Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

โฆษกกห. ขอ ทุกกลุ่มหยุดสร้าง เฟกนิวส์ ชี้การทำปว. ไม่ง่าย เป็นการซ้ำเติมประเทศในวิกฤตสงครามเชื้อโรค วอนทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน 

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการที่มีกลุ่มคนที่ปล่อยข่าวเผยแพร่ลงในโซเซียลมีเดียอ้างว่าทหารได้ทําการรัฐประหารแล้ว ว่า เรื่องดังกล่าวมันไม่ใช้ง่ายที่จะทำ และเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติ ในภาวะวิกฤตชาติเวลานี้เราควรที่จะร่วมมือกันร่วมใจกัน ทุกกลุ่มทุกฝ่าย เพราะช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นภาวะสงคราม โรคติดต่อ ซึ่งมันสามารถระบาดได้กับทุกคน

“ขอร้องให้หยุดเถอะ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม ขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้ การสร้างข่าวปลอม หรือการสร้างข่าวลือ ในปัจจุบันนี้ ก่อให้เกิดความหวาดกลัวตื่นตระหนกตกใจ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติ ให้หมดความหน้าเชื่อถือ เป็นการสร้างความหวาดระแวง ซึ่งกันและกัน มันไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติ ในยามสถานการณ์ ยากลำบากเช่นนี้ เราต้องการความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวที่สูงสุดให้ผ่านพ่นวิกฤตนี้ไปด้วยกันทั้งประเทศ” พล.ท.คงชีพ กล่าว

“องอาจ” ชี้ รัฐควรแยกให้ชัด“ข่าวปลอม-ข่าวจริง” จี้ต้องทบทวนไม่เปิดช่องใช้อำนาจเกินขอบเขต ระวังย้อนกลับเป็นมุมเมอแรง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงข้อกำหนดฉบับที่ 27 และ 29 ที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อาจปิดกั้นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน  ว่า  เมื่อพิจารณาเนื้อหาสาระของข้อกำหนดดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ระบุไม่ให้เผยแพร่ “ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว” พบว่าเป็นการให้อำนาจหน้าที่รัฐกว้างขวางมากจนอาจนำไปสู่การใช้อำนาจเกินขอบเขต และอาจใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น การที่องค์กรสื่อเรียกร้องให้ทบทวนข้อกำหนดเหล่านี้จึงไม่ใช่การเคลื่อนไหวเกินกว่าเหตุหรือตีตนไปก่อนไข้ แต่เป็นการชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลที่อาจเกิดขึ้นได้ และอาจส่งผลกระทบกับสิทธิเสรีภาพของการทำงานของสื่อมวลชนและสิทธิ เสรีภาพของประชาชน แม้ภาครัฐอธิบายว่าข้อกำหนดมีจุดประสงค์จะจัดการกับข่าวปลอมเป็นหลัก ไม่ได้ปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชน แต่การออกข้อกำหนดที่ทำให้ตีความเพื่อใช้อำนาจได้กว้างขวาง อาจส่งผลต่อคนทำงานตามมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน  ภาครัฐจึงต้องแยกแยะระหว่างข่าวปลอมกับข่าวจริงให้ได้ ว่าคนทำข่าวปลอมมักมุ่งทำลายล้าง เพื่อผลประโยชน์มิชอบ ขณะที่คนทำข่าวจริงคือสื่อมวลชนอาชีพส่วนมากที่ทำงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพ เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และความคิดเห็นบนพื้นฐานของความเป็นจริง ภายใต้กรอบของกฎหมาย
             

“ผมจึงขอเสนอให้ภาครัฐรีบทบทวนข้อกำหนดนี้อย่างจริงจัง พร้อมกับแยกให้ออกระหว่างข่าวปลอมกับข่าวจริงว่าควรดำเนินการอย่างไรให้เกิดความพอดีที่จะไม่กระทบกับการทำงานของสื่อมวลชนโดยสุจริต และไม่ปิดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญ ภาครัฐต้องพึงระมัดระวังอย่าให้เกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขตจากข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของผู้มีอำนาจรัฐ เพราะอำนาจที่ใช้โดยไม่ถูกต้องจะเป็นบูมเมอแรงย้อนกลับมาทำลาย และสร้างความเสียหายจนยากที่จะแก้ไขได้โดยไม่จำเป็น”นายองอาจ กล่าว 

