Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

ILINK ลงนามสัญญา จ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 3 สถานี มูลค่า 531.70 ล้านบาท

ILINK ลงนามสัญญา จ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 3 สถานี  มูลค่า 531.70 ล้านบาท

นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามร่วมกับ นายนุกูล ตูพานิช รองผู้ว่าการก่อสร้างและบริหารโครงการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 3 สถานี ในนาม INTERLINK and AIT CONSORTIUM มูลค่า 531,700,000 บาท โดย INTERLINK เป็นผู้ก่อสร้าง สถานีไฟฟ้าสันทราย 1, จ.เชียงใหม่ และ สถานีไฟฟ้า จ.สุพรรณบุรี 2, รวมมูลค่าทั้งสิ้น 366,032,060 บาท สัญญาจ้างเลขที่ C.CST.040/2564 ลว. 30 กรกฎาคม 2564 กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 390 วัน 

รมว.แรงงาน ปลื้มผลงาน 2 สถานประกอบกิจการจังหวัดระยองคว้ารางวัลดีเด่นด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน 

รมว.แรงงาน แสดงความยินดีกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท นวอินเตอร์เทค จำกัด สถานประกอบกิจการในจังหวัดระยอง คว้ารางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 3 พร้อมเน้นย้ำแรงงานไทยต้องทำงานบนพื้นฐานของความปลอดภัยเทียบเท่าระดับสากล

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ภายใต้การนำของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยตามนโยบาย Safety Thailand ที่มีกลไกการขับเคลื่อนภารกิจด้านความปลอดภัยในการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการดูแลสวัสดิภาพของแรงงานให้ได้รับการคุ้มครองด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเทียบเท่าระดับมาตรฐานสากล มีการตรวจและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกด้านความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว สำหรับการจัดการประชุมวิชาการเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 7 และพิธีมอบรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 3 เป็นกิจกรรมที่ประเทศสมาชิกอาเซียนมุ่งส่งเสริมองค์ความรู้ในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและมีสุขภาพดีให้กับแรงงาน ผ่านการบูรการเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในปีนี้ประเทศไทยมีสถานประกอบกิจการที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับรางวัลดังกล่าวจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โรงแยกก๊าซธรรมชาติ จังหวัดระยอง ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นที่มีการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่ยอดเยี่ยมของอาเซียน (Excellence Award) และบริษัท นวอินเตอร์เทค จำกัด จังหวัดระยอง ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการ SMEs ที่มีการปฏิบัติที่ดีด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน (Best Practice Award)  ซึ่งกระทรวงแรงงานขอแสดงความยินดีและขอชื่นชมสถานประกอบกิจการทั้งสองแห่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินการด้านความปลอดภัยให้กับสถานประกอบกิจการอื่นๆ ในประเทศต่อไป

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า พิธีมอบรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัยฯ ได้จัดขึ้นผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล โดยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่ง 2 รางวัล ที่ประเทศไทยได้รับ เป็นรางวัลที่มอบให้กับสถานประกอบกิจการที่มีระบบบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามกรมจะมุ่งมั่นส่งเสริมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในการทำงาน ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ตลอดจนทบทวนปัญหาความไม่ปลอดภัยในการทำงาน และสร้างความร่วมมือในการดำเนินงาน เพื่อไปสู่เป้าหมายของการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป

วัคซีนไฟเซอร์ บริจาคโดยสหรัฐ 1.5 ล้านโดส ถึงไทยเรียบร้อย ด้าน ‘อนุทิน’ ขอบคุณ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา มอบวัคซีนให้กับประเทศไทยเพื่อ ป้องกันโรคโควิด-19 ระบาด

วันนี้ (30 ก.ค. 64) สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเพจ U.S. Embassy Bangkok ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดสที่บริจาคโดยสหรัฐฯ เดินทางถึงไทยแล้ว

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ได้เดินทางไปตรวจรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสนับสนุนให้ไทย เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ได้มอบวัคซีนให้กับประเทศไทยเพื่อป้องกันโรคระบาด ซึ่งการกระจายวัคซีนชุดนี้จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัคซีนไฟเซอร์ ทั้ง 1.5 ล้านโดส จะต้องเก็บภายใต้อุณหภูมิ -70 ถึง -90 องศาเซลเซียส เพื่อคงประสิทธิภาพของวัคซีน หลังจากนั้น จะกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศตามแผนการฉีดที่กำหนดไว้

วัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯ บริจาค จำนวน 1.54 ล้านโดส เดินทางถึงไทยแล้วในเช้าวันนี้ ขณะที่ สธ.เร่งเตรียมการเก็บรักษาและติววิธีผสมน้ำเกลือเนื่องจากเป็นวัคซีนเข้มข้น ระบุ 1 ขวด ฉีดได้ 6 คน

สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.54 ล้านโดสนี้มีการจัดสรร ดังนี้

- บุคลากรการแพทย์ดูแลผู้ป่วยโควิดทั่วประเทศ 700,000 โดส

- กลุ่มเสี่ยง (ผู้สูงอายุ / ผู้มี 7 โรคเรื้อรัง อายุ 12 ปีขึ้นไป / หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป) ในจังหวัดระบาดสูง 645,000 โดส

- ชาวต่างชาติในไทย เน้นผู้สูงอายุ / มีโรคเรื้อรัง และผู้จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ 150,000 โดส

- ทำการศึกษาวิจัย 5,000 โดส

- สำรองส่วนกลาง 40,000 โดส


ที่มา : https://www.facebook.com/usembassybkk/?_rdc=1&_rdr


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กตู่’ ยืนยันรัฐบาลดูแลประชาชนทุกมิติ ย้ำระบบสาธารณสุขไทยมีประสิทธิภาพ ลั่นจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ท้อ ไม่ถอดใจลาออก วอนฝ่ายการเมืองอย่าซ้ำเติมปัญหา ไม่บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ร่วมกันเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยืนยัน ยังไม่คิดถอดใจในการทำหน้าที่ เพราะไม่ใช่เวลา และยังเดินหน้าทำงานหนักต่อเนื่อง และคิดว่าได้ทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว พร้อมกับรับฟังเสียงประชาชน รวมถึงติดตามสถานการณ์จากคณะแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งก็เห็นใจเพราะบางคนทำงานต่อเนื่องมา 60 วัน โดยไม่มีวันพัก และได้สั่งการให้ไปดูแลในการเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเพิ่มเติมตามระเบียบราชการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย พร้อมกับขอร้องนักการเมืองอย่านำเรื่องสถานการณ์โควิดมาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อสร้างความเกลียดชังกัน เพราะขณะนี้ประเทศชาติมีปัญหา

“ผมเห็นใจ ผมเสียใจ และพยายามแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่มีมากมาย นายกฯ ก็ยินดีทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และต้องเป็นความร่วมมือระหว่างกัน ด้วยข้อมูล ด้วยข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ตรงกัน ถึงจะแก้ปัญหาได้…นายกฯ ไม่เคยท้อ แต่ก็เสียใจกับคนที่สูญเสีย และให้กำลังใจกับคนที่ทำงาน อย่าท้อแท้”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีความกังวลใจต่อกรณีผู้ป่วยติดเชื้อรอรับการรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งอาจไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ ได้ เพราะมีคนใช้บริการเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน แต่วันนี้ได้มีการปลดล็อกและเปิดช่องทางการติดต่อให้มากขึ้น และมอบหมายให้กสทช. มาช่วยดูแลเรื่องการให้บริการฟรีในการติดต่อด้านสาธารณสุขแล้ว

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ศบค.ยังถือเป็นกลไกหนึ่งที่มีความสำคัญ ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานของทุกกระทรวงและให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานตามอำนาจหน้าที่ของตัวเองได้ เพราะหากมีเพียงกระทรวงสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว ก็จะติดขัดในข้อกฎหมายหากต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น ๆ จึงเป็นที่มาที่ต้องออกพรก.ฉุกเฉิน

ส่วนแนวทางการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า ในเดือนสิงหาคมจะดีขึ้น ซึ่งในหลายประเทศยังมีปัญหาเรื่องการสั่งจองวัคซีนเช่นกัน เพราะประเทศผู้ผลิตวัคซีนก็มีขีดความสามารถในการผลิต เพราะมีหลายประเทศสั่งจองเหมือนกัน

