Tuesday, 3 June 2025
NewsFeed

‘พิธา’ ประกาศลาออกตำแหน่ง ‘หัวหน้าพรรคก้าวไกล’ เปิดทางเลือก หน.พรรคคนใหม่ ทำหน้าที่ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’

(15 ก.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์แจ้งสมาชิกพรรคและประชาชน โดยระบุว่า แม้วันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคก้าวไกลต้องเดินหน้าสู่การทำงานเพื่อประชาชนในฐานะ ‘ฝ่ายค้าน’ ที่มีเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ จำเป็นต้องเป็น สส. ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านอันดับ 1

ปัจจุบันผมยังอยู่ภายใต้คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ผมจึงยังไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษราษฎร และไม่สามารถจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ได้ในระยะเวลาอันใกล้

ขณะเดียวกัน ผมได้หารือกับคณะกรรมการบริหารและ สส. ของพรรคก้าวไกลแล้วเห็นว่า บทบาท ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบรัฐสภา และสมควรเป็นบทบาทที่รับผิดชอบโดยหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านหลักในสภาฯ ซึ่งตอนนี้คือพรรคก้าวไกล ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ จะเปรียบเสมือนหัวเรือที่กำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลและผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ยังตกหล่นจากนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ณ ขณะนี้ เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส. ที่สามารถทำหน้าที่ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ ในสภาฯ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนที่ผม

ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่า ไม่ว่าสถานะของผมจะเป็นอย่างไร ผมไม่ได้หายไปไหน แต่จะยังคงทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลและพี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังและสุดความสามารถเพื่อขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงที่เราปรารถนาร่วมกัน

แล้วในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ผมขอเชิญสมาชิกพรรคก้าวไกลมาพบกันอีกครั้ง ในงาน ‘ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน’ ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 เขตดินแดง กรุงเทพฯ เพื่อมุ่งหน้าสู่การสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งของพวกเราไปด้วยกัน

‘เบนซ์’ เปิดแคมเปญใหม่ ดึงลูกค้าเข้าใช้บริการศูนย์ ลดค่าอะไหล่สูงสุด 25% พร้อมสิทธิพิเศษเพียบ!!

(15 ก.ย. 66) ‘เมอร์เซเดส-เบนซ์’ เปิดแคมเปญ ‘Make your drive like day one’ จูงใจลูกค้าเข้ารับบริการ ด้วยส่วนลดอะไหล่ ของแจกแถม เงื่อนไขการเงิน

แคมเปญ ‘Make your drive like day one’ ของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ชวนลูกค้าดูแลรถเบนซ์ให้เหมือนวันแรกของการใช้งาน โดยปรับลดราคาอะไหล่ลงมาสูงสุด 25% เมื่อเข้ารับบริการในศูนย์บริการ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ
แคมเปญนี้จะมีไปจนถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566  โดยแบ่งเป็นข้อเสนอต่างๆ คือ

รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น (รวม Van model) ทุกช่วงอายุรถยนต์ จะได้รับส่วนลดค่าอะไหล่ 25% สำหรับอะไหล่
- กลุ่มบำรุงรักษา 
- กลุ่มอะไหล่สึกหรอ
- อะไหล่กลุ่มช่วงล่างที่ร่วมแคมเปญ

รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น (รวม Van model) ทุกช่วงอายุที่เข้ารับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
- รับน้ำมันเครื่อง MB Oil 1 ลิตร ฟรี 
- ลูกค้าที่มียอดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ลูกค้าที่เข้ารับบริการเปลี่ยนยาง MB Tire และ ลูกค้าที่ซื้อ MBSP ในช่วงแคมเปญ รับเพิ่มน้ำมันเครื่อง MB Oil อีก 1 ลิตร

ลูกค้า MBSP ที่มีโปรแกรม Easy Care หรือ Ultimate ที่เข้ารับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
- รับกระบอกน้ำสุญญากาศ Mercedes-Benz ขนาด 0.5 ลิตร มูลค่า 1,583.60 บาท 1 ใบ ต่อ 1 ใบเสร็จ ต่อรถยนต์ 1 คัน

ลูกค้าที่ทำรายการผ่านบัตรเครดิตซิตี้ เมอร์เซเดส และมียอดค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 25,000 บาท 
ขึ้นไป (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
- เลือกผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% ได้นาน 6 เดือน หรือ 10 เดือน

‘โทนี่ จา’ รับบทนักแสดงนำคู่ ‘เจสัน สเตแธม’ ในหนัง ‘Expendables 4 โคตรคนทีมมหากาฬ 4’ 

เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของชาวไทยสำหรับนักแสดงสายบู๊ ‘จาพนม’ หรือ ‘โทนี่ จา’ ที่ล่าสุดโดดรับบทนำคู่ ‘เจสัน สเตแธม’ ใน ‘Expendables4 โคตรคนทีมมหากาฬ4’ บอกเลยว่าฉากต่อสู้เยอะสุด มันส์ที่สุดกว่าเรื่องที่ผ่านมา และสดที่สุดคนไทยได้ดูก่อนอเมริกา

