Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

ป้องรายวัน! "แรมโบ้" วอน "ฝ่ายค้าน" หยุดโหนกระแส ไล่นายกฯ ”วอน” หยุดตีกินหาเสียงทางการเมือง

เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ว่าซึ่งแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะยังสูงอยู่ แต่ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากประชาชน รวมไปถึงการออกมาตรการต่างๆของทางภาครัฐ จึงทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อยๆลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองวันนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องรัดกุมเฝ้าระวังการ์ดตกไม่ได้ ขณะเดียวกันจากการที่ ศบค.  ได้ออกมากำหนดพื้นที่ควบคุม และมีมาตรการต่างๆเพื่มขึ้นและรัดกุมยิ่งขึ้นนั้น ก็มั่นใจว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น 

“เชื่อว่าการที่สถานการณ์ค่อยๆดีขึ้นนั้นตามลำดับนั้น เกิดจากที่ ครม.ได้โอนอำนาจรัฐมนตรีให้กับนายกฯได้สั่งการต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาคล่องตัวและให้เกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ฝ่ายค้านมองว่าการโอนอำนาจเป็นการยึดอำนาจรัฐมนตรี ฝ่ายค้านคิดแต่จะหาประเด็นมาโจมตีโดยที่ไม่ดูข้อเท็จจริง และการโอนอำนาจมาที่นายกฯ ก็เพื่อให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้นในการแก้ไขปัญหา ที่ฝ่ายค้านออกมาโจมตีแบบนี้เพราะไม่สนใจว่าประชาชนจะเป็นอย่างไร  ถือว่าใช้ไม่ได้
ยืนยันว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว”

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้านหยุดเรื่องการเมืองไว้ มาหาเสียงตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ อย่าเอาความเดือดร้อนความเป็นความตายของประชาชน มาหากินบนความกระหายและกระสัน มีกิเลสตัณหาความอยากใคร่สูง กลับมามีอำนาจทางการเมืองของพวกตนเองโดยการไล่นายกรัฐมนตรีให้ลาออก ประชาชนเบื่อหน่ายเอือมระอา

" การที่ฝ่ายค้านออกมารุมโจมตีไล่นายกฯให้ออกจำตำแหน่ง และกล่าวหายึดอำนาจนั้น สก็ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่นายกฯตัดสินใจถูกต้องที่สุด เป็นการตัดสินใจที่รวดเร็ว ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตให้ประชาชนปลอดภัยสูงสุด การที่ฝ่ายค้านเล่นการเมืองเพื่อหวังโหน กระแสมากเกินไป ทำให้เห็นธาตุแท้ที่หวังล้มนายกฯเพื่อกลับมามีอำนาจเสียเอง ไม่คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติประชาชนเป็นหลัก การที่ยอดรวมผู้ที่ติดเชื้อ ลดลงกว่าพันรายใน 2 วันนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่านายกฯและคณะทีมแพทย์ สาธารณสุข และทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันเดินมาถูกทางแล้ว มีแต่พรรคร่วมฝ่ายค้านที่คอยจ้องฉวยโอกาสทางการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตน น่าอับอายละอายใจแทนคนไทยทั้งประเทศ" นายเสกสกลกล่าว

ประกาศโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

ประกาศโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรื่อง การรับรายงานตัวและมอบตัวนักเรียน ตามลำดับสำรอง ครั้งที่ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2564 ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน 2564

https://www.facebook.com/1418062688512699/posts/2900724780246475/?sfnsn=mo

“คสรท.-สรส.” ยื่น “บิ๊กตู่” รัฐบาล เยียวยาผู้ใช้แรงงาน เดือดร้อนจากโควิด-19 แนะ “เร่งจัดวัคซีน-ลดภาระค่าใช้จ่ายฯ”

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท. )และกลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)นำโดย นายสาวิทย์  แก้วหวาน ประธาน คสรท.ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เนื่องในวันกรรมกรสากล 1 พ.ค.ของทุกปี 

