Friday, 29 March 2024
Lite

28 พฤศจิกายน...วันแห่งการประดิษฐ์หัวตัวเอง

อ่านชื่อวันกันไม่ผิดหรอก วันนี้เป็นวันแห่งการประดิษฐ์หัวตัวเอง หรือ Make Your Own Head Day วันชื่อแปลกนี้ถูกคิดขึ้นมา เพื่อให้เราได้ย้อนกลับมามองตัวเอง ได้มองเห็นข้อดีและข้อเสียของตัวเรา

 

ถามว่ามองย้อนยังไง? วันนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ประดิษฐ์ศรีษะหรือ ‘หัวตัวเอง’ ในรูปแบบใดก็ได้ ตามแต่ความถนัด เช่น วาด ปั้น หรือแกะสลัก สุดแล้วแต่จะสร้างสรรค์กันออกมา

 

แม้จะเป็นกิจกรรมที่มีความสนุก เพราะจู่ๆ ได้ลุกขึ้นมาประดิษฐ์หัวตัวเอง ก็เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ดี แต่อย่างที่บอกไป มันแฝงให้เห็นถึงการได้มองตัวเอง สังเกตตัวเอง เรียกว่าเป็นการเรียนรู้ตัวเองไปในทางอ้อม พอพูดถึงการประดิษฐ์หัวตัวเอง เราเลยขอใช้ภาพประกอบการ์ตูนในตำนาน ‘ดร.สลัมป์กับหนูน้อยอาราเล่’ เพราะถ้าขึ้นชื่อเรื่องการเอาหัวตัวเองออกมาถอดดูแล้ว คงต้องยกให้แม่หนูน้อยอาราเล่คนนี้นี่เองงงง!

ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยต้านโควิด-19

โควิด-19 ยังรุกรานคนทั้งโลกอย่างหนักหน่วง แม้จะเริ่มมีข่าวการคิดค้นวัคซีน หรือเริ่มทำการทดลองใช้กันบ้างแล้ว แต่สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับตัวเราก็คือ ต้องดูแลตัวเองให้ดี

 

ล่าสุดที่เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล มีผลการศึกษาเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่น่าสนใจ โดยเป็นการศึกษาจากมูลนิธิสนับสนุนการวิจัยแห่งรัฐเซาเปาโล ระบุว่า อัตราของคนที่ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ กว่าร้อยละ 34

 

การศึกษาชิ้นนี้อ้างอิงจากแบบสำรวจของผู้คนกว่า 938 คน ซึ่งผู้ที่ออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 15 นาทีขึ้นไป หรือออกกำลังกายหนักหน่วงอย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์ จะเป็นกลุ่มที่พบการป่วยด้วยโควิด-19 ต่ำที่สุด ในทางกลับกัน ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ที่มีอัตราการรักษาตัวด้วยโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลสูงที่สุด คือกลุ่มผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวเกิน หรือเป็นโรคอ้วนนั่นเอง

 

ถึงจะเป็นผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ใช่ขนาดใหญ่นัก แต่หากข้ามจากผลศึกษานี้ไป การดูแลรักษาให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ย่อมเป็นการป้องกันตัวที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้น หยิบรองเท้ากีฬาแล้วไปออกกำลังกายกันเถอะพวกเรา!!

 

อ้างอิง: https://www.xinhuathai.com/high/155671_20201124

พระราชทานบัตรอวยพรปีใหม่ ๒๕๖๔

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบัตรอวยพรปีใหม่ ๒๕๖๔ แก่ปวงชนชาวไทย เป็นภาพฝีพระหัตถ์ "สวัสดีปีฉลูวัว" รูปวัว หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และพระราชทานพรปีใหม่ ความว่า

 

"ปีที่แล้วโรคร้ายหมายชีวิต                 มีคนติดทั่วโลกอยู่มากหลาย
คนยังอยู่จนยากลำบากกาย                ที่ทุกข์คลายเพราะความรักสามัคคี

ปีฉลูวัวใจดีเข้ามาหา                     มีนมมาให้ดื่มเป็นสุขี
สุขภาพของเด็กเติบโตดี                  ผู้ใหญ่ที่ดื่มนมก็แข็งแรง"

สวัสดีปีฉลูวัว พ.ศ.๒๕๖๔

ดีเอโก้ มาราโดน่า กับ 5 เรื่องราวในความทรงจำนักเตะมหัศจรรย์ของโลก

วันนี้คงเป็นวันที่แฟนฟุตบอลมากมายต่างรู้สึกใจหาย เมื่อได้ทราบข่าวการจากไปของ  ‘ดีเอโก้ มาราโดน่า’ หนึ่งในตำนานหมายเลข 10 ของโลก The States Time Lite ขอรวบรวม 5 เรื่องราวที่ทำให้แฟนบอลต้องจดจำนักเตะมหัศจรรย์คนนี้มาบอกกัน

 

1 ช็อตเลี้ยงหลบนักเตะอังกฤษในฟุตบอลโลก 1986: ใครที่เกิดทัน หรือไม่ทันลองเซิร์ชในยูทูบ ลองตามไปดูแมทซ์ที่มาราโดน่า นำทีมชาติอาร์เจนติน่า พบกับทีมชาติอังกฤษ ในฟุตบอลโลก 1986 รอบ 8 ทีมสุดท้าย มีอยู่จังหวะหนึ่งที่มาราโดน่ากระชากบอลลากเลื้อยหลบนักเตะอังกฤษ จากคนแรกไปคนที่สอง ไปคนที่สาม คนที่สี่ แล้วสุดท้ายก็ยิงประตู ถือเป็นช็อตมหัศจรรย์แห่งความทรงจำ ที่ไม่ได้ทำกันง่ายๆ แต่ผู้ชายคนนี้ทำได้!

