Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เกี่ยวกับ โควิดวัคซีน กับการกลายพันธุ์ของไวรัส

โควิดวัคซีน กับการกลายพันธุ์ของไวรัส

ที่ผ่านมาโควิดไวรัสได้มีการกลายพันธุ์มาโดยตลอด

จากที่เราทราบดีว่าจุดกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีน สายพันธุ์ตั้งต้นตั้งแต่เราเรียกว่าสายพันธุ์ S สายพันธุ์ L แล้วไปเจริญเติบโตเป็นสายพันธุ์ G ในยุโรป

ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรุนแรง หรือมีผลในระบบภูมิต้านทาน

สายพันธุ์ G จึงพบเกือบทั่วโลกในปัจจุบัน และแตกแยกย่อยเป็นสายพันธุ์ต่างๆ เป็น GH GR และ GRY เรียกว่าการระบาดในครึ่ง ปีหลังทั่วโลกเป็นสายพันธุ์ G เป็นส่วนใหญ่แล้ว

เพราะแพร่กระจายได้ง่าย

ต่อมาสายพันธุ์ GR ได้มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ที่เราเรียกสายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7

หรือถ้าเรียกตามกรดอะมิโน ก็จะเป็นสายพันธุ์ GRY (G = glycine, R = arginine, Y = tyrosine)

สายพันธุ์อังกฤษแพร่กระจายได้เร็ว เพราะเหมาะกับการจับที่ตัวจับบนเซลล์ ACE2

ขณะนี้แพร่กระจายอย่างมากในยุโรปและเข้าสู่อเมริกา

ส่วนอีก 2 สายพันธุ์ที่เราพูดถึงกันบ่อยคือสายพันธุ์แอฟริกาใต้และสายพันธุ์บราซิล

ทั้ง 2 สายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งสำคัญของกรดอะมิโน ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทาน

ถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้โรครุนแรงขึ้น แต่การแพร่กระจายก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เช่นกันกับสายพันธุ์อังกฤษ

เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโน ในจุดสำคัญเช่นเดียวกับสายพันธุ์อังกฤษ จึงเป็นที่ต้องระวัง เพราะจากการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผ่านมา มีประสิทธิภาพลดลง

การกลายพันธุ์ที่จะต้องคํานึงถึง คือ ทำให้ไวรัสหรือโรคแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ลดประสิทธิภาพของวัคซีน เพิ่มหรือ ลดความรุนแรงของโรค ในแต่ละการกลายพันธุ์จึงจำเป็นต้องมีข้อมูลทางคลินิกและระบาดวิทยาเข้ามาทำการศึกษาร่วมด้วย โดยมีหลักการทางทฤษฎีสนับสนุน

ประเทศไทยการระบาดในครั้งแรกเป็นสายพันธุ์ S แต่การระบาดในครั้งนี้ ที่เรียกว่าระบาดรอบใหม่ เป็นสายพันธุ์ GH

และถ้าระบาดไปนาน ๆ เข้า เราเองก็จะต้องจับตามองว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางทิศทางใด

ในขณะเดียวกันสายพันธุ์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน อย่างเช่นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ รวมทั้งสายพันธุ์ที่กำลังตรวจสอบอย่างเช่นสายพันธุ์ไนจีเรีย ก็มีจุดสำคัญในตำแหน่งที่จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง จะต้องป้องกันไม่ให้มาระบาดในประเทศไทย

การให้วัคซีนเร็วที่สุดจะช่วยลดการระบาด และการกลายพันธุ์ได้

ขณะนี้งานวิทยาศาสตร์สามารถถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสได้อย่างรวดเร็ว และมีการทำกันมากทั่วโลกเป็นประวัติการ ของการศึกษาไวรัส เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา

ไม่เคยมีไวรัสตัวไหนที่มีการถอดรหัสพันธุกรรมมากมายเท่ากับไวรัส covid-19

ที่ทำกันมากทุกวันนี้ มนุษย์เองก็ต้องการที่จะเอาชนะไวรัสให้ได้

ไวรัสเองก็พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง

และในที่สุด จะต้องอยู่ร่วมกัน โดยทำร้ายกันให้น้อยที่สุด

#หมอยง


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5405471562828750&id=100000978797641

