Tuesday, 24 June 2025
NewsFeed

‘ที่ปรึกษารองอ้วน’ ตอก!! ‘ศิริกัญญา’ หลังค้าน ‘เงินดิจิทัล’ ชี้!! ‘คนลำบาก-ไม่มีกิน’ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐต้องรีบแก้

(17 พ.ย. 66) นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์) ย้อนนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทำไมความรู้สึกช้านัก ว่าขณะนี้ประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ความยากจน ความอดอยากและความทุกข์ยาก ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนเร่งด่วนหรือ ความจนและคนไม่มีกินไม่มีใช้ เจ็บปวดแค่ไหนรู้หรือไม่

“สส.บางคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก เพราะอาจจะไม่เข้าใจและไม่เคยสัมผัสความยากจน เป็นพวกสุขนิยม พ่อแม่หาให้กิน แต่รัฐบาลนี้โดยการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เห็นว่าความยากจนเป็นเรื่องเร่งด่วน จะไม่ยอมให้คนไทยลำบากอีกต่อไป อะไรช่วยได้ช่วยทันที” นายพายัพ กล่าว

นายพายัพ กล่าวว่า การที่รัฐบาลทำเรื่องนี้ให้เป็น พ.ร.บ.เงินกู้ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพราะต้องการฟังเสียงประชาชน และไม่กังวลกับการตรวจสอบ อยากฟังเสียงผู้แทนประชาชนให้รอบด้าน เป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 และมาตรา 53 เพราะความยากจนของคนไทยวันนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รอไม่ได้ จึงอยากให้นางสาวศิริกัญญา พิจารณาฟังเสียงให้รอบด้านด้วย

กรุงเทพฯ ติดโผ!! 10 อันดับเมืองท่องเที่ยวถูกค้นหา ‘มากที่สุดในโลก’ ปี 2023

จากผลการสำรวจและจัดอันดับ 10 เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางมีผู้คนค้นหามากที่สุดในโลก ประจำปี 2566 (Top 10 Most Searched Destinations Of 2023) จัดทำโดย eDreams Odigeo บริษัทด้านการเดินทางรายใหญ่ของโลก พบว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ เมืองหลวงของประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 4 รองจาก ลอนดอน ปารีส และนิวยอร์ก

ทางเว็บไซต์ Traveloffpath (https://www.traveloffpath.com/these-are-the-top-10-most-searched-destinations-of-the-year-according-to-new-report/) ระบุว่า กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ยังคงตอกย้ำการเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่สุดในทวีปเอเชีย โดดเด่นด้วยการผสมผสานเอกลักษณ์เฉพาะตัวระหว่าง วัดโบราณ ตลาดที่คึกคัก รวมไปถึงทิวทัศน์อันเงียบสงบ สามารถมอบประสบการณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวเสมือนการชมภาพยนตร์ ซึ่งยากจะเลียนแบบได้ในช่วงพักร้อนของเมืองในยุโรปและสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังมีสถานที่มหัศจรรย์ทางประวัติศาสตร์อย่าง พระบรมมหาราชวัง และวัดอรุณราชวราราม ซึ่งล้วนได้รับการเติมเต็มอย่างสวยงามด้วยวิถีชีวิตความเป็นเมืองบนท้องถนน พร้อมด้วยตลาดน้ำ และถนนข้าวสารที่มีชีวิตชีวา

ผลการจัดอันดับนี้เป็นการย้ำถึงศักยภาพของไทย ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ 

‘โอ๋ ชัยวุฒิ’ ไม่ห่าง ‘ลุงป้อม’ แวะเยี่ยมหาสม่ำเสมอ เหตุเพราะ ‘สำนึกบุญคุณ’ ผู้มีพระคุณที่เคยมอบโอกาสให้

(17 พ.ย. 66) จากคอลัมน์ 'เปลวสีเงิน' ได้นำเสนอบทความในหัวข้อ…อยู่กับ ‘ลุงป้อม’ เสมอ…ระบุความว่า...

