Sunday, 22 June 2025
NewsFeed

‘มหาดไทย’ ขยายฟรีวีซ่าเข้าไทยเพิ่มเป็น ‘93 ประเทศ’ 'หนุนท่องเที่ยว-ติดต่อธุรกิจ-ทำงานระยะสั้น' เริ่ม 15 ก.ค.นี้

(12 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ซึ่งต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Travelling) กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทย 4 ฉบับ เพื่อปรับปรุงมาตรการการตรวจลงตรา ให้เป็นปัจจุบันสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ทั่วโลกมุ่งแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้พิจารณาและลงนามประกาศทั้ง 4 ฉบับแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนาม จากนั้นจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและทุกฉบับมีผลบังคับพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 67 เป็นต้นไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า สำหรับประกาศกระทรวงมหาดไทยทั้ง 4 ฉบับ มีดังนี้

1.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศและดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงานหรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน หกสิบวัน เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดรายชื่อประเทศ/ดินแดนที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา (ยกเว้นวีซ่า หรือ วีซ่าฟรี) สามารถพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 60 วัน (ผ.60) เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจและการทำงานระยะสั้น จำนวน 93 ประเทศ/ดินแดน เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ 57 ประเทศ/ดินแดน

2.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือ เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจะขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง มีสาระสำคัญ เป็นการปรับปรุงรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VOA) เป็น 31 ประเทศ/ดินแดน เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ จำนวน 19 ประเทศ/ดินแดน

3.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญ เป็นการเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ Destination Thailand Visa (DTV) สำหรับชาวที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทยเพื่อทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน (workcation) ได้แก่ กลุ่มที่มีทักษะสูง กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มทำงานระยะไกล หรือกลุ่มที่ประสงค์มาพำนักเพื่อเรียนมวยไทยและศิลปะป้องกันตัว การเรียนทำอาหาร การเรียนและฝึกซ้อมกีฬา การรักษาพยาบาล การอบรม การสัมมนา การจัดแสดงศิลปะและดนตรี โดยเมื่อได้รับการตรวจลงตราประเภท DTV แล้วจะสามารถพำนักในประเทศไทยได้ครั้งละไม่เกิน 180 อายุการตรวจลงตรา 5 ปี

4.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อศึกษาและทำงาน เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป ที่ได้รับการตรวจลงตรา Non-Immigrant Visa รหัส ED เพื่อดึงดูดผู้ที่มีศักยภาพและทักษะเข้าสู่ตลาดแรงงานของประเทศ โดยขยายเวลาพำนักในประเทศไทยหลังสำเร็จการศึกษา 1 ปี เพื่อหางาน เดินทางท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ในประเทศไทยได้

"เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ออกลาดตระเวนเหยียบกับระเบิดอาการสาหัส พัชรวาทย้ำให้การช่วยเหลือเต็มที่"

11 กรกฎาคม 2567 นายพิชัย วัชรวงศ์ไพบูรย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้รายงานสถานการณ์กรณีเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก จ.ศรีสะเกษ เหยียบกับระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอาการสาหัส ทราบชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บคือนายปรีชา ใสกระจ่าง อายุ 51 ปี พนักงานราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพิทักษ์ภูพะยอม โดยในเวลาประมาณ 13.30 น. ขณะออกลาดตระเวนเชิงคุณภาพ บริเวณจุดพิกัด 432168E 1595537N ในพื้นที่ป่าพนมสวาย ท้องที่ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ขณะออกติดตามร่องรอยของกลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะเข้ามาลักลอบตัดไม้ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก

นายปรีชาฯ เหยียบกับระเบิดไม่ทราบชนิด ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณขาซ้ายขาด สะเก็ดระเบิดโดนแขนซ้ายนิ้วโป้งกับนิ้วซ้ายขาด เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลอำเภอขุนหาญ และส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ โดยขณะนี้แพทย์ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อได้รับรายงานจากนายพิชัยฯ จึงได้รายงานให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบแล้ว โดยพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ได้เน้นย้ำให้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มกำลังความสามารถ  และอธิบดีฯก็ได้แจ้งข้อสั่งการของพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทราบ และดำเนินการแล้ว พร้อมทั้งให้กำชับเจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง ในการปฏิบัติหน้าที่ออกลาดตระเวนพื้นที่ป่าซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบเหตุเหยียบกับระเบิดขึ้นอีก โดยขอให้ประสานกับหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของทหาร ตลอดจนการออกลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ในการปฏิบัติหน้าที่

เชียงใหม่-ขนส่งเชียงใหม่ เชิญชวนประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวย (รถเก๋ง) หมวดอักษร งบ รายได้นำเข้ากองทุน กปถ.

เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กรกฏาคม 2567 เวลา 14.00 น. ที่ สำนักงานขนส่งแห่งที่ 2 (แม่เหียะ) สํานักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวการจัดประมูลป้ายเลขสวย รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (รถเก๋ง) หมวดอักษร งบ ประมูลทางวาจาและทางอินเทอร์เน็ต วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

นายมานพ พุทธวงค์ ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สํานักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กําหนดจัดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย (รถเก๋ง) ครั้งที่ 34 หมวดอักษร งบ “เงินมั่งคั่ง งานมั่งคง บริหารธุรกิจรุ่งเรือง” จํานวน 301 หมายเลข ประมูลทางวาจา (เคาะไม้) และทางอินเทอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ www.tabienrod.com โดยสามารถลงทะเบียน เลือกเลข และราคาที่พอใจตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยจะปิดการประมูล ในวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

การประมูลหมายเลขทะเบียนรถเก๋ง (เลขสวย) ในครั้งนี้ ในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) แผ่นป้ายที่จะนําออกประมูลเป็นแผ่นป้ายภาพกราฟฟิคที่มีสีสันสวยงาม มีเอกลักษณ์และความหมายบ่งบอก ความเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ตามคําขวัญจังหวัดเชียงใหม่ “ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์” ซึ่งจะสื่อความหมายของจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นจังหวัดที่มีความเจริญรุ่งเรือง สงบ ร่มเย็น ประชาชนมีความสุขโดยถ้วนหน้า อันจะส่งผลให้ผู้ที่ครอบครองป้ายดังกล่าวจะมีแต่ความเจริญ เป็นสิริมงคล รถที่ใช้อยู่จะนําพาให้มีทรัพย์เพิ่มพูนทวียิ่งๆขึ้นไป

กรมการขนส่งทางบกได้นําหมายเลขทะเบียนรถซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยมของประชาชน สําหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ออกประมูลเป็นการทั่วไปเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิ เข้าร่วมการประมูลอย่างเสมอภาค เท่าเทียมกัน ด้วยความโปร่งใส และเป็นธรรม โดยรายได้ทั้งหมดนําเข้า กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อนําไปสนับสนุนโครงการที่สร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เช่น โครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลต่าง ๆ โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ โครงการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ศูนย์ควบคุมสถานตรวจสภาพรถเอกชน และจัดสรรเงิน เป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน เป็นต้น

สํานักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกท่าน และพี่น้อง ประชาชนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในจังหวัดใด สนใจป้ายที่มีความหมายสื่อถึงความเป็นคนเชียงใหม่ สามารถเข้าร่วมการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย และร่วมทําบุญสร้างกุศลโดยการร่วมประมูล หมายเลขทะเบียนรถเลขสวยและแผ่นป้ายทะเบียนรถหมวดอักษรงบ“เงินมั่งคั่งงานมั่งคง บริหารธุรกิจรุ่งเรือง” ครั้งนี้ ได้ทําพิธีเสริมสิริมงคลแผ่นป้ายทะเบียนรถ

โดยพระธรรมเสนาบดี รองเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาส วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรมหาวิหาร ประกอบพิธีอธิษฐานจิต ประพรมน้ําพระพุทธมนต์ และเจิมแผ่นป้าย ณ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชมหาวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง ผู้เป็นเจ้าของหมายเลข ทะเบียนรถเลขสวยให้มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มทวีคูณยิ่งๆขึ้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายทะเบียนรถ 061 268 2266, 061 270 5454 และที่หมายเลข 1584
 

อุทยานฯผาแดง จับกุมผู้ต้องหาลักลอบแปรรูปไม้ ขยายผลอายัดไม้ต้องสงสัยคาบ้านผู้ร่วมขบวนการ

