Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

‘อลงกรณ์’ ประธานFKII เสนออัพเกรดประเทศสู่ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย ตั้งเป้าก้าวใหญ่ ‘มหาอำนาจอาหารและการท่องเที่ยวโลก’

(23 ก.ย. 67) สมาคมเครือข่ายผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนนานาชาติ เชิญ นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ไทยแลนด์ รองประธานคณะกก.ยุทธศาสตร์ ปชป. อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ บรรยายพิเศษเรื่อง “ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย โอกาสในวิกฤติ”ในการสัมนาจัดโดยสมาคมฯ.และหนังสือพิมพ์ THAILAND TODAY NEWS ที่โรงแรมเดอะบาซาร์

นายอลงกรณ์ได้นำเสนอใน 5 ประเด็น

1. ก้าวเก่าเศรษฐกิจไทย
2. ทุกความท้าทาย คือ โอกาส
3. เศรษฐกิจแห่งอนาคต
4. มหาอำนาจอาหารการท่องเที่ยวโลก
: เกมที่ไทยเอาชนะได้
5. ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย : ก้าวข้ามขีดจำกัด
โดยฉายภาพ

“ก้าวเก่าเศรษฐกิจไทย”ว่า เป็นเศรษฐกิจดั้งเดิมเคยรุ่งเรืองในทศวรรษที่80-90จนได้ชื่อว่าเป็นเสือตัวที่5แห่งเอเชียขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมแต่เป็นอุตสาหกรรมโออีเอ็ม.(OEM)ขาดการวิจัย&พัฒนา(R&D)มีโครงสร้างเศรษฐกิจแบบกระจุกตัวและผูกขาดมีการคอรัปชั่นมากเหมือนมะเร็งร้ายขาดพลังในการยกระดับศักยภาพตัวเองทำให้การขยายตัวของ GDP โตช้าโตต่ำเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างมีความเหลื่อมล้ำสูง การกระจายรายได้ต่ำ รายได้ประชาชนชะลอตัว การส่งออกอ่อนแรง รายได้รัฐต่ำ ต้องทำงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องเกือบ20ปีทำให้ เมื่อเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ วิกฤติโรคระบาดโควิ-19 พร้อมกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้สถานการณ์ยิ่งทรุดหนักส่งผลกระทบทำให้
จีดีพี.ปี2566เติบโตเพียง 1.9%และไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง1.5%เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำสุดอันดับ9ของอาเซียนเหนือกว่าเมียนมาร์เพียงประเทศเดียวจากสภาพการณ์ดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมีหนี้สาธารณะกว่า10ล้านล้านหรือกว่า60%ของจีดีพีมีหนี้ครัวเรือนกว่า16ล้านล้านบาทหรือกว่า90%ของจีดีพี. ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางกลายเป็นเสือตัวที่5ของอาเซียน
นอกจากนี้ยังเผชิญกับความผันผวนความท้าทายและโอกาสของแนวโน้มและโจทย์เมกะเทรนด์และเมกะเทรธ(Megatrend & Megathreat) เช่น

1.โลกร้อน โลกรวน (Climate Change)
2.ภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิเศรษฐศาสตร์(Geo-Politics &Geo-Economics)
3.สังคมสูงวัย(Aging Society)
4.เอไอ เทคโนโลยี ดิสรัปชั่น(AI-Technology Disruption)
5.ความมั่นคงทางอาหาร(Food Security)
เราต้องสร้างโอกาสในวิกฤติด้วยการปฏิรูปโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจแบบยกเครื่องเป็นก้าวใหม่เศรษฐกิจไทยบนหลักการ สมดุล&ยั่งยืน (Balance & Sustainability)และอีเอสจี.(ESG:Environmental, Social,Governance ) ด้วยการสร้างโมเดลเศรษฐกิจใหม่
1.เศรษฐกิจดิจิตอล(Digital Economy)
2.เศรษฐกิจสีเขียว(Green Economy)
3.เศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)
4.เศรษฐกิจสีเงินหรือเศรษฐกิจสูงวัย(Silver Economy)
5.เศรษฐกิจนวัตกรรม(Innovation Economy) 
6.เศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy)

นายอลงกรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์และอดีต ส.ส กล่าวว่า
”…โมเดลเศรษฐกิจใหม่เป็นคานงัดยกระดับอัพเกรดศักยภาพใหม่ให้ประเทศเราต้องปรับตัวเมื่อโลกเปลี่ยน
กล้าก้าวข้ามขีดจำกัดในอดีตพลิกโฉมประเทศใหม่ตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคตด้วยระบบเศรษฐกิจใหม่จึงจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชนพ้นจากหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนพร้อมกับมีงบประมาณมากพอที่จะพัฒนาการศึกษา ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา ยกระดับการสาธารณสุขและสร้างระบบสวัสดิการรัฐให้กับประชาชนอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง…”

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ยังได้ยกตัวอย่างการวางวิสัยทัศน์ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น“มหาอำนาจอาหารและการท่องเที่ยวโลก”(Food & Tourism Superpower)เป็นการต่อยอดศักยภาพเดิมเสริมศักยใหม่ที่ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงในระดับโลก เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรอันดับ12และอันดับ13ของโลกและสามารถผลิตได้ตลอด365วันทั้งยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity)ท็อปเทน ของโลก ตอบสนองปัญหาความมั่นคงอาหารจากผลกระทบของภาวะโลกร้อนโลกรวน ยิ่งกว่านั้นยังมีโครงสร้างศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC :Agitech and Innovation Center)จัดตั้งครบ77จังหวัดในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศสมัย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ.ตามนโยบายเทคโนโลยีเกษตร4.0ที่มีตนเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายปี2563-2566ซึ่งมีนวัตกรรมเกือบ1พันรายการสามารถถ่ายทอดไปยังฟาร์มและอุตสาหกรรมอาหารได้ทันที ทางด้านการท่องเที่ยว เราเป็นประเทศที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวหลากหลายและวัฒนธรรมที่งดงามทั้งในเมืองและต่างจังหวัดซึ่งในช่วงก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย40ลัานคนมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่อันดับสูงสุด1ใน5ของโลกและปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน 

โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567 ไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ 1 ล้านล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.5 ล้านล้านบาท
(ปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตลอดทั้งปี ทะลุ 28 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านล้านบาท)

สำหรับตัวเลขการส่งออกปี 2566 ประเทศไทยส่งออก284,561.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเป็นมูลค่า 49,203.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.69 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 17.3% ของมูลค่าการส่งออกรวม (สินค้าเกษตร 9.4% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 7.9%) แบ่งเป็นสินค้าเกษตร 26,801.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (0.92 ล้านล้านบาท) ขยายตัว 0.2% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 22,401.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (มูลค่า 0.77 ล้านล้านบาท) หดตัว 1.7% สินค้าเกษตรส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หรือมีการแปรรูปขั้นต้นเท่านั้น จึงต้องเร่งส่งเสริมและผลักดันให้ไทยส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารเพิ่มขึ้น เช่น อาหารแห่งอนาคต อาหารฮาลาล อาหารเสริม อาหารสัตว์เลี้ยง สินค้าเกษตรอินทรีย์สินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตภัณฑ์สารสกัดจากวัตถุดิบเกษตร

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองวิจัยสำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ ได้รับมอบหมายให้ร่วมจัดโครงการฝึกอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อศึกษาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ

(23 ก.ย. 67) พล.ต.ต หญิง ศรีสกุล เจริญศรี ผบก.วจ.เปิดเผยว่า กองวิจัย สำนักงานยุทธศาสตร์ตํารวจ ได้มอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสั่งการของ พลตำรวจโท ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผช.ผบ.ตร. ในนามตามนโยบายของ ผบ.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นโรงพยาบาลตำรวจและสำนักงานกำลังพล และ สยศ.ตร.โดย พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบช.สยศ.ตร.ผู้เสนอโครงการ  จัดโครงการฝึกอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อศึกษาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ ระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย. 67 ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ The Cop Seminar & Resort อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และมีพิธีเปิดวันที่ 22 ก.ย. 67 เวลา 13.00 น. ที่ผ่านมาโดยมี พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ รอง.ผบช.สกพ. เป็นประธานพิธีเปิด และมีผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วย บช.น., ภ.1-9, บช.ก., สยศ.ตร, สกพ., กมค., รพ.ตร. สก. และ วจ. ในการอบรมสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเฝ้าระวังและแก้ไขตำรวจให้มีความรู้มีการป้องกันและระวังตัวเองในการปฏิบัติหน้าที่และไปเผยแพร่ต่อในหน่วยงานต่างๆที่สังกัดอยู่ทั่วประเทศเพื่อเป็นการสร้างวัคซีนความเข้มแข็งป้องกันตัวเองและหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพไม่มีเหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัวรวมถึงหน่วยงานต่างๆอย่างสูงสุด เพื่อได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลประชาชนและสังคมในการทำงานของข้าราชการตำรวจให้สมกับคำว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์และเป็นตำรวจของประชาชนได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคมและประเทศไทยต่อไปจาก พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล (ผู้ส่งข่าวประชาสัมพันธ์)

