Friday, 23 May 2025
NewsFeed

ส่องราคาน้ำมันเฉลี่ย ในประเทศอาเซียน ราคา ณ วันที่ 30 ก.ย. 67

รายงานราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน ประจำวันที่ 30 กันยายน 2567 โดยราคาขายน้ำมันแต่ละประเทศ มีปัจจัยทางด้านราคา ดังนี้

1.แต่ละประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน
2.ในหลายประเทศเพื่อนบ้านยังมีการอุดหนุนราคากันอยู่
3.ประเทศไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันฯ จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน

หมายเหตุ : ราคา ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 อัตราแลกเปลี่ยน (อัตรากลาง) ณ วันที่ 27 กันยายน 2567

*ประเทศไทย อ้างอิงราคาจาก ปตท. และ บางจาก และเป็นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95E10 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้มากที่สุด
สามารถดูราคาย้อนหลังได้ที่ EPPO - Energy Data Visualization
หรือคลิกที่ https://public.tableau.com/.../EPPO.../SUMMARYOILPRICING

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของนักเรียนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี

(1 ต.ค. 67) จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ส่งผลให้มีทั้งผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต จำนวนหลายราย ทางสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อครอบครัวของนักเรียนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้

จีน เปิดหลักสูตรใหม่กว่า 21,000 หลักสูตร รองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ - สังคม

(1 ต.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2567 กระทรวงศึกษาธิการของจีนกล่าวย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในภูมิทัศน์การศึกษาระดับสูงของจีน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

กระทรวงฯ แถลงข่าวในกรุงปักกิ่งว่า ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวหลักสูตรใหม่ในระดับปริญญาตรี 21,000 หลักสูตรทั่วจีน และยกเลิกหลักสูตรที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม 12,000 หลักสูตร

ในปี 2024 เพียงปีเดียว มีการจัดตั้งหลักสูตรใหม่ในสาขาวิชาที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ 1,673 หลักสูตร ขณะที่หลักสูตร 1,670 หลักสูตรได้ถูกยกเลิกไป

รายงานระบุว่าการปรับเปลี่ยนเหล่านี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านสำคัญในโครงสร้างวิชาการทั่วจีน ส่วนการเปลี่ยนแปลงในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่การจัดแนวทางการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ สนับสนุนการพัฒนาระดับภูมิภาค และส่งเสริมการพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน

ปัจจุบันจีนมีมหาวิทยาลัย 1,308 แห่งที่เปิดหลักสูตรใน 816 สาขาวิชา และมีหลักสูตรในระดับปริญญาตรีรวมทั้งสิ้น 62,000 หลักสูตรทั่วประเทศ

‘ภูเก็ต’ สุดเจ๋ง!! คว้า 2 รางวัลใหญ่ เมืองเทศกาลโลก เชื่อ!! ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนไทย

(1 ต.ค. 67) นายพัฒนชัย สิงหะวาระ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคใต้ เปิดเผยผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า “Phuket ได้มา 2 รางวัลที่ใหญ่สุดครับ คือ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ได้รับการประกาศให้เป็น #เมืองเทศกาลโลก (World Festival and Event City)” ประจำปี 2024 และงาน #ประเพณีถือศีลกินผัก ได้ Grand Pinnacle Award ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของสมาคมเทศกาลและกิจกรรมระหว่างประเทศ (IFEA) ครับ เดี๋ยวรายละเอียดจะมาเล่าให้ฟังครับ”

การได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของภูเก็ตในการจัดงานระดับนานาชาติที่มีมาตรฐานระดับโลก โดย IFEA พิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น การมีงานเทศกาลที่โดดเด่น การทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ และความสามารถในการสร้างเศรษฐกิจจากการจัดงานเทศกาล

นอกจากภูเก็ตแล้ว ยังมีเมืองอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลนี้ด้วย ได้แก่ กวางจู เกาหลี, แม็คอัลเลน รัฐเท็กซัส, มิลวอกี รัฐวิสคอนซิน, และ ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย, พิทต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา

โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 ณ เมือง Pittsburgh สหรัฐอเมริกา โดย นายพัฒนชัย สิงหะวาระ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคใต้ เป็นผู้รับมอบรางวัล ของจังหวัดภูเก็ตประเทศไทย

รางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของชาวภูเก็ต แต่ยังเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติ โดยแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การได้รับรางวัล “เมืองเทศกาลโลก” เป็นก้าวสำคัญของภูเก็ตและประเทศไทย ที่จะนำไปสู่การพัฒนาการจัดงานเทศกาลต่างๆ ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

