Sunday, 22 June 2025
NewsFeed

‘เศรษฐา’ ห่วง ‘เศรษฐกิจ’ ชี้!! ต้องใช้ ยาแรงกระตุ้น หวัง ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ กอบกู้การบริโภคช่วยพี่น้องปชช.

(13 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟสบุ๊กว่า ...

การอุปโภคบริโภคในประเทศของคนไทย ถือว่าอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง ที่ผ่านมาเราโชคดีที่พยุงเศรษฐกิจส่วนนี้ไว้ด้วยการท่องเที่ยว คนไทยจำนวนมากกำลังอ่อนแรง การใช้จ่ายที่ลดลงทำให้โรงงาน ภาคการผลิต การจ้างงาน อ่อนลงตาม ซึ่งหากไม่กระตุ้นให้แรงพอ เศรษฐกิจก็จะฟื้นไม่ได้ 

กระเป๋าเงินดิจิทัลจะเป็นยาแรงที่มากอบกู้เศรษฐกิจในภาคการบริโภค เชื่อมโยงไปสู่ภาคการผลิต และอีกหลายๆ มาตรการที่ออกไป เช่น การลดราคาพลังงาน การพักหนี้ การขอให้ธนาคารช่วยลดดอกเบี้ยสำหรับกลุ่มเปราะบาง ก็จะเพิ่มสภาพคล่องให้กับทุกๆ ครัวเรือน และพี่น้องประชาชนทุกคน 

สุดท้ายจะทิ้งการท่องเที่ยวไม่ได้ เพราะยังเป็นตัวแบกเศรษฐกิจอยู่ในปัจจุบันและปีหน้านี้ จึงเป็นที่มาของการโปรโมทการท่องเที่ยว ดึงดูดเงินต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

‘หนุ่มใหญ่ สุราษฎร์’ บุกยิง!! พนักงานการไฟฟ้าฯ ตำรวจปิดล้อมนานกว่า 3 ชม. ก่อนควบคุมตัวได้ 

เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.67) นายสมชาย เพชรถาวร อายุ 50 ปี ชาวบ้านห้วยทรายขาว หมู่ที่ 6 ต.สาคู อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ได้ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปที่สำนักงานการไฟฟ้าอำเภอพระแสง พร้อมอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด และปืนสั้นอีก 1 กระบอก เมื่อไปถึงนายสมชาย จอดรถและไม่พูดจา ยกปืนลูกซองยาวยิงใส่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าที่ยืนอยู่หน้าสำนักงาน ประมาณ 2- 3 นัด โชคดีกระสุนไม่ถูกใคร แต่พนักงานไฟฟ้า 4-5 คนต่างตกใจวิ่งหนีตายกันอลหม่าน กระสุนปืนถูกที่ตัวอาคารได้รับความเสียหาย จากนั้นนายสมชาย ได้เดินไปที่รถกระบะของการไฟฟ้า พร้อมกับใช้ท้ายปืนตีกระจกรถจนแตกกระจาย ก่อนเดินไปทุบกระจกที่ประตูเข้าสำนักงานและกระจกด้านหน้าอาคารจนกระจกแตกกระจาย 

หลังจากระบายอารมณ์ด้วยความโกรธแค้นแล้ว ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกไปและขับตรงไปห้างซุปเปอร์ชิปที่อยู่ไม่ห่างจากสำนักงานไฟฟ้าไม่มากนัก จากนั้นถือปืนเดินเข้าไปในห้าง ชาวบ้านและพนักงานต่างต้องวิ่งหนีออกจากห้างกันอลหม่าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นสถานที่ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นมา พร้อมกันทุกคนออกจากห้าง ปล่อยนายสมชาย อยู่ภายในห้างคนเดียว โดยทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการกดดันหรือเข้าเจรจาแต่อย่างใด

ส่วนสาเหตุนายสมชาย ก่อเหตุในครั้งชาวบ้านบอกว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าได้ไปตัดไฟฟ้าและยกหม้อไฟฟ้า นายสมชายกลับมาบ้านพบว่าถูกตัดไฟฟ้าจึงมีอารมณ์โกรธจัด จึงเอาปืนไปก่อเหตุดังกล่าว

ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. วันเดียวกัน นายสมชาย ได้เดินออกจากห้างมาที่ลานจอดรถ โดยเอาปืนลูกซองสะพายไหล่ พร้อมกับขับรถจักรยานยนต์ออกจากลานจอดรถ จังหวะนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มตัวอยู่ได้วิ่งกรูกันเข้าชาร์จจับกุมตัวนายสมชาย ได้โดยละม่อม พร้อมกับอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด อาวุธปืนสั้นขนาด .357 และเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้น ยังพบว่านายสมชายพกมีดพกด้ามงาช้างมาอีก 1 เล่ม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปควบคุมตัวที่ สภ.พระแสง เพื่อให้สงบสติอารมณ์ก่อนแล้วจะทำสอบปากคำดำเนินคดีต่อไป ท่ามกลางประชาชนที่เฝ้าดูสถานการณ์จำนวนมาก

‘อัครเดช’ หารือในสภาฯ เดินหน้า แก้ปัญหาให้ชาวบ้านโป่ง สร้างที่จอดรถ-ติดไฟส่องสว่าง-ซ่อมถนน บรรเทาความเดือดร้อน ปชช.

เมื่อเร็วๆนี้ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์ที่ผ่านมานายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ วอน!! กระทรวงสาธารณสุข สร้างอาคารจอดรถ รองรับผู้มาใช้บริการ รพ.บ้านโป่ง 

ในขณะเดียวกัน ก็ยังได้ขอให้ กระทรวงมหาดไทย ติดตั้งไฟส่องสว่าง ถ.เลียบคลองชลประทาน หลังพบว่า มีไฟเพียงฝั่งขวาฝั่งเดียว พร้อมขอกรมป่าไม้ เร่งอนุญาตให้ อบจ.ราชบุรี เข้าซ่อมถนน บรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้าน

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ว่า จากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนชาวบ้านโป่ง ได้ฝากปัญหาความเดือดร้อน 3 เรื่อง เพื่อประสานให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาดําเนินการแก้ไขต่อไป เรื่องแรก เป็นปัญหาที่จอดรถของโรงพยาบาลโป่ง ซึ่งมีไม่เพียงพอในการรองรับประชาชนที่มาใช้บริการ 

ขณะเดียวกัน อาคารนิราพาธพิธาน โรงพยาบาลบ้านโป่ง อาคาร 9 ชั้น ซึ่งตนได้ผลักดันและได้เป็นกรรมาธิการงบประมาณในการอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว เมื่อครั้งเป็น สส.สมัยที่แล้ว และอาคารดังกล่าวกําลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จ แน่นอนว่า เมื่ออาคารนี้สร้างเสร็จ จะมีพี่น้องประชาชนเดินทางมาใช้บริการกันเป็นจํานวนมาก และปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมานั่นก็คือ ปัญหาเรื่องที่จอดรถ เพราะในปัจจุบันที่จอดรถของโรงพยาบาลบ้านโป่งนั้นก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว 

ดังนั้น จึงอยากจะขอให้ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาสร้างอาคารจอดรถขนาด 300 คันให้กับโรงพยาบาลโป่งเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่มารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลโป่งด้วย 

สำหรับเรื่องที่สอง ได้รับการร้องเรียนจากทางพี่น้องประชาชน ตําบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง ว่า ถนนเส้นเลียบคลองชลประทานคลอง 1 ขวา 5 ซ้าย ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตําบลท่าผา ซึ่งเป็นถนนเลียบคลองฝั่งขวาเข้าหมู่บ้านหลักหก ปัจจุบันนี้มีไฟส่องสว่างดี แต่ทว่าฝั่งซ้ายกลับยังไม่มีไฟส่องสว่าง ซึ่งเป็นถนนที่เข้าหมู่บ้านโพธิ์ทองในพื้นที่หมู่ที่ 12 และหมู่ 9 ของตําบลท่าผา จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาดําเนินการติดไฟส่องสว่างให้พี่น้องประชาชนด้วย

ขณะที่ เรื่องที่ 3 ปัจจุบันสะพานบ้านโป่ง ซึ่งเป็นสะพานหลักในการข้ามแม่น้ำแม่กลอง เชื่อมระหว่างบ้านโป่งฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออก ขณะนี้ อยู่ระหว่างการปิดใช้งาน เพื่อก่อสร้างสะพาน และขยายถนน จาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร เพื่อรองรับถนน 4 เลน ที่กําลังก่อสร้างจาก ต.หนองปลาหมอ ไป ต.เบิกไพร ซึ่งขณะนี้พี่น้องประชาชนต้องใช้สะพานวัดโกสินารายณ์ เชื่อมกับสะพานวัดลาดบัวขาว ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันถนนที่เชื่อมจากสะพานนี้ไปถึง หมู่ที่ 11 บ้านโป่งลาน ต.เบิกไพร มีสภาพชำรุดเสียหายอย่างมาก จึงขอให้กรมป่าไม้ เร่งพิจารณาอนุญาตให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ได้เข้าไปเร่งปรับปรุงพื้นผิวการจราจร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนต่อไป

‘สรรเพชญ’ ถาม ‘รัฐบาล’ ผู้กล้าหาญปราบยางเถื่อนหายไปไหน?? เหตุใดราคายางลดฮวบ ลั่น!! ถนัดเคลมผลงานไปเรื่อย โกหกปชช.

