Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

'จุรินทร์ ซัด!! 'เศรษฐา' มีผลงานเดียว สร้าง 'นักโทษเทวดา' หยัน!! อาสาเป็นเซลส์แมน ปิดการขายได้บ้างหรือยัง

‘จุรินทร์’ จัดให้! ซัด ‘เศรษฐา’ มีผลงานเดียวสร้าง'นักโทษเทวดา' เย้ยขยันบินต่างประเทศไปทำตลาดหรือตลก วันๆ ทำแต่อีเวนต์ ถามอาสาเป็นเซลส์แมน ปิดการขายได้บ้างหรือยัง อัดคนในรัฐบาลโป๊ะแตก ปมทูมอร์โรว์แลนด์ เตือนพฤติกรรม ‘ได้คืบเอาศอกลามได้ศอกจะเอาวา’ ระวังพังเหมือนอดีต 

(3 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะจำนวน 98 คน เป็นผู้เสนอ

โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ก่อนเสนอญัตติฯม.152 รัฐบาลสร้างกระแสจะอภิปรายทำไมยังไม่ใช่งบสักบาท ถือว่าตีหน้าซื่อกลางแดดชัด ๆ เพราะแม้งบยังไม่บังคับใช้แต่สามารถใช้งบไปพลางก่อนได้ระหว่าง1 ต.ค. 2566 - 31 เม.ย. 2567 ใช้งบประจำและงบลงทุนไปถึง 43.79% ของงบปี 2567 ที่บอกไม่ใช้งบสักบาทถือเป็นการแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชนชัด ๆ 

คำถามคือทำไมใช้เงินไปมากขนาดนี้แต่ยังสอบตก คำตอบคือรัฐบาลมัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร วัน ๆ มีแต่อีเวนต์ เช้า สาย เที่ยง เย็น ดึก ๆ ยังอีเวนต์ จนคนไทยสำลักอีเวนต์ 6 เดือน นายกฯ อยู่เมืองนอก 52 วัน มีคนถามบินไปทำการตลาดหรือทำการตลก เพราะอยู่เมืองไทยบอกเศรษฐกิจวิกฤติ แต่ไปเชิญต่างประเทศ มหาเศรษฐีที่ไหนจะมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจวิกฤติ ถ้ามาเพราะไม่เชื่อนายกฯ แต่เชื่อในระบบเศรษฐกิจของไทย 

ที่นายกฯ ที่อาสาเป็นเซลส์แมนประเทศ ถามว่าปิดการขายได้บ้างหรือยัง หรือมีแต่สัญญาจะซื้อจะขายดอกไม้กับสายลม ที่เห็นชัดคือเรื่อง ทูมอร์โรว์แลนด์ คนในรัฐบาลโพสต์ผ่านเว็บทางการของรัฐบาลว่า ทูมอร์โรว์แลนด์ จะมาจัดงานที่เมืองไทยในปี 2569 และอาจจัดต่อเนื่อง 10 ปี ปรากฏว่า โฆษกของเขาแถลงชัดเจนยังไม่ยืนยันมาจัดที่ไทยและยังมีอะไรต้องพิจารณาอีกมาก ที่พูดก็อยากให้สำเร็จ แต่สิ่งที่อยากบอกคือ คนไทยอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อะไรยังไม่ใช่ไม่ต้องตีปี๊ปก็ได้มันเสียเหลี่ยม

“คนไทยไม่ได้กินแกลบ พูดอะไรไม่จริง ก็จับได้ คนไทยอยากให้นายกฯ บินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวัน ที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไรนอกจากสร้างภาพบินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เหยี่ยวบินไม่พลาดเป้า เพราะเหยี่ยวไม่ทำการตลาด” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ตราบใดที่รัฐบาลก้าวไม่พ้นคนชอบอวดบารมี รัฐบาลจะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และอยากไปโทษคนอื่นว่าก้าวไม่พ้นคน ๆ นี้เสียที คนแรกที่ก้าวไม่พ้นคือนายกฯ เพราะวันแรกที่เกิดเหตุการณ์นายกฯ ถึงขั้นลงทุนนั่งรถประจำตำแหน่งไปสโลซบถึงบ้าน แถมบอกว่ายินดีให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหานายกฯ หลายคน นี้คือปัญหาใหญ่ทางการเมืองที่รัฐบาลกำลังเผชิญ มันสะท้อนความไม่เชื่อมั่น ทำให้คนเข้าใจว่านายกฯ ไม่ได้มีแค่นายกฯ นิด ยังมีนายกฯ ใหญ่ และนายกฯ เล็ก ทำให้เกิดปัญหาการบริหาร และปัญหารัฐบาลเต็มไปด้วยรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ มีทั้งโลกลืม ผิดฝาผิดตัว ต่างตอบแทน ทำการเฉพาะกิจ และรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง ไม่ลืมแต่เซ็ง 

คนหนึ่งคือรมว.คลัง จ้องแต่แยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าแบงก์ชาติ แต่งานในหน้าที่ทำได้ไม่เข้าเป้า รายได้ 4 เดือนต่ำกว่าเป้า ฝากนายกฯ ปรับครม.เที่ยวนี้ช่วยดูแลรมต.ที่โลกเซ็งด้วย ปัญหาดิจิทัลวอลเล็ต คนไทยหลายคนเลิกเชื่อเบื่อทวง แต่ที่บอกว่าจะทำงบปี 2568 ขาดดุล 1.5 แสนล้าน แปลว่าไม่มีอะไรใหม่ยังกู้มาแจกเหมือนเดิมเปลี่ยนแต่วิธีการ

ส่วนที่บอกราคายางดีขึ้นนั้น ขอแสดงความยินดีรัฐบาล เข้ามาไม่กี่วันบุญหล่นทับถุงเท้าบวม แต่ที่ยางขึ้นไม่ใช่ปราบยางเถื่อนอย่างเดียว แต่มีสาเหตุอื่นอีก อาทิ ผลผลิตยางในตลาดน้อย ยุโรปออกระเบียบห้ามนำเข้ายางในพื้นที่ทำลายป่าในปลายปี 2567 ที่สำคัญตอนนี้ยางในประเทศไทยอยู่นอกฤดู ก็อยากให้รัฐบาลเตรียมการรับมือดูแลราคายางด้วย 

