Sunday, 22 June 2025
NewsFeed

ลือสะพัด!! 'ไบเดน' เป็นพาร์กินสัน ต้องเรียกหมอเฉพาะมาตรวจถี่ ด้านทำเนียบขาวยัน แค่ตรวจร่างกายตามปกติ ผู้นำวัย 81 ยังฟิตปั๋ง

กระแสความหวั่นวิตกเกี่ยวกับสภาพร่างกายของ โจ ไบเดน วัย 81 ปี ประธานาธิบดีในตำแหน่งที่มีอายุมากที่สุดในสหรัฐฯ และยังประกาศว่าพร้อมรับตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 2 ยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุด สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า โจ ไบเดน อาจมีอาการป่วยบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้ และพบข้อมูลว่า ทำเนียบขาวได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพาร์กินสันเข้าทำเนียบ อย่างน้อย 8 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จนถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 

ข้อมูลนี้เปิดเผยโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ได้ตรวจสอบบันทึกผู้มาเยือนทำเนียบขาว และพบชื่อของ ดร.เควิน แคนนาร์ด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและความผิดปกติของการเคลื่อนไหวจากศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด ที่เข้าทำเนียบขาวถึง 8 ครั้ง ในช่วงเดือนสิงหาคม 2023 - มีนาคม 2024 ซึ่ง ดร.เควิน ทำงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคพาร์กินสันระยะเริ่มต้นที่ศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ 

นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังยืนยันด้วยว่า มีการนัดหารือกันระหว่าง ดร.เควิน แคนนาร์ด และ ดร.เควิน โอ'คอร์เนอร์ แพทย์ประจำตัวของโจ ไบเดน ในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาในทำเนียบขาวด้วย โดยไม่มีการอธิบายสาเหตุที่ทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพาร์กินสันต้องมาเยือนทำเนียบขาวถึง 8 รอบในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ปี ส่งผลให้ข่าวลือเรื่องสภาพร่างกายที่ถดถอยของไบเดนโหมกระพือรุนแรงยิ่งขึ้น

คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวได้ออกมากล่าวยืนยันในห้องประชุมสื่อมวลชนเมื่อวันจันทร์ (8 กรกฎาคม 2024) ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีไม่ได้เข้ารับการตรวจหาอาการพาร์กินสัน หรือกำลังได้รับยารักษาอาการดังกล่าวทั้งสิ้น 

แต่เมื่อนักข่าวได้จี้ถามถึงประวัติการตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีของ โจ ไบเดน ซึ่งนอกเหนือจากการตรวจสุขภาพทั่วไป ยังพบว่าไบเดน ได้นัดพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยามาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยด้านโฆษกทำเนียบขาวยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง ว่าทุกครั้งที่มีโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี ต้องเข้าพบแพทย์ด้านประสาทวิทยาด้วย แต่ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ประวัติด้านสุขภาพของไบเดน ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล และมีเหตุผลด้านความมั่นคงด้วย จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ และขอร้องสื่อมวลชน อย่าโยงการมาเยือนทำเนียบขาวของ ดร.เควิน แคนนาร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพาร์กินสัน กับประวัติการตรวจร่างกายของประธานาธิบดี เนื่องจากในแต่ละปีก็มีบุคลากรจากศูนย์การแพทย์ทหารเข้า-ออก ทำเนียบขาวนับพันคนในแต่ละปี ที่ไม่ได้เกี่ยวกับภารกิจด้านการแพทย์ 

ด้าน ดร.เควิน โอ'คอร์เนอร์ แพทย์ประจำตัวผู้นำสหรัฐฯ ออกจดหมายยืนยันว่า โจ ไบเดน ไม่ได้พบนักประสาทวิทยาเป็นกรณีพิเศษที่นอกเหนือจากโปรแกรมตรวจร่างกายประจำปี และจากรายงานสุขภาพล่าสุดของไบเดน ของ ดร.โอ'คอนเนอร์ ระบุว่าประธานาธิบดีได้รับการตรวจคัดกรองอาการทางระบบประสาทหลายอย่าง รวมถึงโรคพาร์กินสันด้วย ซึ่งมีผลออกมาเป็นลบ ที่ยืนยันได้ว่า โจ ไบเดน มีสุขภาพร่างกายที่พร้อมสำหรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปิดข่าวจากเจ้ากรมข่าวลือ โจ ไบเดน ก็ได้ไปออกรายการ 'Morning Joe' ของสถานี MSNBC เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อยืนยันว่าเขาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และมั่นใจว่า ตัวเขานั้นเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ดีที่สุดของพรรคในการต่อสู้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้ง 2024 ที่จะถึงนี้ 

แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่า ผลงานบนเวทีดีเบตล่าสุดที่ผ่านมา อาจไม่เข้าตาผู้บริหารระดับสูงภายในพรรค หรือ นายทุนผู้บริจาครายใหญ่ แต่ โจ ไบเดน ก็ยังประกาศกร้าวว่า "ผมไม่สนใจสิ่งที่พวกเศรษฐีคิดหรอกนะครับ ถึงเงินสนับสนุนจะสำคัญ แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ผมตัดสินใจลงแข่งขันในครั้งนี้"

ก็ถือเป็นคำยืนยันจากปู่ไบเดนว่า จะสู้ต่อ เพื่ออยู่ต่อ แม้จะมีแรงกดดันภายในพรรคให้ปู่ถอนตัวเพราะกลัวสังขารไปต่อไม่ไหวก็ตาม 

ผบ.ตร.ประชุมปราบปรามอาชญากรรมตามนโยบายสำคัญเร่งด่วน กำชับเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด พนันออนไลน์ ทุนจีนสีเทา และสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดน จริงจัง ต่อเนื่อง

วานนี้ (8 กรกฎาคม 2567) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมปราบปรามอาชญากรรมตามนโยบายสำคัญเร่งด่วน ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  รอง ผบ.ตร. ,  พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยต่างๆ ได้แก่ บช.น. , ภ.1-9 , บช.ก. , บช.ปส. , บช.สอท , ตชด., สตม., สยศ.ตร. และ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุม 

ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีศิลป์ นายกรัฐมนตรี สั่งการในเรื่องการแก้ไขปัญหาของประชาชน กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเน้นหนักในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในเรื่องสำคัญเร่งด่วน 5 เรื่อง ได้แก่ การแก้ปัญหายาเสพติด การลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน พนันออนไลน์ ทุนจีนสีเทา และสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดน ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้กำชับสั่งการหน่วยต่างๆ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอย่างจริงจัง ต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ โดยการแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เน้นหนักไปที่การสกัดกั้นการลําเลียงยาเสพติดจากชายแดนและจากแหล่งพักลงสู่ภูมิภาคเป็นสําคัญ มีผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา สามารถสกัดกั้นรายสําคัญขนาดใหญ่ ของกลางตั้งแต่ 100,000 เม็ดขึ้นไป สูงขึ้นร้อยละ 67 ส่งผลให้การลําเลียงยาเสพติด ระหว่างชุมชนทําได้ยากขึ้น

- การปราบปรามพนันออนไลน์ ได้มีการสั่งการให้เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและบุคคลตามหมายจับคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทุกประเภท พบว่าห้วงวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2567 มีการปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ไปถึง 52,314 URL

- การปราบปรามการลักลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2567 มีการลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจจุดสกัดอย่างต่อเนื่อง สามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดสินค้าเถื่อนจำนวนมาก หลายรายการ

- การปราบปรามการลับลอบนำ เข้า กักตุน สุกร หรือซากสุกรโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะทำงานปราบปรามการลักลอบนำ เข้า กักตุน สุกร หรือซากสุกรโดยผิดกฎหมาย ของสำนักงานตำรวจแห่ง ขึ้น พบว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ตรวจยึดของกลางได้จำนวนมาก จำนวนกว่า 200,000 กิโลกรัม

- การปราบปรามจับกุมชาวต่างชาติที่กระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับหน่วยต่างๆ ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ในส่วนของนายทุนจีนเทานั้น ล่าสุดสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวจีนสวมบัตรประชาชนไทย เปิดสถานบริการ ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด พร้อมทำการเพิกถอนวีซ่าและขึ้นบัญชีดำ

ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้มอบหมายให้รอง ผบ.ตร.ติดตามขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม ชัดเจน , ให้มีการระดมกวาดล้าง กำหนดแผนในแต่ละเรื่องอย่างชัดเจน เป็นเอกภาพ ประสานหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด , ให้สอบสวนขยายผล ดำเนินคดีนายทุน ตัวการ เครือข่าย และดำเนินมาตรการยึดทรัพย์ และให้รายงานผลเป็นระยะ

กองเรือยุทธการ จัดพิธีเปิดการฝึกผสม SINGSIAM 21/2024

(9 ก.ค.67) พลเรือเอกชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้ พลเรือตรี ณัฐพงศ์ ปานโสภณ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ เป็นผู้แทนเป็นประธานฝ่ายไทย พร้อมด้วย พันเอกหญิง ซิสวี เฮอรินี่ ผู้บัญชาการกองเรือที่ 3 กองทัพเรือสิงค์โปร์ เป็นประธานฝ่ายสิงคโปร์ ในพิธีเปิดการฝึกผสม SINGSIAM 21/2024 อย่างเป็นทางการ ณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีกำลังพลฝ่ายไทยและสิงค์โปร์ เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ รวม 750 นาย  

การฝึกผสม SINGSIAM 21/2024 เป็นการฝึกผสมแบบทวิภาคี ระหว่างกองทัพเรือไทย กับกองทัพเรือสิงคโปร์ ในปีนี้เป็นครั้งที่ 21 มีวัตถุประสงค์การฝึก เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือทั้งสองประเทศ รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลในการปฏิบัติการทางเรือร่วมกันในทุกระดับ และเสริมสร้างการตระหนักรู้ภาพสถานการณ์ทางทะเล ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

การฝึกผสม SINGSIAM ในครั้งนี้ กองทัพเรือได้มอบหมายให้กองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยรับผิดชอบหลักในการฝึก โดยมี พลเรือตรี ณัฐพงศ์ ปานโสภณ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม จัดกำลังเข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย เรือในกองเรือฟริเกตที่ 1 เรือในกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ อีกทั้งหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สนับสนุนกำลังในการฝึกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกองทัพเรือทั้งสองประเทศ โดยมีกำลังที่เข้าร่วมการฝึกของฝ่ายไทย ประกอบด้วย เรือหลวงตากสิน เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช อากาศยาน และอากาศยานไร้คนขับ กำลังฝ่ายสิงค์โปร์ เข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย เรือปฏิบัติภารกิจชายฝั่งชั้น Independence 1 ลำ และเรือคอร์เวตชั้น Victory 1 ลำ 

โดยมีห้วงเวลาการฝึก ระหว่าง 9-16 ก.ค.67 ทำการฝึกในท่าเรือพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และการฝึกในทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบน ทั้งนี้ สามารถติดตามการฝึก SINGSIAM ในท่าเรือและการฝึกในทะเลต่อไป ในห้วงระยะเวลา 9-16 ก.ค.67 นี้

‘NASA’ ลุยปล่อย ‘ภารกิจคูรี’ ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ หวังสำรวจ-ศึกษาต้นกำเนิด ‘คลื่นวิทยุ’ จากดวงอาทิตย์

(9 ก.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นาซามีกำหนดปล่อยภารกิจคูรี (CURIE) สู่ห้วงอวกาศในวันนี้ เพื่อสำรวจต้นกำเนิดของคลื่นวิทยุจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนสภาพอากาศในอวกาศที่สำคัญ

ทั้งนี้ อุปกรณ์ในภารกิจดังกล่าวจะถูกขนส่งโดยจรวดแอเรียน 6 (Ariane 6) ขององค์การอวกาศยุโรป จากศูนย์อวกาศเกียนาในเมืองกูรู จังหวัดเฟรนช์เกียนาของฝรั่งเศส และประจำการที่ระดับความสูง 360 ไมล์ (ราว 580 กิโลเมตร) เหนือระดับพื้นผิวโลก

