Sunday, 29 June 2025
NewsFeed

‘ขกท.ทบ.’ ร่วม ‘ตร.ปส.’ บุกรวบแก๊งลอบขนยาจากชายแดน พร้อมยึดยาบ้า 1.1 ล้านเม็ด เร่งขยายผลสืบหาเครือข่ายใหญ่

(17 ธ.ค. 66) หน่วยข่าวกรองทางทหาร กองบัญชาการกองทัพบก (ขกท.ทบ.) บูรณาการร่วมกับ กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส. (นปส.เชียงราย) หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า นายจะแจ จะสึ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 314 หมู่ที่ 12 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ (อาศัยอยู่ที่บ้านในพื้นที่ตำบลห้วยชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย)  มีพฤติการณ์ ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนด้าน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เข้ามาเก็บพักไว้พื้นที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีการทำกันเป็นขบวนการ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงดำเนินการสืบสวนเพื่อจับกุมบุคคลในเครือข่าย

โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.30 น. นายจะแจ ได้ขับรถยนต์ ทะเบียน ยต 1928 เชียงใหม่ ออกจากบ้านพัก ในพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ลักษณะการขับ ช้าบ้าง เร็วบ้าง และขับวนไป-มาในหมู่บ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. นายจะแจ ได้ขับรถยนต์ จอดบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเข้าพิสูจน์ทราบ แต่นายจะแจ ไหวตัวทัน และได้ขับหลบหนี ไปทางบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาวฯ เจ้าหน้าที่พยายามติดตามแต่ไม่พบตัว กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 16 ธ.ค. 66 จึงได้ประสานผู้นำ ท้องถิ่น และเจ้าของ/ผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว เพื่อขอเข้าทำการตรวจค้น

จากการตรวจค้นพบของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4 กระสอบ จำนวนประมาณ 1,118,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าทราบข่าว จึงได้ทำการตรวจยึด และลงบันทึก จากนั้นได้นำของกลางยาเสพติดดังกล่าว ส่ง พงส.บก.ปส.3 บช.ปส. เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย และตืดตามตัวนายจะแจ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘ศอ.บต.’ นำทัพผู้ประกอบการชายแดนใต้ บินแสดงสินค้าถึงซาอุฯ เล็งขยายตลาดฮาลาลสู่ประเทศมุสลิม คาด ดึงเงินนักลงทุน 180 ลบ.

(17 ธ.ค. 66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังที่ได้มอบแนวนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการส่งเสริมอาชีพ ล่าสุด ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ก็ได้เริ่มเดินหน้าสนับสนุนการสร้างอาชีพแล้ว โดยร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) นำผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมงานแสดงสินค้า ‘Thailand Mega Fair 2023’ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 13 -16 ธันวาคม 2566

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนกว่า 200 แบรนด์ ได้นำผลิตภัณฑ์ และสินค้าที่ผลิตในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความโดดเด่น และมีความต้องการสูงของกลุ่มประเทศมุสลิม มาจัดแสดง เช่น นมถั่วเหลือง 7 รสชาติ นมข้าวโพด นมแพะ นมโค 3 รสชาติ ผ้าคลุมผมสตรี รองเท้าแตะ สำหรับใช้ในการเดินไปประกอบศาสนกิจ น้ำหอมไม้กฤษณา และ น้ำผึ้งชันโรง โดยสินค้าที่นำไปจัดแสดง ได้รับผลตอบรับจากชาวซาอุดีอาระเบีย เป็นอย่างมาก ซึ่งมีผู้ประกอบการสามารถ Bussiness Macthing กับผู้ประกอบการในซาอุดีอาระเบียและกาตาร์ ได้จำนวน 2 บริษัท รวม 4 ผลิตภัณฑ์