พลาดไม่ได้จริง ๆ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘Expendables4 โคตรคนทีมมหากาฬ4’ ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ทำเงินทั่วโลก ไปมากถึง 800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยภาคนี้ ทีม Expendables กลับมารวมตัวทำภารกิจกันอีกครั้ง โดยใช้ทุนสร้างกว่า $100 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้นักแสดงนักบู๊ขวัญใจชาวไทย ‘โทนี่ จา’ หรือ ‘จา พนม’ ร่วมแสดงนำ ซึ่ง จา พนม ประกบคู่ ‘เจสัน สเตแธม’ บู๊เคียงบ่าเคียงไหล่กันอย่างเต็มอิ่มแน่นอน

ซึ่งภาคนี้จะได้เห็นฉากบู๊ที่แตกต่าง โดยมีทีมสตันท์ของ แจ็กกี้ชาน (เฉินหลง) เป็นผู้ออกแบบคิวบู๊ต่าง ๆ  พร้อม จา พนม ร่วมออกแบบการต่อสู้ในรูปแบบ Martial Arts ที่ดุดันตามสไตล์ จา พนม เพิ่มไปอีก ทำให้ได้รับชมฉากต่อสู้ที่เยอะและมันส์ที่สุดกว่าเรื่องที่ผ่าน ๆ มาอีกด้วย

โดย จา พนม ได้เผยถึงการทำงานเรื่องนี้ว่า.... “ในเรื่องนี้เล่นเป็น เดชา เป็นหน่วยรบพิเศษ ตอนนี้ออกจากวงการแล้ว มาเป็นกะลาสี มีเรือประจำตำแหน่งชื่อเรือจินตหรา ในเรื่องเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ตอนแรกจะถ่ายทำที่ประเทศไทยด้วย แต่เผอิญมีการปรับเปลี่ยนโน่นนี่นั่นเลยไปถ่ายทำที่ บัลแกเรีย เขาเซ็ตฉากให้เป็นพัทยา ซึ่งออกมาแล้วก็เหมือนประเทศไทยอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ถ่ายทำกันในลอนดอน, บัลแกเรีย และกรีซ ครับ ตอนถ่ายทำอากาศหนาวมาก แต่ต้องใส่เสื้อผ้าแบบเมืองร้อน พอคัทปุ๊ปรีบเอาผ้าห่มมาห่มกันเลย”

“ส่วนคาแรคเตอร์เราได้มีการแชร์ประสบการณ์กับผู้กำกับฯ ว่า มันต้องมีแบคกราวน์ด้วยนะตัวละครตัวนี้ คือ เดชา นี่เขาเป็นหน่วยรบพิเศษที่เก่งมาก แต่ไม่อยากไปรบแล้ว เลยออกจากวงการไปบวชมาและเป็นกะลาสี ทางผู้กำกับเขาก็เลยให้ตัวละคร เดชา เป็นบุคคลิกระหว่าง แจ็ค สแปร์โรว์ และ แรมโบ้ ไปเลย”

“ทางด้านผู้กำกับคิวบู๊ก็มาจาก JC team (แจ๊กกี้ ชาน ทีม) เขาก็มาคุยกันว่า คิวบู๊ โทนี่ จา ต้องเป็นแบบองค์บากนะ แล้วเขาก็เอาอาวุธทั้งหลายมาโชว์ให้ดู พวกปืนผาหน้าไม้ ระเบิด อะไรประมาณนี้ แล้วเขาก็บอกว่า ยูไม่ต้องใช้ เพราะยูมีอาวุธอยู่แล้ว คือ มือเท้าเข่าศอก ยูเอามีดไปเล่มเดียว จะได้โชว์แม่ไม้มวยไทยได้อย่างเต็มที่ และมีการทำเวิร์กช็อปกัน ผู้กำกับคิวบู๊เขาให้ดูไลน์แอ็กชัน ทีนี้เราจะใส่อะไรลงไป ก็อยู่ที่เรา เราก็ใส่ศิลปะการต่อสู้แบบไทยลงไป เป็นการนำเสนอ เป็นการแชร์ไอเดียกัน ของไทยเราก็อัดกันดิบ ๆ ไปเลย ของฝรั่งก็มีมุมกล้อง มีซีจีมาเสริม เพราะตัวละครมีหลายตัว เราก็ต้องแชร์กัน อย่างผมเข้าไลน์กับ เจสัน สเตแธม ทำอย่างไรที่จะให้ทั้งคู่ไปด้วยกันได้ เข้าคู่กันอย่างกลมกลืน”

“สำหรับ Expendables ต้องบอกเลยว่า คุณได้ดูภาคที่ระเบิดภูเขาเผาโลกกันมามากแล้ว มาภาคนี้เขากลับมาถึงจิตวิญญาณแห่งเอเซีย ก็ได้ไปช่วยเขาออกแบบคิวบู๊ เป็นสีสันที่ตลาดต้องการ ไม่ใช่แอ็กชันแบบยิงกันอย่างเดียว เพราะคนยิงกันก็เห็นมาหมดแล้ว สิ่งที่สำคัญต้องหาอะไรที่ทำให้คนเขาตื่นตาตื่นใจ ซึ่งตรงนี้ผมว่า Expendables4 โคตรคนทีมมหากาฬ 4 จัดเต็ม อย่างไรก็ฝากไปดู ไปให้กำลังใจกันด้วยครับ”

