่าต้องกู้หรือไม่ เพราะในตัวงบประมาณปี 65 เอง ก็ต้องกู้ 4 แสนล้านอยู่แล้ว ในอีก 1 ปีข้างหน้า

โดยที่เราก็หวังว่าการฉีดวัคซีน การบริหารจัดการโควิด จะส่งผลทำให้เราเปิดเศรษฐกิจเปิดประเทศได้ เริ่มจะมีรายได้เข้ามาใส่กระเป๋าประชาชน ถ้าเราทำได้เร็ว ทำได้ดี อาจจะไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่มเติม และการพิจารณาว่าจะกู้หรือไม่ในสถานการณ์วิกฤตขนาดนี้ แบงก์ชาติ กระทรวงการคลัง และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ต้องทำงานเป็นทีม ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอย่างที่เป็นอยู่” อดีต รมว.คลัง กล่าว  

นายกรณ์ กล่าวว่า ช่วงที่รัฐบาลกู้ 1 ล้านล้านบาทครั้งแรก มีนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านรวมทั้งตนเอง กังวลว่าอาจจะไม่พอ และยังกังวลว่าถ้าเบิกจ่าย พ.ร.ก.ที่สองคือ 5 แสนล้านบาทครบถ้วนแล้ว จะดันหนี้สาธารณะเทียบกับจีดีพีขึ้นไปเกือบ ๆ จะชนเพดาน อยู่ที่ระดับร้อยละ 58 ถ้าเทียบกับการกู้ยืมเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปี 65 ที่สภาฯ เพิ่งอนุมัติไป ทำให้หนี้สาธารณะทะลุเพดานร้อยละ 60 แน่นอน

ซึ่งมีความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีอาจต้องปรับ เงื่อนไขตามกฎหมายวินัยทางการคลัง ให้เพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปอีกที่ร้อยละ 70 เพราะมีแนวโน้มว่ายังขาดดุลประมาณ 4-5 แสนล้านบาท ไปอีกระยะหนึ่ง ยังไม่เห็นสัญญาณที่จะจัดงบสมดุลได้อีกหลายปี

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงการคาดการณ์รายรับปี 2565 ว่า การตั้งสมมุติฐานรายได้ของรัฐบาลอาจจะสูงเกินไป อย่างปี 2564 จะเห็นว่ารายรับของรัฐบาลต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และหวังว่า ปี 65 จะไม่ต่ำกว่านี้ จนเป็นเหตุที่ต้องให้กู้เพิ่มอีก ซึ่งเป็นสาเหตุให้ต้องมาพิจารณากันอย่างละเอียดว่าการออก พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท เป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจากความเห็นผู้ว่าแบงค์ชาติ ที่บอกว่าถ้าจะกู้ก็กู้ได้ เงินมี และข้อดีอีกอย่างของประเทศไทย มีหนี้สาธารณะจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจ ประเทศอื่น ๆ

หลายประเทศหนี้สาธารณะเท่ากับร้อยละ 100 ของจีดีพีเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่ของเราอยู่ที่ร้อยละ 50 กว่า ข้อดีอีกอย่างคือหนี้สาธารณะกว่าร้อยละ 98 เป็นการกู้เงินบาทภายในประเทศ ลดความเสี่ยงลงไปมาก ผิดกับอินโดนีเซียที่กู้เงินเป็นเงินดอลลาร์ เมื่อธนาคารกลางสหรัฐเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน ทำให้ความเชื่อมั่นในเงินรูเปียห์ ของอินโดนีเซียลดลง

ส่วนกรณีที่ผู้ว่าแบงก์ชาติบอกว่า ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย จะทำให้เกิดหลุมดำขนาดของรายได้จะหายไปราว 2.6 ล้านล้านบาท อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า หลุมดำมันมีอยู่แล้วจากการล็อกดาวน์ และการห้ามรับนักท่องเที่ยว และอื่น ๆ เราไม่มีรายได้มาเป็นปีแล้ว ผู้หาเช้ากินค่ำไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ เจ้าของร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม ท่านจึงมองว่าต้องอัดฉีดงบประมาณเข้ามา หนึ่งในประเด็นปัญหาที่ผ่านมา คือการขับเคลื่อนนโยบายของแบงก์ชาติเองด้วย

