Wednesday, 25 June 2025
NewsFeed

ผบช.ตชด.สั่งช่วยเหลือครอบครัวคนไทยที่เดินทางไปใช้แรงงานในประเทศอิสราเอล เสียชีวิต"จากภัยสงครามพร้อมร่วมงานบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจ

เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2566 ที่กองบัญชาการตำรวจชายแดน(บช.ตชด.) พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด.เปิดเผยว่า ถึงกรณีการช่วยเหลือครอบครวัของคนไทยที่เดินทางไปใช่แรงงานในประเทศอิสราเอลเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มีรายชื่อ ดังนี้

1.นายอนุชา โสภากุล ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 5 บ้านเดียม ตําบลเชียงแหว อําเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ตนได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24
ลงไปช่วยเหลือโดยได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.อภิสิษฐ์กรณ์ นุ่มมีชัย สว.จอส.,กร.กก.ตชด.24 และข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ นายอนุชา โสภากุล ในวันที่ 21-22 ต.ค.ที่ ผ่านมา และมอบหมายให้ พ.ต.ท.จารุบุตร เรืองศรี รอง ผกก.ตชด.24 ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณฌาปนกจิสถาน บ้านเดียม ตําบลเชียงแหว อําเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 23,ต.ค.ที่ผ่านมา 

2.นายชัยรัตน์ สุนาสันต์ ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 171 หมู่ 9 บ้านโนนสูง ตําบลบ้านหยวก อําเภอน้ําโสม จังหวัดอุดรธานีภายใต้อํานวยการของ ร.ต.อ.โกญจนารถ ชาวยาม รอง ผบ.ร้อย ตชด.245 และข้าราชการตํารวจ ร้อย ตชด.245 ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ นายชัยรัตน์ สุนาสันต์ในวันที่ 22-23 ต.ค และมอบหมายให้ พ.ต.ท.ทวี ภาน้อย รอง ผกก.ตชด.24 ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณ ป่าช้า บ้านหยวก ตําบลบ้านหยวก อําเภอน้ําโสม จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 23.ต.ค.66

3.นายพิรุฬ ทานนพิมพ์ ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่6 บ้านนาทัน ตําบลท่าลี่ อําเภอกุมภวาปี จังหวัด อุดรธานีภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24ไดม้ อบหมายให้ ข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ นายพิรุฬ ทานพิมพ์ ในวันที่ 27-28ต.ค.66 และร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณ วัดสว่างนาทันบ้านนาทัน ตําบลท่าลี่ อําเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 30 ต.ค.66

4.ธีระพงษ์ กลางสุวรรณ ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ 5 บ้านหนองบัวแดง ตําบลหนองไผ่ อําเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานีภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24ได้มอบหมายให้ ข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24,ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ ธีระพงษ์ กลางสุวรรณ ในวันที่ 27 ต.ค.66 และร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณ วัดป่าหนองปิงตําบลหนองไผ่ อําเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 28'ต.ค.66

5.นายศักดิ์สิทธิ์ โคตมี ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 92,หมู่ 3 บ้านดงแสนสุข ตําบลบ้านดงเย็น อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานีภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24 ได้มอบหมายให้ ข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ นายศักดิ์สิทธิ์ โคตมี ในวันที่ 27 ต.ค.88 และร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณ วัดป่าบ้านดงแสนสุขตําบลบ้านดงเย็น อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 28!ต.ค.66

6.นายจักรพงษ์ จันทรเสนา ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 5 บ้านเดียม ตําบลเชียงแหว อําเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24 ได้มอบหมายให้ ข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ นายจักรพงษ์ จันทรเสนา ในวันที่ 2 พ.ย 66 และร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณ เมรุป่าช้าบ้านเดียม ตําบลเชียงแหว อําเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 3 พ.ย.66

7.นายบัญชา ดัชถุยาวัช ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 6 บ้านวังแสนสุข ตําบลวังทอง อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานีภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24 ได้มอบหมายให้ ข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ นายบัญชา ดัชถุยาวัช ในวันที่ 2 พ.ย.66 และร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณ เมรุวัดป่าประชารังตําบลวังทอง อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 3 พ.ย.66

