Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบอุปกรณ์การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งมอบอาหารและครื่องดื่ม ให้แก่ทีมแพทย์พยาบาล จิตอาสาและผู้เข้ารับการตรวจคัดกรอง

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. เปิดเผยว่า วันนี้ เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรพล อยู่นุช ที่ปรึกษาพิเศษ (สบ.10) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ แพทย์ใหญ่ รพ.ตร. ได้ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจในการตรวจคัดกรองค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด -19 โดยใช้สถานที่ของแฟลตตำรวจลือชา เป็นสถานที่ตรวจคัดกรอง มีประชาชนชุมชนซอยลือชา และข้าราชการตำรวจพร้อมครอบครัว เข้ารับการตรวจ 800 กว่าราย โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่รพ.ตำรวจ และกำลังพลจิตอาสา ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่

วัตถุประสงค์ของการตรวจคัดกรองครั้งนี้ เพื่อหยุดยั้งการเพิ่มจำนวน และการแพร่ระบาดของผู้ป่วยสีเขียวให้ทันท่วงที ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นผู้ป่วยสีส้ม-แดง รวมถึงยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัว เพื่อตำรวจจะได้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการระงับ ยับยั้ง ชะลอการแพร่ระบาดของโรค ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดได้คลี่คลายและควบคุมได้

โฆษก ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ผบ.ตร. ได้ขอบคุณทีมงานทุกคน และประชาชนที่เข้าร่วมการตรวจคัดกรองในวันนี้ และได้มอบอุปกรณ์การตรวจให้กับทีม รพ.ตำรวจ พร้อมทั้งอาหาร และเครื่องดื่มให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนและครอบครัวตำรวจ ต่อมา ผบ.ตร. และคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจการตรวจคัดกรองหาเชื้อให้แก่ประชาชนในชุมชนสินทวี ย่านจอมทอง ท่าข้าม และข้าราชการตำรวจพร้อมครอบครัว พื้นที่ บก.น.9 เข้ารับการตรวจ 700 กว่าราย

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จในลักษณะ ‘ข่าวปลอม’ (Fake News) 2 กรณี หมอประสิทธิ์ และสินเชื่อธนาคารกรุงไทย

เมื่อวันที่ 1ส.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จในลักษณะข่าวปลอม(Fake News) จากผู้ไม่หวังดีที่พยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ นั้น โดยในวันนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ตรวจพบข่าวปลอม อีก 2 กรณี คือ

1. จากที่มีการแชร์ข้อมูลที่ระบุว่าหมอประสิทธิ์ ซึ่งเป็นคณบดีศิริราช ได้ออกประกาศขอความร่วมมือให้ประชาชนล็อกดาวน์ตัวเอง และครอบครัว เพราะตอนนี้พบสายพันธุ์แลมบ์ดา กำลังระบาดในเขตมีนบุรี และขอให้ประชาชนล็อกดาวน์ตัวเองนั้น ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเคยมีการส่งคลิปเสียงในประเด็นเดียวกันหลายครั้งแล้ว โดยขอยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวทั้งในรูปแบบข้อความ และคลิปเสียง ไม่ได้เป็นข้อมูลที่มาจาก ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลแต่อย่างใด

ซึ่งหากมีการแนะนำหรือข้อพึงระวังเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะทำการแถลงผ่านสื่อออนไลน์เป็นวิดีโอที่จะปรากฏทั้งใบหน้าและเสียง โดยไม่มีการเผยแพร่ข้อความหรือคลิปเสียงเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันการแอบอ้าง

2. จากกรณีการโพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอสินเชื่อกับธนาคารกรุงไทย ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังนั้น ทางธนาคารกรุงไทยได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ปัจจุบันยังไม่มีบริการให้สินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งแอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นแพลตฟอร์มด้านการเงินระบบเปิด สามารถใช้บริการแม้ไม่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย ให้บริการครอบคลุมทั้งบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) รองรับการทำธุรกรรมโอนเงิน เติมเงิน และชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ (G-wallet) รองรับการทำนโยบายของภาครัฐ บริการกระเป๋าสุขภาพ (Health Wallet) ตรวจเช็กสิทธิด้านสุขภาพผ่านเป๋าตัง บริการด้านการลงทุนพันธบัตรของรัฐผ่านวอลเล็ต สบม.รวมถึงบริการเกี่ยวกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ช่วยให้การจัดการบัญชีกยศ. สะดวก และรวดเร็ว

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ  และเพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก

ซึ่งการกระทำของผู้เผยแพร่ข่าวปลอม อาจเข้าข่ายความผิดตาม  พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1),(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพฤติการณ์ที่ได้กระทำความผิดโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ,เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87

สำนักงบฯ แนะทุกหน่วยงานใช้งบต้องคิดถึงผลกระทบโควิดรุนแรง

สำนักงบประมาณได้รายงานรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 64 ในช่วงไตรมาสที่ 3  โดยจากวงเงินรวม 3.2 ล้านล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้วประมาณ 2.28 ล้านล้านบาท คิดเป็น 69.49%  มีการก่อหนี้แล้วจำนวน 2.46 ล้านล้านบาท คิดเป็น 75.03% โดยในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การลงทุนทั้งในมิติของพื้นที่และการดำเนินชีวิตของประชาชน ซึ่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐซึ่งมีการก่อหนี้สูงกว่าเป้าหมายอย่างมากในปีนี้  

ทั้งนี้เพื่อให้การเบิกจ่ายและจัดสรรงบประมาณในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ (ก.ค. - ก.ย.) มีประสิทธิภาพสำนักงบประมาณจัดทำข้อเสนอข้อให้หน่วยงานราชการใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ คือหน่วยรับงบประมาณควรเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ และการบริหารงบประมาณที่ได้รับ การจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดผลกระทบหรือกระทบต่อการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างเหมาะสม และให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ

อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หน่วยรับงบประมาณควรพิจารณากำหนดทิศทางหรือแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ในส่วนช่องงบประมาณที่เป็นรายจ่ายประจำส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ควรมีการวางแผนอย่างเหมาะสม เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศโดยรวม 

‘พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ’ ที่ปรึกษาพิเศษ สนง.ตำรวจแห่งชาติมอบนโยบายตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจชุมชนโคบัง จังหวัดร้อยเอ็ด

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานและมอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมมอบถุงยังชีพและตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจชุมชน “โคบัง” กำชับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และยึดการมีส่วนร่วมของประชาชน

ที่สำนักงานตำรวจภูธร จ.ร้อยเอ็ดพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะเข้าติดตามการดำเนินงานและมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงาน การบริหารจัดการและการซีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจลูกจ้างประจำ การบริหารจัดการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และงานตำรวจชุมชน และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ตำรวจภูธร จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.ต.ต.เนติพงศ์ ธาตุทำเล รองผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ไพโรจน์ มังคลาผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วยรองผู้บังคับการ และผู้กำกับการสถานีตำรวจ ทั้ง 33 แห่ง และข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.ร้อยเอ็ดให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงาน

จากนั้น พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมที่ทำการตำรวจชุมชนธงธานี ของสภ.ธวัชบุรี ตามโครงการสถานีตำรวจชุมชน “โคบัง” พร้อมมอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภค บริโภค ให้กำลังใจกับตำรวจและอาสาสมัครภาคประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่จำนวน 17 ชุด โดยสถานีตำรวจชุมชน “โคบัง” ดังกล่าว เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจร่วมกับชุมชนรับผิดชอบพื้นที่ 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.ธงธานี 10ชุมชน ต.บึงนคร 9ชุมชน และต.ธวัชบุรี 12 ชุมชนรวม31 ชุมชน โดย ร.ต.อ.ภูวไนย ธนสิริภักดีโสภณ รองสวส.ป้องกันปราบปราบ สภ.ธวัชบุรี ปฎิบัติหน้าที่หัวหน้าสถานีตำรวจชุมชนธงธานี โดยมี พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ศรีผ่องงาม  ผกก.สภ.ธวัชบุรี นายอภิชาติ รักพงษ์ นายกเทศมนตรีตำบลธงธานี นายกานต์ นองนุช กำนันตำบลธงธานี หน่วยกู้ภัยอโสกพิทักษ์ชีพร้อยเอ็ดจุดสะกัดบ้านธวัชดินแดง พร้อมด้วยผู้นำชุมชน และประชาชนให้การต้อนรับภายใต้มาตรการเข้มข้นด้านโควิด-19

ทั้งนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครภาคประชาชน ปฏิบัติหน้าที่ยึดหลักความปลอดภัยตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผู้ชุมชน และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยเกิดประสิทธิภาพสูงสุดพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ กล่าวในที่สุด

