Friday, 28 June 2024
NewsFeed

ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยผลจับกุมการพนันฟุตบอล ช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 พบ 2 วัน จับกุมกว่า 120 ราย

วันนี้ (17 มิถุนายน 2567) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผล.ตร.) เปิดเผยว่า  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2567 เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอล ซึ่งมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือฟุตบอลยูโร 2024 (UEFA European Football Championship 2024) ในวันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 

ผลการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทายผลการแข่งข้นฟุตบอลยูโร 2024 ห้วงวันที่ 14-15 มิถุนายน 2567 ภาพรวมทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหารวม 126 คน แบ่งเป็น เจ้ามือ  6 ราย ผู้ต้องหา 7 คน , ผู้เล่น 117 ราย และคนเดินโพย 2 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางโพยบอล 150 ใบ วงเงินหมุนเวียนในการเล่นการพนัน 14,351 บาท ยึดเงินสด 11,021 บาท

พล.ต.ท.อัคราเดชฯ กล่าวว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ตรวจตราสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานที่อื่นใดที่เปิดให้บริการรับชมการแข่งขันฟุตบอล รวมทั้งทางออนไลน์ต่างๆ ด้วย พื่อเป็นการป้องกันปราบปรามและสืบสวนจับกุมอย่างเข้มข้น หากประชาชนมีเบาะแสหรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการพนันทายผลฟุตบอล หรืออาชญากรรมอื่น ๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'ธีรัตถ์-คำผกา' ลุย 'คุยคลายข่าว' เอ็นบีทีวันแรก  ยัน!! มาทำรายการตามกระบวนการคัดสรรปกติ

(17 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการคุยคลายข่าวที่ออกอากาศผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) กรมประชาสัมพันธ์ ออกอากาศเป็นวันแรก โดยมีนายธีรัตถ์ รัตนเสวี และ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา อดีตผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี (VOICE TV) ที่ปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นผู้ดำเนินรายการ ในช่วงกลางรายการยังมีนายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข โฟนอินเข้ามาในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และนายภูวนาท คุนผลิน มาจัดรายการช่วงสุดท้าย

น.ส.ลักขณากล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าพวกตนจะมายึดช่องนั้น คำว่ายึดช่องเป็นภาษาจากคลิกเบต (Clickbait หรือ ล่อให้คนเข้ามาคลิก) นิดหนึ่ง ต้องทำความเข้าใจว่าในยุคของสื่อใหม่มีการช่วงชิงเอนเกจเมนต์ (Engagement หรือการที่ผู้ชมหรือผู้อ่านมีส่วนร่วมกับสื่อใหม่) หรือยอดวิว เพราะฉะนั้นถ้าใครเขียนพาดหัวหวือหวาที่สุดก็ดึงดูดความสนใจ แต่ไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะการยึดช่องไม่มีวันเกิดขึ้นและไม่มีวันเป็นไปได้ อีกทั้งตนและนายธีรัตถ์ไม่มีศักยภาพที่จะไปยึดช่องไหนแน่นอน รายการนี้มานั่งพูดคุยกัน อัปเดตสถานการณ์ พร้อมกับคลี่คลายประเด็นไปด้วย

ด้านนายธีรัตถ์กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดจะมายึดช่องอะไรทั้งสิ้น ทำงานแบบที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการคัดสรรมาตามปกติ รายได้ที่ได้รับก็ตามปกติเหมือนกับที่ทุกคนได้มา รายการนี้เป็นรายการที่ให้ผู้ชมเข้าใจข่าว เราอาจจะไม่ใช่รายการที่เอาทุกข่าวมาคุยกัน แต่เป็นข่าวที่พวกเราสนใจ เพราะฉะนั้นเราอาจจะไม่ได้มีข่าวทุกข่าว ยึดไม่ไหว ไม่ได้มีพลังที่จะไปยึดขนาดนั้น กว่าที่จะมาทำรายการตรงนี้ได้ ลุ้นกันทุกนาทีจริง ๆ นอกจากนี้ยังมีรายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ ในวันเสาร์ เวลา 08.00 น. ซึ่งจะไปคุยวิธีคิดการทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นออกมา

ก่อนหน้านี้ นายธีรัตถ์ และ น.ส.ลักขณา กล่าวในรายการ Sit Beautiful with KamPhaka ในตอนหนึ่งระบุว่า การจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท คำดี จำกัด ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อยึดช่องเอ็นบีทีแต่อย่างใด เพราะกรมประชาสัมพันธ์ไม่มีวิธีการเข้าไปผลิตรายการในรูปแบบบริษัท นอกเสียจากซื้อเวลาไปผลิตรายการเอง ซึ่งช่องเอ็นบีทีเป็นทีวีของรัฐ มีโฆษณาไม่ได้ ยกเว้นรายการกีฬาบางรายการ เรื่องการทำรายการให้กับช่องเอ็นบีทีมีการคุยกันมาก่อนตั้งแต่วอยซ์ทีวีปิดกิจการ แต่พวกตนชี้แจงว่ายังเป็นลูกจ้างของวอยซ์ทีวีอยู่ ตราบใดที่ยังไม่ยุติกิจการเราไม่มา การไปช่องเอ็นบีทีเราไม่ได้ไปแย่งพื้นที่ใคร การที่เราไปเป็นการเสริมสร้างเนื้อหาข่าวให้กับช่องเอ็นบีทีเท่านั้นเอง ไม่มีทางที่จะไปยึดช่อง ไปแบบคนตัวเล็ก ๆ ไม่คิดจะยึดสถานี

