Saturday, 18 May 2024
NewsFeed

‘MAZDA’ คิกออฟ!! MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 สานฝันเด็กไทย ก้าวสู่ 'โปรกอล์ฟระดับโลก' ผู้ชนะได้สิทธิตะลุยถิ่นลุงแซม

(21 เม.ย.67) มาสด้าแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ร่วมมือกับ The Agency Recruiter เอเจนซี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาให้เยาวชนจากทั่วโลก เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยที่สนใจกีฬากอล์ฟได้เข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อก้าวสู่การเป็นโปรกอล์ฟมืออาชีพในอนาคต พร้อมโอกาสในการรับทุนการศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการจุดประกายความฝันครั้งสำคัญของเยาวชนไทยสำหรับการก้าวไปสู่ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟระดับโลก นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการ ‘MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024’ จัดขึ้นเพื่อสร้างโอกาสและเป็นการจุดประกายให้กับนักกอล์ฟทั้งเยาวชนชายและเยาวชนหญิง ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้จะคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันกอล์ฟในทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทันที ซึ่งการเดินทางไปเล่นที่สหรัฐอเมริกาจะมีโค้ชจากโรงเรียนชื่อดังและมหาวิทยาลัยชั้นนำมาคอยสังเกตุการณ์ทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคลคน หรืออาจได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในโอกาสต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า 
“ถือเป็นการเปิดโอกาสครั้งสำคัญสำหรับเยาวชนไทย ที่ทางมาสด้าได้สิทธิ์จากทัวร์นาเมนต์กอล์ฟเยาวชนชื่อดังระดับโลกมาจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับแบรนด์มาสด้าเรามีความเชื่อในคุณค่าของการ uplift ประสบการณ์การใช้ชีวิต มีจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ Challenger Spirit ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ เสมือนกับการเป็นนักกีฬาที่ต้องมีความขยันอดทน หมั่นฝึกฝนทักษะ มีความมานะอุตสาหะ ต่อสู้กับตนเองและสภาพแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตต่อยอดไปจนถึงการเล่นกอล์ฟระดับอาชีพ”

สำหรับกำหนดการจัดการแข่งขัน MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 ครั้ง และ 2 สนาม โดยสนามแรกจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ที่สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนักกอล์ฟเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 132 คน ส่วนสนามที่ 2 เตรียมจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป ซึ่งการคัดเลือกสำหรับสนามที่ 2 ทางมาสด้าและพันธมิตรยังคงได้สิทธิ์ในการจัดการแข่งขัน โดยจะเปิดโอกาสให้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันเฉพาะลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าและสมาชิกครอบครัวมาสด้าเท่านั้น ที่มีเยาวชนอายุระหว่าง 12-19 ปี ซึ่งมีความใฝ่ฝันอยากเดินทางสู่การเป็นโปรกอล์ฟ โดยเตรียมจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักกอล์ฟเยาวชนขึ้นในเดือนกันยายน 2567 เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟที่ทำผลงานดีที่สุด จำนวน 24 คน เป็นเยาวชนชาย 12 คน และเยาวชนหญิงอีก 12 คน เข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย 

สืบนครบาล ร่วมสืบ114 รวบสาวสองกระชากสร้อยหลังหลบหนีกบดานสำนักสงฆ์กว่า 2 ปี

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริต โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่ามีคนร้าย ข้อหา วิ่งราวทรัพย์ ได้ไปอาศัยใบบุญสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาปิดบังความผิด หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบ 2 ปี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งกำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ดำเนินการจับกุมตัวให้ได้

ต่อเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, ปฏิบัติราชการ  สว.กก.สส.1 พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 2 พร้อมนักเรียนสืบสวนคดีอาญา รุ่น 114 (ชป.2) ดำเนินการจับกุมตัว

นายอมรเทพ อาทะ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 74 หมู่ที่9 ตำบลหนองอึ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ.98/2565 ลงวันที่ 2 พ.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” จับกุมได้ที่บริเวณ สำนักสงฆ์ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พฤติการณ์แห่งคดี คือ เมื่อประมาณวันที่ 29 เมษายน 2565 เวลากลางวัน นายอมรเทพ ได้ขับรถจักรยานยนต์ Honda Wave สีเขียว ของน้องสาว ไม่ทราบป้ายทะเบียน มายังร้านขายก๋วยเตี๋ยว บริเวณหมู่บ้านบ้านเงี่ยง ขณะจอดซื้อก๋วยเตี๋ยว เห็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวสวมสร้อยคอทองคำ หนักประมาณ 1 บาท บริเวณคอ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบอาศัยช่วงเวลาที่แม่ค้าเผลอกระชากสร้อยคอทองคำฯ แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

จากการตรวจสอบในฐานระบบ ยังพบมีหมายจับติดตัวอีก 1 หมาย เป็นหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 191/2563 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ในการกระทำความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

ในชั้นจับกุมสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตามวันเวลาดังกล่าวได้ทำการกระชากสร้อยคอทองคำฯ ของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไปจริง จากนั้นได้นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สถานที่จับกุมบริเวณ สำนักสงฆ์ป่ามะขาม ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 
นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวทิ้งท้ายว่าผู้กระทำความผิดทั้งหลาย ที่เป็นมารร้ายในสังคม ทำผิดแล้วไปชุบตัว แสร้งทำดี แอบแฝงตัวในสำนักสงฆ์ เวรกรรมมันตามทัน โปรดอย่าใช้วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมเป็นสถานที่ล้างมลทิน สร้างความเสริมศรัทธาแก่ชาวบ้าน ยิ่งหนียิ่งไม่รอด