‘บิ๊กตู่’ สั่งด่วน ‘อนุทิน’ ให้กรมควบคุมโรคจัดส่งวัคซีนตรงเดือนละ 750,000 โดส ไม่ต้องผ่าน กทม. แก้ปัญหาปิดศูนย์ฉีดวัคซีนภาคเอกชน 25 แห่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงกรณีที่ศูนย์ฉีดวัคซีนที่ภาคเอกชนจัดตั้งขึ้น 25 แห่ง ในกทม. ประกาศปิดศูนย์ชั่วคราวเนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนให้กับ กทม. ตามที่ตกลงกันไว้ แต่ไม่ทราบว่า ทำไมทาง กทม. จึงไม่จัดสรรวัคซีนให้กับศูนย์ฉีดวัคซีน 25 แห่งดังกล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โทรศัพท์มาสั่งการด่วนให้ตนจัดสรรวัคซีนให้กับศูนย์ฉีดของภาคเอกชน 25 แห่ง ซึ่งตนได้หารือกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) แล้ว มีความเห็นตรงกันคือให้ กรมควบคุมโรคจัดส่งวัคซีนโดยตรงไม่ต้องผ่าน กทม.ให้กับศูนย์ฉีดวัคซีน 25 แห่ง แห่งละ 1,000 โดสต่อวัน ซึ่งรวมแล้วจะฉีดได้ 25,000 โดสต่อวัน โดยเฉพาะเดือน ส.ค.จะได้ทั้งหมด 750,000 โดส ซึ่งใกล้เคียงกับความสามารถในการฉีดของบรรดาศูนย์ฉีดเหล่านี้

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ กรมควบคุมโรค จะสรรจัดวัคซีนให้ กทม. จำนวน 1,000,000 โดส แต่ด้วยความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยากให้กรมควบคุมโรคส่งวัคซีนตรงไปยังศูนย์ทั้ง 25 แห่ง จะทำให้เหลือวัคซีนให้ กทม. บริหารเองเพื่อส่งให้โรงพยาบาลในสังกัดเพียง 250,000 โดส จึงสั่งการให้อธิบดีกรมควบคุมโรคจัดส่งเพิ่มให้ กทม. อีก 250,000 โดส รวมเป็น 500,000 โดส เพื่อให้ กทม. จะได้จัดสรรคไปฉีดในสถานพยาบาลต่าง ๆ ที่อยู่ในสังกัด ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเพียงพอกับความต้องการเท่ากับว่าในเดือนสิงหาคมนี้ พื้นที่ กทม.จะได้รับวัคซีน รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250,000 โดส


ที่มา : https://www.isranews.org/article/isranews/101078


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“สิระ” จวก "ไฮโซลูกนัท” สมองน้อย หวังล้มล้างสถาบัน หลังร่วมคาร์ม็อบ จี้ ตร.ดำเนินการ

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ที่ปรากฏภาพเข้าร่วมการชุมนุมคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยใช้รถส่วนตัวสีดำ ติดสติกเกอร์ยกเลิก 112 ข้างรถ ว่า ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นภาพของคนที่มาจากตระกูลที่มีการเลี้ยงดูมาอย่างดี ถูกคนอื่นๆ เรียกว่าเป็นไฮโซ แต่กลับมีสมองคิดได้เพียงเท่านี้ สิ่งที่ออกมาเรียกร้อง คือ เจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

“ผมชี้เป้าให้แล้วว่าคนๆ นี้เจตนาจะล้มล้างสถาบันหรือไม่ ขอให้เจ้าที่หน้าตำรวจตรวจสอบภาพที่ปรากฏด้วย รวมถึงขอถามไปยังพ่อแม่ของไฮโซคนนี้ ให้ดูพฤติกรรมของลูกด้วยว่า เลี้ยงมาทำไมเป็นแบบนี้ ไม่เข้าใจว่าไฮโซสมัยนี้ทำไมสมองมันน้อย” นายสิระ กล่าว

“บิ๊กตู่” รับมอบวัคซีน COVID-19 “ไฟเซอร์” จากรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวน 1.5 ล้านโดส “ย้ำ”การบริหารจัดการวัคซีนให้เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดกับประชาชนก่อนรับมอบวัคซีนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร เพื่อช่วยสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไทยอย่างครอบคลุม 

ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีรับมอบวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีนายไมเคิล ฮีธ (Mr. Michael Heath) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้สนับสนุนวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมิตรแท้และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศที่มีมายาวนานกว่า 188 ปี รวมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย-สหรัฐฯ ที่ต้องการจะแก้ไขสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ร่วมกัน ซึ่งการฉีดวัคซีนถือเป็นประโยชน์สำหรับไทยที่มีความต้องการใช้วัคซีนเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน พร้อมขอขอบคุณ นางแทมมี่ ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้ผลักดันและสนับสนุนให้ไทยได้รับวัคซีนเพิ่มเติมอีกจำนวน 1 ล้านโดส โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดูแลคนไทยและผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ เป็นอย่างดี พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะนำวัคซีนทั้งหมดไปบริหารจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนคนไทยต่อไป

นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า ทางสหรัฐฯ มีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในพิธีส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ในวันนี้ และภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับไทยในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อุปทูตสหรัฐฯ ยังยินดีที่ไทยและสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน และความร่วมมือครอบคลุมทุกมิติ ทั้งความมั่นคง สาธารณสุข และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เป็นระยะเวลาอันยาวนานที่ไทยและสหรัฐฯ มีความร่วมมือทางด้านสาธารณสุข และการพัฒนาวัคซีนร่วมกันเพื่อป้องกันโรคระบาด การส่งมอบวัคซีนวันนี้นับเป็นการยกระดับความร่วมมือดังกล่าวให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โอกาสนี้ อุปทูตสหรัฐฯ ยังกล่าวขอบคุณรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ดูแลประชาชนชาวสหรัฐฯ ในไทยเป็นอย่างดีในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  พร้อมหวังว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของไทยจะคลี่คลาย

ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวของบริษัทไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค (Pfizer-BioNTech) จำนวน 1,503,450 โดส ได้จัดส่งถึงไทยแล้วเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564

จากนั้นเวลา 09.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีรับมอบวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยมี นายเอวาน โจนส์ (H.E. Mr. Evan Jones) อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสหราชอาณาจักรเข้าร่วมพิธีฯ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถวายพระพรแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขอให้ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัยแข็งแรง และฝากความระลึกไปยัง นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณในมิตรไมตรีและความห่วงใยของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ผ่านการสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 415,040 โดส สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร ที่แน่นแฟ้นยาวนานมากว่า 400 ปี เพื่อร่วมกันก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 ของสหราชอาณาจักร จะสนับสนุนช่วยให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ สหราชอาณาจักรเป็นต้นแบบในด้านการบริหารการกระจายวัคซีน ซึ่งสามารถจัดวัคซีนให้ประชาชนได้จำนวนมาก ทั้งนี้ เชื่อมั่นในความสัมพันธ์ของไทย-สหราชอาณาจักร ที่จะร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคและก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปพร้อมกัน

โอกาสนี้ อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ และกล่าวว่ายินดีที่ได้มีส่วนช่วยเหลือประเทศไทยในสถาณการณ์เช่นนี้ และขอบคุณที่ให้การต้อนรับในวันนี้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 415,040 โดส จะเดินทางถึงประเทศไทย ตามนโยบายของสหราชอาณาจักรที่ประสงค์บริจาควัคซีนให้แก่มิตรประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือ
 

ผู้บริหารเอกชนหวั่นโควิดกระจายกระทบภาคการผลิต

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI เดือนก.ค. 2564 เรื่อง การจัดการปัญหาแรงงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. จำนวน 166 คน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 75 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มองว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อแรงงานในภาคอุตสาหกรรมทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงงานอุตสาหกรรม 

รวมทั้ง ปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แรงงานเข้มข้น จนส่งผลทำให้กำลังการผลิตลดลงและกระทบต่อการส่งออกของไทย ดังนั้นจึงเสนอให้ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้แก่แรงงาน ม.33 เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานประกอบการ รวมทั้ง รักษาศักยภาพในการผลิตและการส่งออกของประเทศ 

ทั้งนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังมองว่ามาตรการที่ภาคเอกชนมีความพร้อมและสามารถที่จะดำเนินการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานประกอบการได้ พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การมีระบบคัดกรองแรงงานก่อนเข้าโรงงาน และการเฝ้าระวังผู้ปฏิบัติงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงตามมาตรการ Bubble & Seal คิดเป็น 83.1% รองลงมา การจัดหาวัคซีนทางเลือกให้แก่แรงงานในสถานประกอบการ คิดเป็น 68.1% และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด คิดเป็น 65.7%

เดินหน้า “บิ๊กตู่” เป็นประธานเปิดเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน ยกระดับการเดินทาง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพขนส่งเชื่อมต่อโลจิสติกส์ระหว่างภูมิภาค ทดลองบริการฟรีก่อนเปิดบริการเต็มรูปแบบ พ.ย.นี้

ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดให้ประชาชนใช้บริการเดินรถโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าร่วม

