Sunday, 22 June 2025
NewsFeed

‘นายกฯ’ รับทราบ หนุ่มขู่ฆ่า เหตุผิดหวังนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ขอ!! ติชมอย่างสร้างสรรค์ ส่วนเคสนี้ ดำเนินการตามกฎหมาย

(7 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ตำรวจไซเบอร์ ได้เข้าทำการค้นบ้านจับหนุ่มโพสต์ข้อความขู่ฆ่า และเจ้าตัวสารภาพทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบและผิดหวังกับคำสัญญาของพรรคการเมืองว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรายงานหรือยัง หลังตำรวจไซเบอร์เข้าจับกุมหนุ่มโพสต์ข้อความผ่านโซเชียล ขู่ฆ่านายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรียอมรับว่า ได้รับทราบข่าวแล้ว ไม้ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย  

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าผู้ต้องหาคนที่ขู่ระบุว่า ผิดหวังเรื่องของการเมืองและการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี จะกระทบต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมว่าเราเป็นรัฐบาล เราก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีคนไม่พอใจ ไม่สบายใจ หรือมีคนแนะนำมาเราก็ต้องฟัง แต่ขอให้ติชมแต่ขอให้ติดชมอย่างสร้างสรรค์มากกว่า มากกว่าที่จะเป็นการคุกคาม ตามกฎหมายซึ่งเรื่องนี้ต้องว่าไปตามกฎหมาย”

ส่วนจะมีการกำชับหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เรื่องการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ยังไม่มีการสั่งการอะไร เพราะเชื่อว่า ทีมรักษาความปลอดภัยทำงานได้ดีอยู่แล้ว เพิ่มกันเองแต่หากมีการเพิ่มเขาก็จะเพิ่มกันเอง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล ของนายกรัฐมนตรีวันนี้ยังคงเป็นไปตามปกติของระบบรักษาความปลอดภัย โดยมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจนำขบวน 1 คัน จากนั้นก็เป็นรถของนายกรัฐมนตรีและรถของทีมรักษาความปลอดภัยอีก 2 คัน ซึ่งเป็นไปตามปกติของทุกวัน

ผบ.ตร.จัดสภากาแฟหารือผู้บริหาร ตร. พร้อมด้วย ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และอดีตผู้บังคับบัญชา ขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อดูแลตำรวจและประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งหารือแก้ไขคำสั่งระเบียบพนักงานสอบสวน ให้ทำงานคล่องตัวมีประสิทธิภาพ

วันนี้ (7 พ.ย.66) เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ และ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รรท.รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย ผู้ช่วย ผบ.ตร. , ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ , พล.ต.อ.วินัย ทองสอง , พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ , ดร.ประทิต สันติประภพ , อดีตผู้บังคับบัญชา และผู้บัญชาการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือ “สภากาแฟ” ขับเคลื่อนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   

ระหว่างการพูดคุยแบบไม่เป็นทางการ ได้มีการหารือประเด็นการแก้ไขปรับปรุงคำสั่ง 419/2556 เพื่อให้พนักงานสอบสวนทำงานได้คล่องตัวมีประสิทธิภาพ เข้ากับบริบทสังคม ให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการเพิ่มค่าตอบแทน ค่าสำนวนให้พนักงานสอบสวนให้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกระบวนการยุติธรรมหน่วยงานอื่น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้พนักงานสอบสวน 

นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยแนวทางการบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในภาพรวม ที่ได้รับคำชี้แนะ คำแนะนำที่มีประโยชน์จาก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และอดีตผู้บังคับบัญชา ในการขับเคลื่อนองค์กร ดูแลสวัสดิการ ขวัญกำลังใจ การเจริญเติบโตของข้าราชการตำรวจ รวมถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล

ทั้งนี้ การพูดคุยหารือในรูปแบบสภากาแฟ เป็นดำริของ ผบ.ตร.ที่ต้องการรับฟังความเห็นจาก รอง ผบ.ตร. ,ผู้ช่วย ผบ.ตร. , ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และอดีตผู้บังคับบัญชา ในการขับเคลื่อนนโยบายของ ตร. อีกทั้งเป็นการแสดงถึงความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวขององค์กรในการขับเคลื่อน ตร.เพื่อดูแลข้าราชการตำรวจ และพี่น้องประชาชน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Toyota ประกาศศักดา!! ผลิตรถยนต์ครบ 300 ล้านคันทั่วโลก ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ 9 ทศวรรษ ชู Corolla เรือธงเบอร์หนึ่ง

(7 พ.ย. 66) จากเว็บไซต์ 'Headlightmag' ได้เปิดเผยถึงความสำเร็จของแบรนด์ Toyota ที่บัดนี้มียอดผลิตรวมตั้งแต่ปี 1935 แล้วถึง 300 ล้านคัน ว่า...

จุดเริ่มต้นของการผลิตรถยนต์ Toyota ต้องย้อนกลับไปในปี 1935 เมื่อครั้ง Toyota ได้ผลิตรถกระบะคันแรกในชื่อรุ่น G1 ซึ่งถูกประกอบขึ้นโดยส่วนงาน automotive ที่ยังคงเป็นแผนกที่อยู่ภายใต้บริษัทแม่ Toyoda Automatic Loom Works, Ltd ซึ่งเป็นชื่อบริษัทที่ Sakichi Toyoda ตั้งขึ้นเมื่อปี 1926 เพื่อทำธุรกิจเครื่องทอผ้าอัตโนมัติ ที่มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมในครัวเรือนในสมัยนั้น และเมื่อมีกำลังการผลิตและความต้องการที่เพียงพอและสอดรับกัน ทำให้ Toyota ตัดสินใจตั้งบริษัทผลิตรถยนต์แยกต่างหากในชื่อว่า Toyota Motor Corporation เมื่อปี 1937 โดยที่ยังคงดำเนินธุรกิจเครื่องทอผ้าอัตโนมัติภายใต้ชื่อ Toyoda Automatic Loom Works จวบจนถึงปี 2023 ในปัจจุบัน

จากวันนั้น ถึงวันนี้ จึงเป็นที่มาของการประกาศยอดผลิตรถยนต์ถึงคันที่ 300 ล้าน ในประวัติศาสตร์ของแบรนด์สามห่วง โดยตลอดระยะเวลา 88 ปีที่ผ่านมา Toyota ได้สร้างแนวคิดด้านการผลิตไว้จำนวนมาก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ โดยได้นับจำนวนรถยนต์ที่ออกจากสายพานการผลิตคันที่ 300 ล้าน นับตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายน 2023

สำหรับการแยกภูมิภาคในการผลิตรถยนต์ของแบรนด์ตลอดระยะเวลาดังกล่าว จะพบว่า Toyota แยกการผลิตรถยนต์จำนวน 180 ล้านคัน ให้อยู่ในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่อีก 120 ล้านคันที่เหลือถูกผลิตขึ้นในประเทศอื่นๆ นอกประเทศญี่ปุ่น โดยรถยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดจนสร้างยอดการผลิตเบอร์หนึ่ง จะเป็นรุ่นใดไปไม่ได้นอกจาก Corolla ด้วยจำนวนการผลิตกว่า 53.39 ล้านคัน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 6 ของยอดขายทั้งหมด โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายรุ่นแรกในปี 1966 เป็นต้นมา

สำหรับผลประกอบการตลอดปี 2022 ทาง Toyota ได้ส่งมอบรถยนต์จำนวนกว่า 10.5 ล้านคัน ขึ้นแท่นผู้จำหน่ายรถยนต์เบอร์ 1 ของโลก พร้อมด้วยรางวัลรถยนต์ยอดนิยมสูงสุดในโลกจากรุ่น RAV4 อ้างอิงจากสถิติของสถาบัน JATO Dynamics และยังได้ขยายไลน์อัปโมเดลรถที่วางจำหน่ายให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ Crown ทั้ง 4 รูปแบบตัวถัง และ Century SUV

