Saturday, 18 May 2024
NewsFeed

‘สาว’ อึ้ง!! เจอบิลค่าไฟพุ่ง 77 ล้านบาท คาด!! เจ้าหน้าที่กรอกตัวเลขผิด

(25 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว’ โพสต์ข้อความระบุว่า สาวช็อก! ใบแจ้งหนี้ค่าไฟประจำเดือน เมษายน ทะลุ 77 ล้านบาท คาดเจ้าหน้าที่กรอกตัวเลขผิด

ซึ่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า…“ใช้ไฟทั้งจังหวัดเลยมั้ง หัวจะปวด“

โดยพบว่า อัตราค่าไฟของเธอนั้นแปลกมาตั้งแต่เดือน มีนาคม (03) แล้ว โดยจะเห็นว่า ค่าไฟเดือนกุมภาพันธ์ เธอเสียประมาณ 2,503 บาท แต่เมื่อเดือนมีนาคม เธอเสียค่าไฟมากกว่า 11,524 บาท เพิ่มกว่า 8,000 บาท

และค่าไฟเดือนเมษายนกลับพุ่งถึง 77 ล้านบาท

หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ไปมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

- “ค่าไฟทั้งประเทศหรือค่ะ”
- “หนาวแบบเฉียบพลันเลยถ้าเจอแบบนี้ไป”
- “เปิดแอร์เป็นแม่คะนิ้ง กะเล่นเป็นดรีมเวิร์ลป่ะเนี่ย 555”
- “5555555 ได้ใช้ไฟแทนทุกคนในประเทศแล้ว”
- “นี่จดผิดแล้วรู้ว่าผิดเพราะมันเยอะเกิน แต่ถ้าจดผิดแค่จำเงินเงินหลัก 100 หลัก 1000 เราจะรู้ได้อย่างไร”
- “ทั้งจังหวัด”
- “มันมีข้อหาทำให้ตกใจ ทำให้เสียเวลา เสียสุขภาพจิตใจมั้ยครับ? ทำงานชุ่ย ๆ ก็ต้องรับผิดชอบนะ”
- “บ้านน่าจะติดกะดวงอาทิตย์เลยเปิดแอร์ 1 พันตัว555”
- “ที่บ้านฉันขึ้นมาครึ่งต่อครึ่งเลย”

‘สิงคโปร์’ ทำพิธีปล่อย ‘เรือดำน้ำ’ ลำที่ 4 สุดทันสมัย พร้อมปฏิบัติการในพื้นที่น้ำตื้นของทะเลเขตร้อน

(25 เม.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Thaifighterclub’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เรือดำน้ำ Type 218SG ลำล่าสุดของ ทร.สิงคโปร์ โดยระบุว่า…

“พิธีปล่อยเรือดำน้ำลำล่าสุดของ ทร.สิงคโปร์ ซึ่งเป็นลำสุดท้ายจากจำนวนทั้งหมด 4 ลำของเรือดำน้ำชั้น Invincible ที่ทางสิงคโปร์สั่งต่อจากเยอรมนี

ป.ล.มองประเทศเขาแล้วก็ถอนหายใจ เฮ้อเบา ๆ”

โดยมีชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ

- ประเทศเรากำลังเป็นกองทัพเรือประมงครับ
- ที่ 1 ในใจเลยของเยอรมนี ตั้งแต่เป็นช่างซ่อมเครื่องจักรมาเกือบ 20 ปี ทุก ๆ อย่าง ของค่ายนี้สุด ๆ ทุก ๆ ด้านจริง ๆ
- ผู้นำเขายอดเยี่ยมจริง ๆ
- แสดงว่าเรือดำน้ำสำคัญ ที่ทุกประเทศอยากมี

ทั้งนี้ เรือดำน้ำชั้น Invincible ลำนี้ ได้รับการปรับปรุงพิเศษด้วยความร่วมมือระหว่าง เรือดำน้ำ Inimitable ของสิงคโปร์ อีกทั้งยังได้รับการออกแบบร่วมกันโดยกองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์, สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม (DSTA) และ Thyssenkrupp Marine Systems ของเยอรมนี

ทำให้มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการในพื้นที่น้ำตื้น ที่มีการสัญจรทางทะเลเขตร้อนที่แออัดของสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นเรือที่มีความทันสมัยระดับต้น ๆ ของโลก และนับเป็นเรือดำน้ำลำใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในเยอรมนีอีกด้วย

บุรีรัมย์-วัดพุทธบูชา โคกปราสาทจัดพิธีพุทธาภิเษก "ท้าวเวสสุวรรณจันทรา ปางพระคุณ ปางพระเดช"เข้มขลัง ยิ่งใหญ่มีสาธุชนเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