‘หมอชลน่าน’ จัด“โครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ ปัตตานี” จัดคลินิกคัดกรองมะเร็ง-ทันตกรรม-ตรวจความผิดปกติบนใบหน้าและมือเด็ก ช่วยเข้าถึงการผ่าตัดแก้ไขปัญหา 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ จังหวัดปัตตานี ที่ โรงเรียนสายบุรี “แจ้งประชาคาร” และ โรงเรียนเทศบาล 6 บ้านบางตาหยาด ออกหน่วยแพทย์เฉพาะทาง รวม 21 คลินิก ดูแลประชาชนชาวสายบุรีกว่า 2,000 คน เน้นดูแลปัญหาสุขภาพตามบริบทพื้นที่ อาทิ คลินิกคัดกรองความผิดปกติของใบหน้าและมือในเด็ก เพื่อส่งเข้ากระบวนการแก้ไขปัญหาและรับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่อสม.ในพื้นที่ร่วมพิธี และกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรมพาหมอไปหาประชาชนฯ เป็นประจำในวันหยุดทุกสัปดาห์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาด้านการแพทย์เฉพาะทางให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกหน่วยแพทย์ไปแล้ว 41ครั้ง มีประชาชนเข้าถึงบริการแล้วกว่า 159,000 ราย ได้เข้ารับหัตถการเฉพาะทาง 2,433 ราย และหัตถการเฉพาะทางคัดกรองมะเร็ง ถึง 8,340 ราย

นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นปัญหาสุขภาพของเด็กที่พบในจังหวัดปัตตานีจำนวนมาก สาเหตุจากการตั้งครรภ์หลายครั้งทำให้โฟลิคในร่างกายต่ำ โดยในปี 2565-2566 มีผู้ป่วยเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ประมาณ  40 ราย/ปี ในวันนี้จึงมีการจัดคลินิกคัดกรองความผิดปกติบนใบหน้าและมือเด็กขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อค้นหาเด็กที่มีความผิดปกติ อาทิ ปากแหว่งเพดานโหว่ นำเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาและผ่าตัดศัลยกรรมที่โรงพยาบาลปัตตานี ซึ่งกระบวนการดูแลรักษาเดิมจะเป็นการติดตามต่อเนื่องตั้งแต่หลังคลอดและแก้ไขปัญหาให้ตั้งแต่เด็กอายุยังน้อยๆ เพื่อป้องกันการปฏิเสธการรักษา โดยทำการผ่าตัดใส่เพดานเทียม (Obturator) ซึ่งทำได้ทันทีหลังคลอด เด็กจะสามารถดูดนมและเจริญเติบโตได้ตามวัย ส่วนเด็กที่คลอดในโรงพยาบาลชุมชนและพบความผิดปกติ จะประสานกับทันตแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกร (Maxillofacial) และแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic and Reconstructive Surgery) ของโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อทำงานร่วมกัน ซึ่งหลังการผ่าตัดผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และมีคุณภาพชีวิตดีที่ขึ้น

สภาสหรัฐฯ โหวตท่วมท้น 'แบนติ๊กต็อก' ไม่สนเสียงคัดค้าน-ปิดกั้นเสรีภาพผู้ใช้

เมื่อวานนี้ (21 เม.ย. 67) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โหวตรับรองร่างกฎหมายบังคับให้ไบต์แดนซ์ขายติ๊กต็อก หรือปล่อยให้แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมนี้ถูกแบนจากตลาดอเมริกา ด้านติ๊กต็อกออกแถลงการณ์ร้องเรียนทันควันชี้เป็นการเหยียบย่ำสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน ทำลายธุรกิจ 7 ล้านแห่ง และปิดแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ปีละ 24,000 ล้านดอลลาร์ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่อเมริกาและตะวันตกกังวลว่า ความนิยมในติ๊กต็อกในหมู่หนุ่มสาวจะเปิดโอกาสให้จีนสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ เฉพาะอเมริกามีผู้ใช้แอปนี้ถึง 170 ล้านราย

เจ้าหน้าที่เหล่านั้นยังกล่าวหาว่า ติ๊กต็อกอยู่ใต้อำนาจของปักกิ่ง และเป็นช่องทางเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของจีน ซึ่งทั้งรัฐบาลจีนและติ๊กต็อกต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้

ร่างกฎหมายที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนท่วมท้น 360 ต่อ 58 เสียงเมื่อวันเสาร์ (20 เม.ย.) ซึ่งอาจนำไปสู่ขั้นตอนที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในการกีดกันไม่ให้บริษัทเอกชนทำธุรกิจในอเมริกานั้น จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในสัปดาห์นี้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่า จะลงนามรับรองร่างกฎหมายนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ย้ำความกังวลเกี่ยวกับติ๊กต็อกระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเมื่อต้นเดือน

การยื่นคำขาดต่อติ๊กต็อกครั้งนี้รวมอยู่ในร่างกฎหมายการให้ความช่วยเหลือยูเครน อิสราเอล และไต้หวัน