ส่วนรุ่นที่เตรียมจะเปิดตัวในอนาคต จะประกอบไปด้วย รถกระบะขุมพลังไฟฟ้าล้วน, รถ SUV และรถสปอร์ตที่ได้ทยอยเปิดตัวในรูปแบบรถต้นแบบหลากรุ่นในงานมหกรรมยานยนต์ 2023 Japan Mobility Show ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อย

‘แบมแบม’ ไม่ทน!! เตรียมเช็กบิลแอนตี้แฟนชอบกุเฟกนิวส์ ลั่น!! คราวนี้เอาจริง อยู่คนละประเทศ ก็จะล่าตัวมาให้ได้

(7 พ.ย.66) ทำเอาเหล่าอากาเซ่ถูกใจเป็นอย่างมากเมื่อ ‘แบมแบม GOT7’ หรือ แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ที่เป็นอีกหนึ่งคนที่โดนถ้อยคำว่าร้ายจากชาวเน็ตมาตลอด โดยล่าสุดนี้เจ้าตัว ออกมารีโพสต์ถึงบริษัทต้นสังกัด @BAMBAMxABYSS ระบุข้อความว่า "คุณสามารถทำอะไรกับพวกคนที่พูดจาแย่ๆ และสร้างข่าวปลอมถึงผมได้ไหม ผมเบื่อและทนไม่ไหวแล้ว ใครก็ตามที่มีปัญหากับผม ก็รอดูตอนจบแล้วกันนะ"

ต่อมาเจ้าตัวยังโพสต์ต่อเนื่องว่า ถึงเวลาทำเงินสักหน่อยแล้ว ก่อนที่ผมจะไปทำงานต่อ ขอบอกอะไรหน่อย คราวนี้ผมเอาจริง พวกแอนตี้ฯ คิดว่าผมทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่คนละประเทศใช่ไหม ผมจะทำเต็มที่เพื่อตามหาคุณ แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น

หลังจากที่แบมแบม ได้โพสต์ข้อความดังกล่าวนั้นเหล่าอากาเซ่ทั้งไทยและต่างประเทศต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งสนับสนุนที่ศิลปินลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของตนเองด้วยการฟ้องร้องกลุ่มพวกแอนตี้แฟน พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้หนุ่มแบมแบมจัดการคนพวกนี้ได้สำเร็จ

‘มะพร้าวน้ำหอมไทย’ จ่อขึ้นแท่นสินค้าดาวเด่นในงาน ‘CIIE’ ครั้งที่ 6 หลังฮอตฮิตในตลาดจีน เอื้อโอกาสธุรกิจเติบโต-สานฝันผู้ส่งออกไทย

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. สำนักข่าวซินหัว, ราชบุรี รายงานข่าวความโด่งดังของอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี จากการเป็นที่ตั้งของตลาดน้ำอายุนับศตวรรษ อีกทั้งเป็นพื้นที่ผลิต ‘มะพร้าวน้ำหอม’ แห่งสำคัญของไทย ซึ่งมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์และรสชาติหอมหวาน โดยปัจจุบันเหล่าคนงานที่สายการประกอบในอำเภอแห่งนี้ กำลังสาละวนกับการบรรจุมะพร้าวที่ปอกเปลือกแล้วลงหีบห่อเพื่อเตรียมจัดส่งสู่จีน

นายณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน ผู้ส่งออกมะพร้าววัย 53 ปี จากดำเนินสะดวก รู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสได้แนะนำผลิตภัณฑ์มะพร้าวของตนแก่กลุ่มลูกค้าชาวจีนอีกครั้ง ในฐานะผู้จัดแสดงของงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) ครั้งที่ 6 ในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน

นายณรงค์ศักดิ์ ซึ่งเป็นประธานบริษัท เอ็นซี โคโคนัท จำกัด (NC Coconut) เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า เขารู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานมหกรรมการค้าที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ในจีนอีกครั้ง โดยปีนี้นับเป็นการกลับมาจัดแสดงครั้งสำคัญ หลังจากต้องระงับไปก่อนหน้านี้เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

