Monday, 19 May 2025
Lite

ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ศิลปินระดับโลกแห่งปี

สาวเอเชียผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ศิลปินมากความสามารถ ที่ไม่ว่าจะขยับทำอะไร ก็มักถูกหยิบยกมาเป็นกระแสไปหมด ไม่ว่าจะเป็นของใช้ เครื่องประดับ อาหารการกิน โดยเฉพาะเมื่อเธอกลับเมืองไทยและถ่ายรูปลงโซเชียลอวดสายตาชาวโลก ก็จะกลายเป็นกระแสทำให้แฟน ๆ แห่ไปตามรอยกันเพียบ ช่วยสร้าง Soft Power ให้แก่ประเทศไทยไปในตัว เช่น นุ่งผ้าซิ่นลายไทย ถือยาดมหงส์ไทย ดื่มนมถุงหนองโพ โรตีสายไหม และล่าสุดได้โผล่ไปร้าน ‘เจ๊ไฝ’ ร้านดังระดับมิชลินในไทย ก็ฟันธงได้เลยว่า…ร้านแน่นยิ่งกว่าเดิมแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ลิซ่า ถือว่าประสบความสำเร็จสุด ๆ ไม่ว่าจะในฐานะสมาชิกวง BLACKPINK หรือศิลปินเดี่ยว โดยการันตีได้จากรางวัลที่ได้รับ แถมล่าสุดยอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมก็พุ่งทะลุ 100 ล้านไปแล้วด้วย

คราวนี้มาดูกันว่าในปี 2023 ‘ลิซ่า’ มีผลงานเด่น ๆ อะไรบ้าง

>> เดินหน้าสร้างสถิติไม่หยุด ‘ลิซ่า’ กลายเป็นศิลปินหญิงคนแรกของโลก ที่มียอดวิวแตะแสนล้านวิว บนแอปพลิเคชัน TikTok ด้วยแฮชแท็กชื่อของเธอเอง ‘#LISA’ แม้เธอจะไม่มีบัญชีที่เป็นทางการบน TikTok 

>> สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นศิลปิน K-Pop คนแรกที่ถูกจารึกชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ ‘Asian Hall of Fame’ ประจำปี 2023 ในฐานะไอคอนทางวัฒนธรรม

>> ทำเอาแฟน ๆ หายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อตัดสินใจร่วมแสดงบนเวทีคาบาเรต์ชื่อดังของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสอย่าง ‘Crazy Horse’ ซึ่งโด่งดังในเรื่องการแสดงสุดเซ็กซี่โดยนักเต้นเปลือยกายพร้อมศิลปินในแขนงต่าง ๆ ที่จะผลัดกันมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนยามค่ำคืน แต่เหตุผลที่ ‘ลิซ่า’ ร่วมโชว์นั้น ส่วนหนึ่งเพราะเธอเป็นแฟนคลับ Crazy Horse และมาชมการแสดงอยู่บ่อยครั้ง เลยเป็นเหตุผลให้เธอตัดสินใจที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง

>> ‘Influencer Magazine UK’ นิตยสารสัญชาติอังกฤษ ได้ยกตำแหน่ง Beauty Mogul of the Year หรือ ผู้ที่งดงามทรงอิทธิพลที่สุดแห่งปี 2023 จาก Wins IMA 2023 ให้ลิซ่าเพื่อการันตีความสวยที่เกินต้าน 

>> ‘ลิซ่า’ กลายเป็น ‘ศิลปินเดี่ยว K-Pop คนแรก’ และ ‘ศิลปิน K-Pop หญิงคนแรก’ ที่มียอดสตรีมทะลุ 1 พันล้านครั้งบน Spotify จากเพลง ‘Money’ นอกจากนี้ยังเป็นศิลปินเดี่ยวคนแรกที่ได้ขึ้นปกเพลย์ลิสต์ยอดนิยมสุดปังอย่าง Today’s Top Hits หลังจากปล่อยเพลง ‘Money’ เมื่อปีก่อนอีกด้วย 

>> นับเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศ เมื่อ 4 สาว BLACKPINK ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ MBE-Member of the Most Excellent Order of the British Empire จากพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในฐานะทูตสิ่งแวดล้อม COP26 