นายจุรินทร์ อภิปรายอีกว่า ปัญหาใหญ่ที่สุด ที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อมให้รัฐบาล เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลมากที่สุด คือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่รัฐบาลทำได้เร็วที่สุด เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร นั่นคือการสร้างนักโทษพันธ์ุใหม่ ที่แม้แต่เทวดาต้องยอมให้ใช้ชื่อ คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ จนถึงได้คืบเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ซึ่งเกิดขึ้นไม่ได้ถ้านายกฯ รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เห็นเป็นใจ 

เชื่อว่าคนไทยเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ต้องไปตอบแทนกันเองส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน คนหนึ่งได้อำนาจ อีกคนได้อภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจ อาจยุติธรรมกับคนสองคนแต่ไม่ยุติธรรมกับประเทศ ว่าแต่การที่นายกฯ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ใครคือผู้บังคับใช้กฎหมาย นายกฯ ตั้งใจอยู่ 4 ปีถ้าอยู่เพื่อทำความดีไม่มีใครว่า แต่ถ้าอยู่เพื่อทำความชั่วร้ายให้แผ่นดินปีเดียวก็ไม่ควรอยู่ ตนไม่มีอคติกับนายกฯ เป็นแค่คนไทยคนหนึ่งที่มีหน้าที่มาพูดแทนคนรับความยุติธรรมที่น้ำตาตกในต้องทนอยู่กับบาปที่รัฐบาลนี้ก่อขึ้น

“ผมขอตั้งคำถามว่า นายกฯ มีนโยบายนำคุกทิพย์โมเดลที่ทำลายหลักนิติธรรมยับเยินมาใช้ซ้ำสองหรือไม่ คำถามที่สองคือ ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมจะออกเรื่องการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิคุมขังนอกเรือนจำ ขอถามว่าระเบียบดังกล่าวรวมคดีทุจริต คดี 157 ได้ด้วยหรือไม่ และรวมหรือไม่ ถ้าให้นักโทษ 157 ติดคุกที่บ้านได้ เท่ากับรัฐบาลส่งเสริมการทุจริตมุมกลับ ระบบนิติธรรมจะเกิดวิกฤติอีกครั้ง เพราะเกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่ คำถามที่สามเรื่องนิรโทษกรรม ขอถามนายกฯ ในฐานะผู้คุมเสียงข้างมาก และนั่งหัวโต๊ะในคณะรัฐมนตรี เพราะนิรโทษกรรมเป็นดาบสองคมใช่หรือไม่ ถ้าผิดทางสร้างความแตกแยกครั้งใหม่ ขอถามว่ารัฐบาลนี้มีนโยบายที่จะนิรโทษ คดีทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ ที่ถามเพื่อส่งสัญญาณเตือนนายกฯ และพวกพ้องว่าอย่าได้คืบเอาศอก เพราะในอดีตเคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว เพราะวันนี้มีคนร้ององค์กรต่าง ๆ เรื่องนักโทษเทวดาทั้งหมด 24 เรื่อง ผมพูดเพื่อเตือนนายกฯ และรัฐบาล ว่าสิ่งที่นายกฯ และพวกทำกับหลักนิติธรรมประเทศไว้จะเป็นระเบิดเวลาระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมด้วย” นายจุรินทร์ กล่าว

ชาว X ลือสนั่น!! มือเผาอัลกุรอาน เป็นศพในนอร์เวย์ ด้านชาวเน็ตสงสัย หรือเก็บตัวเงียบรอเผาคัมภีร์ออกสื่ออีกครั้ง

ข่าวลือสนั่นโลกโซเชียลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คือข่าวการเสียชีวิตของ นาย ซาลวัน โมมิกา ชายชาวอิรัก ผู้ลี้ภัยในสวีเดน ที่ก่อเหตุหยามหัวใจชาวโลกอิสลามด้วยการประท้วง เผาคัมภีร์อัลกุรอานออกสื่อ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านศาสนาอิสลาม และเชิดชูสิทธิเสรีภาพทางการพูด 

แต่เมื่อวันอังคาร (2 เม.ย.67) ที่ผ่านมาสำนักข่าวในโซเชียลต่างออกมาแชร์ข้อมูลว่า พบนายซาลวัน โมมิกา เสียชีวิตแล้วในประเทศนอร์เวย์ ที่เขาเพิ่งทำเรื่องลี้ภัยจากสวีเดน เนื่องจากถูกกดดันจากทางการสวีเดนที่กำลังดำเนินการเนรเทศเขาออกนอกประเทศจากการเคลื่อนไหวที่สร้างความโกรธแค้นจากสังคมอิสลามอย่างมากเป็นวงกว้าง 

แม้ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันอย่างเป็นทางการจากนอร์เวย์ว่า นาย ซาลวัน โมมิกา เสียชีวิตจริงตามข่าวหรือไม่ แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากเจ้าตัว ทั้งการปรากฏตัวในที่สาธารณะ และ ในโซเชียล เพื่อเป็นการสยบข่าวลือว่าตัวเขายังมีชีวิตอยู่แต่อย่างใด 

ดังนั้น การหายตัวไปของ ซาลวัน โมมิกา มือเผาอัลกุรอาน ยังคงเป็นปริศนา

ซาลวัน โมมิกา ปัจจุบันวัย 37 ปี เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านอิสลามชาวอิรัก แต่เดิมระบุว่าตนเป็นชาวคริสเตียน เนื่องจากเกิดในครอบครัวชาวคริสต์ในอิรัก ต่อมาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังติดอาวุธ Popular Mobilization Forces ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอิหร่าน เพื่อต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย ISIS และต้านอิทธิพลของสหรัฐฯ ในพื้นที่ 

แต่ทว่า ซาลวัน โมมิกา มีทัศนคติที่ต่อต้านศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง ทำให้เขาอยู่ในอิรักไม่ได้ ในปี 2018 จึงทำเรื่องลี้ภัยมาอยู่ในสวีเดน และประกาศตนเป็นนักเสรีนิยมผู้ไร้ศาสนา แต่สื่อหลายสำนักให้คำจำกัดความเขาว่าเป็นกลุ่มต่อต้านอิสลามหัวรุนแรง 