ทางด้านติ๊กต็อกร้องเรียนทันควันโดยออกแถลงการณ์ ระบุว่า น่าเสียดายที่สภาล่างสหรัฐฯ อาศัยร่างกฎหมายความช่วยเหลือต่างประเทศและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อเร่งรัดร่างกฎหมายแบนติ๊กต็อก ซึ่งจะเป็นการเหยียบย่ำสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน ทำลายธุรกิจ 7 ล้านแห่ง และปิดแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ปีละ 24,000 ล้านดอลลาร์ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ

ภายใต้ร่างกฎหมายนี้ ไบต์แดนซ์ บริษัทไฮเทคสัญชาติจีน ต้องเลือกระหว่างขายกิจการติ๊กต็อกในอเมริกาภายใน 1 ปี หรือติ๊กต็อกถูกถอดออกจากแอปสโตร์ของแอปเปิลและกูเกิลในอเมริกา

เดือนที่แล้ว สภาล่างสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายแบนติ๊กต็อกที่กำหนดให้ไบต์แดนซ์ต้องขายหุ้นติ๊กต็อกให้บริษัทสัญชาติอเมริกันภายใน 6 เดือน หรือถูกแบนในอเมริกา ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายนี้อยู่ในการพิจารณาของสภาสูง

สตีเวน มนูชิน อดีตรัฐมนตรีคลังในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความสนใจซื้อกิจการติ๊กต็อก และขณะนี้กำลังรวบรวมกลุ่มนักลงทุน

ติ๊กต็อกตกเป็นเป้าหมายการเพ่งเล็งของทางการสหรัฐฯ มานานหลายปี ภายใต้ข้อกล่าวหาว่า แพลตฟอร์มยอดฮิตนี้ช่วยให้ปักกิ่งสอดแนมผู้ใช้ในอเมริกา

อย่างไรก็ตาม กฎหมายแบนติ๊กต็อกอาจนำไปสู่การฟ้องร้อง โดยกฎหมายนี้ให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุแอปพลิเคชันที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ หากแอปดังกล่าวควบคุมโดยประเทศที่ถือเป็นศัตรูของอเมริกา

วันศุกร์ที่ผ่านมา (19 เม.ย.) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หรือทวิตเตอร์ในอดีต ออกมาต่อต้านการแบนติ๊กต็อกโดยระบุว่า แม้การดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลดีต่อเอ็กซ์ แต่เป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของผู้คน

ยูทูบเบอร์กัมพูชา ลอกคอนเทนต์ ‘หมอตังค์ เวรชันสูตร’ ตัดต่อคลิป-หน้าปก ไปลงช่องตน โดยไม่ให้เครดิต

(22 เม.ย.67) กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจทันที หลังจากที่มีผู้ใช้ (X) รายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความตั้งคำถามว่า มียูทูบเบอร์ชาวกัมพูชา ลอกคลิปของ หมอตังค์ ยูทูบเบอร์ดังของไทย ไปตัดต่อลงช่องของตัวเอง โดยไม่ให้เครดิต

สำหรับ หมอตังค์ มรรคพร ขัติยะทองคำ แพทย์หนุ่ม เจ้าของยูทูบเบอร์ช่องดัง ‘เวรชันสูตร’ หรือ Tang Makkaporn ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.05 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญหมอตังค์ จะทำคอนเทนต์เรื่องราวเกี่ยวกับ คดีลึกลับ ฆาตกรรม

ทั้งนี้ ชาวเน็ต พบว่า ยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชา ไม่ได้แค่ลอกเนื้อหา แต่ยังทำคลิปวิดีโอที่ตัดต่อแล้วไปลงช่องอีกด้วย อีกทั้งยังมีการตัดต่อปกแบบเดิม เพิ่มรูปตัวเองใส่เข้าไปทับรูปของเจ้าของผลงานตัวจริง

ยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชารายนี้มีคนติดตามกว่า 8 แสนคน และทำคอนเทนต์หลากหลาย ทั้งคลิปเล่าข่าว รีมิกซ์เพลง สปอยหนัง ทำรีแอคชั่นวิดีโอ ร้องเพลง และเล่าเรื่องคดี

อีกทั้งยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ยูทูบเบอร์รายนี้เคยมีประเด็นดรามามาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากชอบลงคลิปเคลมไทย ให้ข้อมูลผิด ๆ เมื่อมีคนเข้าไปแย้งก็ไล่บล็อกและลบคอมเมนต์ ทั้งยังบล็อก IP ที่มาจากประเทศไทยอีกด้วย

จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์จำนวนมาก พร้อมกับรวมตัวรีพอร์ตช่องยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชาวคนดังกล่าวด้วย

ล่าสุด หมอตังค์ โพสต์ถึงประเด็นดรามาดังกล่าวผ่านเพจ ‘Tang Makkaporn’ ระบุว่า เพื่อน ๆ ค้าบตังค์เองนะค้าบ ตังค์และน้อง ๆ ทีมงานได้ทราบเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นเรียบร้อยแล้วนะครับ ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ส่งข่าวและให้กำลังใจอย่างมากมายเลย เบื้องต้นตังค์ก็ให้ทีมตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ แล้วครับพบว่า

1 เรื่องเนื้อหา ตังค์และทีมไม่ทราบว่าจะมีความเหมือนกันขนาดไหนเพราะเป็นเรื่องของความแตกต่างทางด้านภาษา

2 ภาพและวีดีโอประกอบคดีอันนี้มีความคล้ายในบางคดีครับ อาจเป็นภาพจากแหล่งข้อมูลคดีจริงที่เป็นทั้งข้อมูลสาธารณะหรือเป็นภาพ/คลิปจากสารคดีที่สร้างจากเคสนั้น ๆ ซึ่งสามารถหาได้ทางอินเตอร์เน็ต