‘พล.ต.ท.ประจวบฯ’ ชื่นชมตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน ช่วยชีวิตหญิงพร้อมลูกสาววัย 9 ขวบ ได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก

(23 ก.ย. 67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมตำรวจทางหลวงในกรณีให้ความช่วยเหลือหญิงสาวที่ขับรถมาพร้อมลูกสาววัย 9 ขวบ ตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเองบริเวณสะพาน บนถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้วิจารณญาณ ไหวพริบและการเจรจาจนสามารถ เกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ ปลอดภัยทั้ง 2 คน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงความชื่นชมและขอบคุณไปยัง ส.ทล.1กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.30 น. ร.ต.อ.บดี ดวนพล รอง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ได้รับแจ้งเหตุหญิงพยายามกระโดดสะพาน บริเวณ ถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 หลักกิโลเมตรที่ 21 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดย พ.ต.ท.หญิง นรรศมณญ์ เจริญยิ่ง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ขณะนั้นอยู่ในห้วงเวลาพักเวร กำลังทำสำนวนการสอบสวนในความรับผิดชอบอยู่ในกองกำกับการ ได้ยินการแจ้งเหตุจากวิทยุ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย ส.ต.ท.นิติ ศรีบุญเรือง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. และเข้าช่วยเหลือนำตัวมายังสถานีตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน 

ต่อมา ทราบว่าหญิงคนดังกล่าวคือ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ อายุ 32 ปี ได้ขับรถยนต์มาจากสวนสาธารณะสวนหลวงเพื่อเดินทางกลับบ้าน พร้อมด้วยลูกสาววัย 9 ขวบ โดยระหว่างทางได้เกิดความเครียดสะสมจากปัญหาในชีวิตหลายประการ จึงตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตนเองพร้อมลูกสาว โดยการขับรถพุ่งชนราวสะพานเพื่อให้ตกลงไป แต่เมื่อรถชนราวสะพานแล้วกลับไม่ตกลงไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ จึงได้ลงจากรถเพื่อกระโดดลงจากสะพานดังกล่าว แต่ลูกสาวได้ห้ามไว้และเรียกให้คนที่ขับรถผ่านมาช่วยเหลือ ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน เจ้าหน้าที่กู้ภัย และพลเมืองดี เข้าเกลี้ยกล่อมให้หญิงดังกล่าวสงบสติอารมณ์จนสำเร็จ หลังจากนั้นได้แจ้งไปยังนักสังคมสงเคราะห์เพื่อให้ช่วยเหลือและนำ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ ส่งยังโรงพยาบาลสิรินธร เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาและประเมินสภาพทางจิต และได้ส่งตัวเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร เพื่อรับการสงเคราะห์ตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องขอขอบคุณและชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ทุกนาย ที่ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวแล้วออกไปให้การช่วยเหลือด้วยความรวดเร็ว ตลอดจนพลเมืองดีทุกคนที่ไม่นิ่งดูดายในการรีบให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็วของตำรวจทางหลวงในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะ  “สารวัตรมีน” พ.ต.ท.หญิง นรรศมณญ์ เจริญยิ่ง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เวรสอบสวนในวันดังกล่าว แต่นั่งทำสำนวนการสอบสวนในความรับผิดชอบของตนอยู่ในห้องทำงานของสถานีตำรวจ  เมื่อได้ยินวิทยุดังกล่าวแล้วรีบออกไปช่วยเหลือในทันทีทันใด

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ว่า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'จักรภพ' แง้ม!! จังหวะดีๆ อยากดีเบตกับ ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ ชี้!! เป็นอาหารสมองให้คนไทย ดีกว่าการก่นด่ากันไปวันๆ