เหตุการณ์ที่ทำให้ชื่อของนาย ซาลวัน โมมิกา กลายเป็นที่รู้จักอย่างมาก คือการเผาคัมภีร์อัลกุรอาน หน้าสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงสตอกโฮล์ม เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวมุสลิมทั้งในสวีเดน และทั่วโลก จนถึงกับมีการรวมกลุ่มประท้วงที่หน้าสถานทูตสวีเดนในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนส่งตัวนาย ซาลวัน โมมิกา กลับมาลงโทษในข้อหาดูหมิ่นศาสนา 

แต่นั่นไม่อาจหยุดการกระทำของซาลวัน โมมิกา ได้ เขาได้เผาคัมภีร์อัลกุรอาน โชว์ออกสื่ออีกหลายครั้ง รวมทั้งแสดงการดูหมิ่นด้วยการเหยียบคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม ฉีก ทำลายหนังสือ หรือละเลงเนื้อเบคอนลงบนอัลกุรอาน  

ถึงแม้ว่าสวีเดนจะเป็นประเทศเสรี แต่ก็ใช่ว่าชาวสวีเดนจะเห็นชอบกับสิ่งที่ซาลวัน โมมิกา ทำ ที่แสดงถึงการคุกคามศรัทธาและความเชื่อของคนอื่น อีกทั้งยังสร้างความวุ่นวาย ชักศึกเข้าบ้าน ที่ทำให้ชาวสวีเดนส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจ เป็นผลให้รัฐบาลสวีเดนเพิกถอนสิทธิ์ผู้ลี้ภัยของเขาในเวลาต่อมา และกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาส่งตัวนาย ซาลวัน โมมิกา ไปยังประเทศที่ 3 ที่ไม่ใช่อิรัก 

ซึ่งล่าสุด ซาลวัน โมมิกา เพิ่งออกมาโพสต์ใน X เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 67 ที่ผ่านมาว่าตัวเขาได้เดินทางออกจากสวีเดน ไปลี้ภัยในประเทศนอร์เวย์เรียบร้อยแล้ว โดยได้ยื่นคำร้องขอสิทธิ์คุ้มครองผู้ลี้ภัยที่นั่น เนื่องจากรัฐบาลสวีเดนไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัยที่เป็นนักปรัชญา และ นักคิดผู้มีปัญญา แต่กลับไปรับผู้ลี้ภัยที่เป็นผู้ก่อการร้ายแทน อีกทั้งกล่าวหารัฐบาลสวีเดนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของชาวสวีเดนที่แท้จริง และยืนยันจะเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านอุดมการณ์อิสลามต่อไป แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

ซึ่งนั้นเป็นความเคลื่อนไหวในโซเชียลครั้งสุดท้าย ก่อนจะมีข่าวลือสะพัดว่าพบตัวนาย ซาลวัน โมมิกา กลายเป็นศพซะแล้ว ในนอร์เวย์ 

แต่เรื่องทั้งหมดยังคงเป็นเพียงข่าวลือ เมื่อสื่อต่างประเทศได้สอบถามไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ สำนักงานตำรวจในนอร์เวย์ ก็ยังไม่พบข้อมูลผู้เสียชีวิตที่มีชื่อว่า ซาลวัน โมมิกา แต่อย่างใด 

ดังนั้น ข่าวลือของชาว X อาจเป็นเพียงการเล่นตลกในเทศกาลวันโกหก หรือเป็นการสาปส่งล่วงหน้า ในช่วง ซาลวัน โมมิกา ยังต้องเก็บตัวเงียบเพื่อรอการพิจารณาคำร้องขอลี้ภัยในนอร์เวย์ หรือเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จนกว่าจะพร้อมเผาคัมภีร์ออกสื่ออีกครั้ง 

‘ญี่ปุ่น’ เสนอแผนฆ่า ‘กวางนารา’ ในเขตกันชน แก้ปัญหา ‘กวางอดอยาก-บุกรุกฟาร์มเกษตรกร’

(3 เม.ย.67) กวางแห่งนารา เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของภูมิภาคคันไซในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองมายาวนานในฐานะผู้ส่งสารจากสวรรค์ และเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์ประจำเมือง แต่จังหวัดนาราวางแผนที่จะขยายพื้นที่ที่สามารถกำจัดได้

ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันสัปดาห์ที่ผ่านมา โอกิมาสะ มุราคามิ ประธานคณะกรรมการที่กำลังศึกษาแผนการคุ้มครองและการจัดการกวาง ได้นำเสนอแผนการอนุญาตให้กวางถูกฆ่าได้ใน ‘เขตกันชน’

ในขณะที่กวางป่าได้รับการคุ้มครองภายในและรอบ ๆ สวนนารา จำนวนประมาณ 180 ตัวถูกฆ่าทุกปีในเขตควบคุม และนอกพื้นที่คุ้มครอง เพื่อป้องกันไม่ให้สร้างความเสียหายต่อพืชผลของเกษตรกร

ที่ผ่านมา เมืองนาราแบ่งพื้นที่ดูแลกวางออกเป็น 3 เขต ได้แก่ เขตคุ้มครอง เขตกันชน และเขตควบคุม ซึ่งระหว่างพื้นที่เขตคุ้มครองกับเขตควบคุม มีเขตกันชนซึ่งกวางไม่สามารถฆ่าได้ แต่จะถูกจับทั้งเป็น แล้วนำไปเลี้ยงไว้ในบริเวณที่มีรั้วกั้นภายในสวนนารา

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสมาชิกคณะกรรมการจะพิจารณาเงื่อนไขและมาตรฐานในการอนุญาตให้กวางถูกคัดแยกในเขตกันชน โดยเชื่อว่าจะได้รับความเข้าใจจากสาธารณชนเกี่ยวกับนโยบายใหม่นี้ หากได้รับการอธิบายอย่างละเอียด