'ราเมศ' เผย เก็บหลักฐานเรียบร้อย  พร้อมซ่อมแซม ทำความสะอาดพรรค

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุฟ้า ว่าตนได้เก็บพยานหลักฐานอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป คดีนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวคนทำผิดมาเร็วที่สุด เพราะไม่เช่นนั่นกลุ่มดังกล่าวก็จะกระทำความผิดเช่นนี้ซ้ำซากไม่มีวันจบสิ้น เพราะคิดว่าสิ่งที่กลุ่มตนทำนั้นถูกต้อง เรียกร้องสิทธิแต่กลับไม่เคารพสิทธิผู้อื่นกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่การกระทำตามสิทธิแต่เป็นการกระทำความผิด ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและจะติดตามอย่างใกล้ชิด

นายราเมศ กล่าวต่อว่า จะมีการทำความสะอาดพรรค โดยจะมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมซ่อมแซมและทำความสะอาดพรรค โดยทุกคน จะร่วมกันซ่อมและทำความ ร่วมซ่อม ร่วมล้าง “บ้านเรา เราก็รัก” พวกคุณทำให้เสียหายเราจะซ่อมและทำความสะอาด 

นายจ้าง ลูกจ้าง ม.33 ใน 3 จังหวัด เฮ!! ได้เงินเยียวยา 9 สิงหาคมนี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบขยายพื้นที่เยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการโควิด-19 จาก 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด เพิ่ม จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ใน 9 ประเภทกิจการ ได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร โดยให้มีอัตราการจ่ายและวิธีการจ่ายเงินเช่นเดิมนั้นว่า ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้สั่งการให้ผมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเร่งรัดให้สำนักงานประกันสังคมเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้างและลูกจ้าง  

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับการจ่ายเงินเยียวยานายจ้าง ลูกจ้าง มาตรา33 ในพื้นที่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา มีผู้ประกันตนได้รับสิทธิจำนวน 272,746 คน นายจ้าง 19,213 ราย ใช้วงเงินทั้งสิ้น 1,522 ล้านบาท แยกเป็น นายจ้าง 841 ล้านบาท และลูกจ้าง 681 ล้านบาท โดยจะโอนเงินในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ให้ลูกจ้างผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ส่วนนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลนายจ้าง ทั้งนี้ ผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยาได้ที่ https://www.sso.go.th หรือโทรศัพท์ สายด่วนประกันสังคม 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นฤมล มอบข้าวกล่องให้ชุมชนสีแดงเข้ม ส่งกำลังใจสู้ภัยโควิด-19

รมช.แรงงาน ส่งทีมมอบข้าวกล่องให้ประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้ม ร่วมส่งกำลังใจประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์  ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตนเองมีความตั้งใจในการส่งมอบข้าวกล่องให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแคมป์คนงานก่อสร้างที่ถูกสั่งปิด แม้แคมป์คนงานบางแห่งจะเปิดแล้วแต่ก็ยังคงได้รับผลกระทบ จึงเดินหน้ามอบข้าวกล่องอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้มอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม รวมถึงเจ้าหน้าที่จิตอาสาที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคลี่คลายปัญหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีกด้วย

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ได้มอบหมายให้ทีมงานนำข้าวกล่องไปมอบให้โรงพยาบาลสนามโรงเรียนบางบัวทอง เพื่อส่งกำลังใจไปยังบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนัก รวมถึงชุมชนบางบัวทองแลนด์ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นชุมชนเขตพื้นที่สีแดงเข้ม ทำให้ประชาชนไม่สามารถออกจากบ้านได้ สำหรับข้าวกล่องที่นำไปมอบให้ในวันนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนได้ในระดับหนึ่ง และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปพร้อมกัน

“ก้าวหน้า” จับมือ “ก้าวไกล” เปิดรับอาสาสมัครแพทย์ทางไกล ดูแลผู้ป่วยโควิด

น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจถึงกรณีการเปิดรับอาสาสมัครแพทย์ทางไกล ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังรอความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขจากภาครัฐ โดยระบุว่า เปิดรับอาสาสมัครแพทย์ทางไกล (TeleMed) ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังรอความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขจากรัฐ 

คณะก้าวหน้าแรงงาน ร่วมกับ ส.ส. ปีกแรงงาน พรรคก้าวไกล จัดโครงการช่วยเหลือดูแลแรงงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการหาเตียง หรือรอเข้าระบบของรัฐ เพื่อลดช่องว่างของประชาชนในระหว่างการรอคอย ซึ่งช่วงนี้ถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง มีผู้ป่วยโควิด-19 ไม่น้อยที่เปลี่ยนจากสถานะผู้ป่วยสีเขียวสู่ระดับสีเหลืองหรือสีแดง เนื่องจากระยะเวลาการรอคอยที่ยาวนาน ทำให้ไวรัสเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วในร่างกายจนทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น ดังนั้นเพื่อรักษาและประคับประคองอาการของผู้ป่วยก่อนที่จะเข้าถึงระบบสาธารณสุขจึงเป็นกลไกสำคัญซึ่งสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ เราจึงขอเปิดรับอาสาสมัครแพทย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขในเบื้องต้นแก่ผู้ติดเชื้อ

