Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

สภาเอสเอ็มอีเข้าพบรองนายกรัฐมนตรี เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและยกระดับศักยภาพ SMEs  

เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.67) คุณสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) พร้อมด้วย คุณชนพงษ์ รุ่งกิจวัฒนกุล รองประธานอาวุโส คุณรมนต์อร บุญเรือง เลขาธิการ และคณะกรรมการบริหาร เข้าพบท่านประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้รับมอบหมายจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี มาหารือในการประชุมครั้งนี้ ณ ห้องประชุม 302 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

คุณสุปรีย์ นำเสนอว่าประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในปัจจุบัน เกิดจากการนิยามและการจำแนกประเภทของ SMEs ที่ไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ส่งผลให้ความช่วยเหลือที่ภาครัฐส่งลงมาช่วย SMEs ไปไม่ถึง SMEs ดังนั้น จึงเสนอให้มีการยกร่างกฎหมายให้เกิดการรวมตัวของผู้ประกอบการ SMEs ในรูปแบบ พระราชบัญญัติสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ที่เป็นกฎหมายใหม่ซึ่งสภาเอสเอ็มอีได้เตรียมร่างเอาไว้แล้ว และกำลังมีกระบวนการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นโดยการรับฟังความเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เช่น ภาคีเครือข่ายที่เป็นตัวแทนของคลัสเตอร์ธุรกิจต่าง ๆ  ตัวแทนจังหวัด นักวิชาการ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ สภาเอสเอ็มอีปรับโครงสร้างการบริหารโดยเพิ่มด้านเศรษฐกิจอัจฉริยะ เข้ามาเพื่อส่งเสริมและยกระดับความสามารถของ SMEs ด้านดิจิทัลทั้งระบบนิเวศ (Digital Ecosystem) ให้สอดรับกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ซึ่งการค้าบนโลกออนไลน์นั้น การสร้างอัตลักษณ์หรือแบรนดิ้ง (Branding) ให้กับสินค้านั้นมีความจำเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นก็จะถูกลอกเลียนแบบและแทนที่ได้โดยง่าย ส่งผลให้ SMEs ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง และยั่งยืน

จากสถานการณ์ภัยคุกคามจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติในปัจจุบัน สภาเอสเอ็มอีเสนอว่าไทยควรจะมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของประเทศ (National Platform) โดยนำ Thailand Post Mart กลับมาปรับปรุงและใช้งานให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากขึ้น เนื่องจากมีจุดแข็งที่เครือข่ายของไปรษณีย์ไทยมีอยู่ในทุกอำเภอทั่วประเทศ มีเครือข่ายโลจิสติกส์ที่เข้มแข็งที่สุดในประเทศ พนักงานมีความชำนาญในพื้นที่ ฯลฯ ที่มีความได้เปรียบกว่าแพลตฟอร์มข้ามชาติ สภาเอสเอ็มอีและสมาคมสายเทคโนโลยีพร้อมเข้ามาช่วยในการพัฒนาได้

ดร.สุทัด ครองชนม์ รองประธานสภาเอสเอ็มอี และนายกสมาคมไทยไอโอที (Thai IoT) นำเสนอแนวทางการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตประสานสรรพสิ่ง (IoT) มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะภาคการผลิต ซึ่งสามารถนำเทคโนโลยีมาลดต้นทุนในกระบวนการผลิตได้ อีกทั้งยังสามารถปรับปรุงจากโรงงาน 2.0 เป็นโรงงาน 4.0 ได้ ด้วยงบประมาณที่ไม่สูงมาก จึงอยากเสนอให้ท่านพิจารณางบประมาณโครการดังกล่าวลงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