นี่แหละการเมือง ยามมีอำนาจมีแต่คนรายล้อม วันสิ้นอำนาจหันมองข้าง ๆ ช่างบางตา ชีวิต ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แทบจะเป็นแบบนั้น

ย้อนกลับไปก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา เมื่อครั้งยังเป็นรองนายกรัฐมนตรี บารมีเฉิดฉาย ไปที่ไหนรัฐมนตรี สส. และนักการเมือง แย่งกันเบียดเพื่อไปยืนข้าง ๆ ชนิดแทบจะเหยียบกันตาย

ขนาดงานลงพื้นที่ธรรมดา ๆ ลูกพรรคยังยกพรรคกันไปแห่รอรับ พินอบพิเทาเอาใจ ลุงป้อม ประหนึ่งขอความเมตตา

แต่มาวันนี้ เหลือกันไม่กี่คนที่ยังคอยเคียงข้างลุง แบบว่างานราษฎร์ งานหลวง ไปตลอดแทบไม่เคยขาด อย่างเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ลุงป้อม เดินทางไปเป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคีที่วัดเกาะแก้ว และวัดโพธิ์เผือก อ.เมืองฯ จ.พระนครศรีอยุธยา เห็นแล้วต้องบอกว่าใจหาย นั่นเพราะข้างกายวันนี้เหลือกันอยู่ไม่กี่คน

วันดังกล่าว ข้าง ๆ ตัว ลุงป้อม มีแค่ ‘บิ๊กน้อย’ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ ‘บิ๊กณัฐ’ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ 2 น้องรักตั้งแต่อยู่ด้วยกันในกองทัพ

ขณะที่นักการเมืองแท้ๆ มีแค่ ‘เสี่ยโอ๋ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์’ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คนเดียวเท่านั้น

มีคนเล่าว่า ทุกวันนี้เป็นแบบนี้จริง ๆ คนที่เข้า ๆ ออก ๆ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เหลือกันไม่กี่คน ต่างจากอดีตที่แทบจะแย่งบัตรคิวเข้าพบลุงป้อม

ส่วนในราย ‘เสี่ยโอ๋’ หลายคนยืนยันตรงกัน ยังเข้าไปหา ‘ลุงป้อม’ สม่ำเสมอ แม้วันนี้จะไม่มีตำแหน่งแห่งหนอะไร หากมีงานที่ไหน คิวว่าง อดีตเสนาบดีรายนี้ยืนไม่เคยห่าง

เรื่องของเรื่อง เพราะ ‘เสี่ยโอ๋’ ซาบซึ้งใจ ‘ลุงป้อม’ ในฐานะที่เป็นผู้ให้โอกาส ให้นักการเมืองสิงห์บุรีรายนี้ได้พาสชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกับเขาสักครั้ง บุญคุณนี้ยากจะทดแทน

แล้วในยามที่ ‘ลุงป้อม’ เป็นแบบนี้ การปลีกห่างไม่ใช่แนวทางคนอย่าง ‘เสี่ยโอ๋’ แน่

‘นฤมล’ เผย ‘ญี่ปุ่น’ สนใจลงทุนหลากอุตฯ ใหม่ในไทย พร้อมเสนอ ‘ไทย’ เป็นฮับผลิตรถยนต์ EV ของอาเซียน

เมื่อวานนี้ (16 พ.ย. 66) ศาสตราจารย์นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้า เปิดเผยภายหลังต้อนรับและหารือกับนายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย โดยเอกอัครราชทูตนะชิดะ ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งของศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้า พร้อมกล่าวยืนยันว่าประเทศญี่ปุ่นทั้งภาครัฐและภาคเอกชนพร้อมที่จะทำงานร่วมมือกับรัฐบาลภายใต้การนำ ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ซึ่งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์เป็นมิตรที่ดีต่อกันมายาวนาน

ผู้แทนการค้า กล่าวว่า เอกอัครราชทูตนะชิดะ เสนอไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่หลากหลายในช่วงของการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่การเป็นประเทศศูนย์กลางการผลิตรถ EV และสินค้าที่เชื่อมโยงเพื่อส่งไปยังประเทศอาเซียน อีกทั้ง ภายใต้นโยบาย Green Growth ของประเทศญี่ปุ่น ภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นมีความสนใจร่วมลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกลุ่มใหม่ เช่น AI, Bio Technology, Modern Agriculture และ Clean Energy ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของท่านนายกฯ เศรษฐา ที่ต้องการส่งเสริม Green Economy & Clean Energy เช่นกัน 

