Tuesday, 3 June 2025
NewsFeed

ศูนย์ปันน้ำใจสาธุฯ รับรางวัล องค์กรเครือข่ายสนับสนุนงานผู้สูงอายุ วันผู้สูงอายุแห่งชาติ ปี 2566

ศูนย์ปันน้ำใจสาธุ​ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์​ กองทัพเรือ​ ในพระบรมราชินูปถัมภ์​ ได้รับรางวัล​ "องค์กรเครือข่ายที่สนับสนุนการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ" เนื่องในโอกาส วันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว​ ประจำปี​ 2566

นอกจากนี้แล้ว พล.ร.ต.หญิง​ อำไพวัลย์​ สวยสม​ ประธานศูนย์ปันน้ำใจสาธุฯ​ ยังได้รับการประกาศสดุดีเกียรติคุณ ยกย่องเป็น​ผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดี ในสังคม​ ปีพุทธศักราช​ 2566​ อีกด้วย โดย​ พลเอก​ ประยุทธ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรี​ เป็นผู้มอบรางวัล​​ ณ​ อาคารรัฐประศาสนภักดี​ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กทม.

พลเรือตรีหญิง อำไพวัลย์ สวยสม ประธานศูนย์ปันน้ำใจสาธุฯ ได้กล่าวถึงความเป็นมาของศูนย์ปันน้ำใจสาธุฯ ว่า จากประสบการณ์ 7 ปี ของคณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พบว่ายังมีกลุ่มผู้สูงอายุอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องอยู่ติดบ้านหรือติดเตียง ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุกลุ่มนี้ให้ดีขึ้น จึงเกิดแรงบันดาลใจทำให้มีการรวมกลุ่มของจิตอาสา ผลักดันให้เกิดศูนย์ปันน้ำใจสาธุฯ ขึ้น โดยมีเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ในขณะนั้นให้การสนับสนุน และเมื่อได้ไปศึกษาดูงานร่วมกับ อบต.พลูตาหลวง ที่เทศบาลตำบลคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้รับทราบถึงระบบการซ่อมอุปกรณ์ไปใช้ในชุมชนของโรงพยาบาลคลองใหญ่ จึงได้นำมาเป็นแนวคิดจัดตั้งศูนย์ปันน้ำใจสาธุ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือขึ้น เมื่อวันที่ 11 ม.ค.63 เพื่อให้ผู้ที่มีความประสงค์ จะขอยืมอุปกรณ์และสิ่งของดังกล่าว นำมาใข้ได้ที่บ้านได้

โดยผู้ที่มีความประสงค์ จะขอยืมอุปกรณ์และสิ่งของดังกล่าวมาใข้ได้ที่บ้าน สามารถติดตอสอบถามรายละเอียดได้ที่ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ โทร.0-3893-3905,08-0599-9658, 08-9024-5614 ในวันและเวลาราชการ

‘นิสิตวิศวฯ จุฬาฯ’ สุดเจ๋ง!! คิดค้นแอปฯ ช่วยจับผิดท่านั่ง ป้องกันออฟฟิศซินโดรม โดนใจกรรมการจนคว้าแชมป์ไปครอง

(15 ก.ย. 66) จากปัญหาการใช้ชีวิตของหนุ่มสาววัยทำงาน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ จนทำให้จำนวนมากเป็นโรค ‘ออฟฟิศซินโดรม’ (Office Syndrome) ที่จะอาการปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณ คอ หลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ ซึ่งอาการปวดดังกล่าวอาจลุกลามจนกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง

‘ออฟฟิศซินโดรม’ (Office Syndrome) โรคยอดฮิตคนทำงานออฟฟิศ เนื่องจากพฤติกรรมของคนทำงานส่วนใหญ่ ที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการตึง

นิสิตภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทีม ‘Midnightdev Extended’ จึงคิดค้นนวัตกรรม ตรวจจับการนั่งผิดท่า ป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม

ผลงานดังกล่าวทีมผู้คิดค้นใช้ชื่อว่า ‘Offix’ เป็นแอปพลิเคชันคอยตรวจจับการนั่งผิดท่า และทำกายบริหาร เพื่อป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรม ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้จริง จนโดนใจคณะกรรมการได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการแข่งขัน ‘Digital Youth Network Thailand’ ภายใต้งาน HACKA THAILAND 2023 จัดโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา

สมาชิกในทีมมาจากหลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล (CEDT) คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย นายธนกฤษ สายพันธ์, นายศุภโชค บุตรดีขันธ์, นายนนทพรรษ วงษ์กัณหา, นายรัชชานนท์ มุขแก้ว, นายเทพบดินทร์ ใจอินสม และนายทัศน์พล สวัสดี

นายธนกฤษ ตัวแทนกลุ่มนิสิต กล่าวว่าการทำงานของนวัตกรรมนี้ เป็นแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งอยู่หน้าเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ เมื่อเปิดใช้งานตัวแอพพลิเคชั่นจะคอยตรวจจับการนั่งของผู้ใช้ผ่านกล้อง ดูลักษณะการนั่งของผู้ใช้ว่านั่งถูกท่าหรือไม่ เพื่อเก็บข้อมูลและแจ้งเตือนปรับท่านั่ง อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ทำกายบริหาร ซึ่งถ้าหากทำครบสามารถและรับรีวอร์ดและนำไปแลกเป็นส่วนลดหรือสินค้าและบริการต่างๆที่ร่วมกับทางแอพอีกด้วย

การทำงานของ เอไอตรวจจับการนั่งผิดท่า ผู้คิดค้นได้นำข้อมูลเกี่ยวกับองศาการนั่งที่ถูกต้องตามหลักกายภาพ จากข้อมูลทางการแพทย์มาป้อนข้อมูลเข้าระบบ เมื่อผู้ใช้นั่งผิดท่าที่ส่งผลให้ปวดหลัง ก็จะแจ้งตือนทันที ผลงานนี้จึงเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม ทำให้ช่วยป้องกันการปวดหลังได้

'วปอ. - สถาบันพระปกเกล้า' มอบเงินฟุตบอลประเพณี 'รักเมืองไทย' เพื่อสนับสนุนในการขับเคลื่อนภารกิจสภากาชาดไทย

วันที่ 15 กันยายน ที่อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สภากาชาดไทย นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย รับมอบเงินจำนวน 150,000 บาท จาก พลโท อภิชาติ ไชยะดา ประธานนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 65 , พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 , ดร.ดํารง ประทีป ณ ถลาง ผู้แทนหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) รุ่น 26 เเละนายสมชาย จรรยา ผู้แทนหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4 ส.) สถาบันพระปกเกล้า จากการจัดกิจกรรมแข่งขันฟุตบอลประเพณี “รักเมืองไทย” ระหว่างศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรฯ และสถาบันพระปกเกล้า เพื่อใช้ในการดำเนินภารกิจของสภากาชาดไทย ด้านการบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย การบริการโลหิต และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่มุ่งหวังให้ประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีนายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย เเละ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย ร่วมพิธีรับมอบในครั้งนี้ 

นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันงบประมาณด้านการบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัยยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีพัฒการทางด้านเทคโนโลยีซึ่งมีราคาสูง หากจัดซื้อมาได้จะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข

จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสนับสนุนในโครงการต่างๆ ตามภารกิจของสภากาชาดไทย

ด้าน ดร.ดำรง ประทีป ณ ถลาง กล่าวว่า เงินที่นำมามอบผ่านสภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือคนในชาติด้านสาธารณสุข นั้น เป็นการระดมทุนรับบริจาคจากศิษย์เก่าและปัจจุบัน ของสถาบันพระปกเกล้า เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลประเพณี “รักเมืองไทย” สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นำมาซึ่งประเพณีที่ดีงาม สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สร้างความปรองดองสมานฉันท์ ความรัก ความสามัคคีในทุกภาคส่วน