>> Guinness World Records ยกย่องให้ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยว K-POP  ที่ยิ่งใหญ่แห่งปี 2023 และเป็นที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะเธอเป็นศิลปินเดี่ยว K-POP ที่มีชื่อถูกบันทึกลง Guinness World Records ถึง 8 รายการ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดที่ศิลปินเดี่ยวชาวเอเชียเคยทำได้

เรียกได้ว่าผลงานของลิซ่าในปีนี้ช่างโดดเด่นมากมายจริง ๆ และหวังว่าในปีต่อ ๆ ไป ‘ลิซ่า’ จะมีผลงานปัง ๆ มาให้แฟน ๆ ทั่วโลกได้ติดตามเชียร์และชื่นชมกันอีกเยอะ ๆ 

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

29 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ‘เปเล่’ แชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

ครบรอบ 1 ปี ‘เปเล่’ อดีตดาวเตะระดับตำนาน แห่งทีมชาติบราซิล เจ้าของแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย เสียชีวิตอย่างสงบ หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

‘เปเล่’ หรือ ‘เอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซิเมนโต้’ ถือเป็นนักเตะที่ได้รับการเชิดชู และประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอล จารึกสถิติทำประตูเอาไว้ 1,281 ลูกจากการลงสนาม 1,363 นัด (รวมทุกแมตช์ทั้งทางการ และไม่เป็นทางการ)​ ตลอดอาชีพการค้าแข้ง 21 ปี รวมถึงสถิติการยิง 77 ประตูจาก 92 นัดกับทีมชาติบราซิล ครองดาวซัลโวสูงสุดของทัพแซมบ้าร่วมกับเนย์มาร์

นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของฉายา ‘ไข่มุกดำ’ และเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถึง 3 สมัย ในปี 1958, 1962 และ 1970

ก่อนจะเสียชีวิต ‘เปเล่’ ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาแบบประคับประคอง ภายหลังจากถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเจ้าตัวต้องรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไหร่นัก

และต่อมาวันที่ 29 ธ.ค. 65 ได้มีการยืนยันข่าวเศร้าอย่างเป็นทางการว่า ‘เปเล่’ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบหลังต่อสู้กับอาการป่วยมาอย่างยาวนาน ตามการยืนยันของ เคลลี คริสตินา นาสซิเมนโต ลูกสาวของเขา

‘เมืองโบราณศรีเทพ’ มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 4 ของไทย

การประกาศขึ้นทะเบียน ‘เมืองโบราณศรีเทพ’ เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 4 ของไทย  เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา ได้สร้างความปลื้มปีติยินดีแก่คนไทยทั้งประเทศ 

โดยความภาคภูมิใจนี้ เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่เล็งเห็นความสำคัญและคุณค่าของเมืองโบราณศรีเทพ จึงได้เสนอขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อพิจารณาให้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2562 

โดยขอขึ้นทะเบียน เมืองโบราณศรีเทพ และแหล่งต่อเนื่อง จำนวน 3 แหล่ง ได้แก่…

>> เมืองโบราณศรีเทพ
>> โบราณสถานเขาคลังนอก
>> โบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ได้จัดทำเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพขึ้นบัญชีแหล่งมรดกโลกฉบับสมบูรณ์แล้วเสร็จ นำส่งยังศูนย์มรดกโลก หรือ UNESCO 

หลังจากนั้น สภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) ส่งผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจประเมินเมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อพิจารณาพื้นที่และองค์ประกอบว่าสอดคล้องกับเอกสารหรือไม่ มีคุณค่าสำหรับชาวโลก มากน้อยเพียงใด และสมควรที่ชาวโลกจะช่วยกันอนุรักษ์หรือไม่ เมื่อเดือนกันยายน 2565

จากความพยายามเมื่อปี 2562 มาจนถึงปัจจุบัน ผลของการทำงานตั้งแต่รัฐบาลลุงตู่ ก็ประสบความสำเร็จ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียน ‘อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ’ เป็นแหล่งมรดกโลกภายใต้ชื่อ ‘เมืองโบราณศรีเทพและโบราณสถานทวารวดีที่เกี่ยวเนื่อง’ (The Ancient Town of Si Thep and its Associated Dvaravati Monuments) นับว่าเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 4 ของประเทศไทย

ระยะเวลากว่าที่ ‘เมืองโบราณศรีเทพ’ จะได้รับเลือกเป็น ‘มรดกโลก’ ต้องผ่านห้วงเวลายาวนานถึง 4 ปี