สาธุชนกว่า 500 คน แห่ร่วมพิธีพุทธาภิเษกศักดิ์สิทธิ์"ท้าวเวสสุวรรณจันทรา ปางพระคุณ ปางพระเดช" เป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567ที่ผ่านมาที่วัดพุทธบูชาป่าโคกประสาท ตำบล หนองปล่องอำเภอ ชำนิ จังหวัด บุรีรัมย์ พระครูปลัดวิชาญ ธัมมะโซโต เจ้าอาวาสวัด) จัดพิธีพุทธาภิเษก "ท้าวเวสสุวรรณจันทรา ปางพระคุณ ปางพระเดช" โดยมี คุณ โกสินธ์  จินาอ่อน  คุณ จุฬาลักษณ์ สยมชัย ประธาน ดำเนินการสร้างถวาย โดยมี นายโชคไชย สว่างรัตน์ นายอำเภอชำนิ ร่วมเป็นประธานเปิดธูปเทียนแพ เบิกเนตรท้าวเวสสุวรรณจันทราพร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ผู้มีความศรัทธาในครูบาอาจารย์ นาย ธนโชติ ธนะกิจมงคลกุลเป็นเจ้าภาพนำลิเก มาเล่นถวายท้าวเวสสุวรรณจันทราพร้อมด้วยร้านสมพรการยางนำภาพยนตร์มาฉาย 2 จอในคืนเดียวกันด้วยความศรัทธาในองค์ปู่เวชสุวรรณจันทราในพิธีทางวัด ตั้งเครื่องบวงสรวงเทพเทวดาพร้อมพ่อพราหมณ์ สิทธิพันธ์ กล่อมเกลี้ยง กล่าวโองการ จากนั้นได้ทำพิธีพุทธาภิเษก โดยพระเกจิ 5 รูป อธิษฐานจิต 4 ทิศ ประกอบด้วย พระครู ธวัชปรียาจารย์

พระครสังฆการปรีชา ศิษย์หลวงปู่หงษ์
พระครูภาวนาสุตตาภิรมย์ศิษย์หลวงปู่ฤทธิ์
พระครูปลัดวิชาญ ธรรมโชโต ศิษย์หลวงปู่เอี่ยม
พระครูปลัดธรรมทัต
ศิษย์หลวงปู่เหมือนประสาทพร

พระครูปลัดวิชาญ ธัมมะโซโต เจ้าอาวาสวัด(กล่าวว่า)
ประวัติตำนานท้าวเวสสุวรรณ
ตามตำนานทางพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่า ในอดีตชาติ ท้าวเวสสุวรรณ เคยเป็นพราหมณ์ เปิดโรงงานค้าขายหีบอ้อยจนร่ำรวย ด้วยความใจบุญจึงได้นำเงินทองไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ และด้วยกุศลผลบุญที่ ท้าวเวสสุวรรณ บำเพ็ญมานับหลายพันปี พระพรหม และ พระอิศวร จึงให้พรแก่ ท้าวเวสสุวรรณ ให้เป็นอมตะ และเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั่วปฐพี เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ดังนั้นผู้คนจึงนิยมนำรูป ท้าวเวสสุวรรณ ไว้เคารพบูชาเพื่อความมั่งคั่งอีกหนึ่งประการ ตรงตามความหมายของชื่อ "ท้าวเวสสุวรรณ" คือ คำว่า "เวส" แปลว่า พ่อค้า  จึงหมายถึงพ่อค้าอันมีทรัพย์ ได้แก่ ทองคำ

นอกจากนี้อีกหนึ่งตำนานในพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่า ในชาติหนึ่ง ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเดิมชื่อ กุเวรพราหมณ์ ได้ทำบุญกุศลมาก จนชาติต่อมา ได้เป็นกษัตริย์ครองกรุงราชคฤห์ พระนามว่า พระเจ้าพิมพิสาร และทรงเป็นพระสหายกับเจ้าชายสิทธัตถะ ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จมาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร จนบรรลุเป็นโสดาบัน และได้ถวายพระเวฬุวันมหาวิหาร ให้พระพุทธเจ้าได้เข้าประทับ จึงเป็นอานิสงส์ให้ได้วิมานอันสวยงาม และการที่พระเจ้าพิมพิสารถวายทานบ่อย ๆ จึงเป็นปัจจัยให้มีทิพยสมบัติมากมาย เมื่อได้เป็นเทวดาก็ทรงมีอำนาจมาก ท้าวเวสสุวรรณทั้งสององค์นี้ประทับอยู่ ณ.บัลลังก์วัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท มี2กาย2องค์หน้าเทพสีทองและกายองค์ยักษ์สีแก้วมรกต ด้วยความเชื่อที่ประสบผลสำเร็จในการอธิษฐานท้าวเวสสุวรรณจันทรากายทองเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า.พระคุณ.เชื่อว่าบุคคลใดใครก็ตามที่จะอธิษฐานเรื่องเกี่ยวกับการค้าขายมหานิยมทำมาค้าขายนายหน้าที่ดินอื่นๆติดต่อการงาน.จะสำเร็จผลสมปรารถนา กายที่ 2 สีแก้วมรกตท้าวเวสสุวรรณจันทรา(พระเดช) อธิษฐานว่าบุคคลใดใครก็ตามมีเรื่องเกี่ยวกับคดีขึ้นโรงขึ้นศาลเมื่อมาขอพรท่านแล้วจะสัมฤทธิ์ผลไปทางที่ดีเสมอไป
 

‘กทม.’ ยกระดับสร้าง ‘ทางเท้า’ มาตรฐานใหม่ 16 เส้นทาง เน้นความแข็งแรงทนทาน - ลุยนำศิลปะมาใช้กับฝาท่อ