นายสาวิทย์ กล่าวว่า ผู้ใช้แรงงานทั่วโลก ได้ออกมาเรียกร้องถึงคุณภาพชีวิตของคนทำงาน ให้มีมาตรฐานมีหลักประกันมากขึ้น แต่ในสภาวะปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของ โควิด- 19 ที่ซ้ำเติมทำให้ผู้ใช้แรงงานลำบากยิ่งขึ้น แม้ปีนี้จำเป็นที่ต้องงดทำกิจกรรม แต่มีข้อเสนอถึงรัฐบาล ให้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและคนทำงานในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยให้เร่งฉีดวัคนให้แก่ประชาชนโดยเร็ว และเปิดโอกาสให้ผู้มีความพร้อมในการนำเข้าและฉีดวัคซีนที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองจากรัฐเพื่อฉีดให้แก่คนใกล้ชิดและพนักงานในสถานประกอบการของตนเองเพื่อลดภาระของรัฐ และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต้องครอบคลุมแรงงานข้ามชาติที่ทำงานในประเทศไทย

ทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชน คนทำงาน ทุกกลุ่มสาขาอาชีพ แรงงานข้ามชาติ เข้าถึงการบริการ การตรวจโรคอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมและเป็นธรรม นอกจากนั้นให้รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายเรื่องสาธารณูปโภค ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์  ลดค่าเทอม เนื่องจากเรียนผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น โดยการเยียวยาช่วยเหลือต้องเท่าเทียมไม่ เลือกปฏิบัติ รวมถึงต้องควบคุมราคาสินค้าไม่ให้มีราคาแพงและลงโทษกับผู้ที่ฉวยโอกาส บนความทุกข์ยากของประชาชน เป็นต้น จากนั้นตัวแทนผู้ใช้แรงงานเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายสุชาติ  ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ต่อไป 

"กล้าเติมอิ่ม" กรณ์ ลุยช่วยผู้เดือดร้อนจากโควิด แจกข้าวกล่องพี่น้องฝั่งธนฯ พร้อมขยายผลทั่วกรุงเทพฯ 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ตามที่พรรคกล้าได้ระดมข้าว 2 ตัน ทำข้าวกล่อง 30,000 ชุดเพื่อแจกโรงพยาบาลสนาม โดยถือเป็นการช่วยคนได้สองต่อ ต่อแรกคือชาวนาที่ จ.มหาสารคาม ที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น และต่อที่สองคือ ข้าวกล้องอินทรีย์จะตกถึงมือผู้ป่วยและคนเดือดร้อน นอกจากนี้ยังได้เปิดศูนย์ #กล้าสู้โควิด ช่วยผู้ป่วยหาเตียงสำเร็จไปแล้วว่า 70 เคส 

โดยเมื่อวันก่อนได้ทำข้าวกล่องแจกพี่น้องชุมชน “ยานนาวา-บางคอแหลม” และวานนี้ (29 เมษายน) ก็ไปแจกที่ที่ “ตลิ่งชัน-ภาษีเจริญ” กับผู้กล้าของเราคือ “หมอแม็พ” กันตพงศ์ ดีชัยยะ และจะกระจายไปทุก ๆ เขตทั่วกรุงเทพฯ 

สำคัญที่สุดขอขอบคุณเชฟอาสา เชฟแอ้ม นรี บุญยเกียรติ ขอบคุณหลายๆ ท่าน ที่ทยอยส่งวัตถุดิบมาให้ รวมไปถึง อาสาสมัครของแต่ละชุมชนนะครับ ในทุกวิกฤตเราจะเห็นความสวยงามแบบนี้ ก็คือความสามัคคีในการช่วยกันลงมือทำของคนไทย

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ทุกท่านสามารถมาลุย  “กล้าเติมอิ่ม” กับเราได้  3 วิธี คือ 1. ร้านอาหารใด ต้องการร่วมโครงการกับเรา ช่วยทำอาหารให้เรา เราจะยินดีมาก 2. ใครสนใจ สมทบวัตถุดิบในการทำอาหาร รวมถึงภาชนะรีไซเคิลได้ในการใส่ข้าวกล่อง inbox มาที่เพจ Korn Chatikavanij ได้เลย จะมีทีมงานติดต่อไป 3. สามารถสมทบทุนข้าวจากชาวนา ได้ที่ โครงการ เกษตรเข้มแข็ง >> เลขที่บัญชี 902-7-11390-2 ธนาคารกรุงเทพ ได้เช่นกัน

#คนละไม้คนละมือ #สู้โควิด
#การเมืองสร้างสรรค์ #ปฏิบัตินิยม
#พรรคกล้า #เรามาเพื่อลงมือทำ


