Monday, 26 May 2025
NewsFeed

‘ช่อ’ แก้เกี้ยว!! ความพ่ายแพ้ ‘พรรคประชาชน’ ที่พิษณุโลก เพราะไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า คนจึงมาใช้สิทธิน้อยกว่าเดิม

(16 ก.ย. 67) น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ หรือ X เกี่ยวกับการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ซึ่งนายจเด็ศ จันทรา หรือบู้ จากพรรคเพื่อไทย (พท.) คว้าชัยชนะเหนือ นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หรือโฟล์ค จากพรรคประชาชน (ปชน.) ระบุว่า...

“สำหรับท่านที่สงสัยว่าทำไมพรรคประชาชนแพ้ คะแนนหายไปไหน 10,000 เพราะ หมออ๋อง เมื่อปี 2566 ได้ถึง 40,000 คะแนน…

“ข้อเท็จจริง คือ เมื่อเทียบเป็น % กับผู้มาใช้สิทธิ์ โดยคิดเป็นสัดส่วนคะแนนที่ได้ เทียบกับคะแนนบัตรดีทั้งหมด…

“หมออ๋องได้ 41.3%
คุณโฟล์คได้ 40.25%
คุณบู้ได้ 48.71%...

“เพราะฉะนั้น ปัจจัยของความพ่ายแพ้ มาจาก 2 สาเหตุหลัก..

“1. เนื่องจากไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า คนมาใช้สิทธิน้อยกว่าเดิม (เลือกตั้ง 66 คนใช้สิทธิ 70% ครั้งนี้ 54%) หมายความว่าเราล้มเหลวในการรณรงค์ให้คนกลับบ้านไปเลือกตั้ง…

“2. พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นจาก 18% เป็น 48% (ไม่ใช่ 2 เท่าตามที่เห็นจากคะแนนดิบ)”

'ตั้ง อาชีวะ' ชี้!! อยู่นิวซีแลนด์ ทำงานรายได้เยอะ แม้ภาษีโหด แต่ก็คุ้มกว่าเมืองไทย

เมื่อวานนี้ (15 ก.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Eakapop Luara' ของนายเอกภพ เหลือรา หรือ 'ตั้ง อาชีวะ' เสื้อแดงฮาร์ดคอร์ และผู้ต้องหาหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาลี้ภัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อปี 2557 ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

Maintenance Engineer and Power.

งานเครื่องกล งานไฟฟ้ากำลัง ขอให้บอกซ่อมได้หมด

ตอนอยู่ไทยเป็นแค่หนุ่มโรงงาน งานดูแลเครื่องจักรซ่อมเครื่องจักรเงินเดือนสูงสุด+OT ได้แค่ 11,005 บาท แถมการเป็นเด็กอาชีวะไทยแม่งเป็นแค่เด็กชายขอบด้วย

แต่พอมา New Zealand งานสายช่างสายอาชีพแบบนี้ เงิน 6 หลัก 7 หลักสบาย ๆ เลยครับ แล้วแบบนี้หรอจะมาคิดแทนผมว่าพวกลี้ภัยอยากกลับไทย ถุยเถอะ ให้ผมทิ้ง NZ ไปเอาเงินหมื่นกว่าบาทที่ไทยไม่ใช่ผมละ ถ้าจะมาขิงอีกว่าเมืองนอกจ่ายภาษีโหด โทษที รายรับรายได้ก็ได้โหดกว่าภาษีที่เสียไปก็แล้วกัน

"ไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านเรา"

นั่นมันบ้านมึงไม่ใช่บ้านกู5555

'ทรัมป์' ถูกลอบสังหารรอบ 2 ขณะตีกอล์ฟในฟลอริดา พบมือลอบสังหารเป็นฝ่ายหนุน 'แฮร์ริส' ประวัติอาชญากรรมเพียบ

(16 ก.ย. 67) สำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า มือปืนต้องสงสัยลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะกำลังตีกอล์ฟในรัฐฟลอริดาในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) เคยประกาศบนสื่อสังคมออนไลน์ในปีนี้ว่า "ประชาธิปไตยอยู่บนบัตรเลือกตั้ง" และ "เราไม่อาจพ่ายแพ้ได้" สะท้อนวาทกรรมต่อต้านทรัมป์ ที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช้บ่อย ๆ