(23 ก.ย. 67) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ดีเบต! ดีใจที่การเมืองไทยมีคนดีเบตครบสองข้างเสียที ผมยินดีจะเข้าร่วมในจังหวะดี ๆ เสมอครับ หวังช่วยผลักสาระในการเมืองเราให้กระเถิบสูงขึ้นกว่าอารมณ์ให้มากที่สุด 

ส่วนผู้เล่นหลักที่ผมหวังว่าจะให้เกียรติมาดีเบตกันสักครั้งก็คือ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ คุณปิยบุตร แสงกนกกุล ส่วนท่านอื่น ๆ ก็ยินดีครับ เพียงแต่ดูให้ได้จังหวะและมีหัวข้อดี ๆ หน่อย ผมคิดว่า อาหารสมองคือสิ่งที่พี่น้องประชาชนของเราควรจะได้รับมากกว่าการก่นด่ากันไปวัน ๆ

'พชร์-อานนท์' ปลื้ม!! คนเลือกดูหนังกันเก่งขึ้น ไม่ต้องพึ่ง 'นักวิจารณ์-นักรีวิว' กันอีกต่อไป

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย. 67) ผู้กำกับชื่อดัง 'พชร์ อานนท์' ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

พิสูจน์ออกมาแล้วว่าคนสมัยนี้ดูหนังกันเก่งขึ้นคือดูหนังกันตามรสนิยมชมชอบของตัวเองไม่ต้องพึ่งนักวิจารณ์นักรีวิวกันอีกต่อไป 

อยากปรบมือให้กับคนดูหนังไทยหนังไม่ไทยให้ดัง ๆ เงินเรา ชีวิตเรา เราอยากจะใช้จะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเรา เพราะจะมีจะจนก็ตัวเรา ไม่ต้องไปพึ่งไปฟังคนรอบข้าง เราทำงานเหนื่อยก็ตัวเรา ไม่มีนักวิจารณ์ นักรีวิวมาช่วย เราทำงานพอเราจะซื้อความสุข เราก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเราเอง 

ที่ออกมาพูดแบบนี้ เพราะเราสังเกตดู หนังที่เข้าฉายในระยะไล่เลี่ยกัน ในช่วงนี้หนังบางเรื่องคนชมกันเยอะมาก เพจรีวิว นักวิจารณ์ทั้งที่เป็นเองและแต่งตั้งตัวเองขึ้นมา ต่างชมกันแทบทุกเพจ เลื่อนไปตรงไหนก็เจอแต่คนชมว่าดีว่าทันสมัยว่าล้ำยุค แต่ตรงข้ามกับรายได้ของหนังที่ชมกันเลย เรียกว่าชมกันจนเลือดตาแทบกระเด็น 

ผิดกับหนังที่ถูกด่าจนลิ้นไก่จะทะลุออกจากคอ อย่างเช่น หนังเรื่องวีไอผี และวีณา หนังนอกสายตา รู้มั้ยหนัง 2 เรื่องนี้ทำเงินไปถึงเกือบ 30 ล้าน 2 เรื่องรวมกัน 

ซึ่งมันพิสูจน์ให้เห็นว่า รสนิยมของคนดูหนังมันไม่เหมือนกัน เราก็ไม่ได้บอกว่าหนัง 2 เรื่องนี้เป็นหนังที่ดี 100% แต่คนเลือกที่จะดูเพราะฉะนั้นอย่าดูถูกรสนิยมคนอื่น เงินก็เงินเขา ชีวิตก็ชีวิตเขา ความคิดก็ความคิดเขา จะไปว่าเขาไม่มีสมองไม่มีรสนิยม ต่ำดูหนังไม่เป็นไม่ได้ สมองคนเราเท่ากันแค่ความชอบมันต่างกันไม่ใช่เรื่องที่ผิด 

ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นคิดว่าทุกคนคงเข้าใจคำว่า ประชาธิปไตย กันเป็นอย่างดี ไม่เอาไม่ว่าไม่ด่าไม่บลูลี่คนอื่นถ้าเขาคิดไม่เหมือนเรา และอย่าด่าเราด้วยเพราะเราก็คิดไม่เหมือนคนอื่นเหมือนกัน นาน ๆ อยากจะพูดที โปรดเคารพความคิดความชอบของคนอื่นด้วยแล้วเราจะอยู่กันอย่างมีความสุข จริงมั้ยคนไทย? 

