Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

ศรีสุวรรณ จี้ ป.ป.ช. สอบ อธิบดีกรมธนารักษ์ หลังชาวบ้าน ร้อง เอาที่ สาธารณะ ริมคลองเปรมประชากร ให้เอกชนเช่า ปลูกบ้าน ส่อ ทุจริตต่อหน้าที่

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้นำตัวแทนหมู่บ้านต่างๆ ใน ซอยงามวงศ์วาน 59 เขตจตุจักร เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการใช้อำนาจของอธิบดีกรมธนารักษ์ กรณีที่นำพื้นที่ถนนสาธารณะและสวนสาธารณะริมคลองเปรมประชากรไปให้เอกชนเช่าปลูกบ้านอาศัย อันถือได้ว่าเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจากสำนักระบายน้ำ กทม.ได้เข้ามาก่อสร้างเขื่อนและทางเดินริมคลองเปรมประชากร เพื่อพัฒนาภูมิทัศน์และป้องกันการบุกรุกของชุมชนแออัดอย่างผิดกฎหมาย บริเวณซอยงามวงศ์วาน 59 ริมคลองเปรมประชากร ตามนโยบายของรัฐบาล ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวได้รวมตัวกันเป็นชมรมคนรักคลองเปรม ได้ช่วยกันพัฒนาพื้นที่ริมคลองดังกล่าวตามแนวถนนซอยงามวงศ์วาน 59 ให้สวยงาม ร่วมใจบริจาคเงินมาร่วมกันปลูกต้นไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักสวนครัว เพื่อให้เกิดภูมิทัศน์ที่สวยงาม

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ปรากฏว่าพื้นที่ถนนสาธารณะและสวนสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันมากว่า 80 ปีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ 21 ตารางวาดังกล่าว ถูกกรมธนารักษ์ นำไปให้เอกชนเช่าในราคาถูกเพื่อสร้างบ้านพักอาศัยแล้ว และขณะนี้กลุ่มผู้เช่าดังกล่าวได้ออกมาแสดงสิทธิ์ในการเช่าโดยการปักป้ายบริเวณสวนหย่อมที่ชาวบ้านร่วมกันพัฒนาขึ้นมาว่า “ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามาใช้ประโยชน์ หรือทำให้ทรัพย์สินเสื่อมเสีย เสียหาย หากผู้ใดฝ่าฝืน จะดำเนินคดีตามกฎหมาย” ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นถนนสาธารณะที่ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางสัญจรเข้าออกชุมชนมาอย่างยาวนานก็ตาม

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พื้นที่ริมคลองหรือพื้นที่ริมตลิ่งนั้น ตามป.แพ่งและพาณิชย์ ม.1304(2) บัญญัติให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งตามพระราชบัญญัต(พ.ร.บ.)ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2562 ได้บัญญัติไว้ว่า “ที่ราชพัสดุ หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด เว้นแต่ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน คือ  อสังหาริมทรัพย์สําหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกันเป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ” ดังนั้น การที่กรมธนารักษ์นำที่ชายตลิ่งริมคลอง ซึ่งเป็นถนนและสวนสาธารณะมาให้เอกชนเช่า ย่อมเป็นการฝ่าฝืนย้อนแย้งกฎหมายของตนเองโดยชัดแจ้ง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อไต่สวนสอบสวนเอาผิดกรมธนารักษ์และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม พ.ศ.2561 และตาม ป.อ.มาตรา 306 

รมต. ประจำสำนัก ยัน พร้อมเข้าสู่ รัฐบาลดิจิทัล ยึด เป้าหมาย 4 ด้าน

ที่อาคารบางกอกไทยทาวเวอร์ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer : GCIO) รุ่นที่ 30 ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยมีนายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อํานวยการสํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วม 

โดยนายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านภาครัฐให้พร้อมกับการเข้าสู่รัฐบาลดิจิทัล โดยมุ่งเน้นเป้าหมาย 4 ด้านสำคัญคือ