ส่วนโรงงานผลิตวัคซีนในไทย เป็นการรับออเดอร์โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีมา ซึ่งบริษัทแม่จะเป็นผู้บริหารจัดการและจัดส่งในอาเซียน ซึ่งวัคซีนที่เข้ามาต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานทุกยี่ห้อก่อนจะกระจายส่งมอบ และแต่ละจังหวัดจะได้รับการฉีดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด และขอร้องอย่ามัวจับผิดกันเลย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องวัคซีนยังได้ให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยเร่งเจรจาอีกทางหนึ่งกับบริษัทผู้ผลิตที่จะติดต่อจัดหาซื้อเพิ่มเติม หากสามารถนำเข้าได้จริงและมีคุณภาพพร้อมที่จะปลดล็อกการนำเข้าและให้ผ่านมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข โดยเปิดรับทุกยี่ห้อ และยืนยันว่า วัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอเมริกาจะมาในวันที่ 30 ก.ค.

พร้อมยืนยันว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ไม่ได้มีปัญหาในระดับผู้บริหาร แต่มีปัญหาภายนอกคือ มีประชาชนรอรับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากและเกิดภาพความแออัด ซึ่งต้องมีการเร่งการฉีดวัคซีนให้รวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริการ ทั้งพนักงานขับรถ การส่งไปรษณีย์ การส่งอาหาร ส่วนการปิดร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากทางคณะแพทย์มีความเป็นห่วง เพราะยังมีพบการแอบรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า ได้เสนอในการประชุมกับทางผู้ว่าราชการ 12 จังหวัดเมื่อวานนี้ว่า ควรจะมีจัดตั้งหมู่บ้านสีฟ้าเกิดขึ้น โดยให้ชุมชนดูแลกันเองให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน รวมถึงการเร่งการเบิกจ่ายช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"แรมโบ้"จวก"ปลดแอกภูเก็ต” วางผ้าเปื้อนสีเลือด เป็นคนไทยหรือเปล่า บี้ จนท.ใช้กฎหมายเข้มเอาผิดคนเลวทราม ทำปชช.เดือดร้อน ปลุกชาวภูเก็ตประนาม 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่กลุ่มปลดแอกภูเก็ต ออกมาสร้างความปั่นป่วนให้ชาวภูเก็ต โดยนำผ้าขาวมัน คล้ายผ้าห่อศพ ใช้สีแดงทาให้เหมือนเปื้อนเลือด ไปวางตามจุดต่างๆ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า เป็นการกระทำที่ไร้สามัญสำนึกของความเป็นคน เอาเรื่องของความเป็นความตายมาล้อเล่น ในขณะที่จังหวัดภูเก็ต กำลังเปิดรับนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการของจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะได้กลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติ  แทนที่กลุ่มคนเหล่านี้จะช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ประชาชนคนภูเก็ตมีรายได้และมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่คนเหล่านี้คอยซ้ำเติมทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะหวังผลทางการเมือง ไม่อยากให้รัฐบาล ทำกิจกรรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้สำเร็จ เพราะหวั่นว่าพวกตนเองจะเสียคะแนนนิยม ถ้ารัฐบาลทำสำเร็จให้คนภูเก็ตมีเศรษฐกิจรายได้มากขึ้น ถือเป็นความคิดที่ชั่วช้าต่ำทรามที่สุด

นายเสกสกล กล่าวว่า การกระทำของคนกลุ่มนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกถ่วงความเจริญ ของบ้านของเมือง ด้วยการเอาคำว่าประชาธิปไตยมาแอบอ้าง การเคลื่อนไหวก็มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง เช่น การจัดคาร์ม็อบ จนชาวภูเก็ตจำนวนหนึ่งไม่อดทน ต้องออกมาขับไล่พวกป่วนบ้านป่วนเมือง และท้ายที่สุดก็มีคนออกมาแฉว่ามีบรรดาที่ปรึกษาของ ส.ส.พรรคก้าวไกลบางคน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกิจกรรมดังกล่าว ถึงแม้บรรดาคนเหล่านั้นจะออกมาบอกว่า เป็นเพียงผู้สังเกตุการณ์ แต่ฟังไม่ขึ้น ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าเกิดม็อบแต่ละครั้งก็จะมีส.ส.พรรคก้าวไกลไปร่วมอยู่ด้วยเสมอ และเมื่อแกนนำม็อบถูกจับ ก็จะมี ส.ส.พรรคนี้คอยวิ่งประกันตัวทุกครั้ง หัวหน้าพรรคก้าวไกลจึงต้องคอยตักเตือนสส.หรือคนในพรรคด้วยอย่าได้ไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเช่นนี้ จะทำให้พรรคเสียหายได้ 