พูดในฐานะผู้กำกับไทยคนนึงที่นั่งดูวงการหนังไทยมายาวนาน และจงโปรดจงรับรู้กันไว้ด้วยว่า ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่อยากเอาเงินของตัวเองออกมาลงทุนแล้วเขาก็อยากได้รับผลการตอบแทนที่คุ้มค่า หรือขอทุนคืนก็ยังดีเงินไม่ได้หากันง่าย ๆ นะสมัยนี้ ใครจะบ้าเอามาให้ขยี้ขย้ำ ละเลงกันได้บ่อย ๆ ละจ๊ะ สังคมมันเปลี่ยนไปเร็ว ๆ จริง อย่าเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ถ้าเราไม่ได้สัมผัสหรือรับรู้มันจริง ๆ

ระทึก!! คนไทยในอังกฤษเจอมิจฉาชีพใช้มือถือไล่สแกนรถ โชคดีไหวตัวทัน ยัน!! เมืองไทยปลอดภัยกว่าเยอะ

(23 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Jay Thongyai' ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ระทึก หลังกลายเป็นผู้ประสบเหตุและรอดมาได้จากการโจรกรรมรถในลอนดอน-สหราชอาณาจักร ระบุว่า...

เจอเหตุการณ์ระทึกขวัญนิดหน่อย เมื่อผมอยู่ในรถคนเดียว ส่วนน้องเจ้าของรถและพี่ที่มาด้วยกันลงไปซื้อของที่ Supermarket 

คันหน้ารถที่ผมนั่งรอ เป็น Mercedes G63 สีขาว สักพักนึงก็มีคนแต่งตัวสไตล์จาไมกัน ทำท่ามากดอะไรบนมือถือข้าง ๆ รถคันหน้า ตอนแรกผมเข้าใจว่าเจ้าของรถ ปรากฏว่า รถที่ผมนั่งรอและล็อกไว้ มีเสียงดัง ปิ๊บ ๆ แล้วรถคลายล็อก โชคดีที่น้องทิ้งกุญแจรถไว้ให้ ผมเลยกระโดดไปฝั่งคนขับ สตาร์ตเครื่อง และล็อกประตูอีกที ตัวแสบรีบเดินผ่านไปและหลบเข้าไปในหลืบด้านหลัง 

อีกไม่เกินสามนาที มีคนผิวสีอีกคนเดินมาท่าทางไม่น่าวางใจ ทำท่ากดมือถือเหมือนกันกับคนแรก รถคันที่ผมนั่งคลายล็อกอีกครั้ง ผมรีบกดล็อกและโทรหาน้องเจ้าของรถ 

โชคดีที่น้องอยู่ไม่ไกล เค้ารีบเดินมาที่รถ ด้วยความสูงของน้องชายผมเกือบ 190 และตัวใหญ่ คนผิวสีเลยรีบเดินไปยืนห่าง ๆ น้องผมรีบถ่ายรูปไว้ พอโดนถ่ายรูป คนผิวสีรีบหลบเข้าไปในหลืบเดียวกันกับคนแรก ผมนี่ใจเต้นตุ๊บ ๆ กะว่าถ้าน้องมาไม่ทัน แล้วมันพยายามจะเข้ารถ ผมคงบีบแตรยาว ๆ คงทำได้เท่านั้น 

จริง ๆ คาดว่าไอเวรตะไลสองคนนั้นคงตั้งใจจะสแกนรถคันหน้า เพราะเป็นรถราคาแพง แต่อาจจะโชคไม่ดี คลื่นที่พวกมันใช้ดันมาตรงกับคลื่นรีโมตคันน้องผม

หลัง ๆ เวลาเดินทางมาต่างประเทศ ผมไม่กล้าใส่เครื่องประดับใด ๆ เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาเยอะ และพี่ ๆ น้อง ๆ ก็คอยเตือนมาตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ ตื่นตาตื่นใจหัวใจเต้นดีเหลือเกิน เลยต้องกินไอติมคลายเครียดครับ

#เมืองไทยปลอดภัยกว่าเยอะ

‘Xiaomi’ ทำยอดขายแซง iPhone รั้งเบอร์ 2 ของโลกในเดือนสิงหาคม ฟาก 'นักวิเคราะห์' ชี้!! คงเป็นช่วงสั้นๆ แต่เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญพลิกตลาด

(23 ก.ย. 67) ไม่นานมานี้ Counterpoint Research บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำ ได้เปิดเผยว่า Xiaomi สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนอันดับ 2 ของโลกในเดือนสิงหาคม 2567 โดยมียอดจัดส่งสมาร์ตโฟนแซงหน้า Apple เป็นครั้งแรก ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Xiaomi ที่มียอดจัดส่งสมาร์ตโฟนเพิ่มขึ้นถึง 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม การครองอันดับ 2 ของ Xiaomi อาจเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ เนื่องจากในเดือนต่อมา คือเดือนกันยายน Apple มีกำหนดเปิดตัว iPhone 16 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายของ Apple พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และน่าจะกลับมาครองตำแหน่งอันดับ 2 อีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน ทางด้านของ Samsung ยังคงครองตำแหน่งผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกไว้ได้ แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้จะเคยสูญเสียตำแหน่งให้กับ Apple ไปเป็นเวลาหลายเดือนก็ตาม ปัจจุบัน Samsung สามารถกลับมาครองบัลลังก์อีกครั้งด้วยส่วนแบ่งตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน

สำหรับการก้าวกระโดดของ Xiaomi ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยเฉพาะในตลาดเอเชียและยุโรป ที่ Xiaomi สามารถนำเสนอสมาร์ตโฟนที่มีคุณภาพสูงในราคาที่แข่งขันได้ ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูงแต่ราคาไม่แพงจนเกินไป

นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมมองว่า แม้การขึ้นแท่นอันดับ 2 ของ Xiaomi จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัท และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟนโลก

'ปลัดแรงงาน' รับ!! ขึ้น 'ค่าแรง 400' สะดุด ไม่ทัน 1 ต.ค.นี้ อ้าง!! รอ 'ธปท.' ส่งตัวแทนคนใหม่ร่วมคณะกรรมการไตรภาคี

(23 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรมการไตรภาคี ถึงการพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ว่า ในวันที่ 24 กันยายน นี้ ไม่สามารถประชุมได้แล้ว เนื่องจากนายเมธี สุภาพงษ์ ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้เป็นแล้ว เนื่องจากลาออกจาก ธปท.ไปแล้ว ซึ่งในการประชุมครั้งที่แล้ว ธปท.ก็ไม่ได้ส่งคนมาเข้าร่วมประชุม พร้อมระบุว่า ไม่รับผิดชอบการกระทำของนายเมธี ที่ร่วมประชุมก่อนหน้านี้ ซึ่งตนได้ทำหนังสือไปยัง ธปท. เพื่อยืนยันเป็นหลักฐานว่า นายเมธีไม่เกี่ยวกับ ธปท.แล้ว ธปท.ต้องส่งผู้แทนคนใหม่มา เพราะเป็นการแต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะฉะนั้น หากจะแต่งตั้งคนใหม่ได้ บุคคลเดิมก็ต้องลาออกจากตำแหน่งก่อน

เมื่อถามย้ำว่าคาดว่าดำเนินการไม่ทันภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ตามที่เคยประกาศไว้ใช่หรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า “น่าจะไม่ทัน เว้นแต่ว่าหากนายเมธีลาออก และมีการเสนอคนมาแทนนายเมธี และเข้า ครม. อาจจะเลื่อนไปอีก 1-2 สัปดาห์”

เมื่อถามว่ากระบวนการหลังนายไพโรจน์ เกษียณอายุราชการ จะเป็นอย่างไรต่อไป นายไพโรจน์ กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ของ ปลัดกระทรวงแรงงานคนใหม่ ที่จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งตนก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และเต็มที่แล้ว

เมื่อถามว่าสรุปแล้วการขึ้นค่าแรง 400 บาท จะทำได้หรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า เรื่องค่าแรงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าไม่อยู่ในห้องประชุม ไม่รู้หรอกว่าการพิจารณาแต่ละประเด็น ฝ่ายนายจ้างก็มีมุมมองหนึ่ง แต่ละคนมีเหตุผล ลูกจ้างเองก็มีเหตุผล ซึ่งภาครัฐต้องผสมผสานมิติความคิดของทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงฝ่ายราชการ มารวมและคิดรูปแบบในการขึ้นค่าแรง ว่าจะขึ้นเท่าไร ซึ่งตนรู้ว่าผู้ใช้แรงงาน ก็รอคำตอบนี้อยู่