แหล่งข่าวพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ระบุผู้ต้องสงสัยรายนี้คือนายไรอัน เวสลีย์ รูธ วัย 58 ปี ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ระบุว่า รูธ ซึ่งมาจากนอร์ทแคโรไลนาและมีประวัติอาชญากรรมยาวเหยียด บ่อยครั้งมักโพสต์เกี่ยวกับการเมืองและเคยบริจาคเงินให้บรรดาตัวแทนพรรคเดโมแครตหลายต่อหลายครั้ง ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2019

นอกจากนี้ เขายังเคยวิจารณ์ ทรัมป์ อย่างดุเดือด โดยเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่า "ประชาธิปไตยอยู่บนบัตรเลือกตั้งและเราไม่อาจพ่ายแพ้ได้"

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดน และรองประธานาธิบดีแฮร์ริส มักใช้สโลแกนดังกล่าวอยู่เป็นประจำ

ในข้อความที่โพสต์ในวันดังกล่าว เขายังเขียนแนะนำ ไบเดน วัย 81 ปี ซึ่งตอนนั้นยังคงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าให้เดินหน้ารักษา "ความเป็นประชาธิปไตยและความเสรีของอเมริกา" ต่อไป พร้อมกับอ้างว่า ทรัมป์ ต้องการทำให้ "อเมริกันชนเป็นทาสรับใช้"

"ประชาธิปไตยอยู่บนบัตรเลือกตั้ง และเราไม่อาจพ่ายแพ้ได้ เราไม่สามารถล้มเหลว โลกกำลังยึดถือการนำทางของเรา" รูธ ระบุ

ภาษาลักษณะเดียวกันนี้เป็นวาทกรรมที่ แฮร์ริส เดินหน้าใช้มาตลอดการหาเสียงเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เธอกล่าว ณ เวทีหาเสียงที่เมืองซาวานนาห์ รัฐจอร์เจีย ว่า "เรากำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของเรา"

ก่อนหน้านี้ในวันที่ 31 กรกฎาคม แฮร์ริส กล่าวในกิจกรรมหนึ่งในฮิวสตัน ว่า "เสรีภาพพื้นฐานของเราอยู่บนบัตรเลือกตั้ง เช่นเดียวกับประชาธิปไตยของเรา" หลังจากกล่าววาทกรรมแบบเดียวกันนี้ ในอีกกิจกรรมของชมรมหนึ่งในวันเดียวกัน

ทอม ฟิตตอน ประธาน Judicial Watch กลุ่มกฎหมายอนุรักษนิยม ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กโพสต์ว่า "ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ รูธ จะพูดพร่ำวาทกรรมรุนแรงสุดขั้วของ กมลา และ โจ ที่มีต่อ ทรัมป์ และ ณ เวลานี้ มันคือการยั่วยุที่ไม่อาจให้อภัยได้"

เบื้องต้น โฆษกของทั้งไบเดนและแฮร์ริส ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' วิเคราะห์!! เหตุผลที่บางพรรคมักแพ้แล้วแพ้อีก ชี้!! ใช้วิธีคิดผิดๆ สนแต่ปกป้องต่างด้าว น้ำท่วมเหนืออีสานไม่สน

(16 ก.ย. 67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ‘ผิดที่วิธีคิด’ ระบุว่า…

“พรรคการเมืองแพ้แล้วแพ้อีก ได้คิดบ้างไหม มันเกิดอะไรผิดพลาดจากการสื่อสารกับประชาชน คิดไม่ออกจะบอกให้ พรรคนี้มีวิธีคิดที่ไม่ใช่ไทยแต่ลอกฝรั่ง ปกป้องแรงงานต่างด้าวเสนอให้อยู่ไทยนานขึ้น เสนอให้แรงงานต่างด้าวขายของได้ สนใจแต่จะช่วยแรงงานต่างด้าว ไม่เสนอให้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเสียเลย…