3 หน้าปกคลิป หลังจากการตรวจสอบแล้ว ตังค์ว่าก็มีบางตอนที่คล้ายและบางตอนที่แตกต่างครับ แต่พอกลับไปดูล่าสุดก็เหมือนมีการเปลี่ยนหน้าปกคลิปที่คล้ายไปแล้ว

สรุปแล้วตังค์ว่าเรื่องนี้ ตังค์ขอโฟกัสในฐานะคนทำ true crime content ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ช่องของตังค์แต่ยังมีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในวงการนี้อีกหลายคน ที่คอย support กันและกันเสมอ ทุกช่องทุกคนก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกันไป แต่ตังค์เชื่อเลยว่าทุก ๆ คนจริงใจและพยายามจะแบ่งปันเรื่องราวที่เป็นทั้งกรณีศึกษา เป็นอุทาหรณ์ถ่ายทอดไปเพื่อส่งความห่วงใยถึงเพื่อน ๆ คุณผู้ชม สำหรับตัวตังค์คิดว่าหากการทำคอนเทนต์ของเรามีเจตนาดี ยิ่งมีการเผยแพร่มากก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้นไปอีก ตังค์เองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสิทธิ์ในเรื่องราวต่าง ๆ ครับ เพราะก็หาข่าวหาข้อมูลมาเล่าจากแหล่งข้อมูลต่างๆในอินเตอร์เน็ต

สำหรับช่องที่เป็นประเด็นตังค์ว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทางเขาและทีมคงได้ตรวจสอบ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามแนวทางของช่อง

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว มันทำให้ตังค์ได้เห็นความรักความหวังดีของเพื่อน ๆ ทุกคนที่ส่งมาให้ นี่ยิ่งตอกย้ำตัวตังค์และทีมว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่เรามาถูกทางแล้ว นอกจากนั้นความรักจากทุกคนจะยังเป็นแรงผลักดันให้ตังค์และทีมยกมาตรฐานทั้งคุณภาพคลิป เนื้อหา การนำเสนอและภาพประกอบ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับคนดูมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้นะค้าบ

อันที่จริงตัวตังค์เองเป็นคนที่ไม่อยากสร้างปัญหาหรือมีปัญหากับใครเลย แถมการที่เราได้มาทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับความตายเป็นประจำ ยิ่งทำให้ได้รู้ว่าชีวิตของคนเรามันไม่แน่นอนเลยครับ มีขึ้นมีลง มีผิดมีถูก มีรู้มีไม่รู้ มีเกิดและดับไป ดังนั้นสำหรับตังค์ ตังค์แค่อยากมีความสุขอย่างสม่ำเสมอและไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร ตังค์ก็พอใจแล้วค้าบบ แถมตอนนี้รู้แล้วด้วยว่าตังค์ไม่ได้อยู่แบบโดดเดี่ยว แต่มีเพื่อนๆครอบครัวเวรชันสูตรที่คอยอยู่ support ตังค์เสมอ แค่นี้ก็แฮปปี้สุด ๆ ละค้าบ

‘จักรภพ’ พร้อมลุยรายงานตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุด รับทราบข้อกล่าวหาคดีอาวุธสงครามใน จ.ฉะเชิงเทรา

(22 เม.ย.67) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair’ โดยระบุว่า…

“วันนี้ (22 เม.ย.) ในเวลา 09.00 น. นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับอาวุธสงครามที่พบในจังหวัดฉะเชิงเทราเมื่อหลายปีก่อน ส่วนในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) ในเวลา 10.00 น. จะเดินทางไปในภารกิจเดียวกันที่สำนักงานอัยการสูงสุด จ. พระนครศรีอยุธยา”

‘กรมควบคุมโรค’ ห่วง!! สถานการณ์ ‘โควิด-19’ ระบาดเพิ่มหลังสงกรานต์ สัปดาห์เดียวป่วยเข้า รพ. 1 พันราย ลุยกำชับทุกหน่วยดูแล ปชช.ให้ทั่วถึง

(22 เม.ย.67) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ สธ. มีความห่วงใยสถานการณ์โควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ แต่ยังไม่มีรายงานการระบาดรุนแรง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจได้สั่งการทุกจังหวัดประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อม กำชับทุกหน่วยงานดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง

นพ.ธงชัย กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 14-20 เมษายน 2567 มีรายงานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 1,004 ราย เฉลี่ย 143 รายต่อวัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ โดยพบผู้ป่วยมากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยวหลายแห่ง และมีผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 292 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย และเสียชีวิต 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง (608)

“คาดสาเหตุที่ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยเนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีอาการเหมือนไข้หวัด ทำให้ไม่ระวัง ป้องกันตนเอง ส่งผลให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากการติดตามเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในประเทศไทย ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่ายังคงเป็นสายพันธุ์รุ่นลูกของเชื้อโอมิครอน โดยผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการคล้ายหวัด เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ มีน้ำมูก โดยยังไม่พบว่ามีระดับความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอนเดิมในปีที่ผ่านมา” นพ.ธงชัยกล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวถึงโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีลักษณะเหมือนโรคประจำถิ่น สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่จะมีจำนวนมากหรือน้อยแล้วแต่ช่วงเวลา โดยขณะนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั่วไป อาทิ โรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด เป็นต้น ทั้งนี้ โรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เตียงรองรับผู้ป่วย เวชภัณฑ์ ตลอดจนมีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี

‘จีน’ นำตัวผู้ต้องสงสัยเอี่ยว ‘การพนัน-ฉ้อโกง’ จากกัมพูชากลับประเทศ ชี้ ครบหมด!! 680 คน หลังเดินหน้าภารกิจปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้

(22 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนเปิดเผยว่าตำรวจจีนนำตัวผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันและการฉ้อโกง จากกัมพูชาจำนวนกว่า 680 ราย กลับจีนครบทั้งหมดแล้ว หลังมีการเริ่มส่งตัวผู้ต้องสงสัยช่วงก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนโดยแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ

เที่ยวบินเช่าเหมาลำสองเที่ยวนำผู้ต้องสงสัยกลุ่มสุดท้าย จำนวน 135 คน กลับถึงนครอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีนในวันอาทิตย์ (21 เม.ย.) ถือเป็นการเสร็จสิ้นการส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับจีนในปีนี้ หลังจากตำรวจจีนและกัมพูชาออกปฏิบัติการร่วมเพื่อปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนันและการฉ้อโกง

ซึ่งตำรวจจีนได้กระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับอาชญากรรมต่าง ๆ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาทิ การพนันข้ามพรมแดน และการหลอกลวงทางโทรคมนาคม โดยกระทรวงฯ ให้คำมั่นว่าจะจัดการอาชญากรรมประเภทนี้อย่างเข้มงวดต่อไป พร้อมเตือนประชาชนให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้นำตัวผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้างต้นจำนวนหลายหมื่นคนจากประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเมียนมา ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กลับไปยังจีนในปีนี้

ใหญ่คับฟ้า!! ‘เรือปืน’ นโยบายการทูตร้อยปีของสหรัฐฯ 'ขจัด-กีดกัน-กดดัน' ทุกชาติที่มีพฤติการณ์แข็งขืนมะกัน

จากการที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันศุกร์ (19 เม.ย.67) ว่าได้สั่งปรับบริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ (SCG Plastics Co) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาสติกสัญชาติไทย เป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 736 ล้านบาท ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ มากกว่า 400 ครั้งนั้น

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตอกย้ำทำให้ทั้งโลกได้เห็นว่า สหรัฐฯ ยังใช้นโยบายการทูตแบบ ‘เรือปืน’ (Gun Boat Diplomacy) มาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 1853 ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งพลเรือจัตวา Matthew C. Perry พร้อมกับหมู่เรือรบอเมริกันเข้าไปยังอ่าวโตเกียว โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นที่ปิดประเทศมานานกว่า 200 ปี 

Perry ได้ตั้งใจที่จะใช้กำลังทหารกดดันหากญี่ปุ่นปฏิเสธการเปิดความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ แต่ญี่ปุ่นเองก็ได้ตั้งใจที่จะเจรจาเพื่อเปิดความสัมพันธ์และทำสนธิสัญญาต่าง ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เกิดการปะทะระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นแต่อย่างใด 

ปฏิบัติการของ Perry ในครั้งนั้นได้วางรากฐานสำหรับข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น และการใช้หรือการข่มขู่กำลังทหารเพื่อผลด้านนโยบายต่างประเทศจึงกลายเป็นที่รู้จักในชื่อนโยบายการทูตแบบ ‘เรือปืน’ (Gun Boat Diplomacy) 

นโยบายการทูตแบบ ‘เรือปืน’ ถูก Theodore Roosevelt ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นำมาใช้อีกครั้ง ซึ่งถูกเรียกว่า ‘ไม้ตะบองใหญ่ของ Teddy Roosevelt’ (Teddy Roosevelt's 'Big Stick') ด้วยการส่งกองเรือรบ Great White (The Great White Fleet) ออกเดินทางไปเยือนเมืองท่าต่าง ๆ ทั่วโลกระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 1907 ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1909 โดยชื่อกองเรือดังกล่าวมาจากการที่เรือรบในกองเรือดังกล่าวทุกลำทาสีขาวล้วน 

***หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ขึ้น...

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นไม่เคยมีการรบเกิดขึ้นในดินแดนของสหรัฐฯ เลย แต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ฐานทัพเรือของสหรัฐฯ ที่อ่าว Pearl มลรัฐฮาวายถูกกองทัพญี่ปุ่นบุกโจมตีจนเสียหายอย่างหนัก ดินแดนอาณานิคมของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียทั้งหมดถูกกองทัพญี่ปุ่นบุกเข้าโจมตีและยึดครอง 

หลังจากเป็นแกนนำกองกำลังของฝ่ายสัมพันธมิตร และเอาชนะฝ่ายอักษะแล้ว ได้มีการนำนโยบายการทูตแบบ ‘เรือปืน’ มาปิดท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยการทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ จนทำให้ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตไปกว่าสองแสนคน (ทั้ง ๆ ที่มีชัยชนะเหนือฝ่ายอักษะในยุโรปแล้ว) จนญี่ปุ่นเองก็คงต้านทานกองกำลังสัมพันธมิตรต่อได้อีกไม่นาน และผลของการทิ้งระเบิดปรมาณู ก็ทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตรในทันที

มาถึง ยุคสงครามเย็น (Cold War) ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากการที่โลกแบ่งออกเป็นสองขั้วค่ายคือ ฝ่ายประชาธิปไตยนำโดยสหรัฐฯ และฝ่ายคอมมิวนิสต์นำโดยสหภาพโซเวียต นโยบายการทูตแบบ ‘เรือปืน’ ก็เข้มข้นขึ้นตามลำดับ มีการก่อตั้ง NATO ‘องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ’ (North Atlantic Treaty Organization) องค์กรความร่วมมือทางการเมืองและการทหารของประเทศค่ายเสรีประชาธิปไตย และองค์การ SEATO ที่เปรียบเสมือนองค์การ NATO แห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นไปตามลัทธิทรูแมน (Truman Doctrine) ในการสร้างแนวร่วมเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ในระดับทวิภาคีและส่วนร่วมในสนธิสัญญาป้องกันระดับภูมิภาค โดยสหรัฐฯ ได้อาศัยความเป็นผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตรสร้างฐานทัพบก-เรือ-อากาศ ไว้ทั่วโลกมากมายหลายร้อยแห่ง ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของกองทัพสหรัฐฯ ในการขับเคลื่อนนโยบายการทูตแบบ ‘เรือปืน’ ไปในตัวอีกด้วย

กระทั่งสงครามเย็นจบลงด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียต บริบทในการทำสงครามของสหรัฐฯ ในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้จึงเปลี่ยนไปจากการรบด้วยกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์มาเป็นการรบด้วยเศรษฐกิจ, การค้า, การเงิน, การลงทุน แต่ในขณะเดียวกันยังคงนโยบายการทูตแบบ ‘เรือปืน’ ด้วยการวางกำลังทหารทั้งบก-เรือ-อากาศ อยู่ทั่วโลกซึ่งพร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง โดยมุ่งเน้นในการป้องความมั่นคงของชาติ ตลอดจนผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ เองในทุก ๆ มิติ...

....และที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคามจนอาจกลายเป็นสงครามบนดินแดนของสหรัฐฯ เอง และมีการใช้วิธีการต่าง ๆ นานาในการปกป้องพิทักษ์ผลประโยชน์และนโยบายทางเมืองของสหรัฐฯ ดังเช่น รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และจีน ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน สหรัฐฯ จึงพยายามออกมาตรการต่าง ๆ มากมายเพื่อ กดดัน ปิดล้อม สกัดกั้น หรือคว่ำบาตร ประเทศเหล่านี้ 

อย่างเช่น กรณีที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ สั่งปรับบริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ ของไทยเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 736 ล้านบาท) ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ มากกว่า 400 ครั้ง แม้ เอสซีจี พลาสติกส์ จะสามารถทำการอุทธรณ์ได้ แต่โอกาสที่จะชนะนั้นยากมาก ด้วยเพราะต้องต่อสู้เป็นคดีความกับรัฐบาลที่ออกกฎหมายเอง หาก เอสซีจี พลาสติกส์ ไม่ยอมจ่ายค่าปรับดังกล่าวก็อาจจะส่งผลทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ (Black List) บริษัทในเครือเอสซีจีทั้งหมด ซึ่งย่อมสร้างผลกระทบทางลบต่อธุรกิจของเครือเอสซีจีทั้งหมดในการปฏิสัมพันธ์ทางการค้ากับลูกค้าที่เป็นบริษัทอเมริกันทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

แน่นอนว่า ตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของไทย ซึ่งรวมถึงทั้งเครือเอสซีจีด้วย เมื่อโดนมาตรการแบบนี้ เราที่เป็นเพียงประเทศเล็ก ๆ จึงไม่สามารถทำอะไรก็ตามที่มีลักษณะเป็นการฝ่าฝืน ต่อต้าน ขัดขืน ฯลฯ ประเทศอภิมหาอำนาจเช่นสหรัฐฯ ได้ 

แม้แต่ประเทศอภิมหาอำนาจอันดับหนึ่งของเอเชียอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนเองก็ยังโดนมาตรการต่าง ๆ ของสหรัฐฯ มากมายหลายครั้ง อาทิ กรณี Meng Wanzhou ลูกสาวของผู้ก่อตั้ง Huawei และมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสายการเงิน (CFO) ถูกจับกุมที่แคนาดาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2018 ตามหมายจับของสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า Huawei ทำธุรกิจในอิหร่าน ทั้ง ๆ ที่อิหร่านยังอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรทางการค้าโดยสหรัฐฯ โดยระหว่างปี 2009-2014 Huawei ได้ตั้ง Skycom บริษัทย่อยเพื่อทำธุรกิจในอิหร่าน อันเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ 

นอกจากนั้น Huawei และ Wanzhou ยังถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในฐานปลอมแปลงข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องระหว่าง Huawei และ Skycom ที่ได้ส่งให้กับธนาคาร HSBC รวมถึงมีความพยายามในการจารกรรมข้อมูลผ่านเทคโนโลยี ฯลฯ ทำให้บริษัท Huawei ถูกจัดเข้าบัญชีดำ (Black List) โดยสหรัฐฯ ในปี 2019 แต่ Wanzhou ก็ต่อสู้คดีจนกระทั่งวันที่ 24 กันยายน 2021 เกือบ 3 ปี เธอจึงได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศจีน ภายใต้ข้อตกลงที่มีร่วมกันระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีน, แคนาดา และสหรัฐอเมริกา เป็นอย่างมาก