8.นายเกียรติศักดิ์ พาที ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 63,หมู่ที่ 13 บ้านแดง ตําบลบ้านแดง อําเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานีภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24 ได้มอบหมายให้ข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ นายเกียรติศักดิ์ พาที ในวันที่ 9-10 พ.ย.66 และร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณ เมรุวัดป่าสามัคคีสันติธรรม ตําบลบ้านแดง อําเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 11 พ.ย.66

9.นายไกรสร อรัญถิตย์ ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 115หมู่ที่ 4บ้านหนองบัวแดง ตําบลหนองไผ่ อําเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24ได้มอบหมายให้ข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้ร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ นายไกรสร อรัญถิตย์ ในวันที่ 10-12 พ.ย.และร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ณ เมรุสํานักสงฆ์ป่าช้าวัดหนองปิงน้อย ตําบลหนองไผ่ อําเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 13,พ.ย.66

10.นายไชยยา รักษานนท์ ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 52/2 หมู่ 12 บ้านนาแค ตําบลเชียงเพ็ง อําเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.จรัส รองสวัสดิ สว.กบ.กก.ตชด.24?และข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้มอบเงินช่วยเหลือและนําพวงหรีดไปร่วมไว้อาลัยให้กับ ครอบครัว นายบัญชา ดัชถุยาวัช ในวันที่ 17 พ.ย.66

11.นายศักดิ์สิทธิ์ จําปาสิม ภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 8 บ้านโคกกลาง ตําบลข้าวสาร อําเภอบ้าน ผือ จังหวัดอุดรธานีภายใต้อํานวยการของ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.24ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.อภิสิษฐ์กรณ์ นุ่มมีชัย สว.จอส.,กร.กก.ตชด.24 และข้าราชการตํารวจ กก.ตชด.24 ได้มอบเงินช่วยเหลือและนําพวงหรีดไปร่วมไว้อาลัย ให้กับครอบครัว นายศักดิ์สิทธิ์ จําปาสิม ในวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา  เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย ตร. ที่ต้องการให้ตำรวจเป็นที่พึ่ง ได้ รับความศรัทธาจากประชาชน ยามมีภัยและได้รับทุกข์ จากการสูญเสียจากกรณีดังกล่าว "ผบช.ตชด.กล่าว"

‘รมช.คลัง’ เล็งพักหนี้เอสเอ็มอีทั้งระบบ ภายใต้กรอบภาระรัฐบาล ย้ำ!! พักหนี้ครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา ป้องกันเกิด ‘Moral Hazard’

(20 พ.ย. 66) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังศึกษาเรื่องการพักหนี้ของภาคเอสเอ็มอีทั้งระบบ แต่ก็ต้องดูให้อยู่ในกรอบที่รัฐบาลรับภาระไหว และยังต้องดูว่าการเข้าไปช่วยต้องไม่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และไม่ให้เกิด ‘Moral Hazard’ ด้วย

“ยอมรับว่ามีเม็ดเงินค่อนข้างสูง หนี้ของเอสเอ็มอีเฉลี่ยต่อรายไม่ใช่แค่หลักแสนบาท ถือเป็นภาระที่หนัก ซึ่งก่อนหน้านี้โจทย์ของการช่วยเหลือเรื่องการพักหนี้เอสเอ็มอี ช่วยตามรหัส 21 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคำอธิบายของกลุ่มนี้ มีแค่เอสเอ็มอีที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แล้ว ซึ่งรัฐบาลให้ช่วยเหลืออย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ยังมีเอสเอ็มอีอีกจำนวนมากที่ไม่ได้มีปัญหาหนี้สิน ยังไม่ถึงขั้นเป็นเอ็นพีแอล เราจึงต้องดูส่วนนี้ด้วย”

ทั้งนี้ ยอมรับว่า จากมาตรการพักหนี้ต่างๆ นั้น กังวลเรื่อง ‘Moral Hazard’ แต่ว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ ที่มีแรงกดดันทางเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อย เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องโยกแรงกดดันเหล่านี้ออก ให้ประชาชนสามารถเดินหน้าต่อไปได้ การพักหนี้ครั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เหมือนพักหนี้ครั้งก่อน เพราะเรามีกลไกอื่นเข้าไปช่วยด้วย

“ผมไปลงพื้นที่ตรวจงาน ได้ถามชาวบ้าน เกษตรกร ว่าพักหนี้มา 13 ครั้งแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนก็บอกว่า ไม่ได้ดีขึ้น มันเป็นเพียงแค่การประวิงเวลาเท่านั้น แต่กลไกครั้งนี้ ประกอบกับนโยบายอื่นๆ ที่รัฐบาลใส่เข้าไป มันจะสามารถให้ประชาชน พลิกฟื้นกลับมาแข็งแรงได้”

