Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

'สุริยะ' เผย!! สาย 'มห.3019' เชื่อมสะพานไทย-ลาว แห่งที่ 2 รุดหน้ากว่า 82% เตรียมเปิดใช้ภายในปีนี้ ช่วยหนุน 'โลจิสติกส์ฮับ-เขตเศรษฐกิจพิเศษ'

(23 ก.พ.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ถึงการดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย มห.3019 แยก ทล.212 ถึงบ้านบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ความคืบหน้ากว่า 82% ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างผิวจราจรทางเชื่อม ทางแยก และสะพาน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรอย่างเป็นทางการในปี 2567 นี้ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดในตัวเมือง รองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคต เพิ่มศักยภาพการขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 สู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ กาฬสินธุ์ และนครพนม สนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (Special Economic Zone: SEZ) ส่งเสริมการเพิ่มขีดสมรรถนะทางเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบาย 'ส่งเสริมและยกระดับเปิดประตูการค้า การท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางทุกมิติ' และสอดรับกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการเป็นศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ กระจายความเจริญจากเมืองใหญ่สู่เมืองเล็ก อีกทั้งเป็นการเพิ่มโครงข่ายโลจิสติกส์การขนส่งออกสู่ สปป.ลาว 

โครงการดังกล่าวมีระยะทางรวม 14.211 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 804.159 ล้านบาท โดยพื้นที่โครงการตั้งอยู่บริเวณตำบลโพนทราย และตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มีจุดเริ่มต้นบริเวณ ทล.12 (กม. ที่ 781+000) และไปสิ้นสุดที่บริเวณ ทล.212 (กม. ที่ 414+262) ซึ่งใน 4 กิโลเมตรแรกจะดำเนินการขยายถนนทางหลวงชนบทจาก 2 ช่องจราจร เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร จากนั้นในส่วนที่เหลือจะดำเนินการก่อสร้างถนนใหม่ทั้งหมดจนไปถึงจุดสิ้นสุดโครงการเชื่อมกับสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 โดยก่อสร้างเป็นถนนผิวจราจรแบบคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 4 ช่องจราจร ไป - กลับ มีไหล่ทาง พร้อมสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 แห่ง มีการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง เครื่องหมายจราจร และสิ่งอำนวยความปลอดภัย เพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและมั่นใจให้แก่ประชาชนที่สัญจรบนเส้นทางดังกล่าว

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมสนับสนุนค่าเดินทางให้แก่ผู้พิการ ช่าง และอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 166 จังหวัดศรีสะเกษ

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567)  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ร่วมกับมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นำทีมลงพื้นที่ มอบผ้าห่มกันหนาว จำนวน 270 ผืน พร้อมค่าพาหนะให้แก่ผู้พิการ ช่าง และอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 166 รวม 270 คน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 159,570 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นเก้าพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน)  โดยมี นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ และคณะกรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ ร่วมในพิธี ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต

‘สาวไทย’ แชร์ประสบการณ์ หลังเจอ ‘ตม.เกาหลี’ ซักละเอียดยิบ ถามยัน!! ข้าว 3 มื้อจะกินอะไร พอตอบไม่เคลียร์ อดเข้าประเทศ

(23 ก.พ. 67) หญิงสาวรายหนึ่งใช้เฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม กลุ่มคนชอบตะลอนเที่ยวเกาหลี ที่มีสมาชิก 2.2 แสนคน แชร์ประสบการณ์ในการพบกับ ตม.เกาหลี โดยระบุว่า… 

ขออนุญาตแชร์คำถามที่เราเจอนะค้า (ทุกคนเราเข้าใจว่าอ่านเเล้วอาจจะจิตตก ขออภัยมาก ๆ เลย เเต่ขออนุญาตจริง ๆ ค่ะ เผื่อคนที่ซวยต้องเข้าห้องเย็น อาจจะช่วยให้เตรียมตัวตอบคำถามได้บ้าง อยากให้ทุกคนรอดผ่านออกมาได้เที่ยวอย่างมีความสุข)