“น้ำท่วมเหนืออีสานไม่พูดถึงเลย ไม่สนใจ เท่านั้นยังไม่พอ น้ำท่วมแทนที่จะลงไปดูแล กลับออกมาต่อว่า คนไทยเสียภาษีทำไม แต่ต้องพึ่งอาสาสมัครและเงินบริจาค ชัด ๆ เลยก่อนนี้ สส.เยอรมันตั้งประเด็นคำถาม ทำไมไทยถึงต้องพึ่งอาสาสมัครทำงาน…

“ฝรั่งไม่เคยทำงานฟรี ไม่มีความคิดจิตอาสา ทำงานต้องได้เงิน เสียภาษีแล้วรัฐต้องบริการ แต่อาสาสมัครทุ่มเทด้วยจิตอาสา ไม่คิดถึงเงิน หากอาสาสมัครไม่ช่วย กำลังจนท.เพียงพอหรือ ส่วนเงินบริจาค ท่าน สส.ไม่บริจาคก็ไม่มีใครว่า คนบริจาคด้วยหลักทานมัย แบ่งเบาภาระคนอื่น ไม่มีใครถูกบังคับให้บริจาค เป็นการช่วยเหลือพึ่งพากันเฉพาะหน้าให้ประทังชีวิตได้ไม่อดอยาก ไม่อยากบริจาคก็ควรเฉย ๆ เงียบ ๆ ไว้ อย่าพูด อายเขา…

“วิธีคิดอย่างนี้ ขอให้แพ้เลือกตั้ง ดีแต่ตอ…ไปวัน ๆ talk only no action”

'อดีตทูตนริศโรจน์' เผย!! เหตุการณ์น้ำโขงสูง โทษจีนได้ไม่เต็มปาก ชี้!! ตัวแปร 'พายุยางิ - 50 แม่น้ำสายย่อยในลาวไหลลงโขง' มีส่วนมาก

(16 ก.ย. 67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

“เหตุการณ์น้ำโขงสูงจนท่วมนั้น To be fair โทษจีนได้ไม่เต็มปากครับ เพราะอิทธิพลพายุ 'ยางิ' ครั้งนี้ทำให้เกิดพายุฝนมากในเขตลาว, เวียดนาม, พม่า, ไทย…

“สมัยผมทำงานที่ลาวเคยฟังบรรยายสรุปจาก จนท.องค์กรลุ่มแม่น้ำโขง MRC ถึงทราบว่าในลาวมีแม่น้ำสายย่อยต่าง ๆ รวม 50 สายที่ไหลลงแม่น้ำโขง และแต่ละแห่งก็มีเขื่อนทั้งสิ้น ซึ่งมีอิทธิพลต่อแม่น้ำโขงโดยตรง บางทีอาจส่งผลมากกว่าจีนด้วยซ้ำ…

“มวลน้ำเฉพาะที่ลาวอย่างเดียวก็มหาศาลแล้วครับ…

“แต่คนเข้าใจผิดนึกว่า น้ำจากเขื่อนจีนอย่างเดียว!”

พนักงานโรงงานขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ ต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ สุดท้ายเสียชีวิต

(16 ก.ย. 67) จากเพจ 'หนุ่มสาว-โรงงาน' ได้โพสต์เหตุการณ์กรณีพนักงานโรงงานคนหนึ่งขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ลา เลยต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ จะขอออกโอหัวหน้าก็ไม่ให้ออก สรุปพนักงานคนดังกล่าวไปหาหมอช้าจึงเสียชีวิต ระบุว่า...

หัวหน้าบริษัทดังในนิคมบางปู สมุทรปราการ

ลูกน้องไม่สบายไม่ให้ลูกน้องหยุด บีบบังคับให้น้องมาทำงานทางอ้อม โดยที่น้องไม่เคยหยุดงานเลย

น้องไม่สบายตอนนี้เสียแล้ว 

#ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะครับ

📍เพิ่มเติมให้นะครับ โพสต์ด้านบนตอนแรกเอามาจากคนที่ทำงานน้อง แต่เขาลบไปแล้ว จะสรุปให้นะครับ จริง ๆ คือ น้องเขาจะขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ลา ไม่รู้เขาบีบบังคับแบบไหน น้องเลยต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ จะขอออกโอหัวหน้าก็ไม่ให้ออก สรุปน้องไปหาหมอช้าเลยเสียชีวิต ประมาณนี้ครับ