ทั้งนี้ รายการดังกล่าวเตรียมตัวโปรโมตมา 2 สัปดาห์ และวันที่ 11 มิ.ย. เป็นวันเปิดตัวสปอตรายการอย่างเป็นทางการจากช่องเอ็นบีที เรื่องที่จะไปจัดรายการที่ช่องเอ็นบีทีตนได้บอกกับคนใกล้ชิดไปหมดแล้ว แต่ยังไม่โพสต์ลงในสื่อโซเชียลฯ เพราะตัวโปรโมตหลักยังไม่ออก แล้วจู่ ๆ กลุ่มฟ้าเดียวกันมาโพสต์ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่สปอตโปรโมตของช่องเอ็นบีทีจะออก ซึ่งถ่ายทำมา 3 สัปดาห์แล้ว ที่ผ่านมามีการเตรียมตัวและประชุมกับช่องเอ็นบีทีมา 3 เดือนแล้ว และยังต้องซ้อมการจัดรายการ ซึ่งต้องให้เกียรติคนทำงานทุกคนเพราะเราเป็นคนใหม่ที่นั่น เพราะฉะนั้นเราทำงานแบบมืออาชีพ มีขั้นตอน เรียนรู้ระบบ รู้จักคน รู้จักวิธีการทำงานในฐานะผู้ร่วมผลิตรายการ การทำงานต้องทำร่วมกันเป็นทีม ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเก่งกว่ากัน และเห็นใจซึ่งกันและกัน

อนึ่ง ก่อนหน้านี้บนโซเชียลฯ มีการก๊อปรูปภาพจากเฟซบุ๊ก ‘Teerat Ratanasevi’ ของนายธีรัตถ์ ที่ซ้อมการจัดรายการก่อนออกอากาศจริง แล้วปรากฏว่ามีชาวเน็ตจับผิดภาพฉากด้านหลังว่ามีลายน้ำของเว็บไซต์ 123RF ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายภาพสต๊อก ปรากฏว่าในวันนี้ซึ่งเป็นวันออกอากาศจริง ไม่ได้ใช้รูปดังกล่าว แต่เป็นรูปอาคารในกรุงเทพมหานครที่ไม่มีลายน้ำใด ๆ

‘ทนายตั้ม’ ฉลุย!! ผ่าน สว.ระดับจังหวัด เผยเบื้องลึก!! ‘มีฮั้วเลือก สว.’ โดนเองมาแล้ว

(17 มิ.ย.67) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์เพจเฟซบุ๊ก ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ’ ในหัวข้อ ‘เลือกสว.มีฮั้วจริงไหม?’

ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดจะสมัคร สว. จนก่อนวันรับสมัครไม่กี่วัน มีพี่ที่นับถือชื่อ อุเทน ศรีภิโญโญ เป็นคนสนิทท่านผู้นำฝ่ายค้านแนะนำว่าผมควรลงสมัคร เพราะผมเป็นคนกล้า มีความสามารถ สามารถทำประโยชน์กับประเทศชาติได้มาก

ผมจึงเริ่มหาข้อมูลวิธีการเลือก กฎกติกาต่างๆ และเลือกลงกลุ่ม 17 ประชาสังคม ในนามมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ที่จังหวัดสมุทรสาคร

ในช่วงแรกไม่ได้บอกพี่ๆ ผู้สื่อข่าว กับประชาชน ว่าจะลงรับเลือกในครั้งนี้ เพราะคิดว่าคงไม่ผ่านระดับอำเภอหรือจังหวัด

พอได้ไปสัมผัสการเลือกตั้งถึงรู้ว่ามีทั้งจัดตั้ง การฮั้วกันมาก ในช่วงแรกผมไปแนะนำตัวกับใคร มีแต่คนบอกผมชอบทนายตั้มนะ แต่ผมมีสายของผมแล้ว ไม่สามารถเลือกทนายตั้มได้

ผมก็พยายามเข้าไปกลุ่มต่างๆเพื่อแนะนำตัวตั้งแต่ระดับอำเภอ แต่พอส่งใบแนะนำตัวไปได้แปปเดียวก็โดนถีบออกจากกลุ่ม ตอนนั้นผมคิดว่าคงจะจบแล้วล่ะ น่าจะตกรอบตั้งแต่อำเภอ

แต่หลังจากที่ผมโดนกีดกันด้วยวิธีต่างๆ ก็เริ่มมีคนเห็นใจและสงสารผม ทักไลน์มาให้กำลังใจ กลุ่มที่โดนจัดตั้งมาก็เริ่มมารับสารภาพกับผม แล้วเอาโพยมาให้ดู บอกว่าผมต้องเขียนเบอร์ตามที่แกนนำพรรคการเมืองใหญ่ในจังหวัดสมุทรสาครสั่งมา ซึ่งในกลุ่มของทนายตั้มมีคนของเค้าอยู่

พอผมรู้จำนวนคนที่พรรคการเมืองใหญ่จัดตั้งขึ้นมามันมีจำนวนแทบจะเกินครึ่งของผู้เข้ารอบระดับจังหวัด มันยิ่งทำให้ผมท้อไม่ได้ ผมคิดว่าเราต้องสู้ ถ้าปล่อยไปแบบนี้ สว. ทั้งประเทศก็ต้องเป็น สว.มีสังกัดของพรรคการเมือง ประเทศชาติจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร

ผมจึงพยายามมากกว่าเดิมเข้าหาผู้สมัครแทบทุกคน ไม่ว่าจะกลุ่มไหน หรือโดนจัดตั้งมาหรือเปล่า เพื่อแนะนำตัว และบอกให้รู้ผลร้าย ถ้าสว.อยู่ในครอบงำของพรรคการเมือง

