Tuesday, 24 June 2025
NewsFeed

เบตง ผบ.ฉก.ยะลา มอบบ้านตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน

เบตง ผบ.ฉก.ยะลา มอบบ้าน ตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน ที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 ก่อสร้าง ในพื้นที่ ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา

วันที่ 16 พ.ย.66 ที่บ้านเลขที่ 48/5 หมู่4 ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ ผบ.ฉก.ยะลา ได้เป็นประธานในพิธีส่งมอบบ้านให้กับ นางแยนะ เปาะมะ อายุ 46 ปี ตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน โดยมีนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ โพธิ์ศรีมา ผบ.ฉก.ตชด.44 นายสมัคร นอระพา นายกเทศมนตรีตำบลธารน้ำทิพย์ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน เข้าร่วม พร้อมทั้งมอบสิ่งของเครื่องใช้ มอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ครอบครัว นางแยนะ เปาะมะ

พ.ต.ท.อรรถพล จินตาคม รอง ผบ.ฉก.ตชด.44 กล่าวว่า ตามที่ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า มีดำริ ในการดำเนินการสร้างที่อยู่อาศัยสภาพเก่า ชำรุดทรุดโทรม มีฐานะยากจน แต่เป็นบุคคลที่มีจิตอาสา ซึ่งนางแยนะ เปาะมะ เป็นผู้ที่คณะกรรมการหมู่บ้าน จากสภาสันติสุขตำบล พิจารณาแล้วว่า เป็นผู้ที่มีความเหมาะสม ที่จะได้รับการช่วยเหลือตามโครงการดังกล่าว โดยได้รับงบประมาณ ในการดำเนินงาน จากผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไตสมาสที่3 งบประมาณปี2566 หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 จึงได้จัดชุดช่างเข้าเริ่มทำการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 จนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก นายกเทศมนตรีตำบลธารน้ำทิพย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมมือร่วมใจในโครงการดังกล่าวและได้ร่วมกันบริจาคเงินบางส่วนเพื่อสนับสนุนในการก่อสร้าง จนทำให้โครงการดังกล่าว สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ด้านนางนางแยนะ เปาะมะ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ซาบซึ้ง ตื้นตันใจ เป็นอย่างมาก ที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 มาสร้างบ้านให้ และต้องขอบคุณหน่วยเฉพาะกิจยะลา ที่จัดทำโครงการดีๆแบบนี้ช่วยเหลือชาวบ้าน รวมถึงขอบคุณหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตน

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ยกย่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กล้าหาญ ลบประวัติอาชญากร คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พร้อมเสนอเป็นกฎหมาย

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมแถลงข่าว โครงการลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วัตถุประสงค์เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่เคยมีประวัติถูกฟ้องคดีอาญา แต่ศาลยกฟ้อง ซึ่งยังมีประวัติอาชญากรรมอยู่ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้อาจถูกตัดสิทธิ ไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทำงาน ขาดโอกาสในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

โดยบนเวที ทางด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวว่ากิจกรรมในวันนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราพูดเสมอว่า เราจะธำรงไว้ซึ่งความสูงสุดของรัฐธรรมนูญ หรือความศักดิสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด และที่สำคัญอย่างยิ่ง ก็คือ มนุษย์ทุกคนมีคุณค่า มีความสำคัญ และมีศักดิ์ศรี ในรัฐธรรมนูญได้บัญญัติว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ย่อมได้รับการคุ้มครอง วันนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อเรา ได้รับความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คือการบันทึกประวัติอาชญากร ซึ่งตนมองว่าถ้าเราทำนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินแล้วเป็นอาชญากร ก็คือการกระทำโดยไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ และทำลายศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ซึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด 

ซึ่งโครงการที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำขึ้น สมควรได้รับรางวัลที่สุดในด้านสิทธิมนุษยชน เราจนควรผลักดันให้ เป็นกฎหมาย และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มความเห็นของคนที่พ้นโทษ และนอกจากนี้กระทรวงยุติธรรม ได้จัดทำพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ซึ่งถือว่าเป็นพระราชบัญญัติ ที่จะส่งเสริม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีการเสนอไป ครม.แล้ว หนึ่งในจำนวนขจัดการเลือกปฏิบัติ ก็คือเลือกปฏิบัติต่อผู้พ้นโทษ ในวันนี้ผู้พ้นโทษ เมื่อได้ผลโทษมาแล้ว มีระเบียบ มีหน่วยงานต่างๆจำนวนมาก เข้ามาจำกัดในสิทธิเสรีภาพของผู้พ้นโทษ 