นายณรงค์ศักดิ์เกิดมาในครอบครัวเกษตรกรและได้เพาะปลูกมะพร้าวกับพ่อแม่ตั้งแต่วัยเด็ก เขาหลงรักมะพร้าว รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะปลูกมะพร้าวให้ได้พันธุ์ดีที่สุด และสามารถบอกได้ว่า มะพร้าวแบบไหนมีรสชาติอร่อยแค่เพียงกวาดสายตามอง

เมื่อปี 2009 นายณรงค์ศักดิ์จัดตั้งบริษัทมะพร้าวของตนเองที่มีชื่อว่า ‘เอ็นซี โคโคนัท’ ซึ่งปัจจุบันแปรรูปมะพร้าวราว 20 ล้านลูกต่อปี และมีจีนเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ คิดเป็นราวร้อยละ 60-70 ของยอดส่งออกทั้งหมด

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ มะพร้าวน้ำหอมของไทยเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ลูกค้าชาวจีน และงานมหกรรมฯ มีบทบาทสำคัญในการขยายธุรกิจของณรงค์ศักดิ์ในตลาดจีน โดยเขากล่าวว่างานมหกรรมฯ เป็นเวทีเสริมสร้างการเชื่อมต่อและความร่วมมือระหว่างผู้ค้าชาวจีนและทั่วโลก ทั้งยังมอบโอกาสการนำเสนอแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงของเรา รวมถึงเพิ่มการมองเห็นผ่านการตลาดและการส่งเสริมการตลาด

นายณรงค์ศักดิ์ร่วมงานมหกรรมฯ ครั้งแรกในปี 2018 หลังจากได้รับคำเชิญจากหุ้นส่วนทางธุรกิจในจีน ประสบการณ์ครั้งแรกของเขาในฐานะผู้เยี่ยมชมเป็นไปอย่างน่าประทับใจ งานครั้งนั้นถูกจัดเตรียมขึ้นเป็นอย่างดี พื้นที่นิทรรศการมีขนาดใหญ่มาก และพร้อมพรั่งด้วยหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย

นายณรงค์ศักดิ์ระบุว่า งานมหกรรมฯ เป็นเสมือนหน้าต่างบานสำคัญสำหรับผลไม้ที่มีคุณภาพสูงจากทั่วโลกในการเข้าสู่ตลาดจีน โดยในปี 2019 เอ็นซี โคโคนัท เริ่มจัดแสดงผลิตภัณฑ์มะพร้าวที่งานมหกรรมฯ ครั้งที่ 2 ผ่านหุ้นส่วนทางธุรกิจ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าและทำให้ณรงค์ศักดิ์มองเห็นโอกาสที่ดีในการส่งเสริมและขยับขยายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดจีน

สำหรับงานมหกรรมฯ ครั้งที่ 6 ประจำปีนี้ ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 5-10 พ.ย. ในเซี่ยงไฮ้ บริษัทของณรงค์ศักดิ์พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ นอกเหนือจากกลุ่มผลิตภัณฑ์มะพร้าวอ่อนซึ่งส่งออกสู่จีนเป็นหลัก

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คาดว่าจะเป็นโอกาสกระตุ้นการเติบโตในตลาดจีน เนื่องจากน้ำมะพร้าวน้ำหอมแบบบรรจุขวดสอดรับกับวิถีชีวิตแบบสุขภาพดี และความต้องการที่เพิ่มสูงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และการเข้าร่วมงานมหกรรมฯ ยังมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต

นายณรงค์ศักดิ์เสริมว่า น้ำมะพร้าวพร้อมดื่มนี้ถูกผลิตโดยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเรา ซึ่งทำให้สามารถจัดเก็บได้นานถึงหนึ่งปีโดยไม่ต้องแช่เย็น ส่งผลให้มีราคาที่อิงตามท้องตลาด และยังคงไว้ซึ่งลักษณะทางธรรมชาติ

“ตลาดจีนมีขนาดใหญ่มากและมีศักยภาพการบริโภคมหาศาล งานมหกรรมฯ จึงเอื้อให้เราได้แบ่งปันโอกาสการพัฒนาของจีน ซึ่งหมายถึงการที่ธุรกิจขนาดย่อมอย่างพวกเราสามารถบรรลุความฝันอันยิ่งใหญ่ได้” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘ชัยธวัช’ สั่งห้ามเปิด 22 รายชื่อโหวตหนุน ‘ปูอัด’ หวั่น!! ต่อไปทุกคนจะแสดงความเห็นไม่ได้เต็มที่

