Thursday, 23 May 2024
NewsFeed

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินประจำไตรมาส 1 ปี 2567

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมโคราช 2 โรงแรมเซ็นทารา จังหวัดนครราชสีมา ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) ได้จัดงานแถลงข่าวเศรษฐกิจภาคอีสาน ประจำไตรมาส 1 ปี 2567 หัวข้อ เหลียวหลัง...แลหน้า...เศรษฐกิจการเงินอีสาน โดยเป็นการแถลงข่าวสัญจรครั้งแรก สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ บทบาทหน้าที่ของ ธปท. ภาคอีสาน ได้แก่ 

1) จับชีพจรเศรษฐกิจการเงินในพื้นที่ รับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 
2) สร้างองค์ความรู้วิชาการเพื่อตอบโจทย์ในพื้นที่ 3) ผลักดันนโยบาย ธปท. ให้กับพื้นที่ 4) เป็นตัวกลางความร่วมมือกับทุกภาคส่วน 5) สนับสนุนให้คนอีสานมีความรู้ทางด้านการเงินและเท่าทันภัยการเงิน โครงสร้างเศรษฐกิจภาคอีสาน 1) ภาคเกษตรเป็นเส้นเลือดหลักของคนอีสาน มีแรงงานในภาคนี้ถึงร้อยละ 53 ของผู้มีงานทำในภาคอีสาน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีแรงงานเพียงร้อยละ 7 2) ภาคเกษตรส่วนใหญ่พึ่งฟ้าพึ่งฝน และความสามารถในการทำเกษตรลดลง 3) รายได้ไม่เพียงพอรายจ่ายในภาคครัวเรือน นำไปสู่ปัญหาหนี้ จากโครงสร้างดังกล่าวจึงทำให้เศรษฐกิจภาคอีสานต่างจากประเทศ 

ปี 2566 เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวจากการบริโภคและท่องเที่ยว ขณะที่เศรษฐกิจภาคอีสานหดตัว ตามการบริโภคจากรายได้ที่ลดลงทั้งในและนอกภาคเกษตร หมดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ และค่าครองชีพยังอยู่ในระดับสูง แม้การท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ช่วยสนับสนุนได้น้อยเพราะมีเพียงไม่เกินร้อยละ 3 ของเศรษฐกิจ เศรษฐกิจภาคอีสาน โดยภาพรวมเศรษฐกิจ ไตรมาส 1 ปี 2567 อ่อนแรงต่อเนื่องจากปี 2566 จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐลดลง ค่าครองชีพในสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคยังอยู่ในระดับสูง และตลาดแรงงานอ่อนแอลงจากผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรลดลง นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณเปราะบางต่อเนื่องจากปี 2566 และกำลังซื้อมีความเปราะบางมากขึ้น ในหมวดสินค้าคงทนโดยเฉพาะรถกระบะหดตัวสูง และยอดขายบ้านในระดับกลางและล่างลดลงต่อเนื่อง จากรายได้ที่ลดลง 

รวมทั้งความระมัดระวังในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี มีปัจจัยช่วยพยุงการบริโภคได้บ้างจากผลของราคาผลผลิตเกษตรที่ดี และการท่องเที่ยวที่มีผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2566 ระยะถัดไป เศรษฐกิจภาคอีสานคาดว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว จากงบประมาณภาครัฐปี 2567 ที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้หลังไตรมาส 2 ทำให้ภาคการค้า การก่อสร้างตามการลงทุนของรัฐเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 รายได้เกษตรกระจายตัวมากขึ้นจากผลดีของภัยแล้งที่คลี่คลายในช่วงหลังของปี 2567 คาดว่าจะส่งผลดีต่อผลผลิตข้าว การผลิตเพื่อการส่งออกในหมวดอาหารแปรรูปและเครื่องแต่งกายมีแนวโน้มฟื้นตัวดี และการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหม่ ๆ เข้ามากระจายหลายจังหวัดเพิ่มมากขึ้น 

📊เอกสารประกอบการแถลงข่าวเศรษฐกิจอีสาน ไตรมาส 1 ปี 2567  https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/thai-economy/regional-economy/northeastern/quarterly-press/2567/2567_NE_Q01_Slide.pdf