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าตามข้อสั่งการของพล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้ทำงานในเชิงรุกด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดลักลอบล่าสัตว์ ตัดไม้ทำลายป่า ตลอดจนการขยายผลเพื่อจับกุมขบวนการ นายทุนรายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานภาคสนามรับไปปฏิบัติแล้วนั้น ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากนายประกาศิต ระวิวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดง จังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่าเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 คณะเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติผาแดงที่ 5 (แม่จา) ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าพบการทำไม้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแดง บริเวณป่าด้านทิศตะวันตกบ้านทุ่งข้าวพวง หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงได้เข้าตรวจสอบในบริเวณดังกล่าว ตรวจพบร่องรอยการชักลากไม้ จึงกระจายกำลังเข้าตรวจสอบในบริเวณใกล้เคียง ในระยะทางประมาณ 500 เมตร พบกระท่อมและชายต้องสงสัย ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนายกอ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี เป็นราษฎรในพื้นที่ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบกระท่อม พบไม้ประดู่ จำนวน 7 ท่อน ไม้ประดู่แผ่น จำนวน 3 แผ่น เมื่อสอบถามนายกอแล้ว ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานที่มาของไม้ มาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางการกระทำผิดสำหรับแปรรูปไม้ อาวุธปืนแก๊ป และตรวจสอบพบยาบ้า ในย่าม จำนวน 2 เม็ด จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสภ.นาหวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ต่อมา ผู้ต้องหาได้ให้การซัดทอดผู้ร่วมขบวนการ ชื่อนายอ่าง และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบว่ามีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ จึงได้มอบหมายให้นายนรินธร สวัสดิ์รักษ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดง ขอหมายศาลจากศาลแขวงเชียงดาว เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 122 ม. 1 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ภายในบ้านพบนางบัวผัน (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นแม่ยายของนายอ่างฯอยู่ภายในบ้าน  เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังเข้าตรวจสอบภายในบ้านซึ่งเป็นบ้านปูน 1 ชั้นภายในกั้นเป็น 3 ห้อง บริเวณข้างบ้านพบกองไม้ประดู่และไม้สัก กองอยู่ข้างบ้าน แบ่งเป็นไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 43 แผ่น ไม้สักแปรรูป จำนวน 12 แผ่น โดยนางบัวผันฯแจ้งว่าไม้ดังกล่าวเป็นของนายศราวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) หรือนายอ่าง ซึ่งเป็นลูกเขยของตน พร้อมทั้งนำเอกสารการครอบครองไม้จำนวน 2 ฉบับ มาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่เนื่องจากไม้มีเป็นจำนวนมากและเป็นไม้หวงห้าม เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการอายัดไม้ดังกล่าวไว้ เพื่อนำไปตรวจสอบความถูกต้อง พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในเบื้องต้นที่สภ.นาหวาย ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่าไม้ที่กองอยู่ภายในบ้าน และเอกสารหลักฐานการได้มาของไม้ไม่ถูกต้องตรงกัน จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ต่อไป

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทยจัดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รุ่นที่ 1 ภาคเหนือ

นางสาวอมรศรี รัศมิทัต ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ระหว่างวันที่ 11 – 13 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องประชุมโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย / กรรมการภาคเหนือ ผู้แทนจากตำรวจภูธรภาค 5 และภาค 6 ผู้แทนจากหน่วยงานสาธารณสุขทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต แขกผู้มีเกียรติ ร่วมงาน

นางสาวอมรศรี รัศมิทัต ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตและการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านได้รับความรู้ มีความเข้าใจในเรื่องสิทธิด้านต่างๆสำหรับคนพิการ โดยเฉพาะการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรงและการฆ่าตัวตาย รวมทั้งเน้นให้เห็นความสำคัญของครอบครัวเพื่อลดความรุนแรง รวมทั้งเพื่อให้ได้แนวทาง และขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

นางสาวอุษาวดี สีขาว เลขานุการสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตภาคเหนือ กล่าวว่าโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดแกนนำเครือข่ายภาคปฏิบัติ ที่มีความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตเมื่ออยู่ในภาวะต่างๆได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และทันเหตุการณเพื่อให้ได้แนวทาง และขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี  ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จากการทำแผนงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม  2546 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 21 ปี การจัดโครงการฯในวันนี้ ดำเนินการระหว่างวันที่ 11 - 13 กรกฎาคม 2567 โดยจะมีการจัดกิจกรรมทั้งหมดจำนวน 5 รุ่น แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 ภาคเหนือ จำนวน 140 คน รุ่นที่ 2 ภาคกลาง จำนวน 139 คน รุ่นที่ 3 ภาคอีสาน จำนวน 154 คน รุ่นที่ 4 ภาคใต้ จำนวน 117 คน และรุ่นที่ 5 ภาคตะวันออก จำนวน 76 คน รวมกลุ่มเป้าหมายทั้งโครงการจำนวน 626 คน

กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการในรุ่นที่ 1 ภาคเหนือ มาจากคณะกรรมการภาคเหนือหรือผู้แทน กรรมการและกรรมการที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตภาคเหนือ ผู้แทนตำตรวจภูธรภาค 5 และภาค 6 ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ผู้แทนจากหน่วยงานสาธารณสุขทั้ง 17 จังหวัด ผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต ผู้สังเกตการณ์ วิทยากรและคณะทำงาน รวมจำนวน 140 คน คาดว่าจะได้รับ แกนนำเครือข่ายผ่านการฝึกอบรม และมีความรู้ความเข้าใจ ขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตเมื่ออยู่ในภาวะต่างๆได้อย่างถูกวิธี ได้แผนงานและขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี

‘แท็กซี่ร้อยเอ็ด’ เก็บเงินครึ่งล้านได้ ประสานส่งคืนเจ้าของชาวซาอุฯ เผย ไม่เคยคิดจะเอาไว้ เพราะต้องการซื่อสัตย์ต่ออาชีพตนเอง

(12 ก.ค. 67) ที่สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.FM91 ดร.ไจตนย์ ศรีวังพล ผู้ร่วมดำเนินงานสถานีวิทยุ สวพ.FM91 นายสกล ถาวรกาญจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายสื่อสารองค์กร น.ส.พิชญา อังคทะวานิช ผอ.ฝ่ายรายการ พร้อมด้วย น.ส.จิตต์ผ่องใส ศรีวังพล ผอ.ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเเละจิตอาสาสัมพันธ์ ร่วมเป็นสักขีพยานส่งมอบเงินสกุลต่างชาติ มูลค่ารวม 566,127 บาท คืนเจ้าของชาวซาอุดีอาระเบีย หลังลืมไว้บนรถแท็กซี่

สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ นายเสน่ห์ ไชยคาม อายุ 56 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง มฎ-970 กทม. โทรมาแจ้งผ่านโทร 1644 สวพ.FM91 ว่า มีผู้โดยสารลืมกระเป๋าถือสีดำไว้บนรถ ภายในกระเป๋า มีเงินสกุลต่างชาติจำนวนมาก แต่ไม่กล้าเปิดดู

จากนั้นจึงเดินทางเข้ามาที่ สวพ.FM91 เพื่อให้ช่วยตรวจนับทรัพย์สิน ประกาศตามหาเจ้าของ และให้ช่วยประสานส่งคืนทรัพย์สินที่เก็บได้ เป็นกระเป๋าถือสีดำ เป็นลักษณะช่องซิป 2 ช่อง มีปากกา สมุดโน๊ต นามบัตรระบุชื่อ Mr.Ibrahem M.Al Dossary หลังจากตรวจนับ

พบว่า มีเงิน 1,885 เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเงินดอลลาร์ 15,094 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 566,127 บาท คาดว่าจะเป็นของผู้โดยสารที่รับมาจากถนนรัชดาภิเษก ระหว่างซอยรัชดาภิเษก 24-26 จะไปมาบุญครอง แต่รถติด จึงขอลงที่สยามสเเควร์ เวลาประมาณ 15.30 น

แท็กซี่พลเมืองดี เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้โดยสารลงไปแล้ว ก็ขับรถออกไปต่อ พอจังหวะรถติดไฟแดง ได้หันกลับไปดูหลังรถ เห็นมีกระเป๋าสีดำ ตกอยู่ที่พื้น บริเวณหลังเบาะคนขับ ตอนแรกไม่กล้าเปิด แต่พอเปิดมาดู รู้สึกตกใจมาก ไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้มาก่อน ไม่กล้าตรวจสอบข้างใน

นึกถึง สวพ.FM91 จึงรีบโทรมาแจ้ง ให้ช่วยประกาศตามหาเจ้าของ และนำเข้ามาฝากไว้ “ไม่เคยคิดจะเก็บเงินไว้เอง อยากส่งคืนเจ้าของ เงินนี้ไม่ใช่ของเรา เราต้องซื่อสัตย์ต่ออาชีพของเรา”