"การกระทำเลวๆที่ชัดเจนเช่นนี้ หวังเพื่อแอบอ้างเรียกร้องประชาธิปไตยบังหน้า คือการโกหกตอแหลพี่น้องคนไทย ขณะที่นายกฯและรัฐบาลตั้งใจจะช่วยคนภูเก็ตให้มีชีวิตใหม่ มีชีวิตที่ดีขึ้น คนเลวพวกนี้กับมาขัดขวาง เป็นตัวถ่วงความเจริญ ตนจึงขอวิงวอนให้คนภูเก็ตและคนไทยที่รักความถูกต้องได้ประณามพวกเลวชาติชั่วเหล่านี้ อย่าให้มีที่ยืนในสังคมและขอเรียกร้องให้ทางผู้ว่าฯภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้ที่สนับสนุนและกลุ่มคนสารเลวกลุ่มนี้ที่ขัดขวางการทำมาหากินของพี่น้องชาวภูเก็ต ย่ำยีหัวใจคนภูเก็ตเกินไป กลุ่มนี้คงไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขคนไทยอย่างแน่นอนจิตใจจึงโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้  ควรรีบเอาไปเข้าคุกเข้าตารางโดยเร็ว เพื่อชดใช้ในการกระทำที่เลวระยำที่สุดในครั้งนี้"

"พิพัฒน์" ชะลอเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ เชื่อม 3 จังหวัด 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้รับทราบรายงานการติดเชื้อรายใหม่ที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ในช่วง 2 วันมานี้ ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมกันมากถึง 61 ราย ซึ่งอาจกระทบต่อการทำโครงการสมุยพลัสโมเดล ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหารือแนวทางการควบคุมสถานการณ์ โดยจะดูตัวเลขในวันพรุ่งนี้อีกครั้งว่าจะกระเพื่อมขึ้นอีกหรือไม่ หากพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอีก ก็ต้องออกมาตรการมาควบคุมเข้มข้นขึ้นหรือชะลอโครงการไปก่อน แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ที่ชะลอไปแน่นอนแล้วคือ การเปิดสมุยพลัสเชื่อมโยงกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในรูปแบบ 7+7 คืออยู่ในภูเก็ต 7 วันก่อนถึงจะเดินทางมาสมุยได้ เพราะต้องประเมินสถานการณ์ให้แน่ใจอีกครั้ง 

ส่วนการประเมินภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้น ขณะนี้ทุกหน่วยงานได้ติดตามสถานการณ์แบบใกล้ชิดตลอด และตนเองก็อยู่ในพื้นที่ด้วย ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้ในทันที ซึ่งล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตก็ได้เพิ่มมาตรการการควบคุมโรคที่เข้มข้นขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับการเปิดพื้นที่ภูเก็ตเชื่อมกับเชื่อมโยงจังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล) และจังหวัดพังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่) ซึ่งเดิมกำหนดจะเริ่ม 1 ส.ค.นี้ ก็ต้องชะลอเอาไว้เช่นกัน

“ตอนนี้ก็ได้ขอให้ทางจังหวัดภูเก็ตแสดงรายละเอียดของผู้ติดเชื้อ โดยแยกออกมาเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อให้เห็นว่า มาจากไหนบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยในระบบจากสถานที่กักตัว AQ มากที่สุด โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. พบติดเชื้อใหม่ 27 ราย แยกเป็น AQ มากถึง 21 ราย ที่เหลือคือ ติดเชื้อจากต่างจังหวัด 1 ราย รอสอบสวนโรค 2 ราย และรับกลับบ้าน 3 ราย ขณะที่การคัดกรองพบผู้ติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ พบ 1 ราย เป็นการยืนยันผลที่สนามบิน ซึ่งนักท่องเที่ยวก็รอผลตรวจภายในห้องพัก และไม่มีความเสี่ยง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ต้องแยกออกมาให้เห็นชัด ๆ และเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายมาให้ดูเรื่องนี้ให้ดี และหาทางประชาสัมพันธ์รายละเอียดออกมาให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดด้วย” 