เมื่อบริษัท Huawei ถูกจัดเข้าบัญชีดำ (Black List) ของสหรัฐฯ ด้วยมาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีจีนจากเหตุผลความมั่นคง ส่งผลให้ Huawei บริษัทที่ผลิตมือถือเป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ ของโลกต้องร่วงลงมาหลายอันดับ และการปิดกั้นสินค้าเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ทำให้จีนไม่สามารถเข้าถึง Chip หรือ Semiconductor สมรรถนะสูง แต่ Huawei ก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการทำการพัฒนา Chip หรือ Semiconductor สมรรถนะสูงจนประสบความสำเร็จ และมีแนวโน้มว่าจะสามารถพัฒนาให้สมรรถนะดีกว่าของสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย 

หรือกรณีชาวอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเกียงซึ่งถูกสื่อตะวันตกประโคมข่าวไปทั่วโลกว่า มีการกักขัง กดขี่ ทรมาน ชาวอุยกูร์ และมีการออกมาตรการห้ามบริษัทอเมริกันซื้อฝ้ายที่ผลิตจากพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเปรียบเทียบสภาพความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์กับชาวปาเลสไตน์ในฉนวน Gaza และเขต West Bank ดินแดนของตนเองซึ่งถูกอิสราเอลปิดล้อมแล้วมีความแตกต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหวเลยทีเดียว เพราะเมืองต่าง ๆ ในเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเกียงมีความเจริญรุดหน้าเช่นเดียวกับเมืองต่าง ๆ ในประเทศจีนเองหรือแม้กระทั่งเมืองต่าง ๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่สภาพความเป็นอยู่ของชาวปาเลสไตน์นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากการติดคุกที่มีขนาดใหญ่ ขาดสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดจนสาธารณูปโภคพื้นฐาน ด้วยอิสราเอลได้ทำการปิดกั้นจำกัดในทุก ๆ เรื่องแม้กระทั่งสิ่งที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันเช่นน้ำสะอาดเพื่อการบริโภค แต่สหรัฐฯ ก็ไม่เคยประณามอิสราเอลว่า ได้ทำการ กดขี่ ข่มเห่ง รังแก ชาวปาเลสไตน์อย่างไร้คุณธรรมแต่อย่างใดเลย

ด้าน อิหร่านซึ่งถูกมาตรการของสหรัฐฯ ต่าง ๆ นานานับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามเมื่อกว่า 40 ปีก่อน อิหร่านมีเครื่องบินรบและเครื่องบินพาณิชย์ที่ผลิตจากสหรัฐฯ เป็นจำนวนมากแต่ไม่มีอะไหล่ ที่สุดแล้วอิหร่านก็สามารถพึ่งพาตนเองด้วยการผลิตอะไหล่เครื่องบินเหล่านั้นได้เอง จนปัจจุบันกว่า 40 ปีแล้วที่อิหร่านไม่ได้สามารถซื้อหาอะไหล่จากสหรัฐฯ แต่เครื่องบินเหล่านั้นยังคงใช้งานได้ 

อย่างไรก็ตาม นโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่สหรัฐฯ กำหนดขึ้น เพื่อกดดันประเทศต่าง ๆ ที่ถูกมองว่า มีพฤติการณ์และพฤติกรรมที่สหรัฐฯ ไม่พึ่งประสงค์นั้นกำลังจะย้อนกลับมาสร้างปัญหาต่อเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ในอนาคต อาทิ การที่ประเทศขั้วตรงข้ามของสหรัฐฯ รวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS : BRASIL-RUSSIA-IRAN-CHINA-SOUTHAFRICA) ด้วยคาดหวังว่า จะกลายเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจของโลกเพิ่มมากขึ้น และจะเป็นการลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก ปัจจุบันมีสมาชิก 9 ประเทศ อยู่ระหว่างการสมัครอีก 15 ประเทศ (รวมทั้งประเทศไทย) 

ด้วยความที่ไทยเราเป็นประเทศเล็กแต่มีที่ตั้งอยู่ในจุดภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความสำคัญที่สุดในภูมิภาคนี้ จึงจำเป็นต้องรักษาความเป็นกลางอย่างสมดุลให้มีความเหมาะสมพอดีที่สุด จากประสบการณ์ที่เคยเลือกข้างเลือกฝั่งในอดีต จนทำให้เกิดปัญหาด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างรุนแรงมาแล้ว

ดังนั้น คนไทยทั้งหมดทั้งมวลควรจะช่วยกันจดจำเรื่องราวตลอดจนสิ่งต่าง ๆ ที่ประเทศต่าง ๆ ได้เคยทำไว้กับไทยเรา ทั้งในเชิงบวกและลบ เพื่อสรุปเป็นบทเรียนในการดำเนินนโยบายต่าง ๆ กับประเทศนั้น ๆ ในเวทีโลกอย่างเหมาะสม ไม่เอาเปรียบประเทศใด ๆ แต่ก็ต้องไม่ยอมให้ประเทศใด ๆ ก็ตามที่มาเอาเปรียบได้ ด้วยการยึดถือเอาประโยชน์สูงสุดของชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นที่ตั้ง โดยถือเป็นความสำคัญและจำเป็นสูงสุด

'มหารัฐกอทูเล' ความฝันอันสูงสุดของชาวกะเหรี่ยง หรือจุดเริ่มต้นความวินาศจากหมากกลรัฐบาลพม่า

ตั้งแต่เริ่มสงครามระหว่างกะเหรี่ยง คราวนี้ถือเป็นกะเหรี่ยงที่เป็นฝ่ายมีชัย จนเกิดคำว่า 'มหารัฐกอทูเล' ขึ้น  