'ผู้ประสบภัยน้ำท่วม' ตำหนิ!! อาหารรสชาติไม่อร่อย ด้านผู้นำมาแจกรู้สึกผิด ขอโทษที่ต้องลุยน้ำมาให้

(16 ก.ย. 67) โลกโซเชียลแห่วิจารณ์สนั่น หลังมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมโพสต์ตำหนิอาหารที่ผู้ใจบุญนำมาแจกฟรีว่ารสชาติไม่อร่อยและจำเจ ด้านผู้นำมาแจกรู้สึกผิด ขอโทษที่ต้องลุยน้ำมาให้

จากกรณีพายุ 'ยางิ' ถล่มภาคเหนือของประเทศไทย ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.ย. มีรายงานว่า ตัวเมืองเชียงรายหลังน้ำกกลดระดับสาหัสไม่แพ้กัน เศษซากกิ่งไม้-ดินโคลนเต็มพื้นที่ ขณะที่หลายหมู่บ้านพื้นที่ 'แม่ฟ้าหลวง' ยังถูกตัดขาดจากดินสไลด์ปิดถนน จนท.ต้องเดินเท้า-ใช้เฮลิคอปเตอร์ส่งข้าวส่งน้ำช่วยชาวบ้าน

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานต่าง ๆ และภาคประชาชนที่แสดงน้ำใจทำอาหารไปแจกจ่ายผู้ประสบภัย ก็พบว่ามีผู้ประสบภัยบางรายไม่ได้มองเห็นความมีน้ำใจเหล่านี้ โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง เผยภาพโพสต์ของผู้ประสบภัยรายหนึ่ง ออกมาตำหนิอาหารที่นำไปแจกว่ามีแต่ผัดผัก และผัดกะเพรา อีกทั้งตำหนิรสชาติอาหารว่าไม่ได้เรื่อง

ทำให้ผู้โพสต์ต้องออกมาระบุข้อความขอโทษผู้ประสบภัยที่ทำอาหารไม่ถูกปาก นำอาหารไปส่งช้า เนื่องจากต้องลุยน้ำไปส่ง

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวก็ได้มีคนเข้ามาคอมเมนต์และวิพากษ์วิจารณ์ผู้ประสบภัยรายนี้กันเป็นจำนวนมาก

‘รมว.พิชัย’ แถลง 10 นโยบายพาณิชย์ เร่งเครื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส’

(16 ก.ย. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงทิศทางและนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วยที่ห้องกิตติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 

นายพิชัย กล่าวว่า ตนและท่านรัฐมนตรีช่วยทั้งสองท่าน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ได้มอบหมายงานให้ตนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ใช้ความรู้ความสามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยประสบความสำเร็จและตนได้มาพบกับข้าราชการที่นี่เก่งมาก ประทับใจมีประสิทธิภาพสูง ท่านปลัดคล่องแคล่วมีแนวคิดที่ดี 

ตนได้ให้นโยบาย 10 ข้อ บางส่วนเป็นของท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ทำไว้ ตนจะสานต่อและเพิ่มบางเรื่องเข้าไป เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก กระทรวงพาณิชย์จำเป็นจะต้องมีการปรับตัว ปรับแนวคิด โดยคำนึงถึงการค้าและธุรกิจรูปแบบใหม่ โดยนโยบาย 10 ข้อ ประกอบด้วย

1. ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เน้นการลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้ ผ่านการสร้างอาชีพ และช่องทางการจำหน่าย เร่งขยายโอกาส นำเทคโนโลยีนวัตกรรมเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพการค้าให้เป็นรูปธรรม 

2. บริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ประกอบการ โดยผู้บริโภคได้สินค้าดี ราคาเป็นธรรม ขณะที่เกษตรกรและผู้ประกอบการรายได้สุทธิเพิ่มพูนอย่างยั่งยืน

3. ทำงานเชิงรุก ระหว่างพาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการนำสินค้าไทยไปขายในต่างประเทศ โดย ‘รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่’

4. แก้ไขข้อจำกัดของกฎหมายหรือปรับปรุงข้อกฎหมายที่เก่าล้าสมัย ซึ่งพรรคเพื่อไทยเราเน้นแก้ปัญหาข้อกฎหมายที่เก่าล้าสมัย และต้องแก้ให้เร็วเพราะโลกเปลี่ยนเร็ว และมีทั้งเรื่องใหม่ เช่น เรื่อง e-Commerce การปรับกฎหมายให้ทันเป็นเรื่องที่จำเป็น