‘รมว.วัฒนธรรม’ สั่งลบข้อมูลสรรพคุณผ้าขาวม้าใช้ผูกคอตาย ออกจากเว็บไซต์กระทรวงฯแล้ว แต่ไม่ถึงขั้นตั้ง คกก.สอบ พร้อมกำชับต้องกรองข้อมูลจากภูมิภาค

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 22 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรมมีการเผยแพร่สรรพคุณผ้าขาวม้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ไว้ผูกคอตาย ว่า ขณะนี้ได้มีการประสานในส่วนข้อมูลกลาง และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีการอัพโหลดข้อมูลชุดเดียวกันลงไปแล้ว ซึ่งขณะนี้มีการลบและแก้ไขแล้ว

เมื่อถามว่าข้อมูลเหล่านี้ ก่อนเข้าสู่กระทรวงได้มีการตรวจสอบใช่หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ตรงนี้เป็นการดาวน์โหลดจากภูมิภาคเข้ามา แต่ถ้าของส่วนกลางจะมีการตรวจสอบข้อมูล อย่างไรก็ดี ขอขอบคุณประชาชนที่เมื่อพบข้อมูลใดที่ไม่เหมาะสมก็แจ้งมาให้เราแก้ไข และในส่วนนี้คงไม่ถึงขั้นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะเป็นข้อมูลเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 2556

แต่ได้สั่งการศูนย์ข้อมูลทุกจังหวัดตรวจสอบข้อมูล หากพบว่าข้อมูลใดไม่เหมาะสมก็ให้ทำการลบหรือแก้ไข รวมถึงหน่วยงานที่ดาวน์โหลดข้อมูลลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีข้อมูลที่ไม่เหมาะสมอย่างอื่น แต่กรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาว่าองค์ความรู้อื่นที่มาจากภูมิภาค ส่วนกลางจะต้องเปิดอ่านทั้งหมด

‘รมว.อุตสาหกรรม’ สั่งเร่งรัดจัดทำมาตรฐานสารสกัดจากกัญชง เพื่อยกระดับเป็นสินค้า มอก. พร้อมเล็งส่งขายเชิงพาณิชย์ออกสู่ตลาดโลก สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ประเทศ ตามนโยบายเกษตรแปรรูป

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. เร่งรัดจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) สินค้าเกษตรแปรรูปจากสมุนไพรไทย โดยเฉพาะกัญชง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งเปลือก ,ลำต้น, เส้นใย, กิ่งก้าน และราก โดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือเกษตรกร ในการพัฒนาสินค้าจากกัญชงให้มีคุณภาพ สามารถแข่งขันได้ในเชิงพาณิชย์ อย่างเป็นระบบ เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ประเทศ

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า สมอ. ขานรับนโยบายรัฐบาล โดยขณะนี้ได้จัดทำมาตรฐานสารสกัดจากสมุนไพรไทย ตามศักยภาพและความต้องการของภาคอุตสาหกรรมแล้ว 29 มาตรฐาน เช่น สารสกัดขมิ้นชันผง, สารสกัดฟ้าทะลายโจรผง ,สารสกัดกระชายดำผง,สารสกัดกระเจี๊ยบแดงผง ,สารสกัดบัวบกผง และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 18 มาตรฐาน เช่น น้ำมันหอมระเหยตะไคร้หอมไทย สารสกัดมะขามป้อม สารสกัดงาขี้ม่อน สารสกัดน้ำมันถั่วอินคา สารสกัดบุกบง และสารสกัดว่านหางจระเข้ผง เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และสามารถแข่งขันได้ในเชิงพาณิชย์

ส่วนมาตรฐานสารสกัดจากกัญชง สมอ. ได้จัดทำมาตรฐานในชุดของกัญชงซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 6 มาตรฐาน เป็นมาตรฐานวัตถุดิบที่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยา เครื่องสำอาง อาหาร เครื่องดื่ม อาหารสัตว์ สิ่งทอ กระดาษ ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง โดยบอร์ด สมอ. ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา 5 มาตรฐาน ดังนี้

1.) น้ำมันเมล็ดกัญชง (มอก.3171-2564)

2.) สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวม ไม่น้อยกว่า 30 % โดยมวล (มอก.3172-2564)

3.) สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวม ไม่น้อยกว่า 80 % โดยมวล (มอก.3173-2564)

4.) เปลือกกัญชง (มอก.3184-2564)

5.) แกนกัญชง (มอก.3185-2564)

อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 1 มาตรฐาน คือ เส้นใยกัญชง คาดว่าจะประกาศใช้ในเร็ว ๆ นี้ นอกจากบอร์ดจะเห็นชอบมาตรฐานสารสกัดจากกัญชงแล้ว ยังเห็นชอบมาตรฐานสารสกัดน้ำมันกฤษณา ด้วย

เลขาธิการ สมอ. ย้ำว่า การประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 บอร์ดได้เห็นชอบมาตรฐานรวมทั้งสิ้น 64 มาตรฐาน ทั้งที่เป็นสินค้าแปรรูปจากสมุนไพร สินค้าทั่วไป และสินค้าที่ สมอ. เตรียมประกาศควบคุมอีก 9 รายการด้วย เช่น ขวดน้ำดื่มพลาสติก เก้าอี้นวดไฟฟ้า เครื่องฟอกอากาศ กล่องพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับการอุ่น และการอุ่นครั้งเดียวในไมโครเวฟ กระทะโลหะและหม้อที่ใช้ความร้อนจากเตาโดยตรง ออกซิเจนทางการแพทย์ และไนทรัสออกไซด์ทางการแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

กศน. ปรับรูปแบบพัฒนาครูสอนภาษาอังกฤษ มุ่งเน้นให้สามารถสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร หลังผู้เรียนมีผลการสอบวิชาภาษาอังกฤษค่อนข้างต่ำ เนื่องจากครูผู้สอนขาดความเชี่ยวชาญ

ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กล่าวว่า การจัดการศึกษาให้มีคุณภาพจะสำเร็จ หรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับครูผู้สอนซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญต่อการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษา สำนักงาน กศน.จึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะครูผู้สอนในทุกๆ ด้าน อาทิ ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการวัดและประเมินผล ด้านสื่อและแหล่งเรียนรู้ ตลอดจนการพัฒนาตนเอง

เนื่องจาก กศน.มีครูหลายประเภท และส่วนใหญ่ไม่จบด้านครูหรือศาสตร์วิชาชีพครูโดยตรง และต้องจัดการเรียนรู้ในทุกรายวิชาที่ผู้เรียนลงทะเบียนในภาคเรียนนั้น ๆ จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา กศน. ที่ผ่านมาพบว่า ผู้เรียนในทุกระดับการศึกษามีผลการสอบปลายภาคเรียนและผลการสอบ N-NET วิชาภาษาอังกฤษค่อนข้างต่ำ เนื่องจากครูผู้สอนขาดความเชี่ยวชาญกระบวนการเรียนรู้ในรายวิชาภาษาอังกฤษ

เลขาธิการ กศน. กล่าวอีกว่า เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาในรายวิชาภาษาอังกฤษ กลุ่มพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา สำนักงาน กศน.จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำหลักสูตรการพัฒนาทักษะและสมรรถนะครู กศน. ด้านการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เพื่อ Up Skill Re Skill สร้างศักยภาพ เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่ต่างไปจากเดิม

ด้วยการเติมเต็มสิ่งใหม่ ๆ สร้างความมั่นใจให้แก่ครู กศน. ให้สามารถนำนวัตกรรม เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้พัฒนาตนเองและด้านวิชาชีพ เพื่อสร้างครู กศน. ต้นแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารให้ครูมีความรู้ ความเข้าใจร่วมกัน ยกระดับสมรรถนะทางด้านภาษาอังกฤษ และการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น

โดย กศน.ได้ปรับรูปแบบการพัฒนาครู กศน. มุ่งเน้นให้สามารถสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ให้ทันสมัยและน่าสนใจ ตอบโจทย์การเรียนรู้ได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/2053795

หวั่น ‘แท็กซี่’ ส่งมือเผาให้ตำรวจได้รับอันตราย หลังมีข่าวสะพัด ‘อั้งยี่3กีบ’ ตามระราน ฝาก ‘หมอวรงค์’ ช่วยดูแล เหตุประกาศตามหา พร้อมตบรางวัล ‘ทำดี’ 20,000 บาท