โดยคาดการณ์ว่า จะสามารถสร้างมูลค่าจากการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้กว่า 100 ล้านบาท ในระยะ 1 ปีข้างหน้า จึงถือว่า การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า สามารถช่วยผู้ประกอบการให้มีโอกาสทางการค้าเพิ่มขึ้น และเกิดการขยายตลาดการส่งออกสินค้าฮาลาลในประเทศโลกมุสลิมมากยิ่งขึ้น

“การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ไปแสดงสินค้าในต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออก และเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งมีการคาดว่า การแสดงสินค้าในครั้งนี้ จะเกิดมูลค่าการค้า ประมาณ 25 ล้านบาท และจะเกิดการลงทุนเพิ่มเติม 180 ล้านบาท โดยก็จะทำให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่เพิ่มเติม ทั้งทางตรง และทางอ้อมกว่า 400 คน จึงถือว่า เป็นส่งเสริมอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้อย่างชัดเจน และในอนาคต ก็จะผลักดันการขยายตลาดการส่งออกไปสู่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศโลกมุสลิมโดยตรง รวมถึงจะจัดตั้ง ‘Fatoni Halal One Stop Service’ จากเครือข่ายที่อยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบียด้วย เพื่อทำให้เกิดการส่งเสริมอาชีพและจ้างงานในพื้นที่มากขึ้น” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ขณะที่ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่ได้ร่วมงานในครั้งนี้ ได้ขอบคุณรัฐบาล และ ศอ.บต. ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการชายแดนใต้ มีโอกาสขยายการส่งออกไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศโลกมุสลิมเพิ่มขึ้น เพราะการนำผู้ประกอบการไปแสดงสินค้า ก็เพื่อให้ธุรกิจในพื้นที่เติบโต ขยายตลาดส่งออก เพิ่มการจัดจำหน่าย โดยเท่ากับว่า จะสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ได้มากขึ้น พร้อมลดจำนวนผู้ว่างงานของคนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นงาน ศอ.บต. ก็มีแผนงานนำผู้ประกอบการ ทั้ง 4 กลุ่ม กลับมาเป็นต้นแบบถอดบทเรียนและถ่ายทอดให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่อยากเข้าร่วมกิจกรรมด้วย โดยใช้วิธีต่อยอด เสริมความเข้มแข็ง เพื่อให้เป็นพี่เลี้ยง ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้แก่ครัวเรือนยากจนในพื้นที่ชายแดนใต้ต่อไป

‘อดิศร’ เหน็บ ‘พิธา’ เติมเชื้อไฟ ค้าน-สงสัยไปทุกเรื่อง วิจารณ์รัฐบาล 100 วัน ถาม ดีแค่เฉพาะ ‘ก้าวไกล’ หรือ?

(17 ธ.ค. 66) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า…

“พิศวง สงสัย ไปทุกเรื่อง ค้าน แค้น เคือง เหลวไหล โลกแห่งความฝันของก้าวไกล พิธา เติมไฟในอารมณ์…

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

วิจารณ์รัฐบาล 100 วัน

ดูเหมือนจะไม่มีดีเลย… ดีเฉพาะก้าวไกล เท่านั้น!!!!????”

‘หมอธีระวัฒน์’ เผยรายงาน ‘วัคซีน mRNA’ ยิ่งฉีดมาก ประสิทธิภาพยิ่งลด ชี้ อาจเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ย้ำ!! ใครฉีดกระตุ้นแล้วไม่จำเป็นฉีดอีก

(17 ธ.ค. 66) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงนี้ ว่า เรื่องการฉีดวัคซีนโควิดสำหรับคนทั่วไปที่มีการฉีดกระตุ้นมาก่อนแล้ว ณ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นอีก

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม ว่า รายงานในวารสาร Science ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ธ.ค.2565 มีการอธิบายว่า เมื่อมีการฉีดวัคซีนชนิด mRNA มากขึ้น ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อและการป้องกันอาการหนักจะยิ่งลดลงกว่าที่คิด และน่าจะอธิบายถึงว่าทำไมในยุคโอมิครอน จึงมีการติดซ้ำอยู่เรื่อยๆ ซึ่งอธิบายเพิ่มเติมได้ ดังนี้