วันเลือกระดับจังหวัดผมไม่รู้หรอกว่าจะผ่านไหม เพราะมันยากเหลือเกิน แต่พอผลออกมา ผมได้อันดับ 1 ในสายอาชีพระดับจังหวัด ทำให้รู้ว่าเรายังมีหวัง ยังมีคนอีกหลายคนทั้งที่ถูกสั่งให้เลือกใครมาหรือกลุ่มอิสระ เห็นความตั้งใจของผม และอยากให้ประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

สุดท้ายนี้ผมอยากจะฝากข้อความไปถึงผู้สมัครสว.ทั้งประเทศไทย ไม่ว่าจะเข้ามาด้วยเงื่อนไขอะไร ตอนเข้าคูหา ขอให้พวกเราเลือกคนเก่ง คนดี คนที่มีความสามารถ เข้ามาเป็นสว. เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีกว่านี้กันเถอะครับ อย่าเลือกใครก็ไม่รู้ที่เค้าสั่งมาเลยครับ

‘ต่างชาติ’ ข้องใจ!! ทำไม ‘คนไทย’ ชอบเล่นโทรศัพท์เสียงดังในที่สาธารณะ ด้านชาวเน็ตช่วยตอบ การกระทำนี้เจอได้ทุกที่ แต่คนไทยมัก ‘เมิน-อดทน’

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.67 ชาวต่างชาติรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้เรดดิทสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนไทย หลังจากพบว่าคนไทยชอบเล่นโทรศัพท์ โดยเปิดเสียงดังในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการดูวิดีโอ การดูอินสตาแกรม หรือแอปฯ อื่น ๆ

โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ของเขา สิ่งนี้เกิดขึ้นแทบทุกที่และทุกเวลา ไม่ว่าจะบนรถเมล์ที่มีผู้โดยสารแออัด หรือจะบนรถทัวร์และเรือ ซึ่งเขาไม่เข้าใจอย่างมาก เพราะมองว่าในหลาย ๆ พื้นที่และในหลายวัฒนธรรม การเปิดเสียงดังในที่สาธารณะนั้นไม่เหมาะสม แต่ในไทยมันไม่ใช่

เขาคบแฟนสาวชาวไทยได้ปีครึ่งซึ่งเธอทำแบบนี้เช่นกัน เขาเคยถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ทั้ง ๆ ที่เธอเคยอยู่อเมริกามาระยะหนึ่งและเคยเดินทางไปต่างประเทศ เธอน่าจะรู้ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เป็นที่ยอมรับในวัฒนธรรมอื่น เขาจึงอยากรู้ว่ามีใครเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่ และสามารถอธิบายได้หรือไม่ว่า ทำไมในไทยถึงไม่ใช่เรื่องใหญ่และเป็นที่ยอมรับโดยทั่ว

สำหรับคำตอบของชาวเน็ตนั้นมองว่า “ไม่ใช่เรื่องปกติทั้งในไทยและในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก” ซึ่งสิ่งนี้พบเจอได้ทุกที่ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย มันเป็นพฤติกรรมที่หยาบคายและไร้ความเกรงใจ บางครั้งที่เห็นว่าไม่มีใครแย้ง อาจเป็นเพราะพวกเขากำลังอดทนกับมัน

โดยมีชาวเน็ตรายหนึ่งให้ความเห็นว่า คนไทยอดทนเก่งและสามารถทนต่อเสียงรบกวนได้สูง พร้อมยกตัวอย่างครอบครัวของภรรยา ภายในห้องมีคนอยู่หลายคน โดย 3 คนกำลังนอน มี 2 คนนั่งคุยเสียงดัง และอีก 2 คนเล่นโทรศัพท์เสียงดัง นอกจากนี้คนไทยยังมีความสามารถเหนือมนุษย์ สามารถหลับได้ทุกที่และรวดเร็ว เขาจึงคิดว่าความสามารถเหล่านี้มาพร้อมกับความสามารถในการเมินเฉยต่อเสียง

‘จีน’ เปิดปฏิบัติการ ‘เพาะเมฆ’ สร้างฝนเทียม  หนุน จนท.ดับไฟบนภูเขา หลังพยายามมา 4 วัน

เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หน่วยงานท้องถิ่นมณฑลซานซีทางตอนเหนือของจีน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงท้องถิ่นสามารถดับไฟที่ลุกไหม้บนภูเขาตั้งแต่เมื่อวันพุธ (12 มิ.ย.) ได้สำเร็จแล้ว หลังจากพยายามดับเพลิงนาน 4 วัน โดยได้รับความช่วยเหลือจากฝนเทียม

ทั้งนี้ สำนักงานใหญ่เพื่อการรับมือเหตุฉุกเฉินในอำเภออันเจ๋อ เมืองหลินเฝิน ระบุว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 2,200 คน พร้อมด้วยรถขุด 63 คัน และเรือบรรทุกน้ำ 88 คัน มีส่วนร่วมในภารกิจดับเพลิงครั้งนี้

โดยตอนแรกภารกิจดับเพลิงต้องเผชิญหลายความท้าทาย อันเนื่องมาจากภูเขาที่ลาดชัน อุณหภูมิที่พุ่งสูง และสภาพอากาศที่มีลมแรง ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงหันมาใช้ปฏิบัติการเพาะเมฆบนฟ้า (cloud seeding) เพื่อทำให้ฝนตกเมื่อเย็นวันเสาร์ (15 มิ.ย.) และช่วยดับไฟ

