Monday, 26 May 2025
NewsFeed

ผบ.ตร. รับนโยบายรัฐบาล ลุยน้ำท่วม ตรวจสภาพความเสียหาย ลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือ กำชับตำรวจทุกนายสนับสนุนการกู้ภัย ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

(12 ก.ย.67) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. และคุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ จ.เชียงราย ไปตรวจสอบสภาพความเสียหายของบ้านเรือนพี่น้องประชาชน และสถานีตำรวจ

ในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมคณะฯ ได้เดินทางไปยัง สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย เพื่อตรวจสอบสภาพความเสียหายของบ้านเรือนพี่น้องประชาชน และสถานีตำรวจ โดยมี พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ ให้การต้อนรับ และนำทางคณะฯในการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพความเสียหายของอาคารที่ทำการ ที่พักอาศัย และมอบสิ่งของช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบ

ต่อมาคณะฯได้เดินทางด้วยรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ เข้าไปในพื้นที่ชุมชนเกาะลอย และหมู่บ้านฝั่งหมื่น อ.เมืองเชียงราย ที่ประสบเหตุอุทกภัย เพื่อมอบสิ่งของช่วยเหลือที่จำเป็นในการดำรงชีพให้กับพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่

ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ผบ.ตร.ได้มอบนโยบายกับหัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ หากต้องการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติสนับสนุนด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือสิ่งอุปโภคบริโภคประเภทใด ให้แจ้งขอรับการสนับสนุนมายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทันที โดยจะได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการตามคำขอ

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้กำชับข้าราชการตำรวจทุกนาย ให้สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติของหน่วยกู้ภัย เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งกำชับให้ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ที่อาจมีผู้ไม่หวังดี ฉวยโอกาสนี้ก่อเหตุซ้ำเติมพี่น้องประชาชน

เชียงใหม่- สำนักงานพัฒนาพิงคนคร ประกาศผลและมอบรางวัล ประกวดถ่ายภาพเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 'ท่องเที่ยวครั้งใดคิดถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี'

(13 ก.ย.67) สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดงานประกาศผลและมอบรางวัล กิจกรรมประกวดถ่ายภาพเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 'ท่องเที่ยวครั้งใดคิดถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี' โดยมี นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธาน ณ ห้องประชุมวารีกุญชร สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า การจัดกิจกรรมประกวดถ่ายภาพเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปที่รักการถ่ายภาพ มีโอกาสเรียนรู้และถ่ายทอดเรื่องราว คุณค่าของทรัพยากรสัตว์ป่า บรรยากาศการท่องเที่ยว ความสวยงามของน้ำพุดนตรี และป่าไม้ รวมทั้งระบบนิเวศต่าง ๆ  ภายในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ผ่านภาพถ่ายที่สวยงาม เพื่อสื่อเรื่องราวให้สังคมรับรู้ ตระหนัก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สัตว์ป่า ป่าไม้ และระบบนิเวศต่อไป     

และในกิจกรรมประกวดถ่ายภาพเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ภายใต้แนวคิด 'ท่องเที่ยวครั้งใดคิดถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี' มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 77 ผลงาน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทภาพถ่ายชีวิตสัตว์ป่า จำนวน 49 ผลงาน และประเภทภาพถ่ายกิจกรรมการบริการ จำนวน 28 ผลงาน ได้ทำการคัดเลือก จำนวนประเภทละ 15 ผลงาน รวมเป็น 30 ผลงาน ที่ได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการในวันนี้  

สำหรับผลการประกวดภาพถ่ายเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 'ท่องเที่ยวครั้งใดคิดถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี' ผลงานประเภทที่ 1 ชีวิตสัตว์ป่า รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายชัยพฤกษ์ เคลื่อนเพชร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นางสาววันอธิษฐาน รักอินทร์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายชิษณุพงศ์ กาทิพย์ 

ผลงานประเภทที่ 2 ภาพถ่ายกิจกรรมการบริการ รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายสุทัศน์ ฟองมูล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายทวีศักดิ์ ใจคำสืบ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายสมชาย รักอินทร์ 