ผู้ว่าฯ บอกจะกู้ 1 ล้านล้านอัดฉีดเข้าไป แต่หากเราย้อนไปดู การออก พ.ร.บ.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท จริง ๆ มันมีการออกกฎหมายอีกสองฉบับ เป็น พ.ร.ก. เช่นเดียวกัน คือ พ.ร.ก. เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเวลาผ่านไปนานหลายเดือน มีเสียงสะท้อนชัดเจนว่าเขาเข้าไม่ถึงเงินส่วนนี้ เพราะโครงสร้างการปล่อยสินเชื่อจากแบงก์ชาติผ่านธนาคารพาณิชย์ มันจึงเป็นปัญหาคอขวด ทั้งความเสี่ยง และความพร้อมในการรับความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์

ทำให้ไม่พิจารณาอนุมัติให้กับผู้เดือดร้อนจริง จึงไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย แม้ต่อมามีการปรับเงื่อนไขให้มันง่ายขึ้นแต่ก็ยังยากอยู่ดี ถามผู้ประกอบการเอสเอ็มอีวันนี้ว่า อะไรคือปัญหาหลักของเขา คำตอบคือขาดสภาพคล่อง และไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาลและของแบงก์ชาติได้

ส่วนถ้ากู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาทแล้วจะจบหรือไม่ อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า มันก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการใช้เงิน ยกตัวอย่าง เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทแรก กว่าจะเบิกจ่ายใช้เงินก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่ในส่วนของ 5 แสนล้านที่กู้เพิ่ม ตอนนี้ใช้ไปแค่ 1 แสนล้านเหลืออีก 4 แสนล้าน ก็มีคำถามว่าเงินจำนวนนี้จะเบิกจ่ายให้เข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจเมื่อไหร่ และหลังจากใช้เงินนั้นไปแล้ว เป็นจังหวะที่เศรษฐกิจของเราจะกลับเข้ามาเป็นปกติแล้วหรือยัง ตรงนี้จะเป็นคำตอบว่าเราจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาทหรือไม่

ทั้งนี้ เมื่อดูประสิทธิภาพในการใช้เงินกู้ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า เมื่อเป็นลักษณะการผันเงินตรงให้กับประชาชนส่วนนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่พอโครงการที่ต้องพึ่งระบบราชการ เราจะเห็นว่าประสิทธิภาพลดลงไปมาก รัฐบาลมีความจำเป็นต้องขันน็อตเพื่อปรับระบบการทำงานในภาวะวิกฤต

ส่วนกรณีว่ามีความจำเป็นต้องเยียวยารายได้ประชาชน อีกนานแค่ไหน อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า โดยส่วนตัวคิดว่า ให้รัฐบาลคิดเผื่อไว้เลยอย่างน้อย 3 เดือนหรือจนถึงสิ้นปี เพื่อสร้างความมั่นใจประชาชนว่ารัฐบาลดูแล โดยอาจจะเป็นยอดเงิน 5,000 บาทต่อเดือน ในกลุ่มอยู่ในเขตล็อกดาวน์ เชื่อว่าเงินประมาณสามแสนล้าน ทำให้ดูแลประชาชนมีอยู่มีกินไปต่อไปได้ แต่ถ้าจะกู้มาเพื่อมาจัดสรรให้กับโครงการต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง ไม่เห็นด้วย จัดสรรไป ก็ใช้ไม่ทันอยู่ดี และเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจก็ไม่ทันเช่นเดียวกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ เผย ไม่มีตั้งองครักษ์พิทักษ์ เฉลิมชัย ความสุจริตจะเป็นเกราะป้องกันดีที่สุด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในส่วนของพรรคซึ่งมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายด้วยนั้นว่า