‘Expendables 4 โคตรคนทีมมหากาฬ 4’ กำกับภาพยนตร์โดย สก็อตต์ วาก์ (Scott Waugh) ผู้กำกับจาก ซิ่งเต็มสปีดแค้น (Need for Speed), หน่วยพิฆาต ระห่ำกู้โลก ( Act of Valor), Hidden Strike นำแสดงโดย เจสัน สเตแธม, ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, ฟิฟตี้เซนต์, เมแกน ฟอกซ์, ดอล์ฟ ลันด์เกรน, โทนี่ จา (จา พนม), แรนดี้ โคเทอร์, แอนดี้ การ์เซีย และ อิโก อูไวส์  พร้อมนักแสดงชั้นนำจากฮอลลีวู้ดอีกคับคั่ง ที่สำคัญสดใหม่ คนไทยได้ดูก่อนอเมริกา 20 กันยายนนี้ แน่นอน! พร้อมเดือด มันส์ เกินพิกัด ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

เมื่อการให้ ‘ทิป’ กลายเป็นเรื่องลำบากใจของชาวเกาหลีใต้ จนลูกค้าแห่เลี่ยงใช้บริการ ส่อฉุดยอดขายร่วง-ธุรกิจดิ่ง

‘ค่าทิป’ เรื่องลำบากใจชาวเกาหลีใต้ ผู้บริโภคแห่เลี่ยงใช้บริการ การทำให้วัฒนธรรมให้ทิปกลายเป็นเรื่องปกติ อาจฉุดยอดขายธุรกิจลง เนื่องจากลูกค้าบางคนอาจเข้าใจว่า ยิ่งรับประทานอาหารมากเท่าไร ยิ่งต้องจ่ายค่าทิปมากเท่านั้น

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 66 อัลจาซีราห์ นำเสนอรายงานเรื่องนี้ โดยระบุว่า สังคมของชาวเกาหลีใต้ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากสหรัฐฯ มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความชื่นชอบชีสเบอร์เกอร์ของสหรัฐฯ ปาร์ตี้สละโสดแบบ bridal shower และละครซิตคอม แต่มีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของสหรัฐฯ ที่สังคมเกาหลีใต้รับไม่ได้ และออกแนวไม่ชอบใจเท่าที่ควร นั่นคือธรรมเนียม ‘การให้ทิป’

ชาวเกาหลีใต้ก็เหมือนประเทศอื่น ๆ นอกสหรัฐที่มักไม่ค่อยให้ทิปเพื่อเข้าไปซื้อบริการ แต่ก็กำลังเจอกับปัญหาท้าทายเมื่อเร็วๆ นี้ เมื่ออูเบอร์ของเกาหลีใต้ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้คนขับบางราย โดยสามารถรับทิปได้ 0.75 เซนต์-1.5 ดอลลาร์ ต่อการให้บริการ 1 ครั้ง หรือราว 26-53 บาทต่อการบริการ 1 ครั้ง ซึ่งการให้ทิปอูเบอร์ จะแตกต่างกันไปตามระดับความพรีเมียมของแท็กซี่

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ชาวเกาหลีใต้ต่อต้านการให้ทิป แม้แต่ 2 เซนต์ก็ไม่อยากให้

โพสต์ในโลกออนไลน์ที่เป็นกระแสมาแรง ระบุว่า “ตอนนี้ ธรรมเนียมการให้ทิปเริ่มต้นด้วยการให้ตามความพึงพอใจ แต่หลังจากนั้นจะกลายเป็นความกดดัน”

ขณะที่ชาวเน็ตคนอื่นๆ ร่วมกันล่าแม่มด ตามข่าวลือต่าง ๆ นานา เพื่อสืบหาและทำให้ธุรกิจที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนเพิ่ม หรือการจ่ายค่าทิปเป็นเรื่องที่น่าอาย

กระแสให้ทิปกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมเกาหลีใต้ จนสำนักข่าวแห่งหนึ่งพาดหัวข่าวว่า “เดี๋ยวนะ ที่นี่คืออเมริกาเหรอ?”

‘ซอน อึนจี’ พนักงานการเงินวัย 34 ปี เล่าว่าเธอไม่เคยให้ทิปใครหรือร้านใดในเกาหลีใต้เลย ยกเว้นบริจาคเงินเพื่อการกุศล เมื่อเกิดกระแสว่า บางธุรกิจเปิดให้เพิ่มทิป เธออาจหลีกเลี่ยงไม่สนับสนุนธุรกิจที่ขอเงินเพิ่มแบบนี้

“การให้ทิปไม่ใช่เรื่องสำคัญในเกาหลีใต้ และไม่ควรเป็นเรื่องสำคัญในตอนนี้” ซอน กล่าว

ปัจจุบัน เกาหลีใต้ยังเป็นประเทศที่ไม่นิยมให้ทิป แต่มีข้อยกเว้นให้บางธุรกิจ เช่น แคดดี้ในสนามกอล์ฟ หรือคนเก็บลูกกอล์ฟ และพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารทะเลหรือบาร์บีคิว ที่สามารถขอทิปจากลูกค้าได้ และกฎหมายของเกาหลีใต้ กำหนดให้ร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ต้องระบุค่าใช้จ่ายสินค้าและบริการต่างๆ ทั้งหมด รวมออกมาเป็นราคาเดียว