ภารกิจนี้จะใช้เทคนิคการรวมสัญญาณกล้องโทรทรรศน์วิทยุเพื่อศึกษาการปล่อยคลื่นวิทยุจากการปะทุของดวงอาทิตย์ อาทิ เปลวสุริยะ และการปลดปล่อยก้อนมวลสารจากโคโรนา (coronal mass ejection) ในเฮลิโอสเฟียร์ชั้นใน (inner heliosphere) ซึ่งปรากฏการณ์ข้างต้นเหล่านี้กระตุ้นสภาพอากาศในอวกาศให้เพิ่มการเกิดแสงเหนือและผลกระทบต่อสนามแม่เหล็กโลก

องค์การฯ ระบุว่า ทีมงานจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์เป็นผู้ออกแบบภารกิจคูรี ซึ่งจะเป็นภารกิจแรกที่วัดคลื่นวิทยุในช่วงความถี่ 0.1-19 เมกะเฮิร์ตซ์จากอวกาศ เนื่องจากชั้นบรรยากาศชั้นบนของโลกปิดกั้นความยาวคลื่นเหล่านี้ จึงสามารถดำเนินการวิจัยได้จากอวกาศเท่านั้น

นาซา เผยว่า คูรีจะใช้เทคนิคที่เรียกว่าการรวมสัญญาณกล้องโทรทรรศน์วิทยุย่านความถี่ต่ำในระหว่างการวิจัยคลื่นวิทยุจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ยังไม่เคยใช้ในอวกาศมาก่อน โดยเทคนิคนี้ต้องอาศัยยานอวกาศอิสระสองลำ เมื่อรวมกันแล้วมีขนาดเล็กกว่ากล่องรองเท้า และจะโคจรรอบโลกห่างกันราว 2 ไมล์ (ราว 3.2 กิโลเมตร)

อย่างไรก็ตาม การแยกตัวกันนี้เอื้อให้เครื่องมือของคูรีตรวจวัดความแตกต่างแม้เพียงเล็กน้อยเมื่อเกิดการแผ่คลื่นวิทยุได้ ซึ่งช่วยให้ระบุแหล่งที่มาของคลื่นวิทยุได้อย่างชัดเจน

‘ลูกบ้าน’ โวย!! คอนโดย่านลาดพร้าว น้ำประปาไม่สะอาด พบเชื้อปรสิต ‘Acanthamoeba’ ทำติดเชื้อตาแดงกว่า 70 คน

(9 ก.ค.67) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Pook Sukonta Berthebaud' ได้รับเรื่องร้องเรียน จากลูกบ้านในคอนโดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว กทม. ติดเชื้อตาแดงเฉียดหลักร้อยคน เหตุจากเชื้อปรสิตที่พบในน้ำคอนโด ทางนิติแจ้งกลับมาเพียงว่า ให้ลูกบ้านหาที่กรองมาติดกันเอง

ล่าสุด คุณเบสท์ หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากคอนโดดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงเดือน ส.ค.64 ที่เปิดตัวโครงการคอนโดดังกล่าว ก็เริ่มมีการร้องเรียนประปรายเรื่องคุณภาพน้ำประปาไม่สะอาด ในเชิงกายภาพเช่น มีฝุ่น น้ำขุ่น ซึ่งตอนนั้นมีเจ้าของร่วมบางห้องรวมถึงตนได้ส่งเคลมประกันไปทาง after sales service ซึ่งเป็นบริการหลังการขาย ว่าอยากให้ช่วยแก้ไข แต่ก็ไม่มีการตอบกลับจากบริษัทที่เป็นผู้พัฒนาโครงการ และไม่ได้เข้ามาตรวจสอบแต่อย่างใด มีเพียงการอ้างอิงว่าน้ำประปาที่นิติบุคคลส่งตรวจเพื่อประกอบ EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) มันได้มาตรฐาน ทั้งที่จริง ๆ ยังมีปัจจัยอื่นร่วมอีก