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดจากแสงแดด ลม น้ำ และขยะ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอาจมีการนำพลังงานสะอาดเหล่านี้มาใช้ในภาคการผลิตมากขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) ยังมองว่า การเปลี่ยนผ่านนโยบายด้านพลังงานของไทยมีความเป็นรูปธรรมชัดเจน จึงพร้อมสนับสนุนนโยบายพลังงานสะอาดร่วมกับไทย และ METI จะเสนอกรอบความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยจะเน้นย้ำประเด็น Green Transition

ในส่วนเรื่องการพัฒนาทุนมนุษย์ของไทย ผู้แทนการค้า กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีความตั้งใจที่จะให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลขั้นสูงต่อไป โดยหวังอย่างยิ่งว่านักธุรกิจรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นและไทยจะได้มีการติดต่อแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น ในลักษณะ Business Matching

“เดือนธันวาคม นายกฯ และคณะผู้บริหารรัฐบาล มีกำหนดการไปเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อหารือและขยายกรอบการลงทุนร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น ในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-ไทยในหลายด้านให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นไปอีก” ผู้แทนการค้าย้ำ

‘ดร.เอ้’ แนะ!! กทม.สำรวจ-ประเมินตึกสูงนับหมื่นแห่ง หวั่น!! แผ่นดินไหวส่งผลกระทบ ชี้!! ความเสียหายจะหนักหนา

(17 พ.ย. 66) ศาสตราจารย์ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เอ้ สุชัชวีร์’ ระบุว่า…

ภัยแผ่นดินไหว อันตรายจริง กทม.มีความเสี่ยง!!

แผ่นดินไหวที่เมียนมา สะเทือนถึงกรุงเทพ ตึกเก่าหลายหมื่น เสี่ยงจริง กทม.ต้องมีมาตราการสำรวจ และประเมินความแข็งแรงของอาคารในกรุงเทพ อย่างจริงจัง

อย่าทำเป็นเล่น หากอาคารถล่ม ความสูญเสีย ประเมินค่ามิได้ เป็นห่วงครับ
#แผ่นดินไหว

เปิดความจริง!! กองกำลังอิสราเอลในฉนวนกาซา ส่วนหนึ่งเป็นทหารรับจ้าง ‘มิใช่’ แรงงานไทยผันตัว

ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏมีภาพที่ระบุว่า เป็นชายไทยในชุดเครื่องแบบทหารสังกัด IDF (Israel Defense Forces) หรือกองกำลังป้องกันอิสราเอล โดยมีข่าวประกอบว่าเป็นแรงงานไทยซึ่งสมัครเป็นทหารรับจ้าง (Mercenaries) ให้กับอิสราเอล

ต่อมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงต่างประเทศของไทยได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวเรื่องแรงงานไทยสมัครเป็นทหารรับจ้างให้กับอิสราเอลดังนี้ 

“กรณีที่มีกระแสข่าวในโลกโซเชียลว่ามีแรงงานไทยไปเป็นทหารให้แก่ฝ่ายอิสราเอลในช่วงสถานการณ์อิสราเอล-กาซา นั้น ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า มีคนไทยที่เป็นลูกครึ่งไทย-อิสราเอลไปเป็นทหารกองหนุนให้อิสราเอลจริง แต่ไม่ใช่พี่น้องแรงงานไทยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นอกเหนือจากแรงงานไทยในภาคเกษตรกรรมในอิสราเอลแล้ว ยังมีหญิงไทยจำนวนหนึ่ง (ประมาณ 400 - 500 คน) ที่แต่งงานกับคนอิสราเอล และมีบุตรซึ่งถือ 2 สัญชาติ คือทั้งสัญชาติไทยและอิสราเอล ซึ่งตามกฎหมายอิสราเอล บุคคลสัญชาติอิสราเอลทุกคน (ทั้งหญิงและชาย) จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเมื่ออายุครบ 18 ปี 

โดยผู้ชายมีระยะเวลารับราชการทหาร 32 เดือน และผู้หญิงมีระยะเวลารับราชการทหาร 24 เดือน และเมื่อเสร็จสิ้นระยะเวลาเกณฑ์ทหารดังกล่าวแล้ว ทุกคนจะถูกบรรจุเข้าเป็นทหารกองหนุน ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ทหารหากถูกเรียกจากกองทัพอิสราเอล

ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 66 กองทัพอิสราเอลได้เรียกทหารกองหนุนจำนวนกว่า 350,000 คน หรือประมาณร้อยละ 4 ของประชากรอิสราเอลทั้งหมด เข้าปฏิบัติหน้าที่ ถือได้ว่าเป็นการเรียกทหารกองหนุนครั้งใหญ่ที่สุดของอิสราเอล จึงย่อมมีลูกครึ่งไทย-อิสราเอลที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ทหารกองหนุนตามกฎหมายอิสราเอล มิใช่แรงงานไทยที่แฝงตัวไปเป็นทหารรับจ้างให้แก่อิสราเอลตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด 

ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ จึงขอความร่วมมืออย่าเผยแพร่ข่าวปลอมหรือข่าวที่อาจทำให้สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนทั้งไทยและต่างประเทศ” 

หมวก Kippah 

จากภาพดังกล่าวจะเห็นว่า ชายหนุ่มในภาพหน้าตาคล้ายชาวเอเชีย และหลายคนสวมใส่หมวก Kippah อันเป็นหมวกผ้าใบเล็ก ๆ ซึ่งสวมใส่เฉพาะชายที่นับถือศาสนา Judaism เท่านั้น ดังนั้นบรรดาชายในภาพจึงน่าจะเป็นลูกครึ่งเอเชีย-อิสราเอล หรืออาจจะเป็นลูกติดของหญิงเอเชียที่แต่งงานกับชายอิสราเอล ต่อมาได้รับสัญชาติอิสราเอล และต้องทำหน้าที่ของพลเมืองอิสราเอลตามกฎหมาย 

ชาวจีนเชื้อสายยิว (Kaifeng Jews) ในเมืองไคเฟิง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน

นอกจากนั้นแล้วในอิสราเอลยังมีชาวจีนเชื้อสายยิว (Kaifeng Jews) อยู่อีกจำนวนหนึ่งด้วย โดยไปจากชุมชนเล็ก ๆ ที่มีผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวจีนเชื้อสายยิว ในช่วงศตวรรษแรกของการตั้งถิ่นฐานอาจมีสมาชิกประมาณ 2,500 คน แม้ว่าพวกเขาจะแยกตัวออกจากชาวยิวพลัดถิ่นส่วนที่เหลือ แต่บรรพบุรุษของพวกเขาก็ยังคงปฏิบัติตามประเพณีและขนบธรรมเนียมของชาวยิวมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ วิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนชาวจีนเชื้อสายยิวค่อย ๆ เสื่อมสลายหายไป เนื่องจากการหลอมรวมและการแต่งงานระหว่างชาวยิวเชื้อสายจีนใกับชาวจีนฮั่นและชาวจีนฮุย 

จนกระทั่งเมื่อถึงศตวรรษที่ 19 ความเป็นยิวก็แทบจะหมดไป นอกเหนือจากการเก็บรักษาความทรงจำเกี่ยวกับอดีตความเป็นชาวจีนเชื้อสายยิวในตระกูลของตน ปัจจุบันน่าจะเหลือสมาชิกในจีนอยู่ราว 600-1,000 คน และอพยพไปอยู่อิสราเอลไม่กี่สิบคน

มีข่าวจาก www.middleeastmonitor.com ระบุว่า IDF ได้ใช้ทหารรับจ้างต่างชาติเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติการในฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม ตามรายงานจาก El Mundo สื่อใหญ่ของสเปน

ภาพถ่ายไม่ระบุวันที่นี้ของ Pedro Diaz Flores ทหารรับจ้างชาวสเปนซึ่งเข้าร่วมกองกำลังอิสราเอล เคียงข้างเพื่อนร่วมงานที่จุดตรวจตามแนวรั้วที่กั้นดินแดนที่ถูกยึดครองกับฉนวนกาซา

ในบรรดาทหารรับจ้างต่างชาตินั้น มีทหารรับจ้างชาวสเปนที่เคยต่อสู้เคียงข้างนีโอนาซีชาวยูเครนหลังจากการรุกรานของรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว Pedro Diaz Flores ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว แต่เขายังมีชีวิตสบายดี

ตามรายงานของสื่อที่ทำการสัมภาษณ์เขา “ผมมาเพื่อเงิน พวกเขาจ่ายดีมาก มีอุปกรณ์ดี และงานก็ใช้ได้ เงินก็ดีด้วย 3,900 ยูโร (4,187 ดอลลาร์) ต่อสัปดาห์ นอกเหนือจากภารกิจเสริม” Flores กล่าวถึงแรงจูงใจในการเข้าร่วมกองกำลัง IDF

อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า เขาสู้รบในที่ราบสูงโกลันที่ถูกยึดครอง “เราให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยแก่ขบวนรถติดอาวุธหรือกองกำลังของกองทัพอิสราเอลที่อยู่ในฉนวนกาซาเท่านั้น เราไม่ได้ต่อสู้กับกลุ่มฮามาสโดยตรง และไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการจู่โจม”

“เรามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของจุดตรวจและการควบคุมการเข้าถึงบริเวณชายแดนฉนวนกาซาและจอร์แดน มี PMC [Private Mercenaries Companies : บริษัททหารรับจ้างเอกชน] จำนวนมาก ที่นี่และพวกเขาแบ่งปันงานกัน ปกติแล้วพวกเขาจะทำหน้าที่คอยคุ้มกันอาคารผู้โดยสารชายแดนระหว่าง Eliat และ Aqaba” เขากล่าวเสริม ตั้งแต่เดือนที่แล้ว มีการคาดการณ์ว่า ทหารรับจ้างที่ประจำการอยู่ในยูเครนจะเริ่มหันเหความสนใจไปช่วยเหลือและเข้าร่วมกองทัพอิสราเอล ในขณะที่จุดสนใจของชาติตะวันตกก็เปลี่ยนไปยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอลในขณะที่ IDF กำลังก่ออาชญากรรมสงครามและการสังหารหมู่พลเรือนชาวปาเลสไตน์

นอกจากนี้แล้วในสหราชอาณาจักร ศูนย์ยุติธรรมระหว่างประเทศสำหรับชาวปาเลสไตน์ (ICJP) ได้ส่งจดหมายถึงสำนักงานต่างประเทศ เครือจักรภพ และการพัฒนา (FCDO) เพื่อขอคำชี้แจงเร่งด่วนเกี่ยวกับจุดยืนของรัฐบาลสหราชอาณาจักรต่อชาวอังกฤษที่จะสู้รบในอิสราเอลและฉนวนกาซา ตามรายงานของ  ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม พลเมืองอังกฤษหลายร้อยหรือหลายพันคนได้ออกจากสหราชอาณาจักรเพื่อร่วมสู้รบกับกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ในฉนวนกาซา “ชาวอังกฤษจำนวนมากเหล่านี้อาจสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติอยู่แล้ว และอาจต้องเผชิญกับการดำเนินคดีในอนาคต หากเรื่องเหล่านี้ได้รับการพิจารณาคดี” จดหมายระบุ 

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอิสราเอลเรียกทหารกองหนุน 360,000 นายจากทั่วโลกเพื่อเข้าร่วมสงครามในฉนวนกาซา “ในสหราชอาณาจักร สื่อต่าง ๆ เต็มไปด้วยเรื่องราวของชาวอังกฤษเชื้อสายอิสราเอลที่ออกเดินทางเพื่อเข้าร่วม IDF บางคนอาจอยู่ที่นั่นผ่านโครงการ Mahal ซึ่งเป็นโครงการอาสาสมัครที่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวอิสราเอลเข้ารับราชการใน IDF ในการต่อสู้เต็มรูปแบบและมีบทบาทสนับสนุนสำหรับ นานถึง 18 เดือน” ICJP ได้ขอให้ “รัฐบาลสหราชอาณาจักรชี้แจงจุดยืนของตนในเรื่องความถูกต้องตามกฎหมายของพลเมืองอังกฤษที่จะสู้รบในอิสราเอลหรือฉนวนกาซา โดยสังเกตถึงความแตกต่างกับนโยบายของตนต่อยูเครน รัฐบาลได้ชี้แจงชัดเจนว่าพลเมืองอังกฤษไม่ควรเดินทางไปต่อสู้ในยูเครน และผู้ที่ทำเช่นนั้นอาจมีความผิดทางอาญา”