คุณอนุสรณ์ ลัภนะก่อเกียรติ รองประธานอาวุโสสภาเอสเอ็มอี และประธานกรรมการบริหารสมาคมเทคโนโลยีดิจิทัล ให้ข้อมูลว่า ในแต่ปีมีผู้ประกอบการในระบบจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 7-8 หมื่นราย ขณะที่มีการจดทะเบียนเลิกกิจการ 2 หมื่นราย สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจ SMEs นั้นขาดศักยภาพในการเติบโต สอดคล้องกับข้อมูลที่พบว่ามีผู้ประกอบการขนาดเล็ก (S) จำนวน 860,000 ราย ขณะที่มีผู้ประกอบการขนาดกลาง (M) เพียง 40,000 ราย หมายความว่า มี SMEs รายเล็กจำนวนน้อยมากที่สามารถเติบโตไปเป็นขนาดกลางได้ ทั้งนี้ ที่มาของรายได้จะประกอบไปด้วย B2G, B2B, และ B2C ซึ่งภาครัฐจะสามารถเข้ามาช่วย SMEs ได้ด้วยการให้แต้มต่อกับ SMEs จากช่องทาง B2G ผ่านโครงการ SME-GP

ในภาพรวมของผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) ถึงรายเล็ก (Small) ประกอบไปด้วย
1. Skill ให้องค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เป็น Specialize ของแต่ละกิจการ
2. Tool เครื่องมือในการประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจปัจจุบัน
3. Financial การเข้าถึงแหล่งเงินทุนภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรน

คุณสุปรีย์ สรุปแนวทางการพัฒนายกระดับ SMEs ดังนี้
1. ให้ความช่วยเหลือเป็นองค์รวมแบบ Supplier to Business to Customer (S2B2C) ที่ประสบความสำเร็จในจีน โดยต้องมีความพร้อมและพัฒนาทั้งระบบนิเวศ (Ecosystem) ด้านอีคอมเมิร์ซ ไลฟ์คอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์
2. จูงใจให้ธุรกิจนอกระบบกว่า 2 ล้านกิจการ ให้เข้ามาอยู่ในระบบ (ปัจจุบันในระบบมีอยู่ประมาณ 1 ล้านราย)

ท่านรองนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันกำลังอยู่ในกระบวนการยกร่างกฎหมายไปรษณีย์ไทยที่มีมาแล้วเกือบ 100 ปี ทั้งนี้ เห็นด้วยกับแนวทางการนำแพลตฟอร์มของไปรษณีย์มาปรับปรุงและนำเอาสินค้า SMEs มาเสริมในแพลตฟอร์มดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้นโยบายกับ สสว. ไว้เรื่องการปรับเปลี่ยน SMEs จากอุตสาหกรรมโลกเก่าไปเป็นอุตสาหกรรมโลกใหม่ การปิดช่องว่างของซัพพลายเชน และการนำเอา Soft Power มาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ดังนั้น ท่านรองนายกได้กล่าวสรุปการหารือครั้งนี้
1. นำเรื่องที่หารือกันในวันนี้เข้าที่ประชุมบอร์ด สสว. โดยเชิญผู้บริหารไปรษณีย์ไทยและสภาเอสเอ็มอีเข้าร่วมรับฟังด้วย
2. จัดกิจกรรม Workshop โดยแบ่งวงย่อยประมาณ 3-4 กลุ่ม เพื่อหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในแต่ละหัวข้อ อาทิ ภัยคุกคามจากต่างชาติ, ปัญหาและอุปสรรค, กฎหมาย SMEs และ ระบบนิเวศ (Ecosystem)

'กองทัพอากาศ' ผนึกกำลังการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ร่วมฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย จังหวัดเชียงใหม่ 

กองทัพอากาศผนึกกำลังกับการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ในการจัดหาเครื่องมือทำความสะอาดช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.67) พลอากาศเอก ชัยนาท ผลกิจ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานรับมอบเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง จำนวน 10 เครื่อง จาก นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ซึ่งจะนำไปใช้ฉีด ล้าง ทำความสะอาด และล้างดินโคลน คราบน้ำ ฟื้นฟูบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงที่ผ่านมา โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคณะผู้บริหารการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ร่วมในพิธี ณ ห้องรับรองบริพัตร กองบัญชาการกองทัพอากาศ