ดังนั้นเราจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับหลักนิติธรรม ก็คือหลักที่กฎหมายเป็นใหญ่กว่าคน  และกฎหมายจะต้องต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ กฎระเบียบต้องต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นกฎระเบียบอะไรที่ไปขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้มีการพิจารณาด้วย  ซึ่งต้องขอขอบคุณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่ได้ปลดโซ่ตรวน ปลดความเป็นทาสของบุคคล ขอขอบคุณและขอชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กล้าหาญ เพราะไม่มีหน่วยงานไหน ที่จะกล้าทำ

‘รถไฟสายใต้’ กรุงเทพ-ชุมพร ลดเวลาได้กว่า 2 ชม. พร้อมขยายการให้บริการอีก 4 เท่าตัว เริ่ม 15 ธ.ค. นี้

(17 พ.ย. 66) เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับรถไฟสายใต้ ระบุว่า…

รถไฟสายใต้เริ่มให้ผล กรุงเทพ-ชุมพร ลดเวลาได้กว่า 2 ชม.

พร้อมขยายศักยภาพการให้บริการ กว่า 4 เท่าตัว เริ่มต้น 15 ธันวาคม 2566 นี้!!!

ออกแบบ รองรับความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ในอนาคตสามารถเร็วได้มากกว่านี้อีก!!! ถ้ามีดีเซลราง ชุดใหม่….

วันนี้เอาข่าวการเปลี่ยนแปลงตารางการเดินรถไฟสายใต้ ทั้ง!!! จากการเปิดใช้ทางคู่สายใต้ ช่วง นครปฐม-ชุมพร

โดยจะสามารถ ลดระยะเวลารอหลีกได้ ทำให้การให้บริการเป็นไปได้แบบรวดเร็ว และต่อเนื่องได้อย่างเต็มที่ ตลอดเส้นทางสายใต้ ไปจนถึงชุมพร 

ซึ่งการเปิดให้บริการในช่วงนี้ จะสามารถลดระยะการเดินทางได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง (ขึ้นกับ จำนวนสถานีทีศักดิ์จอด และ ศักดิ์ของรถ) โดยรถไฟที่เห็นได้ชัดเจนที่ี่สุดคือ รถไฟด่วนพิเศษดีเซลราง 
ซึ่งช่วงกรุงเทพ-ชุมพร สามารถลดเวลา จาก 8:16 ชั่วโมง เหลือเพียง 6:20 ชั่วโมง เท่านั้น!!! ไม่ต่างกับการเดินทางด้วยรถยนต์ 

แต่!!! ทางคู่ที่เรากำลังสร้างกันทั่วประเทศ ไม่ได้มีแค่การลดเวลารอทางหลีก 

แต่มันรองรับการเพิ่มความเร็วการให้บริการ ในอนาคตสูงสุดถึง 160 กิโลเมตร / ชั่วโมง พร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการของทางรถไฟ จากเดิม ขึ้นอีก 4 เท่า!!! คู่ขนานกับการเพิ่มความปลอดภัย ด้วยจากการยกระดับระบบอาณัติสัญญาณ เป็นระบบ ETCS Level 1 

ทั้งหมดนี้ เราจะได้เห็นบนทางรถไฟทางคู่ทุกสายที่กำลังก่อสร้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถระบบรางของไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลาง Logistics ของภูมิภาคที่หวังไว้ซักที

*** ที่สำคัญ เมื่อมีขีดความสามารถเพิ่ม ก็ต้องหารถไฟมาเพิ่ม คู่กับการเปิดให้เอกชนมาร่วมให้บริการบนทางรถไฟเดียวกัน ทั่วประเทศ เพื่อให้ใช้ศักยภาพของระบบรางได้อย่างเต็มที่

สำหรับใครที่เดินทางหลังวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ควรจะเช็กตารางเดินรถไฟใหม่ ก่อนเดินทาง นะครับ!!!
สามารถตรวจเช็กตารางเวลาการเดินรถได้จากเว็บไซต์ https://dticket.railway.co.th

