Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

"จุรินทร์" ลั่น ​เดินหน้าแก้รธน. ฝันอยากเห็น​ 3​ ฝ่าย จับมือฝ่าปัญหา เมิน "ศรีสุวรรณ" ร้องป.ป.ช. ฟัน​ 208​ ส.ส.-ส.ว.เห็นชอบร่าง รธน.วาระ​ 3​ ย้อน! ถ้าผิด​ คนลงมติให้โหวตก็ผิดด้วย

นายจุรินทร์​ ลักษณวิศิษฏ์​ รองนายกรัฐมนตรี​ และรมว.พาณิชย์​ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์​ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล​เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา​ จะต้องมีการพูดคุยพรรคพลังประชารัฐด้วยหรือไม่ ว่า ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลคงต้องหารือด้วยกัน แต่บังเอิญว่าเริ่มต้นที่ได้คุยกันมี 3 พรรคการเมือง จึงยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ แต่จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาลที่จะไปหารือเรื่องรัฐธรรมนูญที่ถือว่าเป็นกฎหมายสูงสุดในการที่จะเข้าสู่สภา

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหรือไม่​ นายจุรินทร์ กล่าวว่า​ ในสมัยประชุมหน้า สามารถเสนอได้ ส่วนการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญขึ้นอยู่กับรัฐบาล

เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถทำได้ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่​ นายจุรินทร์​ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะใช้ความพยายาม เพราะ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสำคัญไม่แพ้ปัญหาการเมือง หากว่าการเมืองนิ่งการเมืองสงบ ทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็จะราบรื่นขึ้น นี่คือหัวใจสำคัญ 

ฉะนั้นถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสริมการแก้ไขเศรษฐกิจด้วย และเป็นทางออกให้กับประเทศ ในสถานการณ์ที่ตนได้เรียงมาเป็นลำดับ​รวมทั้งปัจจุบันด้วย​ จะได้ไม่​เป็นเหยื่อในทางการเมืองโดยไม่จำเป็น เพราะการที่จะพาประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตย เป็นทิศทางที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าจะพยายามผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญใน​ 2 ปีที่เหลืออยู่ใช่หรือไม่​ นายจุรินทร์​ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดพรรคประชาธิปัตย์พยายามผลักดัน อันนี้ถือเป็นทิศทางที่ได้พุ่งไปตั้งแต่ต้น ที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าได้ทำหน้าที่จนวาระสุดท้าย นั่นคือการลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3

เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเป็นทางออกที่ดีที่สุดใช่หรือไม่ นายจุรินทร์​ กล่าวว่า ในสถานการณ์ขณะนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับมีเครื่องหมายคำถาม และดูเหมือนข้อถกเถียงยังไม่ได้ข้อยุติ ว่าสุดท้ายต้องไปทำประชามติก่อนวาระ 1 หรือไปทำประชามติหลังผ่านวาระ 3 ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ​ ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่

เมื่อถามถึงกรณีนายศรีสุวรรณ​ จรรยา​ เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยื่น​ ป.ป.ช.เอาผิด​ ส.ส.และ​ ส.ว.ที่ลงมติวาระ​ 3​ จำนวน​ 208​ คน จะส่งผลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่​ นายจุรินทร์​ กล่าวว่า การลงมติให้ความเห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 เป็นไปตามมติของรัฐสภา เพราะก่อนที่ทุกคนจะลงมติเห็นชอบก็เป็นมติของที่ประชุมรัฐสภาว่าจะให้มีการลงมติในวาระที่ 3​ ตนถือว่าการลงมติในวาระที่ 3 เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบทุกประการ 

ไม่ได้มีปัญหาอะไร และถ้ามีปัญหาคงมีปัญหาทุกคน เพราะคนที่ไปร้องก็ถูกตั้งข้อสังเกตเหมือนกันว่า ทำไมจึงร้องเฉพาะคนที่ลงมติเห็นชอบ แต่ไม่ร้องคนที่ลงมติไม่เห็นชอบ หรือไม่ร้องคนที่มีมติให้รัฐสภาลงมติในวาระที่ 3 ทำไมถึงเว้นไว้ แต่ตนไม่ได้หมายความว่าให้ไปร้องทุกคน เพียงแต่มีข้อสังเกต เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้คนที่ลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 กลายเป็นเป้าหมายในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายจุรินทร์เคยระบุว่าจะแก้อำนาจ​ ส.ว. และญัตตินี้เคยถูกตีตกไปแล้วครั้งหนึ่ง มั่นใจหรือไม่ว่าในการยื่นครั้งต่อไปจะได้เสียงสนับสนุนจากส.ว. นายจุรินทร์​ กล่าวว่า เราก็ต้องทำหน้าที่ของเรา​ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่มติของที่ประชุมร่วมรัฐสภา และขึ้นอยู่กับสมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3​ และเสียงฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า​ 20% 

เป็นเงื่อนไขบังคับที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนเอาไว้ ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยาก แต่เราก็ต้องฝ่าด่านนี้ไป
ไม่เช่นนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำไม่ได้เลย ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นทางออกของประเทศทางหนึ่ง และจะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนอยากเห็นอยู่ด้วย การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองต้องไปด้วยกัน

เมื่อถามว่า​ เป็นไปได้หรือไม่ที่ 3 ฝ่ายคือฝ่ายรัฐบาล​ ฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภา จะจับมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ นายจุรินทร์ กล่าวว่า​อยากให้เป็นอย่างนั้น อยากเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น และตนเคยพูดมาแล้วว่าอยากให้ 3 ฝ่ายได้คุยกัน หาทางออกร่วมกันเพื่อนำไปสู่ข้อสรุป ซึ่งนำมาซึ่งข้อสรุปในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

‘บิ๊กตู่’นำถกครม. ชวนคนไทยร่วมประกวดผ้าลายพระราชทาน “ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ภายใต้พระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน เผยผู้ชนะ the best of the best จะได้นำผ้าไปตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ ใส่ในงาน OTOP Midyear 2021 เดื

วันที่ 23 มี.ค.ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยนายกรัฐมนตรีมีสีหน้าเรียบเฉย และก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์ผ้าไทย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทาน “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ให้กับกลุ่มทอผ้าใน 76 จังหวัด 

พร้อมประชาสัมพันธ์ การใส่ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ตามพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา อีกด้วย ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรียังมีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 รณรงค์การใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาผ้าไทย พร้อมทั้งสนับสนุน โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) 

โดยมีพล.อ.อนพุงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมชมนิทรรศการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชม ผลิตภัณฑ์ผ้าไทยที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง ด้วยพระปรีชาสามารถในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงสืบสาน รักษาและต่อยอด ตามพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 10 โดย พระราชทานแนวทางการวิจัยพัฒนา (R & D) ออกแบบลวดลายผ้าไทย สามารถใส่ได้ทุกโอกาส ทุกกิจกรรม ส่งเสริมศักยภาพผ้าไทยให้มีความทันสมัย 

ซึ่งนายกรัฐมนตรียังสั่งให้กรมการพัฒนาชุมชนขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานผ้าไทย เครื่องประดับ เครื่องใช้และสินค้าชุมชนอื่น ๆ  เพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ผลิต เพื่อจำหน่ายทั้งแบบออฟไลน์ รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง อาทิ ตลาดเส้นไหม ที่ส่งเสริมการขายสินค้าของเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อให้ครบห่วงโซ่การผลิต ยังเป็นการตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ด้วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ จากภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีอยู่แล้ว  พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนสวมใส่ผ้าไทยหรือผ้าที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอและผ้าไทยด้วย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า  จากการที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินไปทรงงาน 3 ภาค ของประเทศไทย ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ภาคเหนือ จังหวัดลำพูน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสกลนคร โดยพี่น้องประชาชนได้นำผ้ามาจัดแสดง พระองค์ท่านทรงมีพระดำริในการให้คำแนะนำในเรื่องผ้า สะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงอุทิศทุ่มเท ความเพียรพยายาม แนะนำติดตามงาน และที่สำคัญคือ ผ้าเป็นสิ่งที่ล่อเลี้ยงชีวิตของพี่น้องประชาชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ครัวเรือน เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้ยั่งยืน 

“พระองค์ท่านมองเห็นถึงจุดอ่อนของวงการผ้าไทย คือ แบบผ้าเก่า ไม่มีความโดดเด่นตามยุคตามสมัย พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยะภาพช่วยฝ่าทางตันออกไปได้ ตามพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” และได้ประทานลวดลาย “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ทรงได้แนะนำการประยุกต์พัฒนาลวดลายให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการสร้างปรากฏการณ์แห่งอนาคตสำหรับการพัฒนาลวดลายและคุณภาพผ้าในยุคใหม่” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า การประกวดลายผ้าพระราชทานลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ จึงเป็นการ kick off ในการส่งเสริม อนุรักษ์ รักษา สืบสาน และต่อยอด โดยการส่งเสริมศิลปินคนรุ่นใหม่ มุ่งเน้นการทำงานทักทอผ้าต้องไม่ลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ตามกติกาที่ได้วางไว้ สุนทรียศาสตร์ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาที่ส่งต่อบรรพบุรุษดำเนินต่อเนื่อง สิ่งที่คงอยู่กับโลกปัจจุบันในเรื่องแนวโน้ม ขับเคลื่อนรูปแบบความต้องการในยุคปัจจุบัน เพื่อต้องการยกระดับ คุณภาพลายผ้าไทย เส้นใย และสร้างศิลปินคนรุ่นใหม่ที่ทำงานเรื่องผ้าโดยไม่จำกัดอายุ  

อย่างไรก็ตามในการประกวดรอบสุดท้ายในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม พระองค์ท่านจะทรงเสด็จเป็นองค์ประธานตัดสินในระดับประเทศด้วยพระองค์เอง ซึ่งจะมี รางวัล 15 ประเภทผ้า ตามเทคนิค เอกลักษณ์ของผ้าประจำถิ่นของจังหวัดนั้นๆ และรางวัลพิเศษ the best of the best นำผ้าที่ชนะเลิศไปตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ ใส่ไปงาน OTOP Midyear 2021 ในเดือนสิงหาคมนี้

ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประกวดผ้าลายพระราชทานลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ซึ่งเปิดรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้ - เดือนเมษายน 2564 และประกวดในระดับภูมิภาคในห้วงเดือนพฤษภาคม 2564 และประกวดในระดับประเทศในเดือนกรกฎาคม 2564 โดยสามารถติดต่อได้ที่กรมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอทุกแห่ง และสามารถดูรายละเอียดการประกวด และข้อมูลเกี่ยวกับผ้าลายพระราชทานลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ได้ทางเว็บไซต์กรมการพัฒนาชุมชน www.cdd.go.th หรือทาง Facebook กรมการพัฒนาชุมชน Fanpage.

รมว. คมนาคม เผย มอเตอร์เวย์ 'บางใหญ่ - เมืองกาญจน์'คืบหน้า 49.9% เร็วกว่าแผน 5.9% พร้อมเปิดบริการปี 66

วันที่ 23 มี.ค.64 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม เรื่องการพัฒนาและการเปิดให้บริการระบบการจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติพิเศษแบบไม่มีไม้กั้น (Multi-lane Free Flow) หรือระบบ M-Flow บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก และ โครงการมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (Motorway M81) ว่าได้ติดตามการดำเนินการ โดยกรมทางหลวง (ทล.) ได้พัฒนา M-Flow เพื่อแก้ไขปัญหารถติดหน้าด่าน โดยวางระบบให้บูรณาการกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในการพัฒนา M-Flow ให้เป็นรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System) 

ซึ่งเป็นระบบเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติในรูปแบบการอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ ร่วมกับระบบการตรวจจับยานพาหนะอัตโนมัติ (Automatic Vehicle Identification: AVI) โดยผู้ใช้รถยนต์ขับผ่านด่านฯ ที่ติดตั้งโครงเสาแขวนสูงเหนือศีรษะ (Overhead Gantry) พร้อมอุปกรณ์ระบบตรวจจับยานพาหนะอัตโนมัติ (AVI) ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ (Automated License Plate Recognition: ALPR) โดยไม่ต้องหยุดหรือชะลอรถ โดยจะส่งบิลเรียกเก็บภายหลังหรือชำระผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น แอพพลิเคชั่น

สำหรับระบบ M-Flow ได้ออกแบบให้รองรับการใช้ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ซึ่งสามารถระบายรถได้เร็วกว่าระบบเดิม 5 เท่า ขณะนี้การติดตั้ง M-Flow Gantry ทั้ง 4 ด่าน ได้แก่ ด่านทับช้าง 1, 2 และด่านธัญบุรี 1, 2 เสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการปรับปรุงกายภาพบริเวณช่องทางงานติดตั้งป้ายเครื่องหมายจราจร และการดำเนินการด้านวิศวกรรมและระบบ IT (พร้อมระบบติดตามเอาผิดผู้ฝ่าฝืนไม่ชำระค่าผ่านทางที่ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก)

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าสำหรับโครงการมอเตอร์เวย์ M81 มีระยะทาง 96 กม. วงเงินลงทุนโครงการ 55,927 ล้านบาท (ค่าก่อสร้าง 38,475 ล้านบาท และค่าเวนคืน 17,452 ล้านบาท) มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 8 แห่ง ระยะเวลาดำเนินโครงการ ปี 59-66 แบ่งการก่อสร้างเป็น 25 สัญญา ก่อสร้างแล้วเสร็จ 4 สัญญา และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 21 สัญญา มีความคืบหน้าการก่อสร้าง  49.989% เร็วกว่าแผนงาน 5.972%  ขณะที่แผนงานอยู่ที่ 44.017% (กำหนดแล้วเสร็จปี65เปิดบริการปี66)

ทั้งนี้โดยมีปัญหาอุปสรรค 1 ตอน คือ ตอนที่ 12 มีค่างานก่อสร้างเพิ่มขึ้นประมาณ 120.37 ล้านบาท เนื่องจากมีการแก้ไขรูปแบบงานสะพานให้มีความสอดคล้องกับข้อกำหนดของกรมชลประทาน และเพิ่มงานโครงสร้างชะลอการทรุดตัวบริเวณคอสะพาน (Bearing Unit) ทล.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของค่างานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 

นายศักดิ์สยาม ได้มีข้อสั่งการให้ ทล. เร่งรัด M-Flow ให้เป็นไปตามแผน เพื่อนำไปสู่ภาคการปฏิบัติโดยเร็ว ขณะที่มอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ต้องประสานสำนักงบประมาณ (สงป.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการบริหารเงินเหลือจากการก่อสร้างมาดำเนินการในส่วนของค่างานที่เพิ่มขึ้น ให้บำรุงรักษาผิวทางของสัญญาที่แล้วเสร็จให้พร้อมใช้งานเมื่อเปิดให้บริการ  

รวมทั้งให้กำหนดไทม์ไลน์ของงานระบบบริหารและบำรุงรักษา (O & M) ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ไม่เป็นไปตามแผน และให้ตรวจสอบการดำเนินงานต่าง ๆ ให้มีความชัดเจน เพื่อให้ใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และป้องกันการทุบทิ้งสร้างใหม่ในภายหลัง

บุ๋ม - ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ดารานักแสดงชื่อดัง ในฐานะประธานองค์กรทำความดี โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านไอจี เกี่ยวกับเรื่องราวของเยาวชน ชั้นอนุบาลไปจนถึงชั้นป.5 ถึง 9 รายซึ่งเกิดเหตุมานานเกือบ 10 ปี แต่ผู้กระทำความผิดยังไม่มีใครทำอะไรได้

โดย บุ๋ม ปนัดดา ระบุว่า ...

เคสนี้ล่าสุด! แล้วคุณจะตกใจเหมือนบุ๋มถ้าคุณรู้ว่า

1.) เด็กน้อย 9 คนนี้ โดนกระทำโดยผู้ชายคนๆเดียวกัน

2.) เด็ก2คนในนี้แจ้งความแล้ว ขึ้นศาล แต่ศาลให้ประกันตัว

3.) เมียที่เป็นสมาชิก อบต. ให้ความช่วยเหลือผัว จนเด็กๆคนอื่นไม่กล้าแจ้งความ

4.) เรื่องที่เกิดขึ้น มันเกิดมานานเกือบ 10 ปี แต่ไม่มีใครทำอะไรมันได้เลย จนมันย่ามใจทำเด็กมากมายขนาดนี้

5.) มีเด็กผู้ชายอีก 3 คนมาร้องเรียนกับบุ๋ม ถูกละเมิดและลวนลามจากคนนี้เช่นกัน

ทีนี้คุณเข้าใจรึยังว่าทำไมบุ๋มยอมชื่อเสียงของตัวเองเข้าแลกในแต่ละคดีเพราะเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในแต่ละท้องที่เป็น 10 ปี แต่ไม่มีใครเคยรับฟังพวกเค้าเลย คุณต้องเห็นน้ำตาของพ่อแม่เด็ก แล้วเด็กบางคนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ถ้าคุณได้เห็นเหมือนอย่างที่บุ๋มเจอ คุณจะลุยและสู้กับคนเลวๆเหมือนบุ๋ม #บุ๋มเชื่อแบบนั้น #องค์กรทำดี

สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และหลายประเทศในสหภาพยุโรปผนึกกำลังลงดาบร่วมคว่ำบาตรจีน ในประเด็นละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ในมณฑลซินเจียงของจีน โดยจะเล็งเป้าที่นักธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน

โดยจะเล็งเป้าที่นักธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ที่รับผิดชอบในเขตซินเจียง เบื้องต้น มีการเปิดเผยรายชื่อบัญชีดำบางส่วนแล้วดังนี้

1.) นาย เฉิน หมิงกัว ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจในท้องที่เขตซินเจียง

2.) นาย หวัง หมิงชาน หนึ่งในคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ในเขตซินเจียง ที่แหล่งข่าวสายตะวันตกระบุว่า เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบโครงการค่ายกักกันชาวอุยกูร์โดยเฉพาะ

3.) นายหวัง จุนเจิ้ง เลขาธิการ บริษัทซินเจียง โปรดักชั่น แอนด์ คอนสตรั๊กชั่น หรือ XPCC

4.) นาย จู ไห่หลุน อดีตรองหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์สาขาซินเจียง ที่ถูกระบุว่าเป็นคีย์แมนคนสำคัญในนโยบายการสร้างค่ายกักกันชาวอุยกูร์

5.) บริษัท บริษัทซินเจียง โปรดักชั่น แอนด์ คอนสตรั๊กชั่น (XPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล กึ่งกองทัพ ที่รัฐบาลจีนบอกว่าเป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมวิชาชีพ และพัฒนาพื้นที่การเกษตรในเขตชนบท แต่ถูกฝ่ายตะวันตกระบุว่า เป็นหน่วยงานสำคัญที่ผลักดันให้เกิดนโยบาย "ปรับทัศนคติ" ชาวมุสลิม ซินเจียง-อุยกูร์

ซึ่งการคว่ำบาตรนี้ จะรวมถึงการแบนทั้ง หน่วยงาน และบุคคลที่ระบุในบัญชีดำไม่ให้เข้าประเทศ เพิกถอนวีซ่า และยังระงับการเข้าถึงบัญชีทรัพย์สินที่ฝากไว้ในประเทศกลุ่มพันธมิตรชาติตะวันตก ที่ร่วมกันคว่ำบาตรจีนในครั้งนี้ด้วย

แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ย้ำชัด กลางที่ประชุมทวิภาคี สหรัฐ - จีน ในอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า จีนได้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอุยกูร์ และจะกดดันให้จีนหยุดการกระทำดังกล่าว

ประเด็นเรื่องค่ายกักกันชาวอุยกูร์ ถูกหยิบยกขึ้นโจมตีจีนอย่างหนักในช่วงนี้ ซึ่งจีนถูกกล่าวหาว่าได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง กับชาวอุย กูร์ ในเขตซินเจียงนับล้านคน ที่ถูกต้อนเข้าแคมป์ ที่จีนอ้างว่าเป็นค่ายฝึกอบรมวิชาชีพ และค่านิยมแบบจีน

แต่กลับมีรายงานข่าวการกักกัน คุมขัง ทำร้ายร่างกาย ข่มขืนทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ที่บังคับให้ชาวอุยกูร์ละศาสนาอิสลาม บังคับให้บริโภคเนื้อหมู ใช้แรงงานหนัก และบังคับให้คุมกำเนิด จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก ที่จีนพยายามที่จะปฏิเสธว่า เป็นเรื่องที่กล่าวเกินจริง และบิดเบือน

แต่ก็ถูกชาติตะวันตกกดดันในประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ รัฐสภาแคนาดาประกาศว่าการกระทำของรัฐบาลจีนต่อชาวอุยกูร์ เข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ประเทศในสหภาพยุโรปหลายชาติลงชื่อคว่ำบาตรจีน ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ก็เห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรเช่นกัน และน่าจะร่วมขบวนด้วยในเร็วๆนี้

ทางด้านจีน ก็ประกาศว่าพร้อมที่จะตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรทุกชาติตะวันตก ที่ร่วมกับสหรัฐคว่ำบาตรจีนในครั้งนี้

นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวว่า นี่คือการแทรกแซงกิจการภายในจีนแบบเหมารวม บิดเบือนข้อเท็จจริง และเผยแพร่ข่าวเท็จ ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และได้ประกาศรายชื่อบุคคล ที่จะถูกขึ้นบัญชีดำของจีนถึง 10 คน ที่เป็นสมาชิกสภา EU เป็นนักสิทธิมนุษยชนแห่งสหภาพยุโรป นักวิชาการเยอรมันที่เผยแพร่ข้อมูลการกดขี่ชนกลุ่มน้อยในทิเบตและซินเจียง รวมถึงหน่วยงานรัฐบาลชาติตะวันตก เช่น Germany Mercator Institute for China Studies และ Danish Democracy Organization เป็นต้น

คว่ำกันระเน ระนาด ล้มโต๊ะกันหนักมากจริงๆ และนี่แค่เพียงเริ่มต้นเท่านั้น จากแนวทางการต่อสู้ระหว่าง จีน และสหรัฐ ในยกใหม่ ที่เชื่อว่าน่าจะต้องคว่ำกันอีกหลายบาตรทีเดียว

แหล่งข้อมูล

https://www.bbc.com/news/world-europe-56487162

https://www.dw.com/.../china-sanctions-eu.../a-56948924

https://www.theguardian.com/.../china-responds-to-eu-uk...

https://www.aljazeera.com/.../eu-rolls-out-sanctions-on...


ที่มา : เพจ หรรสาระ By Jeans Aroonrat

https://www.facebook.com/HunsaraByJeansAroonrat/photos/a.104144281210799/267660561525836/

เอ่ยชื่อ ‘สนามบินดอนเมือง’ สำหรับคนไทยถือเป็นชื่ออันคุ้นเคย ซึ่งวันนี้เมื่อ 107 ปีก่อน เป็นวันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เปิดดำเนินการเป็นครั้งแรก

ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือ สนามบินดอนเมือง ในความคุ้นเคยของคนไทย เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือราว 24 กิโลเมตร โดยก่อนหน้าที่จะมีสนามบินแห่งนี้ แต่เดิมเคยมีสนามบินแห่งแรกของประเทศ นั่นคือ สนามบินสระปทุม

แต่เนื่องด้วยมีพื้นที่จำกัด และมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ไม่เหมาะสม ทางราชการจึงได้คิดหาสถานที่ใหม่ที่มีบริเวณกว้างขวาง และจากการบินสำรวจทางอากาศ จึงได้พบเห็นผืนนาที่อยู่ทางตอนเหนือของอำเภอบางเขน ซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม

ต่อมา กรมเกียกกายทหารบกได้เริ่มดำเนินการปรับพื้นที่ให้เป็นสนามหญ้า ที่เครื่องบินสามารถวิ่งและบินขึ้น-ลงได้ พร้อมทั้งสร้างโรงเก็บเครื่องบิน และอาคารสถานที่ทำการตามความจำเป็น การก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 กรมเกียกกายทหารบกจึงส่งมอบให้กรมจเรการช่างทหารบกรับช่วงดูแลต่อ และเรียกชื่อสนามบินนี้ว่า ‘สนามบินดอนเมือง’

กระทั่งวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2457 กระทรวงกลาโหมได้ออกคำสั่งตั้งกองบินทหารบกขึ้น และย้ายเข้าที่ตั้งถาวรที่สนามบินดอนเมือง จึงนับเป็นวันเปิดดำเนินการ และเป็นการเริ่มต้นกิจการการบินของเมืองไทยอย่างเป็นรูปธรรม ต่อมาภายหลัง กองทัพอากาศก็ได้ถือเอาวันที่ 27 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกของกองทัพอากาศด้วยเช่นกัน

ท่าอากาศยานดอนเมือง เคยปิดตัวลงเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2549 พร้อมกับการเปิดใช้งานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยถูกปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่ซ่อมเครื่องบิน ฝึกบิน และสำหรับจอดเครื่องบินส่วนตัวของบุคคลสำคัญ แต่ต่อมาก็กลับมาเปิดทำการใหม่อีกครั้ง เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2550 กระทั่งปัจจุบัน สนามบินดอนเมืองได้ชื่อว่า เป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 ของประเทศ เปิดรับเที่ยวบินจากต่างประเทศกว่า 16 ประเทศ และเที่ยวบินภายในประเทศอีกมากมาย

.

ที่มา:

https://th.wikipedia.org/wiki/ท่าอากาศยานดอนเมือง

https://www.trueplookpanya.com/blog/content/51392/-timhis-tim-


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

รมว.แรงงาน ปลื้ม คนแห่ใช้ ม.33 เรารักกัน ทำเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจ 5,700 ล้าน

วันที่ 23 มี.ค.64 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะมนตรี (ครม.) ถึงการใช้จ่ายโครงการ ม.33 เรารักกัน ในวันที่22 มี.ค. เป็นวันแรก ว่า การโอนเงินวันแรกให้กับผู้ประกันตนคนละ1,000 บาท มีจำนวน 5.7 ล้านคน ทำให้มีเงินหมุนเวียนถึง 5,700 ล้านบาท และขณะนี้มีผู้ยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตัง เกือบ 96% มีผู้ทบทวนสิทธิ์ประมาณ 7 แสนคน โดยส่วนนี้พยายามจะดำเนินการให้เร็วและผู้ประกันตนจะได้รับเงินไปในครั้งเดียว 4 พันบาท ในวันที่ 12 เม.ย.นี้และสามารถใช้ได้ไปถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้

รมว.แรงงาน กล่าวว่า และจากการลงพื้นที่ลงไปสำรวจผู้ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง ทั้งในตลาดและผู้ประกันตน พบว่าราบรื่นดี มีระบบบริหารจัดการลงตัวถือว่าน่าพอใจ เพราะไม่มีอะไรที่ผิดพลาดในทุกขั้นตอน พ่อค้าแม่ค้าได้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น3-4 เท่าตัว สร้างบรรยากาศที่ดีทั้งผู้ใช้จ่ายและผู้ขาย เหมือนกับชื่อโครงการ เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงตัดพ้อของผู้ประกันตน มาตรา 33 บางคน ได้รับเงินเดือนไม่ถึง 2 หมื่นบาท แต่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 5 แสนบาท จะมีการทบทวนสิทธิ์ของกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เท่าที่ดูจากข้อมูลผู้ที่มีเงินฝากเกินจำนวน ที่มาลงทะเบียนใช้สิทธิ์มีแค่ 168,000 คน ส่วนในจำนวนผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 9 ล้านคน ที่ไม่มาใช้สิทธิ์เพราะรู้ตัวเองอยู่แล้ว เราไม่สามารถเช็คจำนวนได้ ทั้งนี้เงินจำนวน 4 พันบาท ที่รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาเป็นการช่วยเดือนเดียว เพราะกลัวว่าเงินที่มีอยู่จะไม่พอสำหรับผู้ประกันตนทั้งหมด เนื่องจากเป็นในส่วนของเงินกู้ จึงต้องใช้หลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนดมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานเรื่องการทุจริตในโครงการดังกล่าวที่ขายสิทธิ์เพื่อแลกกับเงินสด หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนได้ประสานไปถึงผู้นำสหภาพแรงงานทุกกลุ่ม ให้แนะนำทำความเข้าใจถึงการบริหารจัดการเงิน โดยเงินจากแอพพลิเคชันให้ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เรื่องอาหารการกิน และเก็บเงินสดไว้ในส่วนที่จำเป็นอื่น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถฯ และขอให้ใช้เงินด้วยความรอบคอบในสิ่งที่จำเป็นยืนยันว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหาให้ครบทุกกลุ่ม ทั้งนี้ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการ ให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้รับทราบแล้ว

“ณฐพร โตประยูร” ยื่น ป.ป.ช. สอบสมาชิกรัฐสภา 208 คน ที่โหวตผ่านวาระ 3 จงใจทำหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่งอัยการฟ้องศาล สั่งพ้นจากตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่สำนักงานป.ป.ช. นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ดำเนินการกับ 208 สมาชิกรัฐสภา ที่ลงมติเห็นชอบ วาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ  เนื่องจากเป็นการกระทำที่จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ป.ป.ช. และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันทุกองค์กร   การที่สมาชิกรัฐสภายังบังอาจลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 จึงเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ  จึงขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวนและมีความเห็นส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินการต่อไป   

นายณัฐพร กล่าวว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมามีความชัดเจนอยู่แล้วว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะทำไม่ได้  แต่หากจะทำก็ต้องไปขอประชามติจากประชาชนก่อนและการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1  เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2560 ทั้งฉบับ  โดยจะมีผลให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องถูกยกเลิกไปด้วย  ซึ่งจะกระทบกับโครงสร้างทางการเมืองการปกครองและยังส่งผลให้คดีความต่างๆ  โดยเฉพาะคดีความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกศาลลงโทษไปแล้ว  หรืออยู่ระหว่างการดำเนินคดีต้องหลุดพ้นไปด้วย เหตุเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไป 

นายณัฐพร กล่าวว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ  เป็นการหาทางออกให้ประเทศ  เพราะเดิมการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำไม่ได้  แต่คำวินิจฉัยก็ออกมาบอกว่าแก้ไขได้  แต่ต้องไปทำประชามติถามประชาชนว่ายินยอมหรือไม่   ถ้ายินยอมก็แก้ไขได้   

“การที่ญัตติโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปแต่การที่ ส.ส.และ  ส.ว. 208 คน ไปรับรองมติ  ถือเป็นการจงใจปฎิบัติหน้าที่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. ระว่า ป.ป.ช.มีอำนาจสอบสวน และส่งอัยการฟ้องร้องภายใน 108 วัน ให้ศาลสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง และตัดสิทธิ์ทางการเมือง  10 ปี”  นายณัฐพร กล่าว

เมื่อถามว่าที่ฝ่ายการเมืองอ้างว่ามติดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ไขรายมาตรา  เพราะแก้มาตรา  256/1  เท่านั้น  นายณฐพร กล่าวว่าการแก้มาตรา 256/1  เพื่อตั้ง สสร.ก็เหมือนการยกเลิกรัฐธรรมนูญญปี  2560  ซึ่งศาลระบุไว้ชัดเจน ว่าการแก้ให้มี สสร. ไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่  เพราะเป็นสิทธิของ ส.ส.ร.ที่จะทำ  เพราะฉะนั้นเรื่องนี้กระทบต่อโครงสร้างของประเทศ กระทบต่อการบริหารงาน รัฐบาล  กระทบต่อทุกภาคส่วน แต่เรามองไม่เห็นกันว่าการแก้แบบนี้ก่อให้เกิดผลอะไรตามม

ครม.ไฟเขียวต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คุมโควิด ตั้งแต่ 1 เม.ย.- 31 พ.ค.นี้ ตามที่ศบค.เสนอ พร้อมเห็นชอบพ.ร.ฎ.เรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ 7 - 8 เม.ย.นี้

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่1เม.ย.-31 พ.ค.นี้ ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ให้ความเห็นชอบ

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมสภาสมัยวิสามัญ พ.ศ. ...ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า การประชุมสมัยวิสามัญ ที่เพิ่งผ่านพ้นมาอาทิตย์ที่แล้วได้พิจารณาเรื่องที่สำคัญ คือ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ร่างพ.ร.บ.การเข้าชื่อกฎหมาย และพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ในวาระที่ 2 ซึ่งพิจารณาได้ในบางมาตราเท่านั้น และยังมีร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดที่ต้องพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ

ดังนั้นที่ประชุมร่วมรัฐสภาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกประชุมสมัยวิสามัญอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะเป็นวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ โดยจะมีการประกาศแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป โดยเรื่องนี้นายกฯให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีการทำประชามติเข้ามาเกี่ยวข้อง นายกฯมีความจริงใจที่จะให้กฎหมายต่างๆได้ดำเนินการผ่านรัฐสภาตามความเหมาะสม โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติ

นอกจากนี้นายกฯได้กำชับให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคให้ความสำคัญกับกฎหมายต่าง ๆ เหล่านี้ ทั้งกฎหมายประชามติ และกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย

“ราเมศ” ประณามคนคุกคามลูกสาวนายกรัฐมนตรี ผ่านทวิตเตอร์ ไม่ว่าลูกใครก็ไม่ควรทำ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์ข้อความข่มขู่ คุกคาม ลูกสาวนายกรัฐมนตรีว่า 

ขอประณามการกระทำดังกล่าว การคุกคาม ข่มขู่บุคคลอื่น ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นผิดกฎหมาย ต้องเอาตัวมาดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมเพราะบุคคลที่ใช้สังคมโซเชียลไปในทางที่ผิดจะได้ตระหนักเสียบ้างว่าหากนำไปใช้ในลักษณะคุกคามบุคคลอื่นไม่ถูกต้องและมีความผิดตามกฎหมาย ควรใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม

“กลุ่มที่เห็นต่าง ไม่ต้องโจมตีผมว่าออกมาปกป้องลูกสาวนายกรัฐมนตรี เพราะสิ่งที่ผมพูดคือหลักการความถูกต้อง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับลูกสาว หรือลูกชายใครก็ไม่ควรเกิด ให้ลองนึกถึงใจเขาใจเราบ้าง และผมต่อสู้กับเรื่องนี้มายาวนาน ในการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน หลายเรื่องในสังคมเห็นต่างกันได้ แต่อย่าเอาความสะใจมาทำลายความถูกต้องในสังคม ไม่เช่นนั้นความเสียหายจะเกิดขึ้น” นายราเมศกล่าว

พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า ในหลายเรื่องพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลที่มีประเด็นเกิดขึ้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลุดจาก ส.ส.แต่หลายคนบอกว่าไม่สามารถเป็นกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณได้ ตนก็ยืนยันว่าเป็นได้เพราะเป็น กมธ.วิสามัญ คนนอกที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ก็สามารถเป็นได้ นั่นคือหลักการความถูกต้องไม่จำเป็นว่าคนนั้นจะเป็นใคร 

กรณีพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง แต่ กกต. ให้ใบแดงก่อนการประกาศผล ให้มีการเลือกตั้งใหม่ ต่อมาเขาชนะในศาลฎีกาแต่ไม่สามารถกลับมาเป็น ส.ส.ได้ อันนี้ก็ไม่ถูกต้องและให้สัมภาษณ์โดยไม่ได้คิดว่าใครคนนั้นจะอยู่พรรคไหน เป็นใคร ดังนั้นเรื่องลูกสาวนายกรัฐมนตรีก็เช่นกัน การคุมคามว่าจะไปทำร้ายกัน มันเกินเลยขอบเขตของคนดีๆ ที่จะทำกัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับลูกใครก็ไม่ควรทำ ขอประณามและเรียกร้องให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top