เนื่องจากมีคนทักหลังไมค์​มาถามเยอะ​เกี่ยวกับคำถามที่ต้องเจอ​ เราเลยพยายามนึก​คำถามที่เราเจอ​ ทั้งหมด​ 3 ด่าน​ เผื่อเป็นเเนวทาง​คนที่ต้องเข้าห้องเย็น​นะค้าจะได้เตรียมตัวไว้

>> ด่านเเรก (ถาม-ตอบ​ Eng) ผู้ชาย

- คุณมากี่วัน
- คุณมากับใคร​ = บอกมากับเพื่อน​ ผ่านออกไปแล้ว​ รอเราอยู่​ ตม.​ ให้เขียนชื่อเพื่อนส่ง​ ตม.​ บอกไม่มีคนชื่อนี้ผ่านออกไป​ ยกพาสปอร์ต​ เรียกเข้าห้อง

>> ด่านสอง​ (ถาม-ตอบ​ Eng)​ ผู้ชาย

- มากี่วัน
- มากับใคร​ กี่คน
- พักโรงแรมอะไร​ เเถวไหน
- มีตั๋ว​ไป​กลับไหม

ตอบได้หมด​ พร้อมยื่นเอกสาร​และเชิญเราไปด่าน 3​ พร้อมเอกสาร​ ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว

>> ด่านสาม​ (มีล่ามไทย​ ขอพูด ​Eng ไม่ยินยอม)​ ผู้ชาย

- ทำไมถึงมาที่นี่
- มากับใคร​ กี่คน
- ตอนนี้เพื่อนอยู่ที่ไหน
- มาอยู่กี่วัน​
- เคยมาเกาหลีมาก่อนไหม
- โสดหรือเเต่งงาน
- เคยไปประเทศไหนมาบ้าง​ พร้อมยืนพาสปอร์ตเล่มเก่า
- พูดภาษาอังกฤษได้ไหม
- พักโรงเเรมอะไร​ เเถวไหน​ ยื่นเอกสารจองรร.
- ตั๋วไป-กลับ​ มาวันไหน​ กลับวันไหน​ สายการบินอะไร​ ​เวลากลับขึ้นเครื่องกี่โมง
- keta​ ลงเองไหม​ ลงวันใหน​ อนุมัติวันไหน
- ล่ามบอก​ ห้ามหยิบโทรศัพท์​ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะสั่ง
- ทำงานอะไร​ ตำแหน่งอะไร​ ทำมากี่ปี​ เงินเดือนเท่าไหร่​ พร้อมยื่นเอกสารการทำงาน
- ขอโทรศัพท์ไปดู​ เปิด Line, Facebook และ​ Google​ ว่าเราค้นหาอะไรบ้าง
- วันนี้คุณจะไปไหน​ = ตอบกังนัม
- ไปทำไม​กังนัม มีอะไร​ = ตอบ จะไปถ่ายรูปกับรูปปั้นมือไขว้​ พร้อมทำท่าให้ดู​ เเละไปห้างโคเอ็ก​และห้องสมุด
- จากสนามบิน​เดินทางไปโรงแรมยังไง​ ใช้เวลาเท่าไหร่​ ต่อรถไฟสายไหน​ ค่ารถกี่บาท​ รถประเภทอะไร​ เดินออกช่องทางไหน
- คุณจองตั๋วเครื่องบินมากี่บาท
- จองตั๋วเครื่องบินผ่านช่องทางไหน
- คุณจองโรงเเรมมากี่บาท​ ผ่านช่องทางไหน​ จ่ายเงินเเล้วใช่ไหม
- โรงแรม เช็กอินกี่โมง​ เช็กเอาท์กี่โมง
- จะไปทำไมห้องสมุด​ นั่นมันของคนเกาหลี​
- แล้วจะมากินอะไร​ (ตอบได้เพราะติ่งอาหารเกา)​