(13 ก.ค.67) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นกรณีสถานการณ์ราคายางพาราในประเทศที่ลดฮวบ ซึ่งในพื้นที่ท้องถิ่นมีการรับซื้อจริงเหลือประมาณ 57 บาท/กิโลกรัมและน้ำยางลดเหลือ 61 บาท/กิโลกรัม จากเดิมที่ควรจะถึงระดับ 100 บาท/กิโลกรัม โดยในเรื่องนี้นายสรรเพชญกล่าวว่า หากย้อนกลับไปช่วงที่มีการอภิปรายในรัฐสภา ท่านอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย และท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องราคายางไว้ด้วยความเป็นห่วงว่าราคายางจะลดลง เพราะในขณะนั้นราคายางที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากเป็นไปตามกลไกของตลาดเพราะอยู่ในช่วงฤดูยางพาราผลัดเปลี่ยนใบ ซึ่งชาวสวนยางจะไม่กรีดยาง น้ำยางพาราจึงมีน้อยราคาจึงสูงขึ้น ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง 

แต่รัฐบาลโดยท่านนายกเศรษฐา และท่านรัฐมนตรีเกษตรฯ ร้อยเอกธรรมนัส ก็ต่างพูดกันอย่างเสียงแข็งว่าเป็นเพราะผลงานของรัฐบาลที่เดินหน้าปราบยางเถื่อนทำให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 10 ปี เมื่อมาพิจารณาราคายาง ณ ปัจจุบัน เหตุใดราคายางจึงลดลงเป็นอย่างมากหรือเป็นเพราะรัฐบาลไม่ได้ทำงานจริงจังในเรื่องของการปราบยางเถื่อนแล้วราคาจึงลดฮวบลงแล้วส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวสวนยางเช่นนี้ นายสรรเพชญจึงได้ขอให้รัฐบาลเร่งทำงานให้สมกับที่ได้คุยโวไว้ในสภาว่ารัฐบาลนี้ทำผลงานเรื่องราคายางไว้เป็นประวัติศาสตร์ เพราะหากรัฐบาลนิ่งเฉยหรือไม่ทำอะไร ตนเป็นกังวลว่าจะเป็นการเคลมผลงานโกหกประชาชนไปวัน ๆ เท่านั้น

นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ยังขอให้รัฐบาลได้ฟังเสียงของสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยที่ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางที่ลดลงอย่างต่อเนื่องอย่างเร่งด่วนในการช่วยเหลือชาวสวนยางต่อไป

'ธุรกิจจีน' โชว์!! เจาะฐานล่างปิรามิดไทย ใครบอกทำราคาถูกไม่ได้ จีนทำให้ดู สะท้อนอีกมุม!! แรงกระตุ้น Demand ไทยหนใหม่ อาจเกิดได้ใต้ลมหนุนจากทุนจีน

(13 ก.ค.67) 'โค้ชเป๊ก' ปุณยวีร์ จันทรขจร วิทยากรด้านการลงทุนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Punyawe Chantarakajorn' ระบุว่า...

กระบวนท่าหมัดมวยจีนรอบนี้น่าสนใจมาก 

** ใครบอกทำราคาถูกไม่ได้ จีนทำให้ดู **
- ผู้ประกอบการไทยบอกลดราคาไม่ได้เเล้ว ธุรกิจจะไม่รอดเเล้ว แต่จีนทำให้ดูเลย --- Cost of Goods Sold สูงเหรอ เดี๋ยวไปกว้านซื้อวัตถุดิบมาให้  --- SG&A สูงเหรอเดี๋ยวเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย จ้างแรงงานราคาถูกเข้ามาเเทนคนไทยค่าตัวเเพงแถมงานไม่ค่อยเดิน --- ภาษีสูงเหรอ ไม่เป็นไรมีช่องทางกฎหมายให้เล่นได้ 

>>> ทุกบรรทัดที่เป็นต้นทุนจ่ายในการงบ P&L จีนจัดการได้หมด เพราะผู้ประกอบการเค้าไม่ได้มาเดี่ยวๆ ทื่อๆ แต่เค้ามาเป็นองคพายพ มาลุยทั้ง Eco-System 