 

กระหึ่มเทคโนโลยีโอนเงิน! ธนาคารกรุงเทพ ร่วมนำร่อง บริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านพร้อมเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไทย-สิงคโปร์ ง่ายสุดใช้แค่เบอร์มือถือที่ผูกพร้อมเพย์/เพย์นาว รับเงินแบบเรียลไทม์ ทั้งโอนทั้งรับ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นางพรนิจ ตุลย์วัฒนจิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมเป็นหนึ่งในธนาคารนำร่องให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านพร้อมเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล (PromptPay International) ระหว่างไทยและสิงคโปร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการโอนเงิน หรือรับเงินโอนระหว่างไทย-สิงคโปร์ ได้โดยสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยใช้ข้อมูลเพียงเบอร์มือถือที่ผูกไว้กับพร้อมเพย์ (ประเทศไทย) หรือเพย์นาว (สิงคโปร์) สามารถทำรายการได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ โดยปลายทางได้รับเงินทันทีเต็มจำนวน นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพยังได้รับคัดเลือกให้เป็น Settlement Bank (ธนาคารที่รับผิดชอบการชำระดุลสำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ) ในบริการพร้อมเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนลระหว่างประเทศไทยและสิงคโปร์อีกด้วย

“บริการนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่สำคัญระหว่างธนาคารกลางของไทยและสิงคโปร์ และธนาคารพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ใช้ข้อมูลน้อยลงเพียงมีเบอร์มือถือที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์/เพย์นาวไว้เท่านั้น เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้ารายย่อยในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินให้เพื่อนเพื่อฝากซื้อสินค้า โอนเงินค่าการศึกษา ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โอนเงินกลับบ้านให้ครอบครัวสำหรับคนสิงคโปร์ที่ทำงานในไทย หรือคนไทยที่ทำงานในสิงคโปร์ เป็นต้น กลุ่มลูกค้ารายย่อยสามารถทำรายการได้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีค่าธรรมเนียมสำหรับการโอนเงินข้ามประเทศที่ลดลงอย่างมาก”

สำหรับขั้นตอนการใช้โอนเงินไปยังสิงคโปร์ผ่านระบบพร้อมเพย์ ลูกค้าสามารถทำรายการได้ผ่านโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ โดยล็อกอินเข้าใช้งานและเลือกเมนู “โอนเงินไปต่างประเทศ” จากนั้นเลือก “พร้อมเพย์อินเตอร์เนชั่นแนล” และทำตามขั้นตอนการโอนเงิน โดยระบุปลายทางเป็นเบอร์มือถือของสิงคโปร์ที่ลงทะเบียนไว้กับ PayNow ลูกค้าสามารถระบุยอดเงินโอนที่ต้องการได้ทั้งสกุลเงินบาท (THB) และสิงคโปร์ดอลลาร์ (SGD) วงเงินทำรายการสูงสุด 1,000 SGD/วัน เมื่อตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันรายการด้วยรหัสผ่าน (Mobile PIN) เรียบร้อยแล้ว เงินจะถูกโอนไปยังปลายทางทันที พร้อมกับได้รับ e-slip เป็นหลักฐาน

ทั้งนี้ การโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนลไปยังเบอร์มือถือของสิงคโปร์นั้น เบอร์มือถือดังกล่าวจะต้องลงทะเบียนเพย์นาวกับธนาคารในสิงคโปร์ที่ร่วมรายการ ซึ่งในปัจจุบันมีธนาคารเข้าร่วมโครงการ 3 แห่ง ประกอบด้วย DBS Bank (DBS) Oversea-Chinese Banking Corporation (OCBC) และ United Overseas Bank (UOB)

พิเศษสำหรับรายการโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไปยังสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน-31 กรกฎาคม 2564 จะมีค่าธรรมเนียมเพียง 75 บาท/รายการ (ปกติ 150 บาท/รายการ)