ไทยออยล์ มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบน้ำมันรั่วไหล 323 ราย เป็นเงินกว่า 5.8 ล้านบาท

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหล ในพื้นที่ ศรีราชา บางพระ อ่าวอุดมและแหลมฉบัง จำนวน 323 ราย เป็นเงิน 5,831,000 บาท พิธี

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ท่ผ่านมา โดยมี นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ประธานคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ  นายวิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ นายวรจักร สถาพรภิญโญ นายอำเภอศรีราชา ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมในพิธี

ตามที่ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ทางจังหวัดชลบุรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหล รวมถึงผู้บริหารของบริษัท ไทยออยล์ เพื่อติดตาม ขับเคลื่อน ประสาน และประชาสัมพันธ์ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทั่วถึง และไม่ซ้ำซ้อน โดยที่ผ่านมาคณะทำงานฯ ได้กำหนด หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วไหล อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง

โดยบริษัท ไทยออยล์ จํากัด(มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบด้านต่างๆในพื้นที่เทศบาลเมืองศรีราชา เทศบาลตำบลบางพระ บ้านอ่าวอุดม และบ้านแหลมฉบัง เป็นกลุ่มแรก ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จำนวน 323 ราย เป็นเงิน 5,831,000 บาท และ ในส่วนที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการให้ความช่วยเหลือ ในครั้งต่อไป

‘รัฐบาลเช็ก’ สนใจลงทุน ‘รถยนต์-การแพทย์’ ในไทย เล็งเดินหน้าเจรจา FTA ‘ไทย-อียู’ ให้เสร็จตามแผน

(17 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยถึงการหารือกับนายปาเวล ปีเตล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย ว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพของเช็ก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ โดยเช็กมีความสนใจที่จะสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์กับไทย เพื่อดึงดูดให้บริษัทยานยนต์ของเช็กเข้ามาลงทุน พัฒนาเทคโนโลยี และตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เช่นเดียวกับที่ได้ดำเนินการมาแล้วในอินเดีย เวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยบริษัทที่กำลังจะเข้ามาลงทุนในไทย คือ บริษัท สโกด้า (เครือโฟล์คสวาเกน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับอีวี ซึ่งแนวทางนี้สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของไทยด้วย 

นอกจากนี้ เช็กยังมีชื่อเสียงในด้านการผลิตสินค้าเพื่อการป้องกันประเทศ ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และเครื่องมือแพทย์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างส่งเสริมให้บริษัทด้านการแพทย์เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

นางนลินี กล่าวว่า เช็กเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยไทยมีสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนให้กับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ทั้งภายใต้บีโอไอและอีอีซี ปัจจุบันรัฐบาลมีแผนพัฒนาประเทศ เพื่อก้าวไปสู่การเป็น World’s Wellness Capital จึงเชิญชวนให้บริษัทด้านการแพทย์ของเช็กเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และร่วมกันพัฒนาทักษะของแรงงานไทยให้มีมาตรฐานมากขึ้น สำหรับบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนในเช็กปัจจุบันมีหลายบริษัท เช่น บริษัท อินโด รามาเวนเจอร์ ที่ตั้งโรงงานผลิตวัสดุเสริมแรงในยางรถยนต์ และในปี พ.ศ.2567 นี้ ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสาธารณรัฐเช็กจะครบรอบ 50 ปี จึงเป็นโอกาสอันดีหากผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองประเทศได้มีโอกาสพบหารือกัน

นางนลินี กล่าวว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่า การเจรจาความตกลงเอฟทีเอ ไทย-สหภาพยุโรป จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและส่งเสริมการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างกัน อย่างไรก็ตามเอฟทีเอ ดังกล่าว ถือเป็นความตกลงที่มีมาตรฐานสูง ไทยจึงขอให้เช็กช่วยสนับสนุนการเจรจาให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ โดยแม้ความตกลงจะมีรายละเอียดมาก และอาจต้องใช้เวลาปรับตัวในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อผ่านไปได้จะเกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและนักลงทุนเป็นอย่างมาก

CP Seeding 'องค์ความรู้-ศักยภาพ' แห่งเครือ CP หนุน!! ผู้ประกอบการ SME ไทย GO INTER

จากรายการ THE TOMORROW ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 18 พ.ย.66 ได้พูดคุยกับ คุณเอกชัย ตั้งรัตนาวลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ซีดดิ้ง โซเชียลอิมแพคท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในฐานะขององค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME ไทยทั่วประเทศ ได้รับโอกาสทางธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม CPseeding.com และสามารถขยายธุรกิจไประดับโลกได้ ว่า...