ส่วนกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมแถลงมาตรการแก้ไขหนี้สินประชาชนรายย่อย ในช่วงปลายเดือน พ.ย. 66 นี้ เป็นมาตรการแก้หนี้คนละส่วนกับการมาตรการพักหนี้เกษตรกรที่เคยออกมาแล้ว โดยการพักชำระหนี้เป็นเพียงการต่ออายุ ต่อลมหายใจให้พี่น้องเกษตรกร

ทั้งนี้ มาตรการแก้ไขหนี้สินประชาชนรายย่อยนั้น เป็นการของอีกส่วนงาน โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ซึ่งเมื่อ 14 พฤศจิกายน ได้มีการประชุมนัดแรก และเห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไปแล้ว

‘สมาคมนักเรียนไทย-จีน’ จัดค่าย ‘Young BRI 2023’ แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ หนุนความร่วมมือด้านเทคโนโลยี

เมื่อไม่นานนี้ ‘สมาคมนักเรียนไทย-จีน’ (TCSA) ร่วมกับ ‘สำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน’ (CAS-ICCB) จัดกิจกรรมโครงการ ‘Young BRI 2023 (Winter) มิติใหม่สัมพันธ์ไทย-จีน ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม’ รวมนักเรียนนักศึกษาไทย-จีนกว่า 60 คน เข้าค่าย 3 วัน 2 คืน ณ โรงแรม Holiday Inn Silom กรุงเทพฯ โดยโครงการกิจกรรมดังกล่าวนั้น ได้รับการสนับสนุนโดย สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย และร่วมจัดโดยสมาคมนักศึกษาและนักวิชาการจีนแห่งประเทศไทย (CSSAT)

ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืนของค่าย Young BRI 2023 (Winter) นั้น อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้งการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ผ่านการบรรยายโดยวิทยากรพิเศษ กิจกรรมสันทนาการเพื่อการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำกิจกรรมศึกษาดูงานนอกสถานที่ กิจกรรมประกวดแสดงความสามารถด้านการร้องเพลง และกิจกรรมนำเสนอผลงานกลุ่ม

สำหรับกิจกรรมแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ผ่านการบรรยายนั้น ได้รับเกียรติจากกูรูตัวจริงอย่าง ‘ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร’ ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา และอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายในหัวข้อ ‘การพัฒนาของจีนยุคใหม่กับโอกาสของเยาวชนไทย’ และ ‘ดร.อรสา รัตนอมรภิรมย์’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ CAS-ICCB บรรยายในหัวข้อ ‘การทูตวิทยาศาสตร์ในความสัมพันธ์ไทย-จีน’

โดยในส่วนของกิจกรรมศึกษาดูงานนอกสถานที่นั้น ทางคณะผู้จัดได้พาไปดูความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ไทย-จีน ณ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ อ.องครักษ์ จ.นครนายก เรียนรู้การทำงานของเตาปฏิกรณ์ฟิวชัน TT-1 (Thailand Tokamak l) ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์แห่งแรกในอาเซียน

นอกจากนี้ ยังไปที่สวนนวัตกรรม ‘Summer Lasalle Innovation park’ กทม. รับฟังประสบการณ์จากตัวแทนบริษัท Ocean Sky Network Co.,Ltd. : Online Marketing Analysis , Mettler-Toledo (Thailand) Co.,Ltd. : Production and service for measuring instruments for lavatories, Cosmax (Thailand) Co.,Ltd. : ODM Manufacturer for K-beauty and health products และเดินชมพื้นที่ของสวนนวัตกรรมในบรรยากาศสบายๆ

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมนำเสนอผลงานกลุ่ม และกิจกรรมสันทนาการเพื่อละลายพฤติกรรม และสานสัมพันธ์มิตรภาพของนักเรียนนักศึกษาไทย-จีน ซึ่งออกแบบโดย ‘นางสาวธนธร ศิระพัฒน์’ อุปนายกสมาคมนักเรียนไทย-จีน และกิจกรรมแสดงความสามารถผ่านการประกวดร้องเพลงจีนที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ ‘พระจันทร์’ อันเป็นกิจกรรมที่สืบเนื่องมาจากเทศกาลวันไหว้พระจันทร์