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 67) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายณัฐพล นาคพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนก่อสร้างและบูรณะ 1 สำนักงานก่อสร้างและบูรณะ สำนักการโยธา นางสาวสุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน นำคณะสื่อมวลชนสำรวจทางเท้าบริเวณถนนราชดำริและถนนเพลินจิต และชมการปรับปรุงฝาท่อที่ออกแบบให้มีความโดดเด่นและแสดงออกถึงอัตลักษณ์ประจำย่านราชดำริ-เพลินจิต โดยทางเท้าบริเวณนี้ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางนำร่องในการใช้มาตรฐานทางเท้าใหม่ที่จะมีความมั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น มีความเป็น Universal Design มากขึ้น และมีการปรับให้ทางเข้าออกอาคารกับทางเท้ามีความสูงที่ใกล้เคียงกัน

โดยโฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีเป้าหมายในการพัฒนาทางเท้าของกรุงเทพมหานครให้เดินได้ เดินดี และน่าเดิน โดยในระยะแรกตั้งเป้าไว้ 1,000 กิโลเมตร ผ่าน 3 วิธี คือ การทำใหม่ทั้งเส้นทาง การปรับปรุงซ่อมแซมจุดที่ชำรุดเป็นการเร่งด่วน และการปรับใช้นวัตกรรมให้เหมาะสมกับพื้นที่

>> มุ่งเป้าทำทางเท้ามาตรฐานใหม่ 16 เส้นทาง

โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการทำใหม่ทั้งเส้นทางมีการดำเนินการ 2 รูปแบบ โดยในส่วนพื้นที่ชั้นในและเส้นทางที่มีผู้คนสัญจรหนาแน่นจะปูโดยใช้กระเบื้องตามมาตรทางเท้าใหม่ ซึ่งฐานรากจะต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหนา 10 เซนติเมตร ที่จะสามารถเพิ่มความแข็งแรงของทางเท้าได้ ปัจจุบันทางเท้าของ กทม. ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงทั้งเส้นทางด้วยมาตรฐานทางเท้าใหม่มี 16 เส้นทาง ยกตัวอย่างเช่น ถนนราชดำริ เพลินจิต อุดมสุข เป็นต้น และมีภายในปี 2567 นี้มีแผนจะดำเนินการตามมาตรฐานทางเท้าใหม่ในลำดับต่อไปอีก 38 เส้นทาง และ 22 เส้นทางในปี 2568

ในส่วนพื้นที่ชานเมืองบางเส้นทางซึ่งการสัญจรไม่หนาแน่นจะใช้วิธีปูด้วยแอสฟัลต์ ขณะนี้ได้ดำเนินการเส้นทางนำร่องแล้วที่ถนนพุทธบูชา (เขตทุ่งครุ) และทั้งสองฝั่งของถนนคุ้มเกล้า (เขตลาดกระบัง) และกำลังขยายไปยังถนนทางรถไฟสายเก่า (ปากน้ำ) ถนนพุทธมณฑลสาย 1 และถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ด้วย

โดยการปรับปรุงแต่ละเส้นทางก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างออกไป เช่น ถนนเพลินจิตและราชดำริ มีการนำศิลปะมาใช้กับฝาท่อ ผ่านการออกแบบให้มีความโดดเด่นและแสดงออกถึงอัตลักษณ์ประจำย่านราชดำริ-เพลินจิต ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจใจกลางเมือง รวมทั้งจะพัฒนาในเส้นทางอื่น ๆ ให้กลายเป็น 1 ในสัญลักษณ์ของเมืองเหมือนกับญี่ปุ่นที่มีการดึงเอาฝาท่อกับสัญลักษณ์ประจำเมืองมาผสมผสานกัน

นอกจากนี้ ยังปรับรางระบายน้ำตลอดแนวถนน จากรูปแบบเดิมที่เป็นช่องระบายน้ำติดกับฟุตบาท มาเป็นรางระบายน้ำตลอดแนวถนน เพื่อช่วยระบายน้ำท่วมขังบนถนนได้เร็วขึ้น

โฆษกกรุงเทพมหานคร ยังกล่าวอีกว่า กทม.จะยึด 5 แนวทางในการพัฒนาปรับปรุงทางเท้า คือ 1.แก้ไขตามประเด็นเรื่องร้องใน Traffy Fondue 2.พัฒนาปรับปรุงตามแนว BKK Trail 500 กม. 3.ภายในรัศมี 500 เมตรรอบสถานีรถไฟฟ้า ทางเท้าต้องดี 4.ปรับปรุงในเส้นทางที่มีคนสัญจรหนาแน่น ตามข้อมูล Heatmap ที่เก็บได้นอกเหนือจากรัศมีรถไฟฟ้า 5.คืนสภาพจากหน่วยงานสาธารณูปโภค โดยติดตามเร่งรัดการจัดการสาธารณูปโภคที่ทำให้เกิดผลกับพื้นผิวจราจรและทางเท้า อาทิ ประปา ไฟฟ้า การนำสายไฟลงดิน

>> มาตรฐานใหม่ 10 ข้อ เริ่มนำร่องกับ 16 เส้นทางในกรุงเทพฯ

นายณัฐพล นาคพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนก่อสร้างและบูรณะ 1 กล่าวถึงมาตรฐานใหม่ของทางเท้ากรุงเทพฯ 10 ข้อ คือ