** ดูด Supply เเล้วค่อยปั่นราคาเก็บกำไรทีหลัง ** 
- มันคือการเล่นกับ Demand-Supply เหมือนเกมที่เล่นกับล้งทุเรียน เริ่มการไปกว้านซื้อล้งเพื่อดูด Supply ให้มากที่สุดเเล้วลดราคาให้ต่ำกว่าตลาดก่อน ผู้ประกอบการเจ้าไหนทนไม่ได้ก็ขายล้งออกมา นายทุนก็รับซื้อเหมือนได้ Distress Asset 

>>> จากนั้นค่อยดึงเอาทรัพยากร ดึง Know-how ดึง Eco-System มาให้หมด เพราะวันไหนที่คุม Supply ได้เเล้ว Pricing Power จะกลับมาอยู่ในมือเอง มันคล้ายๆกับเกมหุ้นที่เจ้ามือทุบหุ้นเพื่อรวบ Float ก่อน เเล้วพอได้จำนวนครบเมื่อไหร่ ราคาเป้าหมายจบตามที่คุยกันไว้ที่สนามกอล์ฟ

 ** ผู้บริโภคชนะ (แต่อาจในระยะสั้น) **
- เอาแบบมองโลกในเเง่ร้ายหน่อย เมื่อสินค้าเเละบริการราคาถูกทั้งตลาด คนที่ชนะในช่วงแรกคือผู้บริโภค ลองนึกถึงอุตสาหกรรม Food Delivery ที่เน้นดึง User จนกว่าจะตายกันไปข้าง ! คนสั่งรู้สึกโชคดีได้กินชานมไข่มุกมาส่งถึงออฟฟิศถูกกว่าเดินไปซื้อหน้าร้านเองด้วยซ้ำ  

>>> But If you're not paying for the product, you are the product เพราะในระยะยาวเมื่อเราคุ้นชินกับแพลตฟอร์มนั้นติดจนเป็นนิสัยเเล้ว อำนาจการ "คุมตลาด" กลับไปที่แพลตฟอร์มทันที 

โจทย์ใหญ่ในระยะยาวคือ การที่ Business Landscape แต่ละอุตสาหกรรมของไทยจะโดนทุนจีนเข้ามาทดเเทนได้เรื่อยๆ เราไปกันไงต่อแบบนี้ เพราะผู้บริโภคไม่ช่วยนะ ฉันประหยัดเงินของฉัน ใครจะทำไม ! (และก็ไม่ใช่เรื่องผิดของเค้าเช่นกัน) 

** Price-Distortion กดให้ถูกได้ ก็ดึงให้แพงได้ **
- ราคาบ้านหรูชานเมืองตอนนี้ แทบจะเริ่มกันที่ 39 ล้านบาทต่อหลัง คนนั่งบีทีเอสไปทำงานในเมืองเกาหัวทุกวันแล้วคิดในใจว่า นี่กูต้องทำมาหากินอะไรวะ !!? ถึงจะซื้อบ้านหลังละหลายสิบล้านได้ (ว่าแล้วก็เฝแวะซื้อ MIXUE ก่อนเข้าออฟฟิศซะหน่อย ) /// แต่เศรษฐีจีนบอกสบายเทียบกับฮ่องกงแล้วถูกกว่าเยอะมาซื้อในไทยดีกว่า ส่งลูกมาเรียนอินเตอร์ได้ด้วย 

แถมเข้าทาง Developer ที่ไม่อยากขายคนไทยเท่าไหร่ มาร์จิ้นสู้ขายต่างชาติไม่ได้ กลายเป็นราคาบ้านดันพุ่งขึ้นจาก Demand ต่างชาติซะงั้น ราคามันก็เพี้ยนสิครับ ก็เลยไม่เเปลกว่าทำไม Home price to Income Ratio บ้านเรามันสูงนัก หรือมันเป็นสัญญาณบอกแล้วว่าชนชั้นกลางส่วนใหญ่เริ่มไม่มีปัญญาซื้อบ้านในตัวเมืองเเละชานเมืองเเล้วเรียบร้อย 

** เทรนด์ที่เลี่ยงได้ยาก ** 
- ยุทธศาสตร์ของจีนประกาศชัดอยู่เเล้วครับว่าจะโตด้วยการส่งออก เพราะ Demand ในประเทศมันวิกฤต !! วัยรุ่นตกงานเยอะแยะ สินทรัพย์คนมีเงินขึ้นมาหน่อยก็อยู่ในอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมีปัญหาอยู่ 