1.) จาก hybrid immune damping วัคซีนเมื่อฉีดไปแม้จะมากเข็มก็ตาม การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ทั้งแอนติบอดี ระบบบีและทีเซลล์ จะเป็นต่อสายพันธุ์บรรพบุรุษอู่ฮ้่น และเมื่อติดเชื้อโอมิครอนก็เป็นในลักษณะเช่นเดียวกัน (อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.science.org/doi/10.1126/science.abq1841?utm_campaign=SciMag&utm_source=Social&utm_medium=Twitter%20Hybrid%20immune%20damping )

2.) รายงานล่าสุด เมื่อได้รับวัคซีนมากขึ้น แอนติบอดีจะปรับเปลี่ยนเป็น IgG4 ซึ่งทำให้หน้าที่ในการฆ่าไวรัสด้อยลงเมื่อเทียบกับ IgG 1 และ 3 และ อาจอธิบายประสิทธิภาพที่ถูกจำกัดลง (อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.science.org/doi/10.1126/sciimmunol.ade2798)

“ยังเป็นไปได้ว่ายังมีระบบต่อสู้กับไวรัสที่ไม่ผ่านทางเส้นทางดังกล่าว ที่เป็นระบบนักฆ่า จาก innate immunity ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการติดเชื้อตามธรรมชาติมากกว่าที่ได้จากวัคซีน หมายความว่า ถ้าติดตามธรรมชาติและอาการไม่หนักและไม่เกิดภาวะลองโควิด ก็จะส่งผลดีได้” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว และว่า จากการที่เบี่ยงเบนไปเป็น IgG4 และอาจเกี่ยวเนื่องไปถึงปรากฏการณ์ของโรคที่เกิดขึ้นหลากหลาย และที่เราเห็นในโรคทางระบบประสาทและโรคทางสมองอีกหลายชนิด

3.) รายงานจาก รศ.พญ.ปารวี ชีวะอิสระกุล คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ใน วารสาร Nature Scientific report วันที่ 15 มกราคม 2023 พูดถึงวัคซีนหลังเข็ม 3 จะทำให้ T cell exhaustion หรือ T เซลล์ หมดแรง แม้ว่าแอนติบอดีจะขึ้นก็ตาม

ในคนที่ใกล้ชิดผู้ที่ติดเชื้อมีถึง 24.4% ที่มีการติดเชื้อโดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น และผลของการติดเชื้อแม้ว่าไม่มีอาการ จะทำให้มีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเหมือนคนที่ติดเชื้อ

แต่จุดใหญ่สำคัญในรายงานนี้ก็คือ เมื่อพิจารณาถึงการตอบสนองในระบบทีเซลล์ T cell ซึ่งเป็นตัวสำคัญในระบบความจำและเป็นระบบเพชฌฆาตนักฆ่า การฉีดวัคซีนหลายเข็ม และเมื่อมีการติดเชื้อกลับทำให้ทีเซลล์หมดแรง เรียกว่า T cell exhaustion (https://www.nature.com/articles/s41598-023-28101-5)

ข้อมูลการศึกษาของรัฐบาลออสเตรเลียเอง ในสัตว์ทดลองจากการฉีดวัคซีน mRNA เข้าที่กล้ามเนื้อและดูการกระจายตัวของวัคซีนจากการติดตามตัวด้วย radioactive particle ซึ่งเป็นมาตรฐานในการศึกษาทั่วไป ทำในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 และข้อมูลไม่มีการเปิดเผยจนกระทั่งในปี 2023 ตามกฏหมายที่ต้องมีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลทุกชิ้นจึงทำให้ทราบความจริง