1. ลดระดับความสูงคันหินทางเท้า เป็นแบบรางตื้นสูง 10 เซนติเมตร
2. ลดระดับความสูงคันหินทางเท้าบริเวณทางเข้าออกอาคารหรือซอยต่าง ๆ ให้สูง 10 เซนติเมตร จากเดิม 18.50 เซนติเมตร
3. เปลี่ยนพื้นทางเท้าเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ด้วยคอนกรีตหนา 10 เซนติเมตร และเสริมเหล็ก 6 มิลลิเมตร
4. ปรับทางเข้า-ออกอาคารให้มีระดับเสมอกับทางเท้า เพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าทุกคนสามารถผ่านได้อย่างต่อเนื่อง สะดวกสบาย
5. ปรับทุกทางเชื่อมและทางลาดให้มีความลาดเอียง 1:12 ตามมาตรฐานสากล
6. เพิ่มรูปแบบทางเลือกวัสดุปูทางเท้า เป็นแอสฟัลต์คอนกรีตพิมพ์ลาย
7. เปลี่ยนช่องรับน้ำจากแนวตั้งให้เป็นแนวนอน เพื่อเพิ่มอัตราการไหลของน้ำ
8. วางแนวทางการจัดตำแหน่งระบบสาธารณูปโภคบนทางเท้า เพื่อไม่ให้กีดขวางผู้ใช้ทางเท้า
9. วางอิฐนำทาง (Braille Block) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางสายตา
10. ปรับปรุงแบบคอกต้นไม้ด้วยวัสดุพอรัสแอสฟัลต์ เพื่อขยายพื้นที่ทางเท้าให้กว้างขึ้น

>> ทางเท้าชำรุด เน้นรู้ไว ซ่อมเร็ว สภาพดี เพื่อความปลอดภัย

นายณัฐพล กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการปรับปรุงและซ่อมแซมทางเท้าที่ชำรุด กทม. โดยสำนักการโยธาและสำนักงานเขตที่รับผิดชอบแต่ละพื้นที่จะใช้หน่วยเคลื่อนที่เร็ว (BEST) ออกดำเนินการซ่อมแซมให้เร็วที่สุด และให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัย หากจุดไหนสามารถทำเป็นทางเท้ามาตรฐานใหม่ได้จะมีการปรับปรุงด้วยเช่นกัน โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาในการแจ้งผ่าน Traffy Fondue เมื่อพบเห็นจุดที่ชำรุดหรือเสี่ยงต่ออันตราย ทำให้เขตรับทราบปัญหาอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการลงพื้นที่สำรวจด้วยตนเอง

สำหรับเส้นทางที่ไม่เหมาะสมในการทำทางเท้าขึ้นมา หรือ เช่น ในตรอกซอกซอย หรือในพื้นที่ที่มีทางเท้าแคบ ได้มีการรื้อย้ายสิ่งกีดขวางทางเท้า และใช้หลากหลายวิธีให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ เช่น การขีดสีตีเส้นช่วยแบ่งแนวให้คนเดินเท้า การนำพอรัสแอสฟัลต์ซึ่งน้ำซึมทะลุได้มาล้อมคอกต้นไม้เพื่อเพิ่มความกว้างของทางเท้าให้มากยิ่งขึ้น เป็นต้น

ทั้งนี้ สำหรับการดูแลทางเท้าใหม่ นางสาวสุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทำความสะอาด เจ้าหน้าที่เทศกิจกวดขันหาบเร่แผงลอย และตรวจจับรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่บนทางเท้า เพื่อรักษาทางเท้าให้มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุด 

‘ม็อบหนุนปาเลสไตน์’ ผุดขึ้นตามมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ‘เจ้าหน้าที่’ ปราบดุ!! ใช้สารเคมี-ช็อตไฟฟ้า สลายการชุมนุม

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เริ่มใช้มาตรการแข็งกร้าวกับผู้ชุมนุมประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ที่ปักหลักชุมนุมกันตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หลังการชุมนุมลักษณะนี้แผ่ลามไปตามสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ ทั่วอเมริกามากขึ้น

รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ปราบจลาจลใช้สารระคายเคืองและอุปกรณ์ช็อตไฟฟ้าเข้าควบคุมการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในขณะที่บรรดาผู้บริหารของสถาบันการศึกษาที่ทรงเกียรติที่สุดของประเทศบางแห่งกำลังดิ้นรนขัดขวางการปักหลักชุมนุมยึดสถานที่ของผู้ประท้วง

การปักหลักชุมนุมและประท้วงอันครึกโครม ผุดขึ้นมาตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ ด้วยที่พวกนักเคลื่อนไหวเรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงในสงครามระหว่างอิสราเอลกับนักรบฮามาส เช่นเดียวกับเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทั้งหลายตัดความสัมพันธ์กับอิสราเอลและบริษัทต่าง ๆ ที่พวกเขาบอกว่าโกยกำไรจากความขัดแย้งดังกล่าว

"สำหรับ 201 วัน ที่โลกเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้อิสราเอลฆาตกรรมชาวปาเลสไตน์ไปกว่า 30,000 คน" ข้อความหนึ่งที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์โดยแกนนำการประท้วงจุดใหม่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในลอสแอนเจลิส 

"วันนี้ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเข้าร่วมกับนักศึกษาทั่วประเทศ เรียกร้องมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของเราตัดขาดกับบริษัทต่าง ๆ ที่แสวงหาผลกำไรจากการรุกราน การแบ่งแยก และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์"

มีผู้ประท้วงมากกว่า 200 คน ถูกจับกุมในวันพุธ (24 เม.ย.) และวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในลอสแอนเจลิส บอสตัน และในเมืองออสติน รัฐเทกซัส บริเวณที่มีผู้คนกว่า 2,000 ราย มารวมตัวกันอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.)