เพราะฉะนั้นไอ้เรื่อง Over-Capacity ในประเทศมันต้องแก้ด้วยการส่งไปนอกประเทศ เพื่อให้โลกทั้งใบช่วย Absorb สิ่งที่จีนผลิตได้ ซึ่งถ้าเอาตามตำรานะ จีนคือ Deflation Exporter ไปเเล้ว 

** ชนกับทั้งโลก ** 
- จีนส่ง TEMU แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ์ (บริษัทลูก PDD) ไปชนกับ AMAZON จีนส่ง SHEIN ไปชนกับแพลตฟอร์มขายเสื้อผ้าออนไลน์ทั้งโลก --- เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่รายย่อยครับ แต่จีนชนหมดไม่สนลูกใคร เพราะมันคือ Low Price Strategy มันคือกลยุทธ์ Affordability ที่จีนถนัดอยู่เเล้ว

** Agenda ระดับประเทศ ** 
- สมมติมองแค่ในอาเซียน เวียดนามปรับกลยุทธ์มาเป็นมิตรกับจีนในแบบนึง อินโดนีเซียก็เปิดหน้าชนกับจีนในเเบบนึง บ้านเราเองก็ต้องมีกลยุทธ์เเละกฎเกณฑ์ให้มันชัดๆ แบบนึง ส่วนประเทศลาวไปทำอีท่าไหนไม่รู้ ตอนนี้หนี้สาธารณะของประเทศถึง 3 ใน 4 มีจีนเป็นเจ้าหนี้ไปแล้วเรียบร้อย --- ไอ้การมายึดภาคธุรกิจนี่ว่าน่ากลัวแล้วนะ เจอ Debt Slave เเบบลาวเข้าไปนี่หนักเลย !! 

เเละถ้ามองเเบบไม่ Bias เกินไปนัก ...

ประเทศที่ขนเงินมาลงทุนในไทยสามประเทศหลักๆคือ ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และจีน ---- และในวันที่ Demand ในประเทศมัน Crash ไปแล้วจากหนี้ครัวเรือนในระดับสูง มันเลยเลี่ยงไม่ได้ที่ไทยเราต้องพึ่งพาเม็ดเงินจากต่างชาติด้วยการผ่อนปรนกฎเกณฑ์อะไรบางอย่างในทั้งสัดส่วนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ จนมาถึงการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ทางธุรกิจที่มันชัดเจน 

และมองในมุมผู้บริโภคมันคือ ราคาที่คนในฐานล่างของปิรามิดที่ถูกละเลยมานาน สามารถเข้าถึงได้ และถ้ามองแบบภาพสวยๆ มันคือ การลดความเหลื่อมล้ำของชนชั้นแรงงานที่ปัจจุบันค่าแรงวันนึงกินข้าวในห้างได้มื้อเดียว (ผมเห็น Articles นี้เเวบๆ เมื่อวานเเละเห็นด้วยอย่างมาก)

เราอาจต้องยอมรับแล้วครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็น 'สัญญาณ' ให้เตรียมตัว ให้ปรับตัว เพราะจากนี้ไปการมีความได้เปรียบเป็น Economy of Scale อาจเป็น MOAT ในการทำธุรกิจที่เปราะบางที่สุดเพราะนักธุรกิจจีน 'ทำดี' และ 'ทำถึง' ถูกใจผู้บริโภคมากๆ 

"จง-ไท่-อี้-เจีย-ชิน" 
จีน-ไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน 

สิบปีจากนี้เราจะเป็นพี่น้องกันเเบบไหน
น่าสนใจในการติดตามครับ

กาฬสินธุ์ปลูกป่าศาสตร์พระราชาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงของชุมชน รมว.กลาโหมเปิดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ  พร้อมนำทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมโครงการปลูกป่าศาสตร์พระราชาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจแ

วันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ที่บริเวณพื้นที่ 28 ไร่ โครงการ คทช. ต.ภูปอ อ.เมือง  จ.กาฬสินธุ์ ดร.สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ และเปิดโครงการปลูกป่าศาสตร์พระราชาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงของชุมชน

โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์  นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ นายวิทยา ปัญจมาตย์ ผอ.ทสจ.กาฬสินธุ์ นายสำเนียง หวังเจริญ ท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์ ดร.พรพิทักษ์ แม้นศิริ ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1  หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า  1,000 คน 