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมพิธีเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ทั้งช่วงบางซื่อ-รังสิตและช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งได้ดำเนินการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้บริการประชาชนอย่างเต็มรูปแบบในเดือนพ.ย. 2564 นี้ จากการที่รัฐบาลได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี 2561-2580 ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมือง เพื่อช่วยยกระดับการเดินทางให้ประชาชนมีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล บรรเทาปัญหาการจราจร รวมทั้งพัฒนารถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางขนส่งและโลจิสติกส์มีการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค ขณะเดียวกันรักษาสภาวะแวดล้อมของโลกไปด้วย ควบคู่กันไปอย่างยั่งยืนรับเป็นก้าวย่างสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ในการพัฒนาระบบรางและการพัฒนาประเทศตามเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งต่อไปจะมีการเร่งรัดการดำเนินการในพื้นที่ต่างๆในแต่ละภูมิภาค 

สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง เปิดให้บริการเส้นทางสายเหนือช่วงบางซื่อ-รังสิต มีจำนวน 10 สถานี ระยะทาง 26 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทาง 25 นาที สายตะวันตกช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน มีจำนวน 3 สถานี ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทาง 15 นาที ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย มอบหมายให้รฟท.จำกัดซึ่งเป็นบริษัทลูกเป็นผู้ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง เปิดให้ประชาชนให้บริการฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไปจนถึงประมาณปลายปี 2564 ซึ่งจะเป็นการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ 

ทั้งนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 06.00 น -20.00 น และในช่วงเวลาเร่งด่วนจะมีการเดินรถในเวลาทุกๆ 15 นาที ในเวลาปกติเดินรถทุก 30 นาที โดยท่ามกลางการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีการจัดให้บริการจำกัดจำนวนผู้โดยสารทุกประเภทไม่เกินร้อยละ 50 ตามมาตรการรักษาระยะห่างนอกจากนี้ยังมีการบูรณาการร่วมกับการเดินทางอื่นๆเพื่อเพิ่มความสะดวกและการเข้าถึงของประชาชนและมีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นๆ

พท.ถาม รบ.ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือหลังคนฝ่าโควิดออกมาไล่ขนาดนี้ ซัดหยุดผูกขาดบริหารประเทศที่ “ประยุทธ์” 

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีประชาชนออกมาร่วมคาร์ม็อบบีบแตรไล่รัฐบาลสนั่นทั่วประเทศ ดาหน้าโจมตีการที่งานที่ผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลว่า แทนที่จะโกรธคนที่ออกมาไล่ รัฐบาลควรเห็นใจที่มีคนยอมเสี่ยงฝ่าโควิด ออกมาไล่รัฐบาลทั้งประเทศมากขนาดนี้ ประชาชนที่ออกมาดั่งแม่น้ำร้อยสายไหลรวมเป็นหนึ่งเป็นของจริง เดือดร้อนจริง ไม่ใช่การจัดฉาก รัฐบาลผิดพลาดล้มเหลวแก้โควิดไม่ไวเท่าเอาผิดประชาชน ควบคุมโควิดไม่ได้ ทำได้แค่ควบคุมไอโอ จำกัดการแพร่ระบาดของไวรัส ไม่เก่งเท่าจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน

 มาตรการที่รัฐออกมาทำได้แค่ยกระดับล็อกดาวน์ และขยายจังหวัดสีแดงเข้มออกไปเรื่อยๆ แต่คนติดเพิ่ม คนตายพุ่ง ทุบสถิติทำนิวไฮขาขึ้นตลอด เจ็บแล้วไม่จบ มีแนวโน้มเจ็บแล้วเจ็บอีก สำนักข่าวนิเคอิของญี่ปุ่นฟันธงประเทศไทยจะฟื้นตัวจากวิกฤติโควิดเป็นอันดับที่ 118 จาก 120 ประเทศ ต่ำกว่าลาว กัมพูชา เวียดนาม ตามศักยภาพการบริหารจัดการวัคซีน อย่างเร็วสุดคือ 5 ปีกว่าจะฟื้นตัว ยิ่งใช้อำนาจที่ปราศจากความชอบธรรม รัฐบาลยิ่งสูญเสียความชอบธรรม ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ไม่เปลี่ยนตัวพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้   

“อยุธยาไม่สิ้นคนดี ประเทศไทยไม่ได้อับจนถึงขั้นหาคนมาแก้ปัญหาดีกว่านี้ไม่ได้ หยุดผูกขาดการทำหน้าที่ไว้เฉพาะพล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้อง 7 ปีที่ผ่านมายังไม่สาใจแก่ใจหรือ ที่นำพาประเทศไทยมาถึงจุดวิกฤตที่สุดแบบนี้” นายอนุสรณ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top