- ไปห้องสมุดแล้วไปไหนต่อ​ = เราบอกวัด​พงอึนซา นางถามย้ำวัดอะไรนะ​ ตอบชื่อวัดไม่ได้เหรอ​ ไม่รู้หรือว่าชื่ออะไร​ เราก็บอก​ พงอึนซา​ สะกดถูกไหม
- เดินทางจากโคเอ็กไปวัดยังไง​ เราบอกเดิน​ แล้วเดินกี่นาที​ ระยะเวลายังไง
- เอาเงินมากี่บาท​ บัตรเครดิตมีไหม​ ขอดู
- แล้วตอนเย็นจะไปกินอะไร​ เราบอกปิ้งย่าง​ เราแคปไว้ในโทรศัพท์เเล้ว​ นางถามต่อไปยังไง​ เลยบอกฉันแคปแผนที่ไว้ในมือถือแล้ว​ แค่ดูว่าร้านอยู่แถวไหนฉันก็นั่งรถไฟไปลงและเปิด​ Map
- นางถามต่อ​ ร้านอยู่ที่ไหน​ ทำไมถึงเลือกไปร้านนี้
- คุณไม่เช็กอินเหรอ​ เราบอก​โรงแรม​ มีที่ฝากกระเป๋า​ เช็กกี่โมงก็ได้​ แต่เปิดให้เช็ก​ 15.00 น.
- กินมื้อเย็นเสร็จและไปไหนต่อ​ เราตอบไปโซลทาวเวอร์​ นางถาม​ ไปยังไง
- แล้วจะนอนกี่โมง​ พรุ่งนี้จะตื่นกี่โมง ​และไปไหนต่อ​ บอกแพลนคุณมา
- วันที่ 2​ จะไปไหน​อธิบายมา
- ไหนเปิดในมือถือคุณให้ดูว่าแคปอะไรเกี่ยวกับการมาเที่ยวเกาหลีบ้าง​

คำถามด้านบน เราตอบได้หมดจริง ๆ ค่ะ คือเป็นคนทำแพลน + ชอบอ่านการเดินทางไปที่ต่าง ๆ + กับจองจ่ายเองหมด ยอดเงินก็ตอบได้ประมาณค่าโรงแรม 9000 กว่า ๆ เกือบหมื่น อาจไม่ได้เป๊ะแบบตัวเลขแม่น ๆ ค่ะ แต่คำตอบไม่น่าเกลียดแน่นอนค่ะ

(คิดว่ามีคำถามอีกอะ​ เขาถามเยอะมาก​ เเต่นี่คือเท่าที่คิดออก​ว่าเขาถามอะไรมา​ เพราะคุยนานมาก)

>> คำถามที่ปิดจบบทสนทนา

- มาอยู่ 3 วันใช่ไหม คุณคิดไว้ไหมว่า​ ‘มื้อเช้า-กลางวัน-เย็น’​ จะไปกินร้านอาหารร้านไหน

เราบอกเจอร้านไหนน่ากินก็แวะเลย​ ไม่เคยมาลอง กินได้ทุกร้าน​ และจะกินสตรีทฟู้ดด้วย​ ไก่ทอดร้าน​ BHC เบเกอรี่​ Onion

นางพูดว่า​ ฉันถามว่า​ คุณจะกินร้านอาหารอะไร​ ใน 3 วัน​ 3 มื้อ​ ตอบไม่ได้ใช่ไหม​ (นางย้ำ)​

เราบอก​ เราตอบไปเเล้ว​ ว่าเจออะไรก็กิน​ ต้องการลองทุกอย่าง​ โอเค​ สรุปว่าคุณยังไม่พร้อมเข้าประเทศเรา​ ไม่มีความพร้อมมากพอ​ ปฎิเสธการเข้าประเทศ​ พร้อมยื่นเอกสาร​ ใบยินยอม

เราไม่ยอม​ ขอร้องว่า​ มาเที่ยวจริง ๆ​ เอกสารมีครบฉันไม่ได้มาทำงาน​ ฉันดูเหมือนคนมาทำงานเหรอ

นางบอกคุณตอบคำถามไม่ได้​ (คำถามร้านอาหาร​ 3 มื้อ​ 3 วัน)

เราเลยย้อนถาม​ คุณตอบได้เหรอ​ บอกไปแล้วกินอะไรก็กินได้​ ไม่ได้ฟิกขนาดนั้นว่าต้องกินร้านไหนเวลาไหน​ นางบอกถ้านางมาไทย​ นางจะตอบได้หมดว่ากินร้านไหนที่ไหนยังไงในทุกมื้อ