กิจกรรม 3 วัน 2 คืนผ่านไปด้วยดี บรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ไทย-จีน และภาพรวมของ ‘ความคิดริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง : Belt and Road Initiative’ (BRI) ที่สำคัญ ยังเป็นพื้นที่ให้เหล่านักเรียนนักศึกษาชาวไทยและชาวจีนได้มารู้จักกัน แลกเปลี่ยนและสร้างมิตรภาพกันผ่านกิจกรรมที่ออกแบบโดยสมาคมฯ และเครือข่ายผู้ร่วมจัด

‘ไทย’ หนุนเส้นทางท่องเที่ยว-โชว์มนต์เสน่ห์ ‘ภาคอีสาน’ ชูวัฒนธรรม-ยกระดับผลิตภัณฑ์-งานหัตถศิลป์สู่ตลาดจีน

(20 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว, คุนหมิง รายงานว่า คุณสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำคณะผู้แทนบริษัทผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยมากกว่า 20 แห่ง เข้าร่วมงาน ‘ไชน่า อินเตอร์เนชันแนล ทราเวล มาร์ต’ (China International Travel Mart) ปี 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่นครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อวันที่ 17-19 พ.ย. ที่ผ่านมา

คุณฐาปนีย์ กล่าวว่า การเข้าร่วมงานครั้งนี้ มุ่งนำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่สู่ตลาดจีน ภายใต้แนวคิด ‘ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ยิ่งเที่ยวยิ่งสนุก’ โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถโดยสารรถไฟจีน-ลาว มาท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของไทย ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวฯ ยังจัดการแสดงรำไทย การนวดแผนโบราณ และการทำงานหัตถศิลป์ ที่พาวิลเลียนไทย เพื่อนำเสนอขนบธรรมเนียมและมนต์เสน่ห์วัฒนธรรมภาคอีสานด้วย

คุณสุดาวรรณ เผยว่า ไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับจีน ในด้านการลงทุนทางเศรษฐกิจ การศึกษา และการท่องเที่ยว ขณะที่งานนี้ถือเป็นนิทรรศการจัดแสดงขนาดใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีน รวมถึงเป็นเวทีสำหรับบริษัทผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย ได้ติดต่อสื่อสารกับบรรดาผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีน ส่งเสริมผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของไทยแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน และขยายส่วนแบ่งในตลาดจีน

ทั้งนี้ คุณสุดาวรรณ เสริมว่า ไทยดำเนินมาตรการฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ระยะ 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. เป็นต้นมา พร้อมกับพยายามยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการทางการท่องเที่ยว ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างแข็งขัน เพื่อรับประกันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีนในไทย ช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวจีนได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอันยอดเยี่ยม สร้างความประทับใจที่ดีแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน

การท่องเที่ยวฯ ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเยือนไทยในปีนี้รวมอยู่ที่ 2.86 ล้านคน เมื่อนับถึงวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวคนหนุ่มสาวที่เดินทางมาท่องเที่ยวด้วยตนเอง โดยการท่องเที่ยวฯ จะเดินหน้าสร้างสรรค์ภาพลักษณ์เชิงบวกของการท่องเที่ยวไทย เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนได้ดียิ่งขึ้น

‘กระทรวงแรงงาน’ ตั้งเป้าปี 67 ส่งออกแรงงานไทย 1 แสนคน เผย ‘ไต้หวัน-อิสราเอล-เกาหลีใต้’ ติด 3 อันดับจัดส่งมากที่สุด

(20 พ.ย. 66) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบนโยบายสำคัญให้กับกระทรวงแรงงานไว้ว่า ให้ส่งเสริมและขยายตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศ จำนวน 100,000 อัตรา ภายในปีงบประมาณ 2567

โดยรายชื่อประเทศกลุ่มเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงาน 100,000 คน ในปีงบประมาณ 2567 พบส่งไปทำงานแถบเอเชียมากที่สุด รวมทั้งสิ้น 72,000 คน อันดับ 1 ไต้หวัน เป้าหมาย 20,300 คน ขณะที่ อิสราเอล ยังคงเป็นประเทศเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงาน ในอันดับที่ 2 เป้าหมาย 7,700 คน ตามด้วย สาธารณรัฐเกาหลี เป้าหมาย 7,500 คน

นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ตนได้มอบให้กรมการจัดหางาน เตรียมแผนการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศไว้เรียบร้อยแล้ว เน้นส่งเสริมรักษาการจ้างงานในตลาดแรงงานเดิม ควบคู่กับการขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีความต้องการจ้างแรงงานในตำแหน่งที่กำลังขาดแคลน หรือประเทศที่มีแนวโน้มการจ้างแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้น

ในปีงบประมาณ 2567 ตั้งเป้าหมายจัดส่งไปทำงานแถบเอเชียมากที่สุด รวม 72,000 คน รองลงมาคือแถบยุโรป 14,000 คน ตะวันออกกลาง 10,500 คน อเมริกาเหนือ 1,800 คน แอฟริกา 1,100 คน และอเมริกาใต้ ออสเตรเลียและโอเชียเนีย 600 คน

ขณะที่เป้าหมายอันดับหนึ่ง ในการจัดส่งยังคงเป็นตลาดแรงงานในไต้หวัน จำนวน 20,300 คน รองลงมาคือ อิสราเอล จำนวน 7,700 คน สาธารณรัฐเกาหลี จำนวน 7,500 คน ญี่ปุ่น และสวีเดน เป้าหมายจัดส่งจำนวนเท่ากันที่ 6,000 คน และมาเลเซีย 4,000 คน หากดูจากตัวเลขประมาณการ คาดว่าจะจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งในตลาดแรงงานเดิมและตลาดแรงงานใหม่ได้รวม 100,000 อัตราแน่นอน

‘โตโยต้า’ เล็งหนุน ‘ไทย’ ศูนย์กลางผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หลัง ‘รบ.ไทย’ ตั้งเป้าผลิต EV เกินครึ่งในปี 2573

(20 พ.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘AEC Connect’ โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘โตโยต้า’ จ่อหนุนไทยเป็นเมืองหลวง EV ความว่า…

ในเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยออกนโยบายจูงใจใหม่เพื่อกระตุ้นให้คนเปลี่ยนมาใช้รถ EV โดยตั้งใจเปลี่ยนการผลิตรถยนต์กว่าครึ่งหนึ่งของไทยให้เป็นรถ EV ภายในปี 2573

จากงานวิจัยของ Counterpoint Research พบว่า ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนมีอิทธิพลต่อตลาดรถ EV ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากที่สุด ซึ่งไทยครองส่วนแบ่งเกือบ 79% ของจำนวนรถ EV ทั้งหมดที่ถูกขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไตรมาสแรกของปี 2566

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าตลาดรถ EV ของไทยจะใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ก็ยังคงมีการแข่งขันว่าแบรนด์รถ EV ใดจะขายได้มากสุดในประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน แบรนด์รถ EV ที่ขายดีที่สุดในไทยคือ BYD ของจีน แต่แบรนด์รถสัญชาติจีนอื่น ๆ ก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่หวังว่าจะสร้างผลกระทบในตลาดรถ EV ในไทยอีกหนึ่งแบรนด์คือ โตโยต้าจากญี่ปุ่น ซึ่งเรียกว่าเป็นแบรนด์ประจำบ้านในไทยไปแล้ว โดยได้รับความนิยมจากรถเก๋งและรถกระบะ

ในฐานะศูนย์กลางรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก ไทยเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ส่งออกรถยนต์โตโยต้าและฮอนด้า แต่เพื่อเปลี่ยน 1 ใน 3 ของยอดการผลิตรายปีจำนวน 2.5 ล้านคันให้เป็นรถ EV ภายในปี 2573 ระบบนิเวศทางที่ถูกต้องจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลง

โดยรัฐบาลไทยมีความต้องการที่จะทำงานร่วมกับโตโยต้าเพื่อพัฒนารถ EV ในประเทศ ซึ่งรวมถึงการพัฒนารถยนต์ Eco Car และรถกระบะด้วย ทั้งนี้มาจากการที่โตโยต้าวางแผนทดสอบรถกระบะไฟฟ้าครั้งแรกในไทย เพื่อจะกระตุ้นยอดขายรถ EV ภายในประเทศ

อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยก็ออกแผนลดหย่อนภาษี 3 ปีให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ที่ลงทุนในระบบ Automation และ Robotics หลังมีการลดเงินอุดหนุนผู้บริโภคสำหรับการซื้อรถ EV ลง