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ค้าน พรก. ฉุกเฉินคุมเข้ม ชี้ กฎหมายปกติจัดการเฟกนิวส์ ได้อยู่แล้ว

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีโพสต์เฟซบุ๊คสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการข่าวปลอมในช่วงโควิด โดยสั่งให้ดำเนินคดีกับผู้ปล่อยเฟกนิวส์รายใหญ่ ไม่เว้นคนดัง - สื่อมวลชน พร้อมให้ติดตามใกล้ชิดนั้น

แต่ทว่ากลับใช้อำนาจตาม ม.9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน 2548 ออกข้อกำหนดฉบับที่ 27 ข้อ 11 ที่กำหนดมาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การเสนอข่าวที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักร

การใช้อำนาจดังกล่าวทำให้องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 6 องค์กรออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการออกข้อกำหนดดังกล่าว หรือจัดทำแนวปฏิบัติจากข้อกำหนดพร้อมแถลงถึงเจตนารมณ์ในการบังคับใช้ให้เกิดความชัดเจน เพื่อมิให้มีนำข้อกำหนดดังกล่าว ไปเป็นเครื่องมือในการปิดกั้นการทำหน้าที่เสนอข่าวสารของสื่อมวลชนและการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตของประชาชน จนกระทบต่อสิทธิการรับรู้ข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

ทว่านายกรัฐมนตรีกลับไม่แคร์โดยออกข้อกำหนด ฉบับที่ 29 ออกมาสำทับห้ามเสนอข่าวอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอีก พร้อมสั่งให้ กสทช.แจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตการให้บริการอินเทอร์เน็ตเข้มงวดกวดขันกับผู้ใช้บริการ หากกระทำผิดให้ส่งให้ตำรวจดำเนินคดีต่อไป ซึ่งอาจเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.35 วรรคสอง และ ม.36 ได้

จริง ๆ แล้วกฎหมายที่ใช้จัดการพวกปล่อยข่าวปลอมหรือการบิดเบือนข่าวนั้น สามารถใช้กฎหมายปกติดำเนินการได้อยู่แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องออกเป็นข้อกำหนดมาให้เป็นที่ขุ่นเคืองของหลาย ๆ ฝ่าย อาทิ ใช้ ป.อ. เอาผิดฐานหมิ่นประมาทใน ม.326 โดยมีม.328 เป็นบทเพิ่มโทษที่ใช้กันบ่อย ๆ หรือเอาผิดพวกบอกเล่าความเท็จ ให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจตาม ม.384 ก็ยังได้ อีกทั้งยังมี ป.อ.แพ่งฯ ในหมวดของการ "ละเมิด" กำหนดเรื่องการหมิ่นประมาทไว้แล้วใน ม.423 เพื่อเรียกค่าเสียหายได้

นอกจากนั้น ยังมี พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ฉบับปี 2560 ม.14 ที่ใช้เอาผิดผู้ที่นำเข้าซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมหรือเป็นเท็จได้ ซึ่งก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้ อีกทั้ง กสทช. ก็มีกฎหมายของตนเองที่จะเอาผิดสื่อมวลชนที่เสนอข่าวบิดเบือนได้อยู่แล้ว ผ่านกลไกทางปกครองหรือศาล

ดังนั้น นายกรัฐมนตรี หรือ ศบค. ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องใช้อำนาจตาม ม.9 แห่ง พรก.ฉุกเฉินฯ มาปิดกั้นการทำหน้าที่เสนอข่าวสารของสื่อมวลชน และการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตของประชาชนเลย ทางออกที่เหมาะสมคือปรับปรุงข้อกำหนด ฉบับที่ 27 และ 29 เสียใหม่ โดยตัดทิ้ง ข้อ 11 และทบทวนหรือยกเลิกฉบับที่ 29 ออกไปเสีย ซึ่งไม่ทำให้กระบวนการเอาผิดผู้ที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารของรัฐเสียไป เพราะมีกฎหมายอื่นดูแลอยู่แล้วนั่นเอง


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ รวมนักกฎหมาย ช่วยครอบครัวผู้เสียชีวิตจากโควิด เรื่องทรัพย์สิน จัดการมรดก และด้านกฎหมายทุกเรื่อง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิตจากไวรัสโควิด 19 ว่า