(7 ต.ค. 66) ที่โรงแรมอักษร อำเภอแกลง จังหวัดระยอง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวชี้แจงในกรณี สส. 22 คน ที่โหวตอุ้ม นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ ‘สส.ปูอัด’ ว่า วันนี้ก็มาเข้าร่วมประชุม แต่ประเด็นการพิจารณาในวันนี้ ผิดร้ายแรงจากกรณีที่ขัดต่อกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ขัดต่ออุดมการณ์ และทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งเป็นการพิจารณาข้อความผิดคนละกรณีกัน ไม่สามารถพิจารณาซ้ำได้ เพราะเราพิจารณาเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้น ทุกคนเห็นว่าการแถลงของนายไชยามพวาน ไม่ได้เป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรค ส่วนช้าไปหรือไม่ ตนมองว่าไม่ได้ช้าไป บางเรื่องก็ต้องทำตามกระบวนการของข้อบังคับพรรค

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้เปิด 22 รายชื่อ สส. ที่โหวตอุ้มนายไชยามพวาน นายชัยธวัช ยืนยันว่า เปิดไม่ได้ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เรียกร้องให้มีการลงมติ และเปิดอภิปรายถกเถียงอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องกังวล ตนเป็นคนกำชับเองว่าเมื่อลงมติไปแล้ว สามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่เมื่อลงมติไปแล้ว ต้องไม่โจมตีเพื่อนที่ลงมติแตกต่างจากตนเอง ไม่เช่นนั้นต่อไปในพรรค เวลาที่เปิดให้ทุกคนแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน ก็จะไม่สามารถทำได้

“ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ขอให้ทุกคนไม่เอารายชื่อว่าใครโหวตอะไร มากล่าวหาโจมตีกัน ดังนั้น ผมเองก็เปิดเผยไม่ได้ ก็เป็นคนบอกให้ สส. ไม่ให้ออกมาเปิดเผยเอง เหตุผลก็มีแค่นั้น เราไม่ได้ปกปิดว่าใครมีความเห็นว่าอย่างไร แต่เป็นเรื่องกระบวนการภายในของพรรค และผมยืนยันว่า การที่มีความเห็น การโหวตแตกต่างกันนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มีความชัดเจนไม่เท่ากันของทั้ง 2 กรณี” นายชัยธวัช กล่าว

เมื่อถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์อาจจะมีมุ้งภายในพรรค ที่ส่งผลทำให้คะแนนไม่เท่ากัน นายชัยธวัช กล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ตัวแทนองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ไปร้องเรียนนั้น ตนคิดว่าทั้ง 2 คนที่ถูกกล่าวหา กระบวนการของพรรคจบไปแล้ว พร้อมย้ำว่า หากผู้เสียหายจะถูกฟ้องกลับ สส.และทางพรรคจะเข้าไปช่วยเหลือด้านข้อกฎหมายกับผู้เสียหาย

ถามว่า จะมีการพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ใช่ผู้เสียหายทุกคนจะพร้อมตลอดเวลาในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บางคนต้องการเวลากว่าที่จะพร้อม เขาต้องไปเล่าเรื่องซ้ำ ถูกกระทำชำเราซ้ำ แต่เมื่อไหร่ที่ผู้เสียหายพร้อม ซึ่งตอนนี้มีอย่างน้อย 1 รายที่มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย พรรคก็เตรียมนัดผู้เชี่ยวชาญคดีการคุกคามทางเพศ เพื่อให้การช่วยเหลือ