เพราะขณะนี้กวางที่จับได้ประมาณ 270 ตัวกำลังได้รับการดูแลในพื้นที่รั้วโดยมูลนิธิอนุรักษ์กวางนารา โดยสัตวแพทย์ของมูลนิธิได้แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วว่า กวางหลายตัวในศูนย์แห่งนี้ผอมแห้งหรือตายลงเนื่องจากขาดอาหาร

เมื่อปลายปีที่แล้ว มาโกโตะ ยามาชิตะ ผู้ว่าราชการเมืองนารากล่าวว่า จังหวัดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการขยายพื้นที่ที่สามารถกำจัดกวางได้ เพื่อลดจำนวนกวางที่ถูกเลี้ยงไว้

ตำนานเล่าว่าเทพแห่งศาลเจ้าคะสุงะ ไทฉะ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนสาธารณะนารา มีกวางศักดิ์สิทธิ์เป็นพาหนะ กวางในพื้นที่เดิมของเมืองนารา จึงถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติและได้รับการคุ้มครองมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1957

‘ชลบุรี’ เข้าตา!! จ่อถูกเปิดตัวเมืองใหม่ใน ‘มิชลิน ไกด์ไทย 2568’ ขยายฐานความอร่อย เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งภาคตะวันออก

(3 เม.ย. 67) มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ประกาศขยายขอบเขตการจัดทำคู่มือฉบับประจำปี 2568 เข้าสู่ ‘ชลบุรี’ เมืองตากอากาศชายทะเลที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด ส่งผลให้ ‘ชลบุรี’ เป็นจุดหมายล่าสุดในการเข้าดำเนินการคัดสรรและจัดอันดับร้านอาหารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักชิมและนักท่องเที่ยวออกค้นหาประสบการณ์ด้านอาหารที่แปลกใหม่และแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ของประเทศไทย ทั้งนี้ คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย ฉบับประจำปี 2568 มีกำหนดเผยแพร่ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ด้าน เกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก เปิดเผยว่า “ชลบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพซึ่งมีทั้งชายหาดที่งดงาม วัดที่เงียบสงบ ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น กิจกรรมตามเทศกาลต่าง ๆ ไปจนถึงร้านอาหารและรถเข็นขายอาหารริมทาง และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งยังโดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องอาหารทะเลสดใหม่ อาหารท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงบรรยากาศการทานอาหารริมชายหาด องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ชลบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชีวิตชีวา ทีมผู้ตรวจสอบของ 'มิชลิน ไกด์' รู้สึกตื่นเต้นและแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะออกสำรวจและคัดสรรร้านอาหารในพื้นที่นี้”

ชลบุรีเป็นจังหวัดริมฝั่งทะเลซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงประมาณ 80 กิโลเมตร จึงเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมที่ใกล้ที่สุดสำหรับคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการหลบหนีความวุ่นวายจากงานที่เคร่งเครียด รวมทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาไกลจากหลากหลายพื้นที่ สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม นอกจากประเพณีท้องถิ่น อาหารประจำภูมิภาค และอาหารทะเลสดใหม่แล้ว ชลบุรียังเป็นสวรรค์ของคนรักชายหาดโดยมีจุดท่องเที่ยวสำคัญอย่างบางแสน พัทยา และเกาะล้าน

ด้าน ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทยว่า มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่อาหารไทยบนเวทีโลกและทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารชั้นนำระดับโลก จึงเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติของภาครัฐซึ่งมุ่งเน้น 5 ด้าน (5Fs) ได้แก่ อาหาร (Food), แฟชั่น (Fashion), ภาพยนตร์ (Film), มวยไทย (Fight) และเทศกาล (Festival) เพื่อยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในตลาดโลก

“ศาสตร์และศิลป์ด้านอาหารที่โดดเด่นและหลากหลายเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์หรืออิทธิพลทางวัฒนธรรมที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเยือนประเทศไทย การที่ ‘มิชลิน ไกด์’ ในฐานะคู่มืออ้างอิงด้านอาหารที่ทรงอิทธิพลต่อผู้คนทั่วโลก เผยแพร่ความหลากหลายและความน่าสนใจของอาหารและบรรยากาศแวดล้อมด้านอาหารในประเทศไทย ถือเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวไทยให้มีความหมายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าการขยายขอบเขตจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย ไปยังจังหวัดชลบุรี จะส่งผลดีหลายด้าน...ทั้งต่อตัวจังหวัดเองและต่อประเทศ อาทิ เพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับธุรกิจร้านอาหาร, ส่งเสริมวัตถุดิบในท้องถิ่น, สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน, กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาความเป็นเลิศทั้งด้านคุณภาพอาหารและการบริการ โดยชูแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Tourism เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม” คุณฐาปนีย์ สรุปปิดท้าย

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ได้ที่: guide.michelin.com/th/th หรือติดตามข่าวสารล่าสุดของ ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ ภูเก็ตและพังงา 2565’ ได้ทางเฟซบุ๊ค: facebook.com/MichelinGuideThailand และ facebook.com/MichelinGuideAsia

‘รมว.ปุ้ย’ ขีดเส้น!! 10 เม.ย.นี้ ปัญหาขอใบ ร.ง.4 ต้องจบ สั่ง ‘กรอ-สอจ.’ เช็กขั้นตอนรายละเอียดให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

(3 เม.ย. 67) แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการออกใบอนุญาต ประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) ที่ภาคเอกชนร้องเรียนว่า มีความล่าช้าอย่างมาก เป็นตัวถ่วงการลงทุนว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง อาทิ ปลัดกระทรวง รองปลัด ผู้ตรวจราชการ และอธิบดีทุกกรม ซึ่งบรรยากาศภายในที่ประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด

เนื่องจากการแก้ปัญหาการออกใบอนุญาตขณะนี้ เป็นการแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า เช่น โยนเรื่องที่ค้างจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กลับไปที่อุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดบางจังหวัดก็ระบุว่า ก่อนหน้านี้ยื่นเรื่องเข้าไปกว่า 6-7 เดือน แต่กลับโยนเรื่องกลับมาแล้วสั่งให้ตรวจสอบทุกอย่างให้ถูกต้องภายใน 15 วัน