การศึกษาพบว่า แม้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อก็ตาม จะแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือดและเข้าไปในทุกส่วนของร่างกาย หมายความว่า ตัววัคซีนนั้นจะเข้าไปกำหนดให้เซลล์ในอวัยวะต่างๆ ผลิตโปรตีนหนามขึ้นมา และหมายความว่าจะสามารถอยู่ในร่างกายได้นานกว่าข้อมูลที่เราได้รับทราบแต่ต้นว่าวัคซีนจะอยู่เฉพาะที่กล้ามเนื้อที่แขนตรงตำแหน่งที่ฉีดเท่านั้นและจะสลายหายไปภายในสองถึงสามวัน

ความจริงดังกล่าวได้รับการยืนยันจากการติดตามผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ และรายงานในปี 2023 โดยพบว่าจะมีวัคซีนล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดได้นานอย่างน้อย 28 วันด้วยกัน และอาจจะเป็นเครื่องอธิบายได้ว่า ทำไมผลแทรกซ้อนของวัคซีนซึ่งดูเหมือนว่าตามรายงานว่าจะไม่มากก็ตาม แต่สามารถเกิดขึ้นได้ และยังเกิดได้ในระยะเวลาที่ห่างจากการฉีดได้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนก็ได้ (จากผู้ป่วยที่เราได้รับและพิสูจน์ว่ามีส่วนของวัคซีนจริงในอวัยวะสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง) [https://youtu.be/fVNFFtmb9gA 
Vaccine encephalitis and myocarditis
]

รายงานผู้เสียชีวิต 21 วัน หลังจากได้รับ mRNA วัคซีนซึ่งเป็นเข็มที่สาม ด้วยอาการสมองอักเสบและหัวใจอักเสบ ครอบครัวเรียกร้องให้มีการตรวจสอบพิสูจน์ การพิสูจน์ศพ พบโปรตีนหนาม spike ในสมองและเนื้อเยื่อหัวใจ และการอักเสบ โดยไม่พบโปรตีนอื่นของโควิด nucleocapsid protein (NP) ซึ่งเป็นการยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโควิดเพราะถ้าเกิดจากการติดเชื้อจะต้องพบ NP ด้วย

การเกิดในสักษณะเช่นนี้ พวกเราที่ดูผู้ป่วยมีความจำเป็นที่ต้องถามประวัติเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อและรวมทั้งประวัติการได้รับวัคซีนด้วย ทั้งนี้อาจจะมีการรักษาได้ทันท่วงที (https://www.mdpi.com/2076-393X/10/10/1651)

ดังนั้น การฉีดวัคซีน mRNA ต้องประเมินความเสี่ยงของหัวใจอักเสบ ถึงแม้เข้าใจว่าเกิดไม่มาก แต่ถ้าเกิดแล้วความรุนแรงอาจสูง

รายงานจากคณะแพทย์เยอรมัน ทางพยาธิวิทยาที่มีชื่อเสียง พิสูจน์จากการตรวจศพ ของผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA และเสียชีวิตเฉียบพลัน ภายใน 7 วัน จำนวน 25 ราย อายุ 45 -75 ปี โดยแสดงความผิดปกติในกล้ามเนื้อและเยื่อหุ้มหัวใจ มีการอักเสบเป็นหย่อมๆ และทำให้สามารถสรุปได้ว่าทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดปกติ รายงานวันที่ 27 พฤศจิกายน 2022 [Clinical research in cardiology (Springer verlag)]

ทั้งนี้ ตัวเลขจริงอาจจะมากกว่าที่ประเมิน และความรุนแรงของกล้ามเนื่อหัวใจอักเสบอาจจะมากกว่าที่เคยคิดหรือไม่ เนื่องจากการรายงานทั่วโลกเป็น retrospective แบบย้อนหลัง และมักตัดประเด็นเฉียบพลันออก โดยลักษณะของอาการเช่นนี้ เป็น sudden death คือหัวใจหยุดเต้นกระทันหัน จากกระแสไฟฟ้าผิดปกติ ไม่ใช่หัวใจวาย ทujพอมีเวลาและมีอาการให้เห็นก่อน