 

2 หัตถ์พระเจ้า: ถ้าจะหาจังหวะในเกมฟุตบอลที่เป็นที่จดจำ และยังถูกพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้ ต้องเป็นเหตุการณ์ในแมทซ์อาร์เจนติน่าพบอังกฤษ ในฟุตบอลโลก 1986 เช่นกัน มันเป็นจังหวะที่มาราโดน่าตั้งใจจะกระโดดโหม่งบอล แต่มีปีเตอร์ ชิลตัน ผู้รักษาประตูของอังกฤษ กระโดดขึ้นไปบล็อกไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งความสูงของมาราโดน่าเพียงน้อยนิด ยังไงก็โหม่งไม่ถึง ไม่มีทางส่งบอลเข้าประตูแน่นอน แต่เขากลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ใช้จังหวะฉาบฉวยเอามือยื่นไปชกลูกบอลเข้าประตูไป แถมกรรมการก็ให้ลูกนั้นเป็นประตูอีกด้วย ซึ่งต่อมาภายหลัง มาราโดน่าออกมาให้ข่าวว่า เขาไม่ได้ใช้มือทำประตูนะลูกนั้น แต่นั่นมันคือ ‘หัตถ์ของพระเจ้า’ ประโยคนี้ได้กลายเป็นประโยคในตำนานมาจนถึงวันนี้

 

3 ช็อตเสียน้ำตาของมาราโดน่า: หลังจากที่พาทีมชาติอาร์เจนติน่าได้แชมป์โลกในปี 1986 หลังจากนั้นอีก 4 ปี มาราโดน่าก็ได้นำทีมฟ้าขาวกลับมาป้องกันแชมป์อีกครั้งในศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศอิตาลี แต่ว่าเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีนัก แต่สุดท้ายเขาก็พาอาร์เจนติน่าเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศจนได้ แถมยังได้มาล้างตากับทีมชาติเยอรมัน ที่พ่ายแพ้กันมาในรอบชิงเมื่อปี 1986 ในเกมนั้น มาราโดน่าทำทุกวิถีทางให้อาร์เจนติน่าได้เป็นแชมป์โลกอีกครั้ง แต่ผลสุดท้ายต้องพ่ายแพ้แก่เยอรมันด้วยลูกจุดโทษ 1-0 ภายหลังเกม ในจังหวะที่เยอรมันกำลังชูถ้วย ภาพตัดไปที่มาราโดน่าที่ยืนหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ ช็อตดังกล่าวกลายเป็นภาพจำที่ทำให้แฟนบอลต่างสะเทือนใจร่วมไปกับเขาด้วยเช่นกัน

 

4 นักฟุตบอลเสพยา: ในความเป็นเทพเจ้าลูกหนัง เป็นไอดอลของเด็กๆ ที่ชื่นชอบฟุตบอล แต่มาราโดน่ากลับทำให้แฟนบอลต่างอึ้งอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวถูกจับได้ว่าติดโคเคน รวมไปถึงมีส่วนพัวพันกับการค้ายาเสพติด นี่อาจจะเป็นมุมดาร์กๆ ที่ทำให้วีรบุรุษคนนี้มีความด่างพร้อยในเส้นทางอาชีพลูกหนัง ซึ่งหลังจากผ่านช่วงปี 1990 เป็นต้นมา มาราโดน่าก็มักจะมีข่าวด้านลบๆ ทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ความเป็นอัจฉริยะฟุตบอลของเขา ค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อโลกก้าวสู่ปี 2000

 

5 ผู้จัดการทีมชาติสุดมันส์: แม้ชื่อเสียงของมาราโดน่าจะไม่ค่อยสวยหรูนักหลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ แต่ด้วยความรักในฟุตบอล เจ้าตัวก็ยังวนเวียนอยู่ในเส้นทางฟุตบอลอยู่เสมอ กระทั่งเมื่อปี 2010 ใครจะไปคาดคิดว่า มาราโดน่าจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนติน่า พาทีมฟ้าขาวลุยฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ นี่เป็นภาพที่แฟนบอลยุค 80-90 ต่างพากันตื่นเต้น เหมือนได้เห็นไอดอลในวัยเด็กกลับมาเชิดฉายอีกครั้ง มาราโดน่าทำผลงานกับอาร์เจนติน่าได้ไม่ดีนัก พาทีมไปจบที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย พ่ายแพ้ให้กับคู่ปรับเก่าตลอดกาลอย่างทีมชาติเยอรมันไป 4-0 แต่ถึงกระนั้น ภาพแอ็คชั่นข้างสนามของเขา รวมทั้งลีลายียวนอันเป็นเอกลักษณ์ ก็ได้สร้างสีสันให้กับฟุตบอลโลกหนนั้น รวมทั้งแฟนบอลอย่างพวกเราเป็นอย่างมาก

