Saturday, 10 May 2025
Lite

‘ไอซ์ ปรีชญา’ ลบรูป-อันฟอลแฟนหนุ่มลูกครึ่งเกลี้ยงไอจี ขึ้นจอดำพร้อมโพสต์ภาพถาม “ใบบัวบกแก้ช้ำในไหม?”

(4 ก.ค. 66) เพิ่งจะหวานออกสื่อ หลังควงคู่ออกรายการแชร์เรื่องราวความรักกันไปได้ไม่นาน ล่าสุด ‘ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร’ ทำแฟนคลับอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเจ้าตัวโพสต์ภาพจอดำ และต่อมาได้โพสต์ภาพผ่าน IG Story ขณะกำลังถือขวดยาแคปซูลสมุนไพรบัวบก พร้อมกับแคปชันว่า…

“แก้ช้ำ (รูปอีโมจิหัวใจสีขาว)” และตั้งคำถามว่า… “แก้ช้ำในไหม?” พร้อมกับคำตอบ “ใช่” หรือ “ไม่” และใส่เพลง ‘ความรักไม่ง่าย’ ประกอบ

เมื่อชาวเน็ตเข้าไปส่องโซเชียลของไอซ์ ปรีชญา ก็พบว่า ไอซ์ได้ลบรูปคู่ที่โพสต์กับแฟนหนุ่มลูกครึ่งอย่าง ‘สเตฟาน อิสเลอร์’ หมดเกลี้ยงอินสตาแกรม พร้อมกับอันฟอลโลว์ฝ่ายชายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่อินสตาแกรมของอีกฝ่ายยังมีรูปคู่และกดติดตามดาราสาวอยู่ตามปกติ

‘หนิง ปณิตา’ แจงคู่กรณีไม่มาตามนัด ยัน!! เรียกค่าเสียหายตามเดิม ปมหย่าอดีตสามีต้องขอเวลาคุยก่อน เพราะห่วงความรู้สึกลูกสาว

(4 ก.ค.66) ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ‘หนิง ปณิตา’ ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหายจากบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นข่าวกับสามี ‘จิน จรินทร์’ เดินทางมาที่ศาลซึ่งนัดไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย โดย ‘หนิง’ ได้มาพร้อมกับทนายความส่วนตัวและน้องสาว ‘แนน ชุมพิชา’ แต่ทางคู่กรณีไม่ได้มาด้วยตัวเอง ส่งทนายความส่วนตัวมา แต่ขออนุญาตทางศาลวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ซึ่งศาลไม่อนุญาต โดย ‘หนิง’ ได้เปิดเผยว่า

ยังคงยืนยันคำเดิมเดินหน้าเรียกค่าเสียหาย ส่วนเงื่อนไขไม่ขอลงรายละเอียดแต่มั่นใจในหลักฐานที่มี ซึ่งศาลนัดสืบพยานวันที่ 4 ต.ค. 66 ถ้าไม่มาตามนัดศาล มีสิทธิ์แพ้คดี และหากคู่กรณีขอโทษด้วยความจริงใจที่ไม่มีอะไรแอบแฝงก็อาจจะคุยกันได้

ส่วนดรามาธัญญ่าเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้ทั้งคู่นั้น ‘ธัญญ่า’ เป็นแค่คนส่งสารที่อีกฝ่ายฝากมาบอก และที่มีข่าวว่า ‘จิน จรินทร์’ เป็นคนหาทนายให้คู่กรณีนั้นขอไม่พูดถึง แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดที่สุด

สำหรับรูปครอบครัวที่น้องณิรินโพสต์ลงอิสตาแกรมส่วนตัว คือการทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ดีที่สุด หลังจากนี้จะทำอะไรจะตัดสินใจช้าๆ เพื่อให้กระทบความรู้สึกของลูกน้อยที่สุด ส่วนเรื่องหย่าอดีตสามีขอเวลาคุยกับลูกก่อนเพราะห่วงความรู้สึกของลูก

‘4MIX’ แท็กทีม ‘แอลลี่’ โชว์เดือด!! บนเวที SAWASDEE DC ยกระดับ T-POP เฉิดฉาย ทำเอาแฟนอินเตอร์ปลื้มปริ่ม!!