ที่มหาวิทยาลัยเอโมรี ในแอตแลนตา ปรากฏภาพถ่ายกำลังใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าระหว่างเข้าจัดการกับพวกผู้ประท้วงที่อยู่บริเวณลานหญ้า ขณะที่เว็บไซต์ข่าวของทางมหาวิทยาลัย เผยว่า พวกเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากป้องกันแก๊สและใช้สายรัดข้อมือควบคุมตัวผู้ชุมนุม

กรมตำรวจแอตแลนตา อ้างว่าทางมหาวิทยาลัยร้องขอให้ช่วยคุ้มกันมหาวิทยาลัย "พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเจอกับการใช้ความรุนแรง เราทราบมาว่าเจ้าหน้าที่กรมตำรวจแอตแลนตาใช้สารระคายเคืองระหว่างเหตุการณ์นี้ แต่กรมตำรวจแอตแลนตาไม่ได้ใช้กระสุนยาง"

สถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายของการประท้วง เริ่มต้นขึ้นที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์ก หลังจากผ่านพ้นเส้นตายที่พวกนักศึกษาได้รับคำสั่งให้รื้อถอนค่ายชั่วคราวที่พวกเขาใช้ปักหลักชุมนุมและกลายมาเป็นศูนย์กลางของความเคลื่อนไหว

การประท้วงที่ลุกลามกลายมาเป็นความท้าทายใหญ่หลวงสำหรับบรรดาผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่พยายามรักษาสมดุลในพันธสัญญาของมหาวิทยาลัย ในเรื่องของสิทธิเสรีภาพการแสดงออกกับเสียงโวยวายต่าง ๆ เกี่ยวกับการล้ำเส้นของพวกผู้ประท้วง

พวกผู้ประท้วงสนับสนุนอิสราเอลและอื่น ๆ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในมหาวิทยาลัย โดยชี้ถึงเหตุการณ์ต่อต้านยิวต่าง ๆ และกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยทั้งหลายกำลังสนับสนุนการข่มขู่คุกคามและประทุษวาจา (hate speech)

อย่างไรก็ตาม นักศึกษาผู้ประท้วงบอกว่าพวกเขาต้องการแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ในกาซา ดินแดนที่มีผู้ถูกสังหารไปแล้วแตะระดับ 34,305 คน โดยผู้ชุมนุมบางส่วน ในนั้นรวมถึงนักศึกษายิวเองจำนวนหนึ่ง ปฏิเสธคำกล่าวหาต่อต้านยิว และวิพากษ์วิจารณ์พวกเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติกับพวกเขาสวนทางกับฝ่ายสนับสนุนอิสราเอล

อิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ เปิดสงครามในกาซา แก้แค้นกรณีที่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,170 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 250 คน คาดหมายว่าเวลานี้ยังเหลือตัวประกันอยู่ในกาซาอีก 129 คน แต่ในนั้น 34 คน สันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว

ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ในลอสแอนเจลิส ซึ่งมีผู้ประท้วงถูกจับกุมฐานบุกรุก 93 รายในวันพุธ (24 เม.ย.) พวกเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าได้ยกเลิกกิจกรรมพิธีสำเร็จการศึกษาในวันที่ 10 พฤษภาคม

ส่วนที่มหาวิทยาลัยเอเมอร์สัน ในบอสตัน สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าได้มีการยกเลิกการเรียนการสอนในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) หลังจากตำรวจปะทะกับผู้ประท้วงเมื่อคืนที่ผ่านมา รวมถึงเข้ารื้อถอนค่ายของผู้ชุมนุมฝักใฝ่ปาเลสไตน์และจับกุมผู้ประท้วงไปราว 108 คน

ในวอชิงตัน พวกนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ และมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน จัดตั้งแคมป์ปักหลักชุมนุมเพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตันในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) โดยที่บรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ยังมีแผนประท้วงไม่เข้าเรียนอีกด้วย

การประท้วงและการปักหลักชุมนุมยังผุดขึ้นที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยเยล แม้พบเห็นนักศึกษาหลายสิบคนถูกจับกุมไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เช่นเดียวกับที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยบราวน์ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน และที่อื่น ๆ

เมื่อวันอาทิตย์ (21 เม.ย.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประณามความเคลื่อนไหวต่อต้านยิวอย่างโจ่งแจ้ง โดยบอกสิ่งแบบนี้ไม่ควรมีที่ว่างตามมหาวิทยาลัยทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวบอกเช่นกันว่าท่านประธานาธิบดีสนับสนุนเสรีภาพการแสดงออก ณ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของสหรัฐฯ

ชื่นชม!! ‘น้องกิจ’ พ่อค้าวัย 14 ทำงานหนักเพื่อครอบครัว เริ่มขายของตั้งแต่เช้ายันค่ำ หวังอยากเห็นพ่อแม่สบาย

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘The Amazing Life’ ได้โพสต์เรื่องราวของ ‘น้องกิจ’ เด็กชายวัย 14 ปี ที่สู้ชีวิต มุ่งหน้าหาเงินเลี้ยงพ่อแม่ตั้งแต่ ป.1 ทำงานขายของตั้งแต่ตี 5 จนถึง 3 ทุ่ม โดยมีเนื้อหาดังนี้…