‘นาซา’ แถลง ไม่พบหลักฐานเชื่อมโยง UFO-มนุษย์ต่างดาว แต่ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ พร้อมแจง องค์การจะเร่งศึกษาต่อ

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 66 คณะนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ ‘นาซา’ (NASA) ของสหรัฐอเมริกา นำโดย ‘บิล เนลสัน’ (Bill Nelson) ผู้อำนวยการนาซา จัดแถลงข้อมูล ผลการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ ‘UAP (unidentified anomalous phenomenon)’ หรือ ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ ซึ่งเดิมทีเรียกว่า ‘UFO (unidentified flying object)’ หรือ วัตถุปริศนาบินได้ที่ยังไม่สามารถอธิบายได้

เป้าหมายในการศึกษาครั้งนี้ เพื่อที่จะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายเหล่านี้ได้อย่างเป็นระบบ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จนอาจทำให้เกิดเป็นทฤษฎีสมคบคิด หรือการตีความที่ไม่ถูกต้อง รวมไปถึงสร้างความวิตกกังวลให้แก่ประชาชน

‘บิล เนลสัน’ (Bill Nelson) ผู้อำนวยการนาซาเผยว่า หน่วยงานอวกาศของสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้นำในการค้นคว้า ‘ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ (UAP)’ แต่จะแบ่งปันข้อมูลด้วยความโปร่งใสมากขึ้น

จากการศึกษาของ ‘นาซา’ (NASA) ที่ได้นำรายงานการพบเห็น ‘ยูเอฟโอ’ (UFO) หรือ ‘ยูเอพี’ (UAP) หลายร้อยครั้ง ในอดีตที่เคยบันทึกได้มาศึกษา พบว่า ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ‘มนุษย์ต่างดาว’ อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้เหล่านี้ รวมถึงยังไม่พบหลักฐานใดที่เชื่อมโยงว่า ‘ยูเอฟโอ’ ที่พบทั้งหมดนั้นมาจากนอกโลก

แต่อย่างไรก็ดี ทางหน่วยงานอวกาศก็ยังไม่สามารถฟันธงและปฏิเสธความเป็นไปได้ดังกล่าว เนื่องจากทางคณะกรรมการเผยว่า ยังมีปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ (UAP) อีกเป็นจำนวนมาก ที่ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด และยังคงเป็นปริศนาอยู่จนถึงทุกวันนี้

นับเป็นการตอกย้ำความสำคัญที่จะต้องมีการรายงานและศึกษาปรากฏการณ์เหล่านี้อย่างเป็นระบบ อาจจะนำไปสู่การค้นพบปรากฏการณ์สำคัญที่เรายังไม่รู้จักต่อไปในอนาคต

แม้ว่ารายงานดังกล่าวจะไม่ได้สรุปว่า สิ่งมีชีวิตนอกโลกมีอยู่จริง แต่นาซาก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมี “เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวที่ไม่ทราบศักยภาพซึ่งปฏิบัติการในชั้นบรรยากาศโลก”

‘นิโคลา ฟ็อกซ์’ (Nicola Fox) ผู้ร่วมบริหารของคณะกรรมการภารกิจวิทยาศาสตร์ของนาซา กล่าวว่า “UAP เป็นหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของเรา” ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดข้อมูลหลักฐานที่มีคุณภาพ

‘ฟ็อกซ์’ ยังเสริมอีกว่า แม้จะมีรายงานการพบเห็น ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ (UAP) หลายครั้งก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสามารถใช้เพื่อสรุปข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับธรรมชาติและต้นกำเนิดของ UAP ได้

‘ฟ็อกซ์’ ประกาศว่า นาซาได้แต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ (UAP) คนใหม่เพื่อ ‘สร้างฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งสำหรับการประเมินข้อมูลในอนาคต’ โดยจะมีการใช้ AI ในกระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