(4 ก.ค. 66) วง 4MIX จากค่าย 411Records (โฟร์ วัน วัน เรคคอร์ด) มีสมาชิก 4 คน ได้แก่ นินจา-จารุกิตต์ คำหงษา, แมกก้า-ณัฐภัทร ดีเลิศตระกูล, โฟล์คซอง-ชนินทร บุญรอด และ จอร์จ-ราเมศวร์ เกียรติสุขอุดม ที่เคยสร้างชื่อเสียงที่เม็กซิโกในฐานะ T-POP มาแล้ว สร้างความฮือฮาอีกครั้งพร้อมแท็กทีม แอลลี่-อชิรญา นิติพน จากค่าย 411MUSIC ไประเบิดความมันส์นำความแซ่บของผลงานเพลงไทยและเอกลักษณ์ไทยไปสร้างความปังบนเวทีงาน SAWASDEE DC เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ กรุงวอชิงตัน โดยงานจัดขึ้นเพื่อรำลึก 190 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-ประเทศไทย 

สำหรับภายในงานมีคนไทยและคนวอชิงตันมาร่วมงานหมื่นกว่าคน ทำให้บรรยากาศคึกคัก แฟนๆ ร้องเต้นไปกับ 4MIX และแอลลี่อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้ง 2 ศิลปินได้ขึ้นโชว์ 2 รอบ ทั้งรอบเช้าและรอบเย็น งานนี้สร้างความประทับใจให้ชาววอชิงตันปลื้มปริ่มจน #4MIXxALLYinDC ติดเทรนทวิตเตอร์ นอกจากจะมอบความสุขให้คนที่มาดูล้นหลามแล้ว 4MIX และ แอลลี่ ก็ขนความสุขความประทับใจนี้กลับเมืองไทยเช่นกัน 

‘เวสป้า’ ถูกค่ายดังฟ้อง 12 ล้าน หลังร้องเพลงที่ตัวเองแต่ง ลั่น!! ขอสู้เต็มที่ เหลือแค่เอาชีวิตไปเท่านั้นถึงจะหยุดร้องได้

เมื่อวานนี้ (4 ก.ค. 66) เวสป้า อิทธิพล เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา นักแต่งเพลงชื่อดัง ร้องเข้ามาที่เพจโหนกระแส หลังถูกค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ จากการร้องเพลงที่ตนเองแต่งตามงานต่างๆ โดยเจ้าตัวมองว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับตนและกับนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง ที่ไม่สามารถร้องเพลงที่ตัวเองแต่งได้

เจ้าตัวบอกว่า ถูกฟ้องเรียกเงิน 12 ล้าน ซึ่งเท่าที่ตามเจอพบว่าถูกฟ้องไว้ 3 คดี แต่คาดว่าน่าจะมีอีกหลายสิบคดี ในหลากหลายพื้นที่ ตามแต่ว่าไปเล่นที่ไหน ซึ่งเวสป้าลั่นวาจาว่า ตนจะไม่หยุดร้องเพลงของตัวเอง มีแค่เอาชีวิตของตนไปเท่านั้นถึงจะหยุดได้ ยืนยันว่าจะสู้เต็มที่ หากตนแพ้คดี ตนยินดีจะจ่ายค่าเสียหายเต็มจำนวน

ที่ผ่านมา นักแต่งเพลงมากมาย ไม่เคยได้รับเงินส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะถูกนำไปแสดงสด หรือส่วนแบ่งจากสตรีมมิงใดๆ ไม่เคยได้ส่วนแบ่งจากสิทธิ์เหล่านี้ นักแต่งเพลงจำนวนมากต้องเดือดร้อน ยากจน ไม่มีเงิน หลายคนตายไปแบบไม่มีเงินซื้อโลงศพด้วยซ้ำ ตนยืนยันว่าการออกมาสู้ครั้งนี้ หวังให้เป็นคดีประวัติศาสตร์ เพื่ออาชีพนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง

สำหรับ เวสป้า เป็นเจ้าของเพลงสุดฮิต และเขียนเพลงดังเอาไว้มากมาย อาทิ 100เหตุผล, เป็นชู้ไม่รู้ตัว, ไม่อาจเปลี่ยนใจ, โลกทั้งใบให้นายคนเดียว, เจ็บแปลบ ฯลฯ

‘ไอซ์ ปรีชญา’ โพสต์ภาพชูสองนิ้ว บอกตัวเองสู้ไปด้วยกัน หลัง ‘วูบหมดสติ’ จนถูกหามส่งโรงพยาบาลเข้าห้องไอซียู