สำหรับประวัติของเมืองโบราณศรีเทพ ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2447 หรือประมาณ 118 ปีที่ผ่านมา ‘สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ’ ทรงค้นพบเมืองโบราณศรีเทพ ที่ถูกทิ้งร้างอยู่กลางป่า โดยแต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า ‘เมืองอภัยสาลี’ ต่อมา สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พบเมืองโบราณขนาดใหญ่ใกล้กับเมืองวิเชียรบุรี ซึ่งเมืองวิเชียรบุรีนั้น มีชื่อเดิมว่า ‘เมืองท่าโรง’ และ ‘เมืองศรีเทพ’ จึงทรงมีพระวินิจฉัยว่า ชื่อเมืองโบราณแห่งนี้ น่าจะเป็นต้นเค้าของการเรียกชื่อเดิมของเมืองวิเชียรบุรีว่า ‘เมืองศรีเทพ’

ต่อมากรมศิลปากร ได้ทำการสำรวจขึ้นทะเบียนอนุรักษ์และพัฒนา จนกระทั่งจัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 2527 ซึ่งตลอดเวลาดังกล่าว ได้มีการศึกษาวิจัย โดยนักวิชาการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญของเมืองโบราณแห่งนี้ จึงมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ดำเนินงานอนุรักษ์และพัฒนาเมืองโบราณศรีเทพอย่างต่อเนื่อง

ไม่เพียงเท่านี้ ปัจจุบันประเทศไทย ยังได้นำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อขึ้นบัญชีเบื้องต้นแหล่งมรดกโลก (Tentative List) ซึ่งคาดว่าจะเข้าที่ประชุมมรดกโลกของยูเนสโกในปี 2567 อีกด้วย อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี

ก็หวังว่าจะได้ยินข่าวดีอีกครั้งในเร็ววัน!!

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ

ภาพยนตร์ไทยฟีเว่อร์ ‘สัปเหร่อ-ธี่หยด’ โกยรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท

ปีนี้ถือเป็นปีทองของภาพยนตร์ไทยจริง ๆ ดูได้จากกระแสคนไทยพร้อมใจซื้อตั๋ว ตบเท้าเข้าโรงภาพยนตร์กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงครึ่งปีหลังปี 66 ที่ ‘สัปเหร่อ’ และ ‘ธี่หยด’ เข้าฉาย ก็ปลุกกระแสชมภาพยนตร์ไทยในโรงฯ ให้กลับมามีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น แถมทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวถึงยังเดินหน้าทุบสถิติในรอบ 10 ปีอีกด้วย

หากจะนิยามว่า…ปีนี้ ‘ภาพยนตร์ไทย’ กลายเป็น Product ที่สร้างรายได้ให้กับโรงภาพยนตร์เป็นกอบเป็นกำ ก็คงไม่ผิดนัก!! เพราะด้วยเสน่ห์และรสชาติที่ถูกใจคนดู ทำให้ทั้ง ‘สัปเหร่อ’ และ ‘ธี่หยด’ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ถูกพูดถึงและเรียกคนเข้ามาดูในโรงภาพยนตร์ได้ไม่ยาก

เริ่มจาก ‘สัปเหร่อ’ กำกับโดย ‘ต้องเต ธิติ ศรีนวล’ เป็นผลงานภาคแยกของจักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์ ซึ่งจะถ่ายทอดวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเชื่อของภาคอีสาน ให้มองเห็นคุณค่าของการมีชีวิต ทำทุกอย่างให้เต็มที่ และดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุด 

โดยเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นในหมู่บ้านโนนคูณในจักรวาลไทบ้าน เล่าถึงชีวิตของ ‘เจิด’ (นฤพล ใยอิ้ม) หนุ่มวัย 25 ปีที่เรียนจบกฎหมาย หวังไปสอบเป็นทนายหรือปลัดอำเภอ แต่พ่อ (อัจฉริยะ ศรีทา) ที่ทำอาชีพสัปเหร่อมีอาการป่วย เขาจึงต้องมาช่วยทำงานแทน ทั้งที่กลัวผีมาก 