เพื่อนช่วยยัน!! ‘พิธา’ ขึ้นแปรอักษรงานจตุรมิตรจริง ส่วนที่ไปเมืองนอก 11 ขวบ คือไปเรียนแบบซัมเมอร์

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 66 อดีตหัวหน้าห้องช่วยยืนยัน ‘พิธา’ ขึ้นแปรอักษรจริง เช็กชื่อทุกเช้า ส่วนไปเรียนเมืองนอกตอน 11 ขวบ เป็นแบบไปซัมเมอร์ เข้าแคมป์ช่วงปิดเทอม พอพร้อมค่อยไปเรียนต่อเต็มรูปแบบ วอนแยกแยะจบดรามา

จากกรณีดรามาเพจดังจับโป๊ะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่าได้ขึ้นแปรอักษร 2 ครั้ง สมัยเรียนโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แต่เมื่อย้อนไปดูเทปที่เคยให้สัมภาษณ์บอกว่าไปเรียนต่อนิวซีแลนด์ตั้งแต่ 11 ขวบ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะได้ขึ้นแปรอักษร กระทั่งมีภาพยืนยันว่าความจริงแล้วนายพิธา ยังเรียน ม.3 ที่กรุงเทพคริสเตียน จึงถูกตั้งคำถามว่าแล้วจะพูดเท็จเรื่องไปเรียนต่อตั้งแต่อายุ 11 ขวบเพื่ออะไร

ล่าสุด ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า ‘Orio Piriyawat’ ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุว่า…

“ในฐานะ อดีตหัวหน้าห้อง ม.2 ห้อง 25 กับ ม.3 ห้อง 35 ผม ‘โอ’ (เพื่อนเรียก ‘เตี้ย’) กท.22718 ‘ทิม พิธา’ เรียนอยู่กับผม ขึ้นแปรอักษรร่วมกัน เป็น BCC145 ตลอดกาล ผมเช็กชื่อนับจํานวนนักเรียนทุกเช้า ประเด็นเรื่องไปเรียนต่อเมืองนอกทับซ้อน โกหก ขออธิบายตรงนี้ เขาไปเรียนจริงแต่เป็นแบบไปเรียนซัมเมอร์ เข้าแคมป์ ตามประสา ปิดเทอม จนพร้อมก็ไปเรียนต่อต่างประเทศเต็มรูปแบบ ดังนั้น แยกแยะนะครับ จบดรามานะครับ #bcc145”

เลขาฯ ศอ.บต. เข้าพบผู้นำศาสนา จชต. เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งฯ พร้อมหารือประสานงานการพัฒนา สอดรับบริบทวิถีชีวิต-กิจกรรมทางศาสนา

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2566 พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เข้าพบ นายศักดิ์กรียา บิลแสละ ประธานคณะกรรมการอิสลาม ประจำจังหวัดสงขลา เพื่อขอคำชี้แนะในการประสานงานพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สอดคล้องกับบริบทวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่และกิจกรรมทางด้านศาสนา โดยมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา และนายซากีย์ พิทักษ์คุมพล สมาชิกวุฒิสภา ร่วมให้การต้อนรับ ณ สำนักงานคณะกรรมการฯ มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา 

โดยได้มีการพูดคุยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่สอดรับกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งมีการพูดคุยการยกระดับการท่องเที่ยว สืบเนื่องพบว่า แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวประเทศมาเลเซียเข้าเที่ยวไทยเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้มีจำนวนกว่า 3.6 ล้านคน นอกจากนี้ เลขาธิการ ศอ.บต. ยังได้เข้าเยี่ยมหลุมฝังศพของนายอาศิส พิทักษ์คุมพล อดีตจุฬาราชมนตรี ที่ถึงแก่อนิจกรรมในวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมาด้วย 

จากนั้นพันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ได้เดินทางเข้าพบนายอรุณ อุมาจิ ประธานคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดสตูล และคณะกรรมการอิสลามฯ ณสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม จังหวัดสตูล เพื่อหารือประสานความร่วมมือด้านการพัฒนาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับความร่วมมือในการยกระดับการพัฒนาในมิติต่างๆอย่างราบรื่น 

เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า เนื่องจากเป็นวาระในการเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการเข้าพบปะผู้นำศาสนาทั้ง 5 จังหวัด ทุกศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมขอคำแนะนำในการดำเนินงาน ให้ ศอ.บต. มีส่วนร่วมในการพัฒนาและดำเนินกิจกรรมทางศาสนา เพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ด้าน ประธานคณะกรรมการฯจังหวัดสตูล เผย ปลาบปลื้มและดีใจ เมื่อรับรู้ว่าเลขาธิการ ศอ.บต. มีกำหนดเดินทางเข้าพบ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดการดำเนินงาน เพื่อประชาชน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ขอฝากให้เลขาธิการ ศอ.บต. ผลักดันให้สตูลเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหายาเสพติด การท่องเที่ยว การดูแลเยาวชนในพื้นที่ และขอให้ผลักดันการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ เพื่อเป็นของขวัญแก่คนสตูล

นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เข้าพบแม่ทัพภาคที่ 4 หารือการจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์สื่อมวลชน และผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมเศรษฐกิจไทยมาเลเซียอินโดนีเซีย IMTGT

ที่ห้องรับรองกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าพบ พลโท ศานติ ศกุนตนาค  แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พลตรี กรกฏ ภู่โชติ  รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะ เพื่อร่วมปรึกษาหารือและยื่นหนังสือเรื่องการจัดโครงการ "#สานสัมพันธ์สื่อมวลชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยวคาบสมุทรมลายูครั้งที่1”กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2566 นี้ 

เพื่อส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว พร้อมหารือเรื่องการสร้างความเชื่อมั่น การดูแลความปลอดภัย ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการและสื่อมวลชนในโครงการนี้ 

สำหรับ โครงการดังกล่าว สมาคมหนังสือภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้นำเครือข่ายผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว สื่อมวลชนจากมาเลเซีย และอินโดนีเซีย มาชมแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นและใหม่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการสัมมนาหัวข้อ”#ความร่วมมือการพัฒนาการท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจIMTGT” ที่จังหวัดสงขลา เพื่อประชาสัมพันธ์แลกเปลี่ยนข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะเขตพัฒนาเศรษฐกิจ IMTGT เชื่อมสัมพันธ์และกระชับมิตรระหว่างสื่อมาเลเชีย อินโดนีเชีย และสื่อไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย 

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่แล้ว ยังมีความตั้งใจอยากจะนำผู้ประกอบการท่องเที่ยว และสื่อมวลชน จากประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซียกว่า 40 คน ได้มาพบปะรับฟังนโยบายการดูแลรักษาความปลอดภัยจาก พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมให้การสนับสนุนทุกๆ กิจกรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

และที่สำคัญยังได้สร้างการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไปยังสื่อมวลชน และกลุ่มผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศให้เข้าใจถึงบริบทของสถานการณ์ และสร้างความเชื่อมั่น ที่จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ต่อยอดไปสู่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ต่อไปในอนาคต

#กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า #กอรมนภาค4ส่วนหน้า #สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประทศไทย #ไชยยงค์มณีรุ่งสกุล #จังหวัดชายแดนภาคใต้ #สานสัมพันธ์สื่อมวลชนไทยมาเลเซียอินโดนีเซีย

‘พม.’ เดินหน้าช่วยเหลือ ‘แรงงานไทย​’ หลังกลับจากอิสราเอล​ พร้อมส่ง จนท.ดูแลสภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต​อย่างใกล้ชิด​

(21 พ.ย. 66) นายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์​ (พม.) กล่าวถึงการให้การช่วยเหลือแรงงานไทย หลังจากเดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลว่า​ ขณะนี้มีแรงงานลงทะเบียนกับกระทรวง พม. 8,400 ราย โดยขณะนี้เอง เจ้าหน้าที่ได้มีการให้คำแนะนำไปแล้วกว่า 8,348 ราย พร้อมช่วยเหลือส่งกลับภูมิลำเนา​

ในกรณีที่เดินทางกลับเองไม่ได้อีกกว่า 300 ราย โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ พม.​ในพื้นที่​ 62 จังหวัด ทั่วประเทศได้มีการติดตาม และเข้าเยี่ยมแรงงานที่ได้รับผลกระทบ เกือบ 2,000 ราย​  รวมไปถึงทางกระทรวง​ พม.ได้ให้ความช่วยเหลือ เยียวยา​ 1,030 ราย​ ทั้งเรื่องเงินสงเคราะห์​ การให้คำปรึกษา​ การสนับสนุนอาชีพ​ การให้ทุนการศึกษา​ ซึ่งที่ผ่านมา​ พม.ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top