ผลแทรกซ้อนของวัคซีนจากความเป็นไปได้ จะเพ่งเล็งประเด็นที่ (1) และ (2) โดยอาจมองข้าม (3)

1.) เรื่องเส้นเลือดในหัวใจตัน หรือ
2.) ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั่วไป คือหัวใจวาย แต่ในกรณีนี้
3.) เป็นกระจุกของเซลล์อักเสบที่อยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจและเยี่อหุ้มหัวใจ ที่ไปขัดขวางเส้นใยประสาทนำไฟฟ้าของหัวใจ ทำให้หยุดเต้นกระทันหัน และถ้ากระตุ้นหัวใจ ขึ้นมาได้ จะตามต่อด้วยกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั่วไป ทำให้หัวใจบีบตัวไม่ไหวตามด้วยหัวใจวาย

ศึกษาได้จาก VDO ซึ่งอธิบายรายละเอียดของรายงานชิ้นนี้ และ เอกสารตัวจริง และแสดงเนื้อเยื่อหัวใจที่มีการอักเสบเป็นหย่อมกระจุก
- https://youtu.be/j_DdSMn55cA
- https://link.springer.com/article/10.1007/s00392-022-02129-5#Sec3
- https://link.springer.com/article/10.1007/s00392-022-02129-5#Tab2

นอกจากนั้น มีการเปิดเผยผลข้างเคียงรุนแรงจากวัคซีน mRNA ในเดือนกันยายน 2022 ในวารสาร vaccine ทั้งนี้เป็นข้อมูลจริงที่ได้ระหว่างมีการดำเนินการศึกษาเฟสที่สามในมนุษย์ แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยมาก่อน

ผู้ศึกษาและวิจัยได้เรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสอย่างชัดเจนและต้องประเมินประโยชน์และผลข้างเคียงรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งนี้โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิดซึ่งเชื้ออ่อนกำลังลงไปมาก เมื่อฉีดไปมากขึ้นเรื่อยๆ
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36055877/

‘คนไทยเที่ยวญี่ปุ่น’ โพสต์ความประทับใจที่มากกว่าการได้มาเที่ยว หลังเจอร้านอาหารไทย มีภาพ ‘ในหลวง ร.๙’ ตระหง่านอยู่ในร้าน

(17 ธ.ค. 66) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘สม ดำรงสิริรัช’ ได้โพสต์ข้อความเล่าถึงความประทับใจจากการไปทริปที่ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า…

เที่ยวจนเป๋าแห้ง…
แวะ อิออน AEON ยืมตังหน่อย 😅🤣😂

เอ้า… ที่นี่ไม่ใช่เงินด่วนหรอกรึ?

เดินเข้าไปมีแต่ร้านขายของ
มีโซน ขายอาหาร เครื่องดื่ม
มีร้านอาหารไทย ชื่อ ‘แก้วใจ’
รู้สึกดีใจ… ที่เห็นคนไทย
มาเปิดร้านอาหารไทย ที่ญี่ปุ่น

ที่รู้สึกประทับใจมาก… คือ
มีภาพ ‘ในหลวงรัชกาลที่ ๙’
ให้นึกถึง… รูปที่มีทุกบ้าน
มีมาไกลถึงเกาะญี่ปุ่น
🙏🙏🙏

น่าชื่นชม!! ‘นร.เตรียมอุดมฯ นนทบุรี’ ร้องเพลงเปิดหมวกหารายได้ สมทบทุนการศึกษา-ซื้ออุปกรณ์การเรียน แก่ รร.น้องๆ ในพื้นที่ห่างไกล

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา นางธราภรณ์ พรหมคช ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี ได้ดำเนินกิจกรรมโครงการโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง ปันสุข ปันน้ำใจ คลายลมหนาว จากโรงเรียนพี่สู่โรงเรียนน้อง ได้มอบหมายให้ ดร.ชวัลวัฒน์ ถิรไชยพิบูล รองผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการนนทบุรี นำคณะครู นักเรียนจิตอาสา จากวงดนตรีลูกทุ่งพัชร์จุรี ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี มาแสดงดนตรีประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จากนั้นได้เดินทางไปร้องเพลงต่อที่ ตลาดนกฮูก ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จนถึงเวลา 22.00 น.