(ไม่ได้ใส่ร้าย ตม. นะคะ อันนี้เจอเองจริง ๆ ไม่โอเวอร์เเน่นอน ยังจำได้ดีเพราะเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน เลยอยากให้คนที่ชื่นชอบเกาหลี เตรียมตอบไว้ ในกรณีต้องเข้าห้องเย็นจริง ๆ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าจะเจอคำถามขนาดนี้ ถ้าตอบได้หมดจน ตม.เหนื่อยจะถาม อาจปล่อยออกมาก็ได้ค่ะ)

‘ยูนิโคล่-UNHCR’ เปิดตัวโครงการ ‘Hope Away from Home’ เสื้อยืดพิมพ์ลายการกุศล ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้ลี้ภัย

(23 ก.พ.67) สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กล่าวว่า เสื้อยืดตามโครงการ ‘Hope Away from Home’ วางจำหน่ายที่ร้านยูนิโคล่ 12 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งทางยูนิโคล่นอกจากจะบริจาคเงินจำนวน 1 แสนดอลลาร์  (หรือประมาณ 3.54 ล้านบาท) ให้แก่ UNHCR แล้ว ยังบริจาคเงินอีก 3 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 106 บาท) จากทุกการจำหน่ายเสื้อยืดจากคอลเลกชันนี้ให้กับ UNHCR อีกด้วย เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป

ซึ่งผลงานการออกแบบคัดสรรมาจากมากกว่า 4,000 ภาพ จากการประกวดภาพวาดศิลปะโดยเยาวชน และผู้ลี้ภัย เยาวชนผู้ออกแบบแสดงออกถึงใบหน้าแห่งความหวังเมื่อต้องถูกบังคับให้เผชิญกับการพลัดถิ่น โดยเสื้อยืดคอลเลกชันนี้พร้อมวางจำหน่ายที่ร้านยูนิโคล่พร้อมกันทั่วโลก ได้แก่ แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, อังกฤษ, อเมริกา และประเทศไทย

“เสื้อแต่ละตัวบอกเล่าเรื่องราวแห่งความหวังอันทรงพลังอย่างสร้างสรรค์ การเลือกสวมเสื้อยืดคอลเลกชันนี้ คุณถือเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนงานของ UNHCR ที่กำลังดำเนินการในพื้นที่ทั่วโลกกว่า 135 ประเทศ และหน่วยงานปฏิบัติการ 550 แห่งทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะสงคราม ความขัดแย้ง และการประหัตประหาร การสนับสนุนของคุณมีความสำคัญ!” เคลลี่ เคลเมนตส์ รองข้าหลวงใหญ่ UNHCR กล่าว

5 ศิลปินผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบเสื้อยืดคอลเลกชันนี้ ได้แก่

- Asifiwe, อายุ 14 ปี ย้ายจากค่ายลี้ภัยในบุรุนดีมาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐ
- Virag อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมจากประเทศฮังการี
- Mawardi อายุ 20 ปี ผู้ลี้ภัยชาวเอธิโอเปียที่ลี้ภัยไปยังโซมาเลีย
- Afya, อายุ 14 ปี เยาวชนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ
- Georgette อายุ 14 ปี ผู้ลี้ภัยจากสาธารณรัฐคองโก ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในแทนซาเนีย

ทั้งนี้ UNHCR และ ยูนิโคล่ มีความร่วมมือกันตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ผ่านการให้ความช่วยเหลือมอบเสื้อผ้าสำหรับผู้ลี้ภัย โครงการพึ่งพาตนเอง การจ้างงานผู้ลี้ภัย และการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ คอลเลกชันเสื้อยืดนี้ใช้ชื่อตามแคมเปญ Hope Away from Home ของ UNHCR เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน และความร่วมมือด้านมนุษยธรรมเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ลี้ภัยทั่วโลก

เสื้อยืดคอลเลกชันพิเศษนี้จะวางจำหน่ายในร้านสาขายูนิโคล่ประเทศไทย ที่ยูนิโคล่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ให้บริการ UTme!  ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป 

ทัพเรือ แจง 'ขุดดินแลกน้ำ'คลองบางไผ่ โปร่งใสตรวจสอบได้ ประชาชนได้ประโยชน์มีน้ำใช้ ไม่เสียงบประมาณจัดจ้างแล้วมีเงินเหลือส่งเข้าคลัง