ในการนี้ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้มอบเกียรติบัตร พร้อมประดับเครื่องหมายความสามารถกิจการพลเรือนและการประชาสัมพันธ์กองทัพอากาศเป็นกิตติมศักดิ์ ให้แก่นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และคณะผู้บริหารในฐานะที่ได้สนับสนุนกิจการของกองทัพอากาศในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

กองทัพอากาศมุ่งมั่นที่จะใช้ขีดความสามารถทั้งด้านกําลังพล อากาศยาน และยุทโธปกรณ์ ร่วมกับเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ในการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยด้วยความรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์

‘วอชด็อก ไทยแลนด์’ โดดร่วมวงดรามา ‘ปางช้างดัง’ ซัดบินโดรนก่อกวนช้าง ‘ร่มแดนช้าง’ สวนทันควัน ไม่ไฮเทคพอจะบินโดรน เตรียมช่วยช้างถูกขังเดี่ยว

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT’ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า 

หยุดคุกคามเขาได้แล้ว!!

ล่าสุด นำโดรนไล่จี้จนพลายโฮบตกใจ วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน นี่หรือการกระทำที่อ้างว่ารักช้าง!!

Save ENP

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ‘พลายโฮบ’ คือช้างที่เมื่อช่วงปี 2561 มีข่าวทำร้ายควาญช้างจนเสียชีวิต ณ ปางช้างชื่อดังแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ 

ต่อมานายธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย ซึ่งเป็นทีมงาน ‘ร่มแดนช้าง’ พร้อมควาญช้างที่เข้าไปเคลื่อนย้ายขุนเดช และดอกแก้ว ช้าง 2 เชือกที่ตกอยู่ท่ามกลางดราม่าระหว่างหนูนา กัญจนา ศิลปอาชา และแสงเดือน ชัยเลิศ

นายธีระภัทรเปิดเผยกับ The States Times ว่า การเดินทางไปยัง ‘ศูนย์บริบาลช้าง Elephant Nature Park’ ของตนและทีมงานนั้น เป็นไปเพื่อการเจรจาและหาวิธีในการขนย้ายช้าง 2 เชือกที่ตกเป็นข่าว ขอยืนยันว่าตนและทีมงานไม่มีใครเฉียดเข้าไปใกล้กับคอกของพลายโฮบเลยแม้แต่น้อย 

และยิ่งที่มีกระแสข่าวว่าบินโดรนเข้าไปรบกวนนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ไฮเทคเกินทีมงาน ทุกวันนี้ถ่ายวิดีโอจากมือถือยังไม่ค่อยเป็นเลย 

นอกจากนี้นายธีระภัทรยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้จะต้องหาแนวทางอื่น ๆ ในการช่วยเหลือพลายโฮบเพราะจากข้อมูลเท่าที่ทราบ พลายโฮบถูกขังเดี่ยวอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมในการปรับพฤติกรรมของช้าง

คู่มือลับฉบับสายมู เปิดพิกัดศาลเจ้าลับเมืองตรัง ไหว้โก้ยเซ่งอ๋อง ช่วยหนุนการงาน-การเงิน

(11 ต.ค. 67) ที่น้ำผุดใต้ ตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ที่แห่งนี้มีศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่อาจไม่ค่อยคุ้นหูของหลาย ๆ คนมากนัก แต่สำหรับชุมชนละแวกนี้ ‘ศาลเจ้าโก้ยเซ่งอ๋อง’ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของชุมชนเลยทีเดียว 

เกือบ ๆ จะ 30 แล้วที่ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยความเคารพและศรัทธาของประชาชน โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่ ที่เป็นกลุ่มที่ตั้งรกรากอาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารมายาวนานหลายชั่วอายุคน