จากเมื่อครั้งที่มีกรณีบริษัทประกันภัยบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ตนได้ประกาศรวมนักกฎหมายกันกว่า 180 คน ขณะนี้มียอดรวม 240 คน ที่เป็นนักกฎหมายอยู่ทั่วประเทศทุกจังหวัด เพื่อเตรียมช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบในขณะนั้น จากการออกมาเรียกร้องและช่วยกันหลายภาคส่วนบริษัทประกันภัยก็ถอย ยกเลิกการดำเนินการดังกล่าว 

ขณะนี้เมื่อเห็นจำนวนผู้เสียชีวิต ก็มีกรณีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องดำเนินการจัดการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายภายหลังคนในครอบครัวที่ได้เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ภาระหนี้สิน เรื่องสัญญาต่างๆที่ผู้เสียชีวิตอาจจะทำไว้ เรื่องการจัดการทรัพย์สิน คือการจัดการมรดก และเรื่องที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย 
ในส่วนของคณะกรรมการกฎหมายพรรค ได้ร่วมกับกลุ่มนักกฎหมายกลุ่มดังกล่าวกว่า 240 คน ทั่วทั้งประเทศ ร่วมกันเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายปรึกษาด้านกฎหมาย ร้องจัดการมรดก และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ประชาชนสามารถใช้บริการผ่านทางโทรศัพท์ ได้โดยไม่ต้องเดินทางมาที่ทำการพรรค โดยติดต่อ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์กลาง  091-401-7777 095-458-2444  0813599703 
ทุกจังหวัดจะมีนักกฎหมายที่พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

นายราเมศกล่าวต่อว่า  การดำเนินการทั้งหมดจะมี ศูนย์บริการกฎหมายสู้ภัยโควิด 19 เป็นหลักในการเป็นศูนย์กลางซึ่งพรรคได้เปิดบริการให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 ตั้งแต่ วันที่ 30 มีนาคม 2563  ซึ่งให้บริการประชาชนมานานแล้ว ด้วยมีเจตนารมณ์ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องกฎหมายบางคนต้องถูกเลิกจ้าง ถูกพักงานเนื่องจากกิจการได้ปิดลงชั่วคราวหรือถึงขั้นถูกฟ้องคดี เพราะมีปัญหาหนี้สิน รวมถึงการมีปัญหาในการเข้าถึงสิทธิต่างๆของรัฐที่ประชาชนพึ่งมีพึ่งได้ หรือบางรายมีหนี้สินเมื่อไม่มีรายได้ก็ต้องการประนอมหนี้หรือชะลอคดีไว้ก่อน รวมถึงปัญหาข้อร้องเรียนในเรื่องต่างๆ
ศูนย์บริการกฎหมายจะให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษากับประชาชน โดยมีทีมนักกฎหมาย ที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา การรับสิทธิ การเข้าถึงสิทธิอันพึงมีพึงได้ การประนอมหนี้ การหยุดงาน การเลิกจ้างการถูกฟ้องคดีต่างๆพร้อมทั้งให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในสภาวการณ์ในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงรับฟังแลกเปลี่ยนทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19"

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า สถานการณ์ของประเทศช่วงนี้ ไม่มีสิ่งไหนดีไปกว่าการช่วยกันคนละไม้ละมือ ช่วยเหลือตามกำลังที่ทุกคนสามารถช่วยได้ เราทุกคนจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน

“ชวน”ยันทุกฝ่ายต้องช่วยกัน หาวัคซีนป้องกันโควิด หลังประสานประธานสภาฯ จีน ช่วยสนับสนุนวัคซีนรุ่นใหม่ให้ไทย ชี้! เมื่อไม่มีวัคซีนก็ต้องป้องกัน เผยเดือน ก.ค.สภาฯติดโควิดแล้ว 16 คน  

