Friday, 28 June 2024
NewsFeed

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน และรายการสถานีประชาชน ไทยพีบีเอส มอบรถเข็นวีลแชร์ เติมกำลังใจให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จ.นครศรีธรรมราช

วันที่ 17 มิถุนายน 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย น.ส.นราภรณ์ สุวรรณประเสริฐ แรงงานจังหวัด นายวิระ อุ่นอก ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 22 นครศรีธรรมราช และทีมงานมวลชนสัมพันธ์ กลุ่มไทย สมายล์ กรุ๊ป ลงพื้นที่ ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี อาสาสมัครแรงงาน ผู้นำชุมชน ให้การต้อนรับ

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้รับการประสานขอรับบริจาครถเข็นวีลแชร์ จาก แรงงานจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อมอบให้ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ จำนวน 2 ราย ได้แก่ รายแรก นางอารมณ์ จินดามณี อายุ 84 ปี อาศัยอยู่หมู่ที่ 3 ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ป่วยเส้นเลือดตีบและหัวใจเต้นผิดจังหวะ และ รายที่ 2 นายเนือง แก้วประจุ อายุ 91 ปี อาศัยอยู่หมู่ที่ 15 ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์ แขนขาอ่อนแรงเดินไม่ได้ โดยมูลนิธิได้รับการบริจาคจาก กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ผู้ให้บริการรถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า

“การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ 
เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ และถือเป็นกิจกรรมหลักที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ที่มีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป  ทั้งนี้ ท่านที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคหรือสมทบทุน ให้แก่ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ สามารถติดต่อได้ที่ เพจมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ หรือ ติ๊กต๊อก มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์” นางเธียรรัตน์ กล่าว

‘WGC’ ชี้!! วิกฤตอุตสาหกรรม ‘เหมืองทองคำ’ หลังการผลิตชะลอตัว เหตุแหล่งแร่หายากขึ้น คาด!! หลายพื้นที่ถูกสำรวจไปหมดแล้ว

เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซีเอ็นบีซีอ้างการเปิดเผยของสภาทองคำโลก (WGC) ว่า อุตสาหกรรมเหมืองทองคำกำลังประสบปัญหาในการรักษาระดับการเติบโตด้านการผลิต เนื่องจากการค้นหาแหล่งแร่ทองคำเริ่มยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสภาทองคำโลก พบว่า กำลังผลิตเหมืองทองคำเพิ่มขึ้นแค่ 0.5% ในปี 2023 เมื่อเทียบกับหนึ่งปีก่อนหน้านั้น ขณะที่ในปี 2022 อัตราการเติบโตอยู่ที่ 1.35% หากเทียบเป็นรายปี เช่นเดียวกับปี 2021 ที่มีอัตราการเติบโตถึงระดับ 2.7%

"สิ่งที่เราพบเห็นคือกำลังผลิตเหมืองทองคำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี" จอห์น รีด หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของสภาทองคำโลกกล่าวกับซีเอ็นบีซี "แต่ถ้ามองในภาพกว้าง ๆ ผมคิดว่ากำลังผลิตเหมืองทองคำ อยู่บนจุดสูงสุดแถวปี 2016 ถึง 2018 และเราไม่พบเห็นการเติบโตนับตั้งแต่นั้น"

"สิ่งที่น่ากังวลใจคือ ในช่วงเวลา 10 ปีหลังจากการผลิตทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ปี 2008 นั้น อุตสาหกรรมเหมืองทองคำประสบกับความยากลำบากในการรักษาอัตราการขยายตัวด้านการผลิตทองคำ เนื่องจากแหล่งแร่ทองคำใหม่ ๆ ทั่วโลกหายากขึ้น และหลายพื้นที่ที่มีแนวโน้มว่าจะพบแร่ทองคำนั้นได้ถูกสำรวจไปหมดแล้ว" จอห์น รีด กล่าว

โดยเขาชี้ว่าเหมืองทองคำขนาดใหญ่ต้องใช้เงินทุนที่สูงมาก อีกทั้งต้องมีการสำรวจและการพัฒนาซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญ นอกจากนี้ ยังต้องใช้เวลาโดยเฉลี่ย 10-20 ปีก่อนที่เหมืองจะมีความพร้อมในการผลิต