ทั้งนี้สืบเนื่องจากการประชุมเสวนาเพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเกษตรอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลนาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยมี ดร.สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ซึ่งเป็นที่มาของรูปแบบการพัฒนาที่ชื่อว่า "กาฬสินธุ์โมเดล" โดยมีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวทางโครงการ คทช. โดยทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนเกษตรกรทุกๆ ด้าน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการผลิต การตลาด การบริหารจัดการองค์กรเศรษฐกิจ และการสร้างความมั่นคงในชุมชนท้องถิ่น จึงได้จัด โครงการปลูกป่าศาสตร์พระราชาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงของชุมชน ขึ้น เพื่อให้สอดรับกับแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

สำหรับการปลูกป่าในครั้งนี้เป็นการบูรณาการระหว่างจังหวัดกาฬสินธุ์และส่วนราชการในจังหวัด  มูลนิธิพลังอีสานเพื่อการพัฒนาจังหวัดกาฬสินธุ์  เครือข่ายสมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน  เครือข่าย ป.ป.ช. ภาคประชาสังคมภาคอีสาน อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เทศบาลตำบลภูปอ  และสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น

รวมพลังเยาวชน กองทัพเรือ สร้างสรรค์ชุมชนปลอดยาเสพติดกองทัพเรือ โดยศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมการอบรมเยาวชนและแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 นาวาเอก กฤษดา จิระไตรพร รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดกิจกรรมการอบรมเยาวชนและแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด ณ โรงเรียนบ้านบึงต้นชัน ตำบลชากบก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยมี นางรุ่งกานต์ คงชูชาติ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบึงต้นชัน ให้การต้อนรับ

โดยกิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยของยาเสพติดแก่เยาวชน และส่งเสริมการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ผ่านการเล่นกีฬา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด การอบรมและแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาก อำเภอบ้านค่าย สาธารณสุขอำเภอบ้านค่าย รวมถึงคณะครูและนักเรียนฯ โดยมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การบรรยาย เรื่องการป้องกันยาเสพติด โดยวิทยากรจาก โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการจิตวิทยา ฐานทัพเรือสัตหีบ อบรมให้ความรู้ และร่วมกิจกรรมนันทนาการ เล่นเกมส์ และการแข่งขันเกมกีฬาต่าง ๆ ให้กับน้อง ๆ

ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทัพเรือภาคที่ 1 ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปลอดจากยาเสพติด เพื่ออนาคตที่ดีของเยาวชนในพื้นที่

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

'นักธุรกิจฟาร์มปลาสวยงาม' เปิดข้อมูลตอกหน้าแก๊งล้มเจ้า  หลังกุเรื่องนำเข้า 'ปลาหมอคางดำ' เพื่อพัฒนาพันธุ์ปลานิล

(13 ก.ค.67) นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา นักธุรกิจ ฟาร์มปลาสวยงาม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Nitipat Bhandhumachinda ว่า เมื่อเช้าอ่านเจอโพสต์หนึ่งที่กล่าวในทำนองว่า ปลาหมอคางดำเป็นปลาที่นำเข้ามาเพื่อพัฒนาปลานิลจิตรลดา โดยมีการระบุด้วยว่าเป็นปลานิลจิตรลดารุ่นที่สาม เนื่องจากในรายงานนั้น ปลานิลจิตรลดารุ่นที่สาม มีการพัฒนาจากสายพันธุ์หลายชนิดรวมทั้งปลานิลจากประเทศกานา

ก็เลยอยากจะเรียนให้ทราบว่า ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดารุ่นที่สามนั้น เป็นผลผลิตของการนำปลาที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ปลานิลเพื่อการบริโภค ซึ่งเป็นผลงานการวิจัยที่ทำการทดลองกันที่ หน่วยงานวิจัย ICLARM ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยการผสมชนิดปลานิลหลายๆสายพันธุ์(รวมทั้งสายพันธุ์จิตรลดารุ่นก่อนๆ)จนได้ลูกที่เรียกกันว่า GIFT (Genetic Improvement of Farmed Tilapia) รุ่นที่ ๕

และได้นำลูกปลาสายพันธุ์ผสมในรูปแบบสายพันธุ์ที่พัฒนามาแล้วรุ่นนี้จากหน่วยงานการวิจัยดังกล่าว เข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พศ. ๒๕๓๘ และก็มีการวิจัยพัฒนาต่อเนื่องจนสามารถนำออกมาจำหน่ายจ่ายแจกให้กับเกษตรกรในชื่อรุ่น ‘นิลจิตรลดารุ่นที่ ๓’ ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากการนำปลาชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งเป็นชนิดแท้ (ในกรณีนี้คือปลาหมอคางดำ) เข้ามาในประเทศแล้วหลุดรอดออกไปจนเกิดปัญหาการรุกรานดังที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้นะครับ