หน้าที่อาสาสมัครแพทย์ มีดังนี้ (สามารถเลือกได้ในใบสมัคร)
1.ติดตามและวินิจฉัยอาการผู้ติดเชื้อ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ ทางโทรศัพท์หรือช่องทางออนไลน์
2.ตรวจสอบอาการผู้ติดเชื้อ ว่าขณะนี้เป็นผู้ป่วยสีเขียว สีเหลือง หรือสีแดง หรือมีอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่ต้องเร่งดูแลรักษาหรือไม่
3.สั่งยา เพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วย
4.ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยในการจัดทำ Home Isolation

การสนับสนุนจากทีมงาน
1.ค่าโทรศัพท์ตลอดการร่วมโครงการในการติดต่อผู้ป่วย
2.ค่าเดินทางในการลงพื้นที่ (หากอาสาสมัครแพทย์ประสงค์ลงพื้นที่)
3.มีทีมงานลงพื้นที่ เพื่อช่วยประสานงานด้านต่าง ๆ ให้แก่แพทย์ตลอดเวลา

เงื่อนไขและข้อตกลงการร่วมเป็นอาสาสมัคร
ทางทีมงานจะให้อาสาสมัครแพทย์เป็นผู้กำหนดเองว่าสามารถรับดูแลผู้ป่วยได้กี่คน ซึ่งทีมงานจะส่งรายชื่อผู้ป่วยให้ทีหลังตามจำนวนที่ได้แจ้งไว้ และอาสาสมัครแพทย์ต้องดูแลผู้ป่วยตามหน้าที่ที่กำหนดไว้จนกว่าผู้ป่วยจะเข้าสู่ระบบสาธารณสุขหรือไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอีกต่อไปแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้นหน้าที่อาสาสมัคร

สมัครได้ที่ลิงก์
https://forms.gle/Jpp26EC5C658NQfE6

“ศรีสุวรรณ” ร้อง “ผู้ตรวจการแผ่นดิน ไต่สวน“สรรพากร” ข้องใจรีดเลือดพ่อค้ายาเส้น เก็บภาษียาเส้นย้อนหลัง 

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบรับซื้อยาเส้นจากชาวไร่ยาสูบในพื้นที่ อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ได้รับความเดือดร้อนจากการที่สรรพากร กำลังดำเนินการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนจากผู้ประกอบการ ทั้งที่ชำระภาษีสรรพสามิตในรูปแบบของอากรแสตมป์ไปแล้ว การกระทำเช่นนั้นถือว่าเป็นการรีดเลือดจากปูในยามที่ทุกคนเดือดร้อนจากโควิด-19 หรือไม่ โดยสืบเนื่องจากกรมสรรพากร สั่งการสรรพากรพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศที่มีเกษตรปลูกยาเส้นหรือยาสูบ ให้เร่งรัดผู้ประกอบการรับซื้อยาเส้น ชำระภาษี ภงด.90 ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2561-2563 จนมาถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ภายในวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงนโยบายที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนหรือสังคม อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.62 ม.73 ประกอบ ม.40 โดยชัดแจ้ง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พ่อค้ายาเส้นส่วนใหญ่เป็นคนกลางในการรับซื้อยาเส้นมาจากเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ ได้ทำการชำระภาษีสรรพสามิตในรูปแบบของอากรแสตมป์อัตรากิโลกรัมละ 100 บาทและชำระภาษีให้กองทุนอื่นรวมเป็นกิโลกรัมละ 117.50 บาทอยู่แล้ว จากอัตราเดิมที่เคยเสียในอัตรา 5 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า การที่สรรพากรมาเรียกเก็บภาษีเงินได้หรือ ภงด.90 เพิ่มโดยที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในอดีตและเป็นการเรียกเก็บย้อนหลังอีกด้วย ชี้ให้เห็นว่าเป็นการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนและไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการรับซื้อยาเส้น และการประเมินฐานภาษีจากผู้ค้าคนกลาง