1.การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน  

2. การลดความเหลื่อมล้ำ

3. โปร่งใสตรวจสอบได้ และ

4.สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ภายใต้วิสัยทัศน์ “รัฐบาลดิจิทัล เปิดเผยเชื่อมโยงและร่วมกันสร้างบริการที่มีคุณค่าให้ประชาชน” ซึ่งจากผลสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (United Nations E-Government Survey) 

นายอนุชา กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ พบว่าในปี 2563 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 57 ของจำนวนสมาชิก 193 ประเทศ ไต่อันดับขึ้นจากอันดับที่ 73 ในปี 2561 การก้าวกระโดดขึ้นมาถึง 16 อันดับในช่วงเวลาเพียง 2 ปี ถือว่าเป็นผลงานที่ดีเยี่ยม โดยส่วนหนึ่งเกิดจากรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรภาครัฐด้านดิจิทัลมาโดยตลอด โดยมีสถาบันพัฒนาบุคลากรภาครัฐด้านดิจิทัล : Thailand Digital Government Academy หรือ TDGA ภายใต้การดำเนินงานของ สพร. ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการยกระดับทักษะดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐร่วมกับหน่วยงานและสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง 

นายอนุชา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการอบรม จำนวน 80 คน ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมเป็นระดับผู้บริหารขององค์กรภาครัฐด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIO) หรือ ผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIO Assistant) โดยหลักสูตรมุ่งเน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจในบทบาท หน้าที่และเสริมสร้างสมรรถนะที่จําเป็นของผู้บริหารสารสนเทศระดับสูง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดในการบริหารงานในองค์กรภาครัฐ สามารถนําความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมการฝึกอบรมไปใช้ในการกําหนด ขับเคลื่อนนโยบาย รวมถึงการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของชาติ 

นายอนุชา กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่า ผู้บริหารขององค์กรภาครัฐจะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้นโยบายรัฐบาลดิจิทัลบรรลุตามเป้าหมายและสามารถตอบโจทย์การให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ชัยวุฒิ” ฮึ่ม “คอลัมนิส์-นักวิจารณ์-อินฟูเรนเซอ-พริตตี้” โฆษณาแฝงชวนเล่นพนันออนไลน์ ช่วงยูโร 2020 ผิดเท่าเจ้าของบ่อน เล็ง เพิ่มโทษให้หนักขึ้น 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงการปราบปรามพนันออนไลน์ช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ว่า การเล่นพนันในช่วงนี้จะมากกว่าช่วงอื่นหรือไม่คงไม่สามารถตอบได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการโฆษณาโดยคอลัมนิสต์ นักวิจารณ์ฟุตบอล พริตตี้ และกลุ่มที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย ที่ไม่ได้เชียร์บอลอย่างเดียวแต่แฝงโฆษณาเว็ปพนันในเพจตัวเอง ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะเป็นการเชิญชวนเล่นพนันโดยเฉพาะยั่วยุให้เยาวชนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน และการกระทำเช่นนี้มีความผิดเท่ากับเจ้าของบ่อนตามกฎหมาย บางคนนอกจากชักชวนแล้วยังได้ค่านายหน้าด้วยถือว่ามีความผิดชัดเจน ขณะนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานในเรื่องดังกล่าวไว้แล้วโดยพบมีอยู่จำนวนมากและมีดาราอยู่ในจำนวนนี้ด้วยเมื่อตรวจสอบแล้วจะมีการแถลงข่าวประเด็นนี้อีกครั้งหนึ่ง  

“สังคมไทยปล่อยสิ่งเหล่านี้มานานมาก จึงอยากแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้สำเร็จ ตอนนี้กฎหมายพนันมีโทษน้อยจำคุกแค่ 2 ปี ปรับแค่ 2,000 บาท ถือเป็นเงินที่น้อยเมื่อเทียบกับผลประโยชน์จากการพนัน จึงอาจทำให้หลายคนไม่กลัว ดังนั้นเราต้องปรับปรุงกฎหมาย ให้มีบทกำหนดโทษควบคุมการพนันออนไลน์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้แต่เหล้า บุหรี่ ยังโฆษณาไม่ได้เลย แล้วการพนันโฆษณาได้แบบนี้ถือว่าตลกหรือไม่ ประเทศไทย” นายชัยวุฒิ กล่าว