จึงขอเรียนนำเสนอข้อเท็จจริงให้ทราบ เผื่อใครจะคิดว่าต้นเหตุปัญหาเกิดจากโครงการปลานิลจิตรลดาครับ

โดยมีผู้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคอมเมนต์ว่า "นำเข้าปลาหมอคางดำเพื่อปรับปรุงพันธุ์ปลานิล" ฟังดูมันต้องเอ๊ะหรือเปล่า ปลานิลกับปลาหมอ ชื่อมันไม่คล้ายกัน มันคนละสายพันธุ์กันไหมนะ

ปลานิล ชื่อวิทยาศาสตร์ Oreochromis niloticus (Linn.)

ปลาหมอสีคางดำ ชื่อวิทยาศาสตร์ Sorotheodon Melanotheron

คนละ genus กัน ผสมข้ามกันไม่ได้นะครับ ถ้า genus เดียวกัน แต่ต่าง species ผสมกันได้ลูก แต่ลูกเป็นหมัน ถ้า species เดียวกัน แต่ต่าง subspecies ผสมกันได้ ได้ลูกผสมครับ การปรับปรุงพันธุ์จะใช้วิธีนี้ ความรู้ชีวะวิทยา ม.ปลาย (ซึ่งเดี๋ยวนี้เห็นบาง รร.สอนเรื่องนี้ในระดับประถม!!!) ใครเชื่อเรื่องนี้ เรียกควายยังสงสารควายเลยครับ 

นายนิธิพัฒน์ ตอบกลับว่า ‘คนเราถ้ามุ่งแต่จะหาเรื่องกันแล้ว ก็สามารถจับแพะชนแกะได้สม่ำเสมอแหละครับ’

มีรายงานเพิ่มเติมว่า หนึ่งในผู้ที่โพสต์ข้อมูลบิดเบือนเรื่องปลาหมอคางดำเพื่อหวังใส่ร้ายโจมตีสถาบันก็คือ นายนิธิวัต วรรณศิริ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ซึ่งหลบหนี้อยู่ในประเทศฝรั่งเศส เจ้าของเฟซบุ๊ก ‘จอมไฟเย็น ปฏิกษัตริย์นิยม’ ได้โพสต์ข้อความว่า ‘ปลานิลคางดำ ถูกนำเข้ามาพัฒนาสายพันธุ์ปลานิลจิตรลดา จนได้สายพันธุ์นิลจิตรลดา 3’

สมุทรปราการ-ครอบครัว “พาณิชย์พิศาล” บริจาคทุนทรัพย์กว่า 2 ล้านบาท บูรณะปฏิสังขรณ์ศาลาการเปรียญหลังชำรุดทรุดโทรมมานาน

เมื่อวันที่13 กรกฎาคม 2567 ภายในศาลาการเปรียญ ณ วัดมหาวงษ์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีพิธีฉลองศาลาการเปรียญ โดยทางครอบครัวพาณิชย์พิศาล นำโดย นายอัครนันท์ พาณิชย์พิศาล นำครอบครัวพาณิชย์พิศาล โดยมี นางธัญยธรณ์ นางสาวปิยนุช และผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงเกศริน พาณิชย์พิศาล ครอบครัวเศรษฐีผู้ใจบุญ ที่ได้บริจาคทุนทรัพย์เป็นจำนวนเงินกว่า 2 ล้านบาท

นำไปบูรณะศาลาการเปรียญหลังเดิมที่ทรุดโทรมมานานและไม่สามารถประกอบพิธีทางศาสนาได้ เนื่องจากหลังคามีรอยแตกร้าวเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดน้ำรั่วซึมและศาลาหลังดังกล่าวมีสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนไม่สามารถใช้ประกอบพิธีทางศาสนาได้ อีกทั้ง ทางวัดมหาวงษ์ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการบูรณะ กระทั่งทางครอบครัวพาณิชย์พิศาลได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ส่วนตัวในการซ่อมแซมศาลาการเปรียญให้กลับมาใช้งานได้ดั่งเดิม

โดยในวันนี้ทางคณะสงฆ์วัดมหาวงษ์ตลอดจนพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์จากวัดต่างๆ ร่วมประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและร่วมฉลองศาลาการเปรียญหลังดังกล่าว ซึ่งบริเวณด้านหน้าศาลาจะมีป้ายเขียนว่า ศาลาการเปรียญบูรณะโดย คุณอัครนันท์-คุณธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาลและครอบครัว

ทางด้าน นายอัครนันท์ กล่าวว่า เนื่องจากหลังคาศาลาการเปรียญ ที่บริเวณ ชั้น 2 เกิดชำรุดกระเบื้องมีรอยแตกร้าว รั่วมานานหลายปี ประกอบกับภายในก็ทรุดโทรมไม่เคยได้รับการบูรณะ ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งจะส่งผลเสียและทรุดโทรมลงไปทุกวัน จึงได้ปรึกษากับทางครอบครัวโดยร่วมใจกันบูรณะ โดยให้ช่างรื้อหลังคาและฝ้าออกมา พบว่าถูกปลวกกินจนเสียหายเป็นจำนวนมากจึงได้ทำการปรับปรุงทำหลังคาใหม่และรีโนเวทภายในให้มีความสวยงาม ทาสีใหม่ ประดับไฟภายในใหม่ อีกทั้งปรับเปลี่ยนระบบไฟฟ้าเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด รวมทั้งห้องน้ำด้านบนโดยใช้เงินในการบูรณะทั้งหมดกว่า 2 ล้านบาท โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นเวลา 210 วัน วันนี้จึงได้ทำพิธีฉลองศาลาและทำบุญเลี้ยงพระเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว

ด้านนางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล กล่าวว่า เข้าพรรษานี้พระภิกษุสงฆ์ก็สามารถใช้ศาลาการเปรียญ ชั้น 2 ในการประกอบพิธีทางศาสนาได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้ที่จะมาถือศีลก็สามารถมานอนค้างที่วัดได้สะดวกสบาย เพราะก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้บูรณะหลังคารั่ว มีน้ำไหลนอง จนไหลมาถึงชั้นล่าง ทำให้ไม่สามารถใช้ศาลานี้ประกอบพิธีทางสงฆ์ได้ วันนี้จึงถือว่าได้ฤกษ์งามยามดี และมีประชาชนมาร่วมพิธีฉลองศาลา ร่วมพิธีทำบุญเลี้ยงพระกันเป็นจำนวนมาก ได้อิ่มบุญกันถ้วนหน้า เพราะทั้งพระภิกษุสงฆ์สามารถใช้ศาลาประกอบพิธีทางสงฆ์ได้และประชาชนก็ใช้ศาลามาในการทำบุญได้ตามปกติ

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

'อหิวาตกโรค' ภัยร้ายที่ยังคงมีในเมียนมา หากต้องแวะมา อย่าลืมรับวัคซีนแต่เนิ่นๆ

ไม่นานมานี้สาธารณสุขเมียนมาประกาศว่ามีอหิวาตกโรคระบาดในย่างกุ้ง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายสิบราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็ก

ต้องยอมรับว่าอหิวาตกโรค หรือ โรคห่า เป็นโรคประจำถิ่นที่เกิดจากการดื่มกินน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนเชื้ออหิวาห์เข้าไปทำให้เกิดโรคขึ้น 

โรคอหิวาตกโรคไม่ได้เพิ่งมาระบาดในเมียนมา แต่ในปี 2015 ก็มีรายงานการระบาดของอหิวาต์มาแล้วในหมู่บ้านก๊อกกาเร็กใกล้เมืองเมียวดี

ทางสถานทูตไทยในย่างกุ้งได้แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่อาศัยในเมียนมาให้ดื่มน้ำสะอาด งดรับประทานน้ำแข็งและทานอาหารปรุงสุก รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารค้างมื้อ อาหารทะเล อาหารดิบและอาหารที่มีแมลงวันตอม รวมถึงการใช้มือรับประทานอาหาร

สำหรับนักท่องเที่ยวในไทย เรามีวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์เช่นกัน มีทั้งแบบเชื้อเป็นและเชื้อตาย

วัคซีนแบบเชื้อตายเป็นวัคซีนรับประทาน ต้องทาน 2 ครั้ง ระยะเวลาห่างกัน 1-6 สัปดาห์ ในขณะที่วัคซีนแบบเชื้อเป็น จะเป็นแบบรับประทานครั้งเดียวก่อนเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการติดเชื้ออหิวาตกโรค โดยต้องรับประทานก่อนเดินทางเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน

ดังนั้นหากใครต้องการเดินทางไปยังเมียนมาในช่วงนี้ขอให้เตรียมตัวในการรับวัคซีนด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top