และอีกด้านหนึ่ง เล่าชีวิตของ ‘เซียง’ (ชาติชาย ชินศรี) ชายหนุ่มที่ยังทำใจไม่ได้ เพราะแฟนเก่า ‘ใบข้าว’ (สุธิดา บัวติก) ได้เสียชีวิตไป จึงพยายามหาวิธีด้วยการศึกษาทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อที่จะได้พบเธอในโลกหลังความตาย แต่กลับไปพบพ่อของเจิดที่รอการทำพิธีถอดจิตไปโลกความฝัน ซึ่งพ่อเจิดเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำพิธีถอดจิต เลยนำมาสู่ข้อแลกเปลี่ยน เซียงต้องมาช่วยเจิดทำอาชีพสัปเหร่อ โดยสุดท้ายแล้วนั้น…ทุกอย่างมีเวลาของมัน เพราะมันคือธรรมชาติของความจริง ทุกคนเรียนรู้ เข้าใจการยื้อ และการเสียคนที่รักไป

หลังจากสัปเหร่อเข้าฉาย ก็กลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมาก และส่งผลออกมาเป็นรูปธรรมผ่านการสร้างรายได้แบบถล่มทลาย เพราะหลังจากเข้าฉายเพียงแค่ 25 วัน ก็ทำเงินแตะ 700 ล้านบาทแล้ว อีกทั้ง ยังขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงที่สุดในรอบ 8 ปีด้วย 

นอกจากนี้ ยังมีแผนโกอินเตอร์เข้าฉาย 9 ประเทศในทวีปเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ไต้หวัน, มาเลเซีย, เมียนมา, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเชีย และกัมพูชา บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ 

อีกหนึ่งภาพยนตร์กระแสแรงก็คือ ‘ธี่หยด’ ภาพยนตร์ไทยแนวสยองขวัญ ที่ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อ ‘ธี่หยด’ แว่วเสียงครวญคลั่ง ของ กฤตานนท์ หรือ คุณกิตติศักดิ์ กิตติวิรยานนท์ ผู้เป็นบุตรชายเจ้าของเรื่องราว เล่าถึงความลึกลับชวนขนลุกของเสียง ’ธี่หยด‘ ที่ถูกเขียนเล่าบนกระทู้พันทิปจนกลายเป็นนิยายดัง ก่อนที่คุณกิตจะนำมาเล่าอีกครั้งในรายการ The Ghost Radio ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย ‘คุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา’

‘ธี่หยด’ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน พ.ศ. 2515 โดย ‘หยาด’ (เจลีลชา คัปปุน) และครอบครัวอาศัยอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลแถบ จ.กาญจนบุรี ช่วงหน้าหนาว ‘แย้ม’ (รัตนวดี วงศ์ทอง) ซึ่งเป็นน้องสาวของหยาด เกิดอาการป่วย ประจวบเหมาะกับมีเรื่องราวประหลาด ที่เด็กสาวในหมู่บ้านเริ่มทยอยกันเสียชีวิตปริศนา และหลังจากที่แย้มเผชิญหน้ากับหญิงชุดดำปริศนาที่อาศัยโดดเดี่ยวอยู่กลางป่า ชีวิตแย้มก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

ซึ่งความประหลาดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ช่วงเวลายามค่ำคืน คนในครอบครัวเริ่มได้ยินเสียงพูดแปลก ๆ จากแย้มแว่วว่า "ธี่หยด...ธี่หยด..." ขณะเดียวกันกับที่พี่ชายคนโต ‘ยักษ์’ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) กลับบ้านเกิดหลังจากปลดประจำการทหาร จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้แย้มหายจากอาการประหลาด และทำให้ครอบครัวมีชีวิตรอดไปจากเสียงเพรียกสยองยามค่ำคืน

เพียงเข้าฉายแค่ 1 วัน ธี่หยดก็สร้างรายได้ทั่วประเทศ 39 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินร้อยล้านไวที่สุดแห่งปี ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน และโกยรายได้ 500 ล้าน ภายใน 20 วัน 

งานนี้โกยทั้งเงิน ทั้งคำชม และสร้างเสียงหลอนให้คนเอาไปเล่าขานจนสยองทั่วทั้งประเทศกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ 2 เรื่องที่หยิบยกมาแล้ว ก็ยังมี ‘4 Kings 2’ ภาพยนตร์สะท้อนปัญหาสังคม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์เรื่องราวระหว่างสถาบันอาชีวะ นักเรียนตีกัน และคำว่า ‘ครอบครัว’ ซึ่งก็ทำรายได้แตะ 200 ล้านภายใน 2 สัปดาห์