จอห์น รีด กล่าวต่ออีกว่า และต่อให้เหมืองเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการสำรวจ แต่โอกาสในการค้นพบแร่ทองคำที่จะนำไปสู่ขั้นตอนการพัฒนาได้นั้น อยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยรายงานระบุว่า ทองคำทั่วโลกที่ถูกพบว่ามีแร่ทองคำในปริมาณมากพอที่จะได้รับการรับรองให้ทำเหมืองทองคำได้นั้น มีเพียงแค่ราว 10% เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทเหมืองทองคำทั้งหลาย อาจต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้รับใบอนุญาตต่าง ๆ ที่จำเป็นจากรัฐบาล ถึงจะเริ่มปฏิบัติการได้ ยังไม่นับรวมกรณีที่โครงการเหมืองจำนวนมากมักตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่จำเป็นต้องมีการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อย่างเช่น ถนน ไฟฟ้า และน้ำประปา เสียก่อน

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการขุดทองคำไปแล้วประมาณ 187,000 เมตริกตัน อ้างอิงรายงานของสภาทองคำโลก ด้วยยังมีแหล่งทองคำสำรองที่ยังคงไม่ได้มีการขุดอีก 57,000 ตัน

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประมาณการว่าทองคำทั่วโลกเหลืออยู่ประมาณ 57,000 ตัน ซึ่งหากเทียบจากปริมาณการขุดทองคำเฉลี่ยปีละประมาณ 3,000 ตัน จะเท่ากับเหลือทองคำให้ขุดได้อีกเพียง 19 ปี หากไม่มีการสำรวจพบสายแร่ทองคำใหม่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของ USGS เป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น โดยอ้างอิงจากอัตราการขุดทองคำในปัจจุบันและปริมาณทองคำสำรองที่พิสูจน์แล้วเท่านั้น ในความเป็นจริง ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อระยะเวลาการหมดลงของทองคำ เช่น การค้นพบแหล่งแร่ทองคำใหม่ ๆ การพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลทองคำจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และของใช้ต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค

‘ทรัมป์’ เหน็บแรง!! ‘เซเลนสกี้’ เซลล์แมนที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ มาเยือนสหรัฐฯ ทีไร ได้เงินกลับบ้าน 5-6 หมื่นล้านดอลฯ เสมอ

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อดีตผู้นำสหรัฐฯ เหน็บแรง ‘โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้’ ผู้นำยูเครน กลางงานปราศรัยหาเสียงที่เมืองดีทรอยต์ ในรัฐมิชิแกนว่า เป็นเซลล์แมนที่เก่งที่สุดในบรรดานักการเมืองที่เคยมีอยู่ในโลกนี้ ใครจะหาเงินจากรัฐบาลอเมริกันได้เก่งเท่าเซเลนสกี้ไม่มีอีกแล้ว
.คำพูดที่สื่อถึงผู้นำยูเครนนี้ ทรัมป์ ได้กล่าวไว้ในงานเดินสายหาเสียงครั้งที่ 2 ที่เมืองดีทรอยด์ ซึ่งจัดโดย ‘Turning Point USA’ กลุ่มการเมืองฝ่ายขวาที่เป็นฐานเสียงหลักของทรัมป์เมื่อวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 67 ที่ผ่านมา 

และได้วิจารณ์ถึงการใช้งบประมาณอย่างสูญเปล่าของรัฐบาลไบเดน ตั้งแต่การลงทุนในนโยบาย Green Transformation (การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว) ว่าเป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์  

อีกทั้งกล่าวถึงผู้นำยูเครนว่า "ผมบอกพวกคุณได้เลย เซเลนสกี้เป็นเซลล์แมนที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว ทุกครั้งที่เขามาเยือนประเทศเรา เขาจะกลับไปพร้อมเงิน 5-6 หมื่นล้านดอลลาร์ของพวกเราเสมอ"

ซึ่งตัวเลข 6 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ทรัมป์พูดถึง มาจากงบช่วยเหลือยูเครนที่เพิ่งผ่านสภาคองเกรสเมื่อช่วงเดือนเมษายนของปีนี้ จากการผลักดันของโจ ไบเดน ว่าหากงบนี้ไม่ผ่าน ยูเครนเสียดินแดนเพิ่มให้รัสเซียแน่นอน

ทรัมป์ยังกล่าวติดตลกด้วยว่า "มันหวานเจี๊ยบมากคุณเอ๊ย เซเลนสกี้เพิ่งจะออกจากประเทศเราไป 4 วันด้วยเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ พอกลับถึงบ้าน เขาบอกว่าจะเอาอีก 6 หมื่นล้านดอลลาร์ มันไม่มีวันจบหรอกครับ" 

และไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวประชดเซเลนสกี้ ด้วยการยกฉายาเซลล์แมนผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคให้ ย้อนไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในงานปราศรัยที่รัฐโอไฮโอ ทรัมป์เคยพูดถึงเซเลนสกี้ในทำนองนี้มาก่อนแล้ว อีกทั้งวิจารณ์นโยบายการสนับสนุนยูเครนของรัฐบาลไบเดนว่า แทนที่จะส่งเงินให้ยูเครนทุกครั้งที่เซเลนสกี้มาขอ ทำไมไม่ให้เป็นเงินกู้ที่มีเงื่อนไขการชำระหนี้อย่างเหมาะสมแทน

ทรัมป์ให้สัญญาว่า เขาจะยุติการให้เงินสนับสนุนแก่ยูเครนทันทีที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ที่จะถึงนี้ อีกทั้งยังอ้างว่า รัสเซียจะไม่รุกรานยูเครนอย่างแน่นอนหากเขาชนะการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว อีกทั้งยังเคยกล่าวอ้างว่าเขาสามารถยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้ทันที หากได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง 

ด้านสื่อยูเครนออกมาตอบโต้ถ้อยคำปราศรัยของทรัมป์ที่จะหยุดเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เนื่องจาก โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้เซ็นรับรองร่างกฎหมายเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนจำนวนกว่า 6.1 หมื่นล้านเหรียญไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

และตั้งแต่เกิดเหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เป็นต้นมา รัฐบาลสหรัฐ ได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วไม่น้อยกว่า 1.12 แสนล้านดอลลาร์ และล่าสุดปีนี้เพิ่งจากอนุมัติเงินช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครนก้อนใหม่อีก 6 หมื่นล้านดอลลาร์ 

ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์โจมตีรัฐบาลไบเดนมาตลอด ถึงนโยบายการทุ่มเงินสนับสนุนยูเครนอย่างพิลึกพิลั่น พร้อมค่อนแคะว่า กลุ่มชาติสมาชิก NATO คงหัวเราะจนงอหาย ที่เห็นรัฐบาลไบเดนส่งเงินให้เปล่ากับยูเครนมากมายมหาศาล ทั้ง ๆ ที่ควรเป็นเงินยืมที่ยูเครนต้องจ่ายคืน

ถึงแม้ โดนัลด์ ทรัมป์ จะให้คำมั่นสัญญากับชาวอเมริกันว่าเขาจะไม่ยอมทุ่มเงินภาษีประชาชนให้กับสงครามนอกบ้าน และจะเป็นคนยุติสงครามยูเครน แต่มีเงื่อนไขว่าเขาต้องชนะการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้เสียก่อน แต่ก็ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจว่านั่นคือคำพูดเพื่อ ‘หาเสียง’ เท่านั้น 

เพราะเมื่ออยู่ในฐานะผู้นำสหรัฐอเมริกาจริง ๆ ย่อมมีหน้าที่ในการธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นชาติมหาอำนาจโลก ที่เสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้ และเชื่อเถอะว่า เซลล์แมนผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค รู้วิธีหาเงินจากอีโก้ของชาติมหาอำนาจได้ดีที่สุด

‘บิล เกตส์’ ทุ่ม ‘หลายพันล้านเหรียญ’ หนุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์  รับมือ AI ดูดไฟสูง-รถอีวีพุ่ง คาดปฏิกรณ์ใหม่เสร็จปี 2573

(17 มิ.ย.67) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างคำกล่าวของ ‘บิล เกตส์’ ว่า มหาเศรษฐีรายนี้พร้อมที่จะทุ่มเงิน ‘หลายพันล้านดอลลาร์’ ลงในโครงการ ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์รุ่นใหม่’ ของสตาร์ตอัป TerraPower ซึ่งก่อตั้งโดย บิล เกตส์ เองในรัฐไวโอมิงของสหรัฐฯ เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

เหตุผลที่ตั้งใจลงทุนเงินสูงระดับหลายพันล้านเช่นนี้ เกตส์เล่าว่า ผู้คนต้องการนวัตกรรมที่ทำให้ได้ไฟฟ้าที่ถูกกว่า และสะอาดกว่าในเวลาเดียวกัน ‘พลังงานนิวเคลียร์’ จึงเข้ามาตอบโจทย์ โดยที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย ซึ่งดาตาเซนเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ที่ Microsoft จะสร้างขึ้น คาดว่าจะเพิ่มภาระการใช้ไฟฟ้ามากถึง 10% ในสหรัฐฯ