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการประสานกับประธานสภาประชาชนแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขอวัคซีนซิโนฟาร์ม ว่า เป็นการคุยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีประเด็นในเรื่องอื่นๆ ด้วยแต่ที่เสนอในนามของฝ่ายไทย มี 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องนักเรียนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางกระทรวงต่างประเทศทำอยู่ 2.เรื่องสายการบิน ซึ่งเป็นเรื่องชองฝ่ายบริหาร แต่เมื่อมีโอกาส จึงได้ขอให้ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีนติดตามเรื่องนี้ให้ด้วย และ 3.เรื่องของวัคซีน ซึ่งต้องขอขอบคุณที่ในยามยากลำบากจีนได้แสดงความเป็นมิตรแท้ ในยามที่เรามีปัญหาได้จัดส่งวัคซีนมาช่วยเราจำนวนมาก แต่ในขณะนี้สถานการณ์ในประเทศเรายังมีความรุนแรงอยู่ จึงได้ขอความกรุณาประธานสภาฯ จีน ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ขอให้ช่วยสนับสนุนให้จีนส่งวัคซีนรุ่นใหม่มาช่วยประเทศไทยเพิ่มขึ้น เผื่อว่าประธานสภาฯ จีนจะได้มีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารของรัฐบาลจีน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้คุยกันเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วแต่ยังไม่ได้รับรายงานกลับมาว่าทางจีนจะบริจาควัคซีนให้อีกหรือไม่ เพราะเป็นการฝากให้ประธานสภาฯ จีนช่วยสนับสนุนเท่านั้น ซึ่งเราก็ได้บอกเขาไปตรงๆ ว่าขณะนี้ประเทศเป็นช่วงเวลาที่มีความต้องการวัคซีนสูง เพราะวัคซีนเราไม่พอ 

เมื่อถามว่า วัคซีนที่ขอไปคือซิโนฟาร์มใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ได้ระบุว่าเป็นวัคซีนชนิดใด เพียงแต่บอกว่าอยากได้วัคซีนรุ่นใหม่ที่จะมาช่วยประเทศไทย และที่ผ่านมาจีนก็ช่วยประเทศไทยมามากแล้ว ช่วยมากกว่าทุกประเทศ แต่เราก็ยังไม่พอ ซึ่งก็เหมือนกับกรณีขอวัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ ก็เป็นเรื่องที่เพื่อนที่สหรัฐฯส่งข่าวมา และเรื่องนี้ทาง รมว.ต่างประเทศ บอกว่าทำมาก่อนแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จเป็นรูปธรรม นอกจากนั้นยังมีหมอที่สหรัฐฯได้โทรศัพท์มาหาตนว่าวัคซีนของ สหรัฐฯที่เหลืออยู่มากเป็นการกระจายไปยังรัฐต่างๆ จึงไม่ใช่ของง่าย แต่สิ่งที่เขาช่วยมาส่วนหนึ่งแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลก็ทำมาก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นมีทางไหนที่จะหาทางช่วยกันได้เราก็ต้องช่วยกัน เพราะในต่างประเทศเขาไม่รู้ว่าเรามีปัญหาในเรื่องความต้องการวัคซีน ต่อไปหากวัคซีนมีมากขึ้นความหมายก็จะน้อยลง แต่ตอนนี้วัคซีนมีความหมายมาก อย่างไรก็ตามวัคซีนไฟเซอร์อีก 1 ล้านโดสที่จะส่งตามมานั้น ตนไม่คิดว่าจะเป็นส่วนที่ได้ประสานไปแต่เป็นเรื่องที่เขาได้ติดต่อกันอยู่แล้ว แต่พวกเราติดต่อในวงนอก

“เมื่อเราพยายามช่วยกันให้เกิดความเร่งด่วนหลังจากนี้วัคซีนออกมามากความต้องการก็จะน้อยลง แต่ตอนนี้พี่น้องประชาชนเขาต้องการวัคซีนจึงเป็นช่วงสำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะเป็นภาระของทุกฝ่าย ถึงแม้จะเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของรัฐบาล แต่ในฐานะนิติบัญญัติมีทางไหนที่เราจะช่วยเสริมได้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนได้รับการดูแลทั่วถึงมากขึ้น อย่างเมื่อวาน(29 ก.ค.)ผมได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 มา ก็ได้มีการพูดคุยกับแพทย์และผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งก็ให้พยายามช่วยรณรงค์ว่าอย่าไปคิดว่าเมื่อวัคซีนไม่มีแล้วจะต้องติดเชื้อ แต่ทุกคนต้องป้องกันให้มาก” นายชวน กล่าว 