'เชียงราย' ตม.เชียงราย ตรวจเข้มปัองกันกลุ่มจีนเทาแฝงในพื้นที่

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม2567 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย โดยสั่งการของพ.ต.อ.สุรศักดิ์เทียนทองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย นำโดย พ.ต.ท. มนตรี อินเปรี้ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย ,พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สว.ตม.จังหวัดเชียงรายพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงราย เข้าตรวจสอบบริเวณที่พักภายในหมู่บ้านเทอดไท ต.แม่สลองใน อ.แม่สลอง จ.เชียงราย  ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผู้คนเชื้อชาติจีนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกลุ่มต่างชาติอาจจะใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว หรือเป็นฐานที่มั่นเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางออนไลน์  จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางกลุ่มต่างด้าวดังกล่าวพบเป็นบุคคลสัญชาติจีนจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องสอบถามให้การว่าเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยวและมาพบเพื่อนในหมู่บ้านเทอดไท แต่พบว่าบางคนไม่มีการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว จึงทำการเปรียบเทียบปรับเจ้าของรีสอร์ทและได้แนะนำดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมา ตม.จว.เชียงราย ได้เพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวน หาข่าวและลงพื้นที่ตรวจสอบบุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติ ไม่ให้มากระทำความผิดกฎหมายในพื้นที่ และจะได้สืบสวน ติดตาม ตรวจสอบพฤติกรรมของชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าว การจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บ

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บในพื้นที่ สภ.แม่โจ้ อ.สันทรายจ.เชียงใหม่ และ การจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด/วัตถุระเบิด ในพื้นที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.กฤษดา พันธุ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย ผกก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.นฤบาล จิตทยานันท์ ผกก.สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชน ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 

กรณีการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บในพื้นที่ สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด/วัตถุระเบิด ในพื้นที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมีรายละเอียดของคดีดังนี้

- คดีของ สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 03.00 น.ถึงเวลาประมาณ 03.17 น. สถานที่ ถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ตั้งแต่สี่แยกข่วงสิงห์ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ถนนในหมู่บ้านหนองไคร้หลวง (ข้างสถานีวิทยุเสียงสามยอด) ม.8 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยใช้อาวุธมีดทำร้าย นายเดชา อายุ 19 ปี เสียชีวิต และ นายวิชัย อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บ  
1. เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จฉว 582 เชียงใหม่
2. เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.7 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จฉว 582 เชียงใหม่
3. นายแดง อายุ 18 ปีเศษ ที่อยู่ ม.4 ต.ห้วยทราย อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ 
ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ  สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
4. นายสมชาย  อายุ 18 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จว.แม่ฮ่องสอน ซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ  สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

คดี/ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และ “พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
โดยมีพฤติการณ์  ผู้ต้องหา 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ถืออาวุธมีดขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 2 คน ตั้งแต่ถนนหน้า รพ.ลานนา ไล่มาจนถึงที่ก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ

2. คดีของ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ วันที่ 24 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 04.50 น. ถึงเวลาประมาณ 05.10 น.สถานที่  ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขา สตาร์เอเวนิว 5 หมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 11 ราย
1.นายอนุเดช  อายุ 18 ปี ที่อยู่ ซอย7(ถนนลำพูน) ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จว.ชม.
2.เยาวชนชายอายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.5 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่
3.เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.5 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
4.นายพีรย์ดน อายุ 19 ปี ที่อยู่ ม.7 ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่
5.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.แม่เหี๊ยะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
6.นายศิลาเสก อายุ 18 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่
7.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่  ม.5 ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย จว.แม่ฮ่องสอน
8.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.1 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
9.เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่  ม.2 ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จว.เชียงใหม่
10. เยาวชนชาย อายุ 14 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
11.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.3 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่

คดี/ข้อหา  “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น ปลอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ , โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , ร่วมกันมีและใช้ซึ่งวัตถุระเบิด , ร่วมกันพาอาวุธ(มีด,วัตถุระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุอันสมควร , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และซ่องโจร”