อีกทั้งยังมีการเพิ่มขึ้นของสิ่งต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ และรถบัสไฟฟ้า ไปจนถึงปั๊มความร้อนไฟฟ้าเพื่อทำความร้อนในบ้าน ความต้องการไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และตอนนี้ ดาตาเซนเตอร์เหล่านี้ก็ยิ่งทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้น บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ จึงกำลังมองหาแนวทางที่จะช่วยให้ศูนย์ข้อมูลรองรับความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้ บิล เกตส์จึงต้องขยายแหล่งพลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับการขยายตัวของ AI ที่ Microsoft เข้าลงทุนและเพื่อตอบโจทย์ปัญหาโลกร้อน

บิล เกตส์ ชี้ให้เห็นว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเขาที่เป็นประโยชน์นี้ ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคของสหรัฐฯ (เดโมแครตและรีพับลิกัน) ในขณะที่พรรคเดโมแครตเห็นคุณค่าในแหล่งพลังงานสะอาด ส่วนพรรครีพับลิกันให้ความสนใจในเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน

สำหรับ TerraPower ได้สำรวจวิธีการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ที่ง่ายขึ้น และราคาถูกลงตั้งแต่ปี 2551 และคาดว่าจะสร้างเครื่องปฏิกรณ์ใหม่เสร็จในปี 2573

“ผมลงทุนไปแล้วกว่าพันล้านดอลลาร์ และผมก็พร้อมที่จะทุ่มเงินอีกหลายพันล้าน” บิล เกตส์ กล่าว

บิล เกตส์ กล่าวว่า อันที่จริงโรงไฟฟ้าของ TerraPower ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ถูกคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2571 แต่เนื่องจากต้องอาศัยเชื้อเพลิงจากรัสเซีย ซึ่งถูกฝั่งตะวันตกคว่ำบาตรในขณะนี้ กำหนดการที่จะเปิดใช้งานได้จึงล่าช้าออกไป

สำหรับโรงไฟฟ้าของ TerraPower ใช้โซเดียมเหลวแทนน้ำเป็นสารระบายความร้อน และมีเกลือหลอมเหลวที่สามารถกักเก็บความร้อนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต บิล เกตส์ กล่าวว่า บริษัทวางแผนที่จะจัดหาเชื้อเพลิงจากสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรสำหรับโรงไฟฟ้านี้

ในปัจจุบัน ‘พลังงานนิวเคลียร์’ ที่ปลอดคาร์บอน กำลังถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และมีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่ส่งเสริมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก โดยเมื่อปีที่แล้ว ตามข้อมูลของ BloombergNEF ระบุว่า 25 ประเทศในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 28 หรือ COP28 ที่นครดูไบของสหรัฐฯ อาหรับ เอมิเรตส์ ได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มกำลังการผลิตนิวเคลียร์เป็น 3 เท่า

‘รบ.สหรัฐฯ’ ยกคำนักวิชาการไทย ไม่เห็นด้วยหากไทยเข้าร่วม ‘BRICS’ เชื่อ!! เกิดจากการถูกชี้นำผิดๆ ใต้ความกระหายโชว์ผลงานของรัฐบาล

‘ไทย’ กำลังเดินหน้าสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก ‘BRICS’ กลุ่มชาติกำลังพัฒนา ที่ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ ตามรายงานของวอยซ์ออฟอเมริกา (วีโอเอ) เครือข่ายเว็บไซต์และสถานีวิทยุด้านข่าวสารที่มีรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเจ้าของ พร้อมอ้างว่าพวกผู้เชี่ยวชาญต่างแสดงความเคลือบแคลงใจว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกต้องหรือไม่

สมาชิกกลุ่ม BRICS ต้องการสร้างทางเลือกอื่นขึ้นมาแทนดอลลาร์สหรัฐ และระบบการเงินโลกที่เกี่ยวข้องกับทางเลือกดังกล่าว หลังจากที่ผ่านมา พวกเขาเคยริเริ่มโครงการด้านการเงินต่าง ๆ อย่างเช่นธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (New Development Bank) ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีของไทยเห็นชอบร่างใบสมัครในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม นับตั้งแต่นั้นความพยายามเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ก็เดินหน้าอย่างรวดเร็ว และล่าสุด นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ได้ยื่นหนังสืออย่างป็นทางการกับ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ประธาน BRICS ในปัจจุบัน ในการแสดงความประสงค์เข้าร่วมเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของกลุ่ม BRICS