ต่อมาวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา เริ่มมีลูกบ้านรวบรวมรายชื่อคนที่ประสบปัญหาเรื่องสุขภาพจากน้ำประปาในคอนโด โดยมีคนที่ติดเชื้อที่ดวงตา ระคายเคืองที่ดวงตา กระจกตาอักเสบ จนถึงวันที่ 20 มิ.ย. สามารถรวบรวมผู้เสียหายได้ทั้งหมด 72 ห้อง ซึ่งตนก็ติดเชื้อเช่นกันประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะหาย

จากนั้นคณะกรรมการคอนโด ได้เอากลุ่มไลน์ลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำประปา ไปส่งให้นิติบุคคลว่านี่คือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องตรวจวัดค่าน้ำเพิ่มเติม ทั้งค่าคอลลีน เชื้ออะมีบา และค่าจุลินทรีย์ต่าง ๆ เมื่อนำค่าไปตรวจอย่างละเอียดขึ้น ก็พบว่ามีน้ำที่บางจุด เช่น ในถังเก็บน้ำชั้นใต้ดิน เจอเชื้อปรสิต Acanthamoeba แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผลตรวจก็ขัดแย้งกันเอง ในการส่งตรวจแต่ละโรงพยาบาล

หลังจากนั้นก็ทำจดหมายไปทางผู้พัฒนาโครงการให้มาตรวจสอบ แต่ตอบกลับได้รับคำตอบเพียงแค่ว่า การก่อสร้างได้มาตรฐานแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานมายืนยันแจกแจงรายละเอียดชัดเจน แต่ก็มีนิติบุคคล ทำจดหมายไปหาบริษัทแม่ ให้ชี้แจงรายละเอียดมามากขึ้นกว่านี้ แต่นิติก็มีข้อบกพร่องด้านการสื่อสารกับเจ้าของร่วม ไม่สามารถอธิบายได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกำลังบริหารจัดการยังไง และยังไม่มีความเห็นอกเห็นใจ จึงแนะนำให้ติดเครื่องกรองน้ำที่ปลายทางเองตามที่เห็นในแชท

ซึ่งตนได้วิเคราะห์สาเหตุต่าง ๆ ของการเกิดปรสิตในน้ำประปา ก็ยังไม่อยากฟันธงว่าสาเหตุมาจากการก่อสร้าง หรือต้นทางการประปา จากรายงานการล้างถัง ก็พบว่ามีการล้างตามมาตรฐานคือปีละครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่าท่อในถังเก็บน้ำชั้นใต้ดินบางจุดมีสนิมขึ้น เกิดเป็นข้อสงสัยว่าสนิมไปทำปฏิกิริยากับคอลลีน ทำให้ปริมาณคอลลีนลดลงจนไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้หรือเปล่า แต่เจ้าของโครงการก็ได้ยืนยันว่าสนิมที่เจอตอนปี 2564-2565 ได้รับการซ่อมแซมแล้ว

ตนก็พยามมองในมุมมองเจ้าของร่วมที่อยากหาตัวคนผิด ซึ่งก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานมาช่วยให้มันกระจ่างได้ตอนนี้ ตนคิดว่าเรื่องนี้ควรได้รับการเข้ามาเอาใจใส่อย่างเร่งด่วนจากผู้พัฒนาโครงการ อยากให้เขาสืบค้นข้อมูลมากขึ้นกว่านี้ว่าหลังจากซ่อมแซมถังเก็บน้ำแล้ว มีการซ่อมที่ได้มาตรฐานไหม ซ่อมแล้วชำรุดอีกมั้ย และเอาผลตรวจสอบมายืนยันกับเจ้าของร่วมได้มั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัย

นอกจากนี้การอยู่อาศัยร่วมกัน ไม่อยากให้ตัวลูกบ้านทะเลาะกันเอง อยากให้ทุกคนเอาข้อเท็จจริงมาคุยกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ไม่งั้นจะเป็นการพูดกันไปมาโดยไม่มีข้อมูลมาอ้างอิง มีแต่จะเกิดความแตกแยกลูกบ้านด้วยกันเอง ทั้ง ๆ ที่เราเองก็อยู่ข้างเดียวกันในการหาสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าว