(5 ก.ค. 66) หลังจากที่ทำตกใจกันถ้วนหน้าเมื่อมีข่าวว่า ‘ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร’ วูบหมดสติ จนต้องนำตัวหามส่งโรงพยาบาล พร้อมกับเข้า ICU เป็นการด่วน พร้อมใส่เครื่องช่วยหายใจ

ซึ่งสาเหตุการวูบหมดสติครั้งนี้ก็น่าจะมาจากความเครียด สาเหตุเพราะมีหลายปัญหาที่รุมเร้า ไล่มาตั้งแต่คดีไซยาไนด์ที่กรมโรงงานจะฟ้องร้อง จนเป็นเหตุให้งานต่างๆถูกยกเลิก หรือเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดจนกว่าจะเคลียร์คดีจบ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ค่าใช้จ่ายที่สะเทือนเต็มๆ ประกอบกับแฟนหนุ่ม ‘สเตฟาน’ ก็มีปัญหากัน ทำให้ภาวะซึมเศร้ากำเริบหนัก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และเอาแต่ร้องไห้ จนเกิดอาการวูบหมดสติในที่สุด

ล่าสุดดูเหมือนเจ้าตัวพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยได้อัปเดตไอจีสตอรี่ชู 2 นิ้ว พร้อมข้อความว่า “ไอซ์เราจะสู้ไปด้วยกันนะไอซ์”

งานนี้แฟนๆได้แต่แคปภาพหน้าจอไปโพสต์ให้กำลังใจผ่านสื่อโซเชียล พร้อมกับขอให้เจ้าตัวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ด้วย

‘แอนนี่ บรู๊ค’ อัปเดตชีวิตแม่ค้าออนไลน์ หลังปัญหาธุรกิจรุมเร้า พ้อ!! “เพราะลูกชาย ถึงทำให้อดทนได้ขนาดนี้”

(5 ก.ค. 66) ‘แอนนี่ บรู๊ค’ นักแสดงหญิง ที่ยังทำธุรกิจทางด้านออนไลน์ด้วยนั้น ได้โพสต์ข้อความอัปเดตเรื่องราวชีวิต บนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า

“ความไว้เนื้อเชื่อใจในการทำมาค้าขายเป็นสิ่งสำคัญ ปีที่แล้วตั้งแต่ต้นปีหนักหนามาก เป็นคนมีปัญหาแล้วไม่ค่อยพูด ชอบจัดการปัญหาคนเดียวเงียบๆ

ปีที่แล้วทั้ง supplier ทั้งบริษัทฟูฟิวส์เมนท์ (โกดังแพ็คของ) และคนใกล้ตัว ต่างเรียงหน้ากันเข้ามาสร้างปัญหาในธุรกิจ อาจจะเพราะด้วยเราไม่รู้เรื่องจึงโดนหนักหน่อย โชคดีที่เป็นคนที่ไม่ดื้อ เมื่อรู้ว่าไม่ไหวก็คือพอ และสะสางแก้ปัญหาทั้งหมด ไม่ให้ใครมาว่าเราได้ทีหลัง โลกออนไลน์มันรวดเร็วถ้าเราทำเสียลูกค้า ทุกอย่างก็จะไม่เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ต่อไปเขาก็ซื้อแค่ครั้งเดียว

ปีนี้ ตั้งแต่ต้นปีใช้ตัวเองเป็นต้นทุน ดูแลรักษารูปร่างหน้าตา จึงมีงานต่องาน ตั้งใจทำงานให้กับเจ้าของแบรนด์ทุกแบรนด์ 

ฟื้นฟูจิตใจอยู่นาน ผิดหวังเล็กน้อยกับผู้คน แต่ไม่คิดล้มเลิก ยังคงขายของเป็นปกติแต่ในแพลตฟอร์มอื่น เพียงแค่ไม่ได้ Live สดเท่านั้น ขอบคุณที่ยังติดตามถามไถ่นะคะ ไม่ได้หายไปไหน วันไหนฟ้าสดใส เราก็คงจะได้หัวเราะเอิ๊กอ๊าก หน้า Live สดกันอีกที จะว่าไปเวลา set up หน้า Live สดคนเดียวนี่คือเหนื่อยมาก ติดตั้งเองคนเดียวและเก็บคนเดียวทุกอย่างเลยปังเวอร์ เก่งกว่าแม่ก็แค่ซุปเปอร์แมนละหล่ะ”