กิจคือเด็กอายุ 14 ที่ช่วยพ่อแม่ ขายของมาตั้งแต่ ป.1 และไม่เคยมีวันหยุด นาฬิกาชีวิตของเขาเริ่มต่อสู้ตั้งแต่ตี 5 จนถึง 3 ทุ่ม ทุกเช้ากิจต้องตื่นตี 5 มาชงไมโล กาแฟ และเอาปาท่องโก๋ที่แม่กิจทอด ขึ้นรถจักรยาน ปั่นขายทั่วหมู่บ้าน จากนั้นก็รีบไป รร. ละหลังเลิกเรียนก็รีบมาขายโตเกียวที่ตลาด จนถึง 3-4 ทุ่ม ‎

แม่ของน้องกิจมีปัญหาเรื่องข้อเท้าทำให้เดินไม่ค่อยได้ พ่อน้องกิจประกอบอาชีพกรรมกร เงินไม่พอใช้ น้องกิจเลยบอกพ่อว่าเรามาทำโตเกียวดีไหม เด็ก ๆ ที่โรงเรียนชอบกิน นั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘กิจโตเกียว’

กิจเป็นเด็กที่มีความจริงใจมาก น้องพูดซื่อ ๆ ในทุกคำตอบ แต่เป็นคำตอบ ที่ทำให้คนวัย 20 กว่าอย่างเรา ได้แต่ถามตัวเองว่า บนโลกนี้จะมีเด็กอายุ 14 ที่อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอแบบนี้ สักกี่คน

ถ้าย้อนกลับไปตอนเรา ป.1 เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราทำอะไรเป็นบ้าง แต่สำหรับ ‘กิจ’ นั้น คือจุดเริ่มต้นของ ‘กิจโตเกียว’ การทำงานหาเงินช่วยแม่ที่ป่วย และพ่อที่ทำอาชีพก่อสร้าง เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน และเมื่อเขาเติบโตมาจนถึงอายุ 14 ปี ช่วงเวลาแห่งความสุขหลังเลิกเรียนของเขาก็หายไป เพราะเขาต้องเข็นรถเข็นไปขายโตเกียวตั้งแต่เลิกเรียนจนถึง 3 ทุ่มทุกวัน…ไม่มีวันหยุด

แต่ละคำถามที่เราถามน้อง เป็นคำถามง่าย ๆ เช่น เราถามว่าน้องมีเป้าหมายสูงสุดอะไรในชีวิตตอนนี้ น้องบอกว่า น้องอยากทำทุกอย่างให้เป็น น้องอยากเห็นพ่อกับแม่นอนสบาย ๆ สักวัน หรือได้ไปเที่ยวแบบที่คนอื่นบ้าง

คุยไปสักพักเริ่มสนิทกัน เราถามกิจว่า กิจ ทำไมแกไม่ค่อยพูดเลยอะ หรือแกเหนื่อย กิจบอกว่า ผมไม่ค่อยชอบพูด แต่ผมชอบทำงานมาก ๆ เลยครับ พี่ปอนอยากกินไส้ไหนเป็นพิเศษไหมครับ ผมจะตั้งใจทำให้ เห็นพี่มาไกล (เชี่ยยย เด็กอายุ 14 คิดแบบนี้ได้จริงดิ)

อีกหนึ่งความน่ารักคือ ระหว่างขายจนดึก น้องนั่งยิ้มให้ลูกค้าตลอดเวลา น้องไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีวิทยุ หรืออะไรใด ๆ เราถามน้องว่า ไม่เหงาหรอ อยู่เงียบ ๆ แบบนี้ ตั้งหลายชั่วโมง น้องบอกว่า ผมกลัวลูกค้าหาย เดี๋ยวผมไม่มีเงินไป รร.น้องพูดจบพร้อมหัวเราะแบบเขิน ๆ

การเจอกับน้อง เราไม่สามารถบรรยายเป็นตัวอักษรได้ว่ามันงดงามแค่ไหน มันเติมกำลังใจให้เราทำงานแค่ไหน เราอยากให้ทุกคนลองเจอกับน้องเอง รอยยิ้มของน้องสดใส และมีพลังมากจริง ๆ สุดท้ายเราถามกิจว่า สำหรับกิจ พ่อแม่มีความหมายอย่างไร กิจตอบสั้น ๆ ว่า ‘เท่าชีวิตครับ’

ท้ายที่สุดแล้วชีวิตคงเป็นแบบนี้แหละมั่ง เราอาจสร้างมาให้สู้กับชีวิตตั้งแต่เช้า เรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน โดยกิจเริ่มเร็วกว่าหลาย ๆ คน และเลิกช้ากว่าหลาย ๆ งาน อาหารทุกอย่างที่กิจทำ เราไม่ได้ซื้อซ้ำเพราะความสงสารแต่อย่างใด แต่มันมีรสชาติที่กลมกล่อมอยู่ในนั้นจริง ๆ กิจตั้งใจทำทุกชิ้น จนเราได้แต่สงสัยว่า ทำไมเด็กอายุ 14 ถึงมีสมาธิและรักในสิ่งที่ตนเองทำได้ขนาดนี้

บางครั้งคนที่เป็นแรงบันดาลใจ ก็ไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่อาจเป็นคนที่ยิ้มให้ กับชีวิตเสมอมาอย่างกิจก็ได้ แกต้องสู้ต่อไปนะกิจ แกต้องทำแบบที่เราคุยกันให้ได้นะ ถ้าไปปากเกร็ดอีก เราจะไปกินให้แหลกอีกครั้ง แกมันโคตรน่ารักเลย เจ้าเด็กสู้ชีวิตของจริง