5. ร่วมขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดและเชื่อมต่อกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

6. เร่งผลักดันการส่งออกให้ตัวเลขเป็นบวกยิ่งกว่าเดิม ผ่านกลไกการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เปิดตลาดการค้าใหม่ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์

7. ผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA เร่งเจรจาให้เร็วที่สุด เพื่อให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นส่งออกให้มากขึ้น หลังจากนี้จะมี FTA กำลังจะเกิดขึ้นอีกหลายประเทศ

8. พานักธุรกิจไทยไปบุกต่างประเทศ อยากเห็นนักธุรกิจไทยเข้มแข็งขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดขึ้นได้จริง

9. ปรับโครงสร้างการส่งออกให้ทันสมัย สินค้าส่งออกไทยเริ่มจะล้าสมัย ต้องทำในธุรกิจใหม่ เช่น เรื่อง PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) ต้องเร่งให้เกิดมากขึ้น ปีที่แล้วมีการลงทุนแล้วกว่า 150,000 ล้านบาท เชื่อว่าอีกไม่นานจะเป็นหลายแสนล้านถึงล้านล้านบาท น่าจะมีธุรกิจที่ต่อเนื่องจากชิปเพิ่มขึ้นในไทยและสินค้าที่ใช้ PCB ไทย เช่น พวกสมาร์ตโฟน สมาร์ตทีวี เป็นต้น หรือ AI Big Data หวังว่าเราจะช่วยสร้าง S-Curve ใหม่ และธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งเทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมที่มีรายได้สูง สามารถสร้างการจ้างงานได้เยอะและเงินเดือนสูง

10. ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงตลาดสินค้ารักสิ่งแวดล้อม ต้องผลิตสินค้าที่โลกให้ความสำคัญ ซึ่งเรื่องสิ่งแวดล้อมต้องระมัดระวังต้องขายของที่รักษ์ธรรมชาติไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นโยบายทั้ง 10 ข้อ จะเป็นทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ตนเชื่อว่าด้วยศักยภาพของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ เราจะสามารถนำพาการค้าการลงทุนของประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้ เพราะมีทั้งคนหนุ่มสาวและคนอาวุโสให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งตนเปิดรับตลอดใครมีไอเดียและแนวคิดพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายมาช่วยพัฒนากระทรวงไปด้วยกัน

‘เพจดัง’ แชร์อุทาหรณ์ รพ.สลับตัวทารกแรกเกิด ‘ไทย-เมียนมา’ โชคดี!! พ่อคนไทยถ่ายรูปลูกไว้ แจ้งให้ รพ. ตามหาลูกได้สำเร็จ

(16 ก.ย. 67) เพจ ‘อีซ้อขยี้ข่าว’ เล่าเหตุการณ์อุทาหรณ์โรงพยาบาลสลับตัวเด็ก โดยได้ระบุข้อความว่า…

“เรื่องคือ ลูกสาวผมเกิดวันที่ 11/8/67 น้องหายใจเร็วเลยต้องแยกห้องกับแม่…แม่นอนห้องพักฟื้นลูกนอนห้องอภิบาล แล้วโรงพยาบาลให้เยี่ยมได้ 18:30 - 20:00 ผมกับแฟนก็ไปเยี่ยมตั้งแต่วันที่ 12 เขาห้ามถ่ายรูปแต่ผมก็แอบถ่ายลูกผมไว้ทุกวันส่งให้แม่ผมดูส่งให้ญาติ ๆ ผมตามปกติ

วันที่ 13-14-15-16 ผมก็ไปเยี่ยมปกติผมก็แอบถ่ายรูปลูกผมทุกวันพอวันที่ 17 ก็ไปเยี่ยม ‘หน้าลูกผมเปลี่ยน จากผมยาวก็สั้น’ จากมีคิ้วคิ้วก็หาย ป้ายชื่อที่ข้อมือซ้ายกับขาขวาก็หาย เสื้อผ้า ผ้าขนหนูก็ไม่ใช่ของลูกผม