ก็หวังว่ากระแส ‘ชมภาพยนตร์ในโรงฯ’ จะยังคงอยู่ และช่วยให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโตมากยิ่งขึ้น เพราะแรงกำลังสำคัญของวงการนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ บทดี ผู้กำกับเก่ง แล้วจะประสบความสำเร็จ แต่ต้องมีแรงหนุนจากผู้ชมด้วย 

และจะดียิ่งขึ้นหาก ‘รัฐบาล’ เข้ามาหนุนหลัง ปั้นให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์หลักของประเทศ ถึงตอนนั้น เราอาจจะได้เห็นภาพยนตร์ไทยเข้าชิงรางวัลระดับโลกก็ได้!!

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ
 

‘สงกรานต์’ เทศกาลระดับโลก มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

ย้อนกลับไปวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นข่าวดีส่งท้ายปีสำหรับคนไทย เมื่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก พิจารณาประกาศขึ้นทะเบียน ‘สงกรานต์ในประเทศไทย’ (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ในที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 18 ที่เมืองคาเซเน สาธารณรัฐบอตสวานา

สำหรับคำว่า ‘สงกรานต์’ มาจากภาษาสันสกฤต ที่มีความหมายว่า ‘การเปลี่ยนผ่านของดวงดาว’ หรือ ‘การเปลี่ยนแปลง’ โดยเชื่อว่าในวันสงกรานต์ เป็นช่วงเวลาการเคลื่อนย้ายของจักรราศี อีกนัยหนึ่งก็คือการเคลื่อนสู่ปีใหม่ ทำให้คนไทยยึดถือวันสงกรานต์เป็น ‘วันขึ้นปีใหม่ไทย’ มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะในอดีตประเทศสยามใช้วันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ทางการจนกระทั่ง พ.ศ. 2431 ประกาศให้วันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 เมษายน จากนั้นใน พ.ศ. 2484 จึงเปลี่ยนเป็นวันที่ 1 มกราคมมาจนถึงทุกวันนี้

เทศกาลสงกรานต์เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยที่มีความสวยงามและเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู ความสนุกสนาน และความอบอุ่น จากกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การเล่นน้ำ ประแป้ง รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ ยิ่งใครที่อยู่ห่างไกลครอบครัว ก็จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเฉลิมฉลองและกล่าวคำอวยพรให้แก่กัน ดังนั้น ปัจจุบันปฏิทินไทยจะกำหนดให้เทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการ

สำหรับคนที่เกิดและเติบโตในไทย ก็คงคุ้นเคยกับเทศกาลนี้เป็นอย่างดี โดยแต่ละวันก็มีความหมายแตกต่างกันดังนี้

วันที่ 13 เรียกว่า ‘วันมหาสงกรานต์’ หมายถึง วันที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอีกครั้ง หลังจากผ่านเข้าสู่ราศีอื่น ๆ จนครบ 12 เดือน อีกทั้ง รัฐบาลได้กำหนดให้เป็น ‘วันผู้สูงอายุแห่งชาติ’

วันที่ 14 เรียกว่า ‘วันเนา’ แปลว่า วันอยู่ หมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอันเป็นราศีตั้งต้นปีเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว และรัฐบาลได้กำหนดให้เป็น ‘วันครอบครัว’

วันที่ 15 เรียกว่า ‘วันเถลิงศก’ เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ถือเป็นวันเริ่มศกใหม่ การกำหนดให้อยู่วันนี้ ก็เพื่อให้แน่ใจว่าดวงอาทิตย์โคจรขาดจากราศีมีนมาสู่ราศีเมษแล้วอย่างน้อย 1 องศา

นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ นับเป็นเทศกาลที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดย ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ได้กำหนดแผนงานซอฟต์พาวเวอร์ ปี 2567 เล็งผลักดันการเล่นน้ำสงกรานต์ตลอดทั้งเดือนเมษายน หวังทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลก

นอกจากเล่นน้ำในวันสงกรานต์ 13-15 เมษายนแล้ว ยังมี ‘วันไหล’ ที่มักจะจัดหลังวันสงกรานต์ประมาณ 5-6 วัน โดยสถานที่เด่น ๆ ที่เรามักจะเห็นกันก็คือ วันไหลบางแสน, วันไหลพัทยา, วันไหลพระประแดง, วันไหลระยอง และวันไหลชลบุรี