โก้ยเซ่งอ๋อง โก้ยเซ่งอ๋อง หรือชื่อเดิมของท่านคือ 'กั๋วหงฟู่' ในวัยเด็กท่านเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแพะในชนบทของมณฑลฮกเกี้ยน ชีวิตของท่านเป็นแบบเรียบง่ายและใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่ด้วยความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ ท่านได้รับความเคารพจากชาวบ้านในชุมชนของท่านตั้งแต่วัยเยาว์ ต่อมาในชีวิตของท่าน ท่านได้รับบทบาทในการช่วยเหลือและปกป้องชาวบ้านจากอันตรายต่าง ๆ

หลังจากท่านเสียชีวิต เรื่องราวของท่านกลายเป็นตำนาน ชาวบ้านเชื่อว่าท่านยังคงมีอิทธิฤทธิ์ในการคุ้มครองและช่วยเหลือผู้คนเช่นเดิม จึงยกย่องท่านเป็นเทพเจ้า 'โก้ยเซ่งอ๋อง' และสร้างศาลเจ้าเพื่อให้ลูกหลานได้มากราบไหว้บูชาท่าน

ความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าโก้ยเซ่งอ๋อง ชาวบ้านเชื่อว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์ในการช่วยเหลือในเรื่องการงาน การเรียน ธุรกิจ และสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มาขอพรในเรื่องที่สำคัญมักจะสมหวังตามที่ขอ เช่น การขอบุตรหรือขอให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง การแก้บนด้วยสิ่งของที่สัญญาไว้อย่างไก่ หมู หมี่เหลือง หรือของแห้งต่าง ๆ เป็นการแสดงความขอบคุณต่อท่าน

หากใครได้มีโอกาสผ่านมาที่ตรังในช่วงเทศกาลกินเจ หรือช่วงอื่น ๆ ลองแวะมาสัมผัสบรรยากาศและพลังศรัทธาที่ศาลเจ้าโก้ยเซ่งอ๋อง แล้วคุณอาจจะได้พบกับสิ่งที่คุณตามหาก็เป็นได้

พิกัดสำหรับตามไปมู: https://maps.app.goo.gl/ThBKWfd3P1eytHGc6

‘The iCon Group’ ร่อนคำชี้แจง 5 เซเลปดัง!! ไม่มีหุ้น-อำนาจบริหาร

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘The iCon Group’ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงกรณีศิลปิน ดารา พิธีกร ชื่อดังหลายราย ที่ได้มีส่วนร่วมกับทางบริษัท ว่า

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ขอชี้แจงว่า คุณบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พรีเซ็นเตอร์ ROOM COFFEE และคุณโดม ปกรณ์ ลัม พรีเซ็นเตอร์ BOOM COLLAGEN ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์สินค้า ทำการตลาดสินค้าของบริษัท คิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จึงขอชี้แจง มาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน

ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด

และ

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ขอชี้แจงว่าคุณกันต์ กันตถาวร, คุณแซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี และคุณมิน พีชญา วัฒนามนามนตรี ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ช่วย ทำการตลาดสินค้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัดจึงขอชี้แจง มาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน

ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด

'แพทองธาร' พบ 'บลิงเคน' ถก ความร่วมมือในภูมิภาค เน้นความมั่นคง – การทหาร - การค้าการลงทุน

'แพทองธาร' หารือ 'แอนโทนี บลิงเคน' รมว.ต่างประเทศ สหรัฐ พร้อมร่วมมือด้านความมั่นคง การทหาร ส่งเสริมการค้าการลงทุน เทคโนโลยีเพื่อลดความเสี่ยงภัยพิบัติ ถก ความร่วมมือระดับภูมิภาค ยุติขัดแย้ง

(11 ต.ค.67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เวลา 17.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เข้าหารือกับนายแอนโทนี เจ. บลิงเคน (H.E. Antony J. Blinken) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 โดยนายกรัฐมนตรียืนยันเจตนาของรัฐบาลไทย ที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐ ส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของทั้งสองประเทศที่เป็นปัญหาเร่งด่วนของประชาชน เช่น เรื่องยาเสพติด การหลอกลวงทางออนไลน์ และปัญหาภัยพิบัติต่าง ๆ 