จากกรณีล่าสุด ‘ซากมนุษย์ต่างดาว’ ที่มีอายุกว่าพันปี และมีรหัสพันธุกรรม (DNA) ของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ ถูกนำมาเปิดเผยกลางสภาเม็กซิโก ผู้ค้นพบคือ ‘นายไฮเม เมาส์ซัน’ (Jaime Maussan) ผู้สื่อข่าวและผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะชาวเม็กซิโก ซึ่งศึกษาสนใจเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวและจานบิน (UFO) มาเป็นเวลาหลายสิบปี

การค้นพบดังกล่าว สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนทั่วโลก อย่างไรก็ดี ก็ยังมีประชาชนจำนวนมากตั้งข้อกังขา เพราะก่อนหน้านี้ นายไฮเม เคยมีประเด็นเดือด นำเสนอซากมนุษย์ต่างดาวลักษณะคล้ายกันนี้ ทว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงมัมมี่โบรา

สำหรับกรณี ‘ซากมนุษย์ต่างดาว’ ที่เป็นไวรัลจากเม็กซิโก ทาง ‘ดร.เดวิด สแปร์เกล’ (Dr.David Spergel) นักวิทยาศาสตร์ของนาซา เผยว่าได้ทำการส่งตัวอย่างไปให้ชุมชนวิทยาศาสตร์โลก เพื่อตรวจสอบต่อไป

เรียกได้ว่าทาง ‘นาซา’ แถลงการณ์ออกมาชัดเจนว่า ยังไม่พบหลักฐานใดที่เชื่อมโยงว่า ‘ยูเอฟโอ’ ที่พบทั้งหมดนั้นมาจากนอกโลก หรือมี ‘มนุษย์ต่างดาว’ อยู่เบื้องหลัง

ทว่าทางคณะกรรมการยังชี้ถึง ‘ความเป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกนั้นอาจจะมีอยู่จริง’ แม้จะยังไม่สามารถค้นหาได้ในเร็วๆ นี้ แต่ทางหน่วยงานก็จะยังคงเร่งศึกษาในเรื่องนี้ต่อไป โดยการอาศัยเทคโนโลยีที่มี เพื่อก้าวอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ

‘พิมพ์ภัทรา’ เผย!! เร่งผลักดันส่งเสริม ‘อุตฯ ยานยนต์ไฟฟ้า’ หลังค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเข้าพบ-หารือแนวทางสนับสนุน

(12 ก.ย. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงพลังงาน และคณะทำงานในการพิจารณากำหนดแนวทางผลักดันมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) หรือ EV 3.5 เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยด่วน ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเร็วที่สุด ก่อนที่มาตรการอีวี 3.0 จะสิ้นสุดภายในสิ้นปีนี้

“ขณะนี้มีค่ายรถยนต์อีวีบางค่ายสอบถามเรื่องมาตรการส่งเสริมรถอีวี และเข้ามาพบ เพื่อหารือถึงแนวทางสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าบ้างแล้ว ซึ่งจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทุกฝ่าย อาจจะต้องมีการปรับรายละเอียดหลักเกณฑ์เงื่อนไขบ้างบางข้อตามความเหมาะสม” นางสาวพิมพ์ภัทรากล่าว

นอกจากนี้จะพิจารณาแนวทางช่วยเหลือ ดูแลผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ตามนโยบายที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ฝากการบ้านถึงกระทรวงอุตสาหกรรม ในการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา แม้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ออกมาจะไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมโดยตรง แต่ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม ดูแลเรื่องการพักหนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนเอสเอ็มอีรายใหม่ รวมถึงเตรียมกำหนดแนวทางสนับสนุนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์สอดรับนโยบายรัฐบาลด้วย

ครม. แต่งตั้ง ‘พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ นั่งที่ปรึกษา ส่วน ‘สรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ นั่งเลขาฯ ‘รมว.คมนาคม’

เมื่อไม่นานมานี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 มีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ประกอบด้วย 1.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ 2.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเลขานุการ และที่ปรึกษา รมช. ของนางมนพร เจริญศรี และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ นั้น จะเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาแต่งตั้งในการประชุมครั้งถัดไป เนื่องจากเสนอจัดวาระการประชุมในครั้งนี้ไม่ทัน