รายละเอียด พฤติการณ์แห่งคดี
กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายเป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน  แจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.67 เวลากลางคืน ผู้เสียหายใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน เดินทางไปเที่ยวในเขตพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ ต่อมาเวลาประมาณ 04.50 น.ของวันเดียวกัน  ผู้เสียหายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับที่พัก ก่อนถึงที่พัก ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่บริเวณที่จอดรถ ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขา สตาร์เอเวนิว 5 หมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ เพื่อซื้อของภายในร้าน ต่อมาเวลาประมาณ 05.10 น.ของวันเดียวกัน ขณะที่ผู้เสียหายยืนอยู่บริเวณลานหญ้าหน้าร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่น ใช้รถจักรยานยนต์หลายคันเป็นพาหนะ ขับตรงเข้ามาหา กลุ่มผู้เสียหายกลัวจะถูกทำร้ายจึงวิ่งหลบหนี ต่อมากลุ่มวัยรุ่นได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงได้รับบาดเจ็บ  มีวัยรุ่นส่วนหนึ่งลักเอาของภายในรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย  โดยทรัพย์สินที่ถูกลักเอาไป คือ กระเป๋าสตางค์ มีเงินจำนวน 100 บาท , สายชาร์จไอโฟน จำนวน 1 เส้น ราคา 790 บาท , กุญแจรถจักรยานยนต์จำนวน 1 ดอก ราคา 300 บาท  และลำโพง ราคาประมาณ 300 บาท  และวัยรุ่นส่วนหนึ่งก็ได้เข้ามาทุบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น PCX สีเทา ของผู้เสียหายอีกคันหนึ่ง ได้รับความเสียหาย และอีกส่วนหนึ่งได้โยนระเบิดประดิษฐ์ เป็นถุงพลาสติกภายในมีน้ำมันและระเบิดประดิษฐ์เองแบบกระแทก ขึ้นไปยังบริเวณชั้น 2 ของร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เสียหายได้วิ่งหนีไปหลบซ่อน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากการตรวจสอบต่อมาพบว่า มีระเบิดแบบประดิษฐ์เองจำนวน 1 ลูก พันด้วยเทปสีดำ ตกอยู่บริเวณข้างรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย

การสืบสวน-ติดตามจับกุม
จากการสืบสวนข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิด การข่าวจากกลุ่มแก๊งวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ต่างๆ  จนกระทั่งสามารถทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุคือกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้เชิญตัวมาซักถามปากคำ ที่ สภ.หางดง 
    
ผู้ต้องหารับสารภาพ
ผู้ต้องหาทั้งหมดยืนยันว่าตนคือบุคคลตามภาพถ่ายกล้องวงจรปิดและได้ร่วมไปก่อเหตุตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวจริง สาเหตุทำไปเพราะความคึกคะนอง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดพบว่า ในกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีผู้ต้องหารายหนึ่งมีอาวุธปืนในการก่อเหตุดังกล่าวด้วย โดยได้ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลดังกล่าวตามภาพกล้องวงจรปิดจริง 

ชาวโซเชียลชื่นชม หนุ่มเจ้าของร้าน ซ่อมรถคู่ใจให้ ‘ลุงเก็บของเก่า’ ฟรี หลังลุงเข็นมาไกลเกือบกิโล นั่งปล่อยโฮหน้าร้าน เพราะไม่มีเงินซ่อม

(4 พ.ค.67) จากคลิปของผู้ใช้ติ๊กต็อก ‘beawtyfriendly’ ที่ได้แชร์เรื่องราวดีๆ ของการช่วยเหลือคุณลุงเก็บของเก่าคนหนึ่ง นั่งร้องไห้พร้อมกับรถคู่ใจอยู่ที่ร้านซ่อม เจ้าของร้านใจดีซ่อมให้ฟรีๆ พร้อมทำเครื่องรถให้ใหม่ ชาวแห่ชื่นชมโอนเงินช่วยเหลือ

ล่าสุด นายกฤศรา กิจวัฒนโอภา เจ้าของร้านช่างตั้มพนม ได้เปิดเผยว่า ตนกับแฟนเปิดร้านซ่อมรถจยย.อยู่แล้ว และวันนั้นไม่มีใครอยู่หน้าร้านจึงไม่เห็นว่าลุงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มีพี่ร้านข้างๆ เห็นลุงเดินเข็นรถร้องไห้มาหยุดที่หน้าร้านตน จึงได้ไปตามตนที่หลังร้านให้ออกมาหาลุง

ตอนแรกคิดว่าลุงเอารถมาซ่อมตามปกติ พอออกมาดูก็เห็นว่าลุงนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ ตอนนั้นแฟนก็เลยบอกกับคุณลุงไปว่าให้ใจเย็นๆ ก่อนเดี๋ยวดูให้เดี๋ยวเช็คให้ พอเช็ครถให้คุณลุงก็เห็นว่าคาร์บูเรเตอร์พัง เลยเปลี่ยนให้ และได้คุยกับคุณลุงว่าเข็นมาจากไหน คุณลุงก็บอกว่าเข็นมาจากไฟแดง ซึ่งถ้าเข็นมาจากไฟแดงนั้นห่างจากร้านตนประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมกับบอกว่าจะเป็นลม เหนื่อย และร้อนมากๆ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดี ระหว่างนั้นก็เลยเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวไปอีกหนึ่งมื้อ จะได้ให้คุณลุงใจเย็น ตอนนั้นคุณลุงก็ดีขึ้นมาก