รมว.สุชาติ มอบ พล.ต.ต.นันทชาติ ลุยพื้นที่สกัดต่างด้าวผิดกฎหมาย ป้องกันโควิด-19 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมาย พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบ แนะนำให้ความรู้แก่นายจ้างสถานประกอบการให้มีการจ้างงานแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการอย่างถูกกฎหมาย ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ร่วมกับชุดเฉพาะกิจฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบแนะนำให้ความรู้แก่นายจ้างสถานประกอบการให้มีการจ้างงานของ "แรงงานต่างด้าว" ใน "สถานประกอบการ" อย่างถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เขตก่อสร้างของโครงการ SAIMAI MALL (สายไหม มอลล์) แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 

ซึ่งสอดคล้องตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่สั่งการให้กระทรวงแรงงาน บูรณาการกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตลอดจนการควบคุมสถานการณ์ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แก่แรงงานในสถานประกอบการอีกด้วย
 
พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ ผมได้รับมอบหมายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล 

ซึ่งจากการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว พบผู้กระทำความผิดเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตทำงาน และ ใบอนุญาตพำนักอาศัยในราชอาณาจักรไทยสิ้นสุด จำนวน 7 ราย ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้นำตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หากใครพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับแรงงานที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ขอให้รีบแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ฯ ได้รับทราบทันที เพื่อเป็นการร่วมกันป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกทางหนึ่งด้วย

THESTATESTIMES
Politics
PoliticsQuiz
NewsFeed

บช.น.เตรียมพร้อมรับมือ การชุมนุมม็อบดาวกระจาย

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกตร. แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการชุมนุมวันพรุ่งนี้ วันที่ 24 มิ.ย. 

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากมีกลุ่มมวลชนประกาศชุมนุมหลายสถานที่โดยมีกลุ่มราษฎรหรือกลุ่มวีโว่ กลุ่มแนวร่วมจะมีการชุมนุม 3 ช่วง ตั้งแต่ช่วงแรกเวลา 05.00-07.00 น. จัดกิจกรรมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจุดเทียนรำลึก ช่วงที่ 2 ตั้งแต่เวลา 10.00 เคลื่อนขบวนมารัฐสภาใช้ถนนนครสวรรค์ ถนนพิษณุโลก ถนนพระราม 6 ถนนทหาร เพื่อยื่นหนังสือเปิดผนึกประเด็นการแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญ และช่วงที่ 3 เวลา 17.00 น. ชุมนุมบริเวณสกายวอร์ก 

ส่วนกลุ่มนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขารวมตัวบริเวณแยกอุรุพงษ์ แล้วเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลและกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทยนายจตุพร พรหมพันธุ์ นัดหมายเวลา 16.00 น. บริเวณแยกผ่านฟ้าเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดกำลังตำรวจนครบาลดูแลเป็นหลัก เน้นการดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นหลักเนื่องจากการจัดการชุมนุมอาจมีกิจกรรมที่กระทบการสัญจร การใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน 

"ขณะนี้การดำเนินการใดก็ตามต้องอยู่ภายในกรอบของกฎหมาย เนื่องจากมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กทม.ออกประกาศควบคุมการแพร่เชื้อโรค โดยแนวการปฏิบัติตำรวจจะไม่ใช้การกั้นสิ่งกีดขวาง หากการชุมนุมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินก็จะพิจารณาตั้งสิ่งกีดขวาง และหากมีการกระทำผิดก็จะดำเนินคดี รวมถึงแกนนำบางรายมีการวางเงื่อนไขการประกันไว้ ตำรวจจะดำเนินการรวบรวมหลักฐานดำเนินการทางกฎหมายถ้ามีการกระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว" ผบช.น. กล่าว

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า ยืนยันไม่หนักใจ ตำรวจได้เตรียมความพร้อม เน้นเรื่องรักษาความสงบเป็นหลัก ให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด หากมีความวุ่นวายต่อประชาชน ทรัพย์สิน กระทบกับการรักษาความปลอดภัย ต้องดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังมีการแพร่ระบาดเรื่องการควบคุมโรคขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันดีกว่า ส่วนผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวกระทำผิดเงื่อนไข ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานให้ศาลพิจารณา ส่วนมีการกระทำผิดแล้วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม การชุมนุมขัดต่อประกาศหรือคำสั่งก็ผิดตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการชุมนุม ส่วนการข่าวในขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด เชื่อว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ ขณะนี้ยังไม่มีการขออนุญาตในการชุมนุมแต่อย่างใด