 

 

 

 

แปลงโฉม 'คลองโอ่งอ่าง' ยุค 2020

ใคร ๆ ก็พุ่งตัวไป 'คลองโอ่งอ่าง' กันช่วงนี้ เพราะเป็นแหล่งเดินเที่ยวใหม่ล่าสุดกลางกรุงเทพฯ เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวเล่นชมทิวทัศน์คลอง ถ่ายภาพอาคารเก่า สตรีทอาร์ต สะท้อนภาพเก่าในยุคใหม่ และแวะชิมของอร่อยเจ้าเก่าแก่ ตั้งแต่กุ้ยช่ายสะพานหัน ยำโดเรม่อน ข้าวแกงแม่อ้อน ฯลฯ 

คลองโอ่งอ่าง เป็นส่วนหนึ่งของคลองรอบกรุง ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติ และเป็นพื้นที่ที่ใครต่อใครจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน กทม.ได้พื้นที่นี้คืนมาจากผู้ค้าสะพานเหล็กเมื่อปี พ.ศ.2558 และนำมาปรับภูมิทัศน์และเปิดเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่กลางกรุง เสร็จสิ้นเมื่อช่วงเทศกาลลอยกระทง พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา ถ้าใครทันยุคเดินเล่นตลาดสะพานเหล็กและคลองถมใกล้ ๆ กันนี้ เปรียบเทียบกับภาพพื้นที่ของคลองปัจจุบันสวยงาม เป็นระเบียบกว่าเก่ามากนัก

คลองโอ่งอ่าง กินพื้นที่ยาวต่อเนื่องตั้งแต่สะพานดำรงสถิตถึงสะพานโอสถานนท์ ในวันนี้ การปรับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ยังไม่ลืมส่งเสริมเอกลักษณ์ของย่าน เหมาะกับการเดินเล่น หรือมาถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ช่วงอากาศเย็นปลายปีแบบนี้ ว่าแต่คลองโอ่งอ่างยุคใหม่ไฉไลกว่าเดิมมีมุมไหนน่าสนใจบ้าง ตาม The States Times มาได้เลย...

.

งานศิลปะบนกำแพงสองฟากช่วงต้นของคลองโอ่งอ่าง (ช่วงสะพานภานุพันธ์ถึงสะพานดำรงสถิต) ดึงดูดด้านการท่องเที่ยวให้ย่านนี้งดงาม น่าสนใจ ส่วนหนึ่งของปรับภูมิทัศน์ในชุมชนย่านคลองโอ่งอ่างให้สวยงามขึ้นด้วยผลงานศิลปะโดยสะท้อนอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชุมชน โดยมีศิลปินร่วมสมัย ศิลปินกราฟิตี้ และศิลปินสตรีทอาร์ตระดับแนวหน้าของเมืองไทย ทั้ง ALEX FACE/ BIGDEL/ PAKORN & ASIN/BONUS TMC/ MAUY & MSV/ อะไหล่/JOKER EB และศิลปินกลุ่ม Happening

.

.

ภาพสตรีทอาร์ทบริเวณกำแพงทางเดินริมคลอง ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ย่านนี้จากอดีตสู่ปัจจุบัน

.

.

กราฟิตี้ สตรีทอาร์ต หนึ่งในการสื่อสารสะท้อนความจริงของศิลปะสมัยใหม่ เมื่อได้อวดฝีมือเป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอโลกอดีตและปัจจุบัน ภาพจึงสมบูรณ์ในตัวมันเอง ไม่แปลกแยก และไม่ต้องคอยหลบเลี่ยงเพื่อสร้างสรรค์อีกต่อไป

.

.

สายกราฟิตี้และสตรีทอาร์ท ย่อมรู้ดีว่าภาพนี้เป็นผลงานของ ALEX FACE ใครที่ผ่านมาเดินเล่น ไม่ว่าจะพกกล้องเอสแอลอาร์ตัวโต หรือกล้องจากมือถือ ก็จะต้องถ่ายรูปผลงานชิ้นนี้แทบทุกคน

.

.

ความไร้ระเบียบ หรือ ไม่สมบูรณ์ในศาสตร์อื่น กลายเป็นความลงตัวของการสร้างผลงาน คู่กับถิ่นอาศัย บ้านเล็ก ๆ หลังนี้จึงดูงามแปลกตา ไปกว่าแค่ต้องมีของหรู ราคาสูง ไม่เชื่อต้องแวะไปชมด้วยตา

.

.

เมื่อชมคลองโอ่งอ่างจากบนสะพานหันยามค่ำ จะเห็นฉากของความสุขสงบ สวยงาม ของวิถีริมน้ำ ที่ปรับภูมิทัศน์ให้กลายเป็นร่วมสมัย ในทุก ๆ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ มีตลาดนัดถนนคนเดิน ที่นี่จะคึกคึกเป็นพิเศษ ถ้าหนาวแล้วจะดีมาก

.