เมื่อ 23 ก.พ.67 พล.ร.ท.ชยุต นาเวศภูติกร ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ถึงโครงการ “ขุดดินแลกน้ำ” ว่า เป็นโครงการที่นำเอาวัสดุมูลดินที่ได้จากการขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติหรือแหล่งอื่นๆ ที่เหมาะสม มาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ และเปลี่ยนเป็นมูลค่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ดีเพราะจะช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง หรืออุทกภัยในทุกพื้นที่และช่วยในการรักษาระบบนิเวศให้กับพื้นที่แหล่งน้ำ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการทั้งหมด ทางผู้รับเหมาจะใช้เงินจากจากการนำเอามูลดินที่ขุดได้ส่วนหนึ่งมาเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนรายได้จากการจำหน่ายดินที่เหลือจะถูกส่งคืนให้กับกองคลัง  ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกับทางภาครัฐ ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ และยังได้เงินจากทางโครงการเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป

สำหรับโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นหนึ่งในโครงการ “ขุดดินแลกน้ำ” โดยดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ตามนโยบายของ ผบ.ทร. ที่ต้องจัดทำทุกโครงการให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ ดังนั้นถือเป็นสิ่งดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ใส่ใจในการปฏิบัติงานของโครงการ ส่วนข้อสงสัยที่เกี่ยวกับความโปร่งใสบางประการที่ต้องการคำตอบ หน้าที่ของตนคือการชี้แจงตามข้อเท็จจริง ซึ่งตนพร้อมที่จะเป็นตัวแทนกองทัพเรือพาทุกท่านที่สงสัย หรือเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลในโครงการนี้ ลงพื้นด้วยตัวเอง  และพร้อมตอบทุกข้อซักถาม 

พล.ร.ท.ชยุต กล่าวว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาตรการกักเก็บน้ำดิบ ด้วยการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพปริมาตรรองรับน้ำจากเดิม 9.89 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 21.89 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะทำให้หน่วยราชการและประชาชนในพื้นที่จ.ชลบุรีและจ.ระยอง มีน้ำใช้เพื่อการอุปโภคและบริโภค ตลอดช่วงฤดูแล้งอย่างเพียงพอ รวมถึงรองรับเมืองการบินภาคตะวันออกและการพัฒนาประเทศตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมทั้งเป็นแหล่งรองรับน้ำหลากช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝนด้วย ซึ่งระหว่างที่เรากำลังดำเนินไป เราเริ่มเห็นผลของโครงการแล้ว เพราะล่าสุดที่เราได้ทำการตรวจสอบ ปรากฏว่ามีปริมาณน้ำเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พล.ร.ท.ชยุต กล่าวอีกว่า ประเด็นหลักๆ ที่หลายท่านสงสัยเรื่องการนำกรวด หิน ดิน ทราย ที่ได้จากการขุดลอกไปเป็นค่าจ้างในการขุดนั้น เป็นไปตามสัญญาที่ฐานทัพเรือสัตหีบได้ลงนามกับบริษัทที่รับเหมาโครงการ ได้มีการประเมินราคามูลดินโดยคณะกรรมการกำหนดราคามูลดินขุดลอกงานจ้างขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ระยะที่หนึ่ง  รวมเป็นยอด 82,338,312 บาท มีเงินส่วนต่างที่เหลือจากการทำโครงการจะอยู่ที่ 16,758,312 บาท ซึ่งฐานทัพเรือสัตหีบจะส่งเข้าคลังเพื่อเป็นรายได้แผ่นดินในนามกรมธนารักษ์ต่อไป 

“ส่วนเรื่องที่มีการตั้งข้อสงสัยเช่น กรณีใบอนุญาตให้มีการใช้เครื่องจักรกลหนักในการประกอบการขุด ขนย้ายทราย เราได้ตรวจสอบก่อนที่จะทำสัญญาแล้วทุกอย่าง มีเอกสารชัดเจน และเรื่องแรงงานที่ใช้ภายในโครงการ คนงานส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ อันนี้เป็นความประสงค์จากทางกองทัพเรือเองที่อยากจะช่วยสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน สำหรับกรวด หิน ดิน และทราย ที่ได้จากการขุดลอกส่วนหนึ่งทางกองทัพเรือพร้อมที่จะมอบเป็นสาธารณะประโยชน์ ให้กับวัด โรงเรียน โรงพยาบาล ในพื้นที่ที่แจ้งความประสงค์มา โดยเราได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำหมู่บ้านในพื้นที่ไปบ้างแล้ว”