นางสาวพิมพ์ภัทราจึงได้สั่งการให้ กรอ. และอุตสาหกรรมจังหวัด กลับไปทำข้อมูลให้ชัดเจนทั้งหมดว่า แต่ละรายยังติดปัญหาอะไร ติดที่ใคร อย่างไร และต่อไปจะแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นตออย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซาก และเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน

“เรื่องนี้รัฐมนตรีบอกในที่ประชุมว่า ตอนนี้ยังได้รับการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง จนภาคเอกชนนำเรื่องนี้เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหา เพราะนายกฯ เดินสายพบนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดึงเข้ามาลงทุนในไทย แต่จะไม่มีผลเลย ถ้ามาติดปัญหาเรื่องการขอใบอนุญาต ร.ง.4

จึงเป็นเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงและเรียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปพบ เพื่อขอรับทราบข้อเท็จจริง และขอให้ติดตามแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ไม่ให้เสียบรรยากาศของการลงทุน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้พูดกลางที่ประชุมตรง ๆ เลยว่า นักลงทุน มาพูดกับตนว่า ปัญหาการยื่นขอรับใบอนุญาต ร.ง.4 เวลานี้ คือ คุยแล้วไม่จบ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้มาก ๆ ต้องเร่งแก้ให้เร็วที่สุด”

อย่างไรก็ตาม อีกประเด็นที่คาดว่าทำให้การอนุมัติใบ ร.ง.4 ล่าช้า คือ เมื่อปลายปี 2565 ได้มีคำสั่งจากผู้บริหารระดับสูงในกรมรายหนึ่ง ออกคำสั่งแนวทางการดำเนินงานในการขอใบอนุญาต ให้กองที่รับผิดชอบดำเนินงานเสนอการขอใบอนุญาต ต้องเสนอเรื่องให้ผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่งเห็นชอบ ก่อนที่จะดำเนินการแจ้งให้ผู้ขอรับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต มองว่าเป็นกระบวนการซ้ำซ้อน เสียเวลา ต้องรอให้คนคนเดียวตรวจสอบ เหมือนสมัยก่อนที่มีคณะกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาอนุญาตโรงงานฯ ทำให้ล่าช้า ถูกร้องเรียนเชิงลบอย่างหนัก จนต้องยุบออกไป

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัญหาการออกใบอนุญาต ร.ง. 4 ล่าสุด ยังพบปัญหาช่องว่างระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) กรณีที่ สอจ.ต้องตรวจสอบคำขออนุญาตพร้อมข้อมูลที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ระบุไว้ เพื่อส่งให้ กรอ. พิจารณาอนุญาต แต่เจ้าหน้าที่ กรอ. อาจขอข้อมูลหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมจากผู้ยื่นคำขออนุญาตอีก ส่วนมากจะขึ้นกับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่

ตรงจุดนี้ยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน สร้างความสับสน และเป็นภาระแก่ผู้ประกอบการได้ ต่อไปต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ควรใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนได้ให้ทุกฝ่ายกลับไปเช็กขั้นตอนรายละเอียดทั้งหมด และอะไรที่ยังเป็นปัญหา เพื่อให้ขั้นตอนทุกอย่างเป็นแนวทางเดียวกัน ทำให้ขั้นตอนอนุมัติเร็วขึ้น โดยให้เสนอกลับมาในที่ประชุมวันที่ 10 เมษายนนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาถึงต้นตอ ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากอีก

“ตนได้ย้ำกับผู้บริหารกระทรวงตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาให้ทำการปรับลดขั้นตอนการอนุญาตให้รวดเร็ว เน้นการบริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว เพราะท่านนายกรัฐมนตรีได้ชักชวนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนแล้ว กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องรับไม้ต่อในเรื่องการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ได้สั่งการให้เร่งเคลียร์คำขออนุญาตที่ค้างอยู่ในระบบให้หมดภายใน 30 วัน และให้ผู้ตรวจราชการทุกท่าน ตรวจสอบคำขออนุญาตในทุกจังหวัดว่ายังหลงเหลืออยู่จำนวนเท่าใด ติดขัดในขั้นตอนไหน ให้รีบแก้ไขเพื่อให้สามารถออกใบอนุญาตโรงงานได้โดยเร็ว

เรื่องนี้ตนไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนและผู้ประกอบการทุกคน แต่ก่อนตนเคยมาขอใบอนุญาตที่ กรอ. เคยประสบปัญหาความล่าช้ามาก่อน เข้าใจความรู้สึกดี และต้องไม่ให้เกิดในยุคของตน”

‘ศิริกัญญา’ อัด!! รบ.เลือดเข้าตา ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ออกทะเลไปไกล พร้อมเรียกร้องให้เร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจ

(3 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

ต่อมาเวลา 12.20 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ตนจะพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจที่พบว่าเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้ารอได้ แต่ปัญหาระยะไกลไม่เห็นทางออก ผลงานของรัฐบาลที่มีการแถลงมาตั้งแต่ 3 เดือนแรก หลายเรื่องต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว หลายเรื่องทำไปตั้งแต่เดือนแรกที่จัดตั้งรัฐบาลได้ เช่น เรื่องการลดรายจ่าย

หลายเรื่องยังไม่มีผลเป็นรูปธรรม แต่หลายเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อยที่งงว่าสามารถนำมาเคลมได้ด้วยหรือ หรือผลงาน 6 เดือนแรกที่พบว่ามีการผลิตซ้ำกับผลงานเมื่อ 3 เดือนก่อน ที่เพิ่มมาก็มีบางเรื่อง เช่น การปราบหมูเถื่อน ยางพาราทะลุ 80 บาท ระยะเวลาจาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน

แต่ผลงานที่เพิ่มมามีน้อยมาก เช่น เรื่องการขยายโอกาสที่สามารถตัดทิ้งได้เลย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นนายกรัฐมนตรีแบบพาร์ทไทม์หรือไม่ อีกส่วนหนึ่งของเวลานำไปใช้เป็นเซลล์แมนของประเทศไทยหรือไม่ จึงทำให้ไม่มีใครมาบริหารราชการแผ่นดินแบบฟลูไทม์ ในรอบ 6 เดือน ทำให้มีผลงานน้อยมาก