แม้แต่คนขับรถส่งของ ที่รับรายได้จากแอปพลิเคชันดิลิเวอร์รี ยังไม่ได้รับอนุญาตให้รับทิป ไม่ว่าจะให้บริการในวันฝนตกหรือแดดออกก็ตาม

ชาวเน็ตเกาหลีใต้บางคนบ่นว่า พวกเขาทุ่มเงินไม่กี่เหรียญให้กับพนักงานบริการส่วนใหญ่ แต่กลับไม่สนใจให้ทิปช่างทำกุญกับบุคลากรการแพทย์ ช่างเป็นอะไรที่ชวนให้สับสน

‘ฌอน จุง’ ศาสตราจารย์ด้านบริหารกิจการให้บริการ จากมหาวิทยาลัยบอสตัน บอกว่า “สหรัฐฯ เป็นประเทศให้ทิปมากกว่าปกติ เพราะการให้ทิปเป็นเรื่องที่ถูกตั้งความหวัง และเป็นวัฒนธรรมที่นิยมในร้านอาหารอย่างแพร่หลาย”

อย่างไรก็ตาม การให้ทิปในเกาหลีใต้เป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการยอมรับ แม้แต่เจ้าของร้านอาหารต่าง ๆ ก็มองว่า วัฒนธรรมการให้ทิปเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น

‘นัม ซุกจา’ เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นระดับไฮเอ็นด์ในกรุงโซล ที่มีเมนูอาหารที่เป็นจุดขายคือซาชิมิทูน่า ภายในร้านอาหารเต็มไปด้วยห้องอาหารส่วนตัว และลูกค้าร้านนี้มักจะจ่ายเงิน 10,000 วอน หรือราว 268 บาท ให้กับพนักงานเสิร์ฟ เมื่อเริ่มสั่งอาหารชุดแรก ซึ่งการให้ทิปพนักงาน อาจทำให้ได้รับบริการที่เอาใจใส่มากขึ้น ได้รับอาหารชุดต่อไปไวขึ้น หรือได้รับการเสิร์ฟแบบพิเศษ

อย่างไรก็ตาม นัม คิดว่า การที่ลูกค้าของเธอรู้สึกว่าต้องให้ทิปเพื่อรับบริการที่ดีขึ้นเป็นเรื่องที่ผิด และเรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

ด้าน ‘คิม มยองคยู’ เจ้าของบาร์แห่งหนึ่งในเกาหลีใต้กังวลว่า การทำให้วัฒนธรรมให้ทิปกลายเป็นเรื่องปกติ อาจฉุดยอดขายธุรกิจให้ลดลง เนื่องจากลูกค้าบางคนอาจเข้าใจว่า ยิ่งรับประทานอาหารมากเท่าไร ยิ่งต้องจ่ายค่าทิปมากเท่านั้น

“การให้ทิปดูไม่เป็นเรื่องที่น่าพอใจสำหรับลูกค้า ถ้าจะให้วางกล่องใส่ทิปไว้เหรอ? ร้านไม่มีทางทำแน่นอน” คิม ย้ำ

ด้าน ‘กาเกา โมบิลลิตี’ ผู้ให้บริการเรียกแท็กซี่รายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ เผยว่า ยอดให้ทิปของประเทศถึงจุดพลิกผันเมื่อเดือนก่อน

โดยบริษัทเริ่มโครงการนำร่อง เสนอช่องทางจ่ายเงินเพิ่มที่เรียกว่า ‘ทิปขอบคุณ’ 1.5 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่านั้น เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ขับขี่ให้บริการที่ดีขึ้น แต่โฆษกหญิงของบริษัทบอกว่า มีเพียงคนขับที่ให้บริการแท็กซี่ระดับสูงและได้รับคะแนนรีวิว 5 ดาวหลังให้บริการเท่านั้น ที่สามารถรับทิปจากลูกค้าได้

อย่างไรก็ตาม อนาคตของฟังก์ชันนี้จะเป็นอย่างไรนั้น บริษัทยังไม่ได้วางแผนใดๆ เพิ่มเติม

จากโพลสำรวจข้อมูลของโอเพนเซอร์เวย์ในกรุงโซล พบว่า ชาวเกาหลีใต้ 7 ใน 10 คน ไม่ชอบฟีเจอร์ให้ทิปแท็กซี่ ขณะที่มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 1 ใน 6 เท่านั้น ที่เห็นด้วยกับฟีเจอร์ดังกล่าว

ข้อกังขาจากสาธารณชนเกี่ยวกับการให้ทิป จุดประกายให้กับโต๊ะข่าว ที่ทำข่าวเกี่ยวกับการให้ทิปลดลงส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ โดยผู้ประกาศข่าวหญิงคนหนึ่ง ถึงกับต้องทำประเด็นข่าวใหม่ เพื่ออธิบายว่า การให้ทิปปริมาณมากเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายในสหรัฐฯ ได้อย่างไร และถึงขั้นที่ลูกค้าต้องจ่ายทิปจำนวนมาก