หลังจากควบคุมเพลิงได้แล้ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงเริ่มเคลียร์พื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุตอนช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (16 มิ.ย.) ซึ่งการสืบสวนเบื้องต้นเผยว่าไฟไหม้บนภูเขาครั้งนี้อาจมีสาเหตุมาจากฟ้าผ่า

อนึ่ง รายงานระบุว่าพื้นที่ในอำเภออันเจ๋อนั้นเป็นที่ตั้งของพื้นที่ป่าทึบหนาแน่นและเปราะบางต่อการเกิดไฟป่าอยู่แล้ว

'บริษัทจากกำแพงเพชร' ชนะประมูลข้าว 10 ปี จบราคาที่ 286 ล้านบาท ฟากรัฐ ชี้!! ข้าวเกณฑ์ดี ยกให้ผู้ได้ประเมินราคาขายเอง ไม่ฟิกซ์ขั้นต่ำ

(17 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดให้บริษัทที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจำนวน 7 ราย เข้ายื่นซองเสนอราคาซองประมูลข้าวเก่า 10 ปี โครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 ปริมาณ 15,000 ตัน จาก 2 คลังใน จ.สุรินทร์ ณ ห้องประชุมองค์การคลังสินค้า (10601) ชั้น 6 ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น.

ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีสื่อมวลชนเข้ามาสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก โดยบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติ ทยอยมายื่นซองเสนอ 6 ราย จากผู้ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย ได้แก่บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร / บริษัท ธนสรร ไรซ์ / บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร / บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ / บริษัท สหธัญ และ บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024

โดยแต่ละบริษัทเสนอซื้อที่แตกต่างกัน บางบริษัทซื้อ 1 คลัง บางบริษัทซื้อทั้ง 2 คลัง โดยบริษัท 6 รายที่ยื่นซองเสนอซื้อข้าวประมูลของรัฐที่ยื่นเสนอซื้อทั้ง 2 คลัง เช่น 

1.บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จังหวัดกำแพงเพชร 
2.บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด จังหวัดชัยนาท 
3.บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี 
4.บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด จังหวัดนครสวรรค์ 

ส่วนบริษัทที่เสนอซื้อ 1 คลัง เช่น 
1.บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จำกัด จังหวัดนครสวรรค์ 
2.บริษัท สหธัญ จำกัด จังหวัดนครปฐม

ขณะที่บริษัท อุบลไบโอเกษตร จำกัด จังหวัดอุบลราชธานี ไม่ได้เข้ามายื่นซองเสนอราคาในการประมูลข้าวครั้งนี้ แม้ว่าจะผ่านคุณสมบัติ

จากนั้นคณะกรรมการเปิดซองประมูล ปรากฏว่า คลังสินค้า บริษัท พูนผลเทรดดิ้ง จำกัด หลัง 4 ประมาณข้าวรวม 3,356 ตัน มีผู้ยื่นซองเสนอซื้อครบทั้ง 6 ราย ได้แก่ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จังหวัดกำแพงเพชร เสนอราคาประมูลที่ 64.01 ล้านบาท / บริษัท ธนสรร ไรซ์ จังหวัดชัยนาท เสนอราคาประมูลที่ 60.4 ล้านบาท

บริษัท สหธัญ จังหวัดนครปฐม ยื่นประมูลในราคา 62.7 ล้านบาท / บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จังหวัดนครสวรรค์ เสนอราคาประมูลที่ 53.7 ล้านบาท / บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จังหวัดนครสวรรค์ เสนอราคาประมูลที่ 56.08 ล้านบาท / บริษัท ทรัพย์แสงทอง ไรซ์ จากจังหวัดสุพรรณบุรี เสนอราคาประมูลที่ 40.9 ล้านบาท

ส่วนคลังสินค้ากลางกิตติชัย (หลัง 2) ปริมาณรวม 11,656 ตัน มีผู้ยื่นซองเสนอราคา จำนวน 4 ราย ได้แก่ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จังหวัดกำแพงเพชร เสนอราคาประมูลที่ 222.9 ล้านบาท / บริษัท ธนสรร ไรซ์ จังหวัดชัยนาท เสนอราคาประมูลที่ 209.8 ล้านบาท / บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จังหวัดนครสวรรค์ เสนอราคาประมูลที่ 186.5 ล้านบาท / บริษัท ทรัพย์แสงทอง สุพรรณบุรี เสนอราคาประมูลที่ 182.04 ล้านบาท

สำหรับผู้ที่เสนอราคาสูงสุดทั้ง 2 คลัง คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จังหวัดกำแพงเพชร รวมราคาประมูลทั้ง 2 คลัง กว่า 286 ล้านบาท หากคำนวณแล้วจะเฉลี่ยประมูลไปในราคากิโลกรัมละ (กก.) 19 บาท

โดยทางคณะทำงานรับ-เปิดซองและต่อรองราคาข้าวในสต๊อกของรัฐ ได้ต่อรองราคา เพื่อให้ได้ราคาประมูลที่สูงขึ้นอีก ทั้งนี้ จะมีการประกาศชื่อบริษัทที่ชนะการประมูล ผ่านเว็บไซต์ อคส. ที่ www.pwo.co.th ไม่เกินวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ซึ่งกำหนดต้องทำสัญญาซื้อขายภายใน 15 วันนับตั้งแต่ อคส.แจ้งผลเป็นทางการ

นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด หนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ระบุว่า การประมูลข้าวครั้งนี้ถือว่ามีความคึกคัก มีผู้เข้าร่วมประมูลหลายรายแสดงให้เห็นว่า ทุกบริษัทมองว่าข้าวในคลังยังมีคุณภาพใช้ได้สามารถนำไปขายต่อได้ ซึ่งขณะนี้ตลาดข้าวมีความต้องการสูง และราคาข้าวในตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี โดยข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นข้าวใหม่อยู่ที่กิโลกรัมละ 21.50 บาท ในส่วนของบริษัทที่มาประมูลครั้งนี้คือส่งออกเป็นหลัก โดยตลาดที่มีความต้องการข้าวได้แก่ บราซิล อิรัก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากการเปิดซองในช่วงบ่าย จะมีกระบวนการต่อรองราคา หากทำได้เร็ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันนี้ ซึ่งการที่มีผู้สนใจมาซื้อข้าว ถือเป็นตัวสะท้อนได้ดีว่า ข้าวไม่ได้มีปัญหาอะไร แม้จะเก็บมานาน แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดเก็บ และผู้ซื้อเอง ก็ต้องนำไปปรับปรุงต่อ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของราคา ไม่ได้มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ เพราะต้องการให้โอกาสผู้ประกอบการประเมินเอง และวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ แต่จะใช้กระบวนการต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มีราคาในใจ ที่เหมาะสมกับความเป็นจริงของสภาพข้าว จากก่อนหน้านี้ที่มีการด้อยค่า ขายเป็นอาหารสัตว์กิโลกรัมละ 4-5 บาทเท่านั้น แต่ยังเชื่อมั่นว่าจะได้มากกว่านี้แน่นอน ซึ่งหากขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15-18 บาท น่าจะมีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท หักค่าใช้ต่างๆแล้ว คาดว่าจะนำเงินกลับเข้ารัฐ ได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทแน่นอนทั้งนี้ มั่นใจว่าการขายข้าวได้จบภายในวันนี้ ถือเป็นการปิดตำนานโครงการจำนำข้าวได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นการทำงานตามหน้าที่ โดยเฉพาะการสะสางงาน ที่คั่งค้างอยู่ ในฐานะที่มานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวเปิดเผยถึงกรณีการประมูลข้าว 10 ปี ขององค์การคลังสินค้า ที่ผู้ชนะมีการเสนอราคาสูงถึง 19 บาทต่อกิโลกรัมว่า เป็นเรื่องเหลือเชื่อ เพราะราคาที่ประมูลได้ไม่สมเหตุสมผลสูงเกินจริง เนื่องจากข้าวหอมมะลิในสต๊อกรัฐบาลล็อตนี้ เป็นข้าวที่เก็บมานานถึง 10 ปี ไม่มีความหอมหลงเหลืออยู่แล้ว คุณภาพจึงเทียบเท่ากับข้าวขาวปกติ แต่เมื่อเปรียบเทียบราคา ข้าวขาว 5% ข้าวใหม่คุณภาพดีในปัจจุบันพบว่าราคาอยู่ที่ 21.50 บาท ต่อกก. 

ขณะที่ข้าวซึ่งมีอายุมากถึง 10 ปี ในสต๊อกรัฐบาล สามารถประมูลขายได้ในราคาสูงถึง 19 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ผิดปกติ เพราะหากมีการบวกรวมค่าขนส่ง ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวแล้วจะทำให้ข้าว 10 ปีมีต้นทุนที่สูงกว่าข้าวขาวใหม่ หากเป็นพ่อค้าจริง ๆ ก็คงซื้อข้าวใหม่ในตลาดไปขายดีกว่าไปประมูลข้าวเก่า 10 ปีคุณภาพไม่ดีที่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นอีก

สำหรับรายละเอียดข้าวที่จะนำมาเปิดประมูล มีปริมาณ 15,000 ตัน แยกเป็น 

1.คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รวม 26,094 ตัน หรือ 258,106 กระสอบจาก 24 โรงสี และได้ระบายข้าวสารแล้ว 3 ครั้ง คงเหลือ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ 

2.คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) ปริมาณ 9,567 ตัน หรือ 94,637 กระสอบ ซึ่งระบายข้าวสารแล้ว 4 ครั้ง คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ

‘รอยเตอร์ส’ เผย คนตามข่าวจากสื่อออนไลน์มากกว่า ‘สื่อดั้งเดิม’ แพลตฟอร์ม ‘Facebook-YouTube’ ทางเลือกแรกๆ ที่คนเลือกเสพ

เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันรอยเตอร์ส เปิดเผยว่า ผู้คนทั่วโลกสนใจข่าวสารน้อยลง พบเกือบ 40% หลีกเลี่ยงการเสพข่าวเป็นบางครั้งหรือบ่อยครั้ง

ผลการศึกษาทั่วโลกโดยสถาบันรอยเตอร์ส (Reuters Institute) มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ชี้ว่า ผู้คนทั่วโลกจำนวนมากขึ้นมีความสนใจในข่าวสารน้อยลง โดยมองว่ามีแต่เรื่องที่น่าหดหู่ ไม่จบไม่สิ้น และน่าเบื่อ

รายงานสำรวจประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมด 94,943 คนใน 47 ประเทศระหว่างเดือน ม.ค.-ก.พ. 2024 และพบว่า ผู้คน 39% หรือเกือบ 4 ใน 10 (39%) กล่าวว่า พวกเขาหลีกเลี่ยงการเสพข่าวเป็นบางครั้งหรือบ่อยครั้ง

ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2017 ซึ่งอยู่ที่ 29%

รายงานระบุว่า สงครามในยูเครนและตะวันออกกลางอาจส่งผลให้ประชาชนต้องการปิดการรับรู้ข่าวมากขึ้น แต่ข่าวที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจคล้ายกัน คือข่าวการเลือกตั้งในประเทศของตัวเอง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มโดยรวมยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลุ่มที่สนใจข่าวมากหรืออย่างมากทั่วโลกอยู่ที่ 46% ลดลงจาก 63% ในปี 2017

นิก นิวแมน ผู้เขียนรายงาน กล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่าวาระข่าวเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณต้องเผชิญกับโรคระบาด และสงคราม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะหันหลังให้กับข่าว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อปกป้องสุขภาพจิตของพวกเขา หรือเพียงต้องการที่จะใช้ชีวิตที่ตามปกติ”

นิวแมนกล่าวว่า ผู้ที่เลือกหลีกเลี่ยงข่าวมักจะทำเช่นนั้นเพราะพวกเขารู้สึกว่า ‘ไม่มีอำนาจ’ โดยกล่าวว่า “คนเหล่านี้คือคนที่รู้สึกว่าตนไม่มีสิทธิ์เสรีเหนือสิ่งใหญ่โตที่กำลังเกิดขึ้นในโลก”

เขาเสริมว่า บางคนรู้สึกหนักใจและสับสนมากขึ้นกับข่าวที่เกิดขึ้น ขณะที่บางคนรู้สึกเหนื่อยล้ากับการเมือง นอกจากนี้ ผู้หญิงและคนหนุ่มสาวมีแนวโน้มที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับจำนวนข่าวสารรอบตัวมากกว่าช่วงวัยอื่น

ในขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นในข่าวยังคงทรงตัวที่ 40% แต่โดยรวมลดลงมา 4% จากช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19

รายงานพบว่าผู้ที่ชมแหล่งข่าวแบบดั้งเดิม เช่น โทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยคนอายุน้อยเลือกที่จะรับข่าวสารทางออนไลน์หรือทางโซเชียลมีเดียแทน

ในสหราชอาณาจักร ผู้คนเกือบ 3 ใน 4 (73%) กล่าวว่า พวกเขารับข่าวสารทางออนไลน์ ส่วน 50% ยังรับข่าวทางทีวีอยู่และมีเพียง 14% ที่อ่านข่าวในสิ่งพิมพ์

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่สำคัญที่สุดสำหรับข่าวสารยังคงเป็น Facebook แม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงก็ตาม รอลงมาคือ YouTube และ WhatsApp ขณะที่ TikTok กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และตอนนี้แซงหน้า X (Twitter) ไปแล้วเป็นครั้งแรก โดยผู้คน 13% ทั่วโลกใช้ TikTok เพื่อดูข่าวสารส่วนผู้ที่ใช้ X ดูข่าวมีอยู่ 10%

กลุ่มที่ใช้ TikTok มากที่สุดคือประชากรอายุ 18-24 ปี ทำให้วิดีโอกลายเป็นแหล่งข่าวออนไลน์ที่สำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มอายุน้อย และวิดีโอแบบสั้นมีความน่าสนใจมากที่สุด

“ผู้บริโภคหันมาใช้วิดีโอเพราะใช้งานง่าย และมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและน่าดึงดูดมากมาย แต่ห้องข่าวแบบดั้งเดิมหลายแห่งยังคงมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมที่ใช้ข้อความและกำลังดิ้นรนเพื่อปรับการเล่าเรื่อง” นิวแมนกล่าว

‘ทนายเดชา’ แนะวิธี ‘สไปรท์’ สู้คดี ปมค่ายเก่าฟ้อง 14 ล้าน ยัน!! ส่วนใหญ่จบด้วยถอน-ยกฟ้อง เพราะสัญญาไม่เป็นธรรม

(17 มิ.ย.67) จากกรณีแร็ปเปอร์ดัง ‘สไปรท์ ศุกลวัฒน์’ ถูกสังกัดเก่าฟ้องเรียกค่าเสียหาย 14 ล้านบาท โดยอ้างว่าผิดสัญญาว่าจ้างศิลปิน โดยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นผ่าน เพจ ทนายคลายทุกข์ ว่า...

“ต้นสังกัดฟ้องนักแสดง 14 ล้านผมเคยทำคดีประเภทนี้มาแล้วส่วนใหญ่ถอนฟ้องหรือไม่ก็ยกฟ้องเพราะ #เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม"

คดีเกี่ยวกับการผิดสัญญานักแสดงทนายเดชาทำมาหลายคดีแล้วส่วนใหญ่ถอนฟ้องหรือยกฟ้อง เพราะข้อสัญญามีการกำหนดค่าปรับไว้จำนวนนับสิบล้านซึ่งเป็นการกำหนดเบี้ยปรับที่ไม่เป็นธรรม

เป็นการเอาเปรียบนักแสดงในขณะเดียวกันในสัญญาไม่ได้กำหนดสิทธิ์ให้นักแสดงสามารถปรับต้นสังกัดได้แต่อย่างใด สัญญาประเภทนี้เรียกว่าสัญญาทาส ผมเชื่อว่านักแสดงทุกคน สามารถต่อสู้คดีได้ไม่ยากครับจากประสบการณ์ที่ผมเคยทำคดีประเภทนี้มา

เกี่ยวกับประเด็นนี้ด้านเพจ 'โหนกระแส' ได้เผยด้วยว่า ตอนนี้ต้สังกัดเก่ายอมลดให้เหลือ 7 ล้าน แต่ นายกาวี พวงสมบัติ พ่อของสไปรท์ มองว่าไม่เป็นธรรมถึงแม้จะลดลงมา 50% เหลือ 7 ล้านบาท รายได้น้องที่เขาฟ้องมา ไม่ได้เข้ากระเป๋าน้องกับพ่อแม่เลย เข้าช่องที่น้องไปประกวด ได้แค่ค่าน้ำมัน น้องผลักดันตัวเอง 100% ไปด้วยตัวเองตลอดไม่ได้มีใครช่วยเหลือ