ส่วนความร่วมมือ ทางด้านความมั่นคง ประเทศไทยมุ่งมั่นดำเนินการต่อไป ในความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศโดยเฉพาะการฝึกร่วม เช่น คอบร้าโกลด์ และการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันทางการทหาร และการศึกษา รวมถึงการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ โดยไทยมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหายาเสพติด และพร้อมที่จะเพิ่มความร่วมมือกับสหรัฐในการเพิ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์ ใหม่ ๆ เพื่อต่อสู้กับองค์กรค้ายาเสพติด และอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์

“สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยและสหรัฐ จะร่วมกันส่งเสริมการค้า และการลงทุนให้มากขึ้นรวมทั้งความร่วมมือด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ โดยประเทศไทยจะทำงานร่วมกับสหรัฐในการเพิ่มเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญใหม่ ๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายจากภัยพิบัติ”

นายจิรายุ กล่าวว่า ทั้งสองประเทศได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในระดับภูมิภาค กับสหรัฐ ในหลายมิติ โดยประเทศไทยพร้อมเป็นสะพานเชื่อม (bridge builder) เพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาค และระดับโลก และพร้อมให้การสนับสนุนบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อสันติภาพ และยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ในขณะนี้ 

ทั้งนี้ สหรัฐยังเห็นถึงความสำคัญของบทบาทอาเซียน ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหรัฐอเมริการวมทั้งความสัมพันธ์ในระดับประชาชนต่อประชาชนระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาด้วย 

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกายังได้แสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีในโอกาสดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย รวมทั้งได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ด้วย

‘ฮัน คัง’ นักเขียนหญิงจากเกาหลีใต้ ผงาดคว้ารางวัล ‘โนเบลวรรณกรรม’

(11 ต.ค. 67) มัตส์ มาล์ม เลขาธิการคณะกรรมการรางวัลโนเบลของสวีเดนประกาศชื่อผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี 2024 ซึ่งตกเป็นของ ฮัน คัง นักเขียนหญิงชาวเกาหลีใต้ วัย 53 ปี จากผลงานร้อยแก้วเชิงกวีอันเข้มข้นที่เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์ และเปิดเผยความเปราะบางของชีวิตมนุษย์

ในผลงานของคัง เธอได้เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์และกฎเกณฑ์ที่มองไม่เห็น ทั้งยังเปิดเผยความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ เธอมีความตระหนักที่ไม่เหมือนใครต่อความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณ ชีวิตและความตาย ด้วยรูปแบบบทกวีและการทดลองของเธอ ทำให้คังกลายเป็นผู้ริเริ่มงานร้อยแก้วร่วมสมัย

ผลงานของคังเคยคว้ารางวัล International Booker Prize ในปี 2016 จากผลงานนวนิยาย The Vegetarian ซึ่งเป็นเรื่องสะเทือนใจเกี่ยวกับการตัดสินใจเลิกกินเนื้อสัตว์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ‘ฮัน คัง’ จากเกาหลีใต้ นับเป็นชาติที่ 4 ในทวีปเอเชียที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขา วรรณกรรม ต่อจาก ประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน

เผยโฉม 3 เคส โครงการ Make Your Looks เยียวยา กาย-ใจ จาก รพ. มาสเตอร์พีช

บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทย และเอเชีย มุ่งมั่นคืนกำไรสู่สังคม และช่วยเหลือผู้คนที่ขาดโอกาส ในมิติต่าง ๆ ของสังคม ขนานไปกับการประกอบธุรกิจโรงพยาบาลศัลยกรรมความงาม ตามที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ริเริ่มโครงการ Make Your Looks โครงการให้ความช่วยเหลือสังคม แก่ผู้ประสบปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ แต่ขาดโอกาสและทุนทรัพย์ ได้เติมเต็มภาวะทางจิตใจ และปรับโฉมด้วยการศัลยกรรมความงามตามความตั้งใจใฝ่ฝัน จากจุดประสงค์และเจตนารมณ์ข้างต้น เพื่อแสดงภาพความสำเร็จ และร่วมแสดงความยินดีกับ "ผู้เข้ารับการปรับลุกส์เปลี่ยนสไตล์เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่า"