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราเฝ้ารอคือการกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่กลับไม่เห็น เช่น เรื่องมาตรการลดรายจ่ายทั้งหมดที่กำลังทยอยหมดอายุ ซึ่งประชาชนก็เฝ้าถามว่าค่าไฟ 3.99 บาทก็เริ่มหมดอายุแล้วจะใส่มาทำไม เพราะทุกวันนี้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย และเดือนพฤษภาคมก็เป็นเดือนแรกที่เราต้องจ่ายคืนหนี้ กฟผ. การลดภาษีสรรพสามิตที่หมดอายุไปแล้วตั้งแต่ 31 ม.ค.ไปแล้ว หรือนี่จะเป็นการลดค่าครองชีพแบบชั่วคราว โดยยังไม่มีการแก้ปัญหาแบบระยะยาวตามมา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่ท่านมีมาตรการลดรายจ่ายเช่นนี้มีต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น เช่น เรื่องกองทุนน้ำมันที่ต้องทำหน้าที่เดอะแบกที่ขณะนี้ติดลบไปแล้ว

หากจะกู้เพิ่มก็เชื่อว่าไม่มีธนาคารไหนกล้าให้กู้แล้ว คำถามคือท่านจะมีวิธีการจัดการอย่างไรกับสถานะของกองทุนน้ำมัน จะมีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ขยายวงเงินกู้ยืมให้กับกองทุนน้ำมันหรือไม่ แล้วเราจะมีพื้นที่ทางการคลังเหลือเพียงพอหรือไม่ เพราะการที่เราให้กองทุนน้ำมันกู้ จะกลายเป็นหนี้สาธารณะ เมื่อท่านจำเป็นต้องกันพื้นที่นั้นไว้สำหรับทำดิจิทัลวอลเล็ต

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า หากท่านจะบอกว่ายอดกำลังซื้อก็ดีเลย เพราะเหมาะที่จะทำดิจิทัลวอลเล็ต แต่ดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่ 30 บาทที่จะรักษาทุกโรคได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วท่านควรทำตั้งแต่ 2 เดือนก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เพิ่งมาทำหรือมาทำในอีก 6 เดือนข้างหน้า

จึงขอถามว่าภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ในเมื่องบประมาณออกมาแล้ว เราจะได้เห็นมาตรการอะไรที่จะมาช่วยพยุงกำลังซื้อในระยะสั้นของประชาชนตัวเล็กตัวน้อย เพราะในขณะที่เรามีงบไปพรางก่อนท่านอาจบอกว่าเป็นเงินเดือนของข้าราชการหรือการลงทุนอะไรก็ตาม แต่หากเราไปดูในส่วนของงบกลางจะพบว่าท่านมีอำนาจที่จะใช้เพื่อแก้ไขเศรษฐกิจในระยะสั้นได้

“แต่ไม่ว่าประเทศไทยจะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจมากแค่ไหน อย่างน้อยเราก็โชคดีที่เราไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจอีกต่อไป เพราะรัฐบาลเลิกพูดแล้วว่าประเทศเราเริ่มเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ต้องบอกว่าที่เราผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลสามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ ไม่ได้เกิดจากการที่พระสยามเทวาธิราชมาปกป้องคุ้มครองเรา

แต่เกิดจากหน่วยงานหนึ่งที่ชื่อว่าคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ที่มาแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจให้กับเรา โดยการออกรายงานมาหนึ่งฉบับเพื่อเป่ากระหม่อมบอกว่าไม่มีวิกฤต

หลังจากนั้นรัฐบาลก็เลิกพูดว่าประเทศเรามีวิกฤตเศรษฐกิจทันที เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการที่เราประโคมข่าวว่าประเทศเรามีวิกฤตเป็นเพียงแค่จะได้ใช้กลไกพิเศษนั่นคือการกู้เงินเท่านั้นเอง” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า หากเราพูดเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ โดยไม่พูดถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ ซึ่งเป็นหัวใจของปัญหานี้ ล่าสุดที่มีความคืบหน้า แต่ครั้งนี้เป็นการแก้ไขรายละเอียดเรื่องที่มาของเงินเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ซึ่งรัฐบาลยิ่งแถลงก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ โดยครั้งนี้เราพบว่ามีการใช้แหล่งที่มาของเงินถึง 3 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นงบกลางของปี 67, การเบ่งงบปี 68 และกู้ ธกส.

อย่างไรก็ตาม เราต้องลุ้นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรอบที่ 6 หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขรายละเอียดอื่น ๆ อีก และเอาใจช่วยให้ทำระบบที่จะใช้กับโครงการนี้เสร็จภายในไตรมาส 4 ของปี 67 หรือไม่ แต่ไม่เป็นอะไรหากไม่เสร็จก็เลื่อนได้อีก

ทั้งนี้ ตนคิดว่ารัฐบาลจะเบ่งงบ 68 มาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเยอะกว่านี้ และคิดว่าจะมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมด้วย เพราะเท่าที่ดูก็ไม่น่าจะพอ ส่วนงบกลางปี 67 นั้น จริง ๆ รัฐบาลสามารถออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี หรืองบกลางปีขึ้นมาได้ โดยการกู้เพิ่มหรือกู้ชดเชยขาดดุลเต็มเพดานอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท

หากท่านงงว่าออกงบกลางปี 67 แล้วจะไปใช้ปี 68 ได้อย่างไร ก็จะมีทริคอยู่ว่าให้นำไปใส่ในกองทุนเนื่องจากไม่ต้องส่งคืนคลัง เอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถกู้ ธกส.มาใช้ก่อนได้ ซึ่งตนก็ยังรอคำตอบในเรื่องนี้ว่าตนจะเดาถูกหรือไม่

“ต้องบอกว่าเป็นความพยายามที่เรียกได้ว่าเลือดเข้าตาแล้ว จากเดิมที่พายเรือในอ่างก็ไปเริ่มที่ศูนย์ วันนี้เรากำลังออกทะเลไปไกลแล้ว เพราะมูลค่า 5 แสนล้านบาทที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็ต้องบอกว่ามาจากการกู้ กู้ และกู้อยู่ดี เพียงแค่จะเป็นการกู้ที่ทำให้ถูกกฎหมายได้ และที่ยังกังวลอยู่คือเรื่องของระบบแต่ยังมีเวลาที่ท่านจะไปสะสางปัญหาว่าจะโอนอย่างไร