“ อธิบดี พพ. พร้อมคณะ ปลื้ม ERDI-เจริญชัย ” นวัตกรรมคนไทย NiA หม้อแปลง Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้า 5-10%

พร้อม Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด Solar , Energy Storage, EV พร้อมแก้ปัญหา Net Zero, Near Zero, Demand Response และ Peak Demand อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พร้อมคณะเยี่ยมชมโครงการหม้อแปลง Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้า นวัตกรรมหม้อแปลง Low Carbon และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage ด้วยโปรแกรม Energy Management System ของคนไทย

วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พร้อมคณะเยี่ยมชมโครงการ “หม้อแปลง Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้า”พร้อม Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด Solar , Energy Storage , EV สู่ Net Zero”โดยมี รศ.ดร.สิริชัย คุณภาพดีเลิศ ผู้อำนวยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับโดยมี นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด นำเสนอโครงการหม้อแปลงนวัตกรรม Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้าและ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี บรรยายเรื่อง การบริหารจัดการพลังงานสะอาดหม้อแปลง Low Carbon + Solar + Energy Storage + EV พร้อมแก้ปัญหา Net Zero, Near Zero, Peak Demand และ Demand Respon จากนั้นนำคณะเยี่ยมชมระบบบริหารจัดการพลังงานสะอาด หม้อแปลง Low carbon ที่ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด กล่าวว่า นวัตกรรมหม้อแปลง Low Carbon และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage ด้วยโปรแกรม Energy Management System ของคนไทยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA ภายใต้โครงการ “Low Carbon Transformer ระบบจัดการ หม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้พลังงานสะอาด อย่างมั่นคง” (Net Zero, Near Zero, Peak Demand และ Demand Response)

รศ.ดร.สิริชัย คุณภาพดีเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการ”หม้อแปลง Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้า พร้อม Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด Sola, Energy Storage, EV สู่ Net Zero” คอนเซ็ปต์การปล่อยคาร์บอนฟุต พริ้นท์( Carbon Footprint) เป็นคาร์บอนนิวตรอน โดยที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาร่วมด้วยซึ่งโครงการหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญของการบริหารจัดการพลังงานของเรา คาดหวังว่าทุกท่านที่เสียสละเวลามาเยี่ยมชมงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และความร่วมมือระหว่างสถาบันฯกับเอกชน จะได้ประโยชน์กลับไปและสามารถช่วยกันพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดประเทศไทย เป็นไปอย่างประสบความสำเร็จตามที่สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ร่วมกับบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้าจำกัด ได้ร่วมวิจัยและได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้ดำเนินงานวิจัยหม้อแปลง Low Carbon และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage ด้วยโปรแกรม Energy Management System ภายใต้โครงการ “Low Carbon Transformer ระบบจัดการหม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อรองรับพลังงานสะอาดอย่างมั่นคง Net Zero, Near Zero, Peak Demand และ Demand Response”

ซึ่งจากการดำเนินงานพบว่าหม้อแปลงที่ใช้ในการดำเนินโครงการ ที่กล่าวในข้างต้นตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงาน ในภาคอุตสาหกรรม Smart Factory, Smart Building ในด้าน Net Zero & Near Zero, Peak Demand และ Demand Response และการประหยัดพลังงาน โดยสามารถลดการใช้พลังงาน ประหยัดค่าไฟฟ้า ลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ และอนุรักษ์พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 22.16 % มีระยะเวลาคืนทุนภายในเวลา 2-5 ปี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม ประชาชนและ ผู้ประกอบการ ด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้า ขอขอบพระคุณในความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ทำนวัตกรรมพลังงานสะอาดของหม้อแปลง Low Carbon จะช่วยประหยัดพลังงาน อนุรักษ์พลังงาน ลดค่าไฟ ลดคาร์บอน ลดก๊าซเรือนกระจก สร้างระบบไฟฟ้ามั่นคงปลอดภัย และทัศนียภาพสวยงาม

เชิญชวนประชาชน ร่วมลงนามถวายพระพร 'พระองค์เจ้าโสมสวลี' เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ผ่านเว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์

(9 ก.ค.67) สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 12 - 14 กรกฎาคม 2567

สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค ‘สัมมาทิฏฐิ’ ระลึกถึงพระรัตนตรัย ว่าเป็นสรณะที่พึ่งที่ยึดถือ อันเป็นทางเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้โดยชอบ เพื่อถวายเป็นพระกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ วันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ผ่านแอปพลิเคชัน ‘สมาธิเสบียงบุญ’ ระหว่างวันที่ 12 - 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.00 น.ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทั้ง PLAY STORE และ APP STORE

‘เวียดนาม’ ครองแชมป์!! ‘ค่าครองชีพถูกที่สุด’ สำหรับต่างชาติ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 ปีซ้อน จาก 53 ประเทศ

(9 ก.ค. 67) สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ตามการศึกษาของ InterNations คอมมูนิตี้สำหรับคนที่ไปทำงานต่างประเทศ ในปี 2024 ‘เวียดนาม’ ครองแชมป์ประเทศที่มีค่าครองชีพสำหรับชาวต่างชาติที่ย้ายไปอยู่ ‘น้อยที่สุด’ ในโลก เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยเวียดนามได้อันดับ 1 จาก 53 ประเทศ 

อย่างไรก็ตาม ในด้านอื่น ๆ เวียดนาม อยู่อันดับที่ 40 จาก 53 ประเทศในด้านคุณภาพชีวิต อันดับที่ 29 สำหรับสิ่งจำเป็นสำหรับชาวต่างชาติ เช่น อินเทอร์เน็ต ที่อยู่อาศัย และภาษา และอยู่อันดับที่ 14 สำหรับการทำงานในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงโอกาสทางอาชีพ เงินเดือน และความมั่นคงของงาน

จากการสำรวจ ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม 86% เห็นพ้องกันว่าค่าครองชีพในประเทศนี้ดี ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 40% ถึงสองเท่า และ 65% ของผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศเวียดนาม พอใจกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเอง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 54%

ความพึงพอใจในการทำงานโดยทั่วไปก็สูงมากในหมู่ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้ เวียดนามได้ก้าวกระโดดจากอันดับที่ 24 ในปีที่แล้ว มาเป็นอันดับที่ 3 ในปี 2024

โดยทั่วไปแล้ว ความสมดุลระหว่างชีวิต และการทำงานมีความสำคัญมากกว่าความก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งในเวียดนาม มีเพียงไม่ถึงครึ่ง (46%) ของชาวต่างชาติในประเทศนี้ที่ทำงานเต็มเวลา เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 57% โดยประมาณหนึ่งในห้าของชาวต่างชาติ (21%) ทำงานพาร์ทไทม์ และประมาณ 18% ของชาวต่างชาติได้เกษียณอายุแล้ว

“ชีวิตที่นี่ไม่มีความเครียดสำหรับฉัน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมจากชีวิตการทำงานที่เคยเหนื่อยล้า และวุ่นวายมาก” ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในเวียดนามกล่าว

สำหรับดัชนีการเงินส่วนบุคคล (Personal Finance Index) ทาง InterNations ได้สอบถามผู้เข้าร่วมสำรวจเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจส่วนบุคคลใน 3 ด้าน ได้แก่ ค่าครองชีพโดยทั่วไป ความพึงพอใจในสถานการณ์ทางการเงิน และรายได้สุทธิของครัวเรือนว่า มีเพียงพอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายหรือไม่

ผลการสำรวจพบว่า ‘10 อันดับแรก’ ของจุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาติบอกว่า ‘ดีที่สุดสำหรับการเงินส่วนบุคคล’ ของพวกเขา ได้แก่

- อันดับ 1 เวียดนาม 

- อันดับ 2 กัมพูชา 

- อันดับ 3 อินโดนีเซีย

- อันดับ 4 ปานามา 

- อันดับ 5 ฟิลิปปินส์ 

- อันดับ 6 อินเดีย 

- อันดับ 7 เม็กซิโก 

- อันดับ 8 ไทย 

- อันดับ 9 บราซิล

- อันดับ 10 จีน 

เห็นได้ว่า ประเทศใน ‘แถบเอเชีย’ ครองอันดับสูงสุดในปีนี้ โดยกวาดไปถึง 6 ใน 10 อันดับแรกของรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทยที่ติดอันดับท็อป 10 ทั้งหมด