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุเนื้อหาว่า “#ตามหาแท็กซี่ พี่คนขับแท็กซี่ในภาพ ที่เป็นผู้นำมือเผา พระบรมฉายาลักษณ์ #ม็อบ 20มีนา ไปส่งตำรวจ พี่สุดยอดมากครับ มีผู้หวังดี ที่นับถือใน หัวใจของความเป็นคนไทยของพี่ มอบเงินผ่านผมมา 20,000 บาท เพื่อมอบต่อให้พี่ ถ้าพี่หรือท่านใดทราบ ชื่อ-สกุล พร้อมเบอร์โทร ติดต่อผ่าน inbox ผมด้วยครับ ผมจะได้มอบกำลังใจนี้ให้พี่ต่อไปครับ”

ภายหลังมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไปได้มีผู้เข้ามาแชร์จำนวนมาก พร้อมแสดงความคิดเห็นชื่นชมแท็กซี่รายดังกล่าว และแจ้งเตือนด้วยว่าแท็กซี่รายดังกล่าวอาจจะไม่ปลอดภัย โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นรายหนึ่งแจ้งว่า “คุณหมอวรงค์ ครับ ข่าวว่า พวกอั้งยี่ 3 กีบ ตาม ระรานรังควาน พี่แท็กซี่ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยแก ครับ ช่วยดูแลแกด้วยครับ พฤติการณ์อั้งยี่ 3 กีบ เช่นนี้ คือ พฤติการณ์ผู้ก่อการร้ายในประเทศที่จะตามกำจัดผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามเหมือนไอร์แลนด์ กลุ่มไอซิส..ด้วยความนับถือ”


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/560819

กระทรวงแรงงานเตรียมจัด Bangkok Job Fair 2021 มีตำแหน่งงานให้สมัครกว่า 5,000 อัตรา จากสถานประกอบการชั้นนำ กำหนดจัดงานวันที่ 26 - 27 มีนาคมนี้ ที่ ฟอร์จูนสตรีท ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ กรุงเทพมหานคร

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน มีกำหนดจัดงาน Bangkok Job Fair 2021 ในวันที่ 26 - 27 มีนาคม 2564 ณ ฟอร์จูนสตรีท ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ ผู้ว่างงาน ผู้ถูกเลิกจ้าง ประชาชนทั่วไปที่มีความประสงค์จะหางานทำ

รวมทั้งเพิ่มโอกาสคัดเลือกตำแหน่งงานว่างที่ตรงกับความรู้ความสามารถ และได้สมัครงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการจำนวนมากในคราวเดียว และเพื่ออำนวยความสะดวกให้นายจ้าง/สถานประกอบการและผู้สมัครงานได้พบและพิจารณาคัดเลือกกันโดยตรง

ซึ่งกิจกรรมนี้จะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ตามนโยบายรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้แก่ประชาชนที่ว่างงาน ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงาน ผู้สูงอายุ คนพิการ ตลอดจนนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ต้องการทำงานในช่วงว่างระหว่างเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาการว่างงานและลดปัญหาความยากจนซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางาน ขอเชิญชวนผู้สนใจสมัครงาน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงานได้ในวันที่ 26 - 27 มีนาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.30 น. ที่บริเวณลานฟอร์จูนสตรีท (หน้าอาคาร) ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ กรุงเทพมหานคร โดยภายในงานมีนายจ้าง/สถานประกอบการชั้นนำ เข้าร่วมรับสมัครงาน จำนวน 40 บริษัท

อาทิ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) บ.ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด บ. เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด บ.ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด บ.เอกชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทมจำกัด (มหาชน) บ.สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บ. ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ซึ่งมีตำแหน่งงานว่าง จำนวนกว่า 5,000 อัตรา

นอกจากกิจกรรมรับสมัครงานและสัมภาษณ์งานกับนายจ้าง/สถานประกอบการ ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ กิจกรรมการสาธิตประกอบอาชีพอิสระที่ได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการของตลาดงาน 20 อาชีพ อาทิ การทำกระเป๋าบุผ้าปักริบบิ้น สายคล้องหน้ากากอนามัย สบู่สมุนไพร ตระกร้าผ้าย้อมคราม การทำเค้กกล้วยหอม บราวนี่ ขิงอ่อนดอง เป็นต้น

การประกอบธุรกิจแฟรนไชน์ในรูปแบบ Food Truck การให้คำปรึกษาปัญหาด้านแรงงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้แก่ การให้บริการจัดหางานสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ โดยกรมการจัดหางาน การให้บริการคำปรึกษา คำแนะนำ ตามพรบ.คุ้มครองคนหางาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน การให้บริการคำปรึกษา คำแนะนำ การฝึกทักษะฝีมือแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