ซักว่า จะลดข้อครหาอย่างไรว่า การขับนายไชยามพวาน เป็นการกลบกระแสผู้ที่อุ้มมติรอบก่อน นายชัยธวัช กล่าวว่า หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง ด้วยเหตุและผล ก็เป็นไปตามกระบวนการเช่นนั้น เมื่อเราเห็นว่านายไชยามพวานไม่ได้ทำตามคำสั่งมติกรรมการบริหารพรรค ก็ถือว่ามีความผิดร้ายแรง สส.ในพรรค ก็พิจารณาจากข้อเท็จจริง อันเป็นกระบวนการที่พรรคทำได้ ดังนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกลบกระแส เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา ในเมื่อพรรคกำหนดเงื่อนไขในการลงโทษไปแล้ว แต่สมาชิกพรรคไม่ปฏิบัติตาม ก็นำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนที่มีการขู่จากแฟนเพจเฟซบุ๊กต่างๆ ว่าจะแฉพรรคก้าวไกลเรื่อยๆ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตนยืนยันว่า การที่สังคมมาช่วยตรวจสอบพรรคเรา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลายเรื่องที่ทุกองค์กร การที่มีสังคมมาช่วยตรวจสอบ ทำให้องค์กรโปร่งใสขึ้น เมื่อไหร่ที่สังคมเลิกตรวจสอบพรรคก้าวไกล แสดงว่าสังคมไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้วกับพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่า พรรคจะกู้ภาพลักษณ์อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อบุคคลในองค์กรมีปัญหา สิ่งที่ต้องยืนยันคือต้องดำเนินการตรวจสอบและลงโทษ อย่างตรงไปตรงมา ไม่ปกปิด หากผิดร้ายแรงก็ดำเนินการขั้นเด็ดขาด เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องทำให้สังคมเห็น ไม่ใช่ว่าไปช่วยกันปกปิด เพราะกลัวองค์กรเสียชื่อเสียง ไม่ใช่วัฒนธรรมของพรรคก้าวไกล แน่นอนว่ากระบวนการตรวจสอบก็ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ หลายครั้งเข้าใจในเชิงหลักการ แต่รายละเอียดรูปธรรม คนในสังคมเห็นไม่ตรงกัน เป็นวัฒนธรรมที่เข้าใจไม่ตรงกัน ซึ่งต้องทำให้ชัดเจนขึ้นภายในพรรค นอกจากนี้จะต้องมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจนกว่านี้ รวมถึงมีการตรวจสอบเรื่องพวกนี้ เมื่อมีการร้องเรียน เรื่องคุกคามทางเพศ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบทั้ง 2 กรณี ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย นายชัยธวัช กล่าวด้วยท่าทีอึกอักว่า ขณะนี้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนของคณะกรรมการวินัย รวมถึงคณะกรรมการที่มาสอบข้อเท็จจริงชุดเล็ก คือการเพิ่ม สส.หญิงที่มีความรู้เรื่องกฎหมายเข้ามา เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความสบายใจมากขึ้น แน่นอนว่าหลังจากนี้ต้องทำให้ สส. อาจจะมีความอคติ ช่วยเหลือพวกกันเองได้ ต้องลดสัดส่วน สส.เข้ามาเกี่ยวข้อง

“กรณีคุณแจ้ หากมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาจริงๆ อาจจะผิดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ” นายชัยธวัช กล่าว

‘สถานี PNN’ เตือน!! ‘สื่อกัมพูชา’ ห้ามก๊อบปี้ ‘บุพเพสันนิวาส’ เด็ดขาด หลังได้รับสิทธิ์ฉายจากไทย ขู่!! หากฝ่าฝืน เจอดำเนินคดีตาม กม.ทันที

(7 พ.ย.66) จากเฟซบุ๊ก Pnn-Tv Cambodia ได้โพสต์จดหมายเตือนสื่อในกัมพูชา กรณีได้รับสิทธิพิเศษในการออกอากาศภาพยนตร์ไทย ‘บุพเพสันนิวาส’ และภาคต่อ ทางทีวี โดยระบุว่า…

"จดหมายแจ้งเตือน! สถานีโทรทัศน์ PNN เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งเดียวในกัมพูชา ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการออกอากาศภาพยนตร์ไทย «Bobbesanivas Part Fate» ทั้งทางทีวีและแพลตฟอร์มดิจิทัล กรณีใครขโมย ก๊อบปี้ นําไปใช้กับสื่อต่าง ๆ ในกัมพูชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางบริษัทเราจะดำเนินการตามกฎหมาย"