.

ตรอก ตึก ในย่านคลองโอ่งอ่าง กลางวันก็สวย กลางคืนก็งาม จะถ่ายภาพกับคน หรือถ่ายภาพโครงสร้างและสถานที่ ก็สุดแต่คุณจะสร้างสรรค์

.

.

ไม่ได้มีดีแค่ทิวทัศน์ เพราะย่านนี้มีร้านขายหมูแผ่น หมูหยอง กุนเชียง ที่ ปึง ฮั่ว เฮียง และอีกสองสามร้านในตลาดย่านนี้ ยังคงตั้งหน้าตั้งเตาปิ้งและทำกันสด ๆ ทุกวัน

.

.

อีกหนึ่งไฮไลท์ในตรอกของตลาดสะพานหัน มี 'ร้านยำโดเรม่อน' อายุกว่า 30 ปี เป็นยำรวมมิตรที่ใส่เครื่องสารพัดอย่างทั้งวุ้นเส้น ผัดกระเฉด ยอดมะพร้าว กุ้ง หมูสับ ปลาหมึก มากมายคล้ายกระเป๋าวิเศษของ 'โดราเอม่อน' การ์ตูนชื่อดัง ลูกค้าที่มากินจำง่ายขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่หมดแค่แมวอ้วนสีฟ้า แต่ยังมียำชื่อ 'ฮาโตริ' 'อิคคิวซัง' อีกด้วย อยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต้องไปชิมให้ได้ทุกเมนูปรุงเตาถ่าน จานต่อจาน นี่แหละเสน่ห์ และอย่ามาให้เย็นนัก เพราะเขาปิด 16.00 น. กินแล้วค่อยไปเดินเที่ยวยังทัน

.

.

อีกร้านที่ไม่ลองกิน เหมือนมาไม่ถึงคลองโอ่งอ่าง กุ้ยช่ายสะพานหัน ความอร่อย 50 ปี รุ่นต่อรุ่น การันตี ทุกไส้ เผือก มันแกว ผักกุ้ยช่าย ฯลฯ หรือจะแบบตอกไข่ ก็เด็ดหมด สั่งมาก ๆ มาลองชิมหลายคน สนุก อร่อย ไม่พูดเยอะนะ เดี๋ยวกินไม่ทันเพื่อน

.

.

'เมก้า พลาซ่า' ศูนย์รวมของเล่น โมเดล และโลกแห่งความสนุกของหนุ่ม ๆ ห่างจากคลองโอ่งอ่างมา 200 - 300 เมตร ต้องทำใจแข็งมาก ๆ ไม่งั้นกระเป๋าฉีก เพราะอยากได้ไปหมดทุกชิ้น ทุกร้าน

.

.

.

'ศาลนาจา' ไม่ต้องไปไกลถึง จีน ฮ่องกง หรือ อ่างศิลา จ.ชลบุรี ที่หน้าห้างเมก้าพลาซ่า ก็มีศาลเทพ 'หน่าจาซาไท้จื้อ' เทพจีนที่บูชาขอพรเรื่องโชคลาภ ความก้าวหน้า ความแข็งแรง 

.

.

วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี ภาพคลองโอ่งอ่างจะสวยสงบ แต่ก็มีสีสันช่วงตกกลางคืน ที่มีการประดับประดาแสงไฟสวยงาม ส่วนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ช่วงนี้ เปิดเป็นถนนคนเดิน มีผู้คนมาเดินคึกคัก มีร้านค้า การแสดง และการแต่งคอสเพลย์ อยากได้อารมร์ชิลๆ ก็มาวันธรรมดา แหรืออยากคึกตักก้มาสุดสัปดาห์กันได้ จะเป็นคลองสวยเหงา ๆ แต่ภาพตลาดคลองโอ่งอ่างอีกซีนในช่วงค่ำ ของ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

.

การเดินทาง ไม่ยาก โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามยอด ทางออก 1 เพียงเดินข้ามถนนมายังคลองโอ่งอ่างราว 200 เมตร ก็ถึงแล้ว


เรื่อง พล / ภาพ ณัฐวริทธิ์

 

เมื่อแกรมมี่ปิด และอาร์เอสเปิด

ในรอบสัปดาห์นี้ มีข่าวของค่ายยักษ์ใหญ่วงการบันเทิงเมืองไทย ฝั่งหนึ่งค่ายอโศก ‘จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ’ ประกาศปิดบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด มีผลให้ช่อง GMM 25 หยุดกิจการลง ในทางกลับกัน ด้านค่ายลาดพร้าว (ปัจจุบันย้ายไปเลียบด่วนฯ) ‘อาร์เอส กรุ๊ป’ ก็ประกาศหวนคืนสู่ธุรกิจเพลงแบบเต็มตัวอีกครั้ง หลังจากไปอีคอมเมิร์ชเสียนาน พร้อมคืนชีพค่ายเพลงเก่า เดินหน้าทวงบัลลังก์เจ้าแห่งยุทธจักรเพลงไทย และอย่างที่รู้กันดีว่า ทั้ง 2 อาณาจักรนี้เป็นคู่รักคู่แค้น เอ้ย! คู่แข่งทางธุรกิจกันมายาวววววนาน งานนี้เจ้าที่ปิดจะเดินหมากต่อไปอย่างไร ส่วนเจ้าที่เปิดจะลุยเวทีเดิมได้ดีแค่ไหน ปตต.โปรดติดตาม!