พร้อมทั้งได้มอบรางวัลพิเศษ Popular vote จำนวน 3 รางวัล รางวัลละ 2,000 บาท ได้แก่ นายนิสิต แสงสว่าง, นายณัฐภูมิ เสนานิคม และนายอริญชัย ภูผาอนุรักษ์

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประกวดถ่ายภาพนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกท่าน พร้อมทั้งนำประสบการณ์และความสวยงามในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปถ่ายทอดให้ชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวทั่วไปได้รับทราบอย่างแพร่หลายสืบต่อไป

'พล.ต.ท.ประจวบฯ' ตรวจความเรียบร้อยการรักษาความปลอดภัย การประชุมประจำปีองค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา พร้อมชื่นชมตำรวจจับกุมได้รวดเร็ว กรณีชายจากทวีปแอฟริกามีพฤติกรรมแอบอ้างขอถ่ายภาพกับคณะบุคคลสำคัญ (VIP) ของต่างประเทศ เพื่อสร้างโปรไฟล์ตัวเอง

(12 ก.ย.67) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปตรวจความเรียบร้อย การรักษาความปลอดภัย การจัดประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา (Asian - African Legal Consultative Organization: AALCO) สมัยที่ 62 ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ซอยสุขุมวิท 22 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่หัวหน้าส่วนอำนวยการ และสนับสนุน ศปก.ตร.) , พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 , ผู้แทน บช.ส. , ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ , ผู้แทนกรม การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข , ผู้แทนโรงแรมสถานที่ประชุม และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมและร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ณ ที่ทำการส่วนหน้าโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค พร้อมมอบรางวัลชมเชย ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่สามารถติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยที่พยายามที่จะขอเข้าพบ VIP ต่างประเทศ  โดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างรวดเร็ว และมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วยส่วนหนึ่ง

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัยการประชุมดังกล่าวอย่างเต็มที่ พร้อมกล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล , สน.ทองหล่อ , สน.พญาไท และ ตรวจคนเข้าเมือง 1 ที่สามารถติดตามจับกุมชายชาวแอฟริกันที่มีพฤติการแอบอ้างโดยการขอถ่ายภาพกับบุคคลสำคัญในต่างประเทศ หรือคณะวีไอพี ที่เดินทางมาประเทศไทย เพื่อวัตถุประสงค์นำไปใช้อวดอ้างในทางทุจริตเพื่อประโยชน์ของตน

โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น. ได้มีชายชาวแอฟริกัน (ขอสงวนชื่อและสัญชาติ) อายุ 41 ปี มาขอเข้าพบรัฐมนตรีของ 1 ใน 11 ประเทศ ที่มาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ภายในล็อบบี้ของโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาคีย์ ควีนส์ปาร์ค เพื่อขอถ่ายภาพ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ชุด รปภ.บุคคลสำคัญกันเอาไว้  ชายคนดังกล่าวจึงหลบหนีไป ทั้งนี้ เลขาธิการกงสุลใหญ่กิตติมาศักดิ์ของรัฐมนตรีประเทศดังกล่าว ระบุว่า ชายต้องสงสัยคนนี้มีพฤติกรรมมักจะมาขอถ่ายภาพกับบุคคลสำคัญของประเทศ เพื่อนำไปเป็นโปรไฟล์ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล แล้วนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี 

ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งขาติ (ศปก.ตร.) โดย พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าส่วนอำนวยการและสนับสนุน ศปก.ตร. ได้รับรายงานเหตุดังกล่าวแล้ว จึงได้รายงานให้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ทราบ พร้อมรับคำสั่งให้ ศปก.ตร. ประสานการปฏิบัติกับศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สันติบาล และกองการต่างประเทศ ดำเนินการตรวจสอบประวัติต่างๆ ของบุคคลดังกล่าว ว่ามีพฤติการณ์ใดๆ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือมีพฤติกรรมตามที่ได้รับการแจ้งมาจากทางสถานทูตหรือไม่ จากการสืบสวนของชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล , 