ภายใต้ความร่วมมือในโครงการนี้ ลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารทั้ง 3 แห่งในสิงคโปร์ สามารถโอนเงินมายังประเทศไทยให้กับผู้รับผ่านเบอร์มือถือที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์กับธนาคารกรุงเทพแทนการระบุเลขที่บัญชีธนาคาร ซึ่งผู้รับเงินจะได้รับเงินโอนจากสิงคโปร์ได้แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน โดยได้รับเงินเต็มจำนวนเป็นสกุลบาท สำหรับผู้ที่ต้องการลงทะเบียนพร้อมเพย์กับธนาคารกรุงเทพ สามารถทำรายการผ่านโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ รวมถึงช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้ทันที

“ธนาคารกรุงเทพมีความมุ่งมั่นยกระดับบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศไทย และบริการระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการทำรายการผ่านช่องทางดิจิทัลและอิเล็กอทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การเป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่ทำหน้าที่เป็น Settlement Bank หรือธนาคารที่รับผิดชอบการชำระดุลสำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้บริการ Cross-Border QR Payment ระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม จนถึงครั้งล่าสุดที่ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในธนาคารนำร่องให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านพร้อมเพย์ดังกล่าว เพื่อตอกย้ำจุดยืนในการเป็น ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ ต่อไปอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง” นางพรนิจ กล่าว

สภาฯขานรับมาตรการเข้มป้องกันโควิด-19 ห้ามนั่งรับประทานอาหารร่วมกันภายในโรงอาหาร ใส่หน้ากากในรัฐสภา 100%  ลดเจ้าหน้าที่ทำงานเหลือไม่เกิน 30 % ส่วนวุฒิฯให้ขรก.ทำงานที่บ้านทั้งหมด ถึง 31 พ.ค. 

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ปรับเพิ่มมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในรัฐสภา บริเวณโรงอาหาร ภายหลังศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ออกข้อกำหนด ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค.นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนด เนื่องจากรัฐสภา ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด โดยไม่อนุญาตให้มีการนั่งรับประทานอาหารที่ร้าน จึงได้นำโต๊ะและเก้าอี้ออกนอกพื้นที่ ให้เป็นไปตามข้อกำหนด และให้ข้าราชการ นำกลับไปทานส่วนตัวในพื้นที่ของตนเองเท่านั้น เพื่อลดการรวมกลุ่มระหว่างการรับประทานอาหาร


ขณะเดียวกัน ยังคงเข้มงวดต่อบุคคลที่จะเข้ามาภายในอาคารรัฐสภา โดยจะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิ และสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายในรัฐสภา 100% นอกจากนั้นการใช้ลิฟท์โดยสารขึ้นลง จำกัดครั้งละไม่เกิน 6 คน เป็นต้น

สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ ของสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งงดการประชุมหลายคณะ เพื่อให้ความร่วมมือต่อการลดการแพร่ระบาดโควิด-19 และลดการรวมตัวของคนจำนวนมากเกินกว่า 20 คน ส่วนคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา ได้สั่งงดการประชุมทั้งหมดออกไปก่อน

นอกจากนั้นขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯได้ปรับลดจำนวนข้าราชการ ให้มาปฏิบัติที่ในรัฐสภาไม่เกินร้อยละ 30 ส่วนอีกกว่าร้อยละ 70 ได้มีประกาศให้ข้าราชการปฏิบัติงานที่บ้าน เพื่อลดการรวมตัวกัน ส่วนสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ประกาศให้ข้าราชการ ปฏิบัติงานจากที่บ้านทั้งหมด จนถึง 31 พ.ค.นี้

"แรมโบ้" ดีใจตรวจหาเชื้อโควิดไม่พบเชื้อ  กักตัวผ่านไปแล้ว 1 อาทิตย์ เมื่อครบ 14 วันผลเป็นปกติ กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม

 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วานนี้ (29 เม.น.) ได้ไปตรวจผลหาเชื้อโควิดที่ สถาบันบำราศนราดูร ผลปรากฏว่าเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิดในร่างกาย เนื่องจากตนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัว14 วันตามมาตรการของ ศบค.และสาธารณสุข หลังจากที่พนักงานขับรถ ติดเชื้อโควิดพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล


ทั้งนี้ ตนได้ตรวจหาเชื้อมาก่อนหน้านี้ เป็นระยะๆเพราะต้องทำงานใกล้ชิดกับมวลชน ที่เดินทางมายื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน1111 สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในช่วงก่อนหน้านี้ และเมื่อทราบว่าพนักงานขับรถตนติดเชื้อโควิด ตนจึงได้ไปตรวจผลออกมาไม่พบเชื้อ อีกทั้งได้ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้วครบสองเข็ม จึงมั่นใจว่า ภูมิต้านทานแข็งแกร่ง ยิ่งผลตรวจที่สถาบันฯเมื่อวานนี้ออกมาว่าไม่ติดเชื้อ ยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้น