TNDT ผสาน 2 พันธมิตร เดินหน้าลุยธุรกิจการค้าครบวงจร พร้อมวางเป้าสร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในปี 2568

(1 ต.ค.67) TNDT ประกาศพลิกโฉมตลาดด้วยการเปิดตัวกลยุทธ์การค้าครบวงจรที่ทรงพลัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้น โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง High Kick ที่จะเป็น 1 ในสินค้าระดับเรือธงของบริษัทและเครือข่าย 

ยุทธศาสตร์ของบริษัทในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและขยายธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างครบวงจร ผ่านการใช้ยุทธศาสตร์การค้า และใช้การตลาดที่ทันสมัยควบคู่กับผนึกพลังกับพันธมิตรสินค้า ขยายการเข้าถึงผู้บริโภคให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค โดย TNDT  คาดหวังว่าในปี 2568 จะมีการเติบโตของยอดขายที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายธนรรจ์ ศตวุฒิ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) ( TNDT ) กล่าวว่า “การเปิดตัวยุทธศาสตร์การค้า ในครั้งนี้เป็นการพลิกโฉมธุรกิจ ที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของบริษัทที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้า ผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ ด้วยการใช้เทคนิคการตลาดที่ทันสมัยควบคู่กับการให้การบริการลูกค้าที่ครอบคลุมทุกความต้องการจากการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความโดดเด่น TNDT มีความมั่นใจว่าในการร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้จะสามารถสร้างการเติบโตของยอดขายของ TNDT ได้อย่างแน่นอน

การร่วมมือกับ Exousia 1 ในพันธมิตรในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ มีการทำการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ สร้างเนื้อหาที่ดึงดูดและโดดเด่น ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อส่งเสริมการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ TNDT โดยเฉพาะ สินค้าภายใต้แบรนด์ High Kick และ ผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ผ่านการ sterilization ขั้นสูง พร้อมขายและส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านระบบการตลาดและการค้าครบวงจรของ Exousia ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อและรับสินค้าด้วยความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น 

ด้าน นางสาวอรนิตย์ คุตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความสำเร็จไม่จำกัดวิธี (Chief Whatever-it-takes officer ) ของ Exousia กล่าวว่า “การตัดสินใจในการร่วมเป็นพันธมิตรกับทาง TNDT ครั้งนี้มาจากความมั่นใจทั้งในคุณภาพของสินค้าของ  TNDT รวมถึงทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ และคัดกรองคุณภาพ เพื่อความยั่งยืน ซึ่งทีม Exousia เราพร้อมนำกลยุทธ์การตลาดที่เรามีความเชี่ยวชาญจากความสามารถที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด และตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคได้ทันในยุคดิจิทัล ซึ่งจะส่งเสริมให้ TNDT ที่มีพื้นฐานของผลิตภัณฑ์ที่ดีให้เติบโตในทุกช่องทาง โดยไม่เสียเวลาเรียนรู้ตลาด เราพร้อมเป็นทางลัดให้ TNDT ประสบความสำเร็จ ตามยุทธศาสตร์การค้า ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เราหวังว่าจะสามารถช่วย TNDT สร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในปี 2568

สำหรับผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ผ่านการ sterilization ขั้นสูงเป็นของอีก 1 พันธมิตรคือ Rise Plus ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ TNDT ที่ร่วมทุนกับ MMK โดยก่อนหน้านี้ Rise Plus ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ผ่านการ sterilization ขั้นสูงที่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยไม่ใช้สารเคมี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง ESG (Environmental, Social, and Governance) ของ TNDT ที่มุ่งเน้นการเดินหน้าสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ

นายธีรพัฒน์ แก้วเขียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท มิ่งมงคล อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า "การร่วมมือกับ TNDT และ Exousia เป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีคุณภาพสูงและตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด และครอบคลุมในทุก ๆ ส่วน บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและขับเคลื่อนการเติบโตของพันธมิตรที่ได้มีการจับมือกันในครั้งนี้"

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล

✨ประจำวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567

🟢 รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 718665

🔴 รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 รางวัลละ 100,000 บาท : 718664718666

🔴 รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 053 812

🔴 รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 079 566

🔴 รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท : 59

🔴 รางวัลที่ 2 รางวัลละ 200,000 บาท : 618304 706570 920212 619457 803186

🔴 รางวัลที่ 3 รางวัลละ 80,000 บาท : 

079513 899161 028929 015089 576883
848720 332583 827661 936769 807587

🔴 รางวัลที่ 4 รางวัลละ 40,000 บาท : 