“ไม่เป็นธรรม จากเด็กคนหนึ่งที่ช่วยเหลือครอบครัว  ด้วยการทำทุกวิถีทางหาเงินให้พ่อให้แม่ พอน้องมีชื่อเสียง  เห็นน้องลืมตาอ้าปากได้ คุณกลับมา มาฟ้องเพื่ออะไร คุณไม่เห็นความตั้งใจของเด็กคนหนึ่งที่จะช่วยเหลือพ่อแม่เหรอ กลับมาฟ้องเด็กคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นน้องพึ่งอายุ 12-13 พอน้องมีอายุที่ดีกว่าเดิมนิดหน่อยคุณกลับมาฟ้อง”

พ่อของสไปรท์ บอกอีกว่า เชื่อมั่นในความดี ความจริงก็จะได้เห็นว่าเป็นอย่างไร ทางครอบครัวไม่ได้ผิดอะไร ตอนลำบากเขาก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ติดต่อมา 6 ปี ตอนนี้รู้ซึ้งกับคำว่ากลับมาหากินกับเด็ก

สำหรับประวัติของ ‘สไปร์ท-ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ’ เกิดวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ปัจจุบันอายุ 18 ปี เติบโตมาในครอบครัวที่ขยันทำมาหากิน พ่อ-แม่ทำงานประจำ แต่ก็ยังหารายได้เสริมด้วยการขายของที่ตลาดนัด และงานเทศกาลต่าง ๆ โดย ‘สไปร์ท’ เคยเล่าว่า ตั้งแต่จำความได้ครอบครัวขายข้าวโพดคั่วตามงานวัด ตนก็ไปช่วยขายตั้งแต่เด็ก ๆ สิ่งที่ฝันเอาไว้ในอนาคตคืออยากให้ครอบครัวสบาย และวันนี้เขาก็ทำสำเร็จ ซื้อบ้านให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันและเป็นเสาหลักด้วย

สไปร์ท เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากไปออกรายการ Super 10 Season 2 (ปี 2561) โชว์ความสามารถการร้องเพลงลูกทุ่ง และโชว์แร็ปให้กรรมการฟัง จนแจ้งเกิดจนได้ฉายา ‘สไปร์ท แรปเปอร์รองเท้าแตะ’ และกลายเป็นที่ชื่นชมในโซลเชียลเพราะความเป็นเด็กกตัญญู

สไปร์ทเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง มีโอกาสได้ร้องเพลงและเล่นคอนเสิร์ตของโรงเรียน ยิ่งกระตุ้นความที่ชื่นชอบการร้องเพลง โดยมี ‘ปู่จ๋าน ลองไมค์’ เป็นต้นแบบและเป็นจุดเริ่มต้นให้สนใจแนวดนตรีฮิปฮอป 

จากนั้นก็เดินหน้าสานฝันตัวเองลงแข่งรายการ ‘Show me the money Thailand ซีซั่น 2’ โชว์ศักยภาพอย่างเต็มความสามารถ แม้จะถูกตั้งข้อกังขาว่าเด็กวัย 15 ปี จะมีดีแค่ไหน แต่ทว่าเด็กน้อยบนเวทีมีดีกว่าที่หลายคนคิด ผลงานประจักษ์คว้า ‘รองแชมป์’ กลายเป็นที่ยอมรับ และปูทางสู่การเป็นแร็ปเปอร์น้องใหม่

ก่อนที่จะสร้างตำนานบทใหม่ให้วงการเพลงไทย ด้วยการพาเพลง ‘ทน’ ที่ฟีเจอร์ริ่งกับ ‘GUYGEEGEE’ ทะยานขึ้นบนชาร์ตเพลงระดับโลกอย่าง Billboard Global ในอันดับที่ 89 เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา และปัจจุบันยอดวิวพุ่งไปถึง 420 ล้านวิว

ชื่อเสียงของ ‘สไปร์ท’ ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นเป็นแร็ปเปอร์ตัวท็อปในเวลาอันรวดเร็ว และได้เข้าสังกัดค่าย HYPE TRAIN ของ NINO โปรดิวเซอร์คนดัง มีเพลงฮิตเป็นที่รู้จัก อาทิ ‘เดียวดาย’, ‘ปิก้า ปิก้า’, ‘บังอร’, ‘ไอต้าว’, ‘ดาวดึงส์’, ‘ปิ้ว ปิ้ว’ ฯลฯ และยังคงมีงานคอนเสิร์ตและมีผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จด้วยความพยายามและด้วยความสามารถของจริง

‘นิพิฏฐ์’ อัปเดตอาการป่วย ‘ชูวิทย์’ ยังต้องรักษาแบบประคับประคอง ด้าน 'ชูวิทย์' ไม่ทิ้งลาย โผล่เมนต์ปม 'ศรีสุวรรณ' ของเก๊ก็เก๊วันยังค่ำ

(17 มิ.ย. 67) จากกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว’ โพสต์ข้อความอ้างว่าเป็นข้อความจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่แสดงความเห็นประเด็นการจับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ว่า สักวันความจริงจะปรากฏ ไม่ว่านานสักเพียงใด ของเก๊มันคือของเก๊วันยังค่ำ และยังแสดงความเห็นถึงโมฆะบุรุษนาม ‘สีสากกะเบือ’ ทำตัวดั่ง ‘พระเวชสันดรมาโปรดสัตว์’ แต่ที่ไหนได้พอโปรดได้ที่ก็ตีกิน พร้อมฝากถึงสื่ออย่าให้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘ศาลาคนชั่วแสร้งทำดี’ นั้น

