Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

“เทพไท” หนุน ทำประชามติ ตั้ง สสร.ยกร่าง รธน.ใหม่ ตอบโจทย์กว่าแก้รายมาตรา

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กระแสเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ว่า หลังจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาลถูกคว่ำไปในวาระ 3 แล้ว ก็มีแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรูปแบบรายมาตรา และยังไม่ตกผลึกว่าจะแก้ไขในมาตราใดบ้าง

 

ถ้าหากพรรคการเมืองแต่ละพรรค ยังเห็นไม่ตรงกันในมาตราที่จะแก้ไข ก็จะยากที่จะประสบความสำเร็จได้ และไม่มีหลักประกันว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว.หรือไม่ เพราะเบื้องลึกของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ไม่ต้องการที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เพียงแต่ได้ตกกระไดพลอยโจนตอนจัดตั้งรัฐบาล จึงได้เขียนนโยบายเร่งด่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญบรรจุไว้ในคำแถลงนโยบาย 

 

แต่เมื่อดูท่าทีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ที่บอกว่า ถ้าอยากตัดวงจรสืบทอดอำนาจ ก็ไปแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ก็แล้วกัน หรือแม้แต่พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นท่าทีของผู้มีอำนาจคนสำคัญในรัฐบาล ทำให้ความหวังของการแก้ไขรัฐธรรมนูญริบหรี่ ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย 

 

ส่วนตัวเห็นด้วยกับผลโพลที่ประชาชนต้องการให้มีแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 58%  เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา จะไม่ตอบโจทย์การเมืองของประเทศ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองภาคประชาชน  ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจของ คสช. มาเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่มีความยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาทั้งฉบับ เป็นการปรับปรุงโครงสร้างอำนาจการเมืองใหม่ทั้งหมด ย่อมมีผลดีกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา 

 

ถ้าจะเปรียบรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นบ้าน จำเป็นต้องรื้อหมดทั้งหลัง เพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมาทดแทน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นบ้านที่มีฐานรากและโครงสร้างไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ก็เป็นเพียงการซ่อมแซมบ้าน ที่มีโครงสร้างไม่แข็งแรง อาจจะพังถล่มได้ในทันที

 

การเคลื่อนไหวให้มีแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แก้เกี้ยวหลังจากรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในวาระ 3  ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศได้ ทางออกที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลต้องจัดทำประชามติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด

ออฟฟิศเมท พลัส ประกาศรับผู้ประกอบการท้องถิ่นทั่วไทย ร่วมลงทุนแฟรสไชส์ การันตีกำไร 1 แสนบาท/เดือน งบลงทุนเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท

ออฟฟิศเมท พลัส ในเครือเซ็นทรัลรีเทล ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้ออุปกรณ์สำนักงานเพื่อธุรกิจ เดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มในไตรมาสแรก 2564 อีก 3 สาขา และวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่องตลอดปี สำหรับสาขาที่เปิดเพิ่มในไตรมาสแรกนี้ ได้แก่ ออฟฟิศเมท พลัส สาขาเลย (แยกบิ๊กโฮม), สาขาศรีสะเกษ (คิงส์วัสดุ) และ สาขานครสวรรค์ (เยื้องซอยสวรรค์วิถี 18) ทำให้ปัจจุบันมีร้านแฟรนไชส์ออฟฟิศเมท พลัส รวม 11 สาขา หากรวมสาขาของออฟฟิศเมททั้งหมด จะเป็น 86 สาขาทั่วไทย

พร้อมกันนี้ ออฟฟิศเมท พลัส ยังได้ประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการท้องถิ่นทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มาเป็นเจ้าของร้านแฟรนไชส์เพื่อต่อยอดธุรกิจและฐานลูกค้า B2B ด้วยโมเดลการขายเชิงรุกแบบ ออมนิแชแนลแฟรนไชส์ #การันตีกำไร 1 แสนบาท/เดือน* ซึ่งเป็นตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด สามารถเปิดร้าน พร้อมระบบการขายและการบริหารสต๊อค และสามารถจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์โรงงาน และสินค้าเพื่อธุรกิจครบครันมากกว่า 60,000 รายการได้เท่าเทียมกับ ร้านออฟฟิศเมท ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท

สำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนที่สนใจแฟรนไชส์ ออฟฟิศเมท พลัส ที่มีทำเลเปิดร้านได้ ในพื้นที่หัวเมืองหลักและรองที่มีศักยภาพสูงจะได้รับการพิจารณาอนุมัติเป็นแฟรนไชส์ได้อย่างรวดเร็ว เช่น จังหวัดชลบุรี สมุทรสาคร อยุธยา ระยอง ฉะเชิงเทรา นครปฐม นครราชสีมา เชียงใหม่ สงขลา ภูเก็ต สระบุรี ปราจีนบุรี ราชบุรี ขอนแก่น อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช และอุดรธานี เป็นต้น

“วิษณุ” ขออย่าเพิ่งยี้ “ตรีนุช” ชี้! รมว.ศึกษา ไม่จำเป็นต้องเป็นครู  เพราะไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แต่เป็นนักบริหาร

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง นางสาวตรีนุช เทียนทอง ว่าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมี รมว.ศึกษาธิการเป็นผู้หญิง ว่า ตนไม่แน่ใจ ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านำคนจบการเศรษฐศาสตร์มาบริหารกระทรวงศึกษาธิการเหมาะสมหรือไม่นั้น อย่าไปพูดอย่างนั้นเลย รัฐมนตรีไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค จึงต้องขอยกพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งนายจาตุรนต์ ฉายแสง เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเป็น รมว.ยุติธรรม โดยโยกมาจากกระทรวงพลังงาน 

 

ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชกระแสในวันดังกล่าวว่า รัฐมนตรีนั้นไม่ใช่ผู้ปฏิบัติการ แต่เป็นผู้กำหนดนโยบาย เป็นผู้บริหาร เพราะฉะนั้นจะจบอะไรมาถือเป็นนักบริหาร ถ้าเป็นนักบริหารต้องบริหารได้ คือ บริหารคน บริหารเงิน บริหารงาน เขาไม่ได้ตั้งใจว่าหมอเท่านั้นที่ต้องเป็น รมว.สาธารณสุข ครูเท่านั้นต้องเป็น รมว.ศึกษาธิการ ทหารเท่านั้นต้องเป็น รมว.กลาโหม 

 

นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าไปดูในอดีต รมว.หลายกระทรวงที่เราอาจจะยี้เมื่อตอนเข้ามา แต่ต่อมากลายเป็น รมว.ที่ดีมาก หรือดีที่สุด เช่น พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น และมาเป็น รมว.สาธารณสุข ใครๆ ก็แหย่เรียกหมอเสริฐทำนองว่ายี้ แต่ต่อมา พล.ต.อ.ประเสริฐเป็น รมว.สาธารณสุขที่ทำความเจริญให้กับกระทรวงมากที่สุด จนเป็นที่ร่ำลือถึงปัจจุบัน ดังนั้น อย่าไปสนใจเรื่องเช่นนี้ 

ปฏิทินการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2564 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

รับสมัคร

ประเภททั่วไป 16 - 20 เม.ย. 64

ประเภทเงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 16 - 20 เม.ย. 64

จับฉลาก

ประเภททั่วไป 24 เม.ย. 64

ประกาศผล

ประเภททั่วไป 24 เม.ย. 64

ประเภทเงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 24 เม.ย. 64

รายงานตัว

ประเภททั่วไป 24 เม.ย. 64

ประเภทเงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 24 เม.ย. 64

มอบตัว

ประเภททั่วไป 1 พ.ค. 64

ประเภทเงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 1 พ.ค. 64

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://plan.bopp-obec.info/Home/

รับสมัคร

ประเภททั่วไป 16 - 20 เม.ย. 64

ประเภทเงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 16 - 20 เม.ย. 64

จับฉลาก

ประเภททั่วไป 24 เม.ย. 64

ประกาศผล

ประเภททั่วไป 24 เม.ย. 64

ประเภทเงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 24 เม.ย. 64

รายงานตัว

ประเภททั่วไป 24 เม.ย. 64

ประเภทเงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 24 เม.ย. 64

มอบตัว

ประเภททั่วไป 1 พ.ค. 64

ประเภทเงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 1 พ.ค. 64

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://plan.bopp-obec.info/Home/

 

เปิดม่าน!! งานแสดงรถยนต์ Motor Show ครั้งที่ 42 ค่ายรถชั้นนำพาเหรดยานยนต์รุ่นใหม่แบบจัดเต็ม ด้าน ‘มาสด้า’ ปาดหน้า!! จัดหนักอัดยาแรงกระตุ้นกำลังซื้อ ‘ฟรีดอกเบี้ย - ฟรีประกัน - ฟรีค่าแรง – ฟรีน้ำมัน’

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจากมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เผย ปีนี้มาสด้าได้นำรถยนต์รุ่นใหม่ที่ตอบสนองการใช้งานและความต้องการลูกค้าได้อย่างลงตัว อาทิ ALL-NEW MAZDA BT-50 ปิกอัพใหม่สไตล์เอสยูวีที่ผนวกคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรถปิกอัพรวมเป็นหนึ่งเดียว กับราคาเริ่มต้น 553,000 บาท เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นกับดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันชั้นหนึ่ง และฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี 100,000 กม. พร้อมเปิดแพ็คเกจพิเศษให้ลูกค้าเพื่อเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท

โดย มาสด้า2 2021 COLLECTION ราคาเริ่มต้น 546,000 บาท มาพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี รวมทั้งรุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition และมาสด้า3 ที่มาพร้อมเงื่อนไขสุดพิเศษดอกเบี้ย 0% พ่วงฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บาท ขณะที่รุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม.

ด้าน มาสด้า CX-30 ผู้พิชิตรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมปีล่าสุดจากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย และติด Top 3 World Car of the Year 2020 มาพร้อมดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 5,000 บาท และรุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี และมาสด้า CX-3 2021 Collection ครอสโอเวอร์เอสยูวีราคาเริ่มต้น 769,000 บาท มาพร้อมดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี

มาสด้า CX-5 เอสยูวีสายหรูที่มีให้เลือกถึง 3 เครื่องยนต์ ก็มาพร้อมดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี และมาสด้า CX-8 พรีเมียม 3-Row Crossover SUV ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ 6 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี

งานนี้ลูกค้าที่สนใจในมาสด้าอยู่แล้ว คงเป็นโอกาสที่ดีกับออพชั่นที่จัดเต็มในงานครั้งนี้ ซึ่งใครสนใจสามารถเข้าชมยนตรกรรมสกายแอคทีฟทุกรุ่นได้ที่บูธมาสด้า ในงานมอเตอร์โชว์ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 4 เมษายน 2564

นายกฯ นำประชุมดิจิทัลฯ นัดแรกปี 64 พร้อมแต่งตั้งคณะที่ปรึกษารับรัฐมนตรีใหม่ และทบทวนยกเลิกขอรับเงินสนับสนุนเยียวยาโควิด 19 ‘ยอมรับ’การบริหารราชการแผ่นดินไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป 

วันที่ 24 มี.ค. 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 1 /2564 โดยกล่าวก่อนการประชุมว่านายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการประชุมว่าจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา ตนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาประเทศและการแก้ปัญหาความยากจน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างความเข้มแข็ง ในการแก้ปัญหาต่างๆของประเทศ โครงสร้างดิจิทัลพื้นฐานเป็นส่วนสำคัญ 

 

ซึ่งวันนี้เดินหน้า ไปสู่ 5G ที่ผ่านมารัฐบาลวางโครงการอินเตอร์เน็ตประชารัฐทั่วประเทศ บางพื้นที่ต้องปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะบางพื้นที่ใช้ไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ และวันนี้ได้ออกกฎหมายกิจการอวกาศ  เป็นเรื่องของการใช้ดาวเทียมให้มีประสิทธิภาพ จะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจด้านนี้และเตรียมความพร้อมปัญญาประดิษฐ์หุ่นยนต์ 

 

เพื่อสนับสนุนนโยบายเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงานทุกภาคส่วน นำมาสู่การเป็นดิจิทัลไทยแลนด์และดิจิทัลอาเซียนเต็มรูปแบบตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมกันนี้ ย้ำขอให้ทุกส่วนราชการร่วมกันผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ วันนี้รัฐบาลออกหลายมาตรการจำเป็นต้องมีข้อมูลขนาดใหญ่ที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกมิติ แก้ปัญหาได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ให้เกิดการพัฒนาประเทศในทุกมิติทั้ง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ความมั่นคง สุขภาพและการศึกษา มุ่งหวังให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป 

 

สำหรับการประชุมวันนี้ จะมีการพิจารณาร่างแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ ข้อมูลประเทศไทย และแผนปฎิบัติการด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี ดิจิทัล ระยะที่ 1 ปี2564-2570 และร่างแผนปฎิบัติการด้านการสื่อสารแห่งชาติ สนับสนุนกิจการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงทบทวนหลักการเพื่อขอยกเลิกการเปิดรับข้อเสนอโครงการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูโควิด 19  วงเงิน 400 ล้านบาท และแต่งตั้งที่ปรึกษาในคณะกรรมการเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ต้องจับตาดูรัฐมนตรีใหม่ นายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์  ว่าที่ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มีดีกรีจบวิศวะ จุฬาลงกรณ์ จะมาผลักดันนโยบายด้านดิจิทัลอย่างไร

"วิษณุ" ชี้! อดใจรอดูท่าทีรัฐบาล อย่าเพิ่งวิจารณ์ไร้ความจริงใจ ยัน! มีเจตจำนงค์แก้รธน.แต่ไม่เคยบอกรื้อทั้งฉบับ

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ... จะเป็นอย่างไรต่อไป ว่า เป็นคนละเรื่องอย่ามาถามปนกัน ขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา แต่ติดอยู่ในมาตรา 9 ถึงอย่างไรก็ต้องดำเนินการต่อไป แต่จะเดินอย่างไรก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่คณะกรรมการกฤษฎีกา และ กมธ. ซึ่งกำลังทำงานกันอยู่ หากทำเสร็จก็แจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบเพื่อนัดเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ส่วนจะเป็นวันใดก็แล้วแต่ 

 

โดยอยากให้ทางรัฐสภาช่วยยืนยันมาอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้รัฐสภาได้ทำหนังสือต้องการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 7-8 เมษายน 2564 ซึ่งตนคิดว่าเร็วไปเพราะขณะที่มีหนังสือมา ยังไม่มีการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะกำลังให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประสานไปที่รัฐสภาอยู่ โดยในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพ.ร.ฎ.เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ใส่วันที่ ก็ดำเนินไปไม่มีปัญหา  ส่วนจะติดอะไรหรือไม่  ตนไม่ทราบเพราะยังไม่เห็นว่าเขาแก้มาตราที่ต่อเนื่องจากมาตรา 9 อย่างไร ซึ่งก็ถามกันขึ้นมาว่า หากถลำลึกลงไปในทางที่เกิดปัญหายุ่งยากในการบังคับใช้  

 

นายวิษณุ กล่าวว่า เช่นข้อความเกิดขัดแย้งกันและเกิดเป็นภาระของรัฐบาล ใครขออะไรมาก็ต้องทำประชามติทุกครั้งจะทำอย่างไร โดยตนก็ได้เสนอความเห็นไป ความเป็นจริงใครๆ ก็ทราบว่าเป็นกระบวนการธรรมดา กรณีเมื่อออกกฎหมายมาแล้ว มีความบกพร่องในการบังคับใช้ก็แก้เท่านั้นไม่มีปัญหา ส่วนจะแก้ช้าหรือเร็วก็แล้วแต่ดำเนินการ ในอดีตก็เคยมี กรณีออกกฎหมายมาแล้ว อีก 7 วัน ก็แก้กฎหมายฉบับนั้นเลยก็มีหลายฉบับ และไม่เป็นเรื่องใหญ่โตเช่นเมื่อปี พ.ศ.2517 ได้ออกรัฐธรรมนูญมาลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้แล้ว อีก 7 วันก็มาขอแก้เรื่องการสรรหาส.ว. เป็นต้น

 

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนแนวทางการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ยังไม่มีใครเริ่มต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ระบุในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลไปหารือกันก่อน ได้ความว่าอย่างไรก็กลับมาคุยกับรัฐบาลอีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็คือพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะเห็นไม่ตรงกันก็ให้คุยกันเสียก่อน นับหนึ่งตรงนั้นแล้วค่อยมาสองที่รัฐบาล แล้วค่อยมาคิดกันต่อไปว่ารัฐบาลจะมาเกี่ยวข้องขนาดไหนอย่างไรเพราะขณะนี้ยังไม่ทราบเลยว่าจะแก้อย่างไร 

 

ผู้สื่อข่าวถามกระแสข่าวหากร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติผ่านวาระ 3 และ ประกาศใช้แล้ว รัฐบาลจะเสนอแก้ไขมาตรา 9 จะถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า  ก็ได้บอกไปแล้ว หากเกิดการบังคับใช้กฎหมาย หรือมีความผิดพลาดก็สามารถแก้ไขได้ 

 

 "บางครั้งผิดพลาดแล้วถวายขึ้นไป ก็ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ที่เรียกว่าวีโต้กลับมาด้วยซ้ำไปในสมัยรัฐบาลนายอานันท์  ปันยารชุน  เป็นนายกฯ ก็ได้ถวายและรับมาแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องหมายครุฑพ่าห์มาแล้ว" นายวิษณุ กล่าว

 

 เมื่อถามย้ำว่าการที่รัฐบาลขอแก้ไขในมาตราที่แพ้โหวตในวาระ 2 จะถูกวิจารณ์มากหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ได้บอกว่าอยู่ดีๆ เพราะว่าแพ้โหวตแล้วมารับทำอะไรใหม่ แต่ต้องพบความผิดพลาดคลาดเคลื่อนอื่นๆอีกหลายข้อ ขณะนี้ประเด็นว่าร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็มีปัญหา เมื่อถามว่าปัญหาส่วนไหน นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่บอกเพราะยังแก้ไขไม่ถึง โดยได้บอกไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกาว่าแก้สิ่งเหล่านี้เสียอย่าให้เกิดปัญหา 

 

เมื่อถามว่าจะแก้ที่มาตรา 9 เป็นหลักหรือไม่ นายวิษณุ บอกว่าไม่ใช่เพราะมาตรา 9 ผ่านไปแล้วเป็นมาตราอื่นแทน เพียงแต่มาตรา 9 เป็นต้นเหตุให้แก้มาตรา 10-13 เกือบจะไม่ต้องกลับไปแก้มาตรา 9 ด้วยซ้ำ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สังคมตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล  นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่เป็นไร ก็วิจารณ์ไป คอยดูต่อไปอย่าเพิ่งวิจารณ์" เมื่อถามว่าเจตจำนงของรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปใช่หรือไม่ นายิษณุ กล่าวว่า "เจตจำนงในการแก้ไขไม่ได้แปลว่าเป็นเจตจำนงแก้ไขทั้งฉบับ"   เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็คอยดูต่อไป

“บิ๊กป้อม” เร่ง! ปรับปรุงกฎหมายปราบค้ามนุษย์ แก้ปม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก-ค้าแรงงาน

วันที่ 24 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ต่อเนื่องด้วยเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับติดตามการดำเนินงาน โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมด้วย

 

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบการดำเนินงานที่สำคัญ ในการเร่งทบทวนแก้ไขและปรับปรุงกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551  ที่ให้น้ำหนักความสำคัญกับการลดอุปสงค์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก การบังคับใช้แรงงานหรือการบริการและการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบมากขึ้น  รวมทั้งการกำหนดให้มีแนวทางการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิด เข้ากองทุนเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 

 

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน  พร้อมรับทราบความร่วมมือการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์กับออสเตรเลีย รวมทั้งความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 63 ( Progress Report ) เพื่อประกอบการพิจารณาจัดระดับประเทศในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การค้ามนุษย์เป็นความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ จึงถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและความมุ่งมั่นร่วมกัน ที่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ร่วมขับเคลื่อนเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่มุ่งความยั่งยืน  จึงต้องพิจารณาให้รอบด้านและครอบคลุมในทุกมิติ  โดยเฉพาะการป้องกันการล่อลวงการละเมิดทางเพศต่อกลุ่มเปราะบาง เด็กและสตรีในสื่อออนไลน์ 

 

รวมทั้งการเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์มากขึ้น  ขอให้เร่งปรับปรุงกฎหมายที่ยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฉพาะมอบหมายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ติดตามการลักลอบผู้โยกย้ายถิ่น และมอบสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ติดตามนำเงินที่ได้จากการยึดอายัดทรัพย์ไปเยียวยาผู้เสียหายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกำชับ การบริหารจัดการกองทุนเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยคณะกรรมการบริหารกองทุน ต้องให้โปร่งใสและเป็นไปตามวัตถุประสงค์  ขณะเดียวกันต้องให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์ของการจัดทำรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 63 และให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศควบคู่กันไป 

 

โดยเฉพาะความร่วมมือไทย-สหรัฐอเมริกา และ ไทย - ออสเตรเลีย  ทั้งนี้ ขอให้พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการ ปี 64 รองรับสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางสังคม เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคการปฏิบัติงาน พร้อมย้ำกับทุกส่วนราชการ เอาผิดเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง  

คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ม.ขอนแก่น นำร่อง เปิดหลักสูตรเรียนปริญญาตรีล่วงหน้า ให้นักเรียน ม.ปลายลงเรียนสะสมหน่วยกิต เพื่อค้นหาความชอบและความถนัด ลดระยะเวลาเรียนในมหาวิทยาลัย

คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดการปฐมนิเทศผู้เรียนในหลักสูตรการจัดการศึกษาตลอดชีวิต ระดับปริญญาตรี : KKBS PRE-B (Pre-Bachelor Degree) ภายใต้โครงการ “เรียนปริญญาตรีล่วงหน้า แบบสะสมหน่วยกิต ในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต วิชาเอกการตลาด และวิชาเอกการจัดการ ผู้ประกอบการพาณิชย์และนวัตกรรม” 

โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและบริการวิชาการ เป็นประธานในพิธีเปิดการปฐมนิเทศ และบรรยายพิเศษเรื่องนโยบายการจัดการศึกษาตลอดชีวิตของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมี รองศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี เป็นผู้กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุม 1-2 ชั้น 6 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคการแข่งขันทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยี มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ตามกระแสการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อวิถีการดำรงชีวิตของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติรอบด้านจึงเป็นความท้าทายที่สำคัญยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์ในยุคปัจจุบัน ที่ให้ผู้เรียนได้ค้นหาตัวตนว่ามีความชอบและความถนัดในศาสตร์ใดขององค์ความรู้ด้านการบริหารและการบัญชี โดยเปิดโอกาสให้เรียนในรายวิชา ป.ตรี ล่วงหน้าแบบสะสมหน่วยกิต เพื่อเตรียมความพร้อมในทักษะด้านการบริหารธุรกิจและการบัญชีให้แก่ผู้เรียน และฉายภาพให้เห็นถึงกระบวนทัศน์ใหม่ของระบบนิเวศของธุรกิจยุคใหม่ (Ecosystem of The New Paradigm of Business) ได้อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน (Creativity and Sustainability)

รองศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มข.กล่าวว่า คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้มีการจัดทำโครงการเรียนรู้ล่วงหน้าและการเตรียมความพร้อมสู่โลกธุรกิจกับ Khon Kaen Business School สถาบันการศึกษาชั้นนำและเป็นเลิศด้านบริหารธุรกิจและการบัญชีที่ได้มาตรฐานสากล หลักสูตรฯ นี้ได้ถูกริเริ่มขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีศักยภาพสูงทางด้านวิชาการ ได้เตรียมความพร้อมการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษา โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงทะเบียนเลือกเรียนในรายวิชาต่าง ๆ ของหลักสูตรในระดับปริญญาตรีของคณะฯ ได้ล่วงหน้า

ทั้งนี้ เพื่อให้นักศึกษาได้ค้นหาตัวตนว่ามีความชอบและความถนัดด้านใด รวมทั้งสามารถลดระยะเวลาเรียนในมหาวิทยาลัย เก็บสะสมหน่วยกิตได้ ได้รับประกาศนียบัตรในการผ่านเข้าร่วมการเรียนของแต่ละวิชา โดยได้รับสมัครและคัดเลือกนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและเทียบเท่า

ทั้งนี้ มีผู้รายงานตัวลงทะเบียนทั้งสิ้นจำนวน 33 คน โดยแบ่งเป็นผู้เรียนในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต วิชาเอกการตลาดจำนวน 18 คน หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต วิชาเอกการจัดการผู้ประกอบการ พาณิชย์และนวัตกรรม จำนวน 21 คน และลงทะเบียนเรียนทั้งสองหลักสูตร จำนวน 6 คน แบ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 4 คน มัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 21 คน และมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 8 คน ซึ่งมาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ ด้วยการจัดหลักสูตรนี้ถือเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยขอนแก่น และหลักสูตรได้มุ่งเน้นการฝึกปฏิบัติจริงในสถานประกอบการอีกด้วย

รองศาสตราจารย์ ดร.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและบริการวิชาการ มข. กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (แบบรายวิชา) หลักสูตรปริญญาตรี เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าได้ค้นหาตัวตนว่ามีความชอบและความถนัดในศาสตร์ทางด้านบริหารธุรกิจและการบัญชี อีกทั้งยังเป็นการเรียนล่วงหน้าในระดับปริญญาตรีของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีเพื่อสะสมหน่วยกิตและเทียบโอนได้

นับว่าการจัดการศึกษาตลอดชีวิตเป็นการจัดการศึกษาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต Lifelong Education โดยเป็นการจัดการศึกษาในรูปแบบในระบบ Formal Education การศึกษานอกระบบ Non-Formal Education และการศึกษาตามอัธยาศัย Informal Education มุ่งให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง Self Directed Learning และสามารถพัฒนาตนเองให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของสังคม การเมือง และเศรษฐกิจของโลก ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งในของมหาวิทยาลัยขอนแก่น

โดยมีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้ดำเนินการเป็นหน่วยงานแรก ในการเปิดรับสมัครการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (แบบรายวิชา) หลักสูตรปริญญาในการปฐมนิเทศครั้งนี้นักเรียนจะได้ทราบถึงแผนการเรียน และกระบวนการจัดการเรียนการสอนตลอดหลักสูตร ทำให้สามารถวางแผนการเรียนได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning ) ในรูปแบบสะสมหน่วยกิต (Credit banks) ของหลักสูตรการจัดการศึกษาตลอดชีวิตในระดับปริญญาตรี

นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลายที่มีศักยภาพสูงทางด้านวิชาการ ได้เตรียมความพร้อมต่อการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษา โดยสามารถลงทะเบียนเลือกเรียนในรายวิชาต่างๆ ของหลักสูตรในระดับปริญญาตรีของคณะฯ ได้ล่วงหน้า เพื่อให้ค้นหาตัวตนว่ามีความชอบและความถนัดในศาสตร์ใดขององค์ความรู้ด้านการบริหารและการบัญชี ทำให้เห็นภาพและเข้าใจรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ก่อนมุ่งตรงสู่อาชีพในภาคธุรกิจหรือเพื่อเป็นผู้ประกอบการธุรกิจที่ตนเองสนใจในอนาคต ตามแนวความคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถอยู่ในระบบนิเวศของธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน


ที่มา: https://mgronline.com/smes/detail/9640000027520


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top