ถามพยาบาลว่าป้ายชื่อหายไปไหน เขาบอกว่าอาจหายตอนอาบน้ำ แล้วเสื้อผ้าในกล่องอ่ะครับ อาจจะสลับกันได้ ตอนแรกกะว่าจะเดินดูเด็กทุกคนแต่มีเด็กข้าง ๆ มีการเอกซเรย์เลยต้องออกจากห้องก่อนแล้ว วันที่ 18 ลูกผมครบกำหนด ก็กลับบ้านไปรับกลับบ้าน ผมมองลูกที่ได้กลับมาบ้าน มองยังไงก็ไม่ใช่ลูกผม ผมสับสนกับตัวเองว่าใช่หรือไม่ใช่ ดูรูปที่ถ่ายไว้กับตัวจริงตลอด

จนวันจันทร์ผมได้โทรไปสอบถามโรง’บาลอีกทีว่า…ผมสงสัยว่าไม่ใช่ลูกผม…ผมให้โรงพยาบาลบาลการันตีหรือพูดให้ผมสบายใจหน่อยได้ไหมว่าคนนี้เป็นลูกผม...เขาก็บอกว่าลูกของคุณพ่อไม่เหมือนเด็กคนอื่น ลูกคุณพ่อต้องให้ยา 7 วันที่ข้อมือจะมีรอยช้ำจากการถูกเจาะเลือด มันก็มีจริง ผมก็ถามไปอีกว่าแล้วทำไมผมสั้น ลงคิ้วหายไป...เขาก็บอกว่าเด็กหน้าเปลี่ยนทุกวัน จนคืนวันอังคารผมทนไม่ไหวเลยโพสต์ลงในกลุ่มข่าวกระทุ่มแบนให้เพื่อน ๆ ดูว่าเด็กในรูปคนเดียวกันไหม...ส่วนใหญ่บอกว่าคนละคน แนะนำให้ไปโรงบาลไปตรวจ DNA

เช้าวันพุธที่ 21/8/67 จึงรีบพาลูกกับแฟนไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้พยาบาลฟังทั้งหมด...แล้วก็เริ่มการเจาะเลือดผม แฟนผม แล้วก็เด็กที่ผมนำกลับบ้านไปวันที่ 18/8/67…ผลออกมาคือเด็กกรุ๊ป B ผมกรุ๊ป AB แฟนผมกรุ๊ป A ผมโกรธและโมโหมาก เสียใจมากสงสารลูกผมมาก แล้วรองผ.อ.ก็มาคุย…ผมบอกทำยังไงก็ได้ผมขอเจอลูกผมตัวจริง

วันที่ 21/8/67 ทางโรงพยาบาลก็หามาจนเจอก็มีการเจาะเลือดทั้งสองครอบครัว ครอบครัวเขา B ทั้งบ้าน ส่วนลูกผม AB แล้วผมได้คุยกับอีกครอบครัวนั้น เขาบอกว่าน่าจะสลับวันเสาร์ เพราะเขาก็ว่าอยู่ทำไมลูกเขามีคิ้ว ทั้งที่ตอนแรกไม่มี ครอบครัวนั้นเป็น (พม่า) นะครับ 

ลูกผมถูกให้ยาฆ่าเชื้อเกิน ลูกพม่าถูกให้ยาฆ่าเชื้อขาด กำหนดคือต้อง 7 วันตามที่พยาบาลบอกผม วันแรกที่ลูกผมแยกห้องกับแม่เขาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรไหม ตอนนี้ที่ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบคือเจาะเลือดให้ฟรีแล้วก็พาไปตรวจ DNA ที่โรงบาลรามาฯ

ล่าสุด 15/9/67 ผล DNA ออกแล้ว ผลก็เป็นไปตามนั้น เด็กสลับตัวกันจริง ทางโรงบาลจึงรับผิดชอบโดยให้สิทธิรักษาลูกผมฟรีแบบพิเศษ แบบพิเศษที่เขาว่าคือไม่ต้องต่อคิว ถ้าจะไปรักษาให้โทรไปบอกเขาว่าเป็นไร แต่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง เขาจะเตรียมทำเอกสารไว้ให้จนน้องอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ครับ แค่นั้น