คำนี้ไม่ได้เป็นคำใหม่ แต่หากเป็นคำปลุกใจถึงแผ่นดินทองของกะเหรี่ยงมาตลอด 70 กว่าปีที่จับปืนรบกับทหารเมียนมา

จนวันนี้ที่ฝ่ายกองทัพเมียนมาขนทัพมา 3 กองพลเข้ายึดเมียวดีคืน ถือเป็นปฏิบัติการที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มีการสู้รบกับฝ่ายต่อต้านกองทัพที่ผ่าน ๆ มา

แต่หากดูกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่ทางเมียนมาใช้แล้วจะเห็นว่าฝ่ายกองทัพเมียนมา ยังไม่ได้ขนอาวุธหนักในคลังแสงออกมาใช้เลย โดยเฉพาะอาวุธประเภทพื้นสู่พื้นพิสัยใกล้และพิสัยกลางที่สามารถทำลายเป้าหมายได้คราวละมาก ๆ

มีหลายฝ่ายวิเคราะห์ถึงการไม่เลือกใช้อาวุธดังกล่าวของฝ่ายกองทัพเมียนมาว่า น่าจะไม่อยากให้กระทบถึงสิ่งก่อสร้างของพลเรือนและที่สำคัญคือ ป้องกันความผิดพลาดที่อาวุธดังกล่าวตกข้ามมายังฝั่งไทย

อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ความตึงเครียด ณ วันนี้ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตรงชายแดนเมียวดีตัดสินใจปิดด่าน เป็นผลให้ประชาชนตกค้างที่ด่านเป็นจำนวนมาก

>> Myanwaddy D-Day

Monday Impact คือ วันเผาจริงของชาวเมียวดี เมื่อทั้งเมืองถูก Lock down ด่านข้ามแดนปิด สินค้านำเข้าและส่งออกไม่ได้ ธนาคารปิด รวมถึงสาธารณูปโภคในเมียวดีอาจจะถูกตัดขาดเป็นผลจากการสู้รบ ในขณะที่กองทัพพม่าระดมประเคนลูกระเบิดนับ 200-300 ลูกต่อวันเข้าภายในเมือง จากนี้คงต้องดูว่าฝ่ายกะเหรี่ยงยังจะยืนกรานที่จะสู้อยู่หรือจะเข้าสู่โต๊ะเจรจา

'กอทูเล' อาจจะเป็นความฝันของชาวกะเหรี่ยง แต่ชาวกะเหรี่ยงคงลืมไปอย่างว่าที่ผ่านมา รัฐบาลเมียนมาก็ให้สิทธิ์ชาวกะเหรี่ยงปกครองกันเองและยกระดับกองกำลังของกะเหรี่ยงเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ซึ่งมีอำนาจมากมายในรัฐกะเหรี่ยง รวมถึงพัวพันกับธุรกิจทั้ง สีขาว, สีเทา และสีดำในรัฐกะเหรี่ยง 

คำถาม คือ หากสุดท้ายหากฝ่ายกองทัพเมียนมาปราชัย แล้วทางกะเหรี่ยงจะปกครองอย่างไร?

เพราะ กะเหรี่ยง ไม่ใช่รัฐหรือประเทศ ที่ถูกยอมรับในระดับสากล หากตั้งสกุลเงินใหม่ขึ้นมาทางกะเหรี่ยงจะต้องมีทองคำมาค้ำประกันค่าเงินตนเองซึ่งทองคำนั้นต้องได้รับการยอมรับจากทางประเทศต่าง ๆ ด้วย มิฉะนั้นสกุลเงินของกะเหรี่ยงก็ไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษ

ที่ผ่านมาเราได้พบเห็นการขอแยกการปกครองของกลุ่มตนเองออกเป็นประเทศมาแล้ว อาทิเช่น ประเทศติมอร์ เลสเต ที่แยกออกจากอินโดนีเซีย จวบจนปัจจุบันก็ยังมีปัญหาด้านงบประมาณในการใช้พัฒนาประเทศ ฉะนั้นหากกะเหรี่ยงแยกตัวออกจากเมียนมาโดยสมบูรณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างในสาธารณรัฐกอทูเล ก็ต้องนำเข้าทั้งจากฝั่งไทยและเมียนมาทั้งสิ้นอยู่ดี

ก็คงต้องถามคนที่นี่แล้วว่า สุดท้ายจะยอมรับค่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นจากการที่มีภาษีนำเข้าได้หรือไม่? ทั้งในส่วนของไฟฟ้าก็ดี เพราะหากแยกตัวจริงเชื่อได้ว่าทางเมียนมาน่าจะหยุดส่งก๊าซเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ทำให้ต้องนำเข้าไฟฟ้าเกือบ 100% จากไทย และไทยจะยอมขายให้ไหม? เพราะหากไทยยอมขายไฟฟ้าให้ ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่ายอมรับการมีตัวตนของประเทศนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยเมียนมาแน่นอน

ทั้งหมดที่ 'เอย่า' เล่ามานี้ เอย่ายังไม่เห็นแสงทองผ่องอำไพบนแผ่นดินกอทูเลเลย มีแต่ความวินาศของชาวกะเหรี่ยงที่เหมือนถูกซ่อนกลอีกชั้นหนึ่งในหมากที่ฝ่ายพม่าวางไว้ และสุดท้ายคือ คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยแต่ต้องมารับผลกระทบด้วย นั่นคือประเทศไทยนั่นเอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top