สน.ทองหล่อ , สน.พญาไท และ ตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้ดำเนินการตรวจสอบชายต่างชาติดังกล่าว พบว่าชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าว มีที่พักอยู่ที่คอนโดย่านถนนพระราม 2 และเปิดร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่อาคารใบหยก 2 ชั้น 1 ประตูน้ำ เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร วานนี้ (11 กันยายน 2567) เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันตรวจร้านดังกล่าวภายในอาคารใบหยก สกาย ชั้น 1 ตลาดประตูน้ำ พบชายชาวตะวันออกกลาง อายุ 39 ปี กำลังยืนขายสินค้าประเภทเสื้อผ้าภายในร้าน ต่อมาชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวได้เข้ามาที่ร้านและแสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาชายชาวตะวันออกกลาง ว่ากระทำผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าว ผู้มีใบอนุญาตทำงาน แต่ทำงานนอกเหนือประเภทลักษณะงานนายจ้างที่ระบุในใบอนุญาต” ส่วนชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวที่รับว่าเป็นนายจ้างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา “เป็นนายจ้าง ให้แรงงานต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานทำงานโดยผิดเงื่อนไข” ควบคุมตัวส่ง สน.พญาไท ดำเนินคดี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวไปยังถิ่นที่อยู่ตามใบอนุญาตทำงานที่ได้รับอนุญาตเป็นเจ้าของกิจการนั้น เมื่อไปถึงปรากฏพบว่าเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้า ชื่อบริษัท เอสเค เอ็กซ์พอร์ต จำกัด ตั้งอยู่ที่ซอยพระยามนธาตุ แยก 17 แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร จึงร่วมกันตรวจสอบบริษัทซึ่งเปิดดำเนินกิจการผลิตเสื้อผ้าโดยมีชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวเป็นกรรมการผู้จัดการจริง และตรวจพบลูกจ้างชาวเมียนมาอีกจำนวน 9 คน 

ซึ่งทั้ง 9 คนนั้นไม่มีใบอนุญาตทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมาย และยังไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยอีกด้วย จึงได้จับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1-7 ในความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 8-9 ในความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด(OVERSTAY) และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินการตามกฎหมาย และจะได้มีการพิสูจน์ทราบและดำเนินการเพิ่มเติมกับชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวว่ามีพฤติการณ์กระทำผิดอื่นๆ อีกหรือไม่ เพื่อดำเนินมาตรการเพิ่มเติมต่อไป

ฐานทัพเรือสัตหีบ และชาวสัตหีบร่วมใจ 'พัฒนาสวนกรมหลวงชุมพร'

(12 ก.ย.67) พลเรือโท ชยุต นาเวศภูติกร ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วย คุณธัชกร นาเวศภูติกร ประธานชมรมภริยาฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม 'ชาวสัตหีบร่วมใจ พัฒนาสวนกรมหลวงชุมพร' ณ สวนกรมหลวงชุมพรกองทัพเรือ (สวนสาธารณะหนองตะเคียน) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยมี นาย ณรงค์ บุญบรรเจิศศรี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสัตหีบ นาย ไพโรจน์ มาลากุล ณ อยุธยา นายก เทศมนตรีเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจากอำเภอสัตหีบ คณะนายทหาร ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ประชาชนในทุกภาคส่วน เข้าร่วมกิจกรรม 

โดย ฐานทัพเรือสัตหีบ กำหนดจัดกิจกรรม ชาวสัตหีบร่วมใจ พัฒนาสวนกรมหลวงชุมพร โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการปรับปรุง ซ่อมแซม และพัฒนาพื้นที่สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ ให้มีความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความพร้อมในการจัดกิจกรรมสันทนาการ และการออกกำลังกาย สำหรับประชาชนทั่วไป และเป็นการเทิดพระเกียรติ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยได้รับความร่วมมือจาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ อำเภอสัตหีบ เทศบาลเมืองสัตหีบ เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ และประชาชนชาวสัตหีบ กิจกรรมที่ดำเนินการประกอบด้วย การทาสีรั้วด้านถนนสุขุมวิท การทาสีสนามกีฬา อุปกรณ์ออกกำลังกาย และลานกีฬาต่าง ๆ