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้คนเข้าไปให้กำลังใจจำนวนมาก ขณะที่ ทนายเจมส์ ก็ได้เข้าไปคอมเมนต์ด้วยว่า “สุดยอดครับ” ซึ่งแอนนี่ก็ได้ตอบว่า “เพราะ ดช.ฑี นั่นล่ะค่ะ ถึงทำให้อดทนได้ขนาดนี้”

‘แพรรี่’ ฟาด!! คนต่อต้าน ‘พระเขื่อน’ ปมกล่าวหาเป็น ‘บัณเฑาะก์’ ลั่น!! เป็นการบวชที่มีพระวินัยรองรับ ย้ำ!! ไม่ใช่เรื่องของชาวเน็ต

(5 ก.ค. 66) ก่อนหน้านี้มีประเด็นดรามา ‘เขื่อน KOTIC’ หรือเขื่อน ภัทรดนัย บวชเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ หลายคนได้ตั้งคำถามว่า พระเขื่อนบวชได้หรือ โยงดรามาบัณเฑาะก์ ซึ่งคำว่า บัณเฑาะก์ หรือบุรุษลักเพศ หมายถึง คนเพศบกพร่อง ซึ่งคนเพศบกพร่อง ในที่นี้หมายถึง คนที่มีความเบี่ยงเบนโดยกำเนิด คือ เขามีใจเป็นหญิงจนไม่สามารถข่มความเป็นหญิงนั้นได้เลย หรือคนแปลงเพศ หรือมีหน้าอกเหมือนสตรีแล้วนั่นเอง เทียบกับขันทีในยุคก่อน หรือมีเพศสองอย่างในคนเดียว

เดือดร้อนไปถึงพระผู้ใหญ่ที่ต้องออกมาชี้แจง ประเด็นนี้ว่า “แต่ถ้าหากบุคคลที่ต้องการบวชนั้น เป็น บุรุษเพศสมบูรณ์ หรือ บ่งว่าเป็นบุรุษ ก็สามารถบวชได้ ไม่ได้เกิดปัญหาแต่อย่างใด”

ต่อมาเมื่อวานนี้ (4 ก.ค. 66) แพรรี่ หรือไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระที่ผ่านกระแสโซเชียลมามาก ได้ออกมาโพสต์ฟาดประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า

“มึงจะไปต่อต้านเขาทำไมคะ ในเมื่อเขาบวชภายใต้กฎเกณฑ์ที่พระวินัยให้การรับรอง เขาไม่ได้บวชภายใต้ความเห็นชอบจากชาวเน็ตอย่างมึงนะคะ

สงสัยอะไรก็ศึกษาเลยค่ะ ดิฉันเคยพูดไปหลายทีแล้วว่า เรื่องบัณเฑาะก์เนี่ย ท่านมีอธิบายไว้ชัดเลย ในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา (คัมภีร์อธิบายพระวินัย) 

ซึ่งในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ระบุไว้ชัดว่า ในบัณเฑาะก์ 5 ประเภทนั้น บัณเฑาะก์ที่ห้ามการอุปสมบทอย่างเด็ดขาด มีแค่ 2 ประเภทเท่านั้น คือ 1.) บุคคลที่ถูกตอนอวัยวะเพศไปแล้ว (ปัจจุบันอาจหมายถึงคนที่แปลงเพศด้วย) กับ 2.) บุคคลผู้มีความบกพร่องทางอวัยวะเพศ (ระบุไม่ได้ว่าเป็นเพศไหน)

ถ้าถึงขั้นนี้ยังไม่กระจ่างก็ให้ไปดูในฎีกาวิมติวิโนทนี (คัมภีร์อธิบายความสมันตปาสาทิกาอีกชั้นหนึ่ง) ซึ่งพระฎีกาจารย์ท่านก็เขียนไว้ชัดเช่นกันว่า ที่บอกว่า 2 ประเภทนี้ ไม่ห้ามการบรรพชา นั่นก็คือหมายถึง อนุญาตการอุปสมบท

ศาสนาพุทธในเมืองไทยเป็นเถรวาทนะคะ ดังนั้นหากมีข้อสงสัยใดๆ ในพระธรรมวินัย ข้อสงสัยนั้นๆ ย่อมต้องตรวจสอบด้วยข้ออรรถข้อธรรม ซึ่งมีการอธิบายไว้ชัดในคัมภีร์ชั้นต่างๆ