น่าจะพออนุมานได้ว่าไม่มีแรงงานไทยในกองกำลัง IDF แม้แรงงานส่วนหนึ่งอาจจะเคยรับราชทหารในกองทัพไทย แต่ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ มากมาย อาทิ ประสบการณ์การรบ วิธีปฏิบัติ ที่สำคัญที่สุดคือ ภาษา ฯลฯ อีกทั้งรัฐบาลไทยยึดมั่นในการดำรงนโยบายเป็นกลางต่อเหตุการณ์นี้ และยังคงมีการอพยพแรงงานที่สมัครใจกลับอยู่ตลอดเวลา การเข้าร่วมกองกำลัง IDF ของแรงงานไทยจึงน่าจะเป็นเพียงข่าวลือตามที่กระทรวงต่างประเทศของไทยได้แถลงนั่นเอง

‘ปตท. - GPSC - Nuovo Plus’ ร่วมมือ ‘TES’ ศึกษาการลงทุนตั้งโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ในไทย

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ Mr. John Jonghun Oh, Chief Strategy Officer, Total Environmental Solutions Company Limited (TES) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) บริษัท นูออโว พลัส จำกัด (Nuovo Plus) และ บริษัท โทเทิล เอนไวโรเมนทอล โซลูชั่นส์ จำกัด (TES) 

โดยมี ดร.ยุทธนา สุวรรณโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สถาบันนวัตกรรม ปตท. นายมนัสชัย คงรักษ์กวิน รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ GPSC นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี กรรมการ Nuovo Plus และ Mr. Luc Scholte van Mast, Managing Director, TES ร่วมลงนาม เพื่อแสวงหาโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีและศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศไทย สนับสนุนการดำเนินธุรกิจแบตเตอรี่ครบวงจรในอนาคต พร้อมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีรีไซเคิลมาส่งเสริมธุรกิจด้านพลังงานสะอาดที่เกี่ยวข้องให้แก่กลุ่ม ปตท. นอกจากจะช่วยเสริมศักยภาพการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับประเทศไทยต่อไป

กฟผ. ทช. เมืองพัทยา สานพลังร่วมฟื้นฟูอ่าวไทย พร้อมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการประมง สร้างรายได้กระตุ้นเศษฐกิจ

วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2566) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ เมืองพัทยา จัดกิจกรรมจัดวางฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า โครงการบ้านปลา กฟผ. โดยมี นางจินตนา บำรุง ผู้แทนปลัดเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ทช.)  นางสาวสุมิตรา กาญจนมิตร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคกลาง กฟผ. หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชลบุรี ชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำน้ำแบบเดินใต้ทะเล (Sea Walker) นักดำน้ำอาสาสมัคร เข้าร่วมกิจกรรมนำฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า กฟผ. กว่า 230 ชุด ไปวางบริเวณแนวปะการังพื้นที่เกาะสาก อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

นางจินตนา บำรุง ผู้แทนปลัดเมืองพัทยา เผยว่า ทช. และ กฟผ. ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองพัทยา เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นของประเทศไทย โดยฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าจะเป็นแหล่งยึดเกาะปะการัง เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศใต้ทะเลได้รับการฟื้นฟูกลับมาอุดมสมบูรณ์ ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและการประมงที่จะช่วยสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจของ จ.ชลบุรี ต่อไป  

นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ทช.) กล่าวว่า ทช. และ กฟผ. ได้ร่วมมือกันในการฟื้นฟูท้องทะเลไทยทั่วประเทศให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แก่สิ่งมีชีวิตบริเวณแนวปะการังในโครงการบ้านปลา กฟผ. โดย กฟผ. ได้ให้การสนับสนุนลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าที่ครบอายุการใช้งานมาทำเป็นฐานลงเกาะปะการังและนำไปวางในท้องทะเล เพื่อเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล นับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ทะเล และเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ในหลายพื้นที่ของ จ.ชลบุรี