‘สส.เกรียงยศ’ ตามติด ‘กทม.’ พัฒนาพื้นที่ริมคลองโอ่งอ่าง คืนชีพ ‘แลนด์มาร์ก กทม.’ ผ่าน 4 กิจกรรมตลอดปี

(26 เม.ย. 67) นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ล่าสุดทางกรุงเทพมหานครออกมาให้ข่าว โดยจะมีโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณริมคลองโอ่งและจัดกิจกรรมตลอดปีนี้ จนถึงต้นปีหน้า ประกอบด้วยกำหนดจัดงานพื้นที่คลองโอ่งอ่าง 4 เทศกาล ดังนี้ 

1. จัดกิจกรรมเทศกาลวันสงกรานต์ ‘Bangkok Water Festival 2024 เทศกาลวิถีน้ำ…วิถีไทย’ ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 13-15 เม.ย. 2567 ซึ่งจัดไปแล้ว

2.เทศกาลลอยกระทง 2024 ระหว่างวันที่ 15-17 พ.ย. 2567

3.Book & Gift Fest (Dec) 2024 ระหว่างวันที่ 20-22 ธ.ค. 2567 

และ 4.Food & Faith Street อร่อยเด็ด ร้านดังมูปังที่โอ่งอ่าง 2025 ช่วงเทศกาลตรุษจีน และมีการจำหน่ายอาหารร้านเด็ดทั่วกรุง ทุกศุกร์เสาร์อาทิตย์สิ้นเดือน

นายเกรียงยศ กล่าวว่า โดยทางกรุงเทพมหานครระบุว่า เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และส่งเสริมเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากตนได้นำปัญหาคลองโอ่งอ่างที่เงียบเหงา ถูกกรุงเทพมหานครปล่อยทิ้งกว้างไปตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎร

นายเกรียงยศ กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการ และชาวชุมชนคลองโอ่งอ่าง ที่กรุงเทพมหานครยอมฟังเสียงสะท้อนที่สื่อออกมา จนข้อเรียกร้องประสบความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ข้อเรียกร้องยังไปไม่สุดไม่รู้ว่าจะทำจริงตามที่พูดหรือไม่ หรือเป็นเพราะเป็นเพียงแค่ลมปากที่กรุงเทพมหานครสื่อออกมา แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่กรุงเทพมหานครที่เล็งเห็นถึงความสำคัญเสียงสะท้อนที่ตนนำมาอภิปรายในสภาฯ

“ผมก็ต้องติดตามต่อไปว่า กรุงเทพมหานคร จะจริงจังกับการจัดกิจกรรมเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้คลองโอ่งอ่างกลับมาเป็นแลนด์มาร์กเหมือนในอดีต หรือเป็นเพียงแค่คำพูดเพื่อลดกระแสเท่านั้น” นายเกรียงยศ กล่าว

สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า เท่าที่ฟังกรุงเทพมหานครชี้แจงรูปแบบการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ก็ต้องรอพิสูจน์ฝีมือว่าจะทำได้หรือไม่ แต่เรื่องนี้ไม่มีอะไรยากถ้าสานต่อโครงการที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม.ได้ทำไว้จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะได้เริ่มนับหนึ่งไว้ให้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ขอส่งเสียงไปถึงกรุงเทพมหานครว่า ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครออกมากระตุ้นถึงจะดำเนินการ เพราะความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสิ่งที่รอไม่ได้

“ผมยังติดตามโครงการอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานครที่เคยทำมาแล้วเงียบหายไปอีกหลายพื้นที่ต่อไป ขณะเดียวกันก็เริ่มมีหลายชุมชนเข้ามาให้ข้อมูลอยากให้ผมช่วยเป็นกระบอกเสียง หลังจากเห็นว่าโครงการคลองโอ่งอ่างที่ผมนำไปเรียกร้อง กรุงเทพมหานครเห็นความสำคัญ ผมก็จะนำมาพิจารณาว่า สิ่งไหนที่ควรจะทำเป็นอันดับแรก เพื่อติดตามการทำงานของกรุงเทพมหานครต่อไป ถือว่าเป็นการช่วยกันพัฒนา กทม.ในทุกมิติ อย่าคิดว่าเป็นการจับผิด” นายเกรียงยศกล่าว

‘บังกลาเทศ’ ร้อนจัด!! อุณหภูมิสูงกว่า 42 องศาเซลเซียส ตัดสินใจปิดโรงเรียนทั่วประเทศ เด็ก 33 ล้านคนต้องหยุดเรียน

(26 เม.ย. 67) บีบีซี รายงานว่า นักเรียนในบังกลาเทศ กว่า 33 ล้านคน ต้องหยุดอยู่บ้าน หลังทางการสั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศเป็นการชั่วคราวอย่างน้อยจนถึงวันที่ 27 เม.ย. ภายหลังสภาพอากาศร้อนจัด หลายพื้นที่มีอุณหภูมิพุ่งสูงกว่า 42 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ ถือเป็นการปิดโรงเรียนระดับประเทศต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยก่อนหน้านี้อินเดียและฟิลิปปินส์สั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศเช่นกันหลังจากคลื่นความร้อนแผ่กระจายไปทั่วภูมิภาคเอเชีย และตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. หน่วยงานด้านสภาพอากาศของบังกลาเทศออกแถลงการณ์เตือนภัยร้อนเป็นครั้งที่ 4

ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าจะเผชิญกับอากาศแปรปรวนสาหัส เนื่องจากบังกลาเทศมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบต่ำและเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศมากที่สุด

ขณะที่ข้อมูลจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอซีพีพี) ระบุว่า ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น 30-45 เซนติเมตร อาจส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 35 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ ที่อาศัยอยู่ในแถบชายฝั่งทะเลต้องพลัดถิ่น

ผบ.ทร. ประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ ประจำปี 2567

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.67 เวลา 13.00 น. พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นักเรียนจ่า (นรจ.) และนักเรียนดุริยางค์ (นดย.) ที่สำเร็จการศึกษาประจำปี 2566 จากโรงเรียนชุมพลทหารเรือ โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ 

โรงเรียนทหารนาวิกโยธิน โรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ โรงเรียนพลาธิการ โรงเรียนนาวิกเวชกิจ โรงเรียนการขนส่งทหารเรือ และโรงเรียนดุริยางค์ กองดุริยางค์ทหารเรือ ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้มีผู้เข้ารับการประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตร จำนวน 1,031 นาย ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนจ่าทหารเรือจำนวน 1,017 นาย และนักเรียนดุริยางค์ฯ จำนวน 14 นาย

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบโอวาทแก่ นักเรียนจ่าและนักเรียนดุริยางค์ทุกนาย โดยมีใจความสำคัญว่า การสำเร็จการศึกษาของนักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ ซึ่งได้รับการประดับเครื่องหมายยศเป็น “จ่าตรี” ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่น่าชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง อันเป็นผลจากความมุ่งมั่น ความวิริยะอุตสาหะ และความรับผิดชอบต่อหน้าที่ โดยนับจากนี้ไปจะต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการศึกษาไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความสำนึกในความเป็นทหารเรือ ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย มีคุณธรรม และจริยธรรมตามที่ได้กล่าวคำปฏิญาณตนไว้ ตลอดจนต้องหมั่นศึกษาพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของตนเอง และกองทัพเรือสืบไป

สำหรับการศึกษาของนักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ มีการศึกษาในรูปแบบภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยนักเรียนจ่าจะใช้ระยะในการศึกษาเป็นเวลา 2 ปี และนักเรียนดุริยางค์จะใช้เวลา 3 ปี ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาเป็นที่เรียบร้อย จะได้รับการประดับยศเป็น “จ่าตรี” และจะได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามสาขาวิชาการที่ได้ศึกษาในหน่วยงานต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ทั้งนี้ประชาชนสามารถติดตามรายละเอียดการสมัครของนักเรียนจ่าได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “นักเรียนจ่าทหารเรือ” หรือสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานนักเรียนจ่าทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2475 3663 สำหรับรายละเอียดการสมัครของนักเรียนดุริยางค์สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “โรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ” หรือสามารถติดต่อได้ที่ ธุรการโรงเรียนดุริยางค์ กองดุริยางค์ทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2475 3054 

เกือบรอด! หนีหมายจับ 19 ปี สืบนครบาล ตามรวบ ผู้ต้องหาคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย หนีกบดาน 19 ปี อีก 5 เดือนหมดอายุ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยเฉพาะปราบปราบผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่บ่อนทำลายประชาชนในสังคมและประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์  รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 2 ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.สุนิสา จงจิตร สหาวุธ อายุ 43 ปี ที่อยู่ 6 ม.9 ต.ตระค้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 814/2547 ลง 15 พ.ย.2547

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ พรบ.ยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน-ครอบครอง เพื่อจำหน่าย) ”

โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้าน ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่สืบนครบาล สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้กำลังหลบหนีหมายจับคดียาเสพติด ผู้ต้องหากับกลุ่มเพื่อนได้ถูกตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ทำการล่อซื้อยาเสพติด และได้ถูกจับกุม เมื่อปี พ.ศ. 2546 ซึ่งในชั้นศาลผู้ต้องหากับพวก ได้ทำการประกันตัวในชั้นศาล และได้หลบหนีจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านหรือลูกจ้างตามที่ต่างๆ ที่ไม่มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมเป็นเวลายาวนานกว่า 19 ปี ก่อนที่จะจนมุมถูกสืบนครบาลรวบก่อนหมายจับหมดอายุความเพียง 5 เดือน จากนั้นได้นำส่งไปยังที่ทำการศาลอาญากรุงเทพใต้ ในเวลาเปิดทำการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ทำการหลบหนีจริง เพราะไม่ต้องการติดคุก โดยระหว่างหลบหนีทำอาชีพรับจ้างเป็นแม่บ้าย หรือลูกจ้างที่ต่างๆ ที่ไม่ตรวจสอบประวัติ ก่อนที่สุดท้ายจะหลบหนีไปอยู่ที่กาญจนบุรี

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่าคดีนี้ผู้ต้องหามีประวัติคดีจำหน่ายยาเสพติดโดยอาศัยโอกาส หลบหนีคดีจากเจ้าหน้าที่ถึง 19 ปี การแจ้งข้อมูลข่าวสารของประชาชนต่างๆของเพื่อนสืบนครบาลเราจะทำให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงาน สูงสุด ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top