ในถ้อยแถลง นายมาริษ บอกว่ามันเป็นประโยชน์ของไทยในการเข้าร่วมกลุ่ม BRICS "ไทยมองว่า BRICS มีบทบาทสำคัญในระบบพหุภาคีและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่าง ๆ ในซีกโลกใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศของเรา"

"เพื่อผลประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง การเข้าร่วมกลุ่ม BRICS จะช่วยเสริมบทบาทของไทยในเวทีโลก และกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศกับบรรดาชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางการค้า การลงทุน ความมั่นคงทางอาหารและทางพลังงาน" ถ้อยแถลงระบุ

บรรดาสมาชิกกลุ่ม BRICS มีสัดส่วนเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทั้งหมดของโลก 100 ล้านล้านดอลลาร์ ทางกลุ่มบอกว่าต้องการให้บรรดาเศรษฐกิจเกิดใหม่มีตัวแทนที่ใหญ่โตขึ้นในระดับโลก โดยอ้างว่าพวกชาติตะวันตกในอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตก ครอบงำองค์กรการเงินโลกอย่างเช่น เวิลด์แบงก์ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศมาช้านาน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พันธมิตรกลุ่ม BRICS ถูกมองในฐานะฝ่ายต่อต้านตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงกรณีที่จีนและรัสเซียกำลังหาทางลดพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลงระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งและมอสโก ต่อประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงปราบปรามผู้ประท้วงในฮ่องกงของจีน และประเด็นอธิปไตยของไต้หวัน รวมถึงสงครามของรัสเซียในยูเครน

วอยซ์ออฟอเมริกา อ้างคำสัมภาษณ์ของนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ นักวิชาการ สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า BRICS เริ่มกลายเป็นความพยายามทางการเมืองต่อต้านตะวันตกมากจนเกินไป "แรกเริ่มของ BRICS เริ่มต้นในฐานะรูปแบบหนึ่ง เป็นกลุ่มภูมิเศรษฐศาสตร์ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าทางกลุ่มกลายมาเป็นกลุ่มก้อนหมู่คณะทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเดิม รูปแบบของ BRICS กำลังเปลี่ยนไป กลายมาเป็นแนวร่วมภูมิรัฐศาสตร์ต่อต้านตะวันตก"

นายมาริษ ยืนยันว่าแต่ละประเทศล้วนแต่ตัดสินใจเป็นผลประโยชน์ของชาติตนเอง และไทยต้องการทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกราย แม้มีความเห็นต่างกันก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ทาง นายฐิตินันท์ เชื่อว่าความพยายามเข้าร่วมกลุ่มของไทยนั้นเกิดจากการถูกชี้นำผิด ๆ และหลงไปตามวาระของรัฐสมาชิกสำคัญอย่างจีนและรัสเซีย "รัฐบาลตะเกียกตะกายที่จะสร้างผลงาน ตามมุมมองของผม BRICS คือเส้นทางที่ถูกชี้นำผิด ๆ ที่จะโชว์ผลงาน มันกลับนำพาไทยตกอยู่ในวาระของประเทศอื่น ๆ ไทยต้องการวางตัวเป็นกลางมากกว่าที่เป็นอยู่"

จีนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไทย และเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่ม BRICS และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า ปักกิ่ง คือปัจจัยหลักสำหรับเหตุผลว่าทำไมไทยถึงอยากเข้าร่วมกลุ่ม BRICS

ทั้งนี้ จีนคือคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยมูลค่ากว่า 135,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว และนักท่องเที่ยวชาวจีนยังมีความสำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวของไทยด้วย

เอียน ชอง นักรัฐศาสตร์จากสิงคโปร์ บอกกับวอยซ์ออฟอเมริกาว่า ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจคือสิ่งล่อใจสำคัญที่ทำให้ไทยตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่ม BRICS

‘มาดามแป้ง-เจ ชนาธิป’ รับมอบเงินอัดฉีดจาก ‘สุริยะ’ 3 ล้านบาท หลังเปิดบ้านชนะสิงคโปร์ 3-1 พร้อมขอบคุณที่สนับสนุนช้างศึก

(17 มิ.ย.67) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ตัวแทนนักฟุตบอลทีมชาติไทย เข้ารับเงินอัดฉีด จาก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 3 ล้านบาท ที่กระทรวงคมนาคม จากเกมที่ ช้างศึก เปิดบ้านชนะ สิงคโปร์ 3-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2  

