Saturday, 10 May 2025
Lite

‘เบสท์ คำสิงห์’ แย้ม มีดาราชายเข้ามาจีบ ก้อย-นัตตี้-ดรีม รู้จักดี เชียร์ให้ลองเปิดใจ

เป็นอีกหนึ่งสาวที่โสดมาได้สักพักแถมสวยขึ้นมาก สำหรับ ‘เบสท์ รักษวนีย์ คำสิงห์’ ลูกสาว สมรักษ์ คำสิงห์ ที่ล่าสุดเธอกลับมาเยือนรายการในยูทูบของ ‘ก้อย นัตตี้ ดรีม’ อีกครั้งในรอบ 3 ปี ก็ออกมาเปิดใจผ่านรายการ ‘ยังไงไหนเล่า’ ถึงบทเรียนความรักที่ผ่านมาว่า…

“ไม่มี หนูพูดมาตลอดว่าไม่ได้เรียกว่าเรียนรู้ เพราะเราแค่เรียนรู้จากผู้ชายคนหนึ่ง แค่คนนั้นที่เป็นแฟนเก่าแต่เราไม่ได้เรียนรู้ทั้งชีวิตเราเพราะว่าคนใหม่ก็คือคนใหม่”

เมื่อถามถึงสเปคอยากได้คนแบบไหน เบสท์บอกว่าชอบคนดูดี ที่ไม่ได้แปลว่าหล่อ แต่บางคนไม่ได้หล่อมากหรือน่ารักมากแต่ดูแล้วมันดูดี ทำเอาก้อยออกอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ 

เบสท์เผยต่อว่า “เอาง่าย ๆ มีผู้ชายคนหนึ่งทักหนูมาแล้วเขาเคยออกช่องพี่ก้อย หนูเลยบอกพี่ๆ ว่า เฮ้ย มีคนเคยออกช่องพี่ทักหนูมานะ ตอนแรกไม่ตอบเพราะไม่รู้จัก พอดูรายการก็เลยรู้จัก ได้คุย”

ด้านก้อยบอกว่าถ้าอยากรู้ก็ต้องไปเดากันเอง ไปย้อนดูคลิปกันเอง งานนี้ทั้ง 3 สาวขอทายบ้าง แต่ทายเท่าไหร่ก็ไม่ถูก จนเบสท์เฉลยให้ ทำเอา ก้อย นัตตี้ ดรีม อ๋อ อึ้ง พร้อมเชียร์ว่า คนนี้น่ารัก และเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะได้ทำความรู้จัก

เมื่อเบสท์ถูกถามว่าไปกินข้าวกันมาหรือยัง เบสท์บอกว่า ยัง เพราะไม่ว่าง ถ้าว่างปุ๊บไปเลย 

ด้านนัตตี้ก็บอกว่า ให้มันค่อยๆ ไป ใจเย็นๆ

เบสท์บอกหลังจากจบรักครั้งล่าสุดไป ด้านครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไรกับคนถัดไป ส่วนปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นเธอเผยว่า พ่อแม่เป็นคนรู้ก่อน เพราะพ่อรู้จักคนเยอะ พ่อจะรู้แต่ไม่บอกเรา

“พ่อแม่ไม่ยุ่งไม่บอกเรา จนเลิกกันแล้วค่อยมาบอก ช่วงอกหักไม่เสียใจเลย แต่เสียใจช่วงที่ให้โอกาสมากกว่า ช่วงลังเลมันจะเจ็บกว่าตอนที่เด็ดขาด”

เมื่อถามว่าอกหักเสียใจไหม เบสท์บอก ไม่เสียใจเลย ไม่ร้องไห้แม้แต่นิดเดียว พร้อมบอกว่า

“เหมือนเราให้โอกาสแล้วจะเสียใจกว่าตอนเลิก ช่วงที่ลังเลจะเจ็บกว่าตอนที่เดือดขาด”

ควันหลง 'ทีมราชนาวี' หลังพลาดแชมป์วอลเลย์ถ้วย ข. พร้อมขอบคุณแฟนๆ และผู้ใหญ่ใจดี THE STATES TIMES

แพ่พ่ายไม่สำคัญ 'กำลังใจด้านกีฬา' ยิ่งใหญ่กว่า!! THE STATES TIMES ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทีมวอลเลย์บอลชายกองทัพเรือ ในนาม 'ราชนาวี' เข้าแข่งขันวอลเลย์บอล ซีเล็ค ประชาชน ข. ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2566

แม้จะแข่งเสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับรายการแข่งขันวอลเลย์บอล ซีเล็ค ประชาชน ข. ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ต้องบอกว่า การแข่งขันในครั้งนี้นักกีฬาทุกทีมเล่นกันอย่างเต็มที่ จนแฟนคลับประทับใจ และสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการลูกยางไทยได้อย่างมากกันเลยทีเดียว 

สำหรับปีนี้ ทีมตัวเต็งอย่าง ทีมวอลเลย์บอลชายราชนาวี ที่สร้างชื่อเสียงในวงการวอลเลย์บอลมายาวนาน พกพาสถานะแชมป์การแข่งขันวอลเลย์บอล ซีเล็ค ประชาชน ข. ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2565 ได้กลับมาลงป้องกันแชมป์ในปี 2566 อีกครั้ง

ทว่าปีนี้ ทีมราชนาวี ก็พลาดท่า หลุดกรอบตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แม้จะทำผลงานได้ดี แต่ด้วยรูปทีม ซึ่งไร้ตัวผู้เล่นชุดแชมป์จากปีที่ผ่านมา ที่ต้องกลับไปรับใช้สโมสรต้นสังกัด ทำให้จังหวะจะโค่นในการโกยแต้มไม่เป็นดั่งหวัง

ก็นะ!! ถือเป็นเรื่องธรรมดาของเกมกีฬา มีแพ้ มีชนะ สลับกันไป ปีนี้พลาดแชมป์ ปีหน้าเอาใหม่!! แต่ยังไงปีนี้ก็ขอขอบคุณแฟนๆ รวมถึง THE STATES TIMES สำนักข่าวออนไลน์เพื่อคนรุ่นใหม่ที่ช่วยเป็นสปอนเซอร์แก่ทีมราชนาวี มา ณ โอกาสนี้ด้วย

U Forests Cafe ร้านกาแฟสุดชิล กลางฟีลธรรมชาติ พิกัดเช็กอินใหม่แห่งระยอง ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องลอง

สุดสัปดาห์นี้ หลายคนอาจจะกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยว ที่จะขับรถไปพักผ่อนในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ THE STATES TIMES ขอแนะนำ 

U Forests Cafe ร้านกาแฟสุดชิล ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่ เป็นอาคารออกแบบผสมผสานชั้นเดียว มีดาดฟ้าภายในโอ่โถง พร้อมกับที่นั่งด้านนอก ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ สุดอลังการ กับ หินลีลาขนาดใหญ่ ที่ถูกจัดวางท่ามกลาง ต้นไม้หายากขนาดใหญ่ โดยมีต้นมะขาม 5 คนโอบ มีอายุมากกว่า 200 ปี รวมถึง ต้นกันเกรา อายุกว่าร้อยปี และ ต้นไม้หายากอีกหลากหลายกว่าร้อยต้น พร้อมสัมผัสบรรยากาศร่มรื่น กับน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ เสียงน้ำที่ตกกระทบหิน เสมือนกับได้ไปนั่งอยู่ริมน้ำตกธรรมชาติจริง ๆ ด้านหลังน้ำตกยังมีถ้ำม่านหมอกให้เข้าไปสัมผัส นอกจากนี้ ยังมีสะพานไม้ให้เดินชมความงดงามได้ทั่วพื้นที่

ร้าน U Forests Cafe แห่งนี้เกิดจากแรงบันดาลใจภายใต้ความสมบูรณ์แบบของธรรมชาติ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีความสมบูรณ์ของพื้นที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โดยดึงเอา Elements ของความเป็นพื้นที่สีเขียวที่รายล้อมไปด้วยทิวเขา ต้นไม้ น้ำตก ป่าชายเลน รวมถึง Movement ที่พลิ้วไหวของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่รวมกันอย่างเป็น ‘วัฏจักร’ ประกอบกับสัญลักษณ์ของความเป็นเมืองท่าอย่างเรือรบหลวง ประแส ที่จอดอยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟแห่งนี้ ร้าน U Forests Cafe เปิดให้บริการคอกาแฟ และนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ สามารถเดินทางมาจิบกาแฟและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในบรรยากาศที่ผ่อนคลายได้แล้ว

‘ท่านทองล้น’ ท้าวเวสสุวรรณทรงราหู วัดเขาช่องลม ลองไปกราบไหว้ ไม่แน่เศรษฐีใหม่อาจเป็นคุณ

วัดเขาช่องลม จังหวัดชลบุรี เป็นวัดราษฎร์ในตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย สร้างโดยนายเชาวน์ จิตต์อารีย์ ให้ที่ดินแก่พระอธิการเหลือ ปัญญฺวโร (เจ้าอาวาสรูปแรก) ในปี พ.ศ. 2532

ภายในวัดเขาช่องลม มีท้าวเวสสุวรรณทรงราหู (ท่านทองล้น) ความสูง 9.9 เมตร และพระอุโบสถที่ตั้งบริเวณตีนเขา วัดนี้เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านและผู้คนนิยมไปไหว้ท้าวเวสสุวรรณ เพื่อขอพร โชคลาภ และคาถาบูชา โดยมีการจุดประทัดแก้บนอย่างสม่ำเสมอ ในปี พ.ศ. 2565 ได้มีการเบิกเนตรและจัดงานบวงสรวงพระเกจิชื่อดังให้กับท้าวเวสสุวรรณ

ในช่วงนี้จะมีประชาชน นักท่องเที่ยวเดินทางไปสักการะองค์ท่านทองล้น กันอย่างหนาแน่นทุกวัน เป็นอีกหนึ่งพิกัดยอดฮิตของสายมูเลยก็ว่าได้ เนื่องจาก มีข่าวว่าท่านทองล้น ได้ให้โชคมีผู้ถูกรางวัลที่ 1 ได้รับเงินถึง 30 ล้านบาท 3 งวดติดด้วยกัน หลังจากที่ไปกราบไหว้สักการะ ท้าวเวสสุวรรณ (ท่านทองล้น)

การเดินทางมาที่ วัดเขาช่องลม จังหวัดชลบุรี นั้นก็ง่ายมาก ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพ เพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น วัดเขาช่องลม ตั้งอยู่ในตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ห่างจากทางหลวงหมายเลข 7 (แยกแม่กิมบ๊วย) ประมาณ 25 กิโลเมตร และห่างจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว 20 กิโลเมตร ที่วัดแห่งนี้ มีที่จอดรถให้บริการภายในวัดด้วย สะดวกสบายมาก 

‘น้องอีฟ BK Idol’ จิกส้นสูง เดินรันเวย์แบบสับ หน้าเป๊ะ-จริตปัง-เสียงหวาน ครบเครื่องจนมงลง!!

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 66 โลกออนไลน์แห่แชร์คลิปวิดีโอสุดปังที่สร้างความฮือฮาอย่างมากในขณะนี้ จากผู้ใช้ TikTok ชื่อ ‘alexaroy_d888’ ที่ได้โพสต์คลิปของ น้องธนพัชร์ แฮร์ริส หรือ ‘น้องอีฟ’ นักเรียนลูกครึ่งไทยออสเตรเลีย ผู้เข้าประกวดโครงการ ‘BK Idol’ ของโรงเรียนบึงกาฬ ที่มาในชุดเสื้อ-กางเกงนักเรียน ปล่อยผมยาวสลวย จิกส้นสูง เดินเปิดตัวด้วยจริตนางงามตัวลูก แบบแซ่บ แบบสับ อินเนอร์มาเต็มแบบพร้อมชิงมง

โดยนอกจากจริตการเดินแบบสับของน้องอีฟจะสร้างความฮือฮาแล้ว สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ความสวย หน้าเป๊ะ แบบลอยมาของเธอ ที่หลายคนชมเป็นเสียงเดียวกันว่า “น้องสวยมากกกก” ลุคอินเตอร์สุด อยากให้มีแมวมองปั้นน้องประกวดนางงามต่อถึงมงใหญ่อย่างเวทีมิสทิฟฟานี่เลย

สำหรับการประกวด BK Idol ในครั้งนี้ น้องอีฟได้รางวัลรองชนะเลิศมาครอง โดยนอกจากจริตเดินสุดปังของน้องแล้ว ยังมีคลิปที่น้องโชว์ความสามารถในการร้องเพลงด้วย ซึ่งคนที่ได้ชมต่างก็ชมเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียงหวานมาก ครบเครื่องมากจริงๆ พร้อมเชียร์ให้น้องสู้ในเส้นทางการประกวดต่อไป

‘เวสป้า’ แถลงปมถูกอดีตต้นสังกัดฟ้อง 12 ลบ. หลังฟ้องเรียกค่าลิขสิทธิ์แต่งเพลง 18 เพลง 5 ลบ.

ก่อนหน้านี้ ที่นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง ‘เวสป้า วงสเตอ’ หรือ ‘อิทธิพล เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา’ ออกมาไลฟ์เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนถูกอดีตต้นสังกัดฟ้อง 12 ล้าน เหตุละเมิดลิขสิทธิ์เพลงที่ตัวเองแต่ง โดยเป็นเจ้าของผลงานเพลงดังอย่าง ร้อยเหตุผล, ไม่อาจเปลี่ยนใจ, ทุกวินาที, โลกทั้งใบให้นายคนเดียว, เจ็บแปลบ และอีกมากมาย

ล่าสุด วันนี้ (7 ก.ค. 66) เวสป้า พร้อมด้วยทีมทนาย ได้ตั้งโต๊ะแถลงปมถูกอดีตต้นสังกัดฟ้องร้อง ว่า "ผมเขียนเพลงให้กับทุกค่าย ประมาณ 500 เพลง ตั้งแต่อายุ 12 ไม่เคยเซ็นสัญญาที่เป็นขายขาดกับใคร 

ศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงาน จะมีกฎหมายสร้างสรรค์และคุ้มครองสิทธิ์ให้กับศิลปินตามมาตรา15 ศิลปินเพลงจะมีสิทธิ์อยู่ 50 สิทธิ์ที่ 1. คือมีสิทธิ์ทำซ้ำ ดัดแปลง สิทธิ์ที่ 2. คือ สิทธิ์เผยแพร่ต่อสาธารณะชน สิทธิ์ที่ 3. คือให้เช่าต้นฉบับสำเนา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เราจะเห็นว่าหลัง ๆ บางค่ายซื้อเอ็มวีของบางค่ายไปเปิด พอหมดสัญญาก็จบกัน สิทธิ์ที่ 4. ก็คือลิขสิทธิ์ก็เป็นต่อของผู้อื่น สิทธิ์ที่ 5.ก็เป็นสิทธิ์อนุญาตตามข้อ 123

ผมจะให้ดูสัญญาเพลงที่แท้จริง ที่คนสงสัยว่าผมเซ็นอะไร กับทางบริษัท จริง ๆ ไม่ใช่บริษัทเดียว แต่ทุกบริษัทก็เป็นแบบนี้ สัญญายุคนั้นจะมีแค่หน้าเดียวเท่านั้น ดูว่าเอกสารนี้ทำขึ้นโดยบริษัทอาร์เอส กับผม อิทธิพล เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา มาดูที่ว่ามีเพลงอะไรบ้าง คือนี้ผมเซ็นสองเพลงคือ ด้วยไอรัก กับ ไม่อาจเปลี่ยนใจ ผมไม่เคยขายลิขสิทธิ์ขาดนะครับ ผมย้ำอีกครั้งนึง เรามาดูข้อที่สองก่อนนะครับผู้ขาย ตกลงขายลิขสิทธิ์เนื้อร้อง ดังกล่าวตามข้อหนึ่ง อัตราเพลงละ 5,000 บาท

ข้อที่สองคือการซื้อขายนี้ ผู้ซื้อมีสิทธิ์จะนำ เนื้อร้องทำนองดังกล่าวไปผลิตเป็นแผ่นเสียง และนำไปทำโสตทัศนวัสดุ ขึ้นมาจำหน่ายในนามของผู้ซื้อเอง และข้อ 4 คือนำสัญญาว่าจ้าง จะไม่นำสิทธิ์เนื้อลองนี้ไปขายใครอีก ถ้าผิดสัญญาผมก็ต้องเสีย 100,000 บาท 

เห็นไหมว่าลิขสิทธิ์ที่ผมเปิดให้ดู 5 สิทธิ์บริษัทได้จากผมไปแค่ 2 สิทธิ์ดัดแปลง คือสิทธิ์ทำซ้ำดัดแปลง โสตทัศนวัสดุ เพื่อออกจำหน่ายเท่านั้นและมิหนำซ้ำนะครับ ยังมีข้อตกลงตอนท้ายอีกว่าหากผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เนื้อร้องตามสัญญานี้นำเพลงหนึ่งเพลงใดไปให้คนอื่นร้อง เพื่อไปบันทึกเสียงโสตทัศนวัสดุ จะยินยอมตอบแทนให้แก่อีกเป็นจำนวนครั้งละ 5,000 บาท แต่ผู้ขายมีหน้าที่มารับค่าตอบแทนด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าถ้าผมไม่ไปรับด้วยตัวเองก็จะไม่ได้ แล้วก็มีลายเซ็นถูกต้อง จะเห็นได้ว่าอีก 3 สิทธิ ยังอยู่กับผม

เราถูกละเมิดการจัดเก็บลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ผับบาร์ คาราโอเกะ ห้องอาหาร สตรีมมิ่ง ผมจะบอกว่าสตรีมมิ่งจะกันค่าลิขสิทธิ์เอาไว้ ที่บอกให้รู้ ผมเป็นกรรมการบริษัทเอ็มซีที ลิขสิทธิ์ดนตรีแห่งประเทศไทยมาหลายสมัยด้วยการเลือกตั้ง

ผมอยากโดนฟ้อง เพราะปกติค่ายเพลงจะฟ้องคนที่ร้อง แต่ผมเขียนเพลงด้วย ผมโดนฟ้อง เพราะผมฟ้องเขาก่อน เรารวมตัวกัน 30 กว่าคน เราพยายามยื่นเรื่องไปที่ต่าง ๆ กรมทรัพย์สินทางปัญญา

โดน 12 ล้าน จากต้นสังกัด 3 คดี คืองานไหลที่ชลบุรี งานนั้นร้อง 10 กว่าเพลง ถ้าจำไม่ผิดโดนปรับเพลงละ 4 แสน ละมีไปร้องที่ปลาทูแช็ก เขาลงคลิปเต็มในยูทูบ อันนี้โดนไป 2 กรณี ร้องที่ร้านด้วย และไปเผยแพร่ และอีกคดีไม่แน่ใจ 

สัญญาเพลงเหมือนกันแต่ละปี ไม่เคยเหมือนกันเลย ในยุคที่อยู่อาร์เอส ไม่มีสิทธิ์เผยแพร่ แต่ยุคที่อยู่อาร์สยาม มีระบุว่ามีสิทธิ์เผยแพร่ สัญญาในแต่ละปีค่ายเพลงก็จะปรับตัว จากหน้าเดียวก็จะเป็นสองหน้า สามหน้าเพื่อให้มีการรัดกุมมากขึ้น เพราะว่ามันก็จะมีการฟ้องกันของครูเพลงต่าง ๆ พอบางคดีแพ้เขาก็จะมีการปรับขึ้นมา เราไม่ได้คู่สัญญานะ หลาย ๆ ค่ายที่เราไปเซ็น ไม่ได้คู่สัญญาเลย เขาจะเก็บเป็นฝ่ายเดียว แต่บังเอิญว่าผมไปแอบถ่ายเอาไว้ ผมเลยมีสัญญา 

ความคืบหน้าคดีที่เป็นของตัวเอง จะเป็นเดือนกันยายน ฟ้องเขา เรืองละเมิดสิทธิ์เผยแพร่ต่อสาธารณะชน 18 เพลง คือทนายเราก็เก่ง ไม่ต้องฟ้องทั้งหมด เพราะงานผมมีกว่า 200 กว่างาน จะได้ขึ้นความกันง่ายหน่อย พยานต่าง ๆ ก็จะขึ้นกัน ก็จบเร็วหน่อย คือถ้าผมหลุดก็หมายความว่าพี่น้องเราหลุด เรียกค่าเสียหาย 18 เพลง 5 ล้านบาท นี่เป็นเหตุผลให้เขาฟ้องกลับ

ถามว่ามีไกล่เกลี่ยกันบ้างหรือยัง ตอนนี้ก็มีพี่ชายคนนึง เป็นคนกลางได้ติดต่อมาแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยกันจริงจัง คำว่าเรียกร้องอยากได้ส่วนแบ่ง ไม่ใช่สักทีเดียว เพราะเป็นสิ่งที่เราควรได้ ค่ายเพลงละเมิดนักแต่งเพลง แต่เราไม่เคยรู้ จนมีคนที่เก่ง ๆ มาชี้ทาง เพราะเราไม่ได้เซ็นขายขาด เรารู้ว่าเราได้ด้วยกัน เราได้มาตลอดตั้งแต่เทปซีดี พอเป็นดิจิทัลทำไมเราไม่ได้ 

ถามว่าที่ฟ้องมีโอกาสชนะยังไง มันเป็นของผมแน่นอน รอให้ศาลตัดสิน ผมยินดีเจรจาพูดคุย แต่ให้พี่น้องผมทุกคนยอมรับได้ ผมไม่ขอเอาตัวรอดคนเดียว ผมอยากให้มีผู้ใหญ่รับรอง"

ด้านทนาย เผยว่า "ทีมกฎหมายมองว่าเขามีสิทธิ์มากกว่านั้น เวลาศาลท่านพิจารณาหรือพิพากษาคดี ไม่ได้มองที่หัวสัญญา ว่าสัญญานี้ขายสิทธิ์ขาด หรือเป็นแบบไหน ถ้าจะต้องพิจารณาถึงเจตนารมณ์ คู่สัญญาว่ามีประสงค์อย่างไร ที่เราดูจากข้อเท็จจริง มันไม่ได้เป็นการขายสิทธิ์ขาด ไม่ได้เป็นการโอนสิทธิ์ไปทั้งหมด

จริง ๆ สิทธิ์เขามีมากกว่านั้น ส่วนประเด็นที่สองในฐานะนักกฎหมาย ลิขสิทธิ์เจตนาของเขาคุ้มครอง ศิลปิน สร้างสรรค์ แต่วันนี้ทุกท่านจะเห็นเลยว่า ศิลปิน กลับถูกเอากฎหมายที่คุ้มครองเขา มาทำร้ายตัวเขาเอง นักกฎหมายไม่ได้ต่างกับศิลปิน ศิลปินผมคุยกับพี่ครั้งแรก พี่เวสป้าบอกว่า เพลงมันเหมือนเป็นเหมือนลูกพี่ แต่วันนี้พี่ถูกลูกพี่มาทำร้ายเอง นักกฎหมายก็เช่นกันกฎหมายมีเจตนาคุ้มครอง ความยุติธรรมแต่วันนี้สิงหาโดนเราใช้กฎหมายไม่ได้มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้"

9 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ‘ไมค์ ไทสัน’ ถูกปรับ 3 ล้านดอลลาร์ พร้อมถูกแบน จากเหตุการณ์ช็อกโลกกัดหู ‘อีแวนเดอร์ โฮลิฟิลด์’

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ‘ไมค์ ไทสัน’ เจ้าของฉายามฤตยูดำ ถูกปรับเงิน 3 ล้านดอลลาร์ พร้อมถูกยึดใบอนุญาตชกมวย จากเหตุการณ์ช็อกโลกกัดใบหู ‘อีแวนเดอร์ โฮลิฟิลด์’ ในการชกชิงแชมป์โลก รุ่น เฮฟวีเวท

ซึ่งชนวนเหตุ เริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ไมค์ ไทสัน หรือที่ทั่วโลกรู้จักเขาในฉายา มฤตยูดำ ต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งที่ 2 ในการชกมวยอาชีพ ด้วยน้ำมือของ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ด้วยการถูกน็อกในยก 11 พร้อมกับทำให้ ไทสัน เสียเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวทของสมาคมมวยโลก (WBA) ไปแบบสุดเจ็บช้ำ ซึ่งจากความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น ทำให้ไทสันพยายามที่จะขอรีแมตช์เพื่อแย่งแชมป์โลกคืนมา และในที่สุดทั้งคู่ก็ตกลงดวลกำปั้นกันอีกครั้งในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2540 ที่สังเวียน เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ลาสเวกัส พร้อมกับมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

เมื่อเริ่มยกแรก โฮลีฟิลด์ คู่ปรับเดินหน้าเข้าใส่ทันที และทำได้ดีจนกระทั่งเข้าสู่ยกที่ 2 โฮลีฟิลด์ ได้เอาหัวไปโขกไทสันจนบริเวณตาขวาบวมขึ้นมา แต่กรรมการ มิลล์ เลน ไม่ได้ลงโทษใด ๆ เนื่องจากมองว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งจากอุบัติเหตุครั้งนี้ก็ทำให้ ไทสัน เริ่มออกอาการหัวเสีย

เมื่อเข้าสู่ยกที่ 3 ไทสัน ดูจะฟิวส์ขาดอย่างชัดเจน เพียงแค่ 40 วินาทีสุดท้ายก่อนหมดยก ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคลุกวงในอยู่ ไทสันที่ฟิวส์ขาดจนฉุดไม่อยู่ ก็ได้สร้างเหตุการณ์ช็อกโลก ไทสันแอบคายฟันยางและกัดเข้าที่ใบหูข้างขวาของ โฮลีฟิลด์ จนขาดติดปาก ก่อนจะถ่มลงพื้นเวที ทำเอา โฮลีฟิลด์ กระโดดไปทั่วด้วยความเจ็บปวดปนช็อกที่ไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้บนสังเวียน และการชกก็ต้องหยุดลงไปหลายนาทีเพื่อปฐมพยาบาล 

โดยเมื่อแพทย์ได้ห้ามเลือดและดูบาดแผลแล้วก็ยังอนุญาตให้ชกได้ กรรมการจึงประกาศหักคะแนนไทสัน 2 แต้ม จากการทำผิดกติกาก่อนจะให้ชกกันต่อ แต่ดูเหมือนไทสันจะยังไม่หนำใจ เพราะเขาได้ทิ้งรอยแผลที่หูอีกข้าง ด้วยการกัดไปอีกหนึ่งรอบ ก่อนระฆังจะหมดยก ซึ่งกรรมการ มิลล์ เลน ก็ได้ ปรับให้ไทสันแพ้ฟาวล์ในการกัดหูรอบที่สอง

10 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 วางระเบิด ‘เรนโบว์ วอร์ริเออร์’ เรือของกรีนพีซ ฝีมือ ‘สายลับฝรั่งเศส’

เมื่อปี วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 สายลับของฝรั่งเศส ได้วางระเบิดสองลูกเพื่อจมเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ของกรีนพีซ เป็นเหตุให้ช่างภาพชาวโปรตุเกสเสียชีวิตหนึ่งราย

ย้อนไป วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2528  เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ของกรีนพีซทอดสมออยู่ที่เมืองโอคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อเตรียมความพร้อมออกปฏิบัติการต่อต้านการทดลองนิวเคลียร์ของรัฐบาลฝรั่งเศสที่หมู่เกาะปะการังโมรูรัว

ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน กัปตันพีท วิลล์คอกซ์ และลูกเรือคนอื่น ๆ กำลังจะเข้านอน มีลูกเรือสองสามนายรวมทั้งเฟอร์นานโด เปเรรา ช่างภาพประจำเรือ ยังนั่งคุยและดื่มเบียร์สองขวดสุดท้ายกันอยู่ที่โต๊ะเอนกประสงค์ของเรือ

ทันใดนั้น มีแสงสว่างวาบขึ้น ตามด้วยเสียงกระจกแตก และเสียงโครมของน้ำ ในนาทีแรกพวกลูกเรือคิดว่าเรืออาจถูกเรือโยงชน

หลังจากนั้นก็เกิดระเบิดลูกที่สอง

ลูกเรือที่อยู่บนดาดฟ้าเรือรีบกระโจนขึ้นบันไดหรือกระโดดหลบในที่ปลอดภัยบนท่าเรือ ภายในเวลาไม่กี่นาที พวกเขาเห็นเสากระโดงเรือที่เป็นเหล็กบิดงอไปต่อหน้าต่อตา 

เหตุการณ์ระเบิดได้คร่าชีวิต เฟอร์นานโด เปเรรา ช่างภาพชาวโปรตุเกส ซึ่งเขาขึ้นเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ในฐานะลูกเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ที่มีหน้าที่ถ่ายภาพการทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งศส เพื่อนำไปเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้ประจักษ์ ร่างของเขาพูดน้ำพัดและจมไปในคืนนั้น

แน่นอนว่า เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ไม่ได้ถูกเรือโยงชน แต่เป็นฝีมือสายลับของฝรั่งเศส ที่ได้พยายามขัดขวางแผนการรณรงค์ของเรือ โดยวางระเบิดหุ้มพลาสติกไว้สองลูก ลูกหนึ่งซ่อนไว้ในใบพัด อีกลูกหนึ่งอยู่นอกกำแพงห้องเครื่อง

ในตอนแรก รัฐบาลฝรั่งเศสปฏิเสธการเกี่ยวโยงกับปฏิบัติการนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ชัดเจนว่า รัฐบาลฝรั่งเศสมีส่วนรู้เห็น จนในที่สุดนายโลรองต์ ฟาบัวส์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ปรากฎตัวทางโทรทัศน์และกล่าวกับสาธารณชนว่า “สายลับ DGSE ได้ปฏิบัติการจมเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ทั้งนี้ เป็นปฏิบัติการตามคำสั่ง”

โดมินิเก พริเยอร์ และ อแลงน์ มาฟาร์ต ซึ่งครั้งนั้นอยู่ในสถานะของนักท่องเที่ยวชาวสวิส เป็นสายลับเพียงสองนายที่เข้ารับการไต่สวน และยอมรับในข้อกล่าวหาฆาตกรรมและทำลายทรัพย์สินโดยเจตนา ซึ่งมีโทษจำคุก 10 และ 7 ปี แต่มีการเจรจาในกรอบของสหประชาชาติที่มีผลให้ทั้งสองคนย้ายไปต้องโทษที่หมู่เกาะ Hao ซึ่งเป็นฐานทัพทหารของฝรั่งเศสในเฟรนซ์โปลินิเซีย

และทั้งสองคนได้รับการปล่อยตัวในช่วงไม่ถึงสองปีหลังจากนั้น

คริสติน กาบอง เป็นสายลับอีกหนึ่งคนที่แทรกซึมเข้าไปในสำนักงานของกรีนพีซนิวซีแลนด์ก่อนมีการวางระเบิดที่เรือ เธอหลบหนีก่อนจะถูกจับได้ในอิสราเอลและไม่มีใครเห็นเธออีกเลย ส่วนฌอง-มิเชล แบร์เตโล หนึ่งในนักประดาน้ำสองคนที่เชื่อว่า เป็นผู้วางระเบิด ก็ไม่มีใครพบเห็นเช่นกัน 

คนที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่ท่าเรือโอคแลนด์ ในคืนนั้น ล้วนหายตัวไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย 

‘ยู่ยี่ อลิสา’ ขอโอกาสหวนกลับวงการบันเทิง อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต - เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก

อดีตนางแบบในตำนาน ‘ยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต’ เปิดใจหลังเผชิญชีวิตหลังกำแพงเรือนจำ ในวันนี้เธอพร้อมหวนกลับคืนสู่วงการอีกครั้ง พร้อมเปิดใจความหมายของชีวิตหลังจากผ่านเรื่องหนัก ๆ ทุกเรื่องราว ผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรมากฝีมือ ‘หนูแหม่ม สุริวิภา’ งานนี้ใจพร้อมกายพร้อม อยากกลับมารับงานละครอีกครั้ง 

>>ความหมายของชีวิตหลังจากนี้ ตั้งใจอยากทำอะไร?

ยู่ยี่ อลิสา: ยี่พยายามจะให้มันเป็นไป เราไม่พยายามเปลี่ยนใครที่ไหน หรือว่าให้มันเป็น ไม่อยากเปลี่ยนสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มันผ่านมา อยากอยู่กับมันให้ได้ อยู่กับทุกอย่างให้ได้ คือมีสติอยู่กับปัจจุบัน มันพูดแล้วอาจจะดูตลก แต่ว่ามันช่วยให้เราได้เปิดรับความสุขด้วย ให้อยู่ได้กับความทุกข์ด้วย คืออยู่กับทุกสิ่งให้ได้ แล้วให้คิดว่ามมันคือปกติ นี่คือมนุษย์นี่คือชีวิต มันไม่มีอะไรที่แน่นอน ยั่งยืน ความทุกข์ของเราก็เป็นอย่างนั้น ความสุขของเราก็เป็นอย่างนั้น ให้เห็นว่ามันเข้ามาแล้วมันออกไป นี่คือความสุขของชีวิตของยี่คือการได้ดูตัวเอง ได้พัฒนาตัวเอง มันทำให้ยี่มีความมสุขแล้ว

>>มีอะไรที่อยากทำและไม่อยากทำตอนนี้?

ยู่ยี่ อลิสา: ยี่คิดว่าสิ่งยี่ไม่อยากทำ คือไม่อยากเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับลูกๆ และที่ยี่อยากทำก็คือเป็นแบบอย่างที่ดีๆ ให้กับลูกยี่ค่ะ และเป็นแบบอย่างให้เขา

>>จะกลับมารับงาน หรือเล่นละครมั้ย?

ยู่ยี่ อลิสา: ถ้ามีคนติดต่อมาก็สนใจ ก่อนหน้านี้มีโอกาสได้เจอพี่ฉอด แล้วพี่ฉอดน่ารักมาก ฝากเนื้อฝากตัวไป อยากร่วมงานนะคะ จริง ๆ มีคนบอกยี่ว่าถ้ามีงานติดต่อเข้ามาให้รับไว้ก่อน เพราะเชื่อว่ายี่ทำได้ และยี่ทำได้ดี ซึ่งยี่ก็คิดว่ายี่มีตัวตนที่ชัดเจน ยี่ออกกำลังกายหนักมากเพื่อมีสุขภาพที่ดี ต้องทั้งภายนอกและภายใน และสุขภาพจิตต้องสำคัญ และความคิดเราก็สำคัญมาก

‘เอมี่’ เม้าท์ ‘ซี ศิวัฒน์’ ขึ้นชื่อเรื่องความเป๊ะสุดๆ ออกงานหนึ่งครั้ง จ้างช่างแต่งหน้าทำผมถึง 4 คน

(7 ก.ค. 66) รายการ ‘กินลีอยู่ลี’ โดยหนุ่ม ‘ลี ฐานัฐพ์’ พามาพบกับพี่สาวคนสนิท ‘เอมี่ กลิ่นประทุม’ ชวนมาคุยเรื่องราวชีวิตที่ทั้งขำทั้งฮา และเม้าท์มอยวีรกรรมสุดแสบของคุณสามีสุดที่รัก ‘ซี ศิวัฒน์’ เรื่องความเป๊ะแบบสุด ๆ ทั้งหน้าทั้งทรงผมต้องหล่อพร้อมเสมอ ถึงขนาดใช้ช่างหน้าช่างผมถึง 4 คน พร้อมเผยถึงชีวิตที่เป็นคนปล่อยวางอะไรยากมาก

>>เคล็ดลับวิธีครองรักกัน ?

เอมี่: คือคนอาจเห็นว่าเราจิกกัดด่ากัน แต่จริง ๆ เวลาเราอยู่ด้วยกันที่บ้าน เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นขนาดนั้นหรอก อาจจะด้วยความที่พื้นฐานเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่ก่อนคบกันคือเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แล้วยิ่งนานเข้ามันก็เป็นตัวของตัวเองสุด ๆ มันไม่ต้องแอ๊บ แต่เวลาทำรายการเราก็อยากให้มันตลกโบ๊ะบ๊ะ

>>แต่เห็นว่า พี่ซี เขาให้รางวัลพี่เอมี่ ‘สุราอวอร์ด’ มันเป็นยังไง ?

เอมี่: เดี๋ยวนี้นางไปออกรายการอะไรก็คือแบบชอบเม้าท์เรื่องการปาร์ตี้ของฉัน ซึ่งเราก็ไม่ได้เป็นคนปาร์ตี้หนัก กินแค่นิด ๆ หน่อย ๆ (หัวเราะ) คือแบบเราเป็นคนติดเพื่อน ติดความสนุก

>>ได้ข่าวว่าปีนโต๊ะด้วย พีกสุด ๆ ทำอะไรนอกจากนอนกรนที่พี่ซีบอก?

เอมี่: ว๊าย! ฉันโกรธมากเรื่องนี้ เรื่องกินเหล้าไม่ค่อยเท่าไหร่ หาว่าฉันกรน หลังไมค์นี่คือแบบถ้าทำอีกทีหนึ่งนะ โกรธมาก เพราะว่าซีเป็นผู้ชายที่นอนนิ่งมาก

>>เผาคุณสามีเรื่องความเป๊ะแบบสุดๆ ?

เอมี่: เวลาเราจะไปทำงานใช่ไหม ปกติเอมี่กับซีถ้าทำงานด้วยกัน ช่าง 1 คู่ แล้วก็ทำด้วยกัน คือช่างหน้า 1 คน ช่างผม 1 คน แล้วก็แบ่งกันสามีภรรยา แต่เขาเป็นคนแบบอันนั้นอันนี้ ผมเขาต้องเป็นแบบเป๊ะ ๆ จนเราก็ต้องแยกช่าง ทีนี้คือจะไปไหนที 2 คนผัวเมียใช้ช่าง 4 คน ช่างผม 2 คน ช่างหน้า 2 คนอะไรอย่างนี้ เพราะว่าด้วยเขาเป็นคนเยอะ แล้วก็ไม่ใช่ช่างผมที่ไหนก็ได้ที่จะมาทำผมเขา บางงานที่แบบไม่ได้มีอะไรเลย ไม่ใช่งานยิ่งใหญ่อะไรก็ต้องมีช่างหน้าช่างผม บางทีเราไม่แต่งหน้าแบบปัดคิ้วเองก็ได้นิด ๆ หน่อย ๆ หันไป เอ้า! ทำไมสามีมีช่างหน้าช่างผมมา เยอะกว่าเราอีก หลัง ๆ เราก็เลยต้องจ้างช่างหน้าช่างผมตลอด ไอ้บทจะไม่แต่งก็ไม่แต่งอะไรเลยอยู่ดี ๆ ก็เดินเข้ารายการ คือแบบตาโบ๋ดำอะไรอย่างนี้ เป็นความขัดแย้งกับตัวเองแบบสุด ๆ แล้วอ่ะ 

>>มีเรื่องเครียดอะไรในชีวิตบ้างไหม ?

เอมี่: มี เป็นคนปล่อยวางอะไรในชีวิตยากนะ ถึงชอบอยู่กับเพื่อนอยู่กับอะไร มันจะเป็นการคลายเครียด คืออยู่คนเดียวแล้วบางทีมันคิดอะไรค่อนข้างเยอะ หรือว่าวันไหนที่เราทำงานเยอะ ๆ แล้วเราเหนื่อย การที่ไปนั่งคุยกับเพื่อนนี่คือผ่อนคลาย ช่วงไหนที่เราเครียดเรื่องงาน มีปัญหาครอบครัว หรืออะไรก็แล้วแต่ถ้าเราไปนั่งกับเพื่อนก็จะหายเลย แต่ถ้าเครียดแล้วอยู่คนเดียวก็จะออกกำลังกาย วันไหนที่อารมณ์ไม่ดีจะออกกำลังกายได้นานมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top