เรือโดยสารไฟฟ้าสายแรกในประเทศไทย

เปิดบริการล่ะจ้า!!

 

กำลังพูดถึง ‘เรือโดยสารไฟฟ้า’ สายแรกในประเทศไทย ไทย ไทย! เป็นไง เล่นใหญ่รัชดาลัยกันไปเล้ย! วันนี้เป็นวันแรก 27 พ.ย. 63 ที่เรือโดยสารไฟฟ้าจะให้บริการตลอดเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษม

 

โดยรายละเอียดของเรือโดยสารไฟฟ้านี้ เป็นเรือที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% มีขนาดความยาว 9.90 เมตร กว้าง 2.98 เมตร ใช้เครื่องยนตร์ขนาด 10 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง เทียบเท่าเครื่องยนตร์แรงม้า 20 แรงม้า รวมทั้งมีแบตเตอรี่ทำความเร็วได้สูงสุด 17 กม./ชม. โดยชั่วโมงการทำงานต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 1 ครั้ง สามารถให้บริการได้นาน 4 ชั่วโมง รองรับผู้โดยสาร 30 ที่นั่ง แถมยังจัดพื้นที่รองรับผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ได้ 1 คัน นอกจากนี้บนหลังคาเรือยังมีแผงโซลาร์เซลล์ 12 แผง เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในระบบส่องสว่างภายในเรืออีกด้วย

 

ส่วนเส้นทางเดินเรือนั้นก็น่าสนใจ เพราะมีทั้งหมด 11 ท่า ได้แก่ ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ท่าเรือหัวลำโพง ท่าเรือนพวงศ์ ท่าเรือยศเส ท่าเรือกระทรวงพลังงาน ท่าเรือแยกหลานหลวง ท่าเรือนครสวรรค์ ท่าเรือราชดำเนินนอก ท่าเรือประชาธิปไตย ท่าเรือเทเวศร์ และท่าเรือตลาดเทวราช รวมระยะทาง 5 กม.

 

เรือโดยสารไฟฟ้านี้สามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว มีจุดเชื่อมต่อการเดินทาง จำนวน 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยา ที่ท่าเรือตลาดเทวราช จุดที่ 2 ต่อเรือแสนแสบ ที่ท่าเรือกระทรวงพลังงาน จุดที่ 3 ต่อรถไฟชานเมือง ที่ท่าเรือรถไฟหัวลำโพง และจุดที่ 4 ต่อรถไฟฟ้า MRT ที่ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง

 

เรือจะให้บริการในวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. วันละ 39 เที่ยว ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 15 นาทีต่อลำ ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. วันละ 23 เที่ยว ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 30 นาทีต่อลำ โดยเปิดให้บริการฟรีเป็นระยะเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราไม่เกิน 10 บาทตลอดสาย

 

นั่งเรือต่อรถไฟ บอกเลยว่า เธอคือคุณครู เอ้ย! เธอคือคนคูลๆ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ แถมยังเป็นพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย คูลเข้าไปอี๊ก! แต่ก็ต้องให้ความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้วยนะ ไปจ้ะพี่สุชาติ ไปขึ้นเรือกัน!!

 

รวมซูเปอร์สตาร์ที่จากไปในปี 2020

กำลังจะเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว มีใครนึกคล้ายๆ เราไหม อยากให้ปี 2020 นี้ผ่านไปไวๆ เพราปีนี้ดุม้าก! ลำพังแค่โควิด-19 ก็ทำให้ผู้คนทั้งโลกต้องนะจังงัง (หมายถึง ต้องหยุดนิ่งน่ะ) กันไปหมด แถมปี 2020 ยังเป็นปีแห่งการสูญเสีย ‘เหล่าซูเปอร์สตาร์ของโลก’ บอกตรงๆ ว่า ใจหายเอามากๆ

 

เริ่มตั้งแต่ต้นปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม เกิดข่าวช็อกโลก เมื่อ โคบี ไบรอันท์ อดีตนักบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ และได้ชื่อว่าเป็นนักบาสเก็ตบอลที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก ต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่นักบาสเก็ตบอลคนดัง กำลังจะเดินทางไปที่สถาบันแมมบา พร้อมกับลูกสาวของตัวเอง แต่สภาพอากาศและทัศนวิสัยไม่ดี นักบินพยายามบินวนเพื่อหาทางลงอยู่ราว 15 นาที แต่ผลสุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมการบินได้ เป็นเหตุให้ ฮ. ตกลงบริเวณภูเขาในเขตเมืองคาราบาซาส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โคบี และลูกสาว รวมถึงคนบนเครื่องรวม 9 ชีวิต เสียชีวิตลงทันที

 