ด้านพล.ต.ต.สุคุณ กล่าวว่า การสรุปการดำเนินคดีในพื้นที่กรุงเทพมหานครรวม 217 คดี การชุมทั่วไป 164 คดีคดีมั่นคง 52 คดี  อยู่ระหว่างสอบสวน 58 คดี ส่งอัยการ 109 คดี อยู่ในชั้นพิจารณาศาล 30 คดี คดีเกี่ยวกับความมั่น 1 คดี พิพากษาแล้ว 3 คดี

ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. กล่าวว่า ในวันที่ 24 มิ.ย. ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่บริเวณรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และสกายวอร์คแยกปทุมวัน ส่วนเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยง โดยช่วงเวลา 05.00 น. หลีกเลี่ยงถนนราชดำเนินกลาง ถนนตะนาว คาดว่าผู้ชุมนุมใช้เวลากิจกรรมไม่นาน นอกจากนี้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมทำกิจกรรมและเคลื่อนขบวนเพื่อความสะดวกการเดินทางให้หลีกเลี่ยงถนน 11 เส้นทาง ได้แก่ ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนตะนาว ถนนดินสอ ถนนนครสวรรค์ ถนนลูกหลวง ถนนพิษณุโลก ถนนศรีอยุธยา และถนนพระราม 5 และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ควรหลีกเลี่ยงตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ผู้ชุมนุมอาจมีการเปลี่ยนแปลงสอบถามข้อมูลเส้นทางได้ที่ โทร.1197 ตลอด 24 ชม. www.trafficpolice.go.th หรือ ไลน์ POLICE TRAFFIC NEWS

“ประวิตร” โยนเป็นเรื่องจนท.บล็อกม็อบ เคลื่อนปิดทำเนียบ ลั่น ไม่อยากให้ชุมนุม หวั่นคลัสเตอร์ใหม่ หนุน “นายกฯ” ยังทำงานได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของหลายกลุ่ม ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์อย่างไร ว่า “ผมไม่อยากให้ชุมนุม เพราะกลัวเรื่องติดเชื้อโควิด-19 เพราะถ้ามากันจำนวนมากก็มีความเสี่ยง แต่ถ้าจะมาก็ต้องเว้นระยะห่างให้ดี”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะประสานไปถึงผู้ชุมนุม ขอร้องในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กำลังพูดอยู่ว่าไม่อยากให้มา สื่อต้องช่วยกันด้วย และไม่น่าจะมาชุมนุมกันข้ามวันข้ามคืนเพราะตอนนี้โควิดระบาดมาก หากมากันเยอะก็ไปติดประชาชนอื่นๆ ส่วนเรื่องเจรจาคงไม่เจรจาอะไร ให้สื่อช่วยไปเจรจาหน่อยว่าอย่าเพิ่งชุมนุมเลยในช่วงนี้ ให้โควิดน้อยลงหน่อย เพราะรัฐบาลเป็นห่วงเรื่องนี้มาก 

เมื่อถามว่าการนัดรวมตัวที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศและประกาศเคลื่อนมาทำเนียบรัฐบาลจะต้องบล็อกไม่ให้เข้ามาถึงทำเนียบฯหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องห่วงแต่ที่เป็นห่วงเรื่องของการมาชุมนุมเยอะๆ แล้วเดี๋ยวก็ไปติดโควิด-19 

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ตอนนี้เหมาะสมที่จะมาขับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็รู้อยู่แล้ว และสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ก็สงบดีไม่มีอะไร เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องเดินหน้าทำงานต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ต้องทำต่อและวันนี้ก็ทำอยู่ทุกวัน ตลอด 2 ปี ก็ทำงานอยู่แล้ว 