'สวีเดน' ยอมจ่ายเงินกว่า 1 ล้านต่อหัว จูงใจกลุ่มผู้อพยพกลับไปยังบ้านเกิด

ไม่นานมานี้ นิวยอร์กไทม์ส ได้รายงานว่า สวีเดนเสนอเงิน 34,000 ดอลลาร์ (ราว 1 ล้านบาท) ผ่านโครงการส่งกลับผู้อพยพโดยสมัครใจแบบจ่ายครั้งเดียว แก่ครอบครัวผู้อพยพในประเทศ เพื่อให้กลับไปยังประเทศบ้านเกิด ตามแผนการปฏิรูปนโยบายผู้ลี้ภัยของสวีเดน ซึ่งถือเป็นวิธีการที่บางชาติในตะวันตกใช้ เพื่อลดจำนวนผู้ลี้ภัยด้วยนั้น

ทั้งนี้ นโยบายใหม่ดังกล่าว ทางรัฐบาลสวีเดนจะจ่ายเงินสูงถึง 350,000 โครนาสวีเดน หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 1,135,631 บาท ให้กับผู้อพยพที่เลือกเดินทางกลับบ้านเกิดโดยสมัครใจ ตั้งแต่ปี 2026 (พ.ศ. 2569) ซึ่งจากเดิมเม็ดเงินในการชดเชยเมื่อปีก่อนหน้าอยู่ที่ ผู้ใหญ่ราว 970 ดอลลาร์ (3.2 หมื่น) และเด็กราว 485 ดอลลาร์ (1.6 หมื่น) จึงไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไรนัก

ย้อนไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน Johan Forssell รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอพผู้ลี้ภัยในสวีเดน กล่าวในแถลงว่า นโยบายใหม่นี้เป็น ‘การก้าวสู่กระบวนทัศน์ใหม่’ หรือการเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์ ในกลุ่มประเทศนอร์ดิก โดยในปี 2015 ได้เปิดพรมแดนรับผู้อพยพจำนวน 162,877 คน ส่วนมากประกอบด้วย ชาวซีเรีย, อัฟกานิสถาน และอิรัก

Johan กล่าวต่อว่า ระบบเงินช่วยเหลือนี้ เริ่มใช้ในปี 1984 ซึ่งการให้เงินช่วยเหลือ ถือเป็นแรงจูงใจให้ผู้อพยพยินยอมกลับบ้านเกิดด้วยความสมัครใจ

ขณะที่ Ludvig Aspling จากพรรคสวีเดนเดโมแครต กล่าวว่า หากมีคนทราบนโนบายดังกล่าว และเงินช่วยเหลือ ก็น่าจะทำให้ผู้อพยพยอมรับข้อเสนอมากขึ้น

นอกจากนี้ นายอุล์ฟ คริสเตอช็อน ที่ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2565 เคยให้คำมั่นไว้ว่า จะดำเนินอย่างเข้มงวดในเรื่องการย้ายถิ่นฐานและอาชญากรรมด้วย

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างตั้งข้อสงสัยว่าจำนวนเงินที่มากขึ้นจะสามารถดึงดูดใจพวกผู้ลี้ภัยให้เดินทางออกไปได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากมีเพียงส่วนน้อย (1 ราย) ที่ยอมรับประโยชน์จากข้อเสนอนี้เมื่อปีที่แล้วเท่านั้น

'มาครง' ผ่าทางตัน!! เขี่ยพรรคอันดับ 1 เป็นฝ่ายค้าน แต่งตั้งรัฐบาลชุดใหม่ด้วยนักการเมืองฝ่ายขวา

(23 ก.ย. 67) เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 67 ว่า ในที่สุดฝรั่งเศสก็ได้รัฐบาลชุดใหม่แล้ว หลังจากยืดเยื้อมานานตั้งแต่การเลือกตั้งที่ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาดในเดือนกรกฎาคม

คณะรัฐมนตรีที่ประกาศโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ได้มีแชล บาร์นีเย อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศวัย 73 ปี เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวเรือใหญ่ในการนำรัฐบาลเสนอแผนงบประมาณปี 2568 เพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินของฝรั่งเศสซึ่งเข้าขั้นเลวร้าย