447798 379538 070465 143828 565201
100523 730422 654733 350914 968249
715944 974039 073792 306489 394717
823339 371560 229354 549734 544300
791315 612189 588560 705120 156039
079288 961797 325692 235485 068766
549143 585487 214339 656278 849778
795687 166685 827766 448648 415631
579404 331211 522846 952454 001650
430370 406839 483088 392399 791536

🔴 รางวัลที่ 5 รางวัลละ 20,000 บาท

280422 036283 754306 886771 443091
526698 221366 985280 458809 028519
122019 971141 566721 487641 142265
265401 611367 803474 222108 176036
974833 082021 409813 743601 505928
634524 982865 749235 815227 090743
930041 445026 385388 331823 432285
924197 280547 749834 929691 271493
519617 316668 867435 581639 738631
238694 145004 815448 369105 237296
529047 123489 647932 264184 674505
779485 954373 098621 759723 729975
499637 237865 564652 380962 699053
817965 183407 930997 312076 609336
094704 868444 171250 187093 445974
041466 761270 977415 086635 628125
072238 713107 111308 400188 495788
629558 714202 041220 737191 749137
269228 562878 822973 224689 705352
330818 520432 447142 511989 342384

‘วปอ. 66’ ชวนหาคำตอบทางออกประเทศ กับสุดยอดกูรู ที่จะร่วมไข “เปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย” 3 ต.ค.นี้

(1 ต.ค.67) ไทยกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง !!! สัญญาณต่าง ๆ ชี้ว่า บุญเก่าที่เคยช่วยให้ไทยขยายตัวได้ดี เคยเป็นผู้นำของภูมิภาค ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา กำลังหมดไป โรงงานสำคัญทยอยปิดกิจการ ส่งออกได้น้อยกว่าเวียดนาม สินค้าเกษตรที่เคยเป็นเบอร์หนึ่ง ก็เริ่มเป็นเบอร์สอง เบอร์สาม

ขณะเดียวกัน โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค The Great Disruption ที่เทคโนโลยีพัฒนาแบบก้าวกระโดด กลายเป็น Industry 4.0 และ 5.0 ปัญญาประดิษฐ์กำลังพลิกโลก ศูนย์กลางเศรษฐกิจกำลังย้ายฐานมาที่เอเชีย สร้างผู้เล่นใหม่ๆ จากจีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาแข่งขันกับธุรกิจไทย Climate Change รุนแรงขึ้น สร้างภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน ท้ายสุด ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ สร้างสงครามและการเผชิญหน้าในจุดต่าง ๆ 

ในโลกเช่นนี้ ไทยจะอยู่อย่างไร?
เราจะประสบความสำเร็จท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?

ถึงเวลาแล้ว ที่ไทยจะต้องเร่งเปลี่ยนแปลงตนเองครั้งใหญ่ เร่งตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ เพื่อปรับตัว ปรับโครงสร้างให้ทันกับโลก ให้ทันกับคู่แข่ง สร้างอนาคตที่สดใสให้ลูกหลานคนไทยต่อไป

สำหรับผู้สนใจหาคำตอบในเรื่องนี้ให้ประเทศ ขอเชิญร่วมเสวนา “เปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย : Thailand Next” ในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้อง Plenary Hall ชั้น 1 เวลา 13:00-15:00 น.

พบกับตัวแทนนักศึกษา วปอ. 66

คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี
ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล
ดร. ณัฏฐิญา วายุภาพ นิติพน
พลอากาศตรี จักรกฤษ์ ธรรมวิชัย

โดยมี คุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินการเสวนา 

ทั้งนี้ จะได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าฟังได้ร่วมแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ ที่จะนำพาประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ไปสู่ Thailand Next ต่อไป

งานนี้ พลาดไม่ได้ !!!!

สรุป 12 จุดเปลี่ยนใน 4 มิติ 
https://thaipublica.org/2024/09/thailand-next-a-12-points-proposal/

ลงทะเบียนได้ที่ 
https://tinyurl.com/ThailandNext https://tinyurl.com/ThailandNext

‘มาริษ เสงี่ยมพงษ์’ โชว์วิสัยทัศน์กลางที่ประชุมสหประชาชาติ ไทยพร้อมเดินหน้าสู่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

(1 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 79 (UNGA79) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก

นายมาริษได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการดำเนินนโยบายรัฐบาลแบบมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมกล่าวถึงความสำคัญของการปฏิรูปสหประชาชาติเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในโลกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างเสริมความเข้มแข็งของกระบวนการเพื่อสันติภาพและความมั่นคง ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในภูมิภาคทั่วโลก 