ขณะเดียวกัน นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องฟรีวีซ่า โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 66-29 ก.พ. 67 ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการท่าอากาศยานต่าง ๆ โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) และท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) นั้น ได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรองรับ และอำนวยความสะดวกทุกด้าน ให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังประเทศไทย โดยให้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และร่วมกันทำงาน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ไม่เกิดปัญหาคิวผู้โดยสารหนาแน่นรอตรวจหนังสือเดินทาง

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ไม่รู้สึกกังวลใด ๆ มั่นใจว่าทุกหน่วยงานจะรับมือ และดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวได้อย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบล่วงหน้าแล้ว จึงคาดว่าทุกหน่วยงานจะเตรียมความพร้อมได้อย่างดี อย่างไรก็ตามในวันที่ 15-16 ก.ย. นี้ ตนจะเดินทางพร้อมคณะของนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และในวันที่ 29 ก.ย. นี้ จะลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยก่อนเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น จะแวะตรวจเยี่ยมการให้บริการอย่างไม่เป็นทางการของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ด้วย

อย่างไรก็ดี ในการลงพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดนั้น จะตรวจสอบความพร้อมของท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงการพัฒนาสนามบินแห่งที่ 2 ของ 2 จังหวัดดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกันจะลงไปดูปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต รวมถึงการพัฒนาถนนต่าง ๆ ซึ่งจะประชุมหารือร่วมกับ กรมทางหลวง (ทล.) ทางหลวงชนบท (ทช.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในโครงการต่าง ๆ ที่กำลังจะดำเนินการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยจะขอให้เร่งรัดดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน อาทิ โครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายกะทู้-ป่าตอง เป็นต้น ส่วนโครงการรถไฟฟ้าใน จ.ภูเก็ต และรถไฟฟ้าในต่างจังหวัดนั้น ขณะนี้ขอเร่งดำเนินการรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน

‘เลขา สดช.’ ชู แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ 3 มั่นใจ ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทย

เลขาธิการ สดช. ร่วมเวทีสัมมนาการขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ย้ำ ประเทศไทยต้องรักษาดัชนีความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ไม่ให้ต่ำกว่าเดิม พร้อมเดินหน้าตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในระยะ 3 ครอบคลุมทั้ง 5 ด้าน หวังเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 66 นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้เข้าร่วมงานสัมมนาโครงการสัมมนาการขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส), ศ.พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงผู้บริหารของกระทรวงฯ และหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายภุชพงค์ ได้กล่าวบนเวที ถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ตามแผนการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2561-2580) ในระยะ 3 ระหว่างปี 2566-2570 โดยระบุว่า ขณะนี้ดัชนีความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ทางด้านศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยอยู่ในอันดับที่ 20 ของโลก โดยเป้าหมายหลักคือการทำอันดับให้ดีขึ้น หรือ อย่างน้อยจะต้องไม่ลดจากอันดับเดิมที่เป็นอยู่

โดยมีตัวชี้วัดที่สำคัญ อย่างเช่น มูลค่าเพิ่มของเศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนต่อจีดีพี (Digital Contribution to GOP) ในปี พ.ศ. 2570 ไม่น้อย ร้อยละ 30 และปี  พ.ศ. 2581 ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 ขณะที่ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศใน
World Digltal Compettiveness Ranking ในปี พ.ศ. 2570 อยู่ใน 30 อันดับแรกของไลก หรืออยู่ใน 3 อันดับแรกของอาเซียน
และในปี พ.ศ. 2080 อยู่ใน 20 อันดับแรกของโลกหรืออยู่ใน 2 อันดับแรกของอาเซียน ส่วนในด้านสถานภาพการเข้าใจติจิล ( Digital Literacy) ของประชาชนคนไทย มากกว่า 30 คะแนน ในปี พ.ศ. 2570 และมากกว่า 85 คะแนน ในปี พ.ศ. 2580 