..ผมจึงขอค่าเยียวยาจิตใจไปสองแสนบาท โดยแบ่งให้บ้านของพม่าด้วยหนึ่งแสนบาท...โดยสองครอบครัวไม่ได้เข้าไปคุยพร้อมกันนะครับ คุยคนละวัน แต่ที่หมอบอกเขาจะให้สิทธิเหมือนกันครับทั้งสองครอบครัว...โดยทางโรงพยาบาลบอกว่ารักษาฟรีทำได้เลยทันที ส่วนเงินเขาให้รอไปอีก 2 อาทิตย์แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้ครบไหม อาจจะครบหรือไม่ครบ เขาจะไปลงขันรับบริจาคกันก่อน...มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ??

ไม่เป็นไรรอก็รอครับ เรื่องแบบนี้ทางโรงพยาบาลน่าจะทำให้จบให้เร็วที่สุด ไม่น่าปล่อยเวลาให้มันนานเดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ ฝากด้วยครับเพื่อน ๆ ทำไรอย่าประมาท ทำไรควรมีหลักฐานยืนยัน ในกรณีนี้ถ้าผมไม่มีหลักฐานยืนยัน จบครับ ลูกผมไปอยู่พม่าแล้ว!!!

เป็นกรณีศึกษาไว้นะครับ”

สมุทรปราการ - ‘น้องแชมป์’ เด็กหนุ่มบางพลี!! ดีกรีแชมป์โลก นักเจ็ตสกีทีมชาติไทย ระดมทุนช่วยผู้ประสบภัยเชียงราย

(16 ก.ย. 67) ‘น้องแชมป์’ กษิดิศ ธีระประทีป นักเจ็ตสกีดีกรีแชมป์โลก และยังเป็นนักกีฬาเจ็ตกรีทีมชาติไทยเด็กหนุ่มอำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุดได้เป็นฮีโร่ขวัญใจพี่น้องคนแม่สายจังหวัดเชียงราย โดยน้องแชมป์และทีมเจ็ตสกีร่วมกับทีมงานกันจอมพลัง ได้เข้าช่วยเหลือคุณลุงเขียงหมูซึ่งติดอยู่บนหลังคาร้าน นานกว่า 2 วัน ในอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย จนกระทั่งได้รับคำชื่นชมจากประชาชนในโซเชียลเป็นจำนวนมาก

โดยล่าสุด “น้องแชมป์” หรือ นายกษิดิศ ธีระประทีป นักเจ็ตสกีทีมชาติไทยได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า น้องแชมป์พร้อมด้วยคุณพ่อ หรือ นายไกรสร ธีระประทีป ลงพื้นที่ภายในตลาดเรือบินเพื่อเดินรับบริจาคเงินระดมทุนเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังได้เปิดจุดรับบริจาคบริเวณด้านหน้าร้านย่างเนยภายในตลาดเรือบิน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมี กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า รวมถึงประชาชนและแฟนคลับน้องแชมป์จำนวนมาก ร่วมบริจาคเงินพร้อมทั้งสิ่งของและน้ำดื่มเพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนกับผู้ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

น้องแชมป์ ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีความรู้สึกห่วงใยผู้ที่ประสบอุทกภัยกับเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ นับว่ามวลน้ำค่อนข้างมากและมีกระแสน้ำที่รุนแรงและยากต่อการลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ จึงได้ปรึกษากับทางคุณพ่อเพื่อนำเงินบางส่วนจาก บริษัทไฟว์เคที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายคอนกรีตผสมเสร็จ รวมทั้งเงินกิจการของร้านอาหารย่างเนยภายในตลาดเรือบิน โดยการนำยอดเงินทั้งหมดที่ได้จากการจำหน่ายอาหารภายในร้านของวันนี้ทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายเพื่อนำเงินไปบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

โดยนายสมบัติ เนียมพาง กรรมการสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมารับมอบเงินจากน้องแชมป์ โดยมียอดบริจาครวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 309,080 บาท พร้อมทั้งขอแรงใจจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมส่งแรงใจแรงเชียร์ “น้องแชมป์” ที่จะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันเจ็ตสกีที่ประเทศอเมริกา ในวันที่ 5-6-7 ตุลาคม 2567 นี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top