เมื่อถามว่าการชุมนุมอาจมีแกนนำบางคนที่มาร่วมจะเข้าข่าย ฝ่าฝืนคำสั่งศาลในการปล่อยตัวหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องดูว่าอันไหนผิดกฎหมายก็ว่าไปตามนั้น เพราะเราทำตามกฎหมายทุกอย่าง 

“ประวิตร” ยันไม่แก้ ม.144,185 อุบไต๋ วางกลยุทธ์ดันพปชร. ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ชี้ เป็นเรื่องอนาคต กั๊กตอบ จับมือร่วมงานเพื่อไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนของพรรคพปชร. ว่า ยืนยันจะไม่แก้มาตรา 144,185 ไม่แก้แน่นอน เรื่องนี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้เสนอร่างให้สัมภาษณ์ไปแล้ว และจะมีการปรับร่างที่ยื่นไปแล้วของพรรคพปชร. 

เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรจะต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนหรือไม่ หรือต่างคนต่างยื่น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แต่ละพรรคก็ยื่นข้อเสนอมาเพื่อแก้ไข ก็ต้องไปคุยกันในสภาฯ ซึ่งแกนนำพรรคร่วมก็ได้คุยกัน ก็พูดกันทุกเรื่องร่วมทั้งเรื่องประเด็นบัตรเลือกตั้งด้วย

เมื่อถามว่าพรรคพปชร.กับพรรคเพื่อไทย (พท.) มีโอการจับมือกันในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ข้างหน้า อย่าไปประมาณการณ์ เพราะเราไม่รู้อะไรเป็นอะไร เมื่อถามย้ำว่าพรรคพปชร.จะไม่ปิดประตูร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่รู้ เป็นเรื่องอนาคต ตอบได้ว่าไม่รู้จริงๆ ยังไม่คิดอะไรทั้งนั้น 

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าพรรคพปชร.จะเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ก็บอกเป็นเรื่องข้างหน้าจะไปรู้ได้อย่างไร จะไปพูดได้อย่างไร วันนี้ต้องการให้พรรคเข้มแข็ง มีความคิดเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกแยก ความคิดแตกต่างแต่อยู่ในพรรคเดียวกันก็ให้มีความคิดเหมือนๆกัน คิดไปในทางสร้างสรรค์ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ประเทศเจริญก้าวหน้าเราก็ทำ ส่วนการสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เราทำงานโดยใช้กก.บห.พรรค 

เมื่อถามว่าพรรคพปชร.จะไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เห็นแล้วจะถามทำไม เมื่อถามย้ำว่าในอนาคตพรรคพปชร. จะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “โอ้ยจะไปรู้ได้อย่างไร” การณ์ข้างหน้าจะไปรู้ได้อย่างไร ยังไม่ได้เลือกตั้งเลย ยังเหลืออีกตั้ง 2 ปี และตอนนี้รัฐบาลยังอยู่ได้แน่นอน ส่วนตนจะอยู่ต่อหรือไม่ยังไม่รู้เพราะแก่แล้ว

เมื่อถามถึงการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนพรรคพปชร. เป็นอย่างไรพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีเราอาสาสมัครมา ไม่ใช่นักการเมือง 

ตำรวจเตือนแกนนำ หากร่วมชุมนุม 24 มิ.ย. ส่อโดนถอนประกันตัว

จากกรณี วันที่ 24 มิถุนายน 2564 ที่จะถึงนี้ จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง 4 กลุ่ม ประกอบไปด้วย

1.) กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า นำโดย นายชาติชาย ไพรลิน เวลา 13.00-20.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ เพื่อจัดกิจกรรมรำลึกถึงเหตุการณ์ครบรอบ 89 ปี อภิวัฒน์สยาม 2475

2.) กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ เวลา 12.00 น. ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล วัตถุประสงค์ เรื่อง ขอให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

3.) กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี นำโดย นายเจษฎา ศรีปรั่ง เวลา 11.00 น. ที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 11.00 น. วัตถุประสงค์เพื่อทำกิจกรรมขับไล่รัฐบาล

4.) กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นัดหมายทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำกิจกรรมขับไล่รัฐบาล