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเละเทะ จากการที่ต้องเปลี่ยนแหล่งเงินไปมาประมาณ 5 ครั้ง ยังไม่รู้ว่าจะมีรอบที่ 6 หรือไม่ มีการเลื่อนการแจกอย่างน้อยมาแล้ว 4 ครั้ง มีการเปลี่ยนเทคโนโลยีแอพพลิเคชันที่ใช้ เปลี่ยนเรื่องจำนวนคนตลอดเวลา มันทำให้ชวนคิดว่าสรุปแล้วรัฐบาลนี้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาก่อนจริงใช่หรือไม่

เรื่องความรู้ความเข้าใจการคลัง ทำให้ดิฉันตกใจว่าทำไมถึงกล้าออกนโยบายเช่นนี้มาได้ และการที่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเยอะขนาดนี้ ยิ่งแสดงว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมใด ๆ มาตั้งแต่เริ่มต้น ถึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปวัน ๆ เช่นนี้ แล้วท่านก็ขยันแถลงมาก เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าอาทิตย์เดียว แถลงไปถึง 2 ครั้งโดยที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ประเทศได้รับความเสียหาย เพราะโมเมนตัมหรือพายุหมุนทางเศรษฐกิจที่ท่านอยากให้เกิดขึ้น จะไม่เกิด เนื่องจากต้องได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน จึงเป็นปัญหาที่ตนคิดว่าไม่ใช่เป็นเพราะนโยบายใดนโยบายหนึ่ง

จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจได้แล้ว ในฐานะที่ท่านบอกว่าจะอาสามาเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชน แต่ตอนนี้ทำได้ไม่กี่นโยบายก็นิ่งสนิท แล้วยังต้องให้ประชาชนรออีกจนถึงไตรมาส 4 โดยที่ยังไม่รู้ว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

‘พีระพันธุ์’ ยัน!! ไม่มีทุจริตเชิงนโยบาย ลั่น!! ถ้าเจอหลักฐาน แจ้ง ป.ป.ช. ได้เลย ยินดีให้ความร่วมมือ

(3 เม.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้ชี้แจงฝ่ายค้านในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ สรุปได้ว่า การทำงานของกระทรวงมุ่งสร้าง ‘พลังงานเป็นธรรม’ โดยปัจจุบันค่าไฟรอบใหม่คงไว้ได้ไม่เกิน 4.18 บาทต่อหน่วย ส่วนน้ำมันเป็นโจทย์ยาก แต่จากนี้เมื่อมีการให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการนำเข้าและส่งออก ซึ่งไม่มีใครเคยทำมาก่อน และจะเริ่มแล้วในวันที่ 15 เม.ย.67 ก็จะส่งผลต่อการสร้างราคาที่เป็นธรรมต่อน้ำมันในอนาคตแน่นอน 

เกี่ยวกับกรณีที่ฝ่ายค้านขุดปมทุจริตเกี่ยวกับการประมูลสัมปทานผลิตไฟฟ้าให้ภาคเอกชน จนส่งผลให้รัฐต้องซื้อไฟจากเอกชนรายใหญ่ในราคาแพง สร้างภาระต่อเนื่องให้คนไทย แถมยังมีการกีดกัน กฟผ.ออกจากการประมูล ซึ่งกลายเป็นข้อครหาว่า เป็น ‘การประเคน’ มากกว่า ‘การประมูล’ นั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนกำลังหาทางแก้ไขเรื่องนี้อยู่ เพราะรับไม่ได้กับผู้ที่ได้ประมูล โดยไม่ได้มาจากการกำหนดหลักเกณฑ์ แต่ใช้เพียงดุลพินิจเลือก 

“ทาง ก.พลังงาน ต้องการคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน และแน่นอนว่าเป็นอีกเรื่องที่ผมได้เข้ามาจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ฉะนั้นขอยืนยันว่า รัฐบาลและ ก.พลังงานในยุคของผม ไม่มีการทุจริตเชิงนโยบาย มีแต่หาทางลดภาระประชาชนให้มากที่สุด หากฝ่ายค้านมีหลักฐานยื่น ป.ป.ช. ได้เลย ผมยินดีให้ความร่วมมือด้วยอีกแรง” นายพีระพันธุ์ กล่าว

‘เว็บไซต์อาหารดัง’ เปิดอันดับ ‘เมนูยอดแย่’ ของโลก อึ้ง!! ‘แกงไตปลา’ ของไทย โผล่ที่ 1 จาก 100 เมนู

(3 เม.ย. 67) กลายเป็นกระแสในหมู่อาหารไทย เมื่อเว็บไซต์ TasteAtlas เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลอาหารจากทั่วโลก ครอบคลุมประเภทอาหาร ส่วนผสม และร้านอาหาร รวมถึงเครื่องดื่มกว่าหลายรายการ

โดยเว็บดังกล่าวได้เปิดเผยอาหารยอดแย่ที่สุดในโลกได้แก่ ‘แกงไตปลา’ ของประเทศไทย ซึ่งติดอันดับที่ 1 จาก 100 เมนูยอดแย่ของโลก

ทั้งนี้ TasteAtlas ได้บรรยายรสชาติของแกงไตปลาไว้ว่า เป็นแกงปลาเนื้อหนา กลิ่นหอม ซึ่งต้นกำเนิดมาจากภาคใต้ของประเทศไทย ประกอบด้วย เครื่องในปลาหมักแบบไตปลาและเครื่องแกงรสเผ็ดที่ประกอบด้วยพริก ข่า กะปิ ขมิ้น หอมแดง และตะไคร้

อาหารเครื่องเคียง ประกอบด้วยปลาแห้ง มะเขือยาวหั่นเต๋า หน่อไม้ ถั่วฝักยาว หรือผักอื่น ๆ เนื่องจากความเข้มข้นและกลิ่นหอมฉุน แกงไตปลาจึงรับประทานคู่กับข้าวสวยเป็นเครื่องเคียงได้ดีที่สุด แต่เดิมแกงไทยนี้ปรุงด้วยปลาเท่านั้น และแกงส่วนใหญ่ไม่ใช้กะทิ