นางสาวสุมิตรา กาญจนมิตร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคกลาง กฟผ. เปิดเผยว่า ลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าเป็นหนึ่งอุปกรณ์สำคัญในการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า ในแต่ละปีจะมีลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าที่ครบอายุการใช้งานเป็นจำนวนมาก กฟผ. ได้พิจารณาหาวิธีนำอุปกรณ์นี้มาใช้ประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงนำมาทำเป็นฐานลงเกาะของตัวอ่อนปะการังเพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล พร้อมประสานกับหน่วยงานทางทะเล และสถาบันการศึกษา เพื่อยืนยันลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ทั้งยังเกิดปะการังตามธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลอย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมา กฟผ. ร่วมกับ เครือข่ายพันธมิตร นำปะการังธรรมชาติจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า ไปวางไว้ใต้ทะเลไทยทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2554 โดยวางครั้งแรกที่ ต.แสมสาร  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต รวมทั้งสิ้นกว่า 5,000 ชุด พร้อมเดินหน้าโครงการร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ได้แก่  ทช. กองทัพเรือ และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 โดยร่วมกันพิจารณาเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อนำลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้ามาสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยและอนุบาลสัตว์ทะเล เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ทะเลตามแนวชายฝั่งให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน

‘จีน’ มุ่งส่งเสริม ‘อุตสาหกรรมการประหยัดน้ำ’ พร้อมวิจัย-พัฒนาอุปกรณ์ประหยัดน้ำในครัวเรือน

(17 พ.ย. 66) หลี่กั๋วอิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า จีนได้ปรับปรุงอุตสาหกรรมประหยัดน้ำของประเทศให้ดีขึ้น และได้จัดตั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา การผลิตอุปกรณ์ การก่อสร้างโครงการ และการบริหารจัดการบริการ

หลี่กล่าวว่าอุตสาหกรรมการประหยัดน้ำเริ่มเป็นรูปร่างและครอบคลุมสาขาต่าง ๆ เช่น การชลประทานแบบประหยัดน้ำเพื่อการเกษตร การบำบัดน้ำเสียทางอุตสาหกรรม อุปกรณ์ประหยัดน้ำในครัวเรือน การควบคุมการรั่วไหลของท่อส่งน้ำ การรีไซเคิลสิ่งปฏิกูล การแยกเกลือออกจากน้ำทะเล และเทคโนโลยีประหยัดน้ำอัจฉริยะ

หลี่ระบุว่าประสิทธิภาพการใช้น้ำของจีนถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยมีการใช้น้ำต่อ 10,000 หยวน (ราว 49,000 บาท) ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และการใช้น้ำต่อผลผลิตภาคอุตสาหกรรม 10,000 หยวน (ราว 49,000 บาท) ในปี 2022 ลดลงร้อยละ 46.5 และร้อยละ 60.4 จากปี 2012 ตามลำดับ

ทั้งนี้ จีนได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่นวัตกรรมในภาคส่วนดังกล่าว ผ่านการเพิ่มการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และอุปกรณ์ประหยัดน้ำ

แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึก ร.5 พัน 2 และพบปะให้โอวาทแก่ กองกำลังป้องกันชายแดน ในพื้นที่ จ.สตูล

วันนี้ 17 พฤศจิกายน 2566 พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4, พันเอกทวีพร คณะทอง เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 5, พ.อ.ชัยวุฒิ  พรมทอง ผบ.ร.5 พัน.2 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ จ.สตูล,และคณะเดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึก ร.5 พัน 2 และเดินทางไปยังชุดเฝ้าตรวจชายแดน4301 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล เพื่อพบปะกำลังพล และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ ซึ่งจุดดังกล่าวมีกำลังตชด.436 จำนวน  22 นาย ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าตรวจแนวชายแดน และพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 เดินทางไปสักการะ กรมหลวงชุมพร ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล หลังจากนั้นเดินทางไปยัง มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.5021 อ.ควนโดน จ.สตูล เพื่อเน้นย้ำการปฏิบัติงานตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา และมอบแนวทางการสกัดกั้นและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายบริเวณแนวชายแดน พร้อมทั้งได้มอบของบำรุงขวัญแก่กำลังพลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน 

นอกจากนี้พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 ท่านเดินทางมาที่จังหวัดสตูล บ่อยครั้ง และท่านพร้อมคณะเข้าไปกราบไหว้สักการะ กรมหลวงชุมพร ที่จัดตั้งศาลาให้ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ มากราบไหว้ขอพร บางคนมาบ่นบานสานกล่าวไว้ และพบร่องรอยประทัดกองเต็มไปหมด เป็นสิ่งที่ศักดิ์ที่ทุกคนมาบูชากราบไหว้ ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 มาจังหวัดสตูล ครั้งใดก็จะมาสักการะกราบไหว้ ขอพร และจุดประทัน 10,000 นัดอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top