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาเตือนประชาชนที่จะเข้าร่วมการ ‘ชุมนุม’ ช่วงนี้เข้าข่ายจำคุก 2 ปี ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พร้อมเผยว่า ทางการข่าวสืบทราบว่าแกนนำที่จะมาเข้าร่วมการชุมนุม หรือเป็นผู้เชิญชวนชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมการชุมนุม ยังเป็นจำเลย หรือผู้ต้องหาในคดีความมั่นคง ซึ่งอยู่ในระหว่างการประกันตัว โดยมีเงื่อนไขของการปล่อยตัวชั่วคราว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า โดยผู้ที่ได้รับการประกันตัวและศาลได้กำหนดเงื่อนไขไว้ เช่น ห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเช่นเดียวกับที่ถูกกล่าวหา, ห้ามเข้าร่วม ‘ชุมนุม’ ในลักษณะที่เป็นการก่อความวุ่นวาย หรือความไม่สงบในบ้านเมือง, ห้ามพกพาอาวุธเข้าไปร่วมชุมนุมทางการเมือง หรือใช้กำลังประทุษร้ายต่อเจ้าหน้าที่ “จึงแจ้งเตือนผู้อยู่ในระหว่างประกันตัว ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลดังกล่าว อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืน ทาง บช.น. จะทำการร้องขอต่อศาล พิจารณาให้ถอนการให้ประกันตัว" โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าว

นอกจากนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวย้ำเตือนประชาชนว่า การออกมาชุมนุมช่วงนี้เป็นความผิดตามข้อกำหนดซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2564 และที่เกี่ยวข้อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ประกอบประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 33 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2564 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท

 

ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/crime/471448


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กรมการทหารช่าง กักตัว ครูฝึก-นร.นายสิบ ติดโควิด-19 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กรณีการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 ในค่ายภาณุรังษี ทางเฟซบุ๊ก กรมการทหารช่างได้ชี้แจ้ง ว่า การแพร่ระบาดเกิดขึ้นภายในหน่วยฝึกหลักสูตรนายสิบกองหนุน ที่เข้ารับการฝึกตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 ถึง วันที่ 6 สิงหาคม 2564 มีระยะเวลาการฝึก 3 เดือน และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดในห้วงที่ผ่านมา หน่วยได้มีการเตรียมการตามมาตรการข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข และตามแนวทางการจัดการฝึกของกองทัพบกภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งการเตรียมการหน่วยได้ดำเนินการกักตัวครูฝึกเป็นระยะเวลา 14 วันก่อนที่จะดำเนินการฝึก และในวันรายงานตัวเพื่อเข้ารับการฝึกของนายสิบนักเรียน หน่วยได้ดำเนินการคัดกรองนายสิบนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยประเมินความเสี่ยงจาก ประวัติการเดินทาง ภูมิลำเนา และคัดแยกนักเรียนออกเป็นกลุ่ม เพื่อเฝ้าสังเกตอาการก่อนที่จะเริ่มดำเนินการฝึกเป็นเวลา 14 วัน 

โดยมีจำนวนนายสิบนักเรียน 147 นาย ซึ่งการดำเนินกิจกรรม เช่น การฝึกอบรม การรับประทานอาหาร การนอน และการทำกิจกรรมต่างๆ หน่วยได้แยกนายสิบนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย เพื่อรักษามาตรการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรค ตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุขและกรมแพทย์ทหารบก นอกจากนี้ยังได้มีแผนรองรับ หากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในหน่วย โดยได้จัดเตรียม โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ติดเชื้อ พื้นที่กักกันตัวสำหรับกำลังพลกลุ่มเสี่ยงสูง และพื้นที่กักกันตัวเพื่อสังเกตอาหารสำหรับกำลังพลกลุ่มเฝ้าระวัง