ที่สำคัญเลย ดิฉันอยากจะบอกให้ทราบว่าการบวชจริงๆนั้น เป็นแต่เพียงขั้นตอนของการรับรองค่ะ มีพระอุปัชฌาย์เป็นผู้นำพาและรับผิดชอบในตัวกุลบุตรต่อหมู่สงฆ์ มีหมู่สงฆ์เป็นสักขีพยานในการรับรู้ถึงการมีอยู่ของภิกษุใหม่

การบวชไม่ใช่เรื่องของชาวเน็ตนะคะ พักก่อน ศาสนาให้พื้นที่กับผู้คนในการฝึกหัดขัดเกลาอุปนิสัยค่ะ บัณฑิตไม่ติเตียนใครอย่างปราศจากปัญญานะคะ

ภิกษุดีเลวไม่ได้วัดกันที่ว่าก่อนบวชมีพฤติกรรมอย่างไรค่ะ แต่วัดกันที่ว่าบวชแล้วครองตนอย่างไรต่างหาก

ปาราชิกข้อแรกมาจากพระผู้ชายนะคะ ไม่ได้มาจากพระบัณเฑาะก์ ฝากไว้ให้คิด แต่ถ้าจะไม่คิดก็แล้วแต่ จบ”

‘หนิง ปณิตา’ ไฟลุกกลางดึก!! เปิดโฉมหน้ามือที่สาม หลังเพจข่าวลงภาพหลานสาว หวั่นคนเข้าใจผิด

(5 ก.ค. 66) กำลังเป็นประเด็นดังเกี่ยวกับการหย่าร้างของ ‘หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ’ กับ ‘จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ’ เหตุเพราะมีมือที่ 3 จนต้องฟ้องร้องเรียกเงินฐานทำลายชีวิตครอบครัว ล่าสุดเพจข่าวหนึ่งได้ลงภาพ ‘จิน’ คู่กับหลานสาว จึงทำให้ ‘หนิง’ ต้องออกมาชี้แจงพร้อมชี้เป้าตัวจริงแบบหน้าชัดๆ โดยระบุว่า

“ตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเพื่อนส่งข่าวด้านล่างนี้มา ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ชี้แจงนะคะ รูปบนทางขวามือคือ ‘หลานสาว’ ที่สนิทที่สุดของหนิงค่ะ มีการนำรูปหลานสาวหนิงมาลง (จริงๆมีรูปอีกเยอะเลยที่สามารถนำมาลงได้นะคะ) หนิงเกรงว่าจะทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดกันค่ะว่ารูปนี้คือคู่กรณีของหนิง หลานหนิงกำลังเป็นวัยรุ่นและอยู่ในวัยเรียนที่ต้องยอมรับว่าสังคมเราทุกวันนีักำลังเสพ Social อย่างหนักมาก หลานและครอบครัวหลานซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหนิงไม่ควรจะต้องมาเกี่ยวและโดนกระทบในเรื่องนี้เลยค่ะ ขอโทษหลานสาวและครอบครัวด้วยค่ะที่ต้องเข้ามาพัวพันและอาจทำให้โดนเข้าใจผิด และเพื่อไม่ให้เป็นการเข้าใจผิด ที่ถูกต้องคือ ‘รูปล่างค่ะ’ ”

พร้อมกับข้อความเพิ่มเติมว่า “สมัยนี้สังคมบูลลี่ที่ รร คือเยอะมาก ไม่เป็นผลดีกับน้องและครอบครัวเลยที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และมานั่งตอบคำถาม รูปมีอีกเยอะเลยที่จะเลือกมาทำข่าว ครั้งนี้ใครจะว่าใจร้ายก็ขอน้อมรับค่ะ”

เรียกได้ว่าเดือดไม่พักไม่แผ่วหลังจากเพิ่งเดินทางไปขึ้นศาลกันเลยทีเดียว

‘ไวตามิน เอ’ ปลื้ม!! เพลงมองนานๆ กลับมาคืนชีพอีกครั้ง หลัง ‘FLI:P’ เอาไปคัฟเวอร์ใหม่ จนดังทั่วบ้านทั่วเมือง!!

(5 ก.ค. 66) มองนานๆ คนสวยต้องมองนานๆ กลับคืนชีพอีกครั้ง สำหรับเพลงมองนานๆ จังหวะสนุกๆ ชวนโยกตามของเจ้าพ่อขาแดนซ์ยุค 90 อย่าง ‘ไวตามิน เอ’ หรือ ‘อิทธิพลธนินทร์ เดชฤกษ์ปาน’ ที่ตอนนี้ถูกคัฟเวอร์ใหม่ ดังทั่วบ้านทั่วเมืองฮิตจนเกิดเป็นไวรัล

ล่าสุดมีโอกาสได้เจอกับ ‘ไวตามิน เอ’ เจ้าตัวได้เผยความรู้สึกกับทีมข่าวว่า "กับกระแสเพลงมองนานๆ กลับมาอีกครั้ง เพราะมีน้องๆวง FLI:P เอามาคัฟเวอร์จนเป็นไวรัล รู้สึกดีใจมาก เพลงมันนานไปแล้ว มีน้องๆเอาเพลงไปทำใหม่ให้กลับมาอีกครั้ง และดังในติ๊กต๊อกหลายประเทศมาก ที่เห็นผ่านตามีทั้ง แอฟริกา จีน เกาหลี แถบยุโรป อเมริกา ส่วนคนไทยก็ถล่มทลาย

ยังมีคนจำได้เวอร์ชั่นที่เป็นออริจินอล มีทักอยู่ แต่ก็มีหลายคนไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร ดีใจ ถือว่าดีใจในฐานะเบื้องหลังคนทำเพลง ไม่น้อยใจนะ เพราะมีหลายคนก็กลับเข้ามาฟังเพลงออริจินอลในยูทูป ดูจากยอดวิว แค่ยอดวิวเพิ่มขึ้นก็ดีใจแล้ว มีโอกาสได้เจอกับน้องวง FLI:P ตามรายการ น้องเขาก็มาขอบคุณ เราก็บอกว่าเอาเพลงไปทำให้ดี ดีใจด้วยที่น้องมีชื่อเสียงมากขึ้น

ตอนนี้มีแพลนทำเพลงใหม่ ทำให้เพลงทันสมัยขึ้น และทำโรงเรียนสอนดีเจได้ 12-13 ปีแล้ว ทำเพลงเบื้องหลัง ยังรับงานคอนเสิร์ตอยู่ แต่ปีนี้ไม่ได้มีแพลนคอนเสิร์ต แต่มีเพลงใหม่แน่นอน"

‘หลุยส์ ปาสเตอร์’ นักเคมีชาวฝรั่งเศส ทดสอบวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสำเร็จ

วันนี้ เมื่อ 138 ปีก่อน หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) นักเคมีชาวฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จในการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นครั้งแรก โดยใช้รักษาให้กับเด็กชาย โจเซฟ เมสเตร์ (Joseph Meister) วัย 9 ขวบ 

ในสมัยนั้น โรคพิษสุนัขบ้าแม้ว่าจะไม่ใช่โรคระบาดที่ร้ายแรงแต่ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนมาก เพราะเมื่อผู้ใดที่ถูกสุนัขบ้ากัดแล้วต้องเสียชีวิตทุกราย สัตว์ที่ป่วยด้วยโรคนี้ก็จะต้องตายโดยไม่มีวิธีรักษาหรือป้องกันได้เลย 

จากการค้นคว้าปาสเตอร์พบว่าเชื้อสุนัขบ้าอยู่ในน้ำลาย ดังนั้นเมื่อถูกน้ำลายของสุนัขที่มีเชื้อโรคอยู่ไม่ว่าจะถูกเลียหรือถูกกัด เชื้อโรคในน้ำลายก็จะซึมเข้าไปทางแผลสู่ร่างกายได้ 

ปาสเตอร์ได้นำเชื้อมาเพาะวัคซีน แล้วนำไปทดลองกับสัตว์ ปรากฏว่าได้ผลเป็นอย่างดี แต่เขาก็ยังไม่กล้านำมาทดลองกับคน จนกระทั่งวันหนึ่งเด็กชายเมสเตร์ถูกสุนัขบ้ากัด ไหน ๆ ก็จะต้องตายอยู่แล้ว พ่อแม่จึงได้นำบุตรชายมาให้ปาสเตอร์ทดลองรักษา ปรากฏว่าเด็กน้อยไม่ป่วยเป็นโรคสุนัขบ้า การค้นพบครั้งนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้น 

จากนั้นในปี พ.ศ. 2431 ปาสเตอร์ได้ก่อตั้ง "สถาบันปาสเตอร์” (Pasteur Institute) ขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้ขยายสถาบันปาสเตอร์ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในประเทศไทยใช้ชื่อว่า “สถานเสาวภา” ก่อตั้งในปี 2455 โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ปัจจุบันเป็นหน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top