นายชวน กล่าวต่อว่า ตนจึงย้ำเน้นในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในหน่วยงานอย่าให้ติดโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งในสภาฯ เพียงเดือน ก.ค.มีผู้ติดเชื้อ 16 คน แต่ทั้ง 16 คนทางเลขาธิการสภาฯ ดูอย่างเข้มข้นไม่ให้เข้ามาในสภา ส่วนใหญ่ไม่ได้ติดจากสภาฯ แต่ติดจากญาติพี่น้อง รายล่าสุดเป็นนิติกร เมื่อดูไทม์ไลน์แล้วสันนิษฐานว่าน่าจะติดจากตอนไปตลาด ดังนั้นที่สภาฯถึงอย่างไรก็ต้องทำให้เข้มที่สุดเพราะต้องมีการประชุมสภาฯ เราหนีไม่พ้น จะต้องพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 จึงต้องพยายามให้เกิดความปลอดภัยที่สุด เท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ในขณะที่ข้างนอกมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ข้างในสภาฯก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดโปร่งอยู่ฝ่ายเดียว จึงเป็นเรื่องที่ไม่แแปลกที่จะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพียงแต่เมื่อติดแล้วขอให้รู้ตัวและสะกัดคนๆ นั้นไว้ ไม่ให้สัมผัสกับคนอื่น

"ยุทธพงศ์" ร้อง "ประธานสภาฯ" สอบ ถอยเบนซ์ 5 ล้าน ขณะเป็นกมธ.งบ 65 ก่อนบรรจุวาระ 2-3

ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ขอให้ตรวจสอบนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะกมธ.งบประมาณฯ ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ กรณีได้รับรถเมอร์ซิเดสเบนซ์หรูป้ายแดง มูลค่า 5 ล้านบาท ในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นกมธ.งบประมาณฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เนื่องจากนายเรืองไกรได้โพสต์รูปคู่กับรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความว่า มีผู้ใหญ่ใจดีให้เงินซื้อรถใหม่เอาไว้ใช้ตามใจที่อยากได้ s 560 ป้ายแดง เลข 8807 ซึ่งปรากฏให้เห็นตามข่าว ต่อมาวันที่ 19 ก.ค. นายเรืองไกรยังให้รายละเอียดข้อมูลดังกล่าวเกี่ยวกับผู้ใหญ่ใจดีถึงการเจรจาต่อรองเรื่องเงินสด 20-30 ล้านบาท หรือผู้ใหญ่ใจดีจะให้เป็นรถยนต์แก่นายเรืองไกร และนายเรืองไกรยังได้ยอมรับในรายการเจาะลึกทั่วไทยโดยอ้างถึงผู้ใหญ่ใจดี แต่ต้องการปกปิดชื่อและสถานะของผู้ให้ทรัพย์สินดังกล่าว ตนจึงอยากให้ตรวจสอบว่าเงินสดจำนวน 5 ล้านบาทได้มาอย่างไร ได้มาอย่างโปร่งใสหรือไม่ เกี่ยวข้องกับการพิจารณางบประมาณฯ หรือไม่ และได้แจ้งธุรกรรมทางการเงินกับ ปปง. หรือไม่

"นายเรืองไกรเป็นนักตรวจสอบ ตรวจสอบคนอื่นมาเยอะ ก่อนจะไปตรวจสอบคนอื่นก็ควรปัดกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดก่อน" นายยุทธพงศ์ กล่าว

นายยุทธพงษ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ตนมายื่นเรื่องต่อนายชวนนั้น เนื่องจากนายชวนเป็นผู้บรรจุระเบียบวาระการประชุม ซึ่งหลังจากที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานกมธ.งบฯ และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานงบฯ คนที่ 4 ตรวจสอบเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วจะต้องรายงานต่อประธานสภาฯ ก่อนบรรจุระเบียบวาระการประชุม พ.ร.บ.งบ 65 ในวาระที่ 2 และ 3 ซึ่งหาก พ.ร.บ.งบ 65 มีปัญหาในการพิจารณาว่ามีเรื่องผลประโยชน์หรือส่วนได้ส่วนเสีย อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 144 นายชวนจะได้ตรวจสอบก่อนบรรจุระเบียบวาระว่า ร่างพ.ร.บ.งบ 65 ถูกต้องหรือไม่ ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า ตนจะนำหนังสือดังกล่าวเข้าไปตามระเบียบของสภาและจะนำไปกราบเรียนนายชวนเพื่อพิจารณาและสั่งการต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top