นายกฤศรา กล่าวต่อไปอีกว่า ปกติตนเคยเห็นคุณลุงประจำอยู่แล้ว เพราะว่าตนชอบแจกผัก ผลไม้ข้าวสารอยู่ที่หน้าร้าน คุณลุงเขาเป็นคนเก็บของเก่า เวลาเขาผ่านมาแถวนี้เขาก็แวะมาเอาของแจกอยู่ตลอด หรือเวลามีขวดน้ำของเก่าต่างๆ ตนก็จะเก็บไว้ให้ลุง ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว

โดยปกติเวลาเห็นคุณลุงจะเป็นคนยิ้มแย้มเฮฮาชอบพูดคุยหัวเราะเสียงดัง แต่วันนั้นพอเจอเหตุการณ์ที่เขานั่งร้องไห้อยู่หน้าร้าน ตนก็ตกใจมาก ไม่คิดว่ามันจะหนักถึงขั้นต้องร้องไห้ ตอนนั้นก็ปลอบใจกันไป ซึ่งตนคิดว่าเขาคงกลัวเรื่องค่าซ่อมที่ไม่มีเงินจ่าย และอีกอย่างนึงคงกลัวรถพังเพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ตนก็ตั้งใจที่จะซ่อมให้ฟรี ไม่ได้คิดเงินอยู่แล้ว เพราะปกติตนก็ช่วยเหลือคนอื่น

ตอนนี้คุณลุงก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว เวลาขับผ่านหน้าร้านก็มักจะบีบแตร ยิ้มให้หายเหมือนเดิม และตอนนี้รถของคุณลงก็เปลี่ยนคาร์บูไปแล้วแต่ยังมีส่วนอื่นที่น่าจะมีปัญหาอยู่ น่าจะเครื่องหลวม ก็เลยซ่อมเพิ่มเติมให้ ซึ่งค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 กว่าบาท และจะทำสตาร์ทมือให้คุณลุงเพิ่มเติมด้วย ทุกอย่างตนจะทำให้คุณลุงฟรีๆ และก็มีคนใจบุญส่งเงินมาให้ด้วยส่วนหนึ่ง

ที่ตนก็ตั้งใจจะซ่อมให้เสร็จหมดทุกอย่าง เพราะคุณลุงจะได้นำรถที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินไปใช้ต่อได้ นอกจากลุงแล้วเวลาตนเจอรถจยย.จอดเสียอยู่ข้างทาง หรือว่ารถเข็นอยู่ ตนก็จะจอดช่วยเหลือตลอด เพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าเขาจะเจอร้านซ่อมหรือจะมีใครช่วยเขาหรือไม่ และที่ทำมาโดยตลอดก็คือทำทานแจกกับข้าวให้คนเฝ้าไข้ ตามโรงพยาบาล เพราะอย่างน้อยข้าวหนึ่งมื้อก็ทำให้เขามีกำลังใจในการอยู่ต่อไป ให้เขาเฝ้าไข้ จะได้มีแรง

'ม.วอชิงตัน' ทดลองพ่นเกลือให้เมฆ เพื่อหักเหแสงอาทิตย์ หวังลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ รอลุ้นผลอีก 3 ปี

แม้แสงจากดวงอาทิตย์ คือ แหล่งพลังงานความร้อนและแสงสว่างของโลก แต่ในขณะเดียวกันภาวะโลกเดือด (หรือภาวะโลกร้อน) ก็ทำให้ความร้อนที่ได้จากแสงอาทิตย์ยังถูกกักเก็บเอาไว้ในโลกและทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 

(4 พ.ค.67) TNN Tech รายงานว่า จากปัญหาดังกล่าว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) จึงริเริ่มทดลองแก้ปัญหา ด้วยการลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ โดยการสร้างเมฆเทียมเพื่อหักเหแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรกของโลก 

การทดลองดังกล่าวอิงจากพื้นฐานว่าเมฆสามารถหักเหแสงอาทิตย์ได้ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวในธรรมชาตินั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทีมนักวิจัยจึงเริ่มโครงการสร้างกระบวนการที่เรียกว่า การเพิ่มความสว่างของเมฆเหนือมหาสมุทร (Marine Cloud Brightening: MCB) เพื่อให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้โดยการสร้างและออกแบบของมนุษย์

ทั้งนี้ MCB เป็นการใช้ประโยชน์จากเมฆเหนือมหาสมุทรที่มักลอยตัวต่ำ เป็นวัตถุดิบในการสร้างเมฆที่ช่วยสะท้อนและหักเหแสง โดยการพ่นละอองเกลือเพื่อให้ไปถึงเมฆ ละอองเกลือจะทำให้เมฆเพิ่มความสามารถในการสะท้อนแสง และลดปริมาณความเข้มแสงที่ผ่านเมฆเข้ามาสู่โลก พร้อมทำให้เมฆมีความขาวชัดมากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกระบวนการด้วยเช่นกัน