'หมีหมา' บุกห้องครัวแก่งกระจานกลางดึก ชาวเน็ตแซว!! หิวเก่ง จนท.เผยชื่อ 'ทุเรียน'

(7 พ.ย.66) กลางดึกวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้โพสต์ภาพหมีหมา ชื่อเจ้าทุเรียน ได้บุกเข้ามาในครัวของที่พักเจ้าหน้าที่อุทยานฯ

โดยเพจได้โพสต์แซวว่า “แม่ครัวครับ…เอาผัดกะเพราไข่ดาว 1 จานครับขอแบบพิเศษนะครับ มุมน่ารักของเจ้าหมีที่ชื่อทุเรียน555 #หมีหมาหรือหมีคน #เจ้าทุเรียนตัวแสบ555”

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะความน่ารัก อีกทั้งยังแซวกันให้พรึบว่า… 

“สงสัยหิว หิวเก่ง หิวบ่อย หรือหิวตลอดเวลา”
“นี่แหละเชฟหมีตัวจริง”
“จะโดนแม่ครัวกินไหมคะ”
“น้อนนน”
“น่ารักอะ”
“นั่งคอยเรียบร้อยมากๆๆ”
“นั่งรอแป๊บนะพี่ เดี๋ยวทำให้”
“55 ความพยายามสูงครับ มาทุกคืน”

ทั้งนี้ ยังมีผู้เผยด้วยว่านอกจากมีหมีที่ชื่อทุเรียนแล้ว ก็ยังมีอีกตัวที่ชื่อขนุนด้วย

และล่าสุด นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า ตามที่มีภาพข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ถ่ายภาพหมีในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโพสต์ใน Tiktok ภาพดังกล่าวเป็น หมีหมาหรือหมีคน (Malayan Sun Bear) ชื่อวิทยาศาสตร์ Helarctos malayanus พบได้ที่หน่วย กจ.4 บ้านกร่าง ซึ่งนักท่องเที่ยวพบเห็น และสามารถถ่ายภาพได้ทุกวัน เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ว่า ‘น้องขนุน’ มีตำหนิรูปพรรณที่บริเวณหน้าจะมีรอยแผลเป็นค่อนข้างเยอะ และจุดสีดำบริเวณสัญลักษณ์ตัวยูที่หน้าอกด้านขวา

ส่วนภาพหมีหมาที่พบว่ากำลังนั่งบนโต๊ะกินข้าว เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ว่า ‘น้องทุเรียน’ เป็นหมีที่พบประจำที่หน่วย กจ.19 เขาพะเนินทุ่ง ตำหนิรูปพรรณที่บริเวณหน้าจะมีรอยแผลเป็นค่อนข้างเยอะ และจุดสีดำบริเวณสัญลักษณ์ตัวยูที่หน้าอกด้านขวา

หมีทั้งสองตัว มีความคุ้นเคยกับการกางเต็นท์ของนักท่องเที่ยวและเป็นหมีนิสัยดี ไม่ดุร้าย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้นำอาหารไปไว้ในเต็นท์ และเฝ้าระวังไม่ให้หมีมารบกวนเต็นท์พัก และตักเตือนนักท่องเที่ยวให้อยู่ในระยะปลอดภัยขณะถ่ายภาพ และไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า อันจะทำให้สัตว์ป่าเสียสัญชาตญาณการดำรงชีวิตในธรรมชาติ

สำหรับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีข้อมูลการศึกษาวิจัยพบการกระจายพันธุ์ของหมีทั้งสองชนิดคือ หมีหมา (Helarctos malayanus) และหมีควาย (Ursus thibetanus) หรือที่เรียกว่า ‘หมีคอวี’ ซึ่งมาจากลักษณะทางกายภาพที่หมีควายมีขนสีขาวบริเวณหน้าอกเป็นรูปตัววี