โพสต์ดังกล่าวบรรดาแฟนคลับของนายชูวิทย์ได้เข้าไปแสดงความขอบคุณนายชูวิทย์ที่ยังสนใจ และติดตามเรื่องที่เมืองไทย พร้อมทั้งขอให้นายชูวิทย์หายจากอาการป่วย และมีสุขภาพแข็งแรงในเร็ววัน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า “หลายท่านถามผมเรื่องคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผมไลน์ไปคุยกับคุณชูวิทย์ท่านตอบว่าตอนนี้รักษาแบบประคับประคอง คุณชูวิทย์ถามผมว่าจะเล่นการเมืองต่อไหม ผมตอบว่า วางมือแล้ว ท่านตอบว่าดีแล้ว การเมืองยุคนี้ใช้เงินเยอะไม่เหมาะกับผม เขียนเล่ามาเพื่อให้หลายท่านหายคิดถึงคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”

สำหรับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด ได้ประกาศยุติภารกิจแฉต่าง ๆ เมื่อเดือน ส.ค. 66 หลังพบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 8 เดือน ก่อนได้เดินทางไปรักษาโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก่อนจะเดินทางไปพักรักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลที่ประเทศสกอตแลนด์

ตลอดเวลาที่รักษาตัวต่างแดนมีข่าวลือออกมาตลอดว่า ชูวิทย์เสียชีวิตแล้ว ก่อนที่ต่อมา ต๊ะ ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ซึ่งเป็นลูกสาวของชูวิทย์จะได้มีการลงภาพคู่กับคุณพ่อ ในสตอรีไอจีสยบข่าวลือดังกล่าว

สมุทรปราการ- “หอย ปากน้ำ” จัดเต็ม!! มหกรรมงานประกวดพระเครื่อง เซียนพระรุ่นใหญ่ร่วมงานคับคั่ง

วันที่ 16 มิถุนายน 2567 เวลา 08.30 น. ที่บริเวณห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยทางสมาคมนิยมพระเครื่องพระบูชาไทย สาขาจังหวัดสมุทรปราการ นำโดย นายพิเชษฐ โปร่งแก้วงาม (หอย ปากน้ำ) ประธานกรรมการบริหารสมาคมนิยมพระเครื่องพระบูชาไทย สาขาจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับชมรมพระเครื่องจังหวัดสมุทรปราการ จัดงานมหกรรมการประกวดอนุรักษ์ พระบูชา พระเครื่อง เหรียญพระคณาจารย์ และเครื่องรางของขลัง ทั่วประเทศ ครั้งที่ 7 ณ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง

โดยมี คุณโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ รองประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย  พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ประธานจัดงาน พร้อมด้วย นายพิเชษฐ โปร่งแก้วงาม (หอย ปากน้ำ) ประธานกรรมการบริหารสมาคมนิยมพระเครื่องพระบูชาไทย สาขาจังหวัดสมุทรปราการ และประธานชมรมพระเครื่องจังหวัดสมุทรปราการ ประธานดำเนินงานการประกวดพระเครื่องในครั้งนี้

ภายในงานการประกวดพระเครื่องครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ คุณต้อย เมืองนนท์ คุณพิศาล เตชะวิภาค คุณหมึก ท่าพระจันทร์ คุณบี บ่อล้อ ร่วมงานเป็นต้น ตลอดจนเซียนพระชื่อดังอีกหลายท่านและพี่น้องประชาชนที่รักและชื่นชอบพระเครื่องร่วมงานเป็นจำนวนมาก กว่า 3,000 คน และสำหรับรางวัลการประกวดพระเครื่องครั้งนี้แบ่งออกเป็น รางวัลชนะเลิศคะแนนรวม ยอดเยี่ยม จะได้รับพระบูชาหลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ใน หน้าตัก 9 นิ้ว ปิดทอง เงินรางวัล 50,000 บาท รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมพระยอดนิยม จะได้รับพระบูชาหลวงพ่อโต หน้าตัก 9 นิ้ว เงินรางวัล 30,000 บาท และรางวัลชนะเลิศพระทั่วไปจะได้รับพระบูชาหลวงพ่อโต หน้าตัก 9 นิ้ว เงินรางวัล 30,000 บาท อีกทั้ง รางวัลชนะเลิศแต่ละรายการยังจะได้รับหนังสือพระรวมภาพถ่ายหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว จำนวน 1 เล่ม

โดยทางด้าน นายพิเชษฐ โปร่งแก้วงาม (หอย ปากน้ำ) ประธานกรรมการบริหารสมาคมนิยมพระเครื่องพระบูชาไทย สาขาจังหวัดสมุทรปราการ และประธานดำเนินงาน กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมการประกวดอนุรักษ์ พระบูชา พระเครื่อง เหรียญพระคณาจารย์ และเครื่องรางของขลัง ครั้งที่ 7 นี้ ที่จัดขึ้นภายในศูนย์การค้า อิมพีเรียลเวิลด์สำโรง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุลักษณ์พระเครื่องของจังหวัดสมุทรปราการและพระเครื่องทั่วประเทศ ทั้งนี้ รายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อสานต่องานด้านการกุศล อีกทั้ง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องสมาชิกที่เจ็บป่วย ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวสมุทรปราการที่เดือดร้อนและมอบเป็นทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top