นักข่าวกล่าวว่า โดยปกติแล้ว ผู้คนมักสงสัยกันว่า ทำไมโลกเราต้องมีวัฒนธรรมการให้ทิป เมื่อมองไปที่สหรัฐฯ ผู้คนในประเทศนี้ก็เริ่มซักถามและแลกเปลี่ยนข้อมูล เกี่ยวกับสถานที่ที่อาจจะเก็บค่าทิป หรือไม่เก็บค่าทิปกันบ้างแล้ว

'รศ.ดร.ดนุวัศ' แนะ 5 นโยบายด้านอุดมศึกษาในโลกยุคดิจิทัล ยกระดับ 'ระบบการศึกษา' ครบมิติ เพิ่มพูนศักยภาพเด็กยุคใหม่

(15 ก.ย.66) รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษา อาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า ได้โพสต์ข้อเสนอแนะนโยบายต่อภาครัฐ ด้านอุดมศึกษาในโลกยุคดิจิทัล ไว้ดังนี้...

📌 1. ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล

จัดสรรทรัพยากรเพื่อให้มหาวิทยาลัยมีโครงสร้างดิจิทัลที่แข็งแกร่งซึ่งรวมถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัยเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ และการวิจัยออนไลน์

📌 2. มีนโยบายการเรียนรู้ออนไลน์และการศึกษาแบบผสมผสาน (Hybrid)

พัฒนาแนวปฏิบัติและการสนับสนุนสำหรับการเรียนรู้ออนไลน์และการศึกษาผสมผสาน รวมถึงการฝึกอบรมคณาจารย์ในด้านการศึกษาออนไลน์และการให้ความเข้าถึงสำหรับนักเรียนทุกคน

📌 3. สร้างความเป็นส่วนตัวและความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูล

ใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลของนักเรียน และสถาบันในสภาพแวดล้อมดิจิทัล โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบการคุ้มครองข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

📌 4. พัฒนาความรู้และทักษะด้านดิจิทัลสำหรับอนาคต

สนับสนุนนโยบายในการเสริมทักษะด้านดิจิทัลให้แก่นักเรียนและคณาจารย์ โดยให้มีโปรแกรมการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มความสามารถด้านดิจิทัลที่สำคัญสำหรับอนาคต

📌 5. สร้างทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด
(Open Educational Resources)

ส่งเสริมการใช้และสร้างทรัพยากรการศึกษาเปิดเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการศึกษา และเพิ่มการเข้าถึงเครื่องมือที่ใช้ในการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ

หุ้น ‘YG’ ดิ่ง 9% รุนแรงที่สุดในรอบปี หลัง ‘ลิซ่า’ ปฏิเสธข้อเสนอต่อสัญญา

ขึ้นแท่นเป็นตัวท็อปของวงการเคป็อป และวงการเพลงระดับโลกไปแล้วสำหรับสาวๆ BlackPink ที่ล่าสุดสาวไทยหนึ่งเดียวอย่าง ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ดูจะเป็นสมาชิกหนึ่งเดียวของวงที่แฟนๆยังคงลุ้นกันแบบตุ้มๆต่อมๆว่าจะต่อสัญญากับค่ายเดิมอย่าง YG Entertainment หรือไม่?

ตามรายงานจาก Star News ระบุว่า ลิซ่า เป็นสมาชิกวงที่ถูกค่ายเพลงต่างๆ จากทั่วโลกพากันยื่นข้อเสนอให้อย่างมากมาย พร้อมกับสัญญาที่จะทำให้เธอได้รับเงินมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงค่ายเพลงจากประเทศไทยด้วย

มีรายงานว่า ทาง YG Entertainment ก็ได้ยื่นเสนอสัญญาให้กับ ลิซ่า ถึง 2 ฉบับด้วยกัน แต่ก็โดนปัดตกหมด

อย่างไรก็ตาม หลังมีรายงานว่า ลิซ่า ปฏิเสธข้อเสนอการต่อสัญญา ส่งผลกระทบให้หุ้น YG Entertainment บริษัทต้นสังกัดศิลปินเคป็อป (K-pop) ร่วงลงเกือบ 9% ในวันนี้ (15 ก.ย.)

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ YG ร่วงลงในรอบ 1 วัน รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2565

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น นิวเซน (Newsen) สื่อของเกาหลีใต้ยังรายงานด้วยว่า YG ได้เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อสัญญากับลิซ่า แต่รายงานจากหนังสือพิมพ์มุนฮวา อิลโบระบุว่า ทั้งสองฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก

โดยล่าสุด ได้มีการยื่นขอเสนอให้มากถึงเกือบ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณเกือบ 1.4 พันล้านบาท แต่ดูท่าว่าไอดอลสาวจะปฏิเสธไปแล้ว

“มีข่าวลือว่า ลิซ่า ได้ปฏิเสธสัญญาฉบับแรกกับทาง YG Ent. ไปแล้ว และไม่นานมานี้ก็เพิ่งปฏิเสธข้อเสนอสัญญาฉบับที่ 2 ส่วนสัญญา คาดว่ามีจำนวนมากถึง 37.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.35 พันล้านบาท”

‘กองทัพบก’ จ่อโอนย้าย ‘บิ๊กบี้’ เข้าหน่วยงานในพระองค์ พร้อมเลื่อนพิธีส่งมอบหน้าที่เร็วขึ้น จับตา!! โผผู้การกรมฯ