พล.ร.ท.ชยุต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางโครงการยังเดินหน้าทำงานต่อเพื่อให้เสร็จตามกำหนด เพราะผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดในโครงการนี้ก็คือประชาชนในพื้นที่  และนี่คืออีกหนึ่งผลงานที่ทางกองทัพเรือสัตหีบ ขอน้อมปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10  คือต้องให้ประชาชนดำรงชีวิตอย่างร่มรื่นเป็นปรกติสุข ปราศจากภยันตรายและความเดือดร้อนยากเข็ญ และต้องปฏิบัติหน้าที่การงานด้วยความสุจริตบริสุทธิ์ใจ เต็มกำลังสติปัญญาความสามารถ เพื่อให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดคือความวัฒนาผาสุขของประชาชน

‘ชาตรามือ’ เปิดตัวสาขาแรกในอเมริกา ลูกค้าแห่ต่อคิวซื้อยาวเหยียด พร้อมเผย “คิดถึงเมืองไทย” ขึ้นแท่นซอฟต์พาวเวอร์ไทยในต่างแดน

‘ชาไทย’ ไม่ธรรมดา!! ล่าสุด ‘ชาตรามือ’ เปิดตัวสาขาแรกในสหรัฐอเมริกา ได้รับการต้อนรับอย่างดี นับเป็นอีกเรื่องราวที่น่าภูมิใจของซอฟต์พาวเวอร์ไทยในต่างแดน ลูกค้าต่อคิวยาว แต่เอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า “คิดถึงเมืองไทย!!”

เมื่อไม่นานนี้ เพจ ‘ร้านเด็ด อเมริกา - Landed America’ เพจขวัญใจชาวไทยในอเมริกา ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 4.6 แสนคน เผยภาพบรรยากาศร้านเครื่องดื่มที่คนไทยคุ้นเคย นั่นคือ ‘ร้านชาตรามือ’ ที่ตัดสินใจเลือกทำเลในแอลเอ เพื่อเปิดร้านเป็นสาขาแรกในสหรัฐอเมริกา บรรยากาศภายในร้านมีทั้งชาวไทยในสหรัฐฯ และชาวต่างชาติต่อคิวจนยาวจนพ้นหน้าร้าน บรรยากาศคึกคัก มีชาวต่างชาติ ต่อคิวยาวตลอดทั้งวัน

เพจร้านเด็ด อเมริกา เผยว่า ชาตรามือ สาขาลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ได้รับการตอบรับอย่างดี โดย ‘ชาไทย’ คือเมนูที่ขายดีที่สุด รองลงมาคือ ‘ชาเขียว, ชามะนาว’ ส่วนราคาจำหน่ายที่นี่ ราคาแก้ว 5.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 200 บาท

นอกจากนี้ ยังมี ‘ชากุหลาบ’ ที่เป็นกระแสในเมืองไทย ในเรื่องการช่วยขับถ่าย ซึ่งก็เป็นที่สนใจเช่นเดียวกัน อีกทั้งสามารถเลือกระดับความหวานได้หลายระดับ ตั้งแต่ 0%, 30%, 70%, 100% และ 130% ทำให้ชาวต่างชาติต่างพึงพอใจเป็นอย่างมาก ลูกค้าหลายคนบอกว่าเคยเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมาแล้ว และเคยได้ลองชิมก็ติดใจ จึงเดินทางมาซื้อชาไทยที่ร้านนี้ด้วย

คนไทยในสหรัฐฯ ที่คิดถึงเมืองไทยหรืออยากแนะนำเพื่อนต่างชาติ ให้ลองชิมชาไทยเครื่องดื่มสุดฮิตของประเทศ แวะไปกันได้ ที่ 1100 N Main St, Los Angeles, CA 90012