ส่วนหมีหมา เป็นหมีที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร ขนตามตัวสั้นสีดำปนสีน้ำตาล ขนบริเวณอกโค้งเป็นรูปตัว U สีขาวนวล บริเวณหน้าตั้งแต่ตาไปถึงปลายจมูกสีค่อนข้างขาว หรือน้ำตาลอ่อน ปกติหมีหมาหากินกลางคืน บางครั้งก็ออกหากินกลางวัน มักหากินเป็นคู่ อยู่ในป่าทึบ ไม่ชอบอยู่ตามเขา ดุร้ายและขึ้นต้นไม้เก่งกว่าหมีควาย มีอุปนิสัยโมโหง่าย ชอบนอนบนต้นไม้หรือตามโพรงไม้สูงๆ ไม่ชอบนอนพื้นดิน บางครั้งร้องคล้ายเสียงสุนัขเห่ากระโชก จึงเรียกว่า หมีหมา เมื่อยืน 2 ขา จะยืนตัวตรง จึงเรียกอีกชื่อว่า หมีคน 

‘นายกฯ มาเลเซีย’ ย้ำ!! พร้อมเคียงข้างปาเลสไตน์ ไม่สนแม้ถูกกดดัน - เสี่ยงโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตร

(7 พ.ย. 66) นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เน้นย้ำถึงสิทธิของปาเลสไตน์ในการปกป้องตนเอง และกล่าวว่ามาเลเซียจะยังคงความสัมพันธ์กับกลุ่มฮามาสต่อไป แม้ว่าจะถูกกดดันจากสหรัฐก็ตาม

นายอันวาร์กล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้ (7 พ.ย.) ว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะหยุดยั้งประเทศอื่น ๆ ไม่ให้สนับสนุนกลุ่มฮามาสเป็นการกระทำฝ่ายเดียว และมาเลเซียจะไม่ยอมรับในเรื่องนี้ พร้อมระบุว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นคือสิทธิอันชอบธรรม และเป็นการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์”

คำพูดดังกล่าวของนายอันวาร์คือการตอบคำถามจากสมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้านที่ต้องการทราบจุดยืนของมาเลเซียที่มีต่อกฎหมายป้องกันการสนับสนุนทางการเงินระหว่างประเทศแก่กลุ่มฮามาส (Hamas International Financing Prevention Act) ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อบุคคล องค์กร และรัฐบาลประเทศใด ๆ ที่ให้สนับสนุนกลุ่มฮามาส กลุ่มญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ หรือกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของมาเลเซีย โดยในปีที่แล้ว การค้าทวิภาคีมีมูลค่ารวมประมาณ 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความตึงเครียดใด ๆ ก็ตามในความสัมพันธ์ อาจส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขทางการค้าได้

“ผมจะไม่ยอมรับการข่มขู่ใด ๆ ทั้งสิ้น รวมถึงเรื่องนี้ด้วย” นายอันวาร์กล่าว “นี่เป็นการกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียว และเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่าเรา ในฐานะสมาชิกของสหประชาชาติ จะยอมรับเฉพาะการตัดสินใจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเท่านั้น”

นายอันวาร์กล่าวเสริมว่า มาเลเซียจะให้การสนับสนุนความพยายามของประเทศใด ๆ ก็ตาม รวมถึงปาเลสไตน์ ในการนำอิสราเอลขึ้นดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ

‘เศรษฐา’ ยัน!! ยังไม่เคาะขึ้นเงินเดือน ‘ข้าราชการ’ ย้ำ!! แค่เตรียมศึกษาข้อมูล ไม่ได้แปลว่าจะปรับขึ้นทันที

(7 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปดูเรื่องราคาสินค้าหรือไม่ ภายหลังมีข้อสั่งการเตรียมขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ว่า ตนไม่ได้บอกว่าจะขึ้นเงินเดือน แต่ให้ไปศึกษา และการให้ไปศึกษา ไม่ได้หมายความว่าจะให้ขึ้นทันที

เมื่อถามว่า จะทำให้สินค้าจ่อขึ้นราคาล่วงหน้าหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้ขึ้นราคา มันยังตั้งไม่ได้ ยังไงเรื่องนี้กรมการค้าภายในก็ต้องดูแลอยู่แล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top