นับว่าเป็นการสูญเสียบุคลากรในโลกกีฬาที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะโคบีเพิ่งจะเลิกเล่นบาสเก็ตบอลอาชีพไปไม่นาน แถมเจ้าตัวยังเพิ่งอายุเพียง 41 ปี ยังสามารถรันวงการบาสเก็ตบอล รวมถึงส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ คนรุ่นใหม่ได้อีกนาน

 

ต่อมาในปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โลกก็ต้องสูญเสียบุคลากรทางการแสดงไปอีกคน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม มีข่าวแจ้งว่า ฌอน คอนเนอรี่ นักแสดงมากความสามารถแห่งโลกฮอลลีวู้ด ได้เสียชีวิตลงที่เมืองบาฮามาส ฌอนคือหนึ่งในตำนานการแสดง โดยเฉพาะกับภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่ ‘เจมส์ บอนด์ 007’ ซึ่งเขาคือนักแสดงที่สวมบทบาทสายลับ เจมส์ บอนด์ เป็นคนแรก

 

นักแสดงมากความสามารถคนนี้เป็นดาวที่เวียนว่ายอยู่ในแวดวงภาพยนตร์มาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี มีหนังที่เรียกว่าขึ้นหิ้งมากมาย อาทิ The Hunt for Red October, Highlander, Indiana Jones and the Last Crusade และ The Rock รวมทั้งยังเคยได้รับรางวัลออสการ์ จากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Untouchables  

 

ฌอนในวัย 90 ปี ล้มป่วยมาได้ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะจากไปอย่างสงบท่ามกลางสมาชิกในครอบครัว ปิดตำนานเจมส์ บอนด์ คนแรกของโลก และนักแสดงมากความสามารถที่โลกเคยมีมา

และล่าสุด กับการสูญเสียอดีตสตาร์แห่งโลกฟุตบอล ดีเอโก มาราโดนา เจ้าของตำนานแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1986 ร่วมกับทีมชาติอาร์เจนตินา และเป็นไอดอลในโลกฟุตบอลให้กับเด็กๆ หลายยุคสมัย โดยเจ้าตัวเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ขณะนอนหลับอยู่ที่บ้านพัก ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

 

มาราโดนา เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งโลกฟุตบอล ด้วยความเป็นอัจฉริยะเชิงลูกหนัง ตลอดจนบุคลิกเฉพาะตัวที่มักจะตกเป็นข่าวคราวอยู่เสมอ เขาได้รับการยอมรับ ทั้งจากแฟนบอล และบรรดานักฟุตบอลด้วยกันเอง ภายหลังข่าวการเสียชีวิตของตำนานหมายเลข 10 มีผู้คนและนักฟุตบอลระดับโลกออกมาไว้อาลัยมากเป็นประวัติกาล งานศพของเขามีผู้คนไปร่วมไว้อาลัยมากมาย จนหวิดจะกลายเป็นจราจลขนาดย่อมๆ ทั้งหมดสะท้อนได้ดีถึงความผูกพันและความยิ่งใหญ่ของเขา ที่ยากจะหาใครเทียบเคียงได้จริงๆ

 

นี่เป็น 3 สตาร์ดังที่จากไปในปี 2020 แต่ไม่ว่าเวลาจะเดินทางไปอีกยาวนานแค่ไหน เราก็จะจดจำความยิ่งใหญ่ของพวกเขาตลอดไป...

ปัญหา 'ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน' แก้ได้

หลายคนเคยวาดฝัน ว่าเมื่อฉันเรียนจบไปแล้ว ฉันจะเดินเข้าสู่ที่ทำงานทันสมัย ใหม่ ๆ ดี ๆ เท่ ๆ คูล ๆ บลา ๆๆๆ ทว่าตัดกลับมาในฉากชีวิตจริง วันแรกของการทำงาน คือบริษัทเก่าซูเปอร์โบราณ แถมยังมีหัวหน้างานที่แทบจะยกมือไหว้เรียก...คุณพ่อ!!

เป็นธรรมดา ภาพฝันกับภาพความจริง มักไม่ค่อยแนบสนิทชิดเป็นภาพเดียวกันสักเท่าไร แถมหนำซ้ำ การมีหัวหน้าเป็นคุณพ่อ เอ้ย! การมีหัวหน้าอายุคราวคุณพ่อ ยังทำให้หลายคนต้องพกแผงยาพาราเซตตามอลไว้บนโต๊ะตลอดเวลา เพราะต้องกินแก้ปวดหัว จากปัญหาการสื่อสารด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจ หรือไม่ก็เป็นการสั่งงานที่เชื่องช้า ทุก ๆ งาน ทุก ๆ อย่าง มักต้องเริ่มจากนับหนึ่งเสมอ พอจะแนะนำอะไรไป ก็ทำหน้างงใส่ แถมพูดเสียงแข็ง 'นี่ผมเป็นหัวหน้าคุณนะ!'

เจอ 'ปัญหา' ที่เรียกว่า หัวหน้าแก่แบบนี้ หลายคนตั้งธงในใจ ได้งานใหม่เมื่อไร 'กรูไปแน่!!'