พลเรือโท ชยุต นาเวศภูติกร กล่าวว่า ขอขอบคุณ อำเภอสัตหีบ เทศบาลเมืองสัตหีบ เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ และประชาชนชาวสัตหีบ เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เสียสละเวลามาร่วมกิจกรรมในวันนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ จะเป็นสถานที่ ที่มีความสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย และมีความพร้อม ในการทำกิจกรรมของชาวสัตหีบ ต่อไป

รอง ผบ.ทร. ติดตามการช่วยเหลือ ปชช.ประสบอุทกภัยในเชียงราย ยืนยันพร้อมช่วยเหลือ ปชช.อย่างเต็มที่

รองผู้บัญชาการทหารเรือ ติดตามการปฏิบัติงานในการช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง พร้อมทั้งให้กำลังใจกำลังพล และยืนยันว่าส่วนกลางพร้อมสนับสนุนสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน อย่างเต็มที่

(12 ก.ย.67) พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (รอง ผอ.ศบภ.ทร.) ตรวจเยี่ยมศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เพื่อติดตามสถานการณ์ ให้กำลังใจ และรับทราบปัญหาอุปสรรคข้อขัดข้อง ตามข้อสั่งการของ ผบ.ทร. ณ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ อ.บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ถือได้ว่าเป็นภัยพิบัติที่รุนแรง และปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย ทั้งนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (ศบภ.ทร.) ให้หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย กองทัพเรือส่วนหน้า ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ประเมินสถานการณ์ และประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ โดย ศบภ.ทร. ได้ส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากส่วนกลางเพิ่มเติม ตามการประเมินสถานการณ์ความรุนแรง ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย

ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ให้ข้อแนะนำแก่ ฝ่ายอำนวยการ ศบภ.ทร. และกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ว่า "การปฏิบัติงานครั้งนี้ สิ่งสำคัญ คือ ความปลอดภัยของกำลังพล ขอให้ทุกนายปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ช่วยเหลือประชาชนให้เร็วและได้รับความปลอดภัย หากมีสิ่งใดที่ต้องการให้ส่วนกลางให้ความช่วยเหลือ ขอให้แจ้งได้ทันที ดังนั้น ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อให้การภารกิจในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จไปด้วยดี และขอให้กำลังพลของเรามีความปลอดภัยทุกนาย…“

เป็นไปตามข้อสั่งการของ ผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้กองทัพเรือ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ อย่างสุดความสามารถจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

'นายกฯ' ประชุมวอร์รูมใหญ่แก้น้ำท่วม จ่อลงพื้นที่เชียงรายพรุ่งนี้ ย้ำข้าราชการไม่ต้องมาต้อนรับ ให้หน้างานอยู่กับประชาชนเป็นหลัก สั่งการดูแลอพยพประชาชน-สัตว์เลี้ยง พร้อมวอนผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เสี่ยง หลังจากนี้เรื่องการเยียวยารัฐบาลจะขอรับไว้เอง

(12 ก.ย.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม , นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย , นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข , นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ , นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยทีมราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี รับฟังรายงานสถานการณ์ และ การช่วยเหลือที่กำลังดำเนินการ จาก กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนหน้า) จ.เชียงราย , ปลัดกระทรวงมหาดไทย , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด , ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และ เชียงใหม่ , กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย , กรมชลประทาน , กองทัพบก , กรมทรัพยากรธรณี , กรมอุตุนิยมวิทยา , GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการว่า ตามที่ได้รับรายงานสถานการณ์ และการช่วยเหลือของส่วนราชการในพื้นที่เบื้องต้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเข้าถึงพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด ขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังนี้

1. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลเรื่องการอพยพประชาชน และสัตว์เลี้ยงให้มีความปลอดภัย ตลอดจนสนับสนุนด้านอาหาร  และน้ำดื่ม รวมถึงอาหารสัตว์ให้เพียงพอ

2. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ที่ศูนย์อพยพ และยารักษาโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง โดยให้แบ่งมอบพื้นที่ กำหนดภารกิจ และหน่วยปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น การดูแลด้านการดำรงชีพ การจัดตั้งศูนย์พักพิง การประกอบอาหาร ถุงยังชีพ การแพทย์ และการสาธารณสุข โดยให้มีการใช้ทรัพยากร และอุปกรณ์เครื่องมือของแต่ละหน่วยงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดูแลความปลอดภัยของทรัพย์สิน และบ้านเรือนของราษฎร

4. เมื่อน้ำลด ให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบ ความเสียหายระบบสาธารณูปโภค ถนน สะพาน ระบบไฟฟ้า และประปา เพื่อสร้างความเข้าใจ รับฟังปัญหาความต้องการ และดำเนินการปรับปรุงให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งแสวงหาความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น หน่วยทหารพัฒนา เพื่อช่วยเหลือประชาชน ร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือน ถนน และพื้นที่สาธารณะที่ถูกน้ำท่วม

5. มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบ และเสริมความมั่นคงแข็งแรงเชิงโครงสร้างให้กับคันกั้นน้ำ และระบบระบายน้ำโดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญ และเร่งรัดปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้โดยเร็ว

ในเรื่องของงกลาง รัฐบาลได้กำหนดการที่จะมีส่วนช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่แค่ตอนเยียวยาแต่ช่วยตอนนี้ด้วย และอยากให้ทุกฝ่ายรักษาชีวิตประชาชนเป็นหลักโดยด่วน และอพยพออกมาจากพื้นที่น้ำท่วมให้เร็วที่สุด นี่คือเหตุจำเป็นและเร่งด่วน

6. ขอให้กรมทรัพยากรธรณี เร่งรัดการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยสูงโดยด่วน เพื่อให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้า และเตรียมการได้ทันเวลา ซึ่งแม้ว่าระบบเตือนภัยจะมีแล้ว แต่ประชาชนจำนวนหนึ่งยังไม่อยากออกมาจากบ้าน เพราะเสียดายทรัพย์สินซึ่ง เราก็เข้าใจว่าการจะทิ้งทรัพย์สินเป็นเรื่องที่เสียดาย แม้ระบบเตือนภัยได้ทำการเตือนแล้ว ซึ่งตนเองอยากบอกพี่น้องประชาชนว่า เราจะขอรับดูเรื่องการเยียวยาและดูแลประชาชน ดังนั้นขอให้ทุกท่านรักษาชีวิตตัวเองก่อน และ ออกมาจากพื้นทีีประสบภัยโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องอื่นรัฐบาลจะช่วยได้ในรูปแบบไหนบ้าง จากนี้จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะช่วยดูแลอย่างดีที่สุด 

7. เนื่องจากประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงฤดูฝน ขอให้ส่วนราชการที่ทำหน้าที่คาดการณ์สภาพอากาศ รวมทั้ง GISTDA ติดตามปริมาณฝน และระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ แนวโน้ม และแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนในชุมชนและหมู่บ้าน ทราบถึงแนวทาง การปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย และช่องทางในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการอพยพ

8. ให้พิจารณาการใช้เงินจากกองทุน และการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย (หากมีผู้ประสงค์จะร่วมบริจาค) โดยมอบหมายสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

9. ขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำในระยะยาวต่อไป

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) ตนและคณะรัฐมนตรีบางส่วน ได้วางแผนว่าจะไปลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อไปดูสถานการณ์จริง และสั่งการได้อย่างเร่งด่วนกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้ทุกภาคส่วนดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างปกติ ไม่ต้องมาต้อนรับ เพราะไม่อยากให้กระทบถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่รอความช่วยเหลือ ตั้งใจที่จะไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ไม่ได้อยากเป็นเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่

“สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานต่อท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นรายวัน หรือเร็วกว่านั้นหากมีสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อที่จะได้ประเมินสถานการณ์ได้ทันเวลา และเตรียมรับมือกับปัญหา ตลอดจนหามาตรการเยียวยาประชาชนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งดิฉันจะเข้ามาติดตามงานด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด” นายกรัฐมตรี กล่าวจบในที่สุด