ทั้งนี้ การจะเดินไปถึงเป้าหมายดังกล่าว จะขับเคลื่อนไปตามกรอบการพัฒนาทั้ง 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน, ด้านเศรษฐกิจ, ด้านรัฐบาลดิจิทัล, ด้านการพัฒนากำลังคน และด้านการสร้างความเชื่อมั่นโดยการพัฒนาระบบนิเวศด้านโครงสร้างด้านเทคโนโลยี

“เราต้องยอมรับว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันนั้น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลนับว่ามีส่วนสำคัญอย่างสูง อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้กับประเทศในทุก ๆ ด้าน เพราะฉะนั้นเราจำเป็นจะต้องรักษาอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลในระดับนานาชาติ พร้อมกับพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศต่อไปให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุก ๆ ด้าน”

ขณะที่บรรยากาศภายในงานสัมมนา มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากทั้งภายในสถานที่จัดงาน ณ ห้อง Auditorium ชั้น 2 อาคารสโมสร บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) รวมถึงการรับชมผ่านออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังได้เยี่ยมชมบูธของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) ซึ่งได้ให้ความรู้เกี่ยวกับกองทุนฯ และจัดกิจกรรม เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมสนุกรับของที่ระลึกจากของกองทุนดีอี ทำให้บรรยากาศในงานสัมมนาตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคักอย่างมาก

‘พีระพันธุ์’ สั่งตรึงก๊าซหุงต้ม 423 บ./ถัง 15 กก.อีก 3 เดือน ไฟเขียว!! คงสัดส่วนผสมดีเซลบี 7 ช่วยลดภาระรายจ่าย ปชช.

(15 ก.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 ก.ย. 66 ให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือ ก๊าซหุงต้มที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เพื่อให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถัง 15 กก. ต่อไปอีก 3 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566

โดยมาตรการดังกล่าว จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) บริหารราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่ประชุม กบง.ยังมีมติเห็นชอบให้คงสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วให้เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ต่อไปอีก 3 เดือน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566

โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ ธพ. เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่…) พ.ศ. 2566 ให้สอดคล้องกับการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานประสานฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) นำเสนอการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล

ทั้งนี้ กบง.อาจมีการทบทวนสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ในน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วให้มีความเหมาะสม หากสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศปรับลดลง และสต็อกน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นภายหลัง

รู้จัก ‘เทวัญ ลิปตพัลลภ’ 1 ใน 9 ที่ปรึกษานายกฯ ผู้มากประสบการณ์และคร่ำหวอดในแวดวงการเมือง

(15 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 234/2566 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จำนวน 9 คน โดยหนึ่งในนั้น ปรากฎชื่อ ‘นายเทวัญ ลิปตพัลลภ’ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้วย 

THE STATES TIME ขอใช้โอกาสนี้ ในการพาทุกท่านไปรู้จักผลงานของ ‘นายเทวัญ ลิปตพัลลภ’ ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็น 1 ใน 9 กุนซือข้างกายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

>>ผลงานการเมือง
นายเทวัญ เข้าสู่วงการการเมืองด้วยการได้รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 สังกัดพรรคสามัคคีธรรม และได้รับเลือกเรื่อยมา รวม 3 สมัย ต่อมาในปี 2551 ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน

ในปี 2561 นายเทวัญได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 แบบบัญชีรายชื่อ และได้รับเลือกตั้งเป็น สส. สมัยที่ 4

ต่อมาได้เข้าร่วมรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กระทั่งในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 นายเทวัญ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีการปรับสัดส่วนคณะรัฐมนตรี และปัจจุบันปี พ.ศ. 2566 เศรษฐา ทวีสิน ได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

>> ผลงานในการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เทวัญ ลิปตพัลลภ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 4 สมัย คือ
1.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดนครราชสีมา สังกัดพรรคสามัคคีธรรม
2.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 จังหวัดนครราชสีมา สังกัดพรรคชาติพัฒนา ต่อมาคือพรรคไทยรักไทย
3.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดนครราชสีมา สังกัดพรรคไทยรักไทย
4.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคชาติพัฒนา

>>ผลงานด้านกีฬา 
อดีตเป็นประธานสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา ฮอนด้า เอฟซี หรือที่รู้จักกันในนาม สวาทแคท ก่อนที่จะลาออกในปี 2561

น่าชื่นชม! 4 ตร. สน.ทางด่วน 2 ยกย่อง “สุภาพบุรุษจราจร” สกัดจับหนุ่มจีนอุ้มสาว มัดมือ - เท้า “ผบ.ตร. - รอง ผบ.ตร.” ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (15 กันยายน 2566) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์  ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) เดินทางไปยังสถานีตำรวจทางด่วน 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตรวจจราจร เพื่อตรวจเยี่ยม  มอบสิ่งของบำรุงขวัญ มอบเงินรางวัล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือหญิงสาวชาวจีนที่ถูกเรียกค่าไถ่ และสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างทันท่วงที ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจร สน.ทางด่วน 2 ในครั้งนี้นับว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างตำรวจมืออาชีพ มีทักษะ ไหวพริบ และคล่องแคล่ว เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน 

โดยเมื่อเที่ยงวานนี้ (14 กันยายน 2566) ขณะที่ ร.ต.ต.อาทิตย์ วรรณพราหมณ์ รอง สว.จร. งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 2 กก.2 บก.จร. พร้อมด้วย ส.ต.อ.ปวรินทร์  ภูชัน, ส.ต.อ.เกริกเกียรติ อุทัยคำ และ ส.ต.อ.ณัฐพงษ์ จันทร์ส่งแสง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ทางด่วน 2 บก.จร. กำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร บริเวณหลังด่านเก็บเงินค่าผ่านทางอโศก 4 ได้มีรถแท็กซี่สีเหลือง เข้ามาขอความช่วยเหลือ โดยผู้ขับขี่รถแท๊กซี่แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า  มีหญิงสาวชาวจีนหนีลงมาจากรถยนต์เก๋งที่ประสบอุบัติเหตุบริเวณด่านอโศก 4 มีเชือกมัดอยู่ที่ข้อมือซ้ายและข้อเท้าซ้าย วิ่งมาขึ้นรถแท็กซี่ ตนจึงได้พามาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร.ต.ต.อาทิตย์ฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำความผิดและเป็นเหตุเร่งด่วน จึงสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 3 นายให้การช่วยเหลือหญิงชาวจีน และออกติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุทันที  พร้อมทั้งประสานงานกับส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จนสามารถจับกุมผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งคันประสบอุบัติเหตุบริเวณทางลงด่วนพระราม 9 ถนนจตุรทิศ เป็นชายชาวจีน อายุ 36 ปี ตรวจค้นภายในรถพบเชือกในลักษณะเดียวกันกับที่ใช้มัดมือและเท้าหญิงชาวจีนที่มาขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่ง สน.มักกะสัน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

พล.ต.ท.นิธิธรฯ เปิดเผยว่า “ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว มีไหวพริบที่ดีมาก ไม่ยึดติดในหน้าที่การกวดขันวินัยจราจรของตนเพียงอย่างเดียว โดยหากรอให้หญิงชาวจีนเข้าแจ้งความดำเนินคดีเสียก่อน ผู้ก่อเหตุอาจหลบหนีไปได้ นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี ซึ่งมีการแชร์และชื่นชมกันอย่างมากจากสำนักข่าวและโลกโซเชียล” ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลัก 5S คือ SMlLE ยิ้มแย้มเป็นมิตร SMART บุคลิกภาพดี SALUTE สุภาพให้เกียรติ SERVICE MlND มีจิตอาสาบริการ และ STANDARD มีมาตรฐานสากลมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง  “สุภาพบุรุษจราจร” ที่ ศจร.ตร.กำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน  สร้างความเชื่อถือศรัทธา และสร้างความปลอดภัยให้กับทุกชีวิตบนท้องถนน ทั้งนี้หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ โทร.1197 สายด่วนจราจร กองบังคับการตำรวจจราจร หรือ โทร.191 พร้อมให้ความช่วยเหลือทั่วประเทศ
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top