ใจเย็น ๆ ก่อนครับ ชะลออารมณ์เบื่อหน่าย แล้วมาตรึกตรองกันดูดี ๆ เสียก่อน 

เริ่มต้นที่คำว่า 'ปัญหา' มองกันให้ชัด ๆ ว่าปัญหาจริง ๆ คือ หัวหน้างานที่แก่ หรือว่าที่จริงแล้ว เป็นเราเองที่แก่? 

'แก่' ในที่นี้ หมายความว่า ใจเราเองหรือเปล่า ที่เหมือนคนแก่ ที่ไม่ยอมเปิดรับ ภาษาอังกฤษเรียก ไม่ 'Open Mind' คอยตั้งกำแพงกับสิ่งที่หัวหน้าบอกหรือพูดอยู่หรือไม่ ลองทุบกำแพง หรือแม้แต่แง้มประตูออกสักนิด ไม่ต้องเปิดมากก็ได้ เปิดพอให้ 'มุมมองที่แตกต่าง' ได้เข้ามาในสมองและความคิดของเราดูบ้าง 

บางทีอะไรที่มันเคยไม่ใช่ พอมองดี ๆ มันกลับกลายเป็นความลงตัวขึ้นมาก็เป็นได้ รถยนต์มีคันเร่งให้เหยียบไปได้เร็วปรู้ดปร้าด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเหยียบคันเร่งเร็วแบบนั้นเสมอไป ผ่อนลงมาบ้าง จะได้เห็นอะไร ๆ ที่แตกต่างตั้งมากมาย 

ยิ่งเมื่อเราผ่อนคลาย ช่องว่าง (Gab) ระหว่างเรากับหัวหน้า ที่เคยห่างไกลลิบ ๆ ก็จะค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น ไม่ต้องห่วงนะว่าจะดูเหมือนว่าเรายอมเขา เพราะหากว่าเขาเป็น 'หัวหน้างานที่ดี' เขาจะปรับท่าที และขยับเข้าหา เพื่อเรียนรู้กันและกันมากขึ้น

ปัญหาเรื่องอายุที่ห่างกัน หากมองในแง่ดี ยิ่งเราอายุห่างจากหัวหน้างานมากเท่าไร เราก็จะได้ 'ประสบการณ์' มากขึ้นเท่านั้น และจงเชื่อเถอะว่า ไม่มีประสบการณ์ไหนที่เก่า หรือเป็นประสบการณ์หมดอายุ ใช้งานไม่ได้ เพราะประสบการณ์คือตัวแปรของความรอบคอบ รอบคอบในการทำงาน รอบคอบในความคิด ในการตัดสินใจ แล้วที่สำคัญ ประสบการณ์ไปหาซื้อตามห้างสะดวกซื้อที่ไหนไม่ได้ ซึ่งบางที มันอยู่ที่ 'หัวหน้างาน' ของเรานี่ล่ะ

ไม่มีใครเริ่มต้นงานแล้วสามารถเป็นหัวหน้างานได้ทันที เมื่อก่อนคนที่เคยเป็นหัวหน้า ก็ต้องเคยเป็นลูกน้องมาก่อนทั้งนั้น เหมือนกับเราในตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกน้อง แต่วันหนึ่ง เราก็จะขึ้นไปเป็นหัวหน้าแทนบ้าง แล้ววันนั้น เราก็จะมีลูกน้องมองเราว่า 'แก่' เพียงแต่ถ้าเราเข้าใจในการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านนี้ สุดท้าย..เราจะสามารถยิ้มให้กับเจ้าลูกน้องคนนั้นได้อย่างสบายใจ

เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ตื่นเช้าก่อนเข้าออฟฟิศ ซื้อขนมปัง ปาท่องโก๋ ไปฝากคนแก่ เอ้ย! ไปฝากหัวหน้าสักหน่อยแล้วกัน แล้วอะไร ๆ จะดีขึ้นแน่นวล...   

ชำแหละ VAR ส่งผลดีหรือผลเสียต่อโลกฟุตบอล?

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคู่ระหว่าง ไบรท์ตัน กับ ลิเวอร์พูล ที่จบลงไปด้วยการเสมอกัน 0-0 ดูจะทำให้เหล่าบรรดาสาวกหงส์แดงคันตามง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า หลายคนมีอาการอยากกระโดดโอเวอร์เฮดคิกเข้าใส่ที่หน้าจอทีวีตอนถ่ายทอดสด เนื่องด้วยลิเวอร์พูลถูกริบประตูไป 2 ประตู ด้วยฝีมือของ ‘พี่ VAR’ แถมที่เดือดขั้นสุดยิ่งไปกว่านั้น คือช่วงท้ายของเกม ลิเวอร์พูลมาโดนจับเช็ก VAR จนเสียลูกจุดโทษ ส่งผลให้ไบรท์ตันมาตามตีเสมอได้สำเร็จ

 

เจออิทธิฤทธิ์ ‘พี่ VAR’ เข้าไปแบบนี้ ด้านผู้จัดการทีมหงส์แดง เจอร์เก้น คล็อปป์ ถึงกับออกอาการหงุดหงิด ทำไม VAR ถึงได้ส่งผลต่อเกมฟุตบอลมากมายขนาดนี้ แล้วตกลง VAR มันส่งผลดีหรือผลเสียต่อฟุตบอลกันแน่ มาหาคำตอบกัน!