คุณยายวัย 72 สู้ชีวิต ขายโดนัทชิ้นละ 10 บาท หลังถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่เคยท้อแท้!! ยิ้มสู้และมีความหวัง เชื่อมั่นว่าการพึ่งพาตัวเองนั้นดีที่สุด

(15 ก.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘แรงงานเพื่อสังคม’ ได้โพสต์ข้อความโดยระบุว่า …

คุณยายใหม่อายุ 72 ปี ต้องเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต เมื่อไม่มีลูกหลานดูแล แถมยังถูกไล่ออกจากบ้านเช่า แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง คุณยายไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา หันมาพึ่งพาตัวเองด้วยการขายโดนัทชิ้นละ 10 บาท เพื่อหาเลี้ยงชีพ ( พิกัดขายแถวจรัญฯ 25 ครับ )

คุณยายใหม่อาจจะไม่มีครอบครัวคอยดูแล แต่เธอก็ไม่เคยคิดท้อแท้หรือขอพึ่งใคร เธอเชื่อมั่นว่าการพึ่งพาตัวเองนั้นดีที่สุด แม้จะต้องต่อสู้กับความยากลำบากเพียงลำพัง แต่คุณยายก็ยังคงยิ้มสู้และมีความหวัง

เรื่องราวของคุณยายใหม่เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน ที่กำลังเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในชีวิต แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ หรือต้องเจอกับสถานการณ์ใด หากมีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ ก็สามารถผ่านพ้นไปได้เสมอ

‘อนุชา บูรพชัยศรี’ ย้ำ!! ร่างพรบ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ จะสร้างความเจริญ พร้อมชู!! ‘เศรษฐกิจ BCG’ ควบคู่อุตสาหกรรม New S-Cruve

(15 ก.ย. 67) นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรี ว่า

ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ SEC ซึ่งเป็นแนวคิดจากของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการสร้างยุทธศาสตร์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนให้กับภาคใต้ 

ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้นี้จะเป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้กับภาคใต้โดยเฉพาะอุตสาหกรรม BGC ซึ่งจะเป็นการสร้าง New S-Cruve ให้กับทั้งภาคใต้และประเทศไทย จากเดิมที่เศรษฐกิจหลักมาจากภาคการเกษตรและการประมง 

และขอฝากไปยังรัฐบาลว่า นโยบาย ภารกิจ หรือโครงการต่าง ๆ ของรัฐนั้นไม่ได้เป็นของพรรคใด พรรคหนึ่ง หรือนายกรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง สิ่งใดที่ส่งผลดีต่อประเทศและประชาชนจะต้องมีการดำเนินการต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาและสานต่อ ยกตัวอย่างเช่น กองทุนกู้ยืมทางการศึกษาหรือ กยศ. และ 30 บาทรักษาทุกโรค 

หากมีการแบ่งแยกนโยบาย การพัฒนาประเทศคงเป็นเปลี่ยนแปลงทุก ๆ 4 ปี แล้วประชาชนจะคาดหวังได้อย่างไรว่าการเมืองที่ขาดเสถียรภาพและความยั่งยืนเช่นที่กล่าวมาจะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้

ประชาธิปัตย์ยุคใหม่เพิ่มบทบาทระหว่างประเทศ ผนึกพรรคการเมืองในเอเชียลดขัดแย้งร่วมมือแบบสร้างสรรค์ส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