หลังจากได้รับแจ้งจากแท็กซี่คนดี ทางทีมงานสถานีวิทยุสวพ.FM91 ได้ประกาศตามหาเจ้าของ ขณะเดียวกันได้ประสานงาน ไปทางสน.ปทุมวัน เจ้าของพื้นที่ด้วย จึงทราบว่ามี ชาวซาอุดีอาระเบีย เข้าไปแจ้งความลืมเงินไว้พอดี จึงได้มีการประสานงานนัดหมายส่งคืน

ด้าน นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย เจ้าของเงินเปิดเผยว่า รู้สึกปลื้มใจมาก ๆ ที่รู้ว่าจะได้เงินคืน เนื่องจากตนเองมีแล็ปทางการแพทย์ และได้เตรียมเงินมาซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ในงานนิทรรศการเกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์ในประเทศไทย หลังจากลืมกระเป๋าไว้บนรถแท็กซี่

ได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.ปทุมวัน จากนั้นจึงเข้าพักที่โรงแรมย่านสุขุมวิท ต่อมาได้รับการติตต่อกลับว่า มีแท็กซี่เก็บกระเป๋าเงินได้ และนำมาฝากไว้ที่สวพ.FM91 เพื่อประกาศตามหาเจ้าของ “ดีใจมาก ที่รู้ว่ามีแท็กซี่คนดี เก็บของได้และพร้อมจะส่งคืน จึงขอชมเชยและขอบคุณ ตำรวจ แท็กซี่ และสวพ.FM91 ที่ประสานส่งคืนให้ ประทับใจมาก”

ทั้งนี้ เจ้าของเงินดังกล่าว ได้มอบสินน้ำใจ ให้กับแท็กซี่ จำนวน 10,000 บาท เพื่อเป็นการขอบคุณและชื่นชมในความซื่อสัตย์ของแท็กซี่คนดี

Zhengxin Chicken แฟรนไชส์ไก่ทอดจีนบุกไทยต่อเนื่อง เปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชูโมเดลสไตล์คล้าย Mixue

(12 ก.ค. 67) เพจ 'BrandCase' รายงานว่า Zhengxin Chicken Steak (เจิ้งซิน) ซึ่งเป็นร้านไก่ทอดจากประเทศจีน ที่มีกว่า 20,000 สาขา และเข้ามาเปิดสาขาแรกในไทยที่ ONE ConneX แถว ๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยล่าสุดก็ได้เปิดอีกสาขา ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ชั้น 7 ใกล้ ๆ กับร้าน Sushiro 

ที่น่าสนใจคือ ร้านนี้เหมือนจะมีกลยุทธ์คล้าย ๆ กับ MIXUE ในมุมที่เน้นขยายสาขาจำนวนมาก ๆ เข้าไว้ จนทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of scale) และต้นทุนเฉลี่ยต่อชิ้นของสินค้าถูกมาก ๆ เพราะสั่งซื้อ สั่งเตรียมวัตถุดิบทีละมาก ๆ เลยทำให้สามารถขายไก่ทอดในราคาถูกได้ 

แล้ว Zhengxin ขายถูกแค่ไหน ? มาดูตัวอย่างราคาของไก่ทอดร้านนี้กัน...

- ไก่กรอบสไปซี่ ราคาชิ้นละ 15 บาท 
- เฟรนช์ฟรายส์ ราคาชุดละ 20 บาท 
- ชิกเกน วิงซ์ (น่องไก่ทอด) ราคาชิ้นละ 25 บาท 
- เบอร์เกอร์เนื้อ ราคาชิ้นละ 30 บาท 
- ชิกเกน สเต๊ก ราคาชิ้นละ 50 บาท
- สไปซี ชิกเกน เบอร์เกอร์ ราคาชิ้นละ 50 บาท 
- โค้ก กระป๋องละ 20 บาท 

นอกจากนี้ยังมี ไอศกรีม (คล้าย ๆ ของ MIXUE) เป็นของหวาน ขายราคาโคนละ 15 บาทด้วย ซึ่งราคานี้ต้องบอกว่าค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ๆ โดยเฉพาะร้านที่ขายอยู่บนศูนย์การค้า 

ส่วนรสชาตินั้น Zhengxin Chicken Steak จะมีรสชาติเหมือนไก่ทอดทั่วไป แต่จะมีการคลุกผงรสเผ็ดของทางร้านอยู่ด้วย ทำให้มีรสชาติแปลกใหม่ ต่างจากไก่ทอดร้านอื่น ๆ 

'วีระศักดิ์ โควสุรัตน์' แนะ!! บทบาทของผู้นำองค์กร ต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