โดยคิดจากมูลค่าสินค้าที่รับซื้อมาจากเกษตรกรว่าเป็นการซื้อมาขายไป เป็นวิธีคิดที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากพ่อค้าคนกลางเป็นเพียงผู้รับจ้างจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาเส้น ทำหน้าที่รวบรวมยาเส้นจากเกษตรกรผู้ปลูกไปให้โรงงานผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ได้รับค่าจ้างหรือกำไรที่ถือเป็นรายได้สุทธิเพียงถุงละ 20-60 บาทเท่านั้น การประเมินฐานภาษีโดยคิดเอาจากยอดราคายาเส้นสุทธิเป็นรายได้พึงประเมินนั้น เป็นการประเมินที่ไม่ถูกต้อง ซ้ำซ้อน และไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการเรียกย้อนหลัง3 ปี เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นการซ้ำเติมประชาชน เป็นการรีดเลือดจากปู และชี้ให้เห็นถึงฐานะทางการเงินการคลังของรัฐบาลที่อาจถึงขั้นถังแตก จึงเสาะหาวิธีการทุกรูปแบบเพื่อไล่เก็บภาษีจากประชาชน เพื่อนำไปจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ซื้อเรือดำน้ำให้กับกองทัพหรือไม่ ดังนั้นทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะส่งเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยเพื่อยับยั้งกระบวนการรีดเลือดจากปูของกรรมสรรพากรต่อไป

“เสกสกล”โต้ “พรรคเพื่อไทย” บี้ เลิกคุมสื่อเสนอข่าว ย้อน“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ก็เคยทำ ไล่ ช่วยชาวบ้านดีกว่าเล่นการเมือง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อกำหนดห้ามสื่อเสนอข่าวให้ประชาชนหวาดกลัว ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี ยืนยันแล้วว่าไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพ ยังสามารถวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ แต่ขอให้เสนอข้อมูลบนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่สร้างความหวาดระแวงหรือความกังวลในสังคม พรรคเพื่อไทยน่าจะเข้าใจสถานการณ์ประเทศในขณะนี้ และในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยออกข้อกำหนดห้ามการเสนอข่าวการจำหน่ายหรือทำให้แพร่หลาย ซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวัดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทั่วราชอาณาจักร ประกาศวันที่ 23 ม.ค.2557 ครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีการสอดไส้เพิ่มเติม จึงเห็นชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยหวังเล่นการเมืองไม่ได้ยึดหลักความเป็นจริงทั้งที่รัฐบาลในอดีตของเพื่อไทยเองก็บังคับใช้เช่นกัน

“ยืนยันว่าข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 27 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 29 ไม่ได้เป็นการจำกัดการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน แต่ต้องนำมาแก้ไขปัญหาข่าวปลอม ที่กำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในสังคมเป็นอย่างมาก มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ และที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่ากลัวอะไรหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย มักจะนำข่าวปลอม ที่ไม่มีข้อเท็จจริงออกมาแถลง เพื่อประโยชน์ทางการเมืองตนเอง โดยไม่สนใจว่าการออกมาแถลงนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือทำให้เกิดความวุ่นวานขึ้นหรือไม่”

นายเสกสกล กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย หยุดตีกินทางการเมืองดีกว่า ประชาชนรู้ทันเทคนิคหากินทางการเมืองแล้ว และเอาประเทศชาติ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อโควิดเป็นหลักโดยสั่งการให้ส.ส.เพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยเหลือดูแลประชาชน เสียสละบริจาคข้าวกล่องช่วยประชาชนที่เดือดร้อน อย่ามัวแต่มาเล่นการเมือง ในภาวะวิกฤตโควิดเช่นนี้หยุดเล่นการเมืองไว้ก่อนแล้วลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านดีที่สุด

“องอาจ” เสนอ 4 มาตรการสำคัญ เร่งทำช่วงล็อกดาวน์รอบใหม่ แนะลดมาตราการที่ไม่ทำให้ผู้ติดเขื้อลดลง ยิ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กับมาตรการล็อกดาวน์ว่า วันที่ 2 ส.ค. นี้จะครบกำหนดล็อกดาวน์รอบแรกตามที่ ศบค. เคยประกาศไว้และขณะนี้มีแนวโน้มที่ ศบค. จะประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ยาวออกไปรอบใหม่ จนกว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะคลี่คลาย  สังเกตได้จากการให้ความเห็นของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขเป็นไปในทิศทางที่อยากเห็นล็อกดาวน์ยาวออกไป เช่นบอกว่ามาตรการล็อกดาวน์สำคัญในการลดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต ถ้าไม่ล็อกดาวน์ผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันจะสูงเกิน 4 หมื่นคนและจะมีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 500 คนต่อวัน 
       