บาร์นีเย ผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาและอดีตผู้เจรจาของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับเบร็กซิต ต้องทำหน้าที่อันยากลำบากในการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มาครงอนุมัติ ขณะที่พันธมิตรฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นกลุ่มที่มีเสียงมากที่สุดในรัฐสภาพร้อมบดขยี้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ด้วยญัตติไม่ไว้วางใจ หลังจากผิดหวังที่กลุ่มของตนไม่ได้เป็นแกนหลักในรัฐบาลชุดใหม่

กลุ่มแนวร่วมฝ่ายซ้ายกลายเป็นพลังทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสหลังการเลือกตั้งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รับที่นั่งมากเพียงพอต่อการตั้งรัฐบาล

ทั้งนี้ พันธมิตรฝ่ายซ้ายเป็นกลุ่มที่มีเสียงมากที่สุดในรัฐสภา โดยมีฝ่ายกลางของมาครง และฝ่ายขวาจัดได้คะแนนไล่เรียงกันลงมา แต่ไม่มีฝ่ายใดได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ และทั้งสามฝ่ายไม่มีใครยอมจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาลผสม ตลอดจนการนำเสนอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาทำงานร่วมกับมาครง เป็นเหตุให้ฝรั่งเศสต้องรอรัฐบาลใหม่นานกว่า 11 สัปดาห์

มาครงชั่งน้ำหนักทางการเมืองอย่างรอบคอบก่อนเลือกฝ่ายขวามากกว่าฝ่ายซ้าย เขายอมเลือกนายกรัฐมนตรีจากฝั่งขวาเพื่อหวังให้รัฐบาลได้รับการสนับสนุนจากทั้งสายกลางของเขาและฝ่ายอนุรักษนิยม

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดใหม่ได้รับเสียงตอบรับไม่ค่อยดีนักจากฝ่ายขวาจัดที่เรียกคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่าเป็นสัญญาณของการกลับคืนสู่ลัทธิมาโครนิสต์และดูไม่มีอนาคตเลย

ขณะที่ฝ่ายซ้ายจัดเรียกคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า "รัฐบาลของผู้แพ้การเลือกตั้ง และรัฐบาลหัวรุนแรงที่ไม่สนใจประชาธิปไตย"

ก่อนการประกาศคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ ผู้คนหลายพันคนออกมาเดินขบวนบนท้องถนนในกรุงปารีสและเมืองอื่น ๆ ของฝรั่งเศสเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย

พวกเขาคัดค้านคณะรัฐมนตรีซึ่งพวกเขาบอกว่าไม่สะท้อนผลที่แท้จริงของการเลือกตั้ง และรัฐบาลชุดใหม่ไม่มีบุคลากรจากฝ่ายซ้ายเลย ทั้งๆที่ได้ที่นั่งเป็นอันดับหนึ่งในรัฐสภา

มีแชล บาร์นีเยจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 1 ตุลาคม จากนั้นเขามีหน้าที่เร่งด่วนในการส่งแผนงบประมาณไปยังสมัชชาแห่งชาติโดยมุ่งเป้าไปที่การควบคุมการขาดดุลงบประมาณและหนี้สินของฝรั่งเศสที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นด่านทดสอบสำคัญครั้งแรกของรัฐบาลชุดใหม่

ก่อนที่บาร์นีเยจะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ารัฐบาล ฝรั่งเศสกำลังเข้าใกล้สถานะละเมิดกฎงบประมาณของสหภาพยุโรป โดยคาดการณ์ไว้ว่าการขาดดุลภาคสาธารณะของฝรั่งเศสจะสูงถึง 5.6% ของจีดีพีในปีนี้ และสูงเกิน 6% ในปี 2568 ขณะที่กฎของสหภาพยุโรปกำหนดเพดานการขาดดุลไว้ที่ 3% เท่านั้น

บาร์นีเยกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่า "ผมค้นพบว่าสถานการณ์งบประมาณของประเทศนั้นเลวร้ายมาก และสถานการณ์นี้ต้องการมากกว่าแค่คำแถลงที่สวยหรู"

ทั้งนี้ กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ครั้งแรกจะเริ่มในช่วงบ่ายวันที่ 23 กันยายน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top