CP Seeding เป็นหน่วยงานที่ CP สร้างขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SME เติบโตได้ ด้วยกลไกต่าง ๆที่ทาง CP พร้อมสนับสนุน เนื่องจากมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจประสบความสำเร็จมายาวนาน ซึ่งถ้านำองค์ความรู้ของ CP มาสนับสนุนผู้ประกอบการจะทำให้เติบโตได้เร็วขึ้น รวมทั้งกระบวนการพัฒนาและตลาดรองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

คุณเอกชัย กล่าวว่า "เรามองผู้ประกอบการคนไทยเป็นดั่งพี่น้อง ดังนั้นการพัฒนาผู้ประกอบการ หรือธุรกิจ ของพี่น้องคนไทย ให้เติบโตไปด้วยกัน จะเป็นการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจทั้งประเทศให้ดีขึ้น และยกระดับสินค้าไทยให้มีมาตรฐานและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น"

คุณเอกชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ผมมอง Mindset เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ Mindset เถ้าแก่ เราต้องสร้างความเข้าใจในธุรกิจ เข้าใจกลไกของธุรกิจ โดย CP Seeding มีการวางกรอบการพัฒนาผู้ประกอบการออกเป็น 3 กรอบ ได้แก่ 

1.การเรียนรู้ตลาดก่อน ว่าสินค้าของผู้ประกอบการจะไปในทิศทางไหน ตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือไม่ 
2.การทำต้นแบบสินค้าจริง เพื่อทดลองตลาดจริงๆ แล้วนำมาพัฒนาปรับปรุง 
3.การเข้าสู่ตลาด เนื่องจากทาง CP มีฐานตลาดจำนวนมาก ทำให้วิเคราะห์ตลาดให้เหมาะสมกับสินค้าได้"

ปัจจุบัน CP Seeding ได้เปิดรับนักธุรกิจที่สนใจ ได้แก่ 
1.กลุ่มเริ่มคิดทำธุรกิจ หรือยังไม่มีไอเดีย 
2.กลุ่มเกษตรกร 
3.กลุ่มสตรีทฟู้ด 
4.กลุ่มร้านอาหารและโรงแรม 
5.กลุ่มที่มีโรงงานและอยากผลิตสินค้าเข้าห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ 
6.กลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถขยายเพิ่มเติมไปยังต่างประเทศได้ 

ในส่วนจุดเด่นของ CP Seeding คุณเอกชัย กล่าวว่า "เป็นเรื่องของการ Support ข้อมูลให้กับผู้ประกอบการ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้ประกอบการคือ ข้อมูล และเวลา จะเดินช้าไม่ได้ โดยผู้ประกอบการที่มาปรึกษากับเราส่วนใหญ่นิยาม CP Seeding ว่าเหมือนบันไดเลื่อน ช่วยให้สำเร็จรวดเร็วมากขึ้น ส่วนเป้าหมาย คาดหวังว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจ หรือผมใช้คำว่าหาทีมชาติ 100 ผู้ประกอบการให้ไปตลาดโลกให้ได้ ซึ่งในปัจจุบันมีโครงการพาผู้ประกอบการไทยไปสำรวจตลาดที่ต่างประเทศ (Business Survey) ซึ่งเราจะพาไปดูตลาดจริง กับผู้รู้จริง ๆ สำรวจพฤติกรรมของผู้ซื้อในแต่ละประเทศว่าเป็นอย่างไร มี feedback กับสินค้าของเราอย่างไร ซึ่งตอนนี้มี แพลนพาผู้ประกอบการไปในรอบ ๆ บ้านเราก่อน เช่น กัมพูชา มาเลเซีย จีน เป็นต้น" 

สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.cpseeding.com/ ทางบริษัทฯ เชื่อว่ากิจกรรมดังกล่าวจะช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ เติมเต็มองค์ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

'ทรัมป์' ทวงบัลลังก์สู้ศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ใต้นโยบายที่สุ่มเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่พูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'การกลับมาทวงบัลลังก์สู้ศึกเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ของ ทรัมป์' เมื่อวันที่ 19 พ.ย.66 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

ประธานาธิบดีไบเดนกำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค (APEC Summit) ที่เมือง San Francisco เร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือเป็นเวทีหารือด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก 

ประเทศไทยในฐานะสมาชิกก่อตั้ง ก็จะมีนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เข้าร่วมประชุม ที่สำคัญ APEC Summit จะเป็นโอกาสสำคัญที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง แห่งจีน จะมีโอกาสพบกับประธานาธิบดีไบเดน เป็นครั้งแรกในรอบปี เพื่อเคลียร์ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์โลกที่อาจเป็นชนวนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้

การประชุมสุดยอดเอเปคครั้งนี้มีขึ้นในระหว่างการเริ่มต้นกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 ขณะนี้มีการคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีไบเดน และหากการเลือกตั้งมีขึ้นในวันนี้ โพลล่าสุดของ New York Time ก็ชี้ว่าทรัมป์มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่ง

ในสมัยแรกที่เป็นประธานาธิบดี ทรัมป์ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่กีดกันการค้ามากที่สุดคนหนึ่ง โดยใช้ภาษีนำเข้า (Import Tariff) และเงินดอลลาร์เป็นอาวุธในการจัดการประเทศที่เป็นศัตรูทางการเมืองและเศรษฐกิจ จนทำให้อัตราภาษีนำเข้าโดยเฉลี่ยของสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าเท่าตัว โดยเฉพาะสินค้าจากจีนที่ต้องเสียภาษีสูงถึงกว่า 20% ส่วนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ข้อเสนอหลักของทรัมป์คือ การเก็บภาษีนำเข้า 10% across the board จากสินค้าทุกชนิดของทุกประเทศที่นำเข้าไปยังสหรัฐฯ

น่าจะเป็นการเข้าใจผิดของทีมงานทรัมป์ที่เชื่อว่าการใช้ภาษีขาเข้าจะเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทุกอย่างที่สหรัฐฯ ประสบอยู่ได้ สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าต่อเนื่องทุกปีเป็นเวลากว่า 50 ปี เนื่องจากมีการใช้จ่ายเกินตัว แต่สหรัฐฯ ก็ยังคงความเป็น Superpower แต่เพียงผู้เดียวของโลกอยู่ได้ เพราะสหรัฐฯ ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยและการค้าเสรี ในทางตรงข้าม นโยบายของทรัมป์ดูเหมือนจะสวนทางกับหลักการนี้ และจะก่อเกิดผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ เอง

สืบ ตม. ตะครุบชายตากาล็อกใจโฉด ข่มขืนลูกในไส้นาน 10 ปี หนีกบดานไทย

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดภาย

ใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ. สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม. ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สืบเนื่องจาก ตร. ได้สั่งการให้ สตม. พิจารณาดำเนินการ กรณีสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจฟิลิปปินส์ มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ แจ้งข้อมูล นายโจนาธาน หรือนายโจ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติ ฟิลิปปินส์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ กระทำความผิดฐานข่มขืน พฤติการณ์การกระทำผิด คือ นายโจได้ข่มขืนบุตรสาวอายุ 7 ปีของตน เป็นเวลานานกว่า 10 ปี โดยเมื่อนางเจส (นามสมมติ) มารดาของเด็กทราบเรื่อง จึงได้แจ้งความกับตำรวจฟิลิปปินส์ และทางการฟิลิปปินส์ได้ออกหมายจับนายโจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายโจ ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 ส.ค.66 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และได้รับการอนุมัติให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรถึงวันที่ 15 พ.ย.66 การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายโจ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักร และได้สั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามตัวนายโจ เพื่อนำตัวมาดำเนินการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ลงบัญชีเฝ้าดู (Watchlist) ไว้ และระดมกำลังสืบสวนติดตามหาตัวนายโจ ตามย่านที่พักอาศัย และสถานที่ท่องเที่ยวของชาวต่างชาติทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จนกระทั่งต่อมาสืบสวนทราบว่านายโจ กำลังจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่สนามบินดอนเมือง จึงได้ไปตรวจสอบ พบตัวโจจึงแจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ได้รับทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอการส่งกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘แอนโทเนีย’ สวมชุดพระแม่ธรณี รอบพรีลิม ‘งดงาม-เฉิดฉาย’ บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2023