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ
 

‘YG Ent.’ เผย 4 สาว BLACKPINK ไม่ต่อสัญญาเดี่ยว แต่ต่อสัญญาสำหรับทำกิจกรรมในนามวงเท่านั้น

(29 ธ.ค. 66) สำนักข่าวเกาหลีได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า YG Entertainment กล่าวในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า “สวัสดี นี่คือ YG Entertainment เมื่อเร็ว ๆ นี้ YG ได้ลงนามในสัญญาขยายเวลาสำหรับกิจกรรมกลุ่มของ BLACKPINK และเราได้ตกลงกันที่จะไม่ดำเนินการทำสัญญาแยกต่างหากสำหรับกิจกรรมเดี่ยวของแต่ละเมมเบอร์ เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของ Blackpink และเราจะสนับสนุนกิจกรรมส่วนบุคคลของสมาชิกอย่างอบอุ่น”

ทั้งนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน สาวเจนนี่ หนึ่งในสมาชิกก็เพิ่งคอนเฟิร์มด้วยตัวเองว่าเธอนั้น ขึ้นแท่น CEO เปิดค่ายตัวเอง ชื่อ ‘ODD ATELIER’ โดยแจ้งข่าวให้แฟน ๆ ได้ทราบว่า “สวัสดี นี่คือ เจนนี่ ปีนี้เต็มไปด้วยความสำเร็จมากมาย

และฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความรักทั้งหมดที่ฉันได้รับ ฉันยังตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ในขณะนี้ฉันได้เริ่มต้นการเดินทางในฐานะศิลปินเดี่ยว (โซโล่) ในปี 2024 กับบริษัทที่ฉันก่อตั้งชื่อว่า OA โปรดแสดงความรักอย่างมากมายสำหรับการเริ่มต้นใหม่ของฉันกับ OA (ODD ATELIER) และแน่นอน BLACKPINK ด้วย ขอบคุณ”

31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ปิดตำนาน 11 ปี ‘สายการบินไทยสมายล์’ ให้บริการ 4 เที่ยวบินสุดท้ายก่อนยุติบทบาท

วันนี้ 31 ธันวาคม 2566 ‘สายการบินไทยสมายล์’ จะเปิดให้บริการเป็นวันสุดท้าย และจะให้บริการเพียง 4 เที่ยวบินไป-กลับสุดท้าย พร้อมส่งต่อลูกค้าและการปฏิบัติการบินให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ดูแลต่อตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นไป

โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจควบรวมสายการบินไทยสมายล์ โดยระบุว่า พร้อมดูแลลูกค้าของสายการบินไทยสมายล์ให้ได้รับความสะดวกสบายอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจฯ ตามแผนฟื้นฟูกิจการ และโอนย้ายการปฏิบัติการบินและบริการต่าง ๆ ทั้งหมดจากไทยสมายล์ไปยังการบินไทย ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เว็บไซต์ thaismileair.com ได้ปิดให้บริการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 66 ขณะที่ศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Smile Contact Center) จะให้บริการจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566 เช่นเดียวกับเที่ยวบินของไทยสมายล์ภายใต้โค้ดการบิน WE จะทำการบินวันสุดท้ายในวันที่ 31 ธ.ค.66 โดยมีเที่ยวบินไป-กลับ 4 เที่ยวบินสุดท้าย ประกอบด้วย

- เที่ยวบิน WE249 เส้นทางกรุงเทพฯ - กระบี่ เวลา 18.25 น.
- เที่ยวบิน WE250 เส้นทางกระบี่ - กรุงเทพฯ เวลา 20.20 น.

- เที่ยวบิน WE046 เส้นทางกรุงเทพฯ - ขอนแก่น เวลา 19.40 น.
- เที่ยวบิน WE047 เส้นทางขอนแก่น - กรุงเทพฯ เวลา 21.10 น.

- เที่ยวบิน WE136 เส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงราย เวลา 18.50 น.
- เที่ยวบิน WE137 เส้นทางเชียงราย - กรุงเทพฯ เวลา 20.50 น.

- เที่ยวบิน WE267 เส้นทางกรุงเทพฯ - หาดใหญ่ เวลา 18.40 น.
- เที่ยวบิน WE268 เส้นทางหาดใหญ่ - กรุงเทพฯ เวลา 20.45 น.