"อย่างไรก็ดี ผมกักตัวมาแล้ว 7 วัน จะครบ 14 วัน ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ โดยจะไปตรวจครั้งสุดท้ายเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่า ไม่ติดเชื้อโควิดอย่างแน่นอน และพร้อมจะกลับไปทำงานตามปกติเช่นเดิมต่อไป" นายเสกสกลกล่าว

ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็ม 1 และ 2 ในไทย 28 ก.พ.-28 เม.ย. 64 ยอดฉีดสะสมทะลุ 1.3 ล้านโดส

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วงวันที่ 27 เมษายน ในประเทศไทย ดังนี้... 

- ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 20,761 ราย
- ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 44,172 ราย

ส่วนจำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 28 เม.ย. พ.ศ.2564 (60 วัน) มีการฉีดไปแล้ว 1,344,646 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัด ดังนี้... 

- ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 1,059,721 ราย
- ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 284,925 ราย

สำหรับ เป้าหมายการฉีดฉีดวัคซีนของรัฐบาลนั้น ตั้งใจจะฉีดคนไทยให้ได้ร้อยละ 70 หรือประมาณ 50 ล้านคนภายในปี 64 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในปีนี้และสามารถเปิดประเทศฟื้นเศรษฐกิจได้ในปี 65 ฟื้นเศรษฐกิจ


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/208016

"ศรีสุวรรณ" จี้ กกต.สั่งเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนาหนองไผ่ให้เป็นโมฆะ เหตุพบผู้สมัครมีลักษณะต้องห้ามลงสมัครเหตุเคยถูกให้ออกจากราชการทั้ง อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทำไมจึงผ่านการสมัครรับเลือกตั้งได้

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้มีคำสั่งหรือมีมติให้การเลือกตั้งนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลนาหนองไผ่ อ.ชุมพลบุรี จ.สรินทร์เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมต้องดำเนินคดีเอาผิดบุคคลดังกล่าว ด้วยเหตุพบข้อพิรุธเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาหนองไผ่ บางรายว่าอาจเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เนื่องจากความปรากฏว่า มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลนาหนองไผ่รายหนึ่งที่เป็น อดีตกำนัน และอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ได้กระทำความผิดวินัย และจ.สุรินทร์ ได้มีคำสั่งให้ออกจากตำแหน่งมานานแล้ว อันเนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ในสมัยนั้น ได้พิจารณาและมีมติว่า บุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบกับกิจการขององค์การบริหารส่วนตำบลนาหนองไผ่ โดย ป.ป.ป. ได้ลงมติในเรื่องดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจ.สุรินทร์ในฐานะผู้บังคับบัญชา  เพื่อดำเนินการทางวินัย ตาม มาตรา19 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ 2518 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2530 ในสมัยนั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า เมื่อบุคคลดังกล่าว เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือ ถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ จึงถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 50(8) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ที่บัญญัติไว้ความว่า บุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คือ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือ ถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

การที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาลตำบลตำบลนาหนองไผ่ ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและประกาศให้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี และได้ออกหลักฐานการสมัครให้ด้วยนั้น ย่อมเป็นการขัดต่อกฎหมายข้างต้นและหรือขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายโดยชัดแจ้ง เพราะหลักฐานชี้ชัดว่าบุคคลดังกล่าวรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีคุณสมบัติจะลงสมัคร ทางเราจึงมายื่นคำร้องต่อ กกต. ได้ดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย

R.I.P. น้าค่อม ชวนชื่น ผู้ชายที่ด่าคำว่า ‘ไอ้สัสสสส’ ได้น่ารักที่สุด และคนถูกด่าไม่โกรธ มีแต่รอยยิ้ม!

R.I.P. น้าค่อม ชวนชื่น ผู้ชายที่ด่าคำว่า ‘ไอ้สัสสสส’ ได้น่ารักที่สุด และคนถูกด่าไม่โกรธ มีแต่รอยยิ้ม!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top