โดยสิ่งที่ทีมนักวิจัยทำก็คือการสร้างเครื่องพ่น (Spraying) น้ำทะเลไปยังระดับความสูงที่เมฆเลยตัวอยู่ พร้อมติดตั้งตัวเครื่องพ่นบน ยูเอสเอส ฮอร์เน็ต (USS Hornet CV-12) เรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งปลดประจำการในปี 1970 ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay Area) ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา 

แม้ผลลัพธ์การทดลองเบื้องต้นจะยังไม่สามารถได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่นักวิจัยในทีม ตลอดจนนักบรรยากาศศาสตร์ (Atmospheric scientist) เชื่อว่า การรบกวนธรรมชาติของเมฆด้วยเทคนิค MCB มีความเป็นไปได้ในการทดลอง โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือการสร้างละอองในอากาศ (Aerosoid) ที่มีความเหมาะสมในแง่ของขนาดและความเข้มข้น รวมถึงเครื่องพ่นที่มีกำลังการปล่อยที่เหมาะสมด้วย

อย่างไรก็ตาม การทดลองดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 3 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อบันทึกข้อมูลการทดลอง โดยติดตั้งเครื่องมือวัดสภาพอากาศเหนือ USS Hornet รวมถึงปรับปรุงแบบเครื่องพ่นให้เหมาะสม โดยตั้งงบประมาณตลอดระยะเวลาโครงการไว้ที่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 370 ล้านบาท ซึ่งประมาณร้อยละ 10 ของงบ หรือประมาณ 37 ล้านบาท จะเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้ USS Hornet เป็นสถานที่ทดลองด้วย

'ดร.อานนท์' สรุป!! วิวาทะประชาธิปไตย 'ส.ศิวรักษ์-ศ.ดร.ไชยันต์' เปี่ยมด้วยตรรกะ ภายใต้ท่าทีอ่อนน้อม ไร้ซึ่งการแถ-ตีแสกหน้า

(5 พ.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ วิจารณ์ แอนิเมชั่น 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ แบบไม่มีเชิงอรรถอ้างอิง ส่วนใหญ่เป็นความเห็นส่วนตัวของอาจารย์สุลักษณ์เอง พอ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร ไปยืนยันด้วยเอกสารหลักฐานอ้างอิงจำนวนมากอย่างแน่นหนัก 

ข้อดีของอาจารย์สุลักษณ์คือ ไม่แถต่อ ยอมรับว่าไม่เคยอ่านหลักฐานหรือไม่มีเอกสารอ้างอิงใดๆ เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เป็นจำนวนมาก 

หรือหากเถียงด้วยตรรกะไม่ได้ อาจารย์สุลักษณ์ก็ไม่ได้พยายามแถต่อไป

ข้อดีของอาจารย์ไชยันต์ คือ การถกเถียงโต้แย้งด้วยท่าทีอันอ่อนน้อมแต่หนักแน่นด้วยหลักฐาน อาจารย์ไชยันต์ไม่ได้เถียงอย่างก้าวร้าว ไม่เหยียบซ้ำอาจารย์สุลักษณ์ ไม่ไล่ต้อนอาจารย์สุลักษณ์ อาจารย์ไชยันต์ ไม่ได้เหยียบ อาจารย์สุลักษณ์จนราบเป็นหน้ากลอง ทั้งๆ ที่อาจจะทำได้ แต่อาจารย์ไชยันต์ก็ไม่ได้ทำ 

เช่นนี้ผู้ชมอาจจะไม่สะใจ แต่สำหรับผู้ชมที่มีการศึกษาและมีใจเป็นกลางน่าจะชอบครับ 

ผมดูแล้วสนุกมากครับ บันเทิงและประเทืองปัญญาโดยแท้ ดูจากลิงค์ในคอมเมนต์แรกครับ

ในฐานะที่อานนท์เคยเป็นแฟนคลับอาจารย์สุลักษณ์มาก่อน ผมชอบวิธีของอาจารย์ไชยันต์มากนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นผมไปพบอาจารย์สุลักษณ์เองผมจะมีท่าทีหรือวิธีการที่อ่อนน้อมถ่อมตนเท่าอาจารย์ไชยันต์หรือไม่ เพราะผมเป็นคนพูดตรงๆ แบบเรียบๆ แต่ตีแสกหน้าเสมอ หรือไม่ก็จะถามกลับด้วยคำถามที่ใครเจอเข้าไปก็หงายหลัง ผมเลยคิดว่าอาจารย์ไชยันต์ทำได้ดีมากครับ ขอชมเชยจากใจว่าหนักแน่นในเนื้อหา อ่อนน้อมในท่าที