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ประชุมตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี

วันนี้ (23 ก.พ.67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตามสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 , พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี , นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดกาญจนบุรี เข้าประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี โดยในที่ประชุมได้มีการหารือร่วมกันในการบูรณาการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะที่เป็นปัญหาในจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ การลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน , ปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 และปัญหาหนี้นอกระบบ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยหลายปัญหาสำคัญในจังหวัดกาญจนบุรี วันนี้จึงมาติดตามการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อนำไปสู่การยกระดับการแก้ปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม ให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่โปร่งใส และเป็นต้นแบบในการขจัดปัญหาต่างๆ โดยจะนำข้อสรุปไปรายงานกับนายกรัฐมนตรีด้วย สำหรับปัญหาการลักลอบขนยางพาราข้ามแดน มอบให้ศุลกากรเป็นเจ้าภาพ ต้องตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะปล่อยหรือไม่ปล่อยรถบรรทุกยางพาราออกมา ส่วนเรื่องยางเถื่อน ทุกหน่วยงานต้องเข้มงวดกวดขันปรามปรามจับกุมอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบกับเกษตรกร หากพบเจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์ ก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด 

ส่วนเรื่องปัญหาไฟป่า และฝุ่น pm2.5 แนะนำว่าอาจจะยึดโมเดลการแก้ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพมหานครมาประยุกต์ใช้กับพื้นที่ ให้เพิ่มความเข้มในมาตรการต่างๆ เช่น การเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายตรวจควันดำยานพาหนะ เป็นต้น ส่วนเรื่องไฟป่าเข้าใจว่าการดับไฟหรือควบคุมจุดความร้อนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือและช่วยกัน พร้อมขอให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีกำหนดมาตรการต่อเนื่องให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม 

สำหรับปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งกาญจนบุรีเป็นอันดับที่ 13 ของประเทศที่มีลูกหนี้มาลงทะเบียนมากสุด ฝากให้เจ้าหน้าที่แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การทวงหนี้หรือทำร้ายลูกหนี้ การขูดรีดจากการคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ต้องไม่ไปเกี่ยวข้องหรือไปรับผลประโยชน์ ควบคู่กับฝ่ายปกครองทำข้อมูลการไกล่เกลี่ย 

ด้านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.67) ตนได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี และรับภารกิจมา ในวันนี้ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันอย่างเต็มกำลังมากขึ้น พร้อมกำหนดแนวทางการปฏิบัติ เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นที่ด่านทองผาภูมิ ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นของผิดกฎหมายทุกประเภท ส่วนพื้นที่ตอนในเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบ มีการรายงานและติดตามสถานการณ์ผ่านกลุ่มไลน์ที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะ โดยจะมีนายกรัฐมนตรีอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ให้รายงานทุกประเด็นทั้งของเถื่อน อบายมุขในพื้นที่ ไฟป่าPM2.5 และหนี้นอกระบบ

หลังการประชุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ณ ด่านสามแยกทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี เพื่อรับฟังปัญหา พร้อมกำชับข้อปฏิบัติและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย

‘ชาดา’ ในลุคสุดคูล!! แต่งชุดวินเทจ ไฮแฟชั่น เดินเล่นสบายๆ ที่ตลาด 4 แยก FLEA Market

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาดา ไทย​เศรษฐ์​ รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเพจ ‘Chada Thaised’ ระบุว่า…

“เดินเล่นตลาด สี่แยก FLEA Market แยกรัชดา–ลาดพร้าว ของสวยๆ เต็มเลยครับ ลองมาแวะดูกันได้”

โดยนายชาดา แต่งตัวในลุควินเทจ สุดเรียบ หรู สบายๆ แต่ความแฟชั่นนั้นจัดเต็ม จนมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ

- “ชอบการแต่งตัวของท่านค่ะ”
- “แต่งตัวเทสดีนะ นี่สไตล์ อ.ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ใดๆๆ คือ ช่างภาพหามุมเก่งมาก ถ่ายมาดูดี”
- “กำลังฮิตเลย สไตล์gentlemen”
- “แว้บแรกนึกว่า Vogue ลงงานอะไร”
- “สายแฟชั่นซะด้วยรองเท้าคนละคู่ เท็ตสึกะ โอซามุ สไตล์งี้”
- “ความเดินตลาดวินเทจแบบคนมีเทส”