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทย นำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อัดฉีด ทัพช้างศึก อยู่แล้วในทุกเกม แต้มละ 1 ล้าน แต่ในเกมเปิดบ้านพบกับ สิงคโปร์ มีความสำคัญ คือ ชี้ชะตาเข้ารอบคัดบอลโลก รอบ 3 ทำให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมตรี อัดฉีดส่วนตัวเพิ่มเติมลูกละ 1 ล้านบาท แบ่งเป็นประตูละ 5 แสนบาท และ แอสซิสต์ละ 5 แสนบาท รวม 3 ลูก เป็นเงิน 3 ล้านบาท

‘มาดามแป้ง’ นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ปัจจุบัน เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จนมาถึง รองนายกฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดย แป้ง ต้องขอบคุณแทนทีมงานสตาฟโค้ช และนักกีฬา ที่ทุกคนเล็งเห็นถึงความสำคัญ ความเสียสละ และ ความมุ่งมั่นเพื่อทีมชาติไทย ซึ่งแม้ว่าเรายังเสียดายที่ไม่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 3 ด้วยเงื่อนไขขาดอีกแค่ประตูเดียว แต่อย่างน้อยแป้งเชื่อว่า นี่เป็นนิมิตรหมายอันดีของฟุตบอลไทย ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐฯ”

ทั้งนี้โปรแกรมต่อไป ทีมชาติไทย เตรียมลงเล่นเกมอุ่นเครื่อง 2 นัด ในช่วง ฟีฟ่า เดย์ ระหว่างวันที่ 2-10 กันยายน 2567

‘ทนายวิญญัติ’ ยัน!! 18 มิ.ย. ‘ทักษิณ’ เข้าพบอัยการตามนัด ชี้!! ตรงตามเงื่อนไขประกัน พร้อมปัดข่าวยื่นร้องขอความเป็นธรรม

(17 มิ.ย. 67) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาที่อัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งฟ้องคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ฯ

โดยกรณีที่นายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดีย (The ChosunMedia) สื่อของเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน

ซึ่งด้าน นายวิญญัติ ทนายความ ได้กล่าวถึงการนัดนายทักษิณ เพื่อส่งตัวฟ้องต่อศาลอาญา ในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ว่า นายทักษิณจะเดินทางไปพบพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ในเวลา 09.00 น. ช่วงเข้าตามนัด เพื่อรับทราบคำสั่งฟ้อง และส่งฟ้องต่อศาลอาญาอย่างแน่นอน เนื่องจากหากไม่ไปพบพนักงานอัยการตามนัด ก็จะผิดสัญญาประกัน ส่วนเรื่องกระแสข่าวการร้องขอความเป็นธรรมไม่มีหรอก เช่นเดียวกับเรื่องถุงขนม ภาค 2 ซึ่งรายละเอียด วันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ตนพร้อมให้ความเห็นกับสื่อมวลชน

‘ลูกค้า’ อึ้ง!! ซื้อข้าว 2 ถุงกับไข่เจียวธรรมดา ราคา 100 บาท ‘ชาวเน็ต’ ประสานเสียง ‘แพงเกินไป อาหารที่ได้ไม่สมกับราคา’

กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Wolf Children’ ได้โพสต์ภาพไข่เจียวที่สั่ง พร้อมกับข้าวเปล่า 2 ถุง เพื่อสอบถามสมาชิกกลุ่ม ‘พวกเราคือผู้บริโภค’ ว่า หมดนี่ 100 บาท แพงไปไหม ข้าวเซเว่นหมด เลยสั่งข้าวไข่เจียวในคอนโดไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้ เรามีถามไปว่า ข้าวไข่เจียวเท่าไรคะ เขาบอก 60 บาท เราเลยสั่ง ไข่เจียว 1 / ข้าวเปล่า 2 คิดว่าบวกข้าว 1 ถุง รวมน่าจะประมาณ 80 บาท สรุปจบที่ 100 บาท

ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแพงเกินไป บ้างก็บอกอาหารที่ได้ไม่สมกับราคาที่จ่าย

ล่าสุด (17 มิ.ย. 67) สาวเจ้าของโพสต์ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว โดยเล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนหน้าเราไปซื้อน้ำพริกกะปิทูน่าที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ข้าวสวยหมด มีแต่ข้าวต้ม เลยคิดว่าเดี๋ยวออกไปซื้อร้านข้าวตามสั่งใต้คอนโดฯ ก็ได้ เพราะต้องรีบไปทำงานต่อ