ในส่วนของพรรคไม่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีแต่อย่างใด เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่จะอภิปราย ข้อมูลที่อภิปรายต้องขอย้ำว่าต้องเป็นความจริง หากมีการบิดเบือน

ใส่ร้าย ก็จะเกิดความเสียหายกับฝ่านค้านเองได้ และหากมีการอภิปรายโดยไม่ยึดข้อบังคับการประชุม นอกเหนือญัตติ ส.ส.ของพรรคก็ต้องท้วงติงให้อยู่ในกรอบก็เป็นเรื่องปกติ นายเฉลิมชัย พร้อมชี้แจงในทุกประเด็น 

ส่วนคณะทำงานที่จะมารองรับการอภิปราย หลักการในส่วนนี้มีคณะทำงานกฎหมายสนับสนุนข้อมูลให้เป็นเรื่องปกติและตนได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าทีมในการชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ส่วนในสภาก็จะมี ส.ส.ในส่วนของพรรคอยู่แล้วที่จะช่วยกันติดตามการอภิปรายของฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิด

นายราเมศกล่าวต่อว่า ไม่ได้มีความกังวลใจต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทุกคนในพรรควางใจนายเฉลิมชัย ตั้งแต่ให้เป็นเลขาธิการพรรคแล้ว เมื่อเป็นรัฐมนตรีทุกคนทราบดีว่าคนชื่อเฉลิมชัยไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ที่สำคัญไม่มีเรื่องทุจริต ทุกคนในพรรคยกมือไว้วางใจทุกคน เมื่อเป็นเช่นนั้น ที่ถามว่าการอภิปรายครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อตำแหน่งเลขาธิการพรรคและตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่มีผลใดๆ แต่มีผลดีอย่างแน่นอนที่นายเฉลิมชัยจะได้ชี้แจงให้เห็นถึงผลงานและการทำงานที่มีประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย 

'ปุ๋ย วิจิตรา' ตัวเต็งเหรียญทอง ทัพลูกเด้งพาราลิมปิก

เป็นอีกเรื่องน่าชื่นชมที่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำเรื่องราวทัพเทเบิลเทนนิสไทยในกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ผ่านโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า...

จากเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องกลายมานั่งวีลแชร์ ในเหตุการณ์ God Army กราดยิงรถนักเรียนที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จนกระทั่งวันนี้ ผ่านมา 19 ปี 

นางสาววิจิตรา ใจอ่อน หรือ น้องปุ๋ย ได้แสดงความสามารถในการดึงศักยภาพของตนเองออกมา พร้อมความเพียรพยายามอดทนอย่างหนักในการฝึกซ้อม จนติดนักกีฬาเทเบิลเทนนิสทีมชาติ พร้อมกับเป็นมือวางอันดับ 7 ของรายการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ณ กรุงโตเกียว โดยในการแข่งขันล่าสุด เธอสามารถเอาชนะคู่แข่งจากรัสเซีย และผ่านเข้ารอบ Knock Out สำเร็จ 

นอกจากความสามารถอันโดดเด่นด้านกีฬาแล้ว ทราบว่าน้องปุ๋ยยังเคยเป็นคุณครูสอนนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สพฐ. อยู่หลายปี สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยวิ่งเล่นได้ปกติเหมือนเด็กทั่วไป กลับกลายต้องมานั่งวีลแชร์ สามารถพลิกความโชคร้ายที่เคยเกิดขึ้นให้เป็นโอกาส พลิกความต่าง (ทางร่างกาย) ให้กลายเป็นความโดดเด่น

ผมขอชื่นชมและนับถือในหัวใจอันแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของน้องปุ๋ย พร้อมกับขอให้กำลังใจน้องปุ๋ยในการเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ในครั้งนี้...สู้ ๆ ครับ @wijittra jaion

#Paralympics2020


ที่มา : https://www.facebook.com/100044312745406/posts/381597326660689/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top