“ที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากสำหรับค่าครองชีพ โดยไทยอยู่อันดับ 1 ที่ชาวต่างชาติเข้าถึงที่อยู่ได้ง่ายที่สุด เวียดนามอันดับ 2 ฟิลิปปินส์ อันดับ 5 และอินโดนีเซียอันดับ 8 ซึ่งชาวต่างชาติจำนวนมากเห็นพ้องว่า 4 ประเทศนี้ หาที่อยู่อาศัยได้ง่าย และพวกเขาพอใจกับความสามารถในการจ่ายได้” แคทริน ชูโดบา หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ InterNations กล่าว

ทั้งนี้ จาก 53 จุดหมายปลายทางทั่วโลก มีสี่ประเทศในเอเชียที่ติดอันดับท็อป 10 ในปีนี้ ได้แก่ อินโดนีเซีย (อันดับ 3 โดยรวม), ไทย (อันดับ 6 โดยรวม), เวียดนาม (อันดับ 8 โดยรวม) และฟิลิปปินส์ (อันดับ 9 โดยรวม)

ทัพเรือภาคที่ 1 ส่ง เรือ ต.266 ลาดตระเวน ตรวจสอบและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในทะเล (อ่าวไทยตอนบน)

กองเรือปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1 ส่ง เรือ ต.226 ทำการออกลาดตระเวนในน่านน้ำอ่าวไทยตอนบน โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการตรวจตราความปลอดภัยทางทะเลและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จากการตรวจสอบไม่พบสิ่งที่กระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ลาดตระเวนในระหว่างการลาดตระเวน เรือ ต.266 ได้ตรวจเยี่ยมเรือประมงที่กำลังทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย ซึ่งเรือประมงปฏิบัติการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการกระทำผิดเกี่ยวกับการประมงหรือการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายแต่อย่างใด นอกจากนี้ เรือ ต.226 ยังได้มีการมอบยารักษาโรคพื้นฐาน ให้กับชาวประมงที่ทำการประมงอยู่ในพื้นที่ เพื่อเป็นการสนับสนุนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชาวประมง ซึ่งได้รับการตอบรับด้วยความขอบคุณจากชาวประมง อย่างดียิ่ง การปฏิบัติการลาดตระเวนครั้งนี้เสร็จสิ้นลงด้วยความเรียบร้อย และทัพเรือภาคที่1 จะยังคงดำเนินการตรวจตรา รักษาความปลอดภัยทางทะเล และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล อย่างต่อเนื่องต่อไป

นิราช ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645 

#เทิดทูนสถาบันยึดมั่นระเบียบวินัยประชาชนภูมิใจทะเลไทยมั่นคง
#FitfortheFuture

ศรชล.จังหวัด รย. ส่ง จนท.ร่วมฝึกอบรมโครงการพัฒนาระบบบัญชาการเหตุการณ์ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ICS

เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.67) น.อ.พัฒนศักดิ์ พิมดา รอง ผอ.ศรชล.จังหวัด รย. มอบหมายให้ น.ต.รุ่งรุจ สโรบล เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน เข้าร่วมฝึกอบรมโครงการพัฒนาระบบบัญชาการเหตุการณ์ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ICS (Incident Command System) ร่วมกับ น.อ.อาทิตย์ สุขบำรุง หน.ศคท.จังหวัด รย. น.ท.ภณ ทิพย์ทอง เจ้าหน้าที่ประสานงานฯ ศคท.จังหวัด รย. ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ จว.ระยอง เช่น เจ้าหน้าที่ รพ.ระยอง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง มูลนิธิกู้ชีพ กู้ภัย ต่าง ๆ ที่ดำเนินการทางด้านการให้ความช่วยเหลือกับผู้ประสบภัยทางบกและทางทะเล ณ ห้องประชุม เสม็ด 1-2 โรงแรม คามิโอ แกรนด์ โฮเทล ฯจัดโดย อบจ.ระยอง 

ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top