สำหรับ 20 อันดับแรก ที่เว็บไซต์ TasteAtlas ทำการจัดอันดับ ได้แก่…

อันดับ 1 แกงไตปลา จากประเทศไทย
อันดับ 2 Hákarl (ฮาคาร์ล) จากไอซ์แลนด์
อันดับ 3 Fesikh (เฟสซิก) จากอียิปต์
อันดับ 4  Yerushalmi Kugel (เยรูชาลมี คูเกล) จากอิสราเอล
อันดับ 5  Luther Burger (ลูเธอร์ เบอร์เกอร์) จากสหรัฐอเมริกา
อันดับ 6  Pani ca meusa (ปานี กา มูซา) จากอิตาลี
อันดับ 7 Jellied Eels (เจลลี่ อีล-ปลาไหลเยลลี่) จากอังกฤษ
อันดับ 8 Calskrove (คาลสโกรฟ) จากสวีเดน
อันดับ 9 Peladillas (เพลลา ดิลลาส) จากสเปน
อันดับ 10 Smalahove (สมาลาโฮฟ) จากนอร์เวย์
อันดับ 11 Beyin salatasi (เบยิน ซาลาตาซี) จากเตอร์กิเย
อันดับ 12 Chapalele (ชาปาเลเล่) เกาะชิโลเอ จากชิลี
อันดับ 13 Sneem Black Pudding (สนีม พุดดิ้งดำ) จากไอร์แลนด์
อันดับ 14 Marmite and Chip Sandwich (แซนด์วิชมาร์ไมต์และชิป) จากนิวซีแลนด์
อันดับ 15 Fried spider (A-ping) (แมงมุมทอดอาปิง) จากกัมพูชา
อันดับ 16 Gazpacho de mango (คาสปาโช่ เดอ แมงโก้) จากสเปน
อันดับ 17 Bocadillo de carne de caballo (โบคาดิลโล่ เด การ์เน่ เด กาบัลโล) จากสเปน
อันดับ 18  Tinutuan (ตินูตวน) จากอินโดนีเซีย
อันดับ 19  Oil Down จากเกรเนดา
อันดับ 20  Lutefisk (ลูเตฟิสก์) จากนอร์เวย์

‘ป้าปูนา’ เดินหน้าฟ้อง ‘จั๊กกะบุ๋ม’ หลังเบี้ยวหนี้-ไร้ท่าทีสำนึก ย้ำ!! หากมาขอโทษก็สายไป พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมา

(3 เม.ย.67) นางรชต คำรอด อายุ 45 ปี หรือป้าปูนา เจ้าของธุรกิจปูนาฟ้าใส พระราม 2 เปิดใจถึงกรณีที่ถูกดาราตลกชื่อดัง จั๊กกะบุ๋ม เบี้ยวหนี้ ไม่ยอมจ่ายค่าปูนากว่า 300,000 บาท

โดย ป้าปูนา กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานและจบรายการโหนกระแสแล้ว อีกฝ่ายไม่มีท่าทีอยากจะขอโทษเราจากใจจริงเลย ไม่มีท่าทีที่สำนึกผิด เมื่อกลับมาที่บ้านก็ปรึกษากับครอบครัวและทนายความส่วนตัวที่เข้ามาช่วยเหลือ มีความเห็นตรงกันว่าจะฟ้องร้องแน่นอน ถึงแม้ว่าหากหลังจากนี้อีกฝ่ายจะมาขอโทษและขอโอกาส มองว่ามันสายเกินไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เราให้โอกาสคุณตลอด

“วินาทีที่เราพูดในรายการโหนกระแสว่าจะยกหนี้เกือบ 300,000 ให้นั้น เชื่อว่าคนที่ดูรายการอยู่ตอนนั้น คงรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะว่าอีกฝ่ายประดิดประดอยคำพูดตลอด พยายามพูดให้ตัวเขาไม่ผิด และสถานการณ์ในตรงนั้นกดดันมาก ๆ จึงพูดแบบนั้นออกไป

“คุณให้สัมภาษณ์ว่าจ่ายหนี้รายวัน วันละ 40,000 บาท ทำไมถึงไปให้ความสำคัญกับเจ้าหนี้ขนาดนั้น ถ้าเขาเรียงลำดับความสำคัญให้ดี 40,000 ที่จ่ายรายวันไป ก็สามารถลดทอนมาเจ้าละ 500 บาทก็ได้ ซึ่งทยอยนำเงินมาให้แม่บ้างก็ได้ เพราะว่าความเดือดร้อนของแต่ละคนต่างกัน อย่างของแม่ ตอนที่ไม่มีก็ไม่มีเงินซื้อขนม 1 ห่อให้ลูกที่บ้านเลย อย่าเอาภาระของคุณไปโยนให้กับเจ้าหนี้ เพราะเจ้าหนี้บางคนภูมิต้านทานไม่เท่ากัน กรณีแม่ยังมีครอบครัว แต่บางคนอาจจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือเป็นคนที่โดดเดี่ยว อาจจะรับความกดดันนี้ไม่ไหว อีกฝ่ายจะยังสำนึกผิดอยู่ไหม” นางรชต กล่าว

ป้าปูนา กล่าวว่า ไม่อยากฝากบอกอะไรถึงอีกฝ่ายแล้ว เพราะขั้นตอนต่อไปอยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว เรายืนยันว่าจะฟ้องร้องแน่นอน พร้อมพูดถึงอีกฝ่ายว่า ขอให้อีกฝ่ายใช้ชีวิตไม่ให้แย่ลงไปมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามา ทำให้เหมือนเสียชีวิตที่ก่อนหน้านี้หรือกำลังจะจมน้ำ ตอนนี้สามารถหายใจขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนสัญญาว่าหากกลับมายืนได้อย่างมั่นคงแล้ว จะส่งต่อสิ่งดี ๆ พวกนี้ให้กับคนที่ไม่ได้รับโอกาสนั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top