ทั้งยังยกตัวอย่างสถานการณ์ในเมียนมาที่ไทยให้ความสำคัญในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ถึงการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพในเมียนมาที่ควรเกิดขึ้นจากภายในเมียนมาเอง ขณะที่ไทยพร้อมสนับสนุนความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้นายมาริษยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยไทยพร้อมสร้างสะพานเชื่อมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างโลกเหนือกับโลกใต้ ผ่านความหวังที่จะเข้าเป็นสมาชิก OECD และ BRICS ซึ่งสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วนและทุกประเทศทั่วโลก เพื่อลดผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงมนุษย์ 

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีฯ ได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน ผ่านการผลักดันความยุติธรรมและความเท่าเทียมในสังคม โดยกล่าวถึงการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) วาระปี ค.ศ. 2025-2027 ของไทย

นายมาริษเน้นถึงการสร้างอนาคตร่วมกันของโลก โดยให้ทุกคนจะได้รับการปกป้องและมีความเจริญรุ่งเรือง ผ่านความมุ่งมั่นทางการเมืองเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ของโลกไปด้วยกัน ก่อนจะแสดงความพร้อมของไทยในการเป็นสะพานเชื่อม ส่งเสริมการเจรจาและความเชื่อใจระหว่างประเทศ

กองทุนน้ำมันฯ ติดลบต่ำกว่า 1 แสนลบ. ล่าสุด เหลือ - 99,087 ลบ. หลังเลิกชดเชยราคาดีเซล

(1 ต.ค. 67) สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุดติดลบต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หลังคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) หยุดชดเชยราคาดีเซลตั้งแต่ ส.ค. 2567 และเร่งรีดเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเข้ากองทุนฯ โดยเฉพาะดีเซลถูกเรียกเก็บ 3.47 บาทต่อลิตร ขณะค่าการตลาดน้ำมันล่าสุดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ทรงตัวระดับสูงประมาณ 4 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลอยู่ที่  2.08 บาทต่อลิตร

สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้รายงานสถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 29 ก.ย. 2567 พบว่า เงินกองทุนฯ ติดลบลดลง ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน  โดยเงินกองทุนฯ ติดลบทั้งสิ้นรวม -99,087 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -51,643 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,444 ล้านบาท

ทั้งนี้กองทุนน้ำมันฯ เคยติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.3 แสนล้านบาท ในปี 2565 และในปี 2567 นี้ กองทุนน้ำมันฯ เริ่มติดลบลดลงเหลือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ในเดือน ม.ค. 2567 และเริ่มกลับมาติดลบระดับ 1 แสนล้านบาทอีกครั้งตั้งแต่เดือน เม.ย.- ก.ย. 2567

สำหรับยอดเงินกองทุนฯ ที่ลดต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้เร่งเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯ ได้หยุดชดเชยราคาดีเซล และหันกลับมาเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ แทน ขณะเดียวกัน กบน. ก็เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราสูงมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 2-3 ปีแล้ว

โดยล่าสุด กบน. เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันส่งเข้ากองทุนฯ ดังนี้  ดีเซลและดีเซล B20 ส่งเข้ากองทุนฯ 3.47 บาทต่อลิตร, ดีเซล เกรดพรีเมี่ยม ส่งเข้า 4.97 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 68.06 ล้านลิตรต่อวัน)

ส่วนกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ดังนี้ ผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์95 และ 91 ส่งเข้า 4.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้า 2.61 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้า 1.16 บาทต่อลิตร และเบนซินออกเทน 95 ส่งเข้า 10.68 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ 31.55 ล้านลิตรต่อวัน)

ด้านสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 1 ต.ค. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 73.45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น  0.11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 67.72 เหรียญหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 71.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.42 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ส่วนค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 1 ต.ค. 2567 พบว่าค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาดถึง 5.39 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 4.06 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์91 อยู่ที่ 4.11 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.96 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 2.93 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 2.08 บาทต่อลิตร และ ดีเซล B20 อยู่ที่ 0.57 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดอยู่ที่ 2.71 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสม 1.5-2 บาทต่อลิตร)

ชาวจีนแห่เดินทาง 'หยุดยาววันชาติ' วันแรกคึกคัก พบ!! สถานีขนส่งผู้คนเนืองแน่น - รถราเต็มท้องถนน

(1 ต.ค.67) เก็บตกบรรยากาศประชาชนชาวจีนจำนวนมากออกเดินทางกันอย่างคึกคักในหลายพื้นที่ของประเทศ ขณะช่วงหยุดยาววันชาติจีน ระยะ 1 สัปดาห์ ได้เริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร (1 ต.ค.) 

โดยสถานีขนส่งมีผู้คนเนืองแน่นและท้องถนนเต็มไปด้วยรถราวิ่งสัญจรหนาแน่น
(บันทึกภาพวันที่ 1 ต.ค. 2024)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top