เราถามร้านข้าวไข่เจียวธรรมดา เท่าไรคะ ร้านบอก 60 บาท เราอึ้งราคา กะไม่เอา แต่ก็ต้องกินเพราะต้องรีบไปทำงานต่อ เลยบอก งั้นเอาไข่เจียวธรรมดา 1 ข้าวเปล่า 2 ค่ะ (เพราะคิดว่าน่าจะบวกแล้วไม่เกิน 80 บาท เลยไม่ได้ย้ำถามราคาอีกทีว่าเท่าไร) ตอนร้านบอกข้าวได้แล้ว เราถามเท่าไร ร้านบอก 100 บาท เราย้ำถามอีกทีเท่าไรนะคะ ร้านบอก 100 บาทค่ะ จบที่ 100 บาทมาแบบงง ๆ

เมื่อถามว่า เคยซื้ออาหารร้านดังกล่าวมาก่อนไหม เจ้าของโพสต์เผยว่า เคย แต่ไม่ใช่ข้าวค่ะ เห็นราคากับปริมาณที่ได้ อึ้งสตั้น จ่ายเงินแบบงง ๆ ตอนร้านบอก 100 บาท (เพราะก่อนหน้านี้ข้าวไข่เจียว ร้านบอก 60 บาทว่าอึ้งแล้ว แต่พอรับได้ เพราะต้องรีบกิน รีบทำงานต่อ เลยสั่งไข่เจียว 1 ข้าวเปล่า 2 เพราะคิดว่าไข่เจียว 60 บาท ข้าวถุงละ 10 บาท ไม่น่าจะเกิน 80 บาท ราคาแบบพอเข้าใจได้)

ทั้งยังบอกอีกว่า ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาคอมเมนต์เยอะขนาดนี้ ทุกคนมีสิทธิ์คิดว่าแพงหรือไม่ ราคาเหมาะสมกับปริมาณไหม แต่ไม่ต้องมาบอกทำไมไม่ทำกินเอง ทำไมนู่นนี่นั่น เพราะตอนนั้นรีบ และไม่คิดว่าจะอยู่ในยุคที่ข้าวไข่เจียว 100 บาท ไม่เจอกับตัว ใครก็พูดได้ค่ะ ย้ำถามก่อนสั่ง อย่าคิดไปเอง ต่อให้ถามแล้วก็ต้องถามอีก เอาให้ชัวร์ จะได้ไม่จุกแบบเรา

‘ซาอุฯ’ ร้อนจัด!! อุณหภูมิพุ่งสูงเกิน 46 องศา คร่าชีวิต ‘19 ผู้แสวงบุญ’ ขณะเข้าร่วม ‘พิธีฮัจญ์’

(17 มิ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้แสวงบุญจากหลายประเทศทั่วโลกรวมกว่า 1,800,000 คน กำลังประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้พิธีฮัจญ์ ถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม และเป็นพิธีที่มีการรวมตัวกันครั้งใหญ่ที่สุดในโลก มีรายงานออกมาว่าพบมีผู้เสียชีวิตแล้ว 19 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจอร์แดน โดยรัฐบาลจอร์แดนได้ออกแถลงการณ์แล้วว่า สาเหตุของผู้เสียชีวิตนั้นมาจาก ‘โรคลมแดด’ ส่วนอิหร่านมีรายงานว่า พลเมืองเสียชีวิต 5 คน ระหว่างทำพิธีแต่ไม่ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิต

ศูนย์อุตุนิยมแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ประกาศแจ้งว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงประกอบพิธีฮัจญ์ปีนี้ที่เมืองเมกกะและเมดินา สูงกว่าปกติ 1.5-2 องศาเซลเซียส และตั้งแต่เริ่มทำพิธีมามีผู้ล้มป่วยจากอากาศร้อนจำนวนมาก แม้ว่ามีการจัดตั้งพื้นที่ควบคุมอุณหภูมิ แจกจ่ายน้ำดื่มและตั้งศูนย์พยาบาลเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม โดยในช่วงหลายปีมานี้มักเกิดจากอากาศร้อนจัด สัปดาห์นี้ที่ซาอุดีอาระเบียมีอุณหภูมิสูงสุดเกิน 46 องศาเซลเซียส เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการทำพิธีกลางแจ้ง

'สุริฏฐ์ปรียา-นรบดินทร์' คว้าแชมป์กอล์ฟ Super 6 'ดิทโต้ คลาสสิค 2024'   ตีตั๋วสู่ 'Yonex Junior Golf Championship 2024' เดือนสิงหาคมนี้

'บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด' ร่วมกับ 'บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)' เดินหน้าคัดเยาวชนลุยญี่ปุ่น ต่อในสนามที่ 5 กับรายการ 'ดิทโต้ คลาสสิค 2024' Super 6 Match Play หนึ่งในรายการที่เก็บสะสมคะแนนของ Junior Golf Scoreboard แข่งขันระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2567 ที่สนามเทรชเชอร์ ฮิลล์ กอล์ฟ คลับ จ.ชลบุรี โดยในสนามนี้เป็นการแข่งขันแบบแมตช์เพลย์ รอบละ 6 หลุม (Super 6) เพื่อชิงตั๋วแข่งญี่ปุ่น 2 ใบสุดท้าย (ชาย 1-หญิง 1) ที่คว้าแชมป์ Super 6 Match Play ในสนามนี้ เพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขัน Yonex Junior Golf Championship 2024 เดือนสิงหาคม 2567

(17 มิ.ย.67) นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ (ที่ 4 จากขวา) ประธานจัดการแข่งขัน 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์' ให้เกียรติมอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดีกับแชมป์กอล์ฟ Super 6 Match Play ในการแข่งขันรายการ 'ดิทโต้ คลาสสิค 2024' ที่เทรชเชอร์ ฮิลล์ กอล์ฟ คลับ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2567

สำหรับการเล่น Super 6 Match Play วันสุดท้าย เป็นแข่งรอบละ 6 หลุม จำนวน 3 รอบ รวม 18 หลุม เพื่อจัดอันดับผู้ชนะเลิศตั้งแต่ลำดับที่ 1 จนถึงลำดับที่ 8 

เริ่มจากรอบ 16 คนสุดท้าย ในประเภทชาย ปัญญาภัทร์ ขันติยู พบ ธรรมมาวุธ งามเหลา, นรบดินทร์ แสวงดี พบ ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์, ณภัทร ไชยพานิช พบ ณัฐวีณ์ ประทีปเสน และ อิทธิ์ชพัฒน์ บัณฑิตมหากุล พบ รัฐวิชญ์ รัฐชัยอนันต์ 

ส่วนประเภทหญิง เขมมินทรา งามเหลา พบ ณพจิรา ลือศรัทธา, วิชญาดา แรมเมือง พบ ภัสธนมนท์ สุทธิรักษ์พงศ์, สุริฏฐ์ปรียา พฤกษานุบาล พบ ศรัณรัตน์ เลิศกังวาลไกล และณัทชารีย์ คุณปสุต พบ สุธันยา โกมลเกษรักษ์   

ทั้งนี้ คู่ชิงชนะเลิศ ประเภทหญิง เป็น สุริฏฐ์ปรียา พฤกษานุบาล และ เขมมินทรา งามเหลา จบ 6 หลุมในรอบสุดท้าย ด้วยการเสมอกัน ต้องตัดสินด้วยการเพลย์ออฟ 1 หลุม หลังจบเพลย์ออฟยังคงเสมอกัน จึงต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการ Shoot Out โดยใช้วิธีพัตต์ ปรากฏว่า สุริฏฐ์ปรียา พัตต์ลากยาวลงหลุมคว้าแชมป์ในประเภทหญิงไปครอง

ส่วน คู่ชิงชนะเลิศ ประเภทชาย เป็น นรบดินทร์ แสวงดี กับ  อิทธิ์ชพัฒน์ บัณฑิตมหากุล รอบ 6 หลุมสุดท้าย เป็น นรบดินทร์ อาศัยความนิ่งเบียดชนะไป 1 อัพ คว้าแชมป์ประเภทชาย     

นอกจากนี้ นักกอล์ฟที่คว้าตั๋วแข่งขันรายการ Yonex Junior Golf Championship 2024 อีก 2 ใบ ได้แก่ อิทธิ์ชพัฒน์ บัณฑิตมหากุล และ เขมมินทรา งามเหลา (เนื่องจากนรบดินทร์ แสวงดี และสุริฏฐ์ปรียา พฤกษานุบาล ได้สิทธิ์ไปในสนามก่อนหน้านี้แล้ว)

สำหรับรายการต่อไปจะเป็นการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 6 'บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2024' ซึ่งเป็นรายการที่มีการเก็บคะแนนสะสมของ World Amateur Ranking แข่งขันระหว่างวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2567 ที่สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี 

ผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf หรือโทร. 065-696-2229
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top