(15 ก.ย. 67) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ อดีตรัฐมนตรีและส.ส. พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยภายหลังการเยือนประเทศญี่ปุ่นวันนี้ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้เป็นตัวแทนพรรคในฐานะที่ตนเคยเป็นเลขาธิการและเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มก่อตั้ง CALD เข้าร่วมภารกิจและการประชุมคณะกรรมการบริหารของสภาพรรคการเมืองเสรีนิยมประชาธิปไตยแห่งเอเชีย(CALD : Council for Asian Liberals and Democrats) ที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศตอบโจทย์อนาคตในปัญหาความท้าทายใหม่โดยได้มีการกำหนดบทบาทร่วมกันโดยเฉพาะการส่งเสริมคุณค่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เสรีภาพและหลักนิติรัฐนิติธรรม รวมทั้งการเพิ่มบทบาทของสตรีและเยาวชนคนรุ่นใหม่ทางการเมือง การยกระดับศักยภาพพรรคการเมือง ตลอดจนปัญหาปัจจุบันเช่น ประเด็น ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลก สังคมสูงวัย เทคโนโลยีดิสรัปชั่น ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกจากนี้ภายหลังการเยือนรัฐสภาญี่ปุ่น ผู้แทนพรรครัฐธรรมนูญประชาธิปไตย(Constitutional Democratic Party)ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่อันดับ2ของญี่ปุ่นได้หารือสถานการณ์ในประเทศเมียนมาร์ และขอความร่วมมือพรรคประชาธิปัตย์ในด้านการช่วยเหลือชาวเมียนมาร์ด้านมนุษยธรรมที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบภายในประเทศซึ่งตนได้ตอบรับและแจ้งว่า รัฐบาลไทยมีแนวทางการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมภายใต้“แนวทางระเบียงมนุษยธรรม”(Humanitarian Corridor)พร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นยังได้แลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือกับพรรครัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ศูนย์ความร่วมมือแลกเปลี่ยนนานาชาติแห่งญี่ปุ่น(Japan Center for International Exchang)และองค์กร ศูนย์กลางเอ็นจีโอ.ความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(Japan NGO Center for International Cooperation)เป็นต้น “การเพิ่มบทบาทในการขยายความร่วมมือกับพรรคการเมืองและองค์กรระหว่างประเทศในเอเซียและภูมิภาคต่างๆทั่วโลกของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นนโยบายใหม่และเป็นภารกิจสำคัญในการส่งเสริมอุดมการณ์ประชาธิปไตย ความเสมอภาค สิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน การลดความขัดแย้งและเพิ่มความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในยุคสมัยแห่งความผันผวนของโลกปัจจุบัน” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด สำหรับสภาพรรคการเมืองเสรีนิยมประชาธิปไตยแห่งเอเชียก่อตั้งที่กรุงเทพเมื่อ31ปีที่แล้วมีพรรคการเมืองในประเทศต่างๆเป็นสมาชิกเช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ มาเลเซีย ศรีลังกา มองโกเลีย กัมพูชา ญี่ปุ่น ไทย ฯลฯ

เชียงใหม่-อบจ.เชียงใหม่ จัดกิจกรรมวิ่งและการแสดงดนตรี 𝐂𝐡𝐢𝐚𝐧𝐠 𝐌𝐚𝐢 𝐌𝐮𝐬𝐢𝐜 𝐉𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲 𝟒 𝐱 𝐓𝐰𝐢𝐥𝐢𝐠𝐡𝐭 𝐑𝐮𝐧 𝟑

เมื่อวันที่ (14 ก.ย. 67) ที่ สวนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมวิ่งและการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 (𝐂𝐡𝐢𝐚𝐧𝐠 𝐌𝐚𝐢 𝐌𝐮𝐬𝐢𝐜 𝐉𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲 𝟒 𝐱 𝐓𝐰𝐢𝐥𝐢𝐠𝐡𝐭 𝐑𝐮𝐧 𝟑)  ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติและปกป้องสถาบันกษัตริย์และสถาบันสำคัญของชาติ โดยมี นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยดร.วันดี กุญชรยาคง นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมงานจำนวนมาก

กิจกรรมดังกล่าวนอกจะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังจัดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วง Low season โดยการใช้กิจกรรมการวิ่งมินิมาราธอน และการแสดงดนตรี จากศิลปินชื่อดังมากมายอาทิ  แนนซี่ ท๊อปไลน์ ,QRRA ,WANYAI ,แหลม สมพล ,ฟักกลิ้ง ฮีโร ,กระแต เพื่อให้ประชาชนและนักท่องดที่ยวได้ร่วมสนุกออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ ภายในงาน ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร มากมายให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเลือกทาน อีกด้วย

นภาพร/เชียงใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top