นายองอาจ กล่าวต่อว่า เมื่อทิศทางของ ศบค. จะกำหนดให้มีล็อกดาวน์รอบใหม่ต่อเนื่อง จึงขอเสนอให้ ศบค. ดำเนินการ 4 มาตรการสำคัญดังนี้ 1.ไม่ควรล็อกดาวน์ยาวแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา ควรกำหนดระยะเวลา ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นค่อยขยายเวลาออกไป 2.เมื่อ ศบค. เลือกล็อกดาวน์รอบใหม่ ควรลดมาตรการควบคุมที่ไม่เกิดผลมากนักและไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มีการแพร่ระบาดมากขึ้น เพราะถ้ายังมีมาตรการควบคุมที่ไม่ได้ช่วยควบคุมการแพร่ระบาดมากนัก จะทำให้เศรษฐกิจและธุรกิจมีปัญหามากขึ้น 3.ควรใช้มาตรการเชิงรุกที่จริงจังมากขึ้น เข้าชุมชนแออัดให้ทั่วถึงเพื่อตรวจหาเชื้อ ฉีดวัคซีน และวางแนวทางป้องกันผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรังไม่ให้ติดเชื้อ เพราะถ้าคนกลุ่มนี้ติดเชื้อมักจะมีอาการหนักอยู่ในกลุ่มสีเหลืองหรือสีแดง จะหาเตียงรักษาลำบาก และ 4.ระดมทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ดูแลตนเองอยู่ที่บ้านและไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวและตัวเองได้
         
“หวังว่าข้อเสนอนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ ศบค. เพราะเป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติในพื้นที่จริงของ ส.ส. อดีต ส.ส. ส.ก. ส.ข. ตัวแทนพรรค สาขาพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำงานช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องจนสามารถสรุปเป็นข้อเสนอให้ ศบค. กำหนดมาตรการในการบูรณาการการทำงานให้ได้ผลเพื่อทำให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายไปในที่สุด”นายองอาจ กล่าว

“ธนกร” โว “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์-สมุยพลัสโมเดล” ฉลุย ชี้ คุมโควิดอยู่ จ่อเปิด“กระบี่-พังงา”ภายในส.ค.นี้ เชื่อ นทท.มั่นใจปลอดภัย

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มั่นใจว่าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสโมเดล ยังเดินหน้าต่อแม้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในจังหวัดภูเก็ต เพิ่มขึ้นจากคนในพื้นที่ แคมป์ก่อสร้าง หรือผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัด ไม่ได้เกิดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมที่เดินทางเข้ามาประมาณ 13,281 คน พบติดเชื้อใหม่เพียง 1 คน และผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติสะสม จำนวน 30 คน ตรวจพบเชื้อตั้งแต่วันแรกที่เดินทางเข้ามา และถูกส่งเข้ารับการรักษาแล้ว ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัด ควบคุมการเดินทาง เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 – 16 ส.ค. นี้ ยกเว้นบางกรณีสามารถเข้าพื้นที่ได้ เช่น รถฉุกเฉินทางการแพทย์ ขนส่งยา เวชภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง ขนส่งเงินของธนาคาร หรือผู้ที่มีความจำเป็น เป็นต้น เป็นการปิดเดินทางเพื่อให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและคนภูเก็ตทุกคน แต่ไม่ได้ปิดโครงการภูเก็ตแซนด์
บ็อกซ์

นายธนกร  กล่าวว่า ส่วนสมุยพลัสโมเดล จ.สุราษฎร์ธานี ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 บนเกาะสมุย จำนวน 54 ราย เป็นคลัสเตอร์ร้านอาหาร ซึ่งทางจังหวัดสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และยังดำเนินการต่อไปเนื่องจากกลุ่มที่ติดเชื้อไม่ได้มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติโครงการสมุยพลัสโมเดล และไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ข้ามไปจากจ.ภูเก็ต และนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการสมุยพลัสโมเดล และภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่เดินทางเข้าเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า อยู่ที่ประมาณ 200 คน โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้พอใจ ผ่อนคลายกับทัศนียภาพรอบเกาะ และไม่ได้มีความกังวล

นายธนกร  กล่าวว่า นายกฯขอให้เชื่อมั่นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และเตรียมขยายพื้นที่เปิดเกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล จ.กระบี่ และเขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา ภายในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งพื้นที่ของเกาะมีความพร้อม ประชาชนฉีดวัคซีนแล้ว 70 - 100% และไม่พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ โดยระยะแรกจะให้ประชาชนคนไทย ที่ฉีดวัคซีนครบโดสและมีผลการตรวจโควิด ภายในระยะเวลาที่กำหนดและนักท่องเที่ยว จากกลุ่มภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสโมเดลเดินทางก่อน โดยยึดแนวทางสร้างความสมดุลเฝ้าระวังความปลอดภัยสุขภาพอนามัย และส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อคนไทยทุกคน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top