ชมคลิป >> https://youtu.be/mOiOMpW3Ny0?si=RSIX4E82ATX-Guc8

‘โรงเรียนบุญวัฒนา’ ไฟเขียว!! นร. LGBTQ+ ‘ชายไว้ผมยาว-หญิงไว้ผมสั้น’ ด้าน 'สส.ก้าวไกล-ชาวเน็ต' ปลื้ม!! เป็นโรงเรียนที่ก้าวหน้า ไม่แบ่งเพศ

(5 พ.ค.67) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก สภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 3 ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้นำภาพระเบียบการแต่งตัวที่ถูกต้องให้แก่รุ่นน้องที่จะเข้ารับการศึกษาในปีการศึกษา 2567 ที่จะถึงนี้ โดยมีการกำหนดการแต่งตัวทั้งนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย นักศึกษาวิชาทหาร และนักเรียนเพศทางเลือก LGBTQ+ ชายไว้ผมยาว หญิงไว้ผมสั้น

โดยข้อกำหนดเครื่องแบบนักเรียน LGBTQ+ ชาย-หญิง ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า นักเรียนเพศชาย สามารถไว้ผมยาวได้ โดยรวบผมอย่าให้ปอยผมโผล่แล้วผูกโบสีขาว ส่วนท่อนล่างยังคงให้ใช้กางเกงขาสั้นเหมือนนักเรียนชาย ส่วนนักเรียนเพศหญิง สามารถไว้ผมสั้นได้ แต่ทรงผมไม่ยาวรกรุงรังจนเกินไป ไม่เลยตีนผม ส่วนท่อนล่างยังคงให้ใช้กระโปรงเหมือนนักเรียนหญิง โดยการขออนุญาตยกเว้นทรงผมนักเรียนเพศวิถี ต้องลงบันทึกการขออนุญาตในการไว้ทรงผมที่ห้องกิจการนักเรียนก่อน

สำหรับข้อกำหนดเครื่องแบบนักเรียน LGBTQ+ ชาย-หญิง ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก และมีเสียงชื่นชมตามมา เช่น นายปิยชาติ รุจิพรวศิน ส.ส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคก้าวไกล โพสต์คอมเมนต์ระบุว่า "ชื่นชมแนวคิดสภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนาครับ" ขณะที่ชาวเน็ตคนอื่นๆ ต่างแสดงความคิดเห็น อาทิ

"ดีใจแทนน้องๆ มากเลยค่ะ ขอบคุณแทนน้องๆ จากใจจริง"

"แนวคิดน่ารักกับเด็กๆ มากค่ะ"

"ไม่ได้อยู่ๆก็ทำ กว่าจะได้กระบวนการนี้ขึ้นมา สภานักเรียนก็และฝ่ายกิจการนักเรียนเป็นแกนนำในการทำประชาพิจารณ์ ทั้งกับนักเรียน ผู้ปกครอง และผู้บริหารครับ #ทีมเด็กบุญ"

"ยินดีดีใจกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ด้วยนะครับ ปีนี้ถือเป็นการเปิดใหม่ยอมรับในมุมมองของเพศทางเลือก ถ้าทางโรงเรียนสามารถให้นักเรียนที่เป็นชายแต่อยากแต่งหญิง หรือนักเรียนที่เป็นหญิงแต่อยากแต่งชาย ให้สิทธิเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นจะดีมากๆ ครับ สนับสนุนซัพพอร์ตบุญวัฒนาครับ"

"ทำถึงมาก เข้าใจนักเรียน ชอบโรงเรียนเเบบนี้ ทีนี้นักเรียนคงเรียนมีความสุขมากกว่าเดิม ไม่ต้องมาคอยกังวลอะไร เกี่ยวกับเรื่องทรงผม"

"ผมขอชื่นชมทีมงานผู้บริหาร รร.บุญวัฒนาเป็นอย่างยิ่งครับ ที่กล้าที่จะเปิดรับความหลากหลายทางเพศ ความคิดทันยุคทันสมัย ในฐานะศิษย์เก่าผมก็ขอปรบมือให้ครับ เยี่ยมจริงๆ"

"ขอบคุณทางโรงเรียนนี้มากนะคะ ที่เปิดโอกาสและเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ ว่า LGBTQ+ ก็มีสิทธิ์เสรีภาพเทียบเท่ากับบุคคลอื่นๆ"