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2564 หน่วยได้รับทราบจากครูฝึกซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับไปพัก ในห้วงวันหยุด ซึ่งระหว่างการพัก ได้ไปสัมผัสกับผู้ป่วย ซึ่งทราบผลว่าเป็นผู้ป่วยยืนยัน ในวันที่ 18 มิถุนายน 2564 หน่วยจึงได้นำตัวครูฝึกดังกล่าว เข้ารับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งผลการตรวจพบว่าติดเชื้อ และในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 กรมการทหารช่าง จึงแจ้งโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี เข้าดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุก ครูฝึก และนายสิบนักเรียนทั้งหมด จำนวน 161 นาย และทราบผลในคืนวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ว่ามีครูฝึกและนายสิบนักเรียนติดเชื้อ จำนวน 72 นาย หน่วยจึงได้ดำเนินการร่วมกับโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี คัดแยกครูฝึก นายสิบนักเรียนที่ติดเชื้อ และที่ไม่พบการติดเชื้อออกจากกัน โดยกลุ่มผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนามกองทัพบก (โรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี) และส่วนที่เหลือซึ่งเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง เข้ากักตัวในพื้นที่กักตัวค่ายบุรฉัตร จำนวน 84 นาย ตามแผนการป้องกันที่หน่วยได้เตรียมการไว้

ต่อมา เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 กระทรวงสาธารณสุข และกรมแพทย์ทหารบก ได้จัดส่งบุคคลากรทางการแพทย์ เข้าตรวจคัดกรองอาการผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดภายในโรงพยาบาลสนาม ซึ่งได้ดำเนินการตรวจโลหิต และเอ็กซเรย์ปอด เพื่อประเมินอาการเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป

กรมการทหารช่างจึงขอแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ การเตรียมการ มาตรการป้องกัน และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันเพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจว่าการติดเชื้อดังกล่าวจะไม่แพร่กระจายไปสู่พี่น้องประชาชนภายนอก เนื่องจากกำลังพลนายสิบนักเรียนดังกล่าวทั้งหมด อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมและมาตรการป้องกันโรคมาโดยตลอด ซึ่งมิได้มีโอกาสสัมผัสบุคคคลภายนอก และมิได้อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าพบในห้วงระหว่างการฝึก สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ กองทัพบกได้สั่งการให้กรมการทหารช่างและกรมแพทย์ทหารบก ประสานการรักษาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน

'อานนท์' ยันไม่ลดเพดานต่อสู้ อ้างทำให้คนตาสว่างสำเร็จไปแล้ว

นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบเยาวชนปลดแอก โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก "อานนท์ นำภา" ระบุเนื้อหาว่า...เกิดความลังเลว่าการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่อันนำไปสู่การเสนอให้ลดเพดานการต่อสู้เพื่อให้ง่ายขึ้น ลดเส้นชัยที่จะไปให้ถึง

จริงๆ การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่มันสำเร็จไปแล้ว เพียงแต่มันสำเร็จเป็นขั้นๆ

2563 คนรุ่นใหม่ได้ทำลายพรมที่ปกคลุมปัญหาของสังคมมาหลายสิบปี ขยายความคิดที่จะสร้างสังคมอย่างเท่าเทียม สร้างขบวนคนที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างกว้างขวาง ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน แหลมคม

2564 เกิดโควิดระบาดทำให้เกิดข้อจำกัดของการเคลื่อนไหว ซึ่งเราต้องยอมรับให้ได้ว่ามันเป็นข้อจำกัดจริงๆ กรอบการเคลื่อนไหวหลายอย่างต้องขยับและเลื่อนออกไป

ความสำเร็จที่ทำให้คนตาสว่างมันเกิดไปแล้ว และจะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีก

ตอนนี้ สิ่งที่เขาจะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้คือ เมื่อคนตาสว่าง คนต้องออกเดิน ออกถางทาง เพื่อให้ถึงเส้นชัย

อย่ากลัวขวากหนามข้างหน้า ร่วมมือ ลงแรง ช่วยกันสร้างสังคมใหม่

การลดเพดาน คือการยอมรับการวนอยู่ที่เดิม ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เราต้องการ

ส่วนตัว ผมไม่เคยลังเลในเส้นทาง เพราะมันตกผลึกแล้วในเป้าหมาย และหวังว่าเราจะเดินร่วมกันในแนวทางที่เราตั้งไว้อย่างมั่นคง

 

ที่มา : https://siamrath.co.th/n/255176


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top