VAR หรือ Video Assistant Referees หรือในความหมายภาษาไทยให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ‘กรรมการที่ตัดสินจากภาพ’ เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้การตัดสินของ ‘จารย์’ หรือ ‘ผู้ตัดสิน’ ให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น

ถึงตอนนี้ เริ่มนำมาใช้กันได้สัก 2-3 ปี ถ้าเอาผลลัพธ์ในมุมบวก แน่นอน การตัดสินในกรณีลูกน่ากังขา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบรวดเร็วก็ดี หรือเหตุการณ์ที่กรรมการ คนดู หรือแม้แต่นักฟุตบอลด้วยกันเอง ดูไม่ทันก็ดี เหล่านี้ ช่วยได้ด้วย VAR

อีกอย่างหนึ่งคือ ทำให้นักฟุตบอลต้องยอมรับในคำตัดสิน เพราะภาพหลายมุมที่ถูกจับด้วยกล้องนับสิบๆ ตัว ยังไงก็ละเอียดมากพอที่จะทำให้นักฟุตบอลไม่กล้าเถียง แต่เมื่อพูดถึงมุมบวก มันก็มีมุมคู่ขนานกัน จะเรียกว่ามุมลบก็พูดไม่ได้เต็มปากนัก เรียกว่าเป็นมุมอับของ VAR ก็แล้วกัน

ที่เห็นกันชัดๆ คือ เกมฟุตบอลในวันนี้ มีสกอร์ที่ได้จากลูกจุดโทษมากขึ้น เพราะค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่ของผลที่ออกมาจาก VAR มักจะลงท้ายด้วยการให้จุดโทษ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายๆ เกมในวันนี้ คนดูมุ่งเป้าโฟกัสไปที่ ‘จุดโทษจาก VAR’ มากกว่าเกมในสนามเสียอีก แถมที่เป็นตลกร้ายกว่านั้น บางนัดที่เกมตื้อๆ ทำอะไรกันไม่ได้ แฟนบอล(บางราย) ร้องหา ‘เมื่อไรจะมีลูกโทษจาก VAR วะ!’

ตลกร้ายเข้าไปอีก หากมีช็อตที่ผู้เล่นกระทบกระทั่งกันเพียงเล็กน้อย หรือเอาเท้าแหย่กันให้หกล้มในเขตโทษ ประโยคที่ดังก้องสนามก็คือ VAR!!

อันนี้เป็นมิติของคนดูนะครับ ส่วนมิติของผู้เล่นในสนาม เอามุมที่แย่ที่สุดก่อน จากเมื่อก่อนที่จะมีผู้เล่นที่เป็นสายพุ่ง สายดีดตัว ที่เป็นจอมเรียกจุดโทษ โชคดีฟาวล์จริงก็แล้วไป แต่โชคร้ายตั้งใจเป็นนักแสดง พอแสดงไม่เข้าตากรรมการ ก็อาจะถูกใบเหลืองจากจารย์ไปได้ ทว่าเมื่อวันนี้มีพี่ VAR เข้ามาเป็นตาวิเศษเห็นนะ กลับกลายเป็นว่า เราจะได้เห็นสายดีด สายพุ่ง สายล้ม มากขึ้นอย่างเสียไม่ได้

ลองสังเกตช่วงท้ายของเกมที่เสมอกันกันดูสิครับ เกิดกรณีดราม่ากันมาแล้วกี่คู่?

เล่ามาถึงตรงนี้ ไม่ได้บอกว่า เทคโนโลยี VAR ไม่ใช่ของดี หรือกลายเป็นตัวทำให้เกมฟุตบอลผิดเพี้ยนไป แต่ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่า มาเป็นผู้ช่วย (assistant) ไม่ใช่คนตัดสินใจ ชี้ถูก ชี้ผิด เป็นตัวช่วยให้เห็นว่า ผลลัพธ์ควรเป็นอย่างไรต่างหาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใดๆ บนโลกนี้ ที่เหนือกว่าเทคโนโลยี ก็คือ ‘คน’ นี่ล่ะ เทคโนโลยีมันออกมาเพื่อรองรับคน ดังนั้น คนอย่างเราๆ นี่แหละ ที่จะต้องนำพาเทคโนโลยีไปเกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์มากที่สุด

ปิดท้ายด้วยการย้อนเวลาไปยังยุคฟุตบอลโบราณ สมัยนั้นไม่มีหรอกรองเท้าสตั๊ด หรือปุ่มสตั๊ดที่เป็นเหล็ก หรือสนับแข้ง หรือแม้แต่ถุงมือโกล์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อะไรๆ เหล่านี้ก็ได้เข้ามาเพื่อ ‘ช่วย’ ให้นักเตะและเกมฟุตบอลมีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หันกลับมาที่เทคโนโลยี VAR ในวันนี้ ก็เชื่อว่ามันเกิดขึ้นมาด้วยความประสงค์ที่จะทำให้เกมฟุตบอลสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทีนี้ก็อยู่ที่เราแล้วล่ะว่า จะใช้มันให้ตอบโจทย์กับคำว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ ได้มากน้อยเพียงใด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top