ปิดตำนาน ‘ราฟาเอล นาดาล’ ประกาศแขวนแร็กเกตสิ้นปี หมดยุค 2 ราชาคอร์ทหญ้า-คอร์ทดิน ‘เฟเดอเรอร์-นาดาล’

(11 ต.ค. 67) บีบีซี สื่อในประเทศอังกฤษ รายงานว่า ราฟาเอล นาดาล อดีตแชมป์แกรนด์สแลม 22 รายการ วัย 38 ปี ชาวสเปน ได้ออกมาประกาศเลิกเล่นอาชีพอย่างเป็นทางการ โดยจะลงเล่นรายการสุดท้ายในศึกเทนนิสทีมชายชิงแชมป์โลก หรือ เดวิส คัพ 2024 ไฟนอลส์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่างสเปน พบ เนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 19 พ.ย.67 นี้ 

นาดาล ได้เผยสั้น ๆ ว่า "ผมมาที่นี่เพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าผมกำลังจะเลิกเล่นเทนนิสอาชีพ ความจริงก็ คือว่ามันเป็นปีที่ยากลำบากมากสำหรับผม โดยเฉพาะ 2 ปีหลังจากนี้ ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถเล่นเทนนิสได้โดยปราศจากข้อจำกัดต่าง ๆ"

สำหรับราฟาเอล นาดาล ได้เริ่มเล่นเทนนิสอาชีพตั้งแต่ปี 2001 สามารถคว้าแชมป์ตลอดการเล่นเทนนิสไปถึง 921 รายการ โดยเป็นแชมป์แกรนด์สแลมไปถึง 22 รายการ เฉพาะในศึกเฟรนช์ โอเพ่น ที่คว้าแชมป์ไปถึง 14 สมัย , แชมป์วิมเบิลดัน 2 สมัย , แชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น 2 สมัย , แชมป์ยูเอส โอเพ่น 4 สมัย รวมไปถึงคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์มาครอง 2 สมัย ในปี 2008 และ 2016 (ในประเภทชายคู่) และครองตำแหน่งมือ 1 ของโลกไปถึง 209 สัปดาห์ 

ส่อง ‘ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย’ หนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในประเทศไทย

(11 ต.ค. 67) ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยและคลังข้อมูลด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกลาง เช่น การบัญชี กฎหมาย เทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการ เช่น พื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working space), ห้องประชุม

เดิมห้องสมุดแห่งนี้ชื่อ ห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย เริ่มดำเนินการให้บริการแก่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2489 ต่อมาในปี 2500 ห้องสมุดได้รับการปรับปรุงให้มีฐานะเป็นหน่วยงานหนึ่งของฝ่ายวิชาการในขณะนั้น และได้รับการจัดตั้งเป็นห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.2520

ในปี 2560 ห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น 'ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย' ตามพระนามของท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยพระองค์แรก และย้ายที่ตั้งจากอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารแห่งประเทศไทยมาเปิดให้บริการในอาคารศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2561 จนถึงปัจจุบัน

ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยและคลังข้อมูลด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของธนาคารกลาง เช่น การบัญชี กฎหมาย เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการ เช่น พื้นที่ทำงานร่วม (Co-working space) ห้องประชุม และห้องบริการสื่อมัลติมีเดียที่ทันสมัย

สถานที่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นพื้นที่เปิดโล่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเดิมเคยเป็นอาคารโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย

เปิดให้บริการ 
วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 9.30 - 20.00 น. 

ปิดบริการ 
วันจันทร์ และวันหยุดตามประเพณีของสถาบันการเงิน

พิกัด https://maps.app.goo.gl/c2wbiQYrezkMp1DFA 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top