นางธราภรณ์ พรหมคช ผู้อำนวยการ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสนองโครงการพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทางโรงเรียนได้ดำเนินการต่อเนื่อง ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดบ้านตุน ตำบลห้วยห้อม อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนด้านงบประมาณ ทุนการศึกษา และอุปกรณ์การศึกษา ให้กับนักเรียนในโรงเรียนที่ห่างไกลชุมชนเมือง และขาดแคลนทรัพยากรด้านการศึกษา

โดยโรงเรียนจะนำปัจจัยที่ได้ในการแสดงดนตรีครั้งนี้ไปซื้อเสื้อผ้า ชุดวอร์มต้านภัยหนาว และมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียน และทางโรงเรียนได้สมทบปัจจัยเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตลอดจนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการนนทบุรี สมาคมศิษย์เก่า เครือข่ายผู้ปกครองและนักเรียน โดยทุกคนมีความสมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกับกิจกรรมครั้งนี้ ถือว่าเป็นภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

‘นายกฯ’ เผย อินโดฯ สั่งข้าวไทย 2 ล้านตัน เชื่อ ช่วยดันราคาสูงขึ้น พร้อมหารือ ‘ผู้นำ 3 ชาติ’ เล็งจัดเส้นทางท่องเที่ยว 4 ประเทศ

(17 ธ.ค. 66) ที่โรงแรมโอกุระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษฯ ว่า ระหว่างการประชุมได้หารือพูดคุยส่วนตัวกับผู้นำประเทศในอาเซียน อาทิ ประเทศกัมพูชา, ประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย สำหรับการพูดคุยกับ ‘นายฮุน มาเนต’ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มีความสนิทสนมกัน และพบเจอกันในหลายวงประชุมแล้ว ก็ได้หารือกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานกงศุลที่กรุงเสียมเรียบซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังคือนครวัด และมีนักท่องเที่ยวเยอะ โดยทางนายฮุน ยืนยันจะสนับสนุนเต็มที่ รวมถึงขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดำเนินการให้คนกัมพูชาเข้าไทยได้โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต และทำให้ภาคแรงงานทำให้ขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่การหารือร่วมกับ ‘นายหวอ วัน เถือง’ ประธานาธิบดีเวียดนาม ก็จะมีการรื้อฟื้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมสองประเทศ โดยทางเวียดนามเสนอให้จัดช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2567 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ ในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก ก็น่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องราคาข้าว เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น

รวมถึงทางเวียดนามเสนอให้ประเทศไทยในฐานะที่มีประสบการณ์สูงในเรื่องการท่องเที่ยว และนโยบายก้าวหน้า รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดในภูมิภาคนี้ ทางเวียดนามก็ได้เสนอว่า ให้ไทย เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา มาพูดคุยกันเพื่อร่วมเป็นคณะกรรมการโปรโมทการท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงกัน เพราะเวลานักท่องเที่ยวมาภูมิภาคนี้ก็จะได้มาทั้งหมด นำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาใช้ ซึ่งตนได้เสนอว่าการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีระหว่างเวียดนามและไทยช่วงเดือนพฤษภาคม เราจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวทั้ง 4 ประเทศ เพื่อทำการบ้านไปก่อนคลอดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของทุกประเทศที่จะดำเนินการต่อไป อีกทั้งแนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ที่ดีมากของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการพูดคุยกับ ‘นายโจโก วีโดโด’ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ดำรงตำแหน่งมา 8 ปีแล้ว และปัจจุบันเป็นประธานอาเซียน ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีบารมี และทุกคนให้ความเคารพ ตนได้เจอท่าน 3-4 ครั้ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านส่งนักธุรกิจมาคุยเรื่องการค้าข้าวมาพูดคุยก่อนแล้ว และการพบกันวันนี้ประธานาธิบดียืนยันว่าจะซื้อข้าวไทยจำนวน 1 ล้านตันภายในปีนี้ แต่เมื่อระยะเวลาเหลือเพียง 20 วัน ประธานาธิบดียืนยันจะสั่งข้าวไทยเป็น 2 ล้านตัน โดยจะส่งคนมาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วงต้นปี 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ราคาข้าวไทยมีราคาและความต้องการสูงขึ้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ยังมีความสนใจในเรื่องแลนด์บริดจ์ด้วย เพราะมีนักลงทุนอินโดนีเซียสนใจมาลงทุน โดยจะมีการนัดมาหารือต่อไป