รอง ผบ.ตร. คงคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ 8 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทนในตำแหน่งต่าง ๆ รวม 11 ราย

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรณีคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ที่มีข้าราชการตำรวจ 8 นายตกเป็นผู้ต้องหา และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามคำร้องขอของอัยการ ขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ที่เข้าไปให้คำแนะนำสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวนั้น ล่าสุด วันนี้ (23 ก.พ.67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 106/2567

เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งที่ 543/2566 ลงวันที่ 27 กันยายน 2566 ให้ข้าราชการตำรวจ จำนวน 8 ราย ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยเหตุกรณีที่มีข้าราชการตำรวจถูกดำเนินคดีในการกระทำความผิดอาญา หากปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจเกิดความเสียหายต่อทางราชการนั้น 

เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานกรณีที่ข้าราชการตำรวจดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในการกระทำความผิดอาญา มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมกับเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาการสอบสวนคดีนี้ และขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ทำให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ราชการและการอำนวยความยุติธรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยหากให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหาย ประกอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งที่ 93/2567 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่ข้าราชการตำรวจดังกล่าวมีกรณีกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

รวมทั้งเพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 และมาตรา 105 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566 จึงให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทนในตำแหน่งต่าง ๆ รวมจำนวน 11 ราย ทั้งนี้ ให้ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควบคุมดูแลการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจที่ช่วยราชการ พร้อมทั้งกำชับการปฏิบัติหน้าที่ให้เหมาะสมต่อไป

'พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ' ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยม อัศวินสีส้ม🧡 บก.จร.

วานนี้ (23 ก.พ.67) เวลา 13.15 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมมอบของบำรุงขวัญ แก่ข้าราชการตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) โดยมี, พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผบก.จร. พร้อม รอง ผบก.จร. ,ผกก., รอง ผกก., สว. ข้าราชการตำรวจในสังกัด และที่ปรึกษา บก.จร. ร่วมให้การต้อนรับ

ผบ.ตร.ได้ตรวจแถว รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ของ บก.จร. สักการะพระพุทธรูป ปรางห้ามสมุทร ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ บก.จร. ก่อนเข้าอาคาร ทำการมอบหมวกนิรภัย ในโครงการ “บก.จร. ปลอดภัยสวมหมวกนิรภัย 100% ”ให้ กับข้าราชการตำรวจและลูกจ้างที่ปฎิบัติหน้าที่ภายในอาคาร บก.จร. จากนั้นได้เข้าตรวจเยี่ยม ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร บก.02 รับชมวิดีทัศน์แนะนำหน่วย มอบนโยบายและมอบของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจ จากนั้น ผบก.จร.ได้มอบหมวกนิรภัยตำรวจจราจร ให้กับ ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นของที่ระลึก ได้เยี่ยมชม ตำรวจจราจรในโครงการพระราชดำริ อุปกรณ์ที่ใช้ปฏิบัติงานในการช่วยเหลือประชาชนบนท้องถนนที่มีการจราจรหนาแน่น

ผบ.ตร. กล่าวว่า การช่วยเหลือประชาชน นำผู้ป่วยหรืออวัยวะสำคัญ ให้ ทันท่วงที ต้องใช้รถจักรยานยนต์ เพื่อนำรถพยาบาลหรือการเข้าไปแก้ปัญหาบนท้องถนนที่มีการจราจรติดขัดแต่สีของรถจักรยานยนต์ก็เป็นสีขาวทั่วไปทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบ จึงแนะนำให้ติดสติกเกอร์แบบสะท้อนแสงสีเขียวมะนาวซึ่งการวิจัยจากต่างประเทศแล้วว่าประชาชนจะมองเห็นในระยะ 500 เมตร เมื่อประชาชนมองเห็นรถจักรยานยนต์ในสีเขียวมะนาวผ่านมาจะทำให้รู้ว่าเป็นรถฉุกเฉินจะต้องเปิดทางให้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top