(11 ก.ค.67) ศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) มอบของที่ระลึกแก่ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่มาเป็นผู้ปาฐกฐาพิเศษ ซึ่งจัดโดยสำนักงาน กลต.เรื่อง 'บทบาทของผู้นำองค์กร ต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ' 

โดยปาฐกฐาพิเศษดังกล่าวเ็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม 'Leading theChange..Driving Sustainability Aspiration into Action' ซึ่งมีผู้เข้ารับฟังเป็นระดับ กรรมการ และผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) และสถาบันการเงินต่างๆ ณ ห้องพาวิลเลียน โรงแรมโรสวูด ถนนเพลินจิต กรุงเทพมหานคร

​​​​​​

 

‘อ.นิด้า’ ชี้!! มีคนชอบไปซื้อหา ‘ปริญญาปลอม’ อุปโลกน์ตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้มีคุณภาพเป็น ‘ดอกเตอร์’

(13 ก.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘ปริญญาปลอม’ โดยได้ระบุว่า …

ปริญญาปลอม คำนำหน้าปลอม ค่านิยมปลอมๆ ของสังคมไทย

ผศ.ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชาปัญญาและการวิเคราะห์ธุรกิจ
สาขาวิชาสถิติศาสตร์
สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล 
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ปัญหาเรื่องวุฒิการศึกษาปลอม คำนำหน้าปลอมในสังคมไทยนี้ เป็นมานาน ชอบไปหาซื้อปริญญาปลอม อุปโลกน์คำนำหน้าปลอมให้ตัวเอง 

เลยทำให้มหาวิทยาลัยห้องแถวในอเมริกา หลอกขายปริญญาคนมีเงินกันได้ ก็เพราะคนไทยหูตาแหกชื่นชมคำว่าดอกเตอร์กันจนไม่ลืมหูลืมตา 

จริงๆ คุณภาพดอกเตอร์นั้นมันก็แตกต่างกันมากเหลือเกิน ที่จบปริญญาเอกจริงๆ ไม่ได้คุณภาพก็มีมาก ไม่อยากจะบรรยายให้ฟังครับ ค่านิยมปลอมๆ บ้าปริญญาทำให้ขายใบปริญญาปลอมได้

อย่าง California University อะไรนี่เป็นมหาวิทยาลัยห้องแถวโนเนมในสหรัฐอเมริกา แต่คนไทยก็ไม่รู้เรื่อง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเองก็ไม่รับรอง แต่ก็ยังมีคนไทยไปซื้อปริญญาเอกเสกได้ด้วยเงินจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้

มหาวิทยาลัยในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกานั้นมีมาก แต่กลุ่ม University of California นั้นเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยใหญ่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีนับ 10 วิทยาเขตหรือ Campus แล้วก็มีชื่อเสียงกันไปคนละทาง

University of California, Berkeley นี่ดังทางวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์
University of California, San Francisco นี่ดังทางการแพทย์และสาธารณสุข
University of California, Davis นี่ดังด้านการเกษตรและชีววิทยา 
University of California, Los Angeles นี่ดังทางสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์หลายด้าน เช่นด้าน ภาพยนตร์ การละคร animation คอมพิวเตอร์กราฟิค บริหารธุรกิจก็ดัง เรียกย่อๆ ว่า UCLA 

กลุ่มมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย คือ California State University ก็เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เช่นกัน ก็มีหลายสิบแคมปัส กระจายไปทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย 

ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ยังมี Stanford University ที่โด่งดังมากเช่นกันครับ ส่วน California University นั้นแม้แต่คนอเมริกันก็ยังไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อครับ

จบเรื่องปริญญาปลอม มาเรื่อง คำนำหน้าปลอมกันบ้าง

ศาสตราจารย์ปลอม  หม่อมราชวงศ์ปลอม  ปลอมเป็นเจ้านายก็มีครับ แอบอ้างเบื้องสูงก็มีครับ พวกนี้ต้องเจอคุกเสียบ้างครับ มาตรา 112 นี่แหละครับ บางคดีอ้างแอบอ้างเฉยว่าเจ้านายจะทรงค้าทองคำ! 