เชียงราย-"จุดจบสายยา"ฉก.ทัพเจ้าตากปะทะเดือดขบวนการลำเลียงยาเสพติดยึดยาบ้า 2,040,000 เม็ดวิสามัญดับ15ศพชายแดนแม่ฟ้าหลวง"

ช่วงค่ำเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 เวลา 19.00 นาฬิกา ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก และกองร้อยทหารม้าที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลังพลปฏิบัติภารกิจเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด บริเวณแนวชายแดนในพื้นที่ บ้านปางมะหัน ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ผลการปฏิบัติ ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 15-20 คน แบกเป้สัมภาระเข้ามายังพื้นที่เฝ้าตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา จึงเกิดการปะทะกัน ประมาณ 5 นาที ผลการปะทะ ฝ่ายเราปลอดภัย หน่วยจึงได้จัดกำลัง 2 ชุดปฏิบัติการ ควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อรอพิสูจน์ทราบเนื่องจากเป็นห้วงเวลากลางคืน

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2566 เวลา 07.30 นาฬิกา พันเอก ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ได้นำกำลังเพิ่มเติมอีก 3 ชุดปฏิบัติการ เข้าตรวจสอบและพิสูจน์ทราบพื้นที่เกิดเหตุ ผลการตรวจสอบพบกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เสียชีวิต จำนวน 15 ศพ และกระสอบปุ๋ยดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลัง จำนวน 17 ใบ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เป้ละประมาณ 120,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 2,040,000 เม็ด และอาวุธปืนคาร์บิน จำนวน 1 กระบอก
  ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 นาฬิกา พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจ รักษาราชการแทนเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย พลโท นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ, พลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง, อัยการจังหวัดเชียงราย, พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงราย, ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ฟ้าหลวง, สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง และโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง ร่วมเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ปะทะดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังจากนั้นหน่วยได้นำของกลางส่งให้สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง เพื่อดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

มิติใหม่!! 'นิติศาสตร์ ม.ขอนแก่น' เชิญป้าแม่บ้านคณะฯ ขึ้นโพเดียม  แสดงความยินดีบัณฑิตใหม่ อวยพร "ขอให้ทุกคนเป็นเจ้าคนนายคน"

เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค. 66) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเพจที่ชื่อว่า LAW KKU_News ของกลุ่มงานการบริหารเครือข่ายและการขับเคลื่อนยุทธศาตร์คณะ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โพสต์ภาพแม่บ้านคณะนิติศาสตร์ขึ้นไปบนโพเดียม กล่าวแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษา ระบุว่า "ในพิธีแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ที่สำเร็จการศึกษาประจำปี 2566 ณ เซนทรัลฮอล์ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซนทรัลขอนแก่น