การให้บริการคำปรึกษา คำแนะนำ การขึ้นทะเบียนประกันตน ม.33, ม.39, ม.40 และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามพรบ.ประกันสังคม โดยสำนักงานประกันสังคม และการให้บริการตรวจสุขภาพ โดยโรงพยาบาลวิภาราม พัฒนาการ

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694


ที่มา: https://www.prachachat.net/csr-hr/news-631262

‘พริษฐ์ วัชรสินธุ’ หลานอภิสิทธิ์ แจงกระแสข่าวร่วมงาน ‘พรรคก้าวไกล’ ชี้มีจุดยืนการเมืองคล้ายกัน แต่ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ดูแลสตาร์ทอัพการศึกษาก่อน

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลานชายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ‘พริษฐ์ วัชรสิทธุ - ไอติม – Parit Wacharasindhu’ชี้แจงถึงกระแสข่าวว่า เตรียมเข้าร่วมงานกับพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า...

ตามกระแสข่าวที่ออกมา ผมขอชี้แจงว่าได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับพรรคก้าวไกลจริง เนื่องจากมีจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม คล้ายกัน และที่ผ่านมา ได้ร่วมงานกับพรรคในกิจกรรมต่างๆ เช่น การรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องนโยบายที่พรรคเชิญคนนอกไปร่วมวงคุย และล่าสุดคือการไปบรรยายเรื่องการวิเคราะห์นโยบายที่กิจกรรมพัฒนาบุคลากรของพรรค

ปัจจุบัน งานหลักของผมคือการบริหารสตาร์ทอัพด้านการศึกษา ส่วนบทบาททางการเมืองในฐานะผู้สมัคร ยังคงเป็นเป้าหมายของผมในอนาคต และเมื่อถึงวันนั้น จะแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจนครับ

สำหรับ นายพริษฐ์ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2561 และลาออกในปี 2562 หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี จากการสนับสนุนของพรรคพลังประชารัฐ


ที่มา: https://www.facebook.com/254171817929906/posts/5759775110702855/

ต้องพึ่งพาตัวเอง ! รมว.สาธารณสุข เผยความคืบหน้าวัคซีนโควิดของไทย ล่าสุด องค์การเภสัชกรรม ได้ทดลองวัคซีนโควิด 19 ในคน ครั้งแรกแล้ว พร้อมวางเป้าปี 65 ผลิตได้ 30 ล้านโดส

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าว การพัฒนาวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดเชื้อตายขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) เริ่มวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 พร้อมให้กำลังใจอาสาสมัครที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกในการวิจัย โดยระบุว่า

การวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขึ้นเองภายในประเทศ เป็นการสร้างความมั่นคงและพึ่งพาตนเอง ซึ่งองค์การเภสัชกรรมได้วิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ด้วยเทคโนโลยีไข่ไก่ฟัก ผลวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า มีความปลอดภัยและกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี

ดังนั้นในวันนี้ อภ. จึงร่วมกับศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มศึกษาวิจัยวัคซีนในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 โดยการศึกษาวิจัยจะฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัคร รวม 460 คน และจะศึกษาวิจัยในมนุษย์ให้มีผลครบถ้วนเพื่อนำข้อมูลไปยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่โรงงานผลิตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรม ต. ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งมีเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนด้วยไข่ไก่ฟักที่ใช้ในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว

พร้อมปรับมาใช้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ทันที คาดว่าภายในปี 2565 จะขอรับทะเบียนตำรับและเริ่มผลิตวัคซีนได้ โดยผลิตได้ 25-30 ล้านโดสต่อปี

"เมื่อการทดลองประสบความสำเร็จ จะทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยดีขึ้น สามารถบริหารจัดการวัคซีนได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เราจะมีอิสระในการบริหารจัดการ การวิจัยครั้งนี้ไม่ใช่แค่การถ่ายทอดเทคโนโลยีเท่านั้นแต่เป็นการที่เราสร้างวัคซีนขึ้นมาเองบนต้องขอขอบคุณอาสาสมัครในการฉีดวัคซีนวันนี้พวกคุณถือเป็นวีรบุรุษวีรสตรีในการเสียสละทุ่มเทเพื่อทดสอบวัคซีน ให้เกิดประโยชน์กับมนุษยชาติ"