(15 ก.ย. 66) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพบกได้เลื่อนกำหนดการส่งมอบหน้าที่ ผบ.ทบ. เร็วขึ้น โดยขยับขึ้นมาเป็นวันที่ 20 ก.ย.นี้ จากเดิม ที่กำหนดไว้ในวันที่ 29 ก.ย. พร้อมทั้งปรับพิธีให้สั้นกระชับ เหลือแค่การลงนามเอกสารรับ-ส่งหน้าที่ และพิธีรับมอบการบังคับบัญชา โดยไม่มีการสวนสนามของหน่วยรบจากที่เคยเตรียมการไว้

และวันที่ 15 ก.ย. 66 พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) เป็นประธานในการประชุมจัดงานแสดงมุทิตาจิต พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมผู้เกษียณอายุราชการในปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะจัดในวันที่ 20 ก.ย. เช่นกัน

มีรายงานว่า มีกระแสข่าวสะพัดในกองทัพบกว่า มีคำสั่งโอนย้ายให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ไปปฎิบัติหน้าที่หน่วยงานในพระองค์แล้ว ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อในการจัดทำโผรองนายพล-ผู้การกรมฯ พอดี 

ขณะที่พิธีส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งจัดขึ้นที่กองทัพเรือ (วังเดิม) และส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่ ลานอเนกประสงค์ อุทยานการบิน ทอ. (รร.นายเรืออากาศนวมินทร์ฯเดิม) ยังคงเป็นกำหนดการเดิม คือวันที่ 29 ก.ย.นี้

'นายกฯ' ยัน!! แก้รธน. 'ไม่ปรับแก้ 112-ไม่แตะหมวดพระมหากษัตริย์' ลั่น!! นักโทษการเมืองให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

(15 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ผ่านเพจ THE STANDARD ตอนหนึ่งถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีมีการตั้งคณะทำงานเพื่อทำประชามติหรือไม่เป็นการซื้อเวลาหรือไม่ ว่า ไม่ใช่การซื้อเวลาแน่นอน เป็นการตั้งคณะทำงานเพื่อรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน เราทำประชามติแน่นอน ผ่านกลไกรัฐสภา ที่เป็นตัวแทนประชาชนอยู่แล้ว โดยไทม์ไลน์จะเป็นอย่างไรนั้น สสร.ต้องฟังประชามติก่อน ตอนนี้เริ่มแล้ว

“ยืนยันทำตามไทม์ไลน์ไม่ใช่การซื้อเวลา เราต้องการให้คนเห็นต่างร่วมพูดคุยว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาอย่างไร โดยสิ่งที่ไม่แก้ คือ หมวดพระมหากษัตริย์ชัดเจน ส่วนเรื่องอื่นก็รอฟังประชามติ ส่วนเรื่อง 112 ยืนยันไม่มีการปรับแก้ ขณะที่นักโทษทางการเมืองก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม” นายเศรษฐา กล่าว

อัตราความยากจนในสหรัฐฯ ปี 2022 พุ่ง 12.4% สูงในรอบ 50 ปี สะท้อน!! บางนโยบายของรัฐบาล ส่งผลร้ายต่อชีวิตประชาชน

(15 ก.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคาร (12 ก.ย.) สำนักสำมะโนประชากรสหรัฐฯ รายงานว่าอัตราความยากจนของสหรัฐฯ ในปี 2022 อยู่ที่ร้อยละ 12.4 โดยความยากจนในเด็กเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากปี 2021

ผลการประเมินมาตรวัดความยากจน (SPM) ซึ่งวัดว่าประชาชนมีทรัพยากรเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ในปี 2022 เพิ่มขึ้น 4.6 จุดจากปีก่อนหน้า ขณะอัตราความยากจนในเด็กเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.2 ในปี 2021 เป็นร้อยละ 12.4 ในปี 2022 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สำนักฯ เริ่มติดตามดัชนีในปี 2009

ศูนย์จัดลำดับความสำคัญด้านงบประมาณและนโยบาย คลังสมองฝ่ายซ้ายของสหรัฐฯ ระบุว่าความยากจนที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นชาวอเมริกันใช้ชีวิตอยู่ในความยากจนเพิ่มขึ้น 15.3 ล้านคน 

โดยชารอน แพร์รอตต์ ประธานศูนย์ฯ มองว่าความยากจนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นน่าตกใจ

แพร์รอตต์ระบุว่าอัตราความยากจนที่เพิ่มขึ้นทั้งในประชากรรวมและในเด็ก ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 50 ปี ได้ตอกย้ำบทบาทสำคัญของตัวเลือกนโยบายที่มีผลต่อระดับความยากจนและความลำบากในประเทศ

นอกจากนั้นแพร์รอตต์เสริมว่าการสิ้นสุดโครงการคืนภาษีบุตรภาคต่อขยายของรัฐบาลกลางในปี 2022 เป็นสาเหตุของความยากจนในเด็กเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแพร์รอตต์เรียกร้องฝ่ายนิติบัญญัติฟื้นคืนการดำเนินโครงการดังกล่าว