สำหรับ บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด หรือ สายการบินไทยสมายล์ ก่อตั้งขึ้นโดย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในปี 2555 ในช่วงแรกไทยสมายล์ให้บริการเส้นทางบินในประเทศเป็นหลัก ก่อนที่จะขยายเส้นทางระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน จีน ไต้หวัน และอินเดีย

1 มกราคม ‘วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ’ เจ้านายพระองค์สำคัญในอดีต

วันที่ 1 มกราคม นอกจากจะเป็นวันขึ้นปีใหม่แล้ว ยังถือเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพเจ้านายพระองค์สำคัญในอดีตด้วยเช่นกัน ดังนี้

1 มกราคม พ.ศ. 2423 ถือเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 

1 มกราคม พ.ศ. 2407 วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นพระราชมารดาของรัชกาลที่ 6

และ 1 มกราคม พ.ศ. 2434 วันพระราชสมภพ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็น​สมเด็จพระบรมราชชนกในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (รัชกาลที่ 8) และพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และเป็นสมเด็จพระบรมอัยกาธิบดีในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) นอกจากนี้ยังเป็น ‘พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน’ อีกด้วย

30 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ‘ซัดดัม ฮุสเซน’ อดีตประธานาธิบดีอิรัก ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

เมื่อ 17 ปีที่แล้ว หรือ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ‘ซัดดัม ฮุสเซน’ อดีตประธานาธิบดีแห่งประเทศอิรัก ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

ย้อนเวลากลับไป ‘ซัดดัม ฮุสเซน’ เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการก่อรัฐประหารในอิรัก ช่วงปี พ.ศ. 2511 โดยทำให้พรรคบะอัธ ที่เขาเป็นหัวหน้าพรรค ก้าวขึ้นสู่อำนาจในระยะยาว พร้อมกับที่ตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานาธิบดี หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2522 เขาก็ก้าวเข้ามาเป็นประธานาธิบดีในที่สุด

‘ซัดดัม ฮุสเซน’ กลายเป็นที่จับตาของผู้คนทั้งโลก ในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย (พ.ศ. 2534) จากการที่อิรักบุกยึดครองประเทศคูเวต เป็นเหตุให้เหล่าประเทศพันธมิตร ที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ต้องนำกองกำลังทหารเข้าจัดการ สงครามครั้งนั้นกินระยะเวลาราว 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่ากองกำลังของซัดดัมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ก็ยังมีผลพวงของสงครามที่ถูกลากยาวต่อมาอีกหลายปี

ไฟแห่งสงครามครั้งนั้น สิ้นสุดลงจริง ๆ เมื่อราวปี พ.ศ. 2538 ก่อนที่ในเวลาต่อมา ซัดดัมจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีจากสหรัฐฯ และฝ่ายพันธมิตร พร้อมกับถูกจับกุมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2546 เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ผู้พิพากษาศาลอิรัก ก็สั่งลงโทษประหารชีวิต ซัดดัม ฮุสเซน จากคดีสังหารหมู่ชาวชีอะห์ 148 ราย โดยเขาถูกประหารชีวิตด้วยการถูกแขวนคอในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2549 หรือวันนี้เมื่อ 17 ปีก่อนนั่นเอง

2 มกราคม พ.ศ. 2551 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์

ครบรอบ 16 ปี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเป็นพระธิดาองค์เดียวในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เสด็จกลับประเทศไทยใน พ.ศ. 2493 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงแนะนำให้ทรงงานเป็นครู จึงทรงเป็นสมเด็จอาจารย์ ทรงสอนภาษาฝรั่งเศสในหลายมหาวิทยาลัย และตามเสด็จสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั่วประเทศ ทั้งด้านการศึกษา การแพทย์ การพยาบาล การสาธารณสุข และการสังคมสงเคราะห์

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่อเนื่อง ทรงคุณูปการต่อสังคมไทยเป็นที่ประจักษ์ เมื่อทรงเจริญพระชนมายุ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน ทรงพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า ‘สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์’ เนื่องจากทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่อเนื่อง ทรงคุณูปการต่อสังคมหลายด้าน เป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หน่วยงาน องค์กรหลายแห่ง ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหรียญรางวัล และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติศักดิ์หลากหลายสาขา

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประทับรักษาพระอาการประชวรครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550 และสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 สิริพระชนมายุ 84 พรรษา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top