เรียกว่าใจแม่มา หลังจาก ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ตัวแทนประเทศไทย ไปประกวดรอบพรีลิม มิสยูนิเวิร์ส ทำผลงานได้ดีจนเหล่าแฟนนางงามไทยปลื้มไปตาม ๆ กัน

ล่าสุด แอนโทเนีย ก็ขึ้นเวทีประกวดรอบชุดประจำชาติ หรือ National Costume Competition ในชุด ‘เทพธิดาอาณาจักรอยุธยา’ หรือ ‘พระแม่ธรณี’ วาดลีลา ค่อย ๆ เดิน ก่อนจะยกมือไหว้และท่าพรีเซนต์ บีบมวยผม ได้อย่างสวยสะกดใจ เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมในฮอลล์อย่างยิ่ง

ทำให้ #MissUniverseThailand2023 ได้ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ ส่งกำลังใจให้กับแอนโทเนียกันแบบรัว ๆ

สำหรับชุดนี้ ได้รับแรงบันดาลจากรูปปั้น ‘พระแม่ธรณี’ ในช่วงยุคสมัยอยุธยา ของอาณาจักรสยามที่มีอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 14 ถึง 18

‘พระแม่ธรณี’ เทวีแห่งโลกหรือพระแม่ธรณี ในประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธในไทย ถูกนับถือเป็นอย่างสูงและได้รับการบูชาตลอดประวัติศาสตร์ชาติไทย ‘พระแม่ธรณี’ มักถูกสร้างรูปแบบให้เป็นเทวรูปที่สวยงามมีผมยาวและมีน้ำศักดิ์สิทธิ์เก็บไว้ในผม ซึ่งน้ำที่ไหลออกมานั้นในที่สุดจะบำรุงโลกมนุษย์ด้วยน้ำที่มั่นคง ตามที่ ‘ธรณี’ หมายถึง โลกหรือดิน นั้นกล่าวถึงความเชื่อว่าเธอสถิตอยู่ในดินที่เธอทรงประทานความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ซึ่งเธอเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติต่อมนุษย์ และแสดงถึงการปกป้องผืนแผ่นดินและความรุ่งเรือง ที่คนไทยจะให้ความเคารพบูชาเสมอมา

การแต่งกายและเครื่องประดับถูกสร้างให้เหมือนกับรูปปั้นจากอาณาจักรอยุธยา จิวเวลรีรวมกับการใช้เส้นลวดสอดดิ้นถักทอด้วยมือ และใช้หินสีและอัญมณีที่มีค่าเพื่อสอดคล้องกับข้อมูลทางธรณีวิทยา และผ้าที่สวมใส่ ที่บันทึกไว้จริงจากสมัยนั้น

โดยแอนโทเนีย ได้ร่วมพิธีบวงสรวง ก่อนที่จะบินไปประกวดในครั้งนี้

รองผบช.ภาค6 ปล่อยแถวตำรวจ ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงเทศกาลลอยกระทง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00น. วันที่15 พย. 2566 ที่บริเวณหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย พล.ต.ต. อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผบช.ภาค 6 เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่นักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2566  ระหว่างวันที่ 18 พย.-27 พ.ย. โดยมี พ.ต.อ.ประมวล ยิ้มจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุโขทัย พร้อมข้าราชการตำรวจในสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมในพิธีดังกล่าว

พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผบช.ภาค6 . กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดให้ทุกหน่วยงาน ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงก่อนเทศกาลลอยกระทง พร้อมกันทั่วประเทศ จังหวัดสุโขทัยถือว่าเป็นต้นกำเนิดของงานประเพณีลอยกระทง จึงต้องมีมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในทุกประเภท พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เนื่องจากจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในจังหวัดสุโขทัยเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดปัญหาและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยในวันนี้ เป็นการสนธิกำลังจากหลายหน่วยงาน อาทิเช่น ตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง,ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจทางหลวง, กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดสุโขทัย, ป้องกันภัยจังหวัดสุโขทัย, อาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดสุโขทัย ,อาสาสมัครตำรวจบ้าน และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ใช้ความระมัดระวังในการปฎิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกัน เพื่อการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของจังหวัดสุโขทัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top