"นี่แหละโรงเรียนที่ก้าวหน้า โรงเรียนที่ไม่แบ่งเพศ ผู้บริหารก็สุดปัง ขอบคุณที่นึกถึงจิตใจและความสำคัญของเด็กทุกคน นี่คือโรงเรียนที่เจริญแล้ว โรงเรียนที่ก้าวหน้าและทันตามยุคสมัย ขอบคุณแทนน้องๆ นะคะดีใจแทนมาก โรงเรียน LGBTQ"

"ดีใจแทนเด็กรุ่นหลังๆ มาก ที่โรงเรียนเปิดรับขนาดนี้ ยินดีกับน้องๆ ด้วยนะคะ อย่าลืมตั้งใจเรียนกันด้วยนะ"

'จีน' ส่ง ‘ฉางเอ๋อ 6’ ทะยานสู่ด้านมืด’ ของดวงจันทร์  'ลงจอดศึกษา-เก็บตัวอย่างดิน' เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

(5 พ.ค.67) หลังจากความสำเร็จของภารกิจยานฉางเอ๋อ 5 ของจีน ที่ได้ลงจอดบนดวงจันทร์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 พร้อมกับการเก็บตัวอย่างดินในพื้นที่ด้านใกล้และส่งกลับมายังโลกเพื่อทำการศึกษา อีกทั้งยังได้เผยภาพด้านไกลของดวงจันทร์ให้ได้เห็นลายละเอียดของดาวบริวารเพียงหนึ่งเดียวของโลก ในส่วนที่ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อมองจากมุมมองบนพื้นโลก

ปัจจุบันจีนได้ทำการส่ง “ยานฉางเอ๋อ 6” เพื่อเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้ง โดยทาง องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติของจีน (CNSA) ได้ปล่อยจรวด ลองมาร์ช 5 นำยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ 6 ขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 จากศูนย์อวกาศเหวินชาง มณฑลไห่หนาน ทางภาคใต้ของจีน เพื่อเดินทางไปลงจอดยังด้านไกล หรือด้านมืดของดวงจันทร์ที่หลายคนรู้จัก

ภารกิจของยานฉางเอ๋อ 6 ถือได้ว่าเป็นภารกิจแรกในประวัติศาสตร์การสำรวจดวงจันทร์ ที่จะมีการนำยานสำรวจลงจอดศึกษาและเก็บตัวอย่างดินกลับมายังโลก ในบริเวณพื้นที่ด้านไกลของดาวบริวารของโลก โดยพื้นที่ที่ยานฉางเอ๋อ 6 จะลงจอดนั้น คือ แอ่งขั้วใต้ดวงจันทร์ -เอตเคน (South Pole-Aitken basin - "SPA") ซึ่งเป็นหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ ความกว้างประมาณ 2,500 กม. และลึก 8.2 ที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่นานกว่า 4 พันล้านปี

ก่อนหน้านี้ จีนได้ส่งดาวเทียมส่งต่อสัญญาณชื่อ “เชวี่ยเฉียว-2” ไปล่วงหน้าเพื่อสนับสนุนภารกิจฉางเอ๋อ 6 เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ด้วการลงจอดบริเวณพื้นที่ด้านไกลของดวงจันทร์ ทำให้มีการประเมินระยะเวลาภารกิจในครั้งนี้ อาจใช้เวลา 53 วัน ซึ่งมากกว่าภารกิจก่อนหน้านี้ คือยานฉางเอ๋อ 5 ที่ใช้เวลาทั้งหมด 22 วัน ในการทำภารกิจ

CNSA ได้มีการเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตัวอย่างดินบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ที่เก็บกลับมายังโลกจากภารกิจฉางเอ๋อ 6 นั้น จะมีการแจกจ่ายไปตามสถาบันวิจัยต่างๆ ของจีนและประเทศที่มีความร่วมมือกับจีน จากนั้นจึงจะเปิดให้ประเทศอื่นๆ ส่งร่างโครงการเพื่อขอนำตัวอย่างดินจากดวงจันทร์ไปวิจัยต่อไป เหมือนดังเช่นตัวอย่างดินดวงจันทร์จากภารกิจฉางเอ๋อ 5

‘โอเวน-แม็กมานามาน-ฟาวเลอร์’ 3 นักเตะลิเวอร์พูล เข้าพบ ‘เศรษฐา’ พร้อมเดินหน้า กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยใช้ฟุตบอลเป็นสื่อกลาง

(5 พ.ค.67) นายธรณินทร์ เกียรติชัย ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท อินฟลูออส จำกัด บริษัทด้านการบริการจัดกิจกรรมนำนักฟุตบอลระดับโลกมาจัดกิจกรรมในไทย พร้อมด้วยอดีตนักฟุตบอลระดับตำนานของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ ไมเคิล โอเวน, สตีฟ แม็กมานามาน และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เข้าเยี่ยมคารวะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี 