นายพลปลอม ตำรวจ ทหาร ปลอม อ้างเพื่อรีดไถ ก็มีครับ มีเยอะครับ มีทั้งที่อุปโลกน์เองเพื่อความโก้เก๋ และมีที่อุปโลกน์เพื่อหลอกลวงตบทรัพย์ เป็นมิจฉาชีพก็มีครับ 

ทั้งหมดนี้เกิดจากค่านิยมปลอมๆ เปลือก ในสังคมไทยนี่แหละครับ

‘เคทีซี’ จัดกิจกรรม พี่ KTC Coop ส่งภาษามือจูงน้องเรียนรู้มรดกเหนือกาลเวลา ดาวินี อะไลฟ์!! ให้กับน้องพิการทางการได้ยิน ที่รร.เศรษฐเสถียร

(13 ก.ค.67) ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท ไลฟ์ อิมแพค อีเว้นท์ จัดกิจกรรม  "พี่  KTC Coop ส่งภาษามือจูงน้องเรียนรู้มรดกเหนือกาลเวลาของ ดาวินชี อะไลฟ์” ณ ไอคอนสยาม ให้กับน้องๆ ที่บกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนเศรษฐเสถียรในพระราชูปถัมภ์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 - 6 เพื่อเปิดประสบการณ์นอกห้องเรียน โดยมีนิสิต นักศึกษาโครงการ KTC Coop ร่วมเป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องๆ ตลอดกิจกรรม

นางสาวปิยะสุดา แคว้นนนทรีย์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานทรัพยากรบุคคล ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายการทำการพัฒนาที่ยั่งยืน (SD) ของเคทีซีคือการให้โอกาสทางการศึกษา และร่วมพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยให้มีคุณภาพในด้านต่างๆ อย่างไม่มีขีดจำกัด เพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยอย่างยั่งยืน เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับ บริษัท ไลฟ์ อิมแพค อีเว้นท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของเคทีซี จัดกิจกรรม "พี่ KTC Coop ส่งภาษามือจูงน้องเรียนรู้มรดกเหนือกาลเวลาของ ดาวินชี อะไลฟ์” ณ ไอคอนสยาม ให้กับน้องๆ ที่บกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนเศรษฐ-เสถียรในพระราชูปถัมภ์ 

โดยมุ่งหมายให้น้องๆ ได้เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ผ่านมรดกเหนือกาลเวลาของเลโอนาร์โด ดาวินชี อัจฉริยะก่อนกาล 500 ปี เจ้าของผลงานชิ้นเอกระดับโลกอย่างภาพวาด Mona Lisa และ The Last Supper รวมทั้งเป็นนักประดิษฐ์ นักออกแบบ นักดนตรี นักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ จนได้ชื่อว่าเป็น ‘พหูสูต’ แห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) และได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ชมผลงานที่ประสบความสำเร็จของเลโอนาร์โด ชีวิตและความฉลาดของอัจฉริยะที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ ในด้านวิทยาศาสตร์ ความคิดสร้างสรรค์ และความคิดเชิงเทคนิค ในผลงานชิ้นเอก สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตำราโบราณ และภาพวาดของปรมาจารย์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา อิทธิพลของเลโอนาร์โดที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ แสด’ให้เห็นถึงวิธีการค้นพบการประดิษฐ์ในรูปแบบใหม่ๆ และข้อสงสัยเกี่ยวกับโลกที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งในกิจกรรมครั้งนี้จะมีพี่ๆ นิสิต นักศึกษาโครงการ KTC Coop ร่วมเป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องๆ ตลอดกิจกรรม

KTC COOP (KTC Cooperative Program) คือ โครงการที่เคทีซีเข้าร่วมกับโครงการสหกิจศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาจากหลายสาขาวิชาเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์และฝึกปฏิบัติงานกับทีมงานมืออาชีพทางด้านธุรกิจการเงิน โครงการ KTC COOP เริ่มต้นในปี 2566 และมีนักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมโครงการ 

ทั้งภาคภาษาไทยและนานาชาติกว่า 100 คน นอกจากนิสิตและนักศึกษาในโครงการ KTC COOP จะได้มีโอกาสปฏิบัติงานจริงเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์แล้ว เคทีซียังมุ่งพัฒนาคนรุ่นใหม่ก้าวสู่โลกการทำงานอย่างมั่นคง ด้วยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมและกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างทักษะความสามารถเชิงสมรรถนะ (Soft Skill) รวมทั้งจัดหลักสูตรอบรมเทคนิคการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์งาน เพื่อเตรียมน้องให้พร้อมสู่โลกการทำงานหลังจากจบโครงการ นอกจากนี้ยังมีโอกาสเข้าร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ของบริษัทอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top