สำหรับ การฉีดวัคซีนโควิด19 ชนิดเชื้อตายในอาสาสมัครครั้งนี้เป็นการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 โดยเริ่มทดลองกลุ่มแรก 18 คน และในวันนี้ ได้ฉีดในอาสาสมัคร 4 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 2 คน และช่วงบ่าย 2 คน ขั้นตอนจะมีการซักประวัติและเส้นหนังสือยินยอมยินดีร่วมโครงการวิจัย หลังจากนั้นก็จะตรวจเลือดอาสาสมัคร เพื่อดูค่าตับ ค่าไต เม็ดเลือดแดง ตรวจหาตับอักเสบบี ตับอักเสบซี และเอชไอวีและทำนัดหมายมารับวัคซีน

ทั้งนี้ อาสาสมัครจะต้องไม่ติดเชื้อ หรือมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน และไม่ใช่หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มอาสาสมัครจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อทำการสุ่มตัวอย่าง โดยผู้ดำเนินการฉีดกระทำโดยพยาบาลอิสระ และกลุ่มเฝ้าสังเกตอาการอีกกลุ่ม โดยมีการตรวจว่า 30 นาทีแรกเกิดอาการหรือไม่ และสังเกตอาการต่อ 4 ชั่วโมง ก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้

ฟังแล้วอาจจะดูแปลก ๆ เพราะเวลาพูดถึงสมาชิกแบบรายเดือน หลายคนก็มักจะนึกถึง Spotify สตรีมมิงสำหรับฟังเพลง Netflix สำหรับดูภาพยนตร์ หรือ Dollar Shave Club บริการสมาชิกมีดโกนหนวดรายเดือน

อย่างไรก็ตาม เหล่านี้เป็นบริการสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับ ‘มนุษย์’ หากแต่ในมุมหนึ่ง ในโลกก็ยังมีบริการสมาชิกในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงอีกด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือ BarkBox แพลตฟอร์มสมาชิกรายเดือนสำหรับคนรักสุนัขที่กำลังเติบโต และปัจจุบัน มีมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านบาท

เหตุผลเพราะพฤติกรรมของคนที่ต้องอยู่บ้านมากขึ้น เพราะการระบาดของ ‘โควิด-19’ ทำให้ ‘ธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง’ โดยเฉพาะสุนัข จึงยังไปได้ดี

แล้วสมาชิกรายเดือนของ BarkBox แพลตฟอร์มเพื่อคนรักสุนัข มีหน้าตาเป็นอย่างไร ?

จุดเริ่มต้น BarkBox เกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีก่อน โดยผู้ก่อตั้ง 3 คน ได้แก่ Carly Strife, Matt Meeker และ Henrik Werdelin ซึ่งมองว่าการเลี้ยงสุนัขที่ดี คือการส่งเสริมให้สุนัขได้เรียนรู้และเจอสิ่งใหม่ตลอดเวลา

ดังนั้นนอกจากอาหารแล้ว ‘ของเล่นและขนม’ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของสุนัข

อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ในร้านค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และพวกเขามักจะไม่ได้รับความช่วยเหลือในการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเท่าที่ควร

เรื่องดังกล่าวจึงทำให้พวกเขาเกิดไอเดียในการสร้างเว็บไซต์ BarkBox ขึ้นมา ซึ่งพวกเขาคิดว่า BarkBox จะเป็นโมเดลธุรกิจที่จะช่วยเหลือกลุ่มเจ้าของสุนัขได้อย่างตรงจุด

แล้วโมเดลธุรกิจที่ว่านี้ คืออะไร?

BarkBox มีโมเดลธุรกิจก็คือ การมัดรวมผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัข เช่น ของเล่น ขนม และอาหาร เข้ามาอยู่ภายในกล่องเดียวกัน และจะส่งมอบให้กับลูกค้าที่สมัครเข้ามาเป็นสมาชิก

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้กลุ่มผู้เลี้ยงสุนัขไม่ต้องมานั่งคิดว่าแต่ละเดือน จะต้องหาซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอะไรบ้าง โดยลูกค้าที่สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกก็จะสามารถกำหนดได้ว่าต้องการสินค้ากลุ่มใดเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการขอหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจส่งผลต่อภูมิแพ้ หรือเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสุนัขแต่ละประเภท ซึ่งจะมีราคาอยู่ในช่วงระหว่าง 700 ถึง 1,100 บาท ต่อเดือน