ซึ่งอดีตนักฟุตบอลของลิเวอร์พูล เผยว่า รู้สึกประทับใจที่ได้มาเยือนไทย ยินดีที่ประเทศไทยมีแฟนคลับของสโมสรลิเวอร์พูลจำนวนมาก และได้ร่วมทำกิจกรรมกับแฟนคลับชาวไทย พร้อมยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยผ่านการใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลาง 

ขณะที่รัฐบาลตั้งใจจะผลักดันปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมมากมาย และขอเชิญชวนสโมสรลิเวอร์พูลเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย

‘นายกฯ’ ป้อง ‘อุ๊งอิ๊ง’ หลังวิจารณ์แบงก์ชาติ อย่างรุนแรง ชี้!! เป็นเสียงสะท้อนของ ปชช. ยัน ‘ให้เกียรติ-ไม่เคยบีบ’ ผู้ว่าฯ ธปท.

(5 พ.ค.67) ที่ท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน 6 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศนระบุถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ บนเวที ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่าย วิพากษ์วิจารณ์การแสดงวิสัยทัศน์ ว่า ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าปัญหาภาวะดอกเบี้ยสูง เป็นประเด็นสำคัญและเป็นรายจ่ายที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จึงถือเป็นการสะท้อนความเห็นของประชาชน ตนเข้าใจความเป็นอิสระของ ธปท.และพยายามทำงานร่วมกัน ให้เกียรติธปท. แต่หากมีข้อเรียกร้อง ก็ได้เรียกร้องและพูดคุยกัน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่ควรลดลงมา แต่เชื่อว่า ธปท.มีเหตุผลที่จะไม่ลด จึงเดินหน้าในส่วนของรัฐบาลต่อไป ทั้งการแก้ไขหนี้นอกระบบ การคุยกับธนาคารเอกชน ที่ได้ลดดอกเบี้ยลงมาแล้ว แม้จะลด 25 หรือ 50 สตางค์ ก็มีส่วนช่วยประชาชนได้ จึงเชื่อว่า จะสามารถยึดโยงกับประชาชนได้ และในการลงพื้นที่ในวันที่5-6 พ.ค.นี้ ที่มหาสารคาม และร้อยเอ็ด รวมถึงในปลายสัปดาห์ ที่สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี จะรับฟังปัญหาเหล่านี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สถาบันการเงิน นักการเมือง สส. ผู้บริหารพรรคฯ ต่างมาทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ประชาชน ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหา ก็อาจจะแตกต่างกันไป และทุกคนมีสิทธิวิจารณ์วิจารณ์กันได้ แต่ขอให้ยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก และนำความเดือดร้อนของประชาชน มาเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหา 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงวิสัยทัศน์จากเวทีดังกล่าว ทำให้ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาล พยายามบีบผู้ว่าฯ ธปท.ให้เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลหรือไม่ นายกฯได้กล่าวตอบว่า ไม่เคยบีบ และสามารถไปฟังจากคำแสดงวิสัยทัศน์ได้ เพราะเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชน ถึงการแก้ไขปัญหา 

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่เมื่อมีการวิจารณ์วิจารณ์ดังกล่าวออกมาแล้ว จะทำให้การทำงานระหว่างรัฐบาล กับ ธปท.ห่างเหิน นายเศรษฐา กล่าวว่า ยอมรับว่ากังวลทุกเรื่อง เพราะไม่อยากให้มีความขัดแย้ง และพยายามแก้ไขปัญหาในส่วนที่ตนสามารถทำได้ เชื่อว่าคำแนะนำของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯธปท.ที่เคยได้แนะนำมาว่าการประสานงานระหว่างรัฐบาล กับธปท.ควรกระทำผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.ที่เป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลัง จึงจะมีการพยายามพูดคุยกันต่อไป พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้เกียรติทุกองค์กร 

เมื่อถามถึงการพบเจอกับผู้ว่าฯธปท.อีกครั้ง นายกฯกล่าวว่า หากมีโอกาสจะได้พบ แต่ผู้ว่าฯ ธปท.ได้ขอให้พูดคุยผ่าน สคร.หลังจากนี้จะไปหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ว่าจะมีการประสานงานช่องทางใด ซึ่งมีหลายช่องทาง เพื่อพูดคุยกับผู้ว่าฯธปท.ได้บ้าง และยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำงานกับทุกคนองค์กรให้ดีขึ้น ไม่สร้างความขัดแย้งจนทำให้ประชาชนเดือดร้อน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top