รองศาสตราจารย์วนิดา แสงสารพันธ์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ สักทองรุ่นที่ 16 พร้อมทั้งให้ข้อคิดแนวทางในการใช้ชีวิต นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และตัวแทนบุคลากร ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบแรงบันดาลใจให้กับบัณฑิตใหม่ของคณะฯ

โดยครั้งนี้ พี่มัส หรือป้ามัส แม่บ้านคณะนิติศาสตร์ได้กล่าวแสดงความยินดีและอวยพรให้กับบัณฑิตใจความสำคัญว่า “สวัสดีค่ะ ป้ามัสนะคะ เป็นแม่บ้าน มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องเรียน และพื้นที่ต่าง ๆ ภายในคณะฯ มาหลายปี วันนี้รู้สึกขอบพระคุณท่านคณบดีฯ และทุกคนที่ได้ให้โอกาส ทำให้ป้ามายืนอยู่ตรงนี้เป็นคนยินดีกับบัณฑิต ป้ามัสขอแสดงความยินดีในความสำเร็จขอทุกคนในวันนี้นะคะ ป้าขอให้บัณฑิตทุกคนนำความรู้ที่ได้จากท่านอาจารย์สอนไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และขอให้ทุกคนเติบโตไปได้เป็นเจ้าคนนายคนนะคะ”

ทั้งนี้ ในปี 2566 มีผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิติศาสตร์ จำนวน 732 คน ซึ่งจะได้ทำการฝึกซ้อมตั้งแต่วันที่ 15 - 17 ธันวาคม 2566 และจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น"

ด้านชาวเน็ตต่างแสดงความชื่นชมแนวคิดของคณะนิติศาสตร์ ที่นำแม่บ้านขึ้นมาแสดงความยินดี เพราะแม่บ้าน รปภ. ร้านขายอาหาร และช่างซ่อมบำรุง ล้วนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเรียน รู้สึกขอบคุณและเคารพรักไม่น้อยไปกว่าเพื่อนและอาจารย์

‘นักวิจัยจีน’ ผุด ‘เสื้อผ้าพลังงานแสงอาทิตย์’ ประสิทธิภาพสูง ช่วยคุมอุณหภูมิร่างกายมนุษย์ให้รู้สึกสบาย แม้อากาศผันผวน

เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทีมนักวิจัยของจีนจากมหาวิทยาลัยหนานไคออกแบบระบบเสื้อผ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ยืดหยุ่น พึ่งพาพลังงานในตัวเอง และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยควบคุมให้ร่างกายมนุษย์คงอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่ทำให้รู้สึกสบาย แม้ว่าอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมจะผันผวน

ระบบเสื้อผ้าที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์แสงอาทิตย์แบบยืดหยุ่นนี้ไม่ต้องอาศัยแหล่งพลังงานภายนอก ยกเว้นเพียงแสงแดด และต่างจากเสื้อผ้าควบคุมความร้อนรุ่นก่อนหน้า ตรงที่สามารถสร้างความอบอุ่นและทำความเย็นด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิสองทางตลอดทั้งวัน

การศึกษาระบุว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังได้รับพลังงานแสงอาทิตย์เพียง 12 ชั่วโมง

นอกจากนั้น อุปกรณ์ข้างต้นทำงานเพื่อรักษาอุณหภูมิผิวหนังของมนุษย์ให้อยู่ในช่วงที่ทำให้รู้สึกสบาย ระหว่าง 32-36 องศาเซลเซียส แม้อุณหภูมิสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงที่ระหว่าง 12.5-37.6 องศาเซลเซียส

อุปกรณ์ใหม่นี้สามารถช่วยปรับปรุงความปลอดภัยและความรู้สึกสบายของร่างกายมนุษย์ ท่ามกลางอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมที่ผันผวน และยังอาจยืดระยะการเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ในอวกาศ หรือบนดาวเคราะห์ดวงอื่น

อนึ่ง การศึกษาฉบับดังกล่าวเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (15 ธ.ค.) ในวารสารไซแอนซ์ (Science)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top