อนึ่ง การประเมินมาตรวัดความยากจน ครอบคลุมรายได้และผลกระทบของความช่วยเหลือที่ไม่ใช่เงินสด อาทิ ความช่วยเหลือด้านอาหาร และความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย

‘Anny Divya’ หญิงแกร่งแห่งอินเดีย ผู้ก้าวข้ามกำแพงอคติทางเพศ จนสามารถเป็นกัปตันหญิงของ Boeing 777 ที่อายุน้อยที่สุดในโลก

‘Anny Divya’ กัปตันเครื่องบินโดยสาร Boeing 777 หญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลก

“ผู้หญิงแบกค้ำฟ้าไว้ครึ่งหนึ่ง” เป็นคำกล่าวของประธาน ‘เหมา เจ๋อตง’ ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เรื่องราวแบบนี้จากบอกเล่าเพื่อให้ผู้ที่รู้สึกว่า ขาดโอกาส ท้อแท้ สิ้นหวังได้มีพลังใจเช่นเดียวกับ ‘Anny Divya’ หญิงสาวผู้ที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการ จนประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอเกิดเป็น ‘หญิงชาวอินเดีย’ ด้วยในสังคมฮินดูนั้น ผู้หญิงถูกจัดให้มีสถานะที่ด้อยกว่าชายในแทบทุกด้านมาตั้งแต่ในอดีต ธรรมเนียมสังคมฮินดูมีลักษณะที่เป็นแบบ ‘ชายเป็นใหญ่’ หรือ ‘Patriarchy’ ทำให้สถานะความเป็นหญิงเสียเปรียบชายในแทบทุกด้าน เห็นได้จากปัญหาความไม่เท่าเทียมทางกฎหมายในอินเดีย อาทิ ภรรยาไม่สามารถฟ้องร้องสามีตัวเองได้ ในกรณีที่ฝ่ายชายไปมีความสัมพันธ์นอกสมรส หญิงไม่ได้รับโอกาสได้เข้าสู่ระบบการศึกษาที่ดีอย่างเพียงพอ ฯลฯ

กัปตัน ‘Anny Divya’ เกิดที่เมืองปาทานโกต รัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 1987 ในครอบครัวที่ใช้ภาษาเตลูกู (ภาษาที่พูดโดยชาวเตลูกูในรัฐอานธรประเทศกับรัฐเตลังคานาในอินเดีย) พ่อของเธอเคยเป็นทหารในกองทัพบกอินเดีย ครอบครัวของเธอเคยอาศัยอยู่ใกล้กับฐานทัพในเมืองปาทานโกต รัฐปัญจาบของอินเดีย หลังจากที่พ่อของเธอเกษียณ ครอบครัวของพวกเขาก็ย้ายมาตั้งรกรากที่เมืองวิชัยวาทะ รัฐอานธรประเทศ ซึ่งเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนในเมืองนี้ ญาติ ๆ ของเธอนอกเหนือจากครอบครัวใกล้ชิดของเธอ ต่างไม่เห็นด้วยกับความคิดที่เธอจะเป็นนักบิน อย่างไรก็ตาม เธอไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอท้อแท้แต่อย่างใด แต่พ่อ-แม่ของเธอสนับสนุนให้เธอทำตามความฝันอยู่เสมอ และไม่เคยขอให้เธอประกอบอาชีพที่พ่อ-แม่เลือก ซึ่งต้องขอบคุณพ่อ-แม่และคุณครูของเธอ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เธอเป็นเธอในวันนี้

หลังจากสำเร็จมัธยมศึกษาในวัย 17 ปี เธอได้ลงทะเบียนเรียนที่ Indira Gandhi Rashtriya Uran Akademi (IGRUA) ซึ่งเป็นโรงเรียนการบินในรัฐอุตตรประเทศ และจบการศึกษาเมื่ออายุ 19 ปี แล้วเริ่มอาชีพนักบินกับแอร์อินเดีย เธอเดินทางไปสเปนเพื่อฝึกบินด้วยเครื่องบิน Boeing 737 เมื่ออายุ 21 ปี เธอถูกส่งไปรับการฝึกเพิ่มเติมที่สหราชอาณาจักร ซึ่งเธอเริ่มบินด้วยเครื่องบิน Boeing 777 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีพิสัยบินไกลที่สุด และเป็นเครื่องบินไอพ่นสองเครื่องยนต์ที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก ปัจจุบันเธอเป็นกัปตันหญิง วัย 36 ปี ของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่อายุน้อยที่สุดของอินเดียและในโลก (เธอเป็นกัปตันตั้งแต่อายุไม่ถึง 30 ปี) อีกทั้ง เธอยังได้บินไปที่นครนิวยอร์ก นครชิคาโก และนครซานฟรานซิสโก เป็นประจำอีกด้วย

ในช่วงที่เรียนหนังสือ เธอเป็นนักเรียนที่สดใสและมีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก เธอเรียนที่ Kendriya Vidyalaya ในเมืองวิชัยวาทะ ใน Grade 11 เธอสามารถสอบได้คะแนนเต็ม 100 ในทุกวิชา ยกเว้นภาษาอังกฤษได้ 92 คะแนน และสันสกฤตได้ 98 คะแนน อีกทั้ง เธอยังทำได้ดีเป็นพิเศษในการสอบ Grade 12 และในขณะที่ทำงานกับ Air India เธอเข้าเรียนปริญญาตรีสาขาการบินจนจบ นอกจากนี้ เธอยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางกฎหมายจาก Rizvi Law College of University of Mumbai และยังเป็นทนายความอีกด้วย

อาชีพนักบินของกัปตัน Anny ได้เปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงินของครอบครัวเธอด้วย เธอสามารถส่งน้องชายให้เรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย และสามารถส่งพี่สาวของเธอเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาได้ สามารถซื้อบ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่ของเธอในเมืองวิชัยวาทะ และลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในนครไฮเดอราบัดได้อีกด้วย

กัปตัน Anny กล่าวว่า “เมื่อใดก็ตามที่ฉันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉันก็สงสัยเกี่ยวกับการที่ได้บินอยู่เหนือเมฆ เมื่อฉันเล่าความฝันที่จะบินให้แม่ฟัง แม่บอกฉันว่า ฉันไม่มีปีกที่ทำให้บินได้ และเพื่อจะบิน ได้ฉันจะต้องได้ปีกจากการเป็นนักบิน” เธอเล่าต่อว่า “ในสมัยนั้น การเป็นนักบินเป็นเรื่องรองจากการฝันถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทุกคนรอบตัวฉันต่างเลือกอาชีพด้านการแพทย์ วิศวกรรม ข้าราชการ ฯลฯ เป็นอาชีพ” อย่างไรก็ตาม เธอยังคงยึดมั่นในความฝันของเธอ

กัปตัน Anny เล่าว่า “การมาจากเมืองเล็ก ๆ และมาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี และช่วยขัดเกลาการใช้ภาษาอังกฤษให้ดียิ่งมากขึ้น คือหนึ่งในความท้าทายแรก ๆ และขอย้ำอีกครั้งว่า ฉันไม่มีพื้นฐานด้านการบินเหมือนเพื่อน ๆ ของฉัน” แม้ว่า โรงเรียนการบินอาจมีผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่กัปตัน Anny รู้สึกว่า เรื่องราวเกี่ยวกับการบินกำลังเปลี่ยนไป เธอบอกว่า อุตสาหกรรมการบินกำลังพัฒนา ทำให้มีผู้หญิงเข้ามาทำงานมากขึ้น กัปตัน Anny เน้นย้ำว่า อคติทางเพศของอินเดียมีมากกว่าในประเทศอื่น ๆ

กัปตัน Anny นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งว่า “ฉันบินในเที่ยวบินโดยที่นักบินผู้ช่วยของฉันเป็นชายต่างชาติ เขาให้ความเห็นว่า ผู้หญิงควรอยู่ในครัวและไม่ควรขับเครื่องบิน ฉันบอกว่า เราควรเลือกงานโดยพิจารณาจากสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด และฉันไม่รังเกียจที่จะอยู่ในครัว แต่ถ้าฉันบินได้ดีกว่า ฉันควรจะได้บิน และถ้าคุณทำอาหารเก่ง คุณก็ควรลองอยู่ในครัวดู และบางทีคุณอาจจะอยู่ที่นั่นได้ดีกว่า” กัปตัน Anny กล่าวว่า เธอเริ่มต้นการเดินทางในอาชีพนักบิน โดยมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้อย่างช้า ๆ ทีละก้าว จนเธอมาถึงจุดที่เธอเป็นอยู่ทุกวันนี้

“ฉันพูดเสมอว่าแม้จะไม่รู้ แต่ก็ไม่เป็นไรที่จะไม่เรียนรู้” เธอยังกล่าวอีกว่า ทุกความท้าทายถือเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับเธอ กัปตัน Anny มองว่า อคติต่อผู้หญิงเป็นย่างก้าวให้ผู้หญิงได้ไปสู่ความเป็นเลิศในชีวิตและอาชีพ เธอกระตุ้นให้บรรดาหญิงสาวมีศรัทธา และยอมรับทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จอย่างซาบซึ้ง ซึ่งจะกลายเป็นความสำเร็จ ให้คำปรึกษาแก่ผู้หญิงในรุ่นของเธอ กัปตัน Anny บอกว่า “ผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะสาว ๆ ฉันอยากให้คุณทุกคนบรรลุสิ่งที่คุณฝันไว้ สิ่งที่สังคมสอนไม่มีถูกหรือผิด แต่จงฟังหัวใจของคุณและหาทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

กัปตัน Anny ยังเข้าร่วมกลุ่มผู้นำอินเดียในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม LinkedIn Influencer มากกว่า 500 คน รวมถึง Narendra Modi, Bill Gates, Priyanka Chopra, Oprah Winfrey, Sachin Tendulkar และ Kiran Mazumdar Shaw ฯลฯ และปัจจุบันในฐานะ LinkedIn Influencer ที่เธอแบ่งปัน เรื่องราวของเธอกับสมาชิกหลายล้านคนของ LinkedIn ทั่วโลก เกี่ยวกับการที่เธอต้องต่อสู้กับอนุสัญญาทางสังคม อุปสรรคทางภาษา และความกดดันจากครอบครัว เพื่อประสบความสำเร็จในอาชีพที่เคยมีแต่ผู้ชายเท่านั้น

Air India Boeing 777


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top