ด้วยความที่กลุ่มผู้ก่อตั้งเป็นกลุ่มคนรักสุนัขอยู่แล้ว BarkBox จึงเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการเลี้ยงสุนัขเป็นอย่างดี

พวกเขาจึงได้นำประสบการณ์ไปปรับให้บริการมีความยืดหยุ่น และให้ความใส่ใจแก่กลุ่มเจ้าของสุนัขได้ดีทั้งในมุมของผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมา รวมถึงการให้คำปรึกษาแก่ผู้ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ แบ่งออกเป็น…

- Facebook มีผู้ติดตาม 3 ล้านบัญชี

- Instagram มีผู้ติดตาม 1.7 ล้านบัญชี

- Twitter มีผู้ติดตาม 3 แสนบัญชี

ส่งผลให้ขณะนี้ แพลตฟอร์ม BarkBox กลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวอเมริกันอย่างมาก ซึ่งปัจจุบัน BarkBox มีจำนวนสมาชิกรายเดือน 660,000 ราย เติบโตขึ้นเป็น 8 เท่า เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน แถมบริษัทยังมี Retention Rate หรืออัตราการใช้บริการซ้ำมากถึง 95%

แล้วนอกจากบริการกล่องของเล่น ขนม และอาหารแล้ว ตอนนี้ บริษัท BarkBox ยังมีบริการอะไรอีกบ้าง ?

ปัจจุบัน BarkBox มีบริการอยู่ 4 แบบ แบ่งออกเป็น…

1.) BarkBox เป็นบริการรายเดือนที่จะส่งขนม ของเล่น และเกมสำหรับใช้เล่นกับสุนัข ซึ่งเหมาะกับสุนัขขนาดเล็ก

2.) Super Chewer เป็นบริการส่งผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกับ BarkBox แต่สำหรับสุนัขที่มีขนาดตัว หรือปากที่ใหญ่

3.) Bark Bright เป็นนวัตกรรมสำหรับดูแลฟันและลมหายใจของสุนัข และอนาคต BarkBox ได้มีแผนในการต่อยอด Bark Bright ให้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับดูแลสุขภาพของสุนัขแบบครบวงจร

4.) Bark Eats เป็นการให้บริการเลือกอาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของสุนัข

สำหรับ Bark Eats นั้น จะมีการสอบถามเพิ่มเติมโดยตรงกับกลุ่มลูกค้า และจะนำข้อมูลที่ได้นั้นไปทำการวิเคราะห์ต่อเพื่อนำไปพัฒนาการนำเสนอ และส่งมอบอาหารที่เหมาะสมกับสุนัขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จากจุดนี้เองทำให้ BarkBoxจะแตกต่างจากโมเดลธุรกิจแบบเดิมที่เน้นเฉพาะการขายอาหารสัตว์เลี้ยงเพียงอย่างเดียว โดยบริการ Bark Bright และ Bark Eats เพิ่งทำการเปิดให้บริการเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งในส่วนบริการใหม่นี้ทางบริษัทได้คาดว่าจะเป็นตัวสำคัญที่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับ BarkBox และทางบริษัทคาดการณ์ว่ามันจะเป็นบริการที่เข้ามาดิสรัปอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

แล้วปัจจุบัน BarkBox มีรายได้ขนาดไหน?

ผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมา 3 ปีย้อนหลัง

...ปี 2018 รายได้ 4,520 ล้านบาท

…ปี 2019 รายได้ 5,840 ล้านบาท เติบโต 29 %

...ปี 2020 รายได้ 6,850 ล้านบาท เติบโต 17%

จากข้อมูล เราก็พอสรุปได้ว่า BarkBox สามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่องแม้ว่าจะเผชิญกับช่วงวิกฤตโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน ทางบริษัทก็ได้ตั้งเป้ารายได้โตเฉลี่ยปีละ 47% จากการเพิ่มจำนวนสมาชิกและการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งสะท้อนไปยังบริษัท BarkBox ที่ปัจจุบัน มีมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านบาท

นี่คืออีกธุรกิจที่มีความเข้าใจ และสามารถนำความเข้าใจมาพัฒนาเป็นสินค้า หรือบริการขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง จนตอนนี้มีมูลค่าระดับ 6 หมื่นล้าน ไปแล้วนั่นเอง


